TrueID
TH
รีเซต
ผลการค้นหา “Together with Me: The Next Chapter” - ทรูไอดี
ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
อ่าน
Going Doing Together at Surin Islands
Going Doing Together: Mai Ngam beach at Surin Islands“เกาะที่เราไปมาแล้ว 4 ครั้ง” สถานที่ที่เรียกความสนใจและความหลงใหลถึงขั้นที่ทำให้เราไปซ้ำๆกันทุกปีแบบไม่มีเบื่อ ธรรมชาติที่ยังคงความเป็นธรรมชาติไว้แต่ก็แฝงไปด้วยการปรับตัว ความสวยงามที่อาจจะไม่ได้ดีหรือแย่ไปกว่าเกาะไหนๆแต่ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง ความเงียบยามค่ำคืนที่แสนสงบแต่ก็คลอไปด้วยเสียงของคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง กลิ่นไอทะเลกับสายลมที่พัดเข้ามาปะทะร่างกายเหมือนช่วยปัดเป่าความตึงเครียดไปจากเรา ความรู้สึกของผิวกายกระทบกับน้ำทะเลใสที่เหมือนไม่มีอยู่จริงราวกับได้ชำระล้างบางสิ่งบางอย่างออกไป อาจจะไม่มีเหตุผลชัดเจนให้เข้าใจว่าทำไมเราถึงไปซ้ำๆได้แบบไม่มีเบื่อ หรือมันอาจจะเป็นเพียงแค่การหาคำตอบว่าเราจะไปทั้งหมดกี่ครั้ง🌴สถานที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกถึง “การท่องเที่ยวกับธรรมชาติ” ที่ไม่ได้ขัดกันเท่าไหร่นัก ไม่มีการเอาเปรียบฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากจนเกินไป ในความเป็นธรรมชาติ ยังคงความสวยงามและวิถีความเป็นไปตามธรรมชาติได้อย่างงดงาม อาจเรียกได้ว่าเป็นความพอดีที่ลงตัวในระดับที่ดีเลยก็ว่าได้ แม้ว่าในด้านของการท่องเที่ยวจะมีการผูกขาดความเป็นเจ้าของที่เกาะแห่งนี้ต้องจ่ายแต่เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่ได้มาก็อาจจะไม่ได้แย่อะไรนัก ในเมื่อธรรมชาติเองยังคงสร้างสรรค์ผลงานล้ำเลิศออกมาได้ ชาวมอร์แกนยังได้ใช้ชีวิตอยู่ตามวิถีเดิมเพียงแค่มีโลกที่เปิดกว้างขึ้นเล็กน้อย นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเข้าไปดื่มด่ำกับผลงานที่สร้างสรรค์โดยธรรมชาติและสร้างความทรงจำของตัวเองที่นั่น ความงดงามของผลงานทางธรรมชาติที่ไม่ว่าคนมากมายแค่ไหนอธิบายให้ฟัง คำพรรณนามากมายที่ทำให้เห็นภาพแค่ไหนก็ยังไม่เพียงพอ รูปถ่ายที่ความละเอียดชัดเจนเพียงใดก็ไม่คมชัดเท่ากับการใช้สายตาของเราเองบันทึกสิ่งที่เห็น ไม่เหมือนกับการได้สัมผัสผืนทรายด้วยเท้าตัวเอง ไม่เท่ากับการที่ร่างกายได้สัมผัสกับผืนน้ำโดยไม่มีตัวกลางใดๆ สถานที่ที่สิบปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็น ยังไงก็ต้องไปให้ได้อย่างน้อยสักครั้งนึงก็ยังดี แต่ถ้าได้ไปแล้วจะเข้าใจคำว่า “ครั้งเดียวมันไม่เคยพอ” 🍁“ไม่ลำบากแต่ก็ไม่สบาย” คำที่น่าจะอธิบายการไปเยือนเกาะแห่งนี้ได้ดีที่สุด แค่เป้หนึ่งใบกับของใช้จำเป็นก็พร้อมลุยได้เลย หรือจะเอาของอื่นๆไปเพิ่มก็ได เช่นพวกไฟฉาย กล้อง โทรศัพท์ พาวเวอร์แบงค์ เงิน ยา กาแฟ เก้าอี้สนาม ขวดน้ำพกพา ผ้าขาวม้า ที่เขี่ยบุหรี่เล็กๆแบบพกพา หน้ากากดำน้ำกับตีนกบ ถุงขยะ หมวก กระเป๋ากันน้ำ เชือก หนังสือ ผ้าห่ม น้ำดื่ม ขนมปัง แน่นอนว่ามันคือการเที่ยวแบบแคมป์ปิ้งนิดๆ ต้องไปนอนเต๊นท์ซึ่งมีบริการเช่าชุดเครื่องนอน อาบน้ำในห้องน้ำรวม กินอาหารธรรมดาๆที่ร้านอาหารของอุทยาน และที่สำคัญต้องไปดำน้ำดูปะการังกิจกรรมที่ไม่ทำไม่ได้ซึ่งก็มีอุปกรณ์ดำน้ำให้สำหรับคนที่ไม่เป็นของตัวเอง การได้เข้าไปสัมผัสความมีชีวิตชีวาของเกาะแห่งนี้สร้างความรู้สึกมากมายให้เรา ทั้งความเหนื่อยกายที่ต้องขนของขึ้นเกาะแต่กลับยิ้มได้เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง ความคุ้มค่าในการออกแรงว่ายน้ำเพื่อชมความงดงามของโลกใต้ท้องทะเล ความสงบจากการขับกล่อมโดยเสียงเซอร์ราวด์ของธรรมชาติ การปลดปล่อยจากความคิดบนเรือหางยาวในขณะที่ลมปะทะหน้า ความแสบจากการแผดเผาของแสงแดดที่ไหม้ผิวเราจนขึ้นรอยแดง ความแปลกใหม่ที่ได้เห็นวิถีชีวิตที่แตกต่างระหว่างเราและชาวเกาะมอร์แกน และความสุขใจที่ได้เห็นรอยยิ้มที่ออกมาจากดวงตาของคนที่กำลังเดินทางกลับ รอยยิ้มที่บ่งบอกว่าที่แห่งนี้ได้มอบความทรงจำที่สุขใจแค่ไหนให้แก่พวกเขา🥀แต่ละครั้งที่ทำสิ่งเดิมๆที่เคยทำแล้วซ้ำๆไม่ว่าจะในแง่ของการเที่ยวหรือการทำงาน จะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเราเสมอเพียงแค่เปิดตาเปิดใจมองลึกลงไปถึงรายละเอียดยิบย่อยในนั้น เหมือนกับความตื่นเต้นของการเจอกันของเรากับ “กระเบนนก” ไม่ได้เกิดขึ้นในครั้งแรกที่เราไปที่นั่นแต่เกิดขึ้นในครั้งที่สามของการไป หรือความคิดที่เกิดขึ้นเมื่อก้าวเท้าเหยียบลงที่หมู่บ้านมอร์แกนครั้งแรก เราเพียงแต่มองหาที่ถ่ายรูปเท่ๆเท่านั้นไม่ได้มองเห็นรายละเอียดการดำเนินชีวิตของพวกเขาหรือการปรับตัวของพวกเขาเท่ากับการไปครั้งสี่ ความรู้สึกและความคิดเราเปลี่ยนแปลงทุกครั้งตามกาลเวลาที่ผ่านไป ไม่สำคัญเลยว่าเราจะทำอะไรซ้ำๆไปกี่ครั้ง หรือไปสถานที่เดิมๆอีกกี่ที สำคัญที่เราพอใจแบบนี้ สถานที่นี้ ความคิดแบบนี้ ความรู้สึกเหล่านี้ หรือคนๆนี้แค่นั้น💜#goingdoingtogether #surinislands #whenwemetภาพทั้งหมดโดยนักเขียนวันลาเหลือใช่ไหม อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !
zaabai • 19 ต.ค. 64
อ่าน
เอไอเอ จับมือ BBL เสิร์ฟประกันสุขภาพ ‘Be Together For Health’
#เอไอเอ #ทันหุ้น เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ ธนาคารกรุงเทพ พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต “บี ทูเกตเทอร์ ฟอร์ เฮลธ์ (Be Together For Health)” ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน (IPD) และค่ารักษาพยาบาลแบบฉุกเฉิน รวมถึงให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมกรณีเสียชีวิต ด้วยเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับลูกค้าโมบายแบงก์กิ้ง นางสาวอรรัตน์ ชุติมิต ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์เชิงกลยุทธ์ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มคนในวัยทํางาน พบว่าส่วนใหญ่มีความกังวลต่อปัญหาด้านสุขภาพและค่าใช้จ่ายเมื่อต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งถึงแม้กลุ่มลูกค้าที่มีงานประจำจะมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่บริษัทมอบให้แต่อาจจะไม่เพียงพอต่อการรักษาพยาบาลในแต่ละครั้ง และโดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นนายจ้างตัวเองที่ไม่มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ยิ่งมีความจำเป็นต้องมีการวางแผนค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพเมื่อยามเจ็บป่วยและต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลดังนั้น เอไอเอ มองเห็นโอกาสในการเข้าไปช่วยลดความกังวลของลูกค้ากลุ่มเหล่านี้ ด้วยการยกระดับการมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพใหม่ Be Together For Health*มี 2 แผนให้เลือกBe Together For Health มี 2 แผนให้เลือก แผน 1 ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล 30,000 บาท และแผน 2 ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล 60,000 บาท สบายใจเรื่องค่ารักษาพยาบาล เบิกได้ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตสูงสุดถึง 90,000 บาทอุ่นใจยิ่งขึ้น คุ้มครองเพิ่มหากต้องเข้ารับการรักษาด้วยการฟอกไต ฉายแสง และเคมีบำบัด (คีโม) เบี้ยประกันที่สบายกระเป๋า ไม่ต้องตรวจสุขภาพ เพียงตอบคำถามสุขภาพอย่างสั้น สมัครง่าย ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง ธนาคารกรุงเทพดร. คริสเตียน โรแลนด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล เอไอเอ ประเทศไทย เผยว่า ประกันสุขภาพใหม่ Be Together For Health นี้ ลูกค้าจะสามารถเลือกแผนประกันสุขภาพ พร้อมทั้งเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมให้กับตัวเองได้ด้วยขั้นตอนการซื้อที่เข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยาก ทำได้ด้วยตัวเอง เมื่อนวัตกรรมต่าง ๆ ปรับเปลี่ยนไปในด้านดิจิทัลมากขึ้น ประกันชีวิตก็ต้องปรับเปลี่ยนไปให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วยเช่นกันนางสาวพรพิมล ตรงเที่ยงธรรม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)หรือ BBL กล่าวว่า บี ทูเกตเทอร์ ฟอร์ เฮลธ์ (Be Together For Health) ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน (IPD) และค่ารักษาพยาบาลแบบฉุกเฉิน รวมถึงให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมกรณีเสียชีวิต ด้วยค่าเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มที่ใช้บริการโมบายแบงก์กิ้ง*เริ่มต้นวันละ16บ.ซึ่งเสนอขายผ่านช่องทาง ‘โมบายแบงก์กิ้ง ธนาคารกรุงเทพ’ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา พร้อมจุดเด่นความคุ้มครองด้วยค่ารักษาพยาบาลที่ไม่จำกัดจำนวนครั้งและวงเงินรวมต่อปี ด้วยเบี้ยประกัน แบบสบายกระเป๋า เริ่มต้นเพียงวันละ 16 บาทเท่านั้น“แบบประกัน Be Together For Health จึงถูกออกแบบเพื่อตอบโจทย์นี้ โดยเสนอขายผ่านช่องทาง โมบายแบงก์กิ้ง ธนาคารกรุงเทพ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายไม่ซับซ้อน ที่สำคัญค่าเบี้ยประกันไม่สูง ตัดสินใจซื้อได้ง่าย แต่ได้สิทธิประโยชน์ครบถ้วนมีวงเงินเพียงพอต่อการรักษาพยาบาล ช่วยให้ลูกค้าลดความกังวล และมีเวลาทำความเข้าใจผลิตภัณฑ์ได้จนกว่าจะพอใจ ตรงใจคนยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายและมีความเป็นส่วนตัว ” นางสาวพรพิมล กล่าวทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพและเอไอเอ ประเทศไทย ได้ร่วมกันนำเสนอขายประกันชีวิตผ่านช่องทางโมบายแบงก์กิ้งมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีแก่ลูกค้า โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ Be Together For You แบบประกันชีวิตและสุขภาพ ที่เน้นให้ความคุ้มครองสูงออกแบบตามความต้องการของลูกค้าเฉพาะแต่ละบุคคล (Personalized Individual Needs) และ Be Together Smart Care แบบประกันสำหรับการคุ้มครอง 5 โรคร้ายแรง รวมถึงล่าสุด Be Together For Health ที่มาช่วยเติมเต็มความอุ่นใจให้แก่ลูกค้า และหมดกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล
ทันหุ้น • 13 มี.ค. 67
อ่าน
โซลูชันแห่งอนาคตในงาน SCG: The Next Chapter Exposition
เอสซีจี จัดงาน SCG: The Next Chapter Exposition งัดเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่จะมาช่วยขับเคลื่อนธุจกิจและสังคมให้ดีขึ้น ผ่านแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ได้แก่ การมุ่ง Net Zero 2050 ไม่ลืมที่จะ Go Green ช่วย Lean ลดการเหลื่อมล้ำ และเน้นย้ำร่วมมือ ภายใต้ความเชื่อมั่น โปร่งใส โซลูชันดิจิทัลโลจิสติกส์ (Digital Logistics & Supply Chain Solutions) SCGJWD ให้บริการโซลูชันด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจร นำนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง ไม่ว่าจะเป็น ระบบ Telamatics ติดตามข้อมูลการขับขี่ แจ้งเตือนพฤติกรรมคนขับ ระบบจัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้าอัตโนมัติ ไปจนถึงการจัดการคลังสินค้าแบบครบวงจร พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้งานรถขนส่งไฟฟ้าเพื่อความยั่งยืน หรือการใช้ Simulator จำลองการขับขี่จากโรงเรียนทักษะพิพัฒน์ ช่วยผึกทักษะการขับขี่ปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่รถบรรทุก จุดเด่นของบริการจาก SCGJWD คือให้บริการครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรมและธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าควบคุมอุณหภูมิ สินค้าอันตราย หรือกลุ่มที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น ยาและเวชภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายโลจิสติกส์ครอบคลุมทั่วอาเซียน กว่า 9 ประเทศ โซลูชันเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดครบวงจร (Energy Transition Solutions) วิกฤตโลกร้อนและพลังงานกลายเป็นหัวใจสำคัญที่หลายภาคส่วนเร่งแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon Emission) รวมไปถึงการหันไปหาตัวเลือกพลังงานสะอาดมากขึ้น เอสซีจี เป็นหนึ่งในผู้ที่ตั้งเป้าหมายที่จะมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2050 การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาวัสดุให้ตอบโจทย์การประหยัดพลังงานและความยั่งยืน การใช้ระบบโซลาร์เซลล์สำหรับที่อยู่อาศัยและอุตสาหกรรมโรงงาน เช่น บริการ Smart Grid เครือข่ายอัจฉริยะจัดการพลังงานสะอาด เพื่อการติดตั้ง ซื้อขายพลังงานไฟฟ้า ไปจนถึงคาร์บอนเครดิต การสนับสนุนด้าน EV โซลูชัน ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งสถานีชาร์จ การนำเข้าและดัดแปลงยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย นอกจากนี้ เอสซีจี ยังให้ความสำคัญกับการจัดการวัสดุเหลือใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างการแปรรูปวัสดุทางการเกษตรและขยะชุมชน เช่น ฟางข้าว ใบอ้อย มาเป็นเชื้อเพลิงในการเผา ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปัญหา PM 2.5 รวมถึงการจัดการกากอุตสาหกรรมด้วยเตาเผาปูนซีเมนต์ ช่วยลด waste ตั้งแต่ต้นทางและเพิ่มมูลค่าให้กลายเป็นวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 ทำให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้นจากการขายขยะชุมชน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ต้นเหตุของโลกร้อน และยังช่วยให้ขยะชุมชนกลายมาเป็นพลังงานชีวมวลได้นั่นเอง โซลูชันสุขภาพและการแพทย์ (Health & Medical Solutions) SCGC ได้นำความเชี่ยวชาญทั้งในด้านวัสดุพลาสติก วิศวกรรมศาสตร์ และการออกแบบนวัตกรรม ผสมผสานกับความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของทีมแพทย์ โดยได้พัฒนาเม็ดพลาสติกสำหรับการแพทย์ SCGC™ PP และ PVC ที่เหมาะสาหรับอุปกรณ์การแพทย์และเภสัชกรรมโดยเฉพาะ อาทิ กระบอกเข็มฉีดยา สายและถุงน้ำเกลือ ถุงเลือด น้ำยางสังเคราะห์สำหรับผลิตถุงมือยาง ไปจนถึงหน้ากากอนามัยที่กรองแบคทีเรียและฝุ่นได้ดีกว่า 95% โซลูชันเพื่อการอยู่อาศัยอัจฉริยะ (Smart Living Solutions) ทุกวันนี้นอกจากปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว เรายังต้องเผชิญกับมลพิษทางอากาศ ไม่ว่าจะฝุ่น ควันหรือเชื้อโรคที่มองไม่เห็น เอสซีจี นำเทคโนโลยีดิจิทัล มายกระดับการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น ทั้งในด้านความสะดวกสบาย ส่งเสริมสุขภาพและความปลอดภัยในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรืออาคารสำนักงานก็อุ่นใจและสูดอากาศดีได้เต็มปอด ยกตัวอย่าง โซลูชัน SCG Active Air Quality สำหรับบ้านและคอนโด ช่วยเติมอากาศดี สะอาด และปลอดภัย ขณะเดียวกันก็ช่วยดันฝุ่นและมลพิษที่ตกค้างออกไป และป้องกันไม่ให้มลภาวะภายนอกเข้ามา นอกจากนี้ยังมี SCG Bi-ion ระบบไอออนกำจัดเชื้อโรคในอากาศ ด้วยการปล่อยอนุภาคประจุบวกและลบ ที่มีประสิทธิภาพในการกาจัดเชื้อโรคต่างๆ ในอากาศ เช่น เชื้อไวรัสและแบคทีเรียในอากาศ รวมถึงช่วยลดฝุ่น PM2.5 ใช้ได้กับทั้งภายในบ้านและอาคารสำนักงาน ไปจนถึง SCG HVAC Air Scrubber นวัตกรรมบำบัดอากาศเสีย พร้อมลดภาระการทำความเย็นของระบบปรับอากาศ ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ทั้งบ้านและพื้นที่โรงงานขนาดใหญ่ SCGP นำเสนอกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร เพื่อแก้ปัญหาในการจัดเก็บ ไปจนถึงสามารถรีไซเคิลได้แบบครบวงจร อาทิ บรรจุภัณฑ์สำหรับยืดอายุผักและผลไม้ OptiBreath® นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ช่วยเก็บและยืดอายุผักผลไม้ได้นานกว่าถุงปกติทั่วไป ผลิตจากพอลิเมอร์แบบอ่อนตัว และระบบพิเศษ Modified Atmosphere Packaging (MAP) ช่วยรักษาความสด สี กลิ่น และรส รวมถึงชะลอการเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ อันเป็นสาเหตุของการเหี่ยวเน่าของผักและผลไม้ บรรจุภัณฑ์ถาดกระดาษสำหรับเนื้อสดแช่เย็น Fest by SCGP ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ ODOR LOCK By SCGP บรรจุภัณฑ์ต้านการปล่อยกลิ่น ผลิตจากพลาสติกชนิดพิเศษที่มีความต้านทานต่อการซึมผ่านของกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น ทุเรียน ปลาร้า ปลาเค็ม กะปิหรืออาหารสัตว์ โซลูชันรักษ์โลก นวัตกรรมกรีน (Green Solutions) CPAC Bridge Solution นวัตกรรมก่อสร้างสะพานคอนกรีตที่บางที่สุด แห่งแรกในประเทศไทยและอาเซียน ด้วยเทคโนโลยี UHPC (Ultra-high Performance Concrete) เพื่อแก้ปัญหาด้านวิศวกรรมโครงสร้างของสะพาน ในการรับแรงดัดในคานโครงสร้าง ช่วยลดการใช้ทรัพยากรและต้นทุนในการก่อสร้าง จัดว่าเป็นเทรนด์การก่อสร้างสะพานยุคใหม่ของโลกก็ว่าได้ อีกหนึ่งโซลูชันรักษ์โลกจาก SCG ยกระดับอุตสาหกรรมการก่อสร้างไทยด้วยเทคโนโลยี CPAC Green Solution นวัตกรรมก่อสร้างครบวงจรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการออกแบบการพิมพ์ 3 มิติ ช่วยเพิ่มอิสระให้กับรูปแบบโครงสร้างและตัวอาคารที่มีความโค้งและพื้นผิวที่มีลวดลายได้หลากหลายตามที่ต้องการ ทั้งยังก่อสร้างได้เร็วขึ้น 30% ในส่วนของการก่อสร้างผนังและลดเศษวัสดุในไซต์งานก่อสร้างอีกด้วย โซลูชันหุ่นยนต์อัจฉริยะ (Artificial Intelligence Solutions) เอสซีจี นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานและธุรกิจต่าง ๆ เช่น Drone in the Box โปรแกรมที่ตั้งเวลาและเส้นทางการบินโดรน โดยไม่ต้องมีคนบังคับ โปรแกรมนี้สั่งการได้ผ่านสมาร์ทโฟน โดยเมื่อแบตเตอรี่ของโดรนใกล้หมด โดรนก็จะบินกลับเข้ามาที่กล่องและเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เอง ในขณะที่แบตเตอรี่ก้อนเดิมจะชาร์จให้ใหม่อัตโนมัติ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ให้กับหลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น โดรนสำรวจพื้นที่ โดรนสำรวจงานก่อสร้าง โดรนสำรวจพื้นที่เสี่ยงอันตราย โดรนเพื่อการเกษตรหรือโดรนสำรวจความปลอดภัยในเวลากลางคืน เพื่อลดทรัพยากรคน เวลา และข้อจำกัดของโดรนในยุคปัจจุบันนั่นเอง อีกหนึ่งธุรกิจที่นำเทคโนโลยีมาช่วยยกระดับงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย AI ในการคัดแยกกุ้งแห้งและแยกสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ จำนวน 4,000 กิโลกรัมต่อวัน ทั้งนี้เครื่องคัดแยกกุ้งให้ความแม่นยำเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณร้อยละ 70 ด้วยเทคโนโลยี Artificial Intelligence และ Machine Learning เข้ามาช่วยในการประมวลผล ช่วยให้ใช้ทรัพยากรและวัตถุดิบได้คุ้มค่า รวมถึงนำไปต่อยอดสู่อุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้เช่นกัน อย่างการตรวจคุณภาพวัสดุในโรงงานต่าง ๆ อีกหนึ่งโซลูชันหุ่นยนต์อัจฉริยะคือ Smart Farming ครบวงจร โดยสยามคูโบต้า เพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนและความเสี่ยงในการผันแปรของสิ่งแวดล้อม อย่างรถแทรกเตอร์ไฟฟ้า ทำงานต่อเนื่องได้ 3-4 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และระบบนำร่องการขับเคลื่อนด้วย GNSS Auto Pilot สามารถเพาะปลูกได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ลดการสูญเสียพื้นที่การเพาะปลูก นอกจากนี้ยังมีโดรนเพื่อการเกษตร ไปจนถึงแอปพลิเคชั่นวางแผนเพาะปลูก โซลูชัน Smart Farming ครบวงจร จะช่วยลดปริมาณก๊าซมีเทน ที่เป็นสาเหตุให้โลกร้อนได้มากถึง 25 เท่า ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตการเกษตรได้มากขึ้น 1.5 เท่าเลยทีเดียว
แบไต๋ • 28 ธ.ค. 65
อ่าน
Tomorrow X Together บอยแบนด์เกาหลีที่ทำให้คุณใจฟู
วันนี้เรามีวงบอยแบนด์จากเกาหลีมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน หลายคนอาจจะยังรู้จักแล้วเพราะว่าวงนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงในระดับหนึ่งในประเทศเกาหลีนั่นก็คือ tomorrow x together หรือ TXT มีสมาชิกด้วยกันอยู่ 5 คนได้แก่ ยอนจุน ซูบิน ฮิวหนิงไค แทยอน บอมกยู โดยบอยแบนด์รูปนี้ได้อยู่ภายใต้ HYPE Entertainment และได้เริ่มเดบิวต์เมื่อปี 2019 โดยเริ่มมาจากแนวเพลงใสๆน่ารักๆ แต่ความเป็นเอกลักษณ์ของวงนี้ก็คือมีแนวเพลงที่ไม่ซ้ำกันและการทำ MV ที่บ่งบอกถึงความหลากหลายทางเพศ เรียกได้ว่าเป็นวงบอยแบนด์ที่น่าสนใจมากวันนี้เราจะพาไปชมกันว่าสมาชิกแต่ละคนมีความโดดเด่นในเรื่องไหนบ้าง! รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! https://www.instagram.com/p/DHtEj4Tpp8k/?igsh=NTh0amxkOGVlOWhl ยอนจุน พี่ใหญ่ของวงคนนี้โดดเด่นมากในเรื่องของการเต้นและการ performance ที่สะกดตาคนดูมากๆ! โดยยอนจุนเป็นอีกคนหนึ่งที่รักและเคารพในความหลากหลายทางเพศ การที่ผู้ชายใส่กระโปรงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยแต่มันคือแฟชั่นและพี่แกทำถึงสุดๆ ในวงนี้ได้มีการใส่กระโปรงเครื่องแสดงเพื่อพรีเซนต์เนื้อหาเรื่องนี้อีกหลายครั้งและเป็นที่คือหากันในโซเชียลเป็นอย่างมากทำให้มีคนรักและทำซัพพอร์ตวงทีบายทีเพิ่มมากขึ้นและยังเป็นฝั่งอินเตอร์อีกด้วย https://vt.tiktok.com/ZSrqG1GNd/ นอกจากนี้พี่ยอนจุนของเราก็ได้แสดงศักยภาพในการเต้นออกมาดีมากจนแฟนๆใน tiktok ต่างเรียกร้องให้พี่แกออกมาเต้นเพลงไวรัลอยู่บ่อยครั้ง จนกลายเป็นดาว tiktok อีกท่านหนึ่งเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้ก็ทำให้วงที่บายทีเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นและมีแฟนคลับติดตามเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าหล่อครบรสเลยค่ะคนนี้ https://www.instagram.com/p/CxvSrEkrOR1/?igsh=MTByeGV4ajQwandmdQ== ซูบิน ลีดเดอร์วง หนุ่มน้อยมาดหวานที่ตกสาวๆได้นับไม่ถ้วน หลายๆคนอาจจะเห็นซูบินในมาดของพิธีกรรายการเพลงต่างๆ เพราะว่าซูบินมีความสามารถในการดำเนินงานและเอนเตอร์เทนคนดูได้เป็นอย่างดี อีกครั้งชาวเกาหลีได้ให้ฉายาเขาว่าเป็นรักแรกพบ ด้วยคาแรคเตอร์ที่เป็นหนุ่มหวานตัวใหญ่ดูอบอุ่น เรียกได้ว่าเป็นชายในฝันของสาวเกาหลายๆท่านเลยทีเดียวค่ะ https://vt.tiktok.com/ZSrqGWfAJ/ ในอีกมุมหนึ่งแฟนคลับก็ได้ต่างให้ฉายาเขาว่าเป็นกระต่ายยักษ์ ด้วยความรักที่ดูเหมือนกระต่ายในบางครั้งและแฟนคลับต่างก็รักและเอ็นดูซูบินมาก แถมคนนี้ยังเป็นเจ้าพ่อมีมอีกด้วย เรียกได้ว่าทั้งยอนจุนและซูบิน สองคนนี้ได้รับการยอมรับให้เป็นที่ชื่นชอบในประเทศเกาหลีและสากลอย่างมาก https://www.instagram.com/p/DBngfe0y4T1/?igsh=dDByYm9sZ3RnamNj แทยอน หนุ่มหน้าหวานเสียงทรงพลังที่ใครได้ฟังต่างก็ต้องหลงใหล ใบหน้าพระเจ้าสร้างจมูกโด่งขายาวเข่าดีสุดๆ แทยอนได้รับการยอมรับในวงกว้างเป็นอย่างมากเรื่องของการร้องรายการแสดงอารมณ์ได้อย่างเข้าถึงเพลงสุดๆ เรียกได้ว่าเป็น main vocal ของวงก็ว่าได้ https://vt.tiktok.com/ZSrqvCj1H/ มีช่วงหนึ่งที่เธอยอมรับบทเป็นนักมายากลของวงด้วยซึ่งตอนนั้นก็ได้เป็นกระแสไวรัลอยู่พักหนึ่งเลย เรียกได้ว่าทำเอาทั้งแฟนคลับและเมมเบอร์อึ้งไปเลยเพราะว่าพี่แกเล่นได้เนียนมาก ถ้าไม่ได้เดบิวต์เป็นไอดอลเราคิดว่าพี่แกไปทางนักมายากลน่าจะรุ่งเหมือนกันนะเนี่ย อิอิ https://www.instagram.com/p/DBMHlV3yJIH/?igsh=MTV5OThtajRibWtvcA== ฮิวหนิงไค หนุ่มลูกครึ่งที่มองแว๊บแรกก็รู้ว่าเป็นใคร ตอนที่เราเพิ่งติดตามวงนี้มาใหม่ๆหนิงไคเป็นคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีใบหน้าที่จดจำได้ง่ายมากๆ ด้วยความเป็นลูกครึ่งอเมริกัน เป็นคนที่จมูกโด่งรูปร่างผอมสูง ชายในฝันของดิฉันเลยย หนิงไคเป็นอีกหนึ่งคนทีพลังเสียงสุดยอดมาก ฟังแลวเพชรเคลือบหูเลย https://vt.tiktok.com/ZSrqGYd8v/ ทั้งนี้ครอบครัวของหนิงไคเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งครอบครัวศิลปินเลยทีเดียว พี่สาวคนโตลีอา เธอเป็นนักออกแบบท่าเต้น และนักร้องอิสระ หนิงไคที่เป็นไอดอล นักร้อง และบาฮียีน้องสาวคนสุดท้อง สมาชิกวง Kepler เรียกได้ว่าเป็นสายดนตรีกันทั้งบ้านเลย แถมยังมีโมเม้นท์น่ารักของครอบครัวนี้ให้ได้เห็นกันบ่อยๆด้วย https://www.instagram.com/p/DHamZOWy0jR/?igsh=bTRlemthYzJobGxw บอมกยู ตำแหน่งในวง: นักร้อง, แร็ปเปอร์, นักเต้น และเป็นหนึ่งในวิชวลของวง ความสามารถพิเศษ: เล่นกีตาร์, เขียนเพลง บุคลิกร่าเริง สดใส มีพลังงานเยอะ มักจะเป็นคนสร้างบรรยากาศในทีม หรือเป็นพลังบวกของทีมนั่นเอง! และวิชวลก็คือชวนตกคนเข้าด้อมได้เยอะมาก เพราะบอมกยูของเราหล่อน่ารัก น่าหยิกซะไม่มี! https://www.instagram.com/reel/DD64x9VyNAE/?igsh=MzFjaW5vMDhoaGNp บอมกยูเป็นคนที่มีพลังเยอะมาก มักจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับทีม เป็นเหมือนคนสร้างสีสันในวง เสียงหัวเราะน่ารัก หัวเราะแบบเด็ก ๆ เสียงใส ๆ ฟังแล้วชื่นใจสุด ๆ แถมยังเป็นสายแกล้งพี่ ๆ น้อง ๆอีกด้วย บอมกยูชอบแกล้งสมาชิกคนอื่นในวงโดยเฉพาะพี่ ๆ อย่างซูบิน แต่ก็แกล้งแบบขี้เล่น ไม่ใช่แกล้งจริงจัง ทำให้แฟนคลับยิ่งรัก แถมยังชอบพูดกับโมอา (MOA) บอมกยูสื่อสารกับแฟนคลับบ่อยมาก ทั้งในไลฟ์หรือโพสต์ต่าง ๆ มีความอบอุ่นและเป็นกันเอง ทำให้แฟนๆรักและเอ็นดูซูบินมากๆเลยย สุดท้ายนี้อยากจะฝากวง tomorrow x together ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจแฟนแฟนชาวไทยทุกคนด้วยนะคะ บอกเลยว่าติดตามวงนี้ไม่มีผิดหวังทั้งความน่ารักความสามารถในการแสดงและการร้องเพลงและสไตล์ของเพลงที่ทำออกมาได้หลากหลาย ขอรับประกันว่าเป็นอีกหนึ่งวงคุณภาพที่ไม่ควรพลาด! เครดิต ปก1 /2 ภาพ1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 / 7 / 8 / 9 / 10 โดย txt_bighit , yawnzzn , page.soobin เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
fanno1 • 23 เม.ย. 68
อ่าน
รีวิว Together ความรักกลายเป็นความสยองที่ไม่อาจหลุดพ้น
Together หรือ ดูดร่างสร้างรัก เป็นหนังที่ผสมผสานความโรแมนติกเข้ากับความสยองขวัญที่ไม่ธรรมดา ผ่านเรื่องราวความรักที่ไม่สมบูรณ์แบบ และชวนตั้งคำถามน่าคิดว่าความสัมพันธ์ที่แท้จริงควรเป็นเรื่องเกาะเกี่ยวกันจนไม่อาจหลุดพ้นหรือควรปล่อยให้แต่ละฝ่ายได้อิสระในแบบของตัวเอง สำหรับเราแล้วนี่เป็นอีกเรื่องที่ทำออกมาได้น่าสนใจและคุ้มค่าแก่การรับชม รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! เรื่องย่อ เรื่องราวของทิม (Dave Franco) และมิลลี (Alison Brie) คู่รักที่มีความฝันแตกต่างกัน คนหนึ่งอยากเป็นนักดนตรีอิสระ อีกคนอยากใช้ชีวิตเรียบง่าย มั่นคง ทั้งคู่จึงตัดสินใจย้ายไปอยู่บ้านในชนบทเพื่อหาทางกู้คืนความสัมพันธ์ แต่กลับต้องเจอพลังลึกลับที่ทำให้ร่างกายของพวกเขาถูก "ดึงเข้าหากัน" จนไม่อาจแยกออกกันได้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางและเอาตัวรอดที่ทั้งหวานและชวนสยอง สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้โดดเด่นคือการนำเสนอความสยองออกมาในรูปแบบ Body Horror ในมุมมองใหม่ๆ ไม่ได้มีเพียงแค่ฉากสยองขวัญชวนหลอนหรือระทึก แต่ใช้ร่างกายที่ค่อยๆบิดเบี้ยวเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่เปราะบาง ในส่วนภาพและโทนสีของเรื่องก็ไม่ต้องกังวลเลย มันให้ความรู้สึกทั้งโรแมนติกและอึดอัดในคราวเดียวกัน ถูดจัดวางออกมาแบบคิดทบทวนมาได้อย่างดี เราจึงเชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะกลายเป็น "เรื่องราวโรแมนติกสยองขวัญที่สดใหม่แห่งปี" ได้ไม่ยาก ความน่าสนใจอยู่ที่ตัวละครหลักทั้งสอง แม้ว่าจะรักกัน แต่กลับมีมุมมองชีวิตที่แตกต่างกันสุดขั้ว การแสดงของ Dave Franco และ Alison Brie ถ่ายทอดความเปราะบางและความขัดแย้งในความสัมพันธ์ออกมาได้ทั้งน่าเอาใจช่วยและก็ชวนหนักใจในหลายฉาก เมื่อทั้งคู่ถูกบังคับให้ "ตัวติดกัน" จนหนีไม่ได้ ความแตกต่างเล็กๆน้อยๆที่เคยเป็นเพียงปัญหาคู่รักทั่วไป กลับถูกขยายเป็นเรื่องน่ากลัวที่แทบทำลายจิตใจ ตัวหนังไม่ได้โฟกัสแค่เฉพาะเรื่องสยอง แต่ชวนให้คนดูตั้งคำถามกับความรักและการครอบครอง หากรักใครซักคนมากเกินไปจนกลายเป็นการผูกมัด นั่นยังเรียกว่า "รักแท้" อยู่หรือไม่ หรือแท้จริงความรักคือการให้อิสระกับอีกฝ่ายได้มีชีวิตในแบบของตัวเอง ประเด็นเหล่านี้ถูกนำเสนอผ่านภาพที่สวยงามและชวนหลอน จนหลายคงรู้สึกอินตามได้ไม่ยาก สรุปแล้ว Together ดูดร่างสร้างรัก เป็นการผสมผสานความสยองขวัญเข้ากับความโรแมนติกที่ทำออกมาได้แปลกใหม่ น่าติดตาม หากคุณสนใจพล็อตเรื่องที่มาพร้อมความสัมพันธ์แบบบิดเบี้ยว หรือวิธีสื่ออารมณ์ด้วยภาพหนัง มีชั้นเชิงการเล่าเรื่อง ก็ไม่ควรพลาดกันครับ เครดิต ภาพปก / ภาพ1 / ภาพ2 / ภาพ3 / ภาพ4 จาก alisonbrie จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !
9inelist • 25 ส.ค. 68
อ่าน
รีวิวหนังเรื่อง IT chapter I (2017)
หนังเล่าเรื่องถึงหมู่บ้านๆหนึ่ง ที่ในหมู่บ้าน ทุกๆหนึ่งปี จะมีเด็กที่อายุน้อยกว่า 13 ปี หายตัวไปทุก 13 ปี จนเป็นข่าวดังมากกว่าสิบถึงยี่สิบคน โดยที่ผู้ใหญ่ทุกคนในหมู่บ้านรู้ว่าเป็นฝีมือของมัน แต่ไม่มีใครคิดจะสนใจหนังเริ่มต้นด้วยน้องชายของบิลลี่ จอร์จี้ เดนไบร์ท หายตัวไปในวันที่ฝนตก จอร์จี้อายุหกขวบ มาชวนพี่ชายออกไปเล่นข้างนอก แต่เพราะฝนตกและอยู่ในเวลาเช้า บิลลี่อยากจะนอนต่อเลยไล่ให้จอร์จไปเล่นข้างนอกคนเดียว ตั้งแต่นั้นมา จอร์จก็หายตัวไป และนับจากวันนั้น บิลลี่ก็โทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ทำให้จอร์จ น้องชายของเขาหายตัวไปมาตลอดมีเด็กหายไปจากเมืองนี้ทุกๆ 20 ปี แต่ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนในหมู่บ้านคิดจะออกตามหาเพราะรู้ว่าเป็นฝีมือของมัน แม้แต่จอร์จี้ที่หายตัวไปก็เป็นฝีมือของมัน โดยมันจะกินชีวิตของเด็กๆ โดยอาศัยความกลัวเป็นตัวหลอกล่อ พวกมันอยู่ได้เพราะความกลัวของเด็กๆ อาศัยความกลัวของเด็กๆ แปลงร่างเป็นอะไรก็ได้ที่อยู่ในจิตใจของคนๆนั้นเพื่อสร้างความหวาดกลัวและมอบความตายให้... มันมีความสามารถหลายๆอย่าง และมันมักจะโผล่มาในรูปแบบของตัวตลก ถือลูกโป่งสีแดง ใช้โทนเสียงตลกๆ บิลลี่มีเพื่อนเป็นกลุ่มลูซเซอร์อยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งในกลุ่มนั้นประกอบไปด้วยเพื่อนสนิทสี่คนของบิลลี่และเพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ ทุกคนในกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่โดนเพื่อนที่โรงเรียนแกล้ง และเพื่อนกลุ่มนี้ก็พยายามสืบหาการหายตัวไปของน้องชายเพื่อน จอร์จี้ เพราะไม่อยากให้บิลโทษตัวเองมากเกินไป จนไปเจอกับมันเข้า หนังเรื่อง it เป็นผลงานการเขียนของสตีเฟน คิง รีเมคเป็นภาพยนต์มาหลายเวอร์ชันแล้ว ตั้งแต่ปี 90s จนมาถึงปีที่ 2017 เป็นหนังสือที่สตีเฟน คิง ใช้เวลาเขียนถึง 5 ปี กว่าจะจบ นับว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก สำหรับหนังสือเล่มหนึ่่งโดยส่วนตัวผู้เขียนไม่เคยอ่านหนังสือของสตีเฟนคิงมาก่อน แต่เคยดูหนังสยองขสัญของสตีเฟนคิงมาบ้าง ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าผู้เขียนเกลียดตอนจบค่ะ แต่หนังเรื่องนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลย ทั้งความสามารถของมันที่จะหลอกให้เด็กๆกลัว มิตรภาพของกลุ่มลูซเซอร์ และการถ่ายภาพและการเล่าเรื่อง ใครเป็นแฟนคลับน้องฟินน์ จาก The strange thing ที่เป็นผลงานของ netflix อย่าพลาดเรื่องนี้นะคะ น้องฟินน์ไม่ทำให้ผิดหวังเลยค่ะ ส่วนตัว ผู้เขียนเคยดู The strange thing มาก่อน แต่เพราะว่าไม่ใช่แนว ก็เลยเทไป แต่เรื่องนี้น้องฟินน์ตกผู้เขียนไปเต็มๆ กลายเป็นแฟนคลับน้องฟินน์ไปเลยค่ะผู้เขียนขอให้คะแนนหนังเรื่องนี้ 10/10 ค่ะขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปกรูปภาพประกอบที่ 1-3 จากเว็บ https://www.facebook.com/ITMovie/photos
Yuri0988 • 8 ก.ย. 63
อ่าน
ส่งต่อกำลังใจ "ไทย-จีน" ผ่าน MV เราไม่ทิ้งกัน (TOGETHER) ฝ่าวิกฤติโควิด-19
บริษัท ไทยเจียระไน กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตสื่อภาษาจีนในประเทศไทย รวมพลชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวจีนในไทย นักศึกษาชาวจีนในไทย อาจารย์มหาวิทยาลัย มาร่วมส่งกำลังใจผ่านมิวสิควิดีโอในบทเพลง เราไม่ทิ้งกัน (TOGETHER) หรือชื่อในภาษาจีนว่า 不离不弃 เพื่อเผยแพร่ให้ชาวโลกได้เห็นถึง ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่แข็งแกร่งและมีให้กันมาอย่างยาวนาน ร่วมขับร้องโดยชาวจีนในไทยและชาวไทยเชื้อสายจีน อาทิ คุณหลุ่ย แซ่กั๊ว, ดร.อมร อภิธนาคุณ ประธานชมรวมใจชาวจีนทั่วโลกเป็นหนึ่งเดียว พร้อมด้วย คุณRocky Chung พิธีกรรายการภาษาจีนในประเทศไทย, ซู ชิวเฉิง (แจ็ค The Face Men Thailand) ฯลฯ โดยมีดาราจีน อาทิ เฉินหลง, หยาง มี่, หยาง จื่อ, อู๋ จิ่นเหยี่ยน,จ้าว ลี่อิ่ง, เฝิงเส้าเฟิง, จางอี้ชิง (เลย์ EXO), โจว ซวิ่น, หลิวไห่ควาน (นักแสดงจากซีรีส์ปรมาจารย์ลัทธิมาร), หวง เหล่ย, ล่ายอวี่เหมิง (นักแสดงจากเทพยุทธ์เซียนกลอรี่), ลู่ติงฮ่าว, หลี่ เหวย์เจีย, หวางเสี่ยวหยา, ฉีว์อิ่ง และดาราไทย อาทิ นนกุล-ชานน, ป้อง-ณวัฒน์, ชาคริต แย้มนาม, เก่ง ธชย, แซมมี่ เคาวเวลล์, มุกดา นรินทร์รักษ์, เก้า-นพเก้า, มิกค์ ทองระย้า, ฐิสา-วริฏฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร, อาร์ม-กรกันต์, บุ๋น-นพณัฐ, เปรม-วรุศ ร่วมส่งมอบกำลังใจ ถ่ายทอดความรู้สึกห่วงใยผ่านทุกข้อความในบทเพลง เพื่อให้ชาวโลกได้เห็นถึงพลังใจ และความสัมพันธ์ไทยจีนที่แข็งแกร่ง แน่นแฟ้น มาอย่างยาวนาน เราสัญญาว่าจะจับมือผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน อย่างไรก็ตาม มิวสิควิดีโอดังกล่าว ร่วมผลิตโดย บริษัท ไทยเจียระไนกรุ๊ป จำกัด สำนักข่าว Thailand Headlines บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด บริษัท เจียไต๋ ไบรท์ อินเวสต์เม้นท์ จำกัด หอการค้าไทย-จีน บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เกาะติดข่าวที่นี่website: www.TNNThailand.comfacebook : TNNThailandtwitter : @TNNThailandLine : @TNNThailandYoutube Official : TNNThailand
TNN ช่อง16 • 9 พ.ค. 63
อ่าน
ครบรอบ 42 ปี จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ “GO TOGETHER WITH POSITIVE SYNERGY”
ครบรอบ 42 ปี จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ GO TOGETHER WITH POSITIVE SYNERGY อบอวลไปด้วยพลังแห่งความสุข เมื่อ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 42 ปีแห่งการเดินทางภายใต้แนวคิด มาร่วมเดินทางต่อ... ไปด้วยกัน ด้วย พลังบวก ของพวกเรา GO TOGETHER WITH POSITIVE SYNERGY ซึ่งอบอุ่นและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ สะท้อนถึง พลังบวกของคนแกรมมี่ ที่ไม่เพียงรวมพลังกันเพื่อสร้างความสุขผ่านเสียงเพลงและผลงานที่สร้างสรรค์ แต่ยังส่งต่อ แรงบันดาลใจ ให้แก่ผู้คนรอบข้างและสังคม นำโดยคณะผู้บริหาร ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน), บุษบา ดาวเรือง, กิตติศักดิ์ ช่วงอรุณ, ฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม, ระฟ้า ดำรงชัยธรรม, อิงฟ้า ดำรงชัยธรรม, ฟ้าฉาย ดำรงชัยธรรม, อรุยา พุทธินันทน์, สิดารัศมิ์ พุทธินันทน์, สุวิมล จึงโชติกะพิศิฐ, สันติสุข จงมั่นคง, พรพิชิต พัฒนถาบุตร, สมศรี พฤทธิพันธุ์, นรัญจ์ พุ่มศิริ, เดียว วรตั้งตระกูล, สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา และสถาพร พานิชรักษาพงศ์ พร้อมทั้งศิลปินรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ นำทีมโดยซูเปอร์สตาร์ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์, ครูสลา คุณวุฒิ, ตู่ นันทิดา, นิโคล เทริโอ, นัท มีเรีย, เบล ไชน่าดอลล์, หว่าหวา ไชน่าดอลล์, เพลง ชนม์ทิดา อัศวเหม, พลพล, ทิกเกอร์ อชิระ, SAMUI, Klear, ก้านตอง, เปาวลี พรพิมล, มีนตรา อินทิรา, เอิ้นขวัญ วรัญญา, ลำเพลิน, เต๋า ภูศิลป์, กานต์ ทศน, แป้งร่ำ ศิวนารี, โบนัส ภัทรธิรา, ลำยอง หนองหินห่าว, มิ้วส์เชค อรภัสญาน์, แช่ม แช่มรัมย์, แสน นากา, เจ แจสเปอร์, Par-T, Deephordee, เล็ก รัชเมศฐ์, บักฟ้า ชฎาพร, แพร ชนา, เต๋า ทัศนัย, เอม เอมปวีร์, รามี่, กวาง ดวงฤทัย, Full, Good Mood, MY EYES,First (Firzter), พอส (Yes Indeed), บีม - จา (De flamingo), กัน Clockwork Motionless, FAVIQ, CHERIS, คริส อิม ALALA ไม่เพียงเท่านั้น... ยังมี นักแสดงจากช่อง ONE31 ได้แก่ อ๋อลี่ ตติยา, เตียวหุย เพชรปรัชญา, ปลื้ม ธยศทรณ์, เจ้าคุณ พันธ์ชนกชนม์, ปริม ปริณดา, โอเบย์ ปัณณวิชญ์, เจมส์ เจตพล, อาร์ติส ธนากรณ์, พรีน รวิสรารัตน์, หญิงหญิง ศรุชา, จีจี้ ณัฐกุล, พลอย ทิพยร์มิดา The Golden Song SS 4, เบลโลล่ากนิษฐา The Golden Song SS 5, โก๊ะตุลย์ พันธนนท์ The Golden Song SS 6, บิ๊ก จักริน The Golden Song SS 6 และ ณัฐ - นัท - พลอย - อ๊อฟ - อั่งเปา - แอน จาก The Golden Song SS 7 นักแสดงจาก CHANGE2561 ได้แก่ ลูกหมี, ซอนญ่า นักแสดงจาก GMMTV ได้แก่ ป๋อมแป๋ม นิติ, น้ำตาล ทิพนารี, ฟิล์ม รชานันท์, เลิฟ ภัทรานิษฐ์, จูเนียร์ ปณชัย, มาร์ค จิรันธนิน, ไบร์ท รพีพงศ์, ปาแปง พรพมพิริยะ, เอิร์น ปรียาภัทย์, กอล์ฟ กิติพันธ์ ดีเจจาก GMM MEDIA ได้แก่ อั๋น ภูวนาท และ เป้ วิศวะ โดยปีนี้ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ตั้งใจถ่ายทอดแนวคิด มาร่วมเดินทางต่อ... ไปด้วยกัน ด้วย พลังบวก ของพวกเรา GO TOGETHER WITH POSITIVE SYNERGY ผ่านกิจกรรม อาทิ การส่งต่อ พลังบวก ให้แก่ทุกคน โดยเขียนข้อความสร้างแรงบันดาลใจลงแผ่นอวย พรพร้อมทั้งคลิปวิดีโอคำอวยพรของผู้บริหารและศิลปิน รวมถึงไฮไลท์ของปีนี้คือคำอวยพรพร้อมพลังบวกจาก ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ที่ส่งถึงผู้บริหาร ศิลปินและพนักงานทุกคน โดยมีข้อความว่า...รถไฟเหาะ อาชีพของพวกเราไม่ว่าจะเป็นเพลง เป็นหนัง เป็นละคร ล้วนแล้วแต่มีวิถีชีวิตราวกับรถไฟเหาะ Roller Coaster ตามสวนสนุก เต็มไปด้วยการหกคะเมนตีลังกาน่าตื่นเต้น น่าเสียวไส้ แต่สนุกเรามีปัญหาอุปสรรค์ท้าทายมากมายตั้งแต่ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าผลิตผลงานออกมาโดนไหมเป็นที่นิยมไหม ถ้าใช้ได้ ก้าวต่อมา คือแข่งกับคู่แข่งได้ไหม ปรากฏว่าดีเลิศชนะคู่แข่ง ปัญหาไม่ได้จบเพียงเท่านั้น ยังมีภาวะเศรษฐกิจมาเป็นปัจจัยชี้วัดความสำเร็จอีกและที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด คือ เทคโนโลยีดิสรัปชั่นที่จะกวาดล้างเปลี่ยนแปลงสภาวะธุรกิจอาชีพของเราในชั่วพริบตา พวกเรายืนหยัดอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มา 42 ปี จากรุ่นสู่รุ่นบากบั่นฟันฝ่ามาตลอดเส้นทางเดี๋ยวเหาะขึ้น เดี๋ยวเหาะลง เป็นอย่างนี้เรื่อยมาถามว่าลำบากลำเค็ญมากไหม ตอบได้ว่ามากถามต่อว่าแล้วทำไมไม่เลิกเสียละ ตอบว่า ยังสนุกอยู่ อยากมาทำเอง ไม่มีใครบังคับเพราะชอบงานอาชีพนี้ เพราะฉะนั้น คนอย่างพวกเรา คงต้องมีพลังบวกอยู่กับตัวอยู่แล้ว จงมาร่วมเดินทางต่อ... ไปด้วยกันนะพวกเรา GO TOGETHER WITH POSITIVE SYNERGY ซึ่งตลอด 42 ปีที่ผ่านมา...อาชีพของพวกเราเต็มไปด้วยความท้าทายเหมือนรถไฟเหาะที่ทั้งเหนื่อย ทั้งสนุกแต่พวกเรายังยืนหยัดได้ด้วยหัวใจที่รักในสิ่งที่ทำและสิ่งที่ทำให้เรายังเดินหน้ามาจนถึงวันนี้...คือ พลังบวกที่อยู่ในตัวของพวกเราทุกคน เรื่องราวความผูกพันของครอบครัวจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ตลอดจนการสร้างแรงบันดาลใจที่สะท้อนถึง การเดินทางร่วมกัน ตลอด 42 ปี ซึ่ง จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ไม่ได้แค่สร้างเสียงเพลง แต่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมาย และวันนี้พวกเขาพร้อมเดินทางต่อไปด้วยกันเพื่อส่งต่อ พลังบวก ให้ขยายออกไปไม่สิ้นสุด ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความสามารถมากมาย ทั้งนักแต่งเพลงนักเขียนบทละคร และนักแสดง รวมถึงทรัพยากรในอุตสาหกรรมบันเทิงที่พร้อมดังนั้นเราคือพาหนะสำคัญในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศให้ออกไปประจักษ์ในต่างประเทศ จึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยอาศัยประสบการณ์กว่า 40 ปี ที่ยังคงยึดมั่นในความรักและความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ผลงานดีๆ เพื่อมอบให้แก่ผู้ชม เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ เปิดเผยว่า ชีวิตของเบิร์ดกับ แกรมมี่มันคือชีวิตเดียวกัน ผูกพันกันมายาวนานมาก เหมือนครอบครัวเดียวกัน เบิร์ดรู้สึกว่าไม่ว่าแกรมมี่จะมีอะไรให้ทำ เบิร์ดก็พร้อมเต็มที่เสมอเพราะสิ่งหนึ่งที่อยู่ในแกรมมี่ตลอด คือ พลังบวก ของคนที่นี่ที่ส่งต่อถึงกันจนกลายเป็นแรงใจให้เบิร์ด และเชื่อว่ามันจะเป็นพลังดีๆ ให้เราจะเดินทางต่อไปด้วยกันครับ นัท มีเรีย เปิดเผยว่า ปีที่ 42 ของแกรมมี่ ถือเป็นการเดินทางอันยาวนานที่อยู่เคียงคู่คนไทยมาตลอดและยังคงสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพให้กับผู้ชมอย่างต่อเนื่องขอบคุณทีมงานแกรมมี่ทุกคนที่ร่วมกันผลักดันไม่ว่าจะเป็นละครหรือเพลงให้เป็นสิ่งที่จรรโลงใจและขับเคลื่อนชีวิตของผู้คนต่อไปได้อย่างน้อยขอให้เพลงของเราอยู่ในใจทุกคนค่ะ นิโคล เทริโอ เปิดเผยว่า หากไม่มีแกรมมี่ ก็อาจไม่มีนิโคลเราผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย ตั้งแต่ยุคเทป ยุค MP3 จนถึงยุคสตรีมมิ่งผ่านทุกช่วงเวลาของวงการเพลงซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจึงอยากจะเป็นกำลังใจให้กับวงการเพลงและอยากให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนศิลปินไทย
ดาราเดลี่บันเทิง • 14 พ.ย. 68
อ่าน
รีวิวหนัง IT Chapter 2 โผล่จากนรก2
เครดิตภาพ WarnerBrosหนังเล่าเรื่องต่อจากภาคที่แล้วประมาณ27 ปีหลังจากจบเรื่อง เหล่า แก๊งค์เด็กขี้แพ้ในวันนั้นพวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว กลับมารวมตัวกันที่เมืองเดอร์รี่เพื่อจะสานต่อภารกิจเดิมเมื่อ27 ปีที่แล้วให้สำเร็จโดยการกำตัดตัวตลกเพนนีไวซ์ ที่กำลังจะกลับมาสร้างความเขย่าขวัญให้กับทุกคนในหมู่บ้านนี้ในส่วนของการดำเนินเรื่องหนังยังคงทำได้ดีและดีกว่าภาคแรกด้วยครับ หนังเน้นให้คนดูหลอนจากความกลัวมากกว่าที่จะอัดฉากตุ้งแช่ให้คนดูสะดุ้งจนหัวใจจะวาย แต่หนังค่อย ๆ ใส่ความหลอนเข้าผสมผสานกับฉากของเรื่องซึ่งทำออกมาได้หลอนและน่ากลัวมาก โดยเฉพาะช่วงฉากท่อระบายน้ำซึ่งชวนแหวะและขยะแขยงมาก และสิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือสายใยของความเป็นเพื่อนรักที่แม้จะห่างหายกันไปนาน แต่เมื่อกลับมาเจอกันพวกเขาก็มีมิตรภาพที่ดีเหมือนเดิม ทำให้ผู้ชมที่มีความทรงจำที่ดีกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานมากและเคยอยู่ในสถานที่ที่มีความทรงจำร่วมกัน ก็อาจจะมีแอบซึ้งและอมยิ้มกันบ้าง เครดิตภาพ WarnerBrosหนังผสมผสานความหลากหลายอารมณ์เข้าด้วยกัน ฮา ยิ้ม เศร้า คือครบมากทุกอารมณ์ แถมการตัดสลับฉากและการเดินเรื่องไม่แย่เท่าภาคแรกที่ตัดอารมณ์คนดูดื้อ ๆ ถือว่าภาคนี้เขาทำการบ้านมาดีอยู่ครับ แต่อย่าเพิ่งรู้สึกว่าระยะเวลาเกือบสามชั่วโมงของหนังเรื่องนี้จะทำให้คนดูรู้สึกอืดอาดยืดยาดหรือรู้สึกเบื่อนะครับ เลิกคิดไปได้เลยเพราะหนังเดินเรื่องได้น่าตื่นเต้นและน่าค้นหาไปกับปมและเหตุการณ์ต่าง ๆส่วนตัวปิศาจอย่าง เพนนีไวซ์กลับมาภาคนี้หลอนหนักกว่าเก่า น่ากลัวและน่าเกียจกว่าภาคที่แล้วเยอะครับ และความแหวะที่แหวะจริงจังขนาดนี้ สาวกหนังสายแหวะคงปลื้มกันน่าดูเลย แต่ก็จะมีบางกลุ่มที่ไม่ชอบอะไรแหวะ ๆ ก็อาจจะไม่ชอบหรือไม่โอเคก็พาร์ทนี้ไปเลย ความฮึกเหิมในช่วงท้ายที่เหล่ากลุ่มเพื่อนรวมใจกันกลับมาต่อสู้เจ้าเพนนีไวซ์อีกครั้ง และช่วงฉากระทึกนี้ก็เล่นกับอารมณ์ของคนดูได้อย่างมีจังหวะจะโคลน มีบางช่วงที่หายใจไม่ทั่วท้องก็เป็นมาแล้วคะแนนเนื้อเรื่อง 9/10 ภาคนี้เป็นการสื่อสารและสะท้อนเรื่องราวของความเป็นเพื่อนรัก โดยหนังเดินเรื่องตามกฎเกณฑ์เดิมของภาคแรกเลยคือเจ้าปิศาจเพนนีไวซ์ที่จะต้องโผล่ออกมาทุก ๆ 27 ปีนั่นเองเครดิตภาพ WarnerBrosข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์1. สามัคคีคือพลัง เมื่อพวกกลุ่มขี้แพ้มารวมตัวกันเพื่อปราบปิศาจร้ายในวัยที่โตขึ้น แม้ว่าปิศาจจะมีพลังมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่ด้วยประสบการณ์ในช่วงวัยเด็กที่พวกเขาไม่มีความสามารถพอที่จะต่อกรกับปิศาจได้ แต่ด้วยความต้องการที่มุ่งมั่น พวกเขาจึงกลับกันมาที่เมืองนี้และทำเป้าหมายให้สำเร็จ2. ความน่ากลัวและความน่าขยะแขยงของปิศาจ ภาคนี้หนังทำให้ปิศาจเพนนีไวซ์ดูน่ากลัวและน่ารังเกียจมากกว่าเก่า เพราะด้วยพาร์ทความเป็นผู้ใหญ่ของนักแสดงนำ ที่จะให้มาเผชิญกับปิศาจหน่อมแหน้มก็คงไม่ใช่หากใครที่เคยชมภาคแรกมาก่อน แนะนำว่าภาคนี้ก็ห้ามพลาดเลยนะครับ เพราะถือว่าเป็นการก้าวกระโดดของวัยนักแสดงในเรื่อง รวมถึงปิศาจเองก็ร้ายกาจและน่ากลัวขึ้นเช่นกันเครดิตภาพปก WarnerBros
Tycan • 22 เม.ย. 63
อ่าน
The Strangers: Chapter 1 เดอะ สเตรนเจอร์ส: อำมหิตฆ่าไม่สน
เรื่องย่อ The Strangers: Chapter 1 เดอะ สเตรนเจอร์ส: อำมหิตฆ่าไม่สน ชื่อเรื่อง The Strangers: Chapter 1ประเภท สยองขวัญ / ระทึกขวัญนำแสดงโดย มาเดอลีน เพทสช์, ฟรอย กูเทียร์เรซ, เรเชล เชนตัน, แกเบรียล บาสโซกำกับโดย เรนนี ฮาร์ลินกำหนดฉาย 16 พฤษภาคม 2024ความยาว 91นาที
เรื่องย่อหนัง • 17 มี.ค. 67
อ่าน
รีวิวซีรีส์: Be Together ที่คอซีรีส์จีนไม่ควรพลาด
เครดิตภาพ: Be Together ฮัลโหลต้าเจียห่าววันนี้มาพบกับXiaotang อีกเช่นเคย และวันนี้Xiaotang ไม่ได้มาตัวเปล่าแต่จะพกซีรีส์จีนมารีวิวให้ผู้อ่านที่น่ารักได้อ่านกันเป็นซีรีส์เรื่องใหม่ที่กำลังออนแอร์ให้ชาวTrue ID In - Trend และคอซีรีส์ได้ติดตามและรับชมกันเครดิตภาพ: 4 BT ซีรีส์ Be Together เป็นเรื่องราวของผู้หญิงสี่คนที่ใกล้จะย่างก้าวเข้าสู่วัยสามสิบปีเซี่ยหยาน ฮั่นซวง จ้าวเสี่วหลี และเซียงน่านผู้หญิงทั้งสี่คน พวกเธอเป็นเพื่อนรักกัน และหลังจากสำเร็จการศึกษาทั้งสี่คนก็ทำงานและได้พักอาศัยอยู่ในเมืองเดียวกันเครดิตภาพ: TOGETHERซีรีส์: Be Together 我和我们在一起 [ Wo He Wo Men Zai Yi Qi ]ผู้กำกับ: Cui Liangผู้เขียนบท: หยวนฉ่วยประเภท: โรแมนติก ประเทศ: จีนจำนวนตอน: 36ฉายในปี: 2020ออนแอร์ทาง: Mango TV (MGTV)ระยะเวลา: 45 นาทีคะแนน: 7 / 10 (จากxioataong) บริษัท ผลิตภาพยนตร์: กลุ่ม Huace Mango Entertainment เรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนสี่คนที่ทำงานและอาศัยอยู่ในเมืองเดียวกันเซี่ยหยาน เหลียงซวง จ้าวเสียวหลี และเซียงน่าน เมื่อพวกเขาใกล้จะย่างเข้าวัยสามสิบสาวทั้งสี่คนที่สนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยจะโอบกอดชีวิตด้วยกัน นับตั้งแต่สำเร็จการศึกษา เซี่ยหยาน ทำงานด้านไอทีปรารถนาที่จะสร้างแอปที่สามารถช่วยเหลือผู้คนได้ ขณะที่พยายามทุ่มเทให้กับงานของเธอเธอก็พบรักตลอดทาง ฮั่นซวง ผู้มีความฝันที่จะเป็นนักออกแบบตัดสินใจที่จะเริ่มต้นด้วยตัวเองด้วยการทำงานที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ จ้าวเสี่ยวหลี กลายเป็นซึมเศร้าหลังจากถูกแฟนของเธอทิ้งไว้วันหนึ่งก่อนแต่งงาน แต่เธอเรียนรู้ที่จะเอาชนะความไม่มั่นคงของเธอผ่านความช่วยเหลือจากเพื่อนและครอบครัว เซียงหน่าน ผู้เป็นหมอดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าในสี่คนนั้น อย่างไรก็ตามเธอเป็นคนอารมณ์แปรปรวนมากที่สุดจนกระทั่งการเผชิญหน้าที่ไม่คาดคิดเปลี่ยนมุมมองของเธอเครดิตภาพ: Xia Yanเซี่ยหยาน(Xia Yan) ปรารถนาที่จะสร้างแอปพลิเคชันที่มีคุณภาพที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของผู้คน หลังจากสำเร็จการศึกษาเธอเข้าสู่อุตสาหกรรมไอทีและด้วยการทำงานอย่างหนักของเธอกลายเป็นหนึ่งในตัวแทนโครงการขององค์กร SG เธอยังได้รับความรักที่แท้จริงหลังจากมีความสัมพันธ์ที่วุ่นวายมากมายเครดิตภาพ: Han Shuangฮั่นซวง(Han Shuang) ซึ่งมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยตัดสินใจที่จะกระโดดออกจากเขตความสะดวกสบายของเธอ กลายมาเป็นนักออกแบบและเพื่อเติมเต็มความฝันของเธอในการการเป็นนักออกแบบ เธอจึงเริ่มจากงานด้านล่างและกลายเป็นคนที่หาตัวจับได้ยากที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ เครดิตภาพ: Zhao Xiaoleiจ้าว เสียวหลี(Zhao Xiaolei) มาจากครอบครัวที่มีฐานะพอมีพอกิน วันหนึ่งก่อนพิธีแต่งงานแฟนของเธอเลิกกับเธอ ด้วยการสนับสนุนจากครอบครัวของเธอในที่สุดเธอก็เดินออกจากเงาของความสัมพันธ์และฟื้นความมั่นใจของเธอเครดิตภาพ: Xiang Nanเซียงหน่าน(Xiang Nan) เป็นแพทย์ที่ดูสงบและมีเหตุผล แต่จริงๆ แล้วมีจิตใจภายในที่ปิดสนิท วันหนึ่งเธอพบกับอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันซึ่งช่วยให้เธอเปลี่ยนมุมมองในชีวิต เรื่องนี้xiaotang อยากจะฝากให้เป็นอีกเรื่องที่ควรดูและไม่อยากให้ทุกคนพลาดเพราะเป็นเรื่องราวที่ลึกซึ้ง อย่าลืมไปดูกันนะ
Xiaotang • 13 ส.ค. 63
อ่าน
“กรุงศรี” จัดงาน Krungsri Tech Day 2023: Together Now and Next ขนทัพนวัตกรรมโลกการเงินแห่งอนาคต
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เสนอภาพความเป็นผู้นำในด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง (Digital banking) ของไทย เปิดบ้านแสดงนวัตกรรมและโซลูชันที่ตอบโจทย์ผู้ใช้เป็นสำคัญ (Human-Centric Innovations) ในงาน Krungsri Tech Day 2023 : Together Now and Next พร้อมด้วยพันธมิตรบริษัทด้านเทคโนโลยี สตาร์ตอัป และผู้ทรงคุณวุฒิ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมาภาพรวมการจัดกิจกรรม Krungsri Tech Day 2023โดยกิจกรรมภายในงาน Krungsri Tech Day 2023 ครั้งนี้ เป็นการแนะนำให้รู้จักกับเทคโนโลยีและโซลูชันทางการเงินแห่งอนาคต อาทิ การให้บริการทางการเงินแบบเปิด (Open Banking) การชำระสินค้าด้วยการสแกนใบหน้า การโอนถ่ายข้อมูลผ่านเสียง และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่างแชตบอต (Chatbot) และ ปัญญาประดิษฐ์แบบตอบโต้ได้ (Generative AI)ในงานยังจัดแสดงผลิตภัณฑ์และบริการของกรุงศรีที่เสนอให้ทั้งลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจ โครงการพิเศษที่ทาง กรุงศรี นิมเบิล (Krungsri Nimble) ซึ่งเป็นฮับ (Hub) ในการสร้างและดูแลโซลูชันด้านดิจิทัลเทคโนโลยี ร่วมมือกับ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ ในการใช้เทคโนโลยี Innovation Project: VR มาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ทางด้านการแพทย์ เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคกลัว (Phobia)อีกหนึ่งนวัตกรรมจากกรุงศรี คือ กรุงศรี ฟินโนเวต (Krungsri Finnovate) การสนับสนุนและลงทุนในเทคโนโลยีนวัตกรรมและสตาร์ตอัปทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค ร่วมแนะนำการลงทุนในกองทุนและกลุ่มสตาร์ตอัป รวมถึงโซลูชันจากพันธมิตรบริษัทด้านเทคโนโลยีระดับโลกกรุงศรียังได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสาขาต่าง ๆ มาร่วมจัดเทคทอล์ก (Tech talk) หรือการจัดเสวนาหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีภายในงาน อาทิ ราชสุดา รังสิยากูล ผู้บริหาร PTTOR และผู้อำนวยการโครงการ Orion , คมสันต์ ลี จาก Flash Group, ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ จาก Efrastructure Group และผู้บริหารจากบริษัทสายเทคชั้นนำระดับโลกอย่าง Microsoft, Kyndryl, Beryl8โดยตัวอย่างการเสวนาในหัวข้อ Transformation through Partnership - พันธมิตรสร้างกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลง ได้พูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือของกรุงศรีกับพันธมิตร ซึ่งธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของไมโครซอฟท์ ประเทศไทย หนึ่งในผู้ร่วมเสวนา ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับ AI ที่เปลี่ยนโลกว่า ถ้าคิดว่า AI จะมาทำงานแทนเราหรือไม่มันก็จบที่ตรงนั้น เพื่อสื่อว่าการเปลี่ยนแปลง (Transformation) คือการหากลยุทธ์ที่ทำให้ AI เข้ามาทำงานร่วมกับแรงงานและบุคลากร เพื่อให้มนุษย์มีเวลาทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้น และลดการใช้ทรัพยากรลงด้วยเทคโนโลยีการเงินคือหัวใจการให้บริการของกรุงศรีกรุงศรีมองว่าอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารในวันนี้เปลี่ยนจากการทำธุรกรรม (Transaction Business) กลายเป็นธุรกิจที่เน้นสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า (Experience Business) หรือเรียกว่า Banking as a Service โดยยกตัวอย่างบริการ Buy Now Pay Later เป็นหนึ่งในตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีเพื่อการส่งมอบประสบการณ์ให้กับลูกค้าธนาคารนายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลของกรุงศรี กล่าวว่า ในปีนี้ กรุงศรีได้เริ่มดำเนินการพัฒนาด้านดิจิทัลเทคโนโลยีด้วยแผนการลงทุนมูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก (Human-Centric Innovations) กรุงศรีแสดงเจตจำนงขึ้นแท่นผู้นำเทคโนโลยีการเงินในไทยนอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในด้านต่าง ๆ แล้ว กรุงศรียังยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีด้วยการย้ายศูนย์คอมพิวเตอร์หลักไปที่ศูนย์แห่งใหม่ ซึ่งแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสแรกของปี 2023 ด้วยงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ตั้งเป้ารองรับการพัฒนาและการขยายตัวของธุรกิจใน 20 ปี ข้างหน้ากรุงศรี ตอบคำถามสื่อมวลชนเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล (Digital transformation) ว่าทางธนาคารกำลังดำเนินการยกระดับระบบงานหลักของธนาคาร หรือ Core Banking เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในยุคดิจิทัลแบงก์กิ้งทั้งระบบ ไม่ใช่แค่เรื่องของการทำธุรกรรมเท่านั้น ทั้งในแง่การนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์และการดำเนินงานขององค์กร รวมถึงให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity) ด้วยในขณะเดียวกัน ทางธนาคารได้เตรียมรองรับระบบพร้อมบิซ (PromptBiz) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นระบบที่มีพื้นฐานคล้ายคลึงกับพร้อมเพย์ (PromptPay) แต่เป็นระดับธุรกรรมสำหรับองค์กรด้วย โดยนายสยาม ประสิทธิศิริกุล มองว่าผู้ประกอบการรายย่อย (SME) จะได้รับประโยชน์จาก PromptBiz จากต้นทุนแฝงของงานเอกสาร การทำระบบชำระและวางบิล (Invoice Payment) และช่วยเพิ่มการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ในอนาคตกรุงศรี ยังมีการทดสอบโครงการ Pilot Retail CBDC ที่พัฒนาแอปพลิเคชัน CBDC Krungsri สำหรับทดสอบการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลสำหรับภาคประชาชน ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รวมไปถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI/MI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการให้กับลูกค้าด้วยเช่นกันที่มาข้อมูล กรุงศรี
TNN ช่อง16 • 11 ต.ค. 66
อ่าน
The Strangers Chapter 2
เรื่องย่อ The Strangers Chapter 2 ชื่อเรื่อง The Strangers Chapter 2ประเภท ระทึกขวัญ / ลึกลับนำแสดงโดย มาเดอลีน เพทสช์, กาเบรียล บาสโซ, เอมา ฮอร์วาธกำกับโดย เรนนี ฮาร์ลินกำหนดฉาย 25 กันยายน 2025ความยาว 98 นาที
เรื่องย่อหนัง • 10 ส.ค. 68
อ่าน
ชวนฟังเพลง ลองเลิกกันดีใหม ( Next Chapter ) ของ PiXXiE ทางเลือกสุดท้ายของความสัมพันธ์
ปล่อยออกมาแล้วสำหรับเพลงช้า เนื้อหาเศร้า อย่างเพลง ลองเลิกกันดีไหม (Next Chapter) ของ 3 สาวจากวง PiXXiE อย่าง มาเบล–สุชาดา สอนพันธ์, พิมมา–พิมพ์มาดา ใจสักเสริญ และ อิงโกะ–อินท์ปาลี โชติหิรัญธนนนท์ เกิร์ลกรุ๊ป T-POP สุดน่ารักที่มีความโดดเด่นทั้งการร้องและการเต้น ภายใต้สังกัดค่าย LIT Entertainment โดยเพลงลองเลิกกันดีไหม เนื้อหาของเพลงบอกเล่าถึงเรื่องราวของความสัมพันธ์ของคู่รักที่หลาย ๆ คู่เคยเจอ แม้ว่าจะยังอยู่ด้วยกัน แต่ความรู้สึกที่มีให้กันเหมือนห่างกัน ที่ทั้งพยายามทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะลองพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจ ปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ลองห่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์ แต่ความรู้สึกที่มีให้กันก็ยังไม่ดีขึ้น จนเกิดเป็นคำถามว่าถ้าหากมา ‘ลองเลิกกันดีไหม’ เพราะไม่อยากจากกันจากความสัมพันธ์นี้ด้วยความทรงจำที่ไม่ดีต่อกัน ท่อนที่ชอบที่สุดของเพลงนี้คือท่อน " ลองห่างก็แล้ว ลองปรับก็แล้ว ลองสักกี่ครั้งก็ยังไม่ช่วยอะไรเลย ถ้าอยู่กันแบบนี้ ไม่ได้รู้สึกดี ถ้างั้นเรามาลองทางเลือกสุดท้าย " สำหรับมิวสิควิดีโอ ถ่ายทอดเรื่องราวของความสัมพันธ์ของผู้หญิงสามคนที่กำลังเผชิญปัญหาความสัมพันธ์ของความรักที่แตกต่างกัน แต่วิธีการปัญหาของความสัมพันธ์นี้ก็มีเพียงทางออกเดียว ก็คือการลองเลิกกัน โดยทั้งสามสาว PiXXie ร่วมแสดงใน MV นี้ด้วย นอกจากนี้ยังมี ปอร์เช่-ศิวกร หรือ ปอร์เช่ TRINITY , ซาร่าห์-ศญพร หรือ Sarah Salola และ ตน-ต้นหน มาร่วมแสดงและถ่ายทอดเรื่องราวของความสัมพันธ์ของความรักทั้งสามรูปแบบด้วย https://www.youtube.com/watch?v=-hcM6sBS6wc ด้วยเพลงมีเนื้อหาที่เข้าใจง่าย บ่งบอกถึงความรู้สึกที่เจ็บปวดกับทางเลือกที่เหลืออยู่ของความสัมพันธ์แบบคนรัก ดนตรีฟังง่ายสไตล์ T-POP มีจังหวะช้า ๆ ฟังแล้วโดนใจ ประกอบกับเสียงร้องใสๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของสามสาว ส่งให้เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่ทำให้อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ลองตามไปฟังตามกันและติดตามให้กำลังใจสาว ๆ วง PiXXie ได้ ขอบคุณภาพประกอบบทความ ภาพที่ 1 ภาพปก 5 IG : pixxie_official , ภาพที่ 2 , 3 , 4 IG : litentertainment.th ขอบคุณวิดีโอประกอบบทความ Youtube : LIT Entertainment จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !
Rainbow • 23 ต.ค. 66
อ่าน
Trails in the Sky 1st Chapter การรีเมคของเกมระดับตำนาน
ผมขอยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเลยครับ... เป็นเวลานานมากที่ผมมองซีรีส์เกมที่ชื่อว่า "Trails" หรือ "Kiseki" ด้วยสายตาที่เคลือบแคลงสงสัย ผมได้ยินเสียงร่ำลือจากเพื่อนๆ ถึงความยิ่งใหญ่ของมัน เรื่องราวที่มีมาจากต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 13 ภาค ใช้เวลาเล่นนับพันชั่วโมง... และคำถามในใจผมก็ดังขึ้นมาเสมอว่า "มันจะคุ้มค่ากับเวลาขนาดนั้นเชียวหรือ?" ผมเคยคิดว่ามันคงเป็นเพียง JRPG สูตรสำเร็จที่ถูกยืดออกไปเท่านั้น แต่แล้ว... โชคชะตาก็นำพาผมมาพบกับ Trails in the Sky 1st Chapter ฉบับรีเมค และหลังจากที่ผมเล่นได้ไปสักพัก เมื่อเวลาผ่านไปผมทำได้เพียงแค่วางคอนโทรลเลอร์ลง แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ ว่า... "เราคิดผิดมาโดยตลอด" นี่ไม่ใช่แค่การรีวิวเกมครับ แต่นี่คือจดหมายรัก คือคำสารภาพจากใจของคนที่เคยไม่เชื่อ สู่เกมที่มอบประสบการณ์การผจญภัยอันสนุกสนานที่เปี่ยมด้วยหัวใจแห่งความสุขมากที่สุดในเกมหนึ่งของชีวิต และนี่คือเหตุผลว่าทำไมการให้คะแนน 10/10 กับเกมนี้... ถึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายที่สุดสำหรับผม เกมเพลย์ สิ่งแรกที่ทำให้ผมประหลาดใจคือระบบการต่อสู้ที่ "ลึก" เกินกว่าที่ตาเห็น ในเวอร์ชันรีเมคนี้ มันไม่ใช่แค่เกมเทิร์นเบสธรรมดาๆ แต่มันคือกลยุทธ์การวางแผนอย่างแท้จริง หัวใจของมันคือ "ไทม์ไลน์" ที่แสดงลำดับการโจมตีของทุกตัวละครในสนามรบ และหน้าที่ของเราไม่ใช่แค่การเลือกคำสั่งที่แรงที่สุด แต่คือการ "ควบคุม" ไทม์ไลน์นั้นให้อยู่ในกำมือ ผมยังจำความรู้สึกตอนสู้กับบอสตัวหนึ่งได้ดี มันกำลังจะร่ายเวทมนตร์ทำลายล้างใส่ปาร์ตี้ของผม และเทิร์นของมันก็ใกล้จะมาถึงแล้ว แต่ผมสังเกตเห็นว่าการโจมตีครั้งล่าสุดของโจชัว ทำให้เกจ CP (Craft Points) ของเขาเต็ม 100 พอดี ในเสี้ยววินาทีนั้น ผมตัดสินใจกดใช้ท่าไม้ตาย "S-Craft" ผ่านระบบ "S-Break" ทันที! ร่างของโจชัวพุ่งจากท้ายแถวของไทม์ไลน์ขึ้นมาอยู่หน้าสุด แซงคิวบอสตัวนั้น แล้วปลดปล่อยท่าไม้ตายออกไป ไม่ใช่แค่สร้างความเสียหายมหาศาล แต่มันยังขัดจังหวะการร่ายเวทมนตร์ของบอสได้สำเร็จ วินาทีนั้น... ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นยอดนักวางแผนเลยครับ! มันคือความรู้สึกของการพลิกสถานการณ์ด้วยการตัดสินใจที่เฉียบคมเพียงครั้งเดียว ยังไม่หมดแค่นั้น ระบบ "โบนัส" ที่จะสุ่มบัฟต่างๆ มาวางบนไทม์ไลน์ ยิ่งเพิ่มมิติทางกลยุทธ์เข้าไปอีก คุณอาจจะเห็นโบนัส "Critical 100%" อยู่บนเทิร์นของศัตรู แต่ถ้าคุณมีตัวละครที่สามารถใช้ท่า "Delay" หน่วงเทิร์นศัตรูได้ คุณก็สามารถ "ขโมย" โบนัสนั้นมาเป็นของเราได้ มันเปลี่ยนการต่อสู้ให้กลายเป็นการชิงไหวชิงพริบที่สนุกและตื่นเต้นตลอดเวลา และระบบที่เปรียบเสมือนเสาหลักของเกมนี้ทั้งหมดคือ "Orbment" ที่คล้ายกับระบบ Materia ใน Final Fantasy VII มันคือการบังคับให้เราต้องคิดอย่างรอบคอบว่าจะสร้างตัวละครแต่ละตัวไปในทิศทางไหน เอสเทลของผมกลายเป็นนักรบสายพลังทำลายล้าง อัดแน่นไปด้วยควอตซ์เพิ่มพลังโจมตี ในขณะที่โจชัวผู้ปราดเปรียว กลายเป็นตัวละครสารพัดประโยชน์ที่ทั้งโจมตีเร็วและใช้เวทมนตร์สนับสนุนได้ มันคือระบบที่เรียบง่ายแต่เปิดกว้างให้เราได้ทดลองอย่างอิสระ เนื้อเรื่อง ถ้าเกมเพลย์คือสมองที่เฉียบคม เรื่องราวและตัวละครก็คือ "จุดแข็ง" ที่แสนอบอุ่นของเกมนี้ครับ สิ่งที่ผมรักที่สุดใน Trails in the Sky คือการที่มันไม่ได้เล่าเรื่องของ "ผู้ถูกเลือก" ที่ต้องกอบกู้โลก แต่เป็นเพียงเรื่องราวการเดินทางของเด็กหนุ่มสาวสองคน เอสเทล และ โจชัว ที่มีความฝันอยากจะเป็น "เบรเซอร์" (นักแก้ไขปัญหาสารพัดนึก) ที่เก่งกาจเหมือนพ่อของพวกเขา มันคือจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยแบบคลาสสิกที่ผมโหยหามานาน คล้ายกับความรู้สึกที่ได้เล่น Dragon Quest เป็นครั้งแรก เป้าหมายของพวกเขาเรียบง่ายแต่ทรงพลัง: "ออกเดินทางไปบนผืนดินที่พวกเขาตั้งใจจะปกป้องด้วยสองเท้าของตัวเอง" และบนเส้นทางนั้น เราก็ได้พบกับเหล่าตัวละครสมทบที่ผมกล้าพูดได้เลยว่า "ยอดเยี่ยมทุกตัว" ไม่ว่าจะเป็น อาเกต นักดาบจอมหัวรั้นแต่จิตใจดี, โอลิวิเย่ร์ เจ้าชายเพลย์บอยผู้สร้างสีสันและความปวดหัว, หรือ เชราซาร์ด เบรเซอร์รุ่นพี่สุดเซ็กซี่ ทุกคนล้วนมีเสน่ห์และบทบาทที่น่าจดจำ ไม่มีตัวละครไหนเลยที่ผมรู้สึกว่า "น่ารำคาญ" หรือ "อยากให้มีบทน้อยกว่านี้" พวกเขารู้สึกเหมือนเป็นกลุ่มเพื่อนที่ค่อยๆ สนิทสนมกันจริงๆ ผ่านการเดินทางที่ยาวนาน แต่ความมหัศจรรย์ที่แท้จริงคือ "โลกในเกม" ของอาณาจักรลิเบอร์ลครับ ทุกครั้งที่คุณผ่านเหตุการณ์สำคัญในเนื้อเรื่องไป บทสนทนาของ NPC ทุกตัวในเมืองจะเปลี่ยนไปทั้งหมด! พวกเขาจะพูดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น พูดถึงข่าวลือต่างๆ มันทำให้ผมรู้สึกว่าโลกใบนี้ไม่ได้หยุดนิ่งรอเราอยู่เฉยๆ แต่มันกำลังดำเนินต่อไปพร้อมกับเรา มันคือความใส่ใจในรายละเอียดในระดับที่ผมไม่เคยเห็นจากเกมไหนมาก่อน และมันให้รางวัลกับความช่างสังเกตของผมอย่างมหาศาล ถ่ายทอดออกมาได้อย่างทรงพลัง แม้จะเป็นเกมที่รีเมคมาจากรากฐานเก่า แต่ทีมงานได้ขัดเกลางานภาพและเสียงจนมันเปล่งประกายได้อย่างน่าทึ่ง เพลงประกอบที่เป็นเวอร์ชันรีมิกซ์จากต้นฉบับนั้นยอดเยี่ยมมาก มันสามารถถ่ายทอดทั้งความรู้สึกของการผจญภัยอันสดใสและความลึกลับของแผนการร้ายที่ซ่อนอยู่ได้อย่างลงตัว แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องทึ่งจนอ้าปากค้าง คือ "การกำกับคัทซีน" ครับ ผมขอยกฉากหนึ่งที่ตราตรึงอยู่ในใจผมจนถึงตอนนี้ คือฉากการต่อสู้ด้วยดาบระหว่าง โคลเอ้ และ เอสเทล ในการแสดงละครเวที มันไม่ใช่แค่คัตซีนที่ตัวละครสองตัวยืนฟันดาบใส่กัน แต่มันคืองานออกแบบท่าเต้นที่งดงามและงานกล้องที่น่าทึ่ง กล้องหมุนตามการเคลื่อนไหวของทั้งสองคนที่กำลังร่ายรำเพลงดาบใส่กันอย่างดุเดือดแต่ก็สวยงาม ผมเผลอกลั้นหายใจไปตลอดทั้งฉาก และเมื่อมันจบลง ผมถึงกับต้องวางจอยเพื่อตั้งสติ... นี่คืองานศิลปะ คือการเล่าเรื่องผ่านภาพเคลื่อนไหวที่ทรงพลังอย่างแท้จริง บทส่งท้าย Trails in the Sky 1st Chapter คือเกม RPG ที่ผมสามารถพูดได้อย่างเต็มเสียงว่า "นี่คือเกมที่คุณต้องเล่น" มันคือประตูบานแรกที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับใครก็ตามที่อยากจะเข้าสู่โลกของ JRPG และในขณะเดียวกัน มันก็คือบทเรียนชั้นครูในการออกแบบเกมสำหรับแฟนพันธุ์แท้ของแนวนี้ "จิตวิญญาณ" ที่เกมนี้ทิ้งไว้ในใจของผม คือ "ความสุขของการเดินทางที่เรียบง่าย" มันคือการย้ำเตือนเราว่า เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการกอบกู้โลกเสมอไป บางครั้งมันก็เริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ ของเด็กสองคนที่แค่อยากจะเดินตามรอยเท้าของพ่อ, อยากจะช่วยเหลือผู้คน, และอยากจะรู้จักโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่ให้มากขึ้น มันคือความอบอุ่นของมิตรภาพ, ความตื่นเต้นของการค้นพบ, และความรู้สึกดีๆ ที่จะคงอยู่กับคุณไปอีกนานหลังจากเล่นจบ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนๆ ถึงรักซีรีส์นี้มากขนาดนี้ และการรอคอย Trails 2nd ฉบับรีเมค ก็ได้กลายเป็นการรอคอยที่เปี่ยมไปด้วยความหวังและความตื่นเต้นที่สุดของผมในตอนนี้แล้วครับ เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
jjonline5581 • 22 ก.ย. 68
อ่าน
กลยุทธ์ M-NEXT โดย Merkle Capital ทางเลือกการลงทุนในโทเคนดิจิทัล
#โทเคน #ทันหุ้น - จากความสำเร็จ Trigger 1 (M-T1) บรรลุเป้าหมายผลตอบแทน 30% ภายใน 48 วัน และTrigger 2 (M-T2) ผลตอบแทน 20% ภายใน 20 วัน Merkle Capital ยังมีกลยุทธ์จัดการเงินทุนอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น Next Generation (M-NEXT) ที่มีเงื่อนไขการลงทุนใน DeFi, Web 3.0, Metaverse, Blockchain Infrastructure, DePin และ Liquid Staking รูปแบบสะสมมูลค่า โดยลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถเพิ่ม/ลดทุน ได้ทุกวันทำการ ปี 2024 กระแสการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะ Bitcoin ที่ราคาพุ่งสูงแตะ 70,000 ดอลลาร์ หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการอนุมัติกองทุน Bitcoin ETF สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้มีแค่ Bitcoin ยังมีโทเคนดิจิทัลอีกมากมายที่น่าสนใจ ซึ่งบางครั้งมีการปรับตัว ขึ้นของราคาสูงกว่า 30% ภายในวันเดียว อีกทั้ง โทเคนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีจำนวนมาก และมีการเสนอขายเพิ่ม ขึ้นตลอดเวลา จึงทำให้มีอุปสรรคในการเลือกลงทุน เพราะหากเลือกลงทุนในโทเคนที่มีพื้นฐานไม่ดี ยามตลาดปรับตัวลง นักลงทุนอาจขาดทุนมหาศาลได้ บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จํากัด จึงนำเสนอกลยุทธ์จัดการเงินทุน Next Generation (M-NEXT) มีนโยบายเน้นลงทุนในโทเคนดิจิทัลชั้นนํา (Top Digital Token) ที่มีแนวโน้มเติบโตของแต่ละกลุ่มธุรกิจ สินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านการคัดกรองจากบริษัท ทั้งนี้ ในช่วงต้น บริษัทจะลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล 6 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1. Decentralized Finance (DeFi) กลุ่มอุตสาหกรรมทางการเงินแบบกระจายศูนย์บนระบบ บล็อกเชน โดยใช้กลไกควบคุมการดำเนินการต่างๆ ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดผ่าน Smart Contract 2. Web 3.0 Service กลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain เป็นตัวจดบันทึกข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้บริการกับผู้ใช้งาน 3. Metaverse กลุ่มอุตสาหกรรมที่สร้างแพลตฟอร์มเพื่อให้ผู้ใช้งานได้เข้าไปมีสังคมและสร้างความ สนุกบนโลกเสมือน 4. Blockchain Infrastructure กลไกที่ทำให้ผู้ถือโทเคน คริปโทฯ มีส่วนร่วมในการรักษาความ ปลอดภัยของเครือข่าย Blockchain พร้อมไปกับการรักาาและเข้าถึงสภาพคล่อง 5. Decentralized Physical Infrastructure Networks (DePin) เครือข่ายโครงสร้าง พื้นฐานทางกายภาพแบบกระจายอำนาจ โดยใช้เทคโนโลยี 6. Liquid Staking กลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้กลไก Smart Contract ในการควบคุมเงื่อนไขการ Staking สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อรับส่วนแบ่งรายได้ Blockchain และโทเคน Next Generation (M-NEXT) บริหารโดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนธุรกิจสินทรัพย์ ดิจิทัล เป็นการลงทุนแบบสะสมมูลค่า ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท โดยอาจมีการปรับกลุ่มธุรกิจตามสภาพตลาดตาม ดุลยพินิจที่บริษัทเห็นสมควร ซึ่งจะแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถเพิ่ม / ลดทุน ทุกวันตามเวลาทำการของบริษัท เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนในช่วงที่จังหวะตลาดอยู่ในภาวะที่เติบโต กลยุทธ์นี้เหมาะกับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง ต้องการเปิดโอกาสกระจายการลงทุนในโทเคนดิจิทัล สามารถ ยอมรับได้และไม่มีข้อกังวลหากเงินต้นมีการปรับตัวลดลงมากกว่า 50% ซึ่งการปรับตัวลดลงนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อค่า ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือผู้ลงทุนที่มีสภาพคล่องคงเหลือจากการลงทุนในตลาดทุนดั้งเดิม เช่น กองทุน, หุ้นสามัญ หรือ ทองคํา เป็นต้น จุดเด่นของ M-NEXT: มือใหม่ ลงทุนได้ : Merkle คัดเลือกโทเคนดิจิทัลที่มีพื้นฐานดี โดยที่นักลงทุนไม่ต้องคัดเลือกโทเคนดิจิทัลด้วยตนเอง เวลาน้อย ลงทุนได้: ไม่ต้องติดตามตลาด 24/7 Merkle ดูแลเงินทุนของคุณให้ กระจายความเสี่ยง: ลงทุนในหลายกลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัล ช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดผันผวน คำเตือน การจัดการเงินทุนในกลยุทธ์ผ่านผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล มีความเสี่ยงจากการลงทุนซึ่งผู้ลงทุนอาจ ไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวน หรืออาจสูญเสียเงินทุนทั้งหมด บริษัทเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งไม่ได้เป็นสถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้ม ครองเงินฝาก และการฝากเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลไว้กับ ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ใช่เงินฝากที่ได้ รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก โดยหากเกิดความเสียหายใดๆ กับบริษัท ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับคืนทรัพย์สินจากผู้ประกอบธุรกิจครบทั้งจำนวนในทันที ตัวเลข ดัชนี หรือผลการดำเนินกิจการในอดีต เป็นเพียงข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาลงทุนเท่านั้น และไม่ถือเป็นการยืนยันผลการประกอบการหรือผลกําไรในอนาคต บริษัทจะมีการนําเงินลงทุนในกลยุทธ์แลกเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Stablecoin ก่อนการเข้า ลงทุนตามสัดส่วนการลงทุนในกลยุทธ์นี้ จึงอาจมีความเสี่ยงที่มูลค่าของ 1 USD Stablecoin อาจลด ลงตํ่ากว่ามูลค่าของ 1 ดอลลาร์สหรัฐ โดยสาเหตุอาจเกิดมาจากความน่าเชื่อถือที่ลดลงของ USD Stablecoin จนทําให้ราคา 1 USD Stablecoin ดังกล่าวตํ่ากว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐ ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ได้จาก งบการเงินและผลประกอบการของบริษัทฯ ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของบริษัทฯ นอกจากนี้ ควรพิจารณาข้อมูลอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจใช้บริการด้วย เช่น คุณภาพของการให้บริการ และ การจัดการข้อร้องเรียนเป็นต้น บริษัทฯ มีการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลไว้กับผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล (third-party custodian) โดยผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของบริษัทฯ สามารถศึกษาและอ่าน รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://merkle.capital/ หรือ ติดต่อLine : @Merkle.capital Website : http://merkle.capital Facebook : Merkle Capital Youtube : Cryptomind Group Tel : 021148314 ที่ทำการ : บริษัทเมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด 944 มิตรทาวน์ ออฟฟิศทาวเวอร์ ชั้น 16 ห้องเลขที่1608 ถนนพระราม 4 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (เวลา 9.00 - 17.00 น.) **คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ **ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต หรือผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของ สินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดำเนินงานในอนาคต เกี่ยวกับ บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ภายใต้การดูแลกำกับ จากสำนักงานก.ล.ต. โดยมีกลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่นักลงทุนสามารถลงทุนได้อย่างปลอดภัย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ บริษัทโปรดดูได้ทางเว็บไซต์ https://merkle.capital/
ทันหุ้น • 29 มี.ค. 67
อ่าน
ประวัติ วง Tomorrow x Together
Tomorrow x Together (투모로우바이투게더) [TXT] เป็นวงบอยเเบนด์ภายใต้สังกัด Bighit Entertainment เช่นเดียวกับวง BTSวงมีสมาชิกทั้งหมด 5 คน คือ ซูบิน ยอนจุน บอมกยู แทฮยอน ฮยูนิงไควงTXTเดบิวต์ในวันที่ 4 มีนาคม 2019 พร้อมกับมินิอัลบั้ม The Dream Chapter : STAR ชื่อแฟนคลับ MOA (ย่อมาจาก Moment of alwaysness)Instagram : txt_bighitTwitter : TXT_bighitTwitter member : TXT_membersYouTube: TOMORROW X TOGETHER OFFICIALขอขอบคุณภาพสวยๆที่ได้มาประกอบบทความจากเว็บไซต์ https://ibighit.com/ (สำหรับคนที่กดเข้าไปในลิงก์อาจะสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีรูปนะคะ ก็คือกดเข้าไปในรูปแบบที่มาในลักษณะหน้าจอล็อกโทรศัพท์ และใส่รหัส 0304 ที่ซึ่งเป็นวันเดบิวต์ของน้องๆนั่นเองค่ะ) ประวัติสมาชิก Picture From :https://ibighit.com/txt/kor/discography/detail/blue_hour.phpSOOBINStage Name (ชื่อในวงการ) : Soobin (수빈) [ซูบิน]Full Name(ชื่อจริง): Choi SooBin (최수빈) [ชเว ซูบิน]Position(ตำแหน่ง):Leader(หัวหน้าวง), Vocalist(ร้อง), Rapper(แร็ป), Dancer(เต้น)Birth Day (วันเกิด): 5 ธันวาคม ค.ศ 2000 (พ.ศ 2543)Age(อายุ) : 20 (สากล) 21 (เกาหลี) [อายุนี้นับในปี2020นะคะ]Zodiac Sign (ราศี) :Sagittarius (ราศีธนู)Height(ส่วนสูง): 185 CM.Weight(น้ำหนัก): 67 KG.Blood Type(กรุ๊ปเลือด): : ANationality(สัญชาติ) : Korean (เกาหลี)Trainee(ระยะเวลาการเป็นเด็กฝึก) : 3 ปี Picture From :https://ibighit.com/txt/kor/discography/detail/blue_hour.phpYEONJUNStage Name (ชื่อในวงการ) : Yeonjun (연준) [ยอนจุน]Full Name(ชื่อจริง): Choi Yeonjun(최 연준)Position(ตำแหน่ง):Rapper(แร็ป), Dancer(เต้น), Vocalist(ร้อง)Birth Day (วันเกิด): 13 กันยายน ค.ศ 1999 (พ.ศ 2542)Age(อายุ) : 21 (สากล) 22 (เกาหลี) [อายุนี้นับในปี2020นะคะ]Zodiac Sign (ราศี) : Virgo (ราศีกันย์)Height(ส่วนสูง): 181.5 CM.Weight(น้ำหนัก): 62 KG.Blood Type(กรุ๊ปเลือด): : A Nationality(สัญชาติ) : Korean (เกาหลี)Trainee(ระยะเวลาการเป็นเด็กฝึก) : 5 ปี Picture From : https://ibighit.com/txt/kor/discography/detail/blue_hour.phpBEOMGYUStage Name (ชื่อในวงการ) : Beomgyu (범규) [ บอมกยู ]Full Name(ชื่อจริง): Choi Beom Gyu (최범규) [ ชเว บอมกยู ]Position(ตำแหน่ง):Vocalist(ร้อง), Dancer(เต้น), Rapper(แร็ป), Center(เซ็นเตอร์ ประมาณว่าเป็นคนที่ดึงดูดสายตาผู้ชม),Visual(หน้าตาของวง)Birth Day (วันเกิด): 13 มีนาคม ค.ศ 2001 (พ.ศ 2544)Age(อายุ) : 19 (สากล) 20 (เกาหลี) [อายุนี้นับในปี2020นะคะ]Zodiac Sign (ราศี) :Pisces (ราศีมีน)Height(ส่วนสูง): 180 CM.Weight(น้ำหนัก): 53 KG.Blood Type(กรุ๊ปเลือด): ABNationality(สัญชาติ) : Korean (เกาหลี)Trainee(ระยะเวลาการเป็นเด็กฝึก) : 2 ปี Picture From : https://ibighit.com/txt/kor/discography/detail/blue_hour.phpTAEHYUNStage Name (ชื่อในวงการ) : Taehyun (태현) [แทฮยอน]Full Name(ชื่อจริง): Kang Tae Hyun (강태현) [คัง แทฮยอน]Position(ตำแหน่ง): Vocalist(ร้อง), Dancer(เต้น), Rapper(แร็ป)Birth Day (วันเกิด): 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ 2002 (พ.ศ 2545)Age(อายุ) : 18 (สากล) 19 (เกาหลี) [อายุนี้นับในปี2020นะคะ]Zodiac Sign (ราศี) : Aquarius (ราศีกุมภ์)Height(ส่วนสูง): 177 CM.Weight(น้ำหนัก): 55 KG.Blood Type(กรุ๊ปเลือด): ANationality(สัญชาติ) : Korean (เกาหลี)Trainee(ระยะเวลาการเป็นเด็กฝึก) : 3 ปี Picture From : https://ibighit.com/txt/kor/discography/detail/blue_hour.phpHUENING KAIStage Name (ชื่อในวงการ) : Huening Kai (휴닝카이) [ฮยูนิง ไค]Full Name(ชื่อจริง): Kai Kamal Huening (ไค คามาล ฮยูนิง)Korean Name (ชื่อภาษาเกาหลี) : Jung Kai (정카이) [ จอง ไค] Position(ตำแหน่ง):Vocalist(ร้อง), Dancer(เต้น), Rapper(แร็ป), Visual(หน้าตาของวง), Maknae(น้องเล็กของวง)Birth Day (วันเกิด): 14 สิงหาคม ค.ศ 2002 (พ.ศ 2545)Age(อายุ) : 18 (สากล) 19 (เกาหลี) [อายุนี้นับในปี2020นะคะ]Zodiac Sign (ราศี) : Leo (ราศีสิงห์)Height(ส่วนสูง): 183 CM.Weight(น้ำหนัก): 67 KG.Blood Type(กรุ๊ปเลือด): A Nationality(สัญชาติ) : Korean-American (ลูกครึ่งเกาหลี อเมริกา)Trainee(ระยะเวลาการเป็นเด็กฝึก) : 3 ปี
Black T. • 18 ต.ค. 63
อ่าน
OMD ส่งสารถึงนักการตลาด: “We Create What’s Next – เราสร้างอนาคตที่จะมาถึง”
สำนักงาน OMD Worldwide ของ Omnicom Media Group ซึ่งเป็นเครือข่ายมีเดียเอเยนซี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เปิดตัวการวางตำแหน่ง (positioning) ใหม่ ที่สื่อถึงการเป็นพันธมิตรด้านสื่อ ที่มีวิสัยทัศน์ ความชำนาญ เทคโนโลยี และขนาดองค์กร ที่จะช่วยส่งเสริมให้แบรนด์เพิ่มยอดขายให้มากขึ้น และเติบโตในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ภายใต้พันธกิจ: เราสร้างอนาคตที่จะมาถึง การปรับแบรนด์ใหม่ โดยใช้ประโยชน์จาก Canva มีการปรับเปลี่ยนโลโก้เดิมสีแดงให้ทันสมัยขึ้น และพันธกิจใหม่ เราสร้างอนาคตที่จะมาถึง เพื่อเน้นย้ำถึงความสามารถเฉพาะของ OMD ในการใช้ประโยชน์จากความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโกค ทั้งการสืบค้น การมีส่วนร่วม การทำธุรกรรม และความรักต่อแบรนด์ ในยุคที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วของสื่อค้าปลีก ทีวีแบบเชื่อมต่อ (connected TV) ระบบนิเวศของครีเอเตอร์/อินฟลูเอนเซอร์ รวมถึงช่องทางการสื่อสารใหม่ๆ อทิ การสืบค้นด้วย Generative AI เราสร้างอนาคตที่จะมาถึง คือสารที่เราส่งไปยังทีมของเรา พันธมิตรของเรา และตลาดโดยรวม: OMD กำลังต่อยอดความเป็นผู้นำระดับโลก และการตกทอดในความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม เพื่อตีความใหม่เกี่ยวกับวิธี และที่ที่แบรนด์สามารถชนะคู่แข่ง หรือได้ใจจากผู้บริโภคในทศวรรษหน้า คุณจอร์จ มานัส ซีอีโอ OMD Worldwide กล่าว เราเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าการทำเช่นนั้น ต้องใช้ความร่วมมืออย่างลึกซึ้งและไม่เคยมีมาก่อนระหว่างเอเยนซี่ของเรา ลูกค้า และตลาด เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดจากแต่ละฝ่าย สำหรับ OMD เอง เราจะใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบเฉพาะของ Omnicom ในด้าน AI, ข้อมูล และเทคโนโลยี; ความเชี่ยวชาญเชิงลึกทางพาณิชย์ ครีเอเตอร์ และทีวีแบบเชื่อมต่อ รวมถึงประสบการณ์ที่แข็งแกร่งด้านนวัตกรรมในการดำเนินงานขององค์กร ทั้งหมดนี้จะนำมาใช้เพื่อบริการโซลูชันสื่อสร้างสรรค์ ที่ช่วยสร้างแบรนด์ และการเติบโตในธุรกิจให้กับลูกค้าของเรา การเปิดตัวการวางตำแหน่งใหม่ได้ถูกจัดขึ้นในงานประชุมท้องถิ่นระดับโลกที่จัดโดยคุณจอร์จ มานัส ซึ่งถ่ายทอดสดไปยังพนักงาน OMD จำนวน 14,000 คนในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ในระหว่างงาน คุณจอร์จ ยังได้เน้นย้ำถึงผลงานธุรกิจใหม่ของ OMD ในปี 2024 ซึ่งมีมูลค่า 1.9 พันล้านดอลลาร์ จากธุรกิจใหม่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึง Gap Inc., Michelin, AliExpress และ Turkish Airlines สำหรับ OMD ประเทศไทย คุณเริงฤทธิ์ จินดาพร ผู้จัดการทั่วไป ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การเติบโตของธุรกิจของเราอยู่ที่กว่าร้อยละ 13 ในปี 2024 ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 2 พันล้านบาท เราคาดว่าในปีนี้ธุรกิจของเราจะเติบโตขึ้นในอัตราที่สูงกว่าปีก่อนหน้า และในส่วนของพันธกิจ We Create Whats Nextเราสร้างอนาคตที่จะมาถึง เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสิ่งที่เป็น Whats Next โดยเรายึดหลักการทำงาน (principles) ที่เป็นหัวใจสำคัญ ได้แก่ ลูกค้าคือศูนย์กลางสิ่งที่เราทำ (client-first) เรามุ่งเน้นการสร้างคุณค่าและผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจของลูกค้า เราใช้ข้อมูลเป็นพื้นฐานในการขับเคลื่อนกลยุทธ์และการตัดสินใจ (data-fueled) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และเราให้ความสำคัญกับบุคลากรของเรา (people-powered) ที่เป็นพลังสำคัญ เราสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์และการทำงานร่วมกัน เพื่อสร้าง Solutions ที่ล้ำสมัยและมีประสิทธิภาพ โดยสิ่งที่เราสร้างสรรค์ต่าง ๆ นั้น เพื่อนำพาลูกค้าสู่อนาคตอันได้แก่ commercial advantage ปฎิเสธไม่ได้ว่าลูกค้าของเราทุกราย ต้องการขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้าด้วยความได้เปรียบทางการค้า OMD Thailand พัฒนา media solutions ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (data-driven) และมุ่งเน้นประสิทธิภาพ (performance-focused) เพื่อสร้างข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ ด้วยความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับความท้าทายทางธุรกิจและเทรนด์อุตสาหกรรม เพื่อช่วยให้แบรนด์ของลูกค้าก้าวล้ำอยู่เสมอ cultural relevance จากการที่ลูกค้าของเรานั้น ต้องการเข้าถึงและ connect กับกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ ทีมงาน OMD Thailand จะช่วยให้แบรนด์เข้าใจพฤติกรรมการบริโภค ค่านิยมทางวัฒนธรรม และเทรนด์ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ท้ายสุดได้แก่ creative media solutions จากประสบการณ์อันยาวนานของเรา สิ่งที่ลูกค้าต้องการคือ media solutions ที่สร้างสรรค์ ทรงพลัง และสร้างแรงบันดาลใจ ดังนั้น OMD ประเทศไทย จะช่วยเชื่อมต่อแบรนด์กับผู้บริโภคในจุดที่ใช่ ทั้งเวลาและช่องทางที่เหมาะสม ร่วมมือกันสร้างประสบการณ์ที่ไม่เพียงช่วยกระตุ้นยอดขายในวันนี้ แต่ยังสร้างการเติบโตระยะยาวให้กับลูกค้าของเราอีกด้วย นี่คือสิ่งที่ OMD ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะทำให้พันธกิจ We Create Whats Next (เราสร้างอนาคตที่จะมาถึง) เกิดขึ้นอย่างจริงจังกับลูกค้าทุกรายในประเทศไทย ในรายงาน Network Diagnostics ฉบับล่าสุดจาก RECMA (บริษัทวิจัยประเมินอุตสาหกรรมหน่วยงานสื่อ) ซึ่งเผยแพร่ในเดือนพฤศจิกายน 2024 OMD ได้รับการประกาศให้เป็นเครือข่ายมีเดียเอเยนซี่ระดับโลกที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด โดยถือเป็นการติดอันดับติดต่อกันเป็นครั้งที่แปดในรายงาน Diagnostics ตามที่รายงานใน Global Regional Billings Projected 2024 โดย COMvergence ซึ่งเผยแพร่ในเดือนธันวาคม 2024 OMD Worldwide เป็นเครือข่ายมีเดียเอเยนซี่ระดับโลกอันดับ 1 ตามยอด billing ทั่วโลก ที่มีมูลค่า 25.9 พันล้านดอลลาร์ (+8% YOY) การเพิ่มขึ้น 7.9% จากปี 2023 นับเป็นอัตราการเติบโตที่ดีที่สุดในบรรดาเครือข่ายมีเดียเอเยนซี่ชั้นนำทั้งห้า รวมถึงการเพิ่มขึ้นของบิลลิ่งสุทธิที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาเครือข่ายมีเดียเอเยนซี่ทั้งหมด โดยมีมูลค่า 1.9 พันล้านดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา OMD, an Omnicom Media Group agency, is the worlds largest media network, with 14,000+ people working across more than 100 countries. At OMD, We Create Whats Nextdelivering creative media solutions to drive sustainable growth for the worlds leading brands. Named the best-performing global media network overall by RECMA, the highest-ranked media agency network on the Effie Effectiveness Index, and Media Network of the Year at the 2024 Cannes Festival of Media, OMD is a leader in innovation, creativity, and cultural relevance. www.omd.com
ข่าวประชาสัมพันธ์ • 24 ก.พ. 68
อ่าน
รีวิว The Promise Of Growing Up Together ซีรีส์จีนวัยรุ่น เถียนหงเจี๋ย x จี้เหม่ยหาน
มาแล้วกับซีรีส์จีนแนวโรแมนติก ดราม่า วัยรุ่น ที่จะมาเติมเต็มความสุขและสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนใน “The Promise Of Growing Up Together” ผลงานเรื่องใหม่ของนางเอกสาวสุดน่ารัก จี้เหม่ยหาน และ เถียนหงเจี๋ย พระเอกหนุ่มหล่อดีกรีนักร้องนำวง Air League Band (气运联盟) หรือที่แฟนชาวไทยรู้จักกันในชื่อ สมาพันธ์คนโชคดี ซึ่งการมาเจอกันของพวกเขาทำเอาติ่งจีนตั้งตารอคอยอย่างล้นหลามเพราะเคมีทั้งคู่เข้ากันแถมละครเรื่องนี้ยังถูกสร้างมาจากนวนิยายของนักเขียนมากฝีมืออย่างเหวินจี๋เอ๋อร์เจ้าของผลงานวรรณกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน โดยจะเล่าเรื่องราวของเด็กสาวที่บังเอิญสอบติดโรงเรียนมัธยมชั้นนำในเมืองแห่งหนึ่งทำให้เธอได้พบกับเพื่อนร่วมชั้นชายผู้เต็มไปด้วยความสดใสและผองเพื่อนที่มีบุคลิกแตกต่างกันจนก่อเกิดมิตรภาพอันเหนียวแน่นในช่วงวัยเยาว์ เกริ่นมาขนาดนี้ไม่ดูคือพลาดมาก!!! รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ชื่ออังกฤษ : Grow Up Together / The Promise Of Growing Up Together ชื่อจีน : 一起长大的约定 จำนวนตอน : 24 เรื่องย่อ เซี่ยหมี่ สาวน้อยสุดแสนธรรมดาสามารถสอบเข้าโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของเมืองได้โดยบังเอิญทำให้เธอได้พบกับ จางรั่วซี นักเรียนหนุ่มผู้เต็มไปด้วยความสดใส และเหล่าเพื่อนร่วมชั้นหลากหลายบุคลิก ชีวิตใหม่ในช่วงมัธยมปลายทำให้เธอได้เรียนรู้หลายอย่างไปพร้อมกับการการเติบโตท่ามกลางความสัมพันธ์ ความรัก มิตรภาพ และครอบครัว สุดท้ายบนเส้นทางแห่งวัยเยาว์เธอจะพบเจอเป้าหมายของชีวิตและความฝันในอนาคตหรือไม่ นักแสดงเคมีเข้ากันมากสำหรับคู่พระนาง เถียนหงเจี๋ย และ จี้เหม่ยหาน นักแสดงหลักผู้มารับบทนำของเรื่องเรียกได้ว่าเคมีดีต่อใจจนแอบเขินแถมยังโดนพระเอกตกอย่างแรง อื้อหือ !!! รอยยิ้มพ่อหนุ่มคนนี้โดนใจสุด ด้านตัวละครเซี่ยหมี่ก็น่ารักจนน่ายิกแก้ม บอกเลยว่าลุคผมสั้นของจี้เหม่ยหานเข้ากับเธอมาก ฝีมือการแสดงของทั้งสองถือว่าไม่ธรรมดารับรองไม่ผิดหวัง นอกจากนี้ยังมีเหล่านักแสดงที่จะมาสร้างสีสันในเรื่องนี้อีกคับคั่ง อาทิ เฉินคัง,เจิ้งเฉิงเฉิง,อิ่นรุ่ย,เย่เซี่ยวชิว,หูห่าวฟาน และ หลิวฟานซิน รีวิว The Promise Of Growing Up Together คะแนน 8.8/10 เนื้อเรื่องไม่ได้แตกต่างจากละครแนววัยรุ่นทั่วไปของจีนมากนัก ส่วนใหญ่จะเน้นความสัมพันธ์ของครอบครัว เพื่อน ในช่วงวัยมัธยม โดยภาพรวมถือว่าดีมาก มีการนำเสนอเรื่องราวหลากหลายมุมที่จะพยายามเล่าให้เราได้รับพลังบวกจากเนื้อหาที่แต่งแต้มไปด้วยความสุข เสียงหัวเราะ น้ำตา และความรัก ทุกบทเรียนที่จะพาตัวละครก้าวเข้าสู่บันไดแห่งความฝันพร้อมเติบโตไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ รับรองว่าหลังดูจบผลงานชิ้นนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคนได้แน่นอน การดำเนินเรื่อง วันรายงานตัวของโรงเรียนอันดับหนึ่งในเมือง เซี่ยหมี่ สาวน้อยแสนธรรมดาบังเอิญสอบติดห้องอันดับหนึ่งของชั้นเรียนทำให้เธอดีใจมากจนเก็บอาการไม่อยู่ หลังจากเก็บของเข้าหอพักเสร็จและกำลังเดินไปห้องเรียนอยู่นั้นภาพของจางรั่วซีที่กำลังเล่นบาสเกตบอลอยู่ทำให้เธอไม่อาจละสายตาจนเผลอชื่นชมความหล่อและทักษะของเขา ซึ่งในตอนนั้น เธอก็บังเอิญทำให้เขาบาดเจ็บระหว่างช่วยเขาหลบลูกบาสเกตบอล ด้วยความอับอายเซี่ยหมี่เลยรีบวิ่งหนีเขาไป แต่เหมือนโชคชะตาจะเป็นใจเพราะเขาและเธอกลับกลายมาเป็นร่วมชั้น พอเจอกันอีกครั้งในห้องเรียนเซี่ยหมี่ก็ไม่พอใจจางรั่วซีมากเพราะเขาหัวเราะเยาะจินตนาการของเธอ ไม่นานนักการมาเยือนของฟ่านหยวน อัจฉริยะด้านวิชาการผู้เชี่ยวชาญคณิตศาสตร์เพื่อนสนิทของจางรั่วซีก็ได้รับความสนใจไม่น้อยเนื่องจากมีนักเรียนจากห้องสองมาขอท้าแข่งซูโดกุกับเขาเลยเกิดการประลองความรู้กันอย่างดุเดือดซึ่งเซี่ยหมี่ที่ประหลาดใจในความฉลาดของพวกเขาจึงเผลอพูดเสียงดังจนดึงความสนใจจากฟ่านหยวน เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามรับชมกันต่อนะคะ ฉาก แสง สี ฉากส่วนใหญ่จะเน้นบรรยากาศในรั้วโรงเรียนมัธยมของจีน ซึ่งภาพมักจะปรับแสง สี ตามอารมณ์ของตัวละครและเนื้อหา เช่น การเลือกแสงโทนอบอุ่นในฉากห้องเรียนจึงทำให้ผู้ชมเข้าถึงองค์ประกอบของเรื่องได้เป็นอย่างดี ความประทับใจ หลังจากรับชมชื่นชอบสตอรี่และฝีมือของนักแสดงมาก หากจะเล่าถึงการทำละครเรื่องหนึ่งให้สมบูรณ์แบบไม่ใช่แค่เรื่องราวต้องดีเลิศแต่การถ่ายทอดตัวละครผ่านตัวนักแสดงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนดูเข้าถึงทุกอารมณ์ ความรู้สึก จนเริ่มอินไปกับตัวเนื้อหาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งภาพรวมของการเซตฉาก การตัดต่อ มุมกล้อง แสง เห็นเลยว่าทีมงามทุ่มเทอย่างสุดกำลังทำให้ผู้ชมอย่างเรารู้สึกคุ้มค้ามากในการรับชมซีรีส์เรื่องนี้ ภาพปก : 一起长大的约定官微 ภาพ 1/2 ภาพประกอบ : 一起长大的约定官微 ภาพ 1/2/4/5 1905电影网官博 ภาพ 3 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
YHN • 24 พ.ย. 67
อ่าน
Chapter 1: Project Management คืออะไร?
ไม่รู้ว่าอะไรดลจิตดลใจ อยู่ดีๆ ตัวผู้เขียนเองก็เกิดนึกครึ้มขึ้นมาว่าเราอยากจะแชร์เรื่องราวจากประสบการณ์ของตัวเองไว้เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ แก่ผู้ที่สนใจ ซึ่งก็นึกอยู่พักใหญ่ว่าจะเอาเนื้อหาอะไรมาเล่าสู่กันฟังก่อนดี จึงลองมองหาจากสิ่งที่ตัวเองมีก่อนว่าประสบการณ์อะไรที่คิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านได้ จึงบังเกิดไอเดียที่จะเขียนบทความในสิ่งที่ตัวผู้เขียนเองได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาจากการทำงานด้านการบริหารโครงการ (Project Management) เอาหละก่อนจะเข้าสู่รายละเอียดเกี่ยวกับการบริหารโครงการ ขอเกริ่นนำถึงประวัติของตัวผู้เขียนเองสักเล็กน้อย ผู้เขียนเองปัจจุบันได้เกษียณตัวเองจากงานประจำที่ทำอยู่ และมีโอกาสได้ทำงานด้านการบริหารโครงการมาหลากหลายโครงการ ทั้งโครงการของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือแม้แต่หน่วยงานเอกชนต่างๆ ซึ่งมูลค่าโครงการที่ทำมาถือเป็นโครงการที่ค่อนข้างใหญ่มีมูลค่าหลักร้อย หลักพันล้านบาท ประสบการณ์จริงที่ได้เก็บเกี่ยวมาหลายปี ผู้เขียนจึงอยากจะแบ่งปันเรื่องราวให้กับผู้ที่สนใจ และหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะครับธรรมชาติของงานโครงการในลักษณะงานที่เป็นรูปแบบงานโครงการ (Project-based) ส่วนใหญ่มักจะแบ่งระยะการดำเนินงานของโครงการ (Project phase) ออกเป็นสามระยะหลักๆ ดังนี้ระยะแรก: Pre-project (การเตรียมโครงการ) ซึ่งในระยะนี้จะเป็นการเตรียมงานของโครงการ การออกแบบเนื้องานของโครงการ การกำหนดเงื่อนไข การกำหนดคุณลักษณะเฉพาะของโครงการ การกำหนดกฎเกณฑ์ และข้อบังคับของโครงการ ผลลัพธ์ที่จะได้มาของระยะนี้คือ ร่างขอบเขตของงาน (Terms of Reference: TOR) หรือเอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอ (Request for Proposal: RFP) ทั้งนี้อาจรวมถึงขั้นตอนในการยื่นข้อเสนอ (Proposal submission) เพื่อการเข้าประมูล (Bidding) และอาจรวมถึงกระบวนการต่างๆ หลังจากการประกาศผู้ชนะ ซึ่งยังมีอีกหลายกระบวนการย่อยที่มีรายละเอียดอีกค่อนข้างเยอะสำหรับงานส่วน "Pre-project" ไว้ผู้เขียนจะเล่าให้ฟังอีกครั้งในบทต่อๆ ไปนะครับระยะที่สอง: Project Rolled-out (การเริ่มงานโครงการ) หรืออาจจะเรียกว่า Design and Build (การออกแบบและพัฒนา) จะเป็นช่วงการดำเนินงานที่ผู้ชนะการประมูลจะต้องดำเนินการตามขอบเขตที่ระบุไว้ใน TOR หรือ RFP ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดของการส่งมอบงานตามงวดงาน ซึ่งกรอบระยะเวลาการส่งมอบงานในแต่ละงวดงาน มักจะถูกกำหนดลงในร่างขอบเขตของงาน (TOR)ระยะที่สาม: Warranty (การรับประกัน) โดยมักจะมีระยะเวลารับประกันงานโครงการอย่างน้อย 1 ปี ที่ผู้ชนะการประมูลจะต้องดูแลต่อไปหลังจากตรวจรับและส่งมอบงานเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งหากเป็นหน่วยงานรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ก็มักจะมีหนังสือแจ้งให้เริ่มงานในแต่ละระยะ หรือแม้แต่หน่วยงานเอกชนเองก็อาจจะมีเอกสารแจ้งให้ดำเนินการเหมือนกันหัวใจของการบริหารโครงการเอาหละครับ ที่กล่าวมาข้างต้น ก็เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติของงานลักษณะโครงการเสียก่อน สำหรับการบริหารโครงการมักจะเกี่ยวข้องกับงานในระยะที่สองและสามเป็นหลัก ซึ่งในบางครั้งอาจจะรวมถึงการบริหารงานในระยะแรกด้วย แล้วการบริหารโครงการ (Project Management) คืออะไร? ผมขอใช้ภาษาง่ายๆ เลยนะครับ การบริหารโครงการก็คือ การกำกับดูแลเพื่อให้การส่งมอบงานเป็นไปตามขอบเขตของงานและเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด พูดให้ง่ายกว่านี้ก็คือทำอย่างไรก็ได้ให้งานเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดและเป็นไปตามขอบเขตคุณลักษณะของโครงการ ซึ่งหัวใจหลักสำคัญของ Project Management ก็คือ Time (ระยะเวลา) และ Cost (ต้นทุน) โดยจะมีผู้ที่ทำหน้าที่ในการบริหารจัดการ ซึ่งก็คือผู้จัดการโครงการ (Project Manager) จะต้องดำเนินงานและบริหารเวลาให้การส่งมอบงานเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดโดยก่อให้เกิดความล่าช้าที่น้อยที่สุด อีกทั้งยังต้องควบคุมต้นทุนที่เกิดขึ้นให้อยู่ในงบประมาณที่ได้ประมาณการไว้ ทั้งนี้เพื่อให้งานที่ส่งมอบมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพมากที่สุด ผู้เขียนขอเสนอเพิ่มหลักสำคัญอีกสองประการ ที่ตัวผู้เขียนเองมักจะยึดหลักปฏิบัติสำหรับการบริหารโครงการอย่างมืออาชีพมาโดยตลอด ซึ่งก็คือ Scope (ขอบเขตงาน) และ Quality (คุณภาพของงาน) บทสรุป Chapter 1ใจความของบทนี้ที่ผู้เขียนได้อธิบาย เพื่อต้องการให้ผู้อ่านเห็นภาพรวมธรรมชาติของงานโครงการ รวมถึงหัวใจหลักสำคัญของการทำการบริหารโครงการ (Project Management) เพื่อให้เกิดภาพของความเข้าใจเสียก่อน ก่อนจะลงลึกในบทถัดๆ ไป ซึ่งผู้เขียนตั้งใจที่จะถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ในขั้นตอนการทำงานสำหรับผู้ที่สนใจ หรือผู้ที่ต้องการศึกษา หรือผู้ที่กำลังทำงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารโครงการ โดยจะเล่าถึงขั้นตอนในแต่ละระยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำ Pre-project ว่ากว่าจะมาเป็นโครงการนั้นมีความยุ่งยากอย่างไรบ้าง รวมถึงแนวทางการดำเนินงานเพื่อเตรียมตัวสำหรับการทำงานด้านการบริหารโครงการ อาทิเช่น การจัดทำต้นทุน การจัดทำ Cash flow การจัดทำแผนแม่บท (Master plan) การจัดทำแผนการส่งมอบงานย่อย (Project Delivery plan) เป็นต้น ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สิ่งที่ผู้เขียนได้ถ่ายทอดนั้นจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกท่านนะครับ และขอให้ผู้อ่านทุกท่านติดตามในบทต่อๆ ไปที่ผู้เขียนจะเขียนมาให้อ่านอีกต่อๆ ไปนะครับภาพประกอบหน้าปก ภาพปก 1 โดย fauxels จาก pexels.comภาพที่ 1 โดย Pressfoto จาก freepik.comภาพที่ 2 ภาพทำเองจาก Powerpointภาพที่ 3 ภาพทำเองจาก Powerpointภาพที่ 4 โดย Mikael Blomkvist จาก pexels.comเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ThomasKorn • 18 ก.ย. 65
อ่าน
John Wick: Chapter 4 จอห์น วิค 4
เรื่องย่อ John Wick: Chapter 4 ชื่อเรื่อง John Wick: Chapter 4ประเภท แอคชั่น / ระทึกขวัญ / อาชญากรรมนำแสดงโดย คีอานู รีฟส์, บิล สการ์สการ์ด, ดอนนี่ เยนกำกับโดย แชด สตาเฮลสกีกำหนดฉาย 23 มีนาคม 2023ความยาว 169 นาที คุณสามารถดูหนัง John Wick จอห์น วิค ครบทั้ง 3 ภาค ได้ที่ทรูไอดี คลิกเลย! อ่านรีวิวหนังได้ที่นี่
เรื่องย่อหนัง • 5 ก.พ. 66
อ่าน
Chapter . 1 เติมเต็มด้วยบทเพลง
สำหรับใครหลายคน บทเพลงอาจจะเป็นเหมือน ' สมุดบันทึกความทรงจำ ' พวกเรามักจะซ่อนเรื่องราว หรือแม้แต่ ' ใครบางคน ' ไว้ในเพลงที่เราฟัง แต่จะมีสักกี่คน ที่เลือกฟังเพลงเพื่อเติมเต็ม ' บางสิ่ง ' ให้กับตัวเอง สวัสดีค่ะ นี่เหงาเอง สำหรับบทความแรก เหงาขอเปิดเป็นการแนะนำการฟังเพลงสไตล์เหงาก่อนนะคะ เริ่มแรกเลย เหงาขอถามก่อนว่ามีใครไม่เคยฟังเพลงไหมคะ แน่นอนว่าคงไม่แหละเนอะ บทเพลง เป็นสิ่งที่สามารถให้ความรู้สึกกับเราได้มากมายเลยค่ะ เราบางคนฟังเพลงด้วยจุดประสงค์ที่ (เกือบจะ) ต่างกัน ไม่ว่าจะคลายเครียด ให้กำลังใจ หรือแม้แต่ฟังเพื่อระบายความรู้สึกบางอย่างที่ตรงกับตัวเองในโมเม้นนั้น ๆ เรียกได้ว่าเพลง เป็นเหมือนตัวแทนชั้นดีให้กับคนฟัง และทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป ตามความต้องการของเราแต่ละคน เหงาเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบฟังเพลง สำหรับเหงา เพลงเป็นเหมือนเพื่อนที่อยู่กับเหงาได้ทุกสถานการณ์เลยค่ะ และอีกหนึ่งหน้าที่ที่เหงาให้เพื่อนคนนี้คอยทำให้อยู่เสมอ คือ การเติมเต็มความขาดบางอย่างให้กับตัวเอง ใช่ค่ะ อีกหนึ่ง Function ที่เหงาใช้ในการฟังเพลง คือ ' เติมเต็ม ' เอาเข้าจริงเหงาว่าเราทุกคนก็ได้ใช้ฟังก์ชันนี้ไปแบบไม่รู้ตัวนะคะ (หรืออาจจะรู้) การที่เราเอาใครบางคนซ่อนไว้ในเพลง เวลาฟังก็นึกถึงเขาคนนั้น ก็เหมือนกับการที่เราใช้เพลงเติมเต็มความรู้สึกให้เหมือนได้เจอเขาอีกครั้ง ได้ย้อนกลับไปเห็นวันเก่า ๆ อะไรทำนองนั้น หรือแม้แต่การฟังเพลงแทนความรู้สึก ก็เป็นการเติมเต็มตัวเราเองเข้าไปในบทเพลง และเติมเต็มคนข้าง ๆ ให้เราไม่รู้สึกว่าอยู่ในโมเม้นนั้นตามลำพัง อย่างน้อยก็มีอะไรที่เข้าใจความรู้สึกของเรา นั่นหมายความว่า เราเติมเต็มแต่ในสิ่งที่เราเคยสัมผัสมาแล้ว แต่สิ่งที่เหงาจะมาแชร์วันนี้ คือการฟังเพลงเพื่อเติมเต็มในสิ่งที่เรา ' ไม่เคยสัมผัส ' เช่น การฟังเพลงรัก เพราะไม่เคยได้สัมผัสความรัก ฟังดูได้กลิ่นมาม่าเลยใช่มั้ยคะ แต่เอาเข้าจริง มันไม่ได้เศร้าขนาดนั้นหรอกค่ะ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ สำหรับฟังก์ชั่นนี้ ก็เหมือนกับการที่เราได้มองความรักที่สวยงาม จากในละคร หรือนิยายที่เราได้เห็นได้อ่านนั่นแหละค่ะ แต่เปลี่ยนเป็นการสัมผัสผ่านเนื้อเพลงแทน เพราะในโลกความเป็นจริง หลายครั้งเรากลับได้เห็นความรักในอีกด้าน ยิ่งสำหรับบางคนที่ได้รับความเจ็บปวดก็ถึงกับขยาดกับความรักไปเลย ฉะนั้นการที่เราใช้บทเพลงเพื่อให้ได้มองเห็นในด้านสีชมพูของความรัก เหงาว่ามันก็ดีเหมือนกันนะคะ บางทีเหงาก็แอบคิดด้วยซ้ำ ว่าให้มันสวยงามแค่ในนั้นดีกว่าไหม(ไหนบอกไม่ม่า...) เอาน่า มันก็ม่าบ้างนิดหน่อยเนอะ แต่ประเด็นหลักที่มาแชร์วันนี้ ก็เพื่อให้ทุกคนที่ได้อ่าน ลองหันมาใช้บทเพลงในการเติมเต็มมุมมองด้านดี ๆ ให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม และใช้มันสัมผัสกับความสวยงามที่หล่นหายไปกันดูนะคะ ท้ายนี้เหงาก็อยากจะขอขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามา (ถ้ามี 5555) เหงาก็แค่นักเขียนมือใหม่ที่เริ่มอยากจะหาแรงผลักดันอะไรบางอย่างให้กับตัวเอง ถ้าบทความนี้จะถูกใจใครได้บ้างก็คงจะดีไม่น้อยเลยแหละ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ^^ ขอบคุณภาพโดย Pexels จาก Pixabay , Karolina Grabowska จาก Pixabay , Minh Thái Lê จาก Pixabay
คุณนายเหงา • 28 ก.ค. 63
อ่าน
In de table ร้านอาหาร Fine Dining กับเส้นทางของเชฟอินที่กินได้ ใน Chapter I กว่าจะเป็นอิน "ก๋วยเตี๋ยว"
ในซอยอินทามระ 3 จะมีร้านคาเฟ่เล็กๆ ที่ชื่อว่า In de bake ที่จำหน่าย อาหารคาว ขนมหวานและเครื่องดื่มน่าทานมากมาย แต่กระนั้นเมื่อยามเย็นมาถึง ภายในร้านจะถูกแปรสภาพ กลายเป็นร้านอาหาร Fine Dining กับมื้ออาหารเย็นสุดพิเศษ พร้อมกับป้ายหน้าร้านเล็กๆ ที่จะส่องสว่างขึ้นมาในยามเย็นกับชื่อร้าน “In de Table” กับ Concept Indetable, Edible journeys หรือ เส้นทางของเชฟอินที่กินได้หน้าร้านก่อนอื่น ต้องเล่าก่อนว่าเชฟอินเป็นใครมาจากไหน พื้นเพของเชฟมาจากจังหวัดระนอง ด้วยความที่ตั้งแต่เด็กๆ ก็ต้องช่วยคุณแม่เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ทำให้มีพื้นฐานของการทำอาหาร พอโตขึ้น ก็เริ่มออกค้นหาตัวเองว่าอยากจะเป็นอะไร ควบคู่ไปกับการเรียนสายสามัญ จนสุดท้ายค้นพบว่าตัวเองอยากทำอาหาร จึงตัดสินใจขอแม่ว่าจะขอเรียนทำอาหาร ตั้งแต่นั้นมา เชฟอินก็เข้าสู่วงการอาหาร เริ่มจากเรียนทำอาหารจาก Le Cordon Bleu จนถึงการออกไปแข่งขันตามสถาบันแข่งขันอาหารต่างๆ ได้รางวัลเต็มไปหมด และสุดท้ายก็ลงหลักปักฐาน จึงเกิดมาเป็นร้าน “In de bake”In de bake ต้นกำเนิดของ In de tableถึงแม้ว่าร้าน “In de bake” จะเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ด้วยเหตุผลที่เกิดจากความต้องการของตลาดมากกว่าความต้องการที่เชฟอยากจะทำจริงๆ เชฟเลยลองมานั่งคิดๆ ดู และนึกได้ว่าตัวเองอยากจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว แต่ถ้าเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวมันคงจะธรรมดาเกินไป เลยตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเป็นการเปิดร้าน Fine Dining ภายในร้าน In de bake อีกที และนี่คือที่มาของ “In de Table” นั่นเอง กับ Concept เส้นทางของอินที่กินได้ กับ Chapter หมายเลขหนึ่ง กว่าจะมาเป็นอิน = “ก๋วยเตี๋ยว”เชฟอิน และผู้ช่วยของเขาเรามาลองนึกกันว่า เวลาเราเข้าไปในร้านก๋วยเตี๋ยวนั้นจะมีอะไรบ้าง ถ้าให้นึกเร็วๆ ก็จะมี ก๋วยเตี๋ยว เครื่องปรุง ของทางเล่น เครื่องดื่ม ของหวาน และอื่นๆ สิ่งเหล่านี้แหละ ที่ทางเชฟนำมาตีความใหม่ กลายมาเป็นเมนูสุดพิเศษที่มีด้วยกันถึง 7 เมนู ที่ยังไม่ได้รวมเมนู Complementary อีกหลายเมนู ที่จะได้มารับชมกันบรรยากาศในร้านComplementary: ไซรัปกุหลาบ อุทัยทิพย์เมนูแรก มาเป็นถ้วยสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่มีชื่อว่า ไซรัปกุหลาบ อุทัยทิพย์ ถ้าใครจำกันได้ สมัยก่อนร้านก๋วยเตี๋ยวจะมีน้ำฟรีให้เราได้ตักกัน และหลายๆ ร้านเองก็จะชอบหยดอุทัยทิพย์ลงไปเพื่อเพิ่มความหอม เชฟอินเลยทำน้ำกุหลาบขึ้นมา ปรุงกลิ่นให้คล้ายๆ กับอุทัยทิพย์ แต่รสชาติจะออกไปทางเปรี้ยวนำและหวานตาม เปิดต่อมรับรสของเราให้พร้อมที่จะทานอาหาร ยังมีดอกกุหลาบแคระที่เสียบอยู่ ซึ่งเราสามารถเด็ดกลีบมากินได้ โดยจะมีความฝาดเล็กๆ ตัดรสชาติกับตัวเครื่องดื่มได้เป็นอย่างดีข้าวพองบัตเตอร์เบคอนเมนู Complementary จานที่สองจะเริ่มหนักขึ้นเล็กน้อย กับ ข้าวพองบัตเตอร์เบคอน ที่มาของเมนูนี้คือ น้ำมันกากเจียว ที่เราจะเห็นก๋วยเตี๋ยวหลายๆ ร้านชอบใช้กัน ทางเชฟเลยนำความกรอบและหอมของน้ำมันกากเจียว มาตีความใหม่ กลายเป็นข้าวพองกรอบๆ ที่รสชาติออกจืดๆ ทานคู่กับเนยที่ผสมเบคอนเข้าไป กลิ่น รสสัมผัส และรสชาติใกล้เคียงกับกากเจียว มีความกรอบและออกมันๆไปทางนวลๆ แถมไม่ต้องกลัวอ้วนอีกด้วยเกี๊ยวทอด : Deep Fried Pork with red bell pepper jamเมนูจานหลักจานแรกนั้น อยากให้ทุกคนนึกถึง ของทอด ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหลายๆ ร้านจะมีกันและเป็นเมนูเบสิคสุด นั่นคือ เกี๊ยวทอด กับเมนูที่มีชื่อว่า Deep Fried Pork with red bell pepper jam เมนูเกี๊ยวทอดที่ออกมาในรูปแบบของกุยช่าย ด้านล่างจะใส่ซอสที่ทำจากพริกระฆังแดง ที่ต้องนำพริกไปเผาจนไหม้ ลอกส่วนที่ไหม้ออกผ่านน้ำ นำเม็ดออก จากนั้นหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปต้มจนเปื่อยและนำมากรองครั้งสุดท้ายเพื่อให้ได้เฉพาะตัวซอส ส่วนตัวเกี๊ยวจะปั้นออกมาคล้ายๆ กับกุยช่าย โดยมีส่วนผสมทั้งเนื้อหมูและดอกกุยช่าย นำไปทอดจนกรอบ เสิร์ฟพร้อมกับผักแว่นแก้ว และ Butterfly Tuile สวยๆ ที่ทานได้เช่นกัน รสชาติจะออกเค็มนิดๆ มีความเผ็ดจัดจ้าน ตัดกับ Texture กรอบๆ ทั้งจากตัวเกี๊ยวและทีล บาลานซ์รสชาติได้ดีมากสำหรับจานนี้Butterfly Tuileเครื่องปรุง: Seasoning Toastจานที่สอง มาเป็นในรูปแบบขนมปังกรอบที่ตกแต่งแต่ละชิ้นไม่เหมือน ในชื่อว่า “เครื่องปรุง” หรือ Seasoning Toast มีอยู่ด้วยกัน 4 ชิ้น ที่หน้าตาไม่เหมือนกัน โดยไอเดียจานนี้มาจากเครื่องปรุง ทั้ง 4 ที่เรารู้จักกันดี พริก น้ำตาล พริกน้ำส้ม และน้ำปลา แต่ถ้านำ 4 อย่างนี้มาทำก็จะธรรมดาเกินไป เลยนำวัตถุดิบที่ให้รสชาติที่เหมือนกันมาสร้างเป็น Toast 4 รสชาติ และเวลาทานก็จะไล่ตามลำดับตามนี้เปรี้ยว หรือ อาจาดพริกเหลืองดอง กลิ่นที่ได้เหมือนกับพริกน้ำส้ม แต่รสชาติเปรี้ยวจะกลางๆ ทานได้ง่าย ออกมันๆหวาน หรือ โทสน้ำอ้อย รสชาติจะออกหวานๆ ไปทางคาราเมล ติดเลี่ยนพอสมควร อันนี้ใครสายหวานน่าจะชอบเค็ม หรือ น้ำปลาหอม นำมาทำในรูปแบบครีมที่โรยด้วยเบคอน จะออกไปทางเค็มแบบเบาๆ และได้ความกรุบกรอบจากตัวเบคอนอีกทีเผ็ด หรือ พริกป่น แต่จะออกไปทางเผ็ดแบบปาปริก้ามากกว่าเชฟบรรจงประดับดอกไม้ทานได้ หรือ Eatable Flowerเมนูนี้จะมีความพิเศษตรงที่เชฟจะรู้เลยว่า ลูกค้าแต่ละทานที่มาทานชอบรสชาติแบบไหน อย่างเช่นผู้เขียนเอง ก็ชอบตัวอาจาดพริกเหลืองดองที่สุด ด้วยรสชาติกลมกล่อมกว่าตัวอื่นๆ ก็บ่งบอกได้ว่าเป็นคนชอบทานรสเปรี้ยวนั่นเองผักลวก: Salad in Chef In Styleต่อกันด้วยจานที่สาม กับเมนูที่มีชื่อสั้นๆ ว่า Salad ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผักลวก ที่ใส่อยู่ในก๋วยเตี๋ยว แต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ออกมาในรูปของสลัด แต่หน้าตายังมีความเป็นก๋วยเตี๋ยวแห้งอยู่นั่นเอง ก่อนที่จะเสิร์ฟจานนี้ ทางเชฟจะให้เราทำคาร์เวียร์บัลซามิค โดยการหยดน้ำส้มสายชูสีดำที่ผสมกับผงวุ้น ลงไปในน้ำมันมะกอกเย็น แล้วจะกลายเป็นหยดคาร์เวียร์สวยๆ เมื่อหยดจนหมด ก็จะเทใส่ตาข่ายกรอง รอนำไปใส่ในสลัดอีกทีอุปกรณ์สำหรับทำ "คาร์เวียร์บัลซามิค"ตั้งใจหยดลงไปทีละหยดส่วนตัวของสลัดนั้น จะประกอบไปด้วย ผักบุ้งที่นำไปช็อกในน้ำแข็ง ผ่านการดองในน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ สุดท้ายนำไปตุ๋นจนหน้าตาออกมาเป็นเส้นสีน้ำตาลอ่อน เลมอนแพชชั่นฟรุตเจลลี่ ผักโต้วเหมี่ยว อัลฟาฟ่า โทบิโกะสีเขียว ผักสลัด มะเขือเทศดอง พร้อมกับหอยโฮตาเตะตัวเบ้งๆ ที่โรยด้วยคาร์เวียร์บัลซามิคเช่นเดียวกับที่เราได้ทำกันไปก่อนหน้า แต่จะออกเปรี้ยวมากกว่า จากนั้นจะราดด้วยเบซิลออย ก่อนทานก็คลุกเคล้าให้เข้ากัน หากรู้สึกว่ายังไม่ค่อยเปรี้ยวก็เติมคาร์เวียร์บัลซามิกที่ทำกันไปก่อนหน้าลงไปเพิ่มอีก รสชาติออกสดชื่นมีความเปรี้ยวนิดๆ ให้รสสัมผัสออกไปทางกรอบๆ โดยเฉพาะตัวผักบุ้งที่ทำเลียนแบบเส้นก๋วยเตี๋ยวแต่กรอบมากๆ โฮตาเตะก็ทำออกมาได้พอดี ไม่แห้งหรือกระด้าง และที่สำคัญหน้าตาสวยมากซุป: Dashi Soupจานที่สี่นี้ จะไม่ได้มาในรูปแบบจาน แต่มาเป็นแก้วไวน์ในชื่อว่า “คล่องคอ” จะเป็น Dashi Soup พร้อมกับเครื่องเคียงอย่างมูสไก่ และไช้เท้าตุ๋น โดยก่อนเสิร์ฟจะมีการ Smoked ตัวซุป ก่อนทานให้เปิดฝาและคนควันให้เข้ากับซุป จะได้รสชาติออกเค็มๆ นวลๆ นึกถึงซุปพะโล้ที่รสชาติพอดีมากๆ ได้กลิ่นสโมคหอมๆ และรสชาติเองก็มีความเป็นควันๆ ด้วยเช่นกัน ทางเชฟแนะนำว่า ให้ลองเด็ดกลีบกุหลาบแคระที่นำมาตกแต่งบนมูสไก่ ลงไปในซุปด้วยจะได้ความฝาดๆ มาตัดกับความเค็มได้ดีขึ้น มูสไก่นุ่มอร่อย ส่วนไช้เท้าจะออกหวานนำตัดรสชาติกับซุปอีกที เวลาทานให้ทานสลับกันเพื่อให้ได้รสชาติที่ครบทั้งหวานเค็มฝาดSmoke Soup เพื่อให้รสชาติและกลิ่นมีมิติมากขึ้นลูกชิ้น กลายมาเป็น "รวมชิ้น"ก่อนจะไปถึงจานหลักนั้น จะมีเมนูสุดท้ายคั่นก่อนกับจานที่ 5 ในชื่อ “รวมชิ้น” ที่มีที่มาจากลูกชิ้น โดยนำเสอนออกมาเป็น 3 แบบด้วยกัน ก็จะมี โครเกต์ ที่เป็นตัวแทนลูกชิ้นกุ้ง มาพร้อมกับน้ำจิ้มที่ทำจากบ๊วยที่ต้มพร้อมกับพริก ให้รสชาติกรอบนอกนุ่มใน เนื้อแน่นมากและรสชาติกุ้งเองก็ชัดสุดๆ บ๊วยต้มพริกเองก็อร่อยและรสชาติออกหนักเผ็ดพอสมควร อย่างที่สอง จะเป็น แซลม่อนกรอบครีมชีส ตัวแทนของเต้าหู้ปลา ที่จะมี Texture หนึบหนับกับความหวานของแซลมอนเป็นตัวชูโรง ตัดกับความกรอบของแผ่นครีมชีสด้านล่าง ปรุงรสด้วยซอสพริกศรีราชาและพริกไทย มีความเผ็ดที่มากกว่าตัวโครเกต์ และออกไปทางครีมมี่ และสุดท้ายคือไชเท้าดองครีมสดที่ด้านนอกจะโรยด้วยครัสต์ใบโหระพากรอบๆ ตัวนี้ไม่ได้แทนสิ่งใด แต่มาเพื่อปรับรสชาติลิ้นให้เตรียมพร้อมกับจานหลักจานต่อไป ออกไปทางครีมมี่เบาๆ มีความสดชื่นเย็นตาโฟ: Yentafo Ranong Lobsterและแล้วก็มาถึงอาหารคาวจานสุดท้าย กับเมนูที่มีชื่อว่า “เย็นตาโฟ” ที่นำเสนอในรูปแบบก๋วยเตี๋ยวแห้ง ประกอบไปด้วย กุ้งมังกรจากระนองที่จับสดๆ ซึ่งเนื้อจะมีความเฟิร์มและแน่นกว่าแบบเลี้ยง ผ่านการเบิร์นจนสุก และราดซอสเย็นตาโฟผสมกับไวน์ครีมซอสปิดท้าย บันนิกุริครีมกุ้งย่าง เส้นโซบะข้าวกล้อง ก่อนเสิร์ฟจะโรยด้วยไข่กุ้งแบบจุกๆ เวลาทานให้คลุกตัวเส้นกับซอสและไข่กุ้งให้เข้ากันก่อน และทานสลับกับตัวเนื้อกุ้ง ก่อนที่สุดท้ายจะทานบันนิกุริอีกทีเนื้อกุ้งมังกรจะมีความเฟิร์มในแต่ละส่วนไม่เท่ากัน อย่างเช่นบริเวณลำตัวเนื้อจะแน่นและหนึบ มีความสู้ฟันนิดๆ ส่วนปลายหางจะออกนุ่มๆ แทบไม่ต้องออกแรงเคี้ยว เส้นโซ บะ จะให้รสสัมผัสแบบ al dente มีความนุ่มและหนึบที่ค่อนข้างพอดี พอเจอกับซอสเย็นตาโฟที่มีความนุ่มและหวานแบบเย็นตาโฟรวมทั้งไข่กุ้งที่รสชาติดีมากแทบไม่มีกลิ่นคาว รสชาติเลยไปด้วยกันได้ดีและพอดีกับลิ้นมากๆ ส่วนปันนิปุริจะออกไปทางเปรี้ยวจากไส้เลมอน เคิร์ท ที่อยู่ด้านในรวมทั้งให้ความกรุบกรอบ เป็นการปิดท้ายเมนูนี้ได้เป็นอย่างดีเบิร์นไฟให้ส่งกลิ่นหอมๆขนมหวาน: OH HO SWEETเริ่มต้นจานของหวานในคอร์สกับเมนู “OH HO SWEET” เมนูรวมมิตรขนมไทยที่เราจะเห็นได้จากร้านก๋วยเตี๋ยวบางร้าน ประกอบไปด้วย มองบังเผือกที่เป็นเส้นๆ และด้านล่างเป็นพานาคอตต้าเผือก ที่จะให้ 2 Texture ทั้งนุ่มจากตัวมองบังและนวลจากพานาคอตต้า รสชาติออกหวานละมุนหอมกลิ่นเผือก ไอศกรีมกะทิรสชาติเข้มๆ ให้ความรู้สึกเหมือนทานไอศกรีมสมัยก่อนออกหวานมันและหอมกะทิสุดๆ พร้อมกับครัมเบิ้ล และหยกกรอบที่มาเพิ่มรสสัมผัสกรุบกรอบในจานนี้ และปิดท้ายด้วย ทีลรังผึ้ง ที่ให้ความกรอบเช่นกัน จานนี้จะแยกทาน หรือทานรวมๆ กันก็ได้ทั้งหมดกรานิต้าแตงโมจบจากเมนู 7 คอร์สหลักไปแล้ว ทางเชฟเองก็ยังมีเสิร์ฟขนมอีก 1 อย่าง คือ กรานิต้าแตงโม ที่มีตัวแตงโมที่ทำออกมาเหมือนเป็นน้ำแข็งไส ทานคู่กับวุ้นดำหรือเฉาก๊วย และโอ้วเอ้ว ที่ให้รสสัมผัสเหมือนกับลูกตาลที่แน่นกว่าและมีรสออกเขียวๆ ทานพร้อมกันจะตัดรสชาติกันได้ดี หลังจากทานเมนูนี้จบ ทางร้านยังเสิร์ฟชาร้อนๆ ให้ทานเพื่อปรับลิ้นชาร้อนๆ สำหรับปรับลิ้นเพื่อไปยังเมนูพิเศษต่อไปSpecial Menuและเหมือนเชฟเองก็ยังกลัวว่าจะยังไม่อิ่ม เลยจัดเมนูพิเศษที่ทางเชฟเองก็ทำขนมหวานได้ดี เป็นช็อกโกแลตในรูปหัวใจ พร้อมกับผลไม้นานาชนิดเพื่อทานตัดเลี่ยนด้วยกัน เป็นการปิดมื้ออาหารสุดพิเศษนี้ได้พิเศษจริงๆSpecial Menu พร้อมกับผลไม้หลากหลายชนิดรสชาติอาหารโดยรวมแล้วถือว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยมทุกเมนู โดยเฉพาะเรื่องของความ Creative ที่นำก๋วยเตี๋ยว เมนูบ้านๆ มาตีความใหม่หรือ Deconstruct เป็นเมนูอาหาร Fine Dining ได้ประทับใจมากๆ รสชาติอาหารอร่อยและ Balance รสชาติของแต่ละเมนูได้ดีเช่นกัน ส่วนปริมาณถือว่าเยอะและรับประกันได้เลยว่าจุกแน่นอน ในส่วนของเครื่องดื่มเอง ก็มีน้ำดื่มเสิร์ฟตลอด แต่ถ้าหากอยากทานไวน์ Pairing หรือค็อกเทล ก็มีให้บริการด้วยเช่นกันบรรยากาศร้านสวยๆในส่วนของการบริการนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนมาบ้านเพื่อนที่มีความเป็น Fine Dining อยู่ การบริการเป๊ะแต่ได้ความเป็นกันเองไปในตัว ทางเชฟเองลงมาแนะนำเมนูเองแทบทุกเมนู รวมทั้งในหลายๆ เมนูนั้นก็นำมาทำและจัดจานให้ดูก่อนทานถึงโต๊ะกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะตัวเมนูจานหลักอย่างเย็นตาโฟ เราก็จะได้กลิ่นกุ้งมังกรเผาเย้ายวนชวนน้ำลายสอ และลุ้นว่าเมื่อไรจะได้ทานกันสักทีคำแนะนำอย่างหนึ่งสำหรับร้านนี้ หากสามารถช่วยเพื่อนเดอะแก๊งค์หรือครอบครัว มาได้มากกว่า 4 คน ก็จะสามารถขอเป็น Course Private ได้ บอกได้เลยว่า การทานอาหารร่วมกับคนที่เราสนิทสนมด้วย จะทำให้เมนูอาหารในมื้อนี้ยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก และควรสำรองที่นั่งก่อนมาทานทุกครั้ง ผ่านทาง Line หรือ Messenger ของทางร้านได้ทันที หลังจากที่อ่านรีวิวนี้กันแล้ว หากสนใจอยากจะไปทาน Chapter นี้ ก็ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยเนื่องจากวันที่ผู้เขียนไปทานนั้น เป็นรอบสุดท้ายสำหรับ Chapter นี้พอดี แต่อย่างไรก็ดี หลังจากนี้จะเป็น Chapter ใหม่ซึ่งทางร้านยังไม่ได้ประกาศว่าจะเป็น Concept อะไร แต่ที่เชฟสปอยมานั้น จะเป็นการเดินทางในช่วงที่เชฟออกไปเก็บประสบการณ์จากการแข่งขัน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ทางผู้เขียนเองก็ยังไม่ทราบเหมือนกัน แต่ถ้ามีโอกาสได้มารีวิวร้านนี้อีกจะมาเล่าให้ฟังนะ In de Tableราคา: 2,500 Baht / Person (Net)พิกัดความอร่อย: ซอยอินทามระ 3 ตำแหน่งเดียวกับร้าน In de bakeเวลาเปิดปิด: พุธ – อาทิตย์: 17:30 น. – 19:30 และ 20:00 – 22:00 (สำรองที่นั่งล่วงหน้า) #ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน#บทความดังกล่าวถูกเรียบเรียงและแต่งขึ้นโดยนักเขียนเองทั้งหมด#ก๋วยเตี๋ยว #เชฟอิน #ChefTable #FineDining #indetable #indebake #ChefIN หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !
เป็ดน้อยพากิน • 15 พ.ค. 65
อ่าน
เอไอเอ จับมือ BBL เปิดตัว ‘Be Together Infinite 789’ ประกันชีวิตสะสมทรัพย์
#เอไอเอ #ทันหุ้น เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Be Together Infinite 789 ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การวางแผนทางการเงินของลูกค้าให้ทันต่อสภาพเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยผลิตภัณฑ์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการเงินที่สามารถสร้าง Passive Income ที่มั่นคงได้ในระยะยาวโดยไม่ต้องกังวลถึงภาวะดอกเบี้ยในตลาด หรือความผันผวนด้านการลงทุน ด้วยการได้รับเงินคืนอย่างสม่ำเสมอไปพร้อม ๆ กับการสร้างความคุ้มครองชีวิต เพื่อสนับสนุนให้คนไทยได้มีสุขภาพชีวิตและสุขภาพการเงินที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน นางสาวอรรัตน์ ชุติมิต ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์เชิงกลยุทธ์ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า เอไอเอ ประเทศไทย และธนาคารกรุงเทพเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าปัจจุบันที่ต้องเผชิญกับการลงทุนที่มีความท้าทายมากขึ้น รวมถึงความผันผวนทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุน และแผนการเงินของลูกค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ลูกค้ามองหาเครื่องมือทางการเงินเพิ่มเติม เพื่อมาช่วยต่อยอดความมั่งคั่งได้อย่างมั่นคง รวมทั้งสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันได้อย่างลงตัว ซึ่ง Be Together Infinite 789 เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทางเอไอเอกับธนาคารกรุงเทพ ร่วมกันพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยแบบประกันนี้ยังมีจุดเด่นที่หลากหลาย อาทิ ชำระค่าเบี้ยประกันภัยเพียง 7 ปี รับความคุ้มครองชีวิตจนถึงวันครบรอบปีกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยอายุครบ 89 ปี รับเงินคืนรายงวดทุกสิ้นปีกรมธรรม์ 9% หรือ 10% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เลือกซื้อ[1] รับเงินคืน 789% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย เมื่อครบกำหนดสัญญา รับผลประโยชน์กรณีเสียชีวิตระหว่างสัญญา จำนวนเงินเอาประกันภัยเริ่มต้น 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และเพิ่มขึ้น 100% ทุกปีกรมธรรม์ สูงสุด 789% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่ปีกรมธรรม์ที่ 7 เป็นต้นไป รับผลประโยชน์เพิ่มเติมอีก 1 เท่า ของความคุ้มครองชีวิต กรณีเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ (ADB) สมัครง่าย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ และไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ นางสาวพรพิมล ตรงเที่ยงธรรม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมมือกับ เอไอเอ ประเทศไทย ในฐานะพันธมิตรหลักด้านประกันชีวิต เปิดตัว ประกันชีวิต บี ทูเกตเทอร์ อินฟินิท 789 (Be Together Infinite 789) ที่สามารถตอบ 3 โจทย์ด้านการบริหารเงินให้ลูกค้าได้ในผลิตภัณฑ์เดียว 1.) ช่วยต่อยอด/ส่งต่อความมั่งคั่ง ด้วยความคุ้มครองชีวิตในระยะยาวสูงสุดถึง 789% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจะได้รับความคุ้มครองเพิ่มเป็น 2 เท่าอีกด้วย 2.) รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ต่อเนื่องทุกปี 9-10% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ตั้งแต่ปีแรกจนถึงอายุ 88 ปี และรับเงินก้อนใหญ่เมื่ออายุ 89 ปี 3.) ค่าเบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมถึงผลประโยชน์ที่ได้รับจากประกันชีวิตยังได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณภาษี จึงตอบโจทย์ในด้านการวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยมีความผันผวนอยู่ตลอด จึงเป็นความท้าทายสำหรับการดูแลลูกค้าที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและจัดสรรเงินมาไว้กับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลประโยชน์ที่ดีสม่ำเสมอ คล้ายกับการมี Passive Income ไม่ต้องกังวลเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยหรือแนวโน้มผลตอบแทนการลงทุนในตลาด ผลิตภัณฑ์ ประกันชีวิต บี ทูเกตเทอร์ อินฟินิท 789 เหมาะสำหรับซื้อให้ตนเองหรือคนที่รักเพื่อช่วยต่อยอดความมั่งคั่ง หรือจะใช้วางแผนมรดกเพื่อส่งต่อความมั่งคั่งไปให้ลูกหลานก็ได้เช่นกัน ออกแบบให้ซื้อได้ง่าย ไม่ซับซ้อน ซึ่งธนาคารเริ่มรุกตลาดตั้งแต่ต้นปี และมั่นใจว่าแบบประกันนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงที่ช่วยลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยมให้สามารถวางแผนทางการเงินเพื่อสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงในระยะยาว หมายเหตุ: [1] เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย - ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการนำเสนอเท่านั้น ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครอง รวมทั้งข้อยกเว้นไม่คุ้มครอง ของผลิตภัณฑ์ประกันภัย และเงื่อนไขที่เอไอเอประกาศ ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง - ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์
ทันหุ้น • 19 ก.พ. 67
อ่าน
กสิกรไทย เปิดตัว GO GREEN Together จัดโปรสินเชื่อพิเศษเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นายกฤษณ์ จิตต์แจ้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะโลกร้อนไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่สถานการณ์ตอนนี้ใกล้ถึงจุดวิกฤต จากการใช้ชีวิตของมนุษย์ที่มีส่วนทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติและผลกระทบต่าง ๆ ถึงเวลาที่พวกเราต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังและลงมือทำทันทีเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยให้โลกของเราอยู่รอด ซึ่งภาวะโลกร้อนเป็นวิกฤตที่ตื่นตัวกันทั่วโลก หลายประเทศออกมาตรการเพื่อควบคุมเรื่องนี้ เช่น EU ประกาศหยุดจำหน่ายรถเครื่องยนต์สันดาป ในปี 2578 (ค.ศ. 2035) และเตรียมเก็บภาษีคาร์บอนสินค้านำเข้า ปี 2566 (ค.ศ.2023) อีกทั้งประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนก็ประกาศตั้งเป้าปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2603 (ค.ศ.2060) และประเทศไทยก็มีการตื่นตัวเช่นกัน โดยรัฐบาลได้ประกาศ Net Zero ในปี 2608 (ค.ศ. 2065) และออกมาตราการพิเศษให้เงินอุดหนุนและลดภาษีนำเข้ารถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในปี 2565-2568 (ค.ศ. 2022-2025) ธนาคารกสิกรไทยมีความเชื่อว่าเรื่องของการดำเนินงานอย่างยั่งยืนจะทำให้ธนาคาร ลูกค้า และประเทศอยู่รอดและเติบโตไปด้วยกัน ธนาคารฯ จึงมุ่งมั่นแสดงความรับผิดชอบเรื่องความยั่งยืนในมิติต่าง ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่ธนาคารฯ ทำมาอย่างยาวนานและทำต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นรับผิดชอบที่ตัวเองก่อนในการจัดการดำเนินงานต่าง ๆ ของธนาคารฯ เช่น อาคารประหยัดพลังงาน การใช้พลังงานชีวมวล การใช้รถยนต์ EV การใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ธนาคารฯ ยังสนับสนุนลูกค้า โดยในปี 2564 ที่ผ่านมาให้ธนาคารฯ ได้สนับสนุนการเงินสีเขียว (Green Finance) รวม 65,200 ล้านบาท โดย 17,500 ล้านบาท เป็นการปล่อยสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) ให้กลุ่มธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และอีก 47,700 ล้านบาท เป็นการออกหุ้นกู้สีเขียว (Green Bond) และกองทุนรวมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Environmental Fund) ธนาคารฯ มุ่งหวังที่จะชวนคนไทยทุกคนร่วมสร้างสังคมสีเขียวไปด้วยกัน จึงเป็นที่มาของการเปิดตัวโครงการ GO GREEN Together ในวันนี้ ซึ่งนับว่าเป็นธนาคารแรกที่ช่วยเชื่อมต่อและผลักดันให้ประเทศไทยเกิด Green Ecosystem อย่างครบวงจร ประเดิมเปิดโครงการด้วยแคมเปญสินเชื่อ GREEN ZERO จัดให้ครบทั้งสินเชื่อพร้อมโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจ โดยธนาคารฯ เตรียมวงเงินสินเชื่อไว้ 3,000 ล้านบาท ซึ่งมีรายละเอียดสินเชื่อ ดังนี้ 1.สินเชื่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า สำหรับรถยนต์ทุกยี่ห้อในกลุ่ม BEV (Battery-Electric-Vehicle) วงเงินกู้สูงสุด 12 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 7 ปี โปรโมชั่นพิเศษ ขับฟรี ผ่อน 0 บาท ระยะเวลา 90 วัน 2.สินเชื่อบ้านเพื่อติดตั้งแผงโซลาร์ ทั้งการขอสินเชื่อเพื่อบ้านใหม่ รีไฟแนนซ์ สินเชื่อบ้านกู้เพิ่มได้ และสินเชื่อบ้านช่วยได้ โปรโมชั่นพิเศษ ฟรีดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน 3.สินเชื่อธุรกิจเพื่อติดตั้งแผงโซลาร์ วงเงินกู้สูงสุด 100% ของมูลค่าโครงการ ระยะเวลากู้สูงสุด 8 ปี และสินเชื่อรับประกันการประหยัดพลังงาน วงเงินกู้สูงสุด 100% ของเงินลงทุน ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี โปรโมชั่นพิเศษ ฟรีดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน การเปิดตัวโครงการ GO GREEN Together ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ธนาคารอยากชวนทุกคนในสังคมไทยร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม โดยธนาคารฯ พร้อมสนับสนุนให้ Green Ecosystem เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย เพื่อให้พวกเราทุกคนร่วมมือกันทำให้เป้าหมายการเป็น Net Zero ของประเทศไทยเกิดขึ้นได้ แคมเปญนี้เป็นแค่การเริ่มต้น หลังจากนี้ธนาคารฯ จะมีโครงการด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ธนาคารกสิกรไทยไม่หยุดที่จะมุ่งมั่นในเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อร่วมส่งมอบโลกที่ยั่งยืนต่อไป นายกฤษณ์ กล่าว สำหรับลูกค้าที่สนใจร่วมแคมเปญสินเชื่อ GREEN ZERO สามารถสมัครได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขาหรือผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้า ตั้งแต่วันนี้ 30 มิถุนายน 2565 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ K Contact Center 02 8888888
มติชน • 17 ก.พ. 65
อ่าน
รีวิวภาพยนตร์ IT CHAPTER TWO
สวัสดีครับทุก ๆ ท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับ ก่อนอื่นนะครับวันนี้เนี่ยมีภาพยนตร์ที่อยากจะแบ่งปันความรู้สึกกันครับก็คือ It Chapter Two หรือโผล่จากนรก 2 หลาย ๆ คนอาจจะรู้จักในชื่อผีตัวตลกแตกต่างกันไปครับ ซึ่งมันก็ได้เดินทางมาถึงภาคที่ 2 แล้ว บอกตามตรงนะครับ ในฐานะที่เป็นแฟนภาพยนตร์สยองขวัญแต่ผมกลับไม่ค่อยชอบอิทเท่าไหร่ครับ ด้วยความที่ว่ามันเป็นหนังที่แปลก บรรยากาศเน้นไปที่ความน่ากลัวของตัวตลก บอกตรง ๆ ครับไม่ค่อยอินเท่าไหร่ ไม่ค่อยเข้าใจด้วยซ้ำว่ามันน่ากลัวตรงไหน ยิ่งถ้าหลอกแบบกระตุก ๆ นั้น ผมรู้สึกว่ามันน่าขำมากกว่าน่ากลัวซะอีก แต่อันนี้ก็คือความเห็นส่วนตัวนะครับ อย่าเพิ่งด่าผมเลย ซึ่งผมเองก็ได้ไปหาข้อมูลครับว่าที่อเมริกาเนี่ยเขาจะมีโรคที่ชื่อว่า Coulrophobia หรือโรคกลัวตัวตลกนั่นเองครับ ซึ่งเจ้าตัวตลกหน้าสีขาวนะครับอยู่คู่กับวัฒนธรรมมาช้านานแล้วครับ ถ้าจะให้เทียบแล้วก็คล้าย ๆ กับนางรำบ้านเราครับ ที่ผมว่าโคตรจะน่ากลัวเลยแต่ฝรั่งก็น่าจะรู้สึกเฉย ๆ ก็ได้ แต่ไม่ว่าจะยังไงครับอิทนั้นก็ไม่ได้มีแค่ความสยดสยองมากเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครของแก๊ง loser เข้ามาเกี่ยวพันด้วย นั่นทำให้หนังสนุกขึ้นไปอีกเป็นกองครับ พอภาค 2 มาก็ไม่รอช้าครับ รีบไปดูทันที เรามาฟังกันดีกว่าครับว่าหลังจากที่ผมดูจบเนี่ยเรารู้สึกยังไงกันบ้าง ตัวเรื่องนี่เริ่มด้วยหลังจากเหตุการณ์ที่เมือง Derry ครั้งแรกจบลง ด้วยชัยชนะของพวกกลุ่มเด็ก ๆ แต่ทุกคนรู้ดีครับว่า Pennywise นั้นยังไม่ตายเลยทำสัญญาเลือดกันเอาไว้ ถ้าเกิดมันกลับมาก็พวกเขาก็จะกลับมาสู้มันอีกครั้ง ซึ่งต้องบอกเขาว่าเจ้าตัวตลกเนี่ยมันจะออกล่าเหยื่อทุก ๆ 27 ปี อารมณ์ว่าต้องจำศีลอะไรประมาณนั้นครับ เมื่อเวลาผ่านไปทุกคนในแก๊ง loser ทั้ง 7 คนได้ออกไปมีชีวิตตามแบบของตัวเอง 6 คนนั้นย้ายออกจากเมืองไปแล้ว มีเพียง Mike เด็กผิวสีคนเดียวครับที่ยังอยู่ที่นี่ แล้วเมื่อ 27 ปีผ่านไปตอนนี้ทุกคนเติบโตและลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปจนหมดแล้ว แต่เจ้าตัวตลกมันกลับมาอีกครั้งแถมมันดูเหมือนจะมีเป้าหมายที่แตกต่างจากเดิมด้วย Mike จึงเรียกเพื่อน ๆ ทุกคนกลับมารวมตัวกันเพื่อกำจัดมันให้หายไปอย่างถาวรและนี่แหละครับก็คือโครงเรื่องง่าย ๆ ของหนังเรื่องนี้ ความรู้สึกแรกหลังดูจบก็คือ ชอบครับ ชอบมากกว่าภาคแรกพอสมควร ต้องบอกว่า Production ของภาค 2 เนี่ยดูอลังการกว่าภาคแรกเยอะมาก ๆ ครับ ฉากต่าง ๆ นี่โคตรจะจัดเต็มครับ แอบไปดูงบการสร้างมาเนี่ยภาคแรกนั้นอยู่ที่ 35 ล้านเหรียญส่วนภาคที่ 2 เนี่ยอยู่ที่ประมาณ 60-70 ล้านเหรียญเลยครับ ถือว่าเพิ่มมาเกือบเท่าตัวเลยต่อให้จ้าง James McAvoy แล้วก็ยังเหลือ ๆ อยู่เลยครับ แสงสีต่าง ๆ ก็ทำได้ดูดีขึ้นมาก กลายเป็นหนังสยองขวัญฟอร์มยักษ์ได้อย่างเต็มตัว ซึ่งไม่ต้องบอกนะครับว่าอย่าเอางบพวกนี้ไปเทียบกับพวกหนังฮีโร่ 70 ล้านสำหรับหนังสยองขวัญที่มันเยอะมาก ๆ ครับ เรื่องความน่ากลัวนี้ให้ผ่านเลยครับ จำที่ผมบอกตอนแรกได้ไหมครับว่าไม่อินกับความสยองตัวตลกแต่ It Chapter 2 แลดูจะพัฒนาตรงส่วนนี้ไปอีกขั้นครับฉากแปลก ๆ ดูน้อยลง ตัวตลกนั้นดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นแถมมีเอกลักษณ์ให้เราเห็นมากกว่าเดิม ผมก็เพิ่งจะมากลัวมันภาคนี้แหละครับสำหรับ Pennywise ซึ่งสำหรับภาคนี้มันก็ไม่ได้ออกมาแค่นิดหน่อยนะครับ เรียกว่าภาคนี้มากันแบบจัดเต็มสุด ๆ เอาให้เต็มที่ มีเท่าไหร่ใส่ให้หมดครับ ตั้งแต่ต้นเรื่องยันท้ายเรื่อง หนังมีความยาวเกือบ 3 ชั่วโมงนะครับ แต่ฉากหลอกนี่มันตั้งแต่ต้นจนจบครับ คิดดูมันเยอะขนาดไหนแถมส่วนใหญ่ก็จะมีไอเดียการหลอกที่ดีครับ จังหวะชั้นเชิงก็ไม่แพ้หนังผีเจ้าใหญ่ ๆ เรื่องอื่นเลยครับผม อีกส่วนที่ไม่ชมไม่ได้เลยก็คือนักแสดงครับ ภาคนี้เด็ก ๆ โตแล้วนักแสดงก็เปลี่ยนตามไปใช่ไหมครับ นำทีมโดย James McAvoy Bill Hader และ Jessica Chastain ยังมีอีกหลายคนนะครับแต่ขอพูดถึงคนหลัก ๆ ก่อน ทั้งหมดนั้นแสดงได้สมบทบาทมากและตรงคาแรคเตอร์ที่เคยเป็นตอนเด็ก ๆ สุด ๆ จำได้ไหมครับว่าแก๊ง loser แต่ละคนก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป บางคนนิสัยแบบนั้น กลัวอะไรแบบนั้น นักแสดงรุ่นใหญ่เนี่ยก็ถอดแบบออกมาได้เหมือนครับ เรียกว่าเป๊ะเลยก็ได้ เราเชื่อได้อย่างสนิทใจเลยครับว่าผู้ใหญ่คนนี้คือคนเดียวกันกับเด็กคนนั้นกับเด็กคนนั้นในภาค 1 บ่งบอกถึงการเตรียมตัวที่ดี อีกคนที่ต้องขอพูดถึงแล้วก็คือ Bill Skarsgård ครับหรือคนที่รับบทเป็น Pennywise นี่เอง ภาคนี้เจ้าตัวตลกนั้นมีการแสดงด้านอารมณ์มากกว่าเดิมมากและเขาทำได้จริง ๆ ครับ เป็นธรรมชาติและดูชั่วร้าย ผมคิดว่าคนนี้เนี่ยไปเล่นเป็นโจ๊กเกอร์ยังได้เลยครับ ฝีมือขนาดนี้เนี่ย แต่ว่าชมกันมาเยอะแล้ว ผมขอพูดในจุดที่ไม่ชอบบ้างแล้วกันนะครับ ข้อแรกก็คือตัวหนังที่ยาวมากจนเกินไปนั่นแหละครับ ผมรู้สึกว่า 3 ชั่วโมงสำหรับเรื่องนี้มันดูยาวมาก ๆ ครับ การดำเนินเรื่องบางอันก็เหมือนจะซ้ำ ๆ วน ๆ ไป เข้าใจครับว่าต้องการบิ๊วอารมณ์แต่พอเราเจอจากแนวเดิมเยอะ ๆ นาน ๆ เข้า บางทีมันก็แอบรู้สึกเบื่อเหมือนกันครับ อีกประเด็นก็คือการเล่าเรื่อง it Chapter 2 นั้นมีการเล่าที่ทำให้รู้สึกว่ามันขาด ๆ เกิน ๆ ตลอดเวลา ส่วนนี้เยอะไป ส่วนนี้น้อยจัง ผมคิดว่าทางผู้กำกับเนี่ยพยายามจะเล่าทุกอย่างที่มีในหนังสือออกมาให้หมดครับ โดยไม่พยายามที่จะดัดแปลงอะไรเลย ซึ่งผมยังไม่เคยอ่านอิทมาก่อนนะครับ มีหนังสืออยู่เหมือนกันแต่หนาเกินครับอ่านไม่ไหวจริง ๆ สังเกตจากการเล่าเรื่องดูครับ ค่อนข้างจะแปลกหนัง 3 ชั่วโมงแต่กลับมีจุดชวนงงอยู่พอสมควร ผมเชื่อว่าดูจบ คนยังไม่รู้เลยครับว่าจริง ๆ แล้ว Pennywise เนี่ยมันคืออะไรกันแน่ มาได้ยังไง มันทำอะไรได้บ้าง หนังไม่เน้นตรงส่วนนี้เลยครับ ใครที่ไม่เคยอ่านหนังสือหรือว่าข้อมูลของเจ้า Pennywise มาก่อนเนี่ย ต้องบอกเลยว่ามีงงเล็ก ๆ แน่นอน ซึ่งปัญหาเหล่านี้นะครับมักจะเกิดขึ้นกับหนังที่สร้างจากนิยายของสตีเฟนคิงเป็นประจำครับ ด้วยเอกลักษณ์ของนักเขียนท่านนี้ เขามักใช้ความสยองขวัญผสมกับหลักจิตวิทยา จิตใจของมนุษย์ที่ค่อนข้างจะลึกซึ้ง มันเล่ายากครับ ใครที่มาเป็นผู้กำกับต่างก็ปวดหัว แถมรายละเอียดเยอะมาก ๆ เกินกว่าที่จะสรุปได้ภายใน 2-3 ชั่วโมง นั่นทำให้ผมคิดว่า it Chapter Two นั้นยังไม่พีคเท่าที่ควรครับ ผมกลับไม่รู้สึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างแก๊ง loser เท่าที่ควรจะเป็น อีกส่วนที่จะเรียกว่าเป็นข้อเสียได้ก็ไม่เต็มปากนักนะครับก็คือ เรื่องนี้เนี่ยไม่ได้มีความเป็นหนังสยองขวัญซะทีเดียวครับ มันมีความ Fantasy เล็ก ๆ อยู่ โดยเฉพาะช่วงท้ายของเรื่องนี่มันแทบจะเปลี่ยนไปจนคิดว่าไม่ใช่หนังเรื่องเดียวกันเลยครับ ใครที่ยังไม่จุใจกับความสยองขวัญอาจจะรู้สึก fail เล็ก ๆ ได้ครับ ประกอบกับการตัดสินใจของตัวละครที่ดูไม่ค่อยจะสมเหตุสมผล มันเหมือนภาคแรกจนเกินไปครับ ท่าทางภายนอกของตัวละครเนี่ยดูดีครับแต่ความคิดและการตัดสินใจจะดูเด็กไปหน่อยครับ 27 ปีผ่านไปดูไม่โตขึ้นเลยสักนิดครับ การพัฒนาของตัวละครถือว่าผิดหวังเหมือนกัน สรุปเลยนะครับ ดูเอาน่ากลัวยังได้เหมือนเดิมครับแถมที่คนเดิมเสียอีก พูดจากคนที่ไม่ชอบอิทภาคแรกเลยนะครับพอมา Chapter 2 เนี่ยดูเข้าท่าครับ มีทั้งความน่ากลัว บางฉากก็มีแอบเสียวไส้เล็กน้อย บางฉากมาแบบนิ่ง ๆ แต่น่าขนลุก เรียกว่าหลากหลายอารมณ์จริง ๆ ครับ ยิ่งกว่า Scary Stories to tell In The Dark อีกแถมการแสดงขั้นเทพของนักแสดงแต่ละคนเนี่ยก็เป็นอีกจุดครับที่ช่วยให้หนังสนุกขึ้นมามาก ๆ แต่ดูแล้วต้องพยายามคิดตามแล้วก็มีสมาธินิดหน่อยนะครับ ไม่งั้นอาจจะไม่เข้าใจประเด็นหลัก ๆ ของเรื่องเท่าที่ควร จุดเสียเล็กน้อยก็พอจะมองข้ามได้ครับ ฉากสยองขวัญนั้นแน่นจัดเต็มแน่นอน ดูเต็มราคายังคุ้มครับเรื่องนี้ แต่ถ้าคุณไม่ถูกโรคกับความสยองขวัญแนวแฟนตาซีอาจจะมีปัญหากับเรื่องนี้ได้เช่นกันครับ โดยรวมแล้วผมไม่มีปัญหาครับ ชอบมากกว่าภาคแรกซะด้วยอย่างที่บอกไป 8 เต็ม 10 ครับเรื่องนี้ ใครยังไม่จุใจกับหนังสยองขวัญจัดไปครับเรื่องนี้ องค์ประกอบทุกอย่างเกือบดีครับ อีกนิดเดียวจริง ๆขอขอบคุณภาพทั้งหมดจาก Official Trailer Youtube
Taechin Buadaengdee • 16 มิ.ย. 63
อ่าน
‘KOAN’ สานต่อแคมเปญ ‘Nomad Be Together Project’ ช่วยเหลือเด็กและเยาวชน
นายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) (CPW) กลุ่มธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์จากแบรนด์ชั้นนำ ทันสมัย ได้เปิดเผยถึง บริษัท โคแอน จำกัด (KOAN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจค้าส่งสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์เชิงพาณิชย์ และเป็นผู้นำเข้าสินค้าแบรนด์ Nomad อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยเหลือสังคม จึงมีความยินดีที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อ ความสุขให้น้องๆ ได้มีรอยยิ้มตลอดไป ในแคมเปญ Nomad Be Together Project เปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ซื้อสินค้า Nomad (เฉพาะสินค้าราคาปกติ) มีส่วนร่วมในการบริจาค 100 บาท เพื่อสมทบเข้ามูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ เพื่อเด็กและเยาวชน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นองค์การสาธารณกุศลที่ให้ความช่วยเหลือด้านการศึกษา ทักษะ และสุขภาพอนามัย โดยมุ่งเน้นไปยังกลุ่มเด็กและเยาวชนทั่วประเทศที่ยากไร้ ผ่านโครงการอุปการะเด็ก เพื่อนำเงินที่ได้มาสนับสนุนเด็กที่ด้อยโอกาสเหล่านี้ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ และการศึกษาที่ดีขึ้น สำหรับ Nomad แบรนด์ผู้ผลิตเครื่องหนัง เคส iPhone และอุปกรณ์เสริมคุณภาพจากอเมริกา ที่มีดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์สไตล์มินิมอล เรียบหรู เน้นฟังก์ชันการใช้งาน ผสมผสานกับการเลือกใช้วัสดุพรีเมี่ยมอย่างหนังแท้ เพิ่มความหรูหราได้อย่างลงตัว เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าทุกชิ้นจากแบรนด์ Nomad นั้นสามารถตอบโจทย์การใช้งานของอุปกรณ์ของคุณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาสินค้าแบรนด์ Nomad ส่วนใหญ่ออกแบบมุ่งเน้นอุปกรณ์สำหรับผู้ชาย แต่สำหรับคอลเลคชันล่าสุดทางแบรนด์ได้รับแรงบันดาลใจจากผู้หญิงของ Nomad (Women of Nomad) โดยพนักงานผู้หญิงที่ทำงานกับทางแบรนด์ที่มีความแตกต่างในหลากหลายสไตล์ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับสินค้าในคอลเลคชันนี้ ทั้งดีไซน์ การเลือกใช้วัสดุหนังจาก Horween Tannery ซึ่งเป็นโรงงานผลิตหนังชื่อดังจากชิคาโก รวมถึงสีของหนังที่เลือกใช้ในสินค้าแต่ละรุ่นสามารถแมตช์กับเสื้อผ้าได้อย่างลงตัว ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สินค้ารูปแบบใหม่ๆ สำหรับผู้หญิงเท่านั้น แต่ทางแบรนด์ Nomad ยังจัดขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเต้านม หนึ่งในโรคร้ายที่ผู้หญิงทั่วโลกต่างหวาดกลัว ซึ่งในแต่ละปีจะมีผู้หญิงอเมริกัน 1 ใน 8 คนเป็นโรคมะเร็งเต้านม จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะมีส่วนช่วยเหลือผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมอีกหลายคนทั่วโลก โดยรายได้ส่วนหนึ่งที่มาจากการขายสินค้า Nomad ในคอลเลคชันนี้จะนำเงินไปบริจาคให้กับมูลนิธิศึกษา และวิจัยมะเร็งเต้านม เพื่อแก้ไข ป้องกันให้โลกนี้ปราศจากมะเร็งเต้านมในที่สุดและถือเป็นอีกหนึ่งโครงการดีๆ จากแบรนด์ Nomad KOAN จึงขอร่วมสานต่อโครงการนี้ในประเทศไทยผ่านมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ ซึ่งลูกค้าไม่เพียงแต่จะได้ซื้อสินค้าที่ตอบโจทย์การใช้งาน และดีไซน์ที่สวยงามแล้ว ยังมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในสังคมอีกด้วย โดยลูกค้าสามารถซื้อสินค้า Nomad ได้ที่ร้านค้าในเครือ คอปเปอร์ ไวร์ด ซึ่งประกอบไปด้วย iStudio by copperwired, U-Store by copperwired และ .life (ดอทไลฟ์) ตั้งแต่วันนี้ 30 พ.ย. 64
มติชน • 11 พ.ค. 64
อ่าน
Chapter 4: Request for Proposal คืออะไร?
ก่อนจะไปต่อในบทนี้ ผู้เขียนแนะนำให้ผู้อ่านได้อ่านบทความ Chapter 1: Project Management คืออะไร? เสียก่อน เพื่อให้เข้าใจธรรมชาติของโครงการว่ามีขั้นตอนและความเป็นมาอย่างไรบ้าง สำหรับเนื้อหาที่ผู้เขียนจะเขียนต่อไปนี้จะเริ่มลงลึกในขั้นตอนของการเตรียมงานโครงการ (Pre-project) ซึ่งจะมีตัวย่อต่างๆ ที่ผู้สนใจในงานด้านการบริหารโครงการนั้นจำเป็นต้องรู้และเข้าใจ ผู้อ่านบางท่านอาจจะเคยได้ยินมาบ้างสำหรับคำว่า ขอบเขตของงาน (Term of Reference: TOR) หรือคำว่าเอกสารข้อเสนอ (Request for Proposal: RFP) โดยทั่วไปเรามักจะได้ยินคำว่า TOR บ่อยครั้งกว่า RFP และหน่วยงานรัฐ หรือแม้แต่รัฐวิสาหกิจเองหลายๆ ที่ก็มักจะใช้นิยาม TOR สำหรับคัดเลือกผู้เข้าดำเนินงานของโครงการนั้นๆ ผู้อ่านทราบหรือไม่ครับว่า TOR กับ RFP นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร?แท้จริงแล้ว TOR นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ RFP จริงๆ จะใช้คำว่า RFP ก็ได้นะครับสำหรับทุกโครงการ เพราะ TOR ก็เป็นส่วนหนึ่งของ RFP อยู่แล้ว โดย TOR ตามหลักจะมีเนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึง วัตถุประสงค์ ขอบเขตของงาน คุณลักษณะเฉพาะของงาน ระยะเวลาการดำเนินงาน ระยะเวลาในการส่งมอบงาน สำหรับการนำคำเหล่านี้มาใช้ในการเขียนโครงการนั้น จากประสบการณ์ของผู้เขียน เท่าที่เคยเห็นนั้น การนำคำดังกล่าวมาใช้ในโครงการ มักจะมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันโดย TOR มักจะมีจุดประสงค์ของการใช้ในการคัดเลือกผู้ที่สนใจในการเข้ามาดำเนินงานที่ลักษณะงานนั้นมีเนื้องานที่มีคุณลักษณะเฉพาะของระบบหรืออุปกรณ์ชัดเจน มีงบประมาณที่แน่ชัด โดยมักจะเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วที่สามารถนำประกอบกันให้เป็นเนื้องานนั้นๆ โดยสมบูรณ์ได้ สำหรับ RFP นั้นมักจะมีจุดประสงค์ของการใช้ในการคัดเลือกผู้ที่สนใจในการเข้ามาดำเนินงาน โดยเนื้องานนั้นต้องการความเชี่ยวชาญหรือความสามารถเฉพาะทางในการออกแบบและพัฒนาโครงการนั้นๆ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของโครงการ ซึ่งมักจะเป็นลักษณะของงานที่ต้องการสร้างขึ้นมาใหม่ หรือต้องการการวิจัย ออกแบบพัฒนาชิ้นงานนั้นๆ ดังนั้นเอกสาร RFP จะมีรายละเอียดข้อกำหนดที่ครอบคลุมมากกว่า TOR ยกตัวอย่างเช่น ใน TOR อาจจะต้องการแค่คุณสมบัติของผู้ที่สนใจว่าเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ แต่ RFP อาจจะต้องการมากกว่าเพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่าผู้เสนอราคานั้นมีความเชี่ยวชาญจริง เช่น ประวัติผลงานที่ผ่านมา ประสบการณ์ของผู้พัฒนา หรือ customer site references เป็นต้น กว่าจะมาเป็นโครงการผู้เขียนเองเคยมีประสบการณ์เป็นหนึ่งในที่ปรึกษาในการเขียนโครงการของหน่วยงานแห่งหนึ่ง จึงอยากจะขอแบ่งปันประสบการณ์ของขั้นตอนที่สำคัญต่างๆ ในมุมของการเขียนโครงการให้สำเร็จว่ามีขั้นตอนหลักๆ อะไรบ้าง ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้รวบรวมความต้องการการปั้นโครงการ แน่นอนครับว่าต้องมีการรวบรวมความต้องการจากผู้เกี่ยวข้องของหน่วยงานนั้นๆ จากหลายส่วน หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมักจะเต็มไปด้วยข้อมูลความต้องการต่างๆ เต็มไปหมด ต่างฝ่ายต่างมีความต้องการที่หลากหลาย การประชุมจะเยอะมากให้ทำใจไว้ได้เลยครับ ปวดหัวแน่นอนรวบรวมข้อมูลหลังจากรวบรวมความต้องการมาแล้ว ก็จะเป็นขั้นตอนการสรุปความต้องการต่างๆ ที่ได้มาเพื่อนำมาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ว่ามีองค์ประกอบ หรือข้อมูลใดบ้าง หรือมีเทคโนโลยีอะไรที่จำเป็นต้องนำมาใช้ ซึ่งค่อนข้างใช้เวลาพอสมควรเลยนะครับ เพื่อสร้างความเข้าใจ และสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องทำให้ตกผลึกทางความคิดเมื่อรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อสร้างเนื้อหาได้แล้ว ก็ควรจะนำไปเสนอกับผู้เกี่ยวข้องอีกครั้งจุดประสงค์ก็เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจในทิศทางเดียวกันว่า เจ้าของโครงการกับตัวเราเองนั้น เข้าใจตรงกัน และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งก็อาจจะกลับเข้าสู่วังวนของการรวบรวมความต้องการอีกครั้งก็เป็นได้นะครับ โดยกระบวนการเหล่านี้ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควรร่างข้อเสนอของโครงการหลักจากความคิดความต้องการตกผลึกเป็นรูปธรรมแล้ว ก็ถึงขั้นตอนของการร่างข้อเสนอ เพื่อที่จะสื่อแนวคิดและความต้องการของระบบ เพื่อสามารถนำไปเสนอผู้ที่สนใจที่จะเข้าร่วมยื่นข้อเสนอ สำหรับรวบรวมข้อมูล หรือเพื่อเป็นการพิจารณาถึงศักยภาพเบื้องต้นของผู้ยื่นข้อเสนอหนังสือขอข้อมูลเพิ่มเติม (Request for Information)เคยได้ยินคำว่า Request for Information: RFI หรือ Registration of Interest: ROI กันบ้างมั้ยครับ เป็นเครื่องมือหนึ่งที่เจ้าของโครงการสามารถออกหนังสือขอข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้สนใจที่จะยื่นข้อเสนอของโครงการได้ เพื่อเป็นการรวบรวมข้อมูลจากผู้ที่เชี่ยวชาญ หรือเป็นการขอแนวคิดของการออกแบบจากผู้ที่สนใจจะยื่นข้อเสนอได้เอกสารข้อเสนอ (Request for Proposal)RFP เป็นเอกสารฉบับสุดท้ายที่จะออกมาอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการคัดเลือก การแข่งขันสำหรับผู้ที่สนใจที่จะยื่นข้อเสนอเพื่อเข้ามาดำเนินงานของโครงการ ในบางครั้งอาจเรียกว่า Request for Offer (RFO) ก็ได้ ในเอกสารฉบับนี้จะระบุรายละเอียดที่มากเลยทีเดียว เพื่อให้ผู้ที่สนใจยื่นข้อเสนอนั้นเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุด และสามารถระบุถึงการขอข้อมูลข้อเสนอด้านการลงทุนของผู้ยื่นข้อเสนอ ซึ่งจะมีความคล้ายกับกระบวนการขอใบเสนอราคา (Request for Quotation: RFQ) สำหรับพิจารณางบการลงทุนของโครงการบทสรุป Chapter 4เนื้อหาของบทที่ 4 จะเน้นเกี่ยวกับคำจำกัดความที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมโครงการ ซึ่งจะมีคำต่างๆ ที่ผู้อ่านอาจจะเคยผ่านหูผ่านตามาบ้าง และเน้นถึงสาระสำคัญของขั้นตอนการปั้นโครงการ เนื้อหาดังกล่าวเขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน หากมีข้อผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยมา ณ. ที่นี้ด้วยนะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจไม่มากก็น้อยนะครับ แล้วพบกันใหม่ในบทต่อๆ ไปครับเครดิตภาพภาพประกอบหน้าปก ภาพปก 1 ภาพทำเอง จาก powerpointภาพที่ 1 โดย Andrea Piacquadio จาก pexels.comภาพที่ 2 ภาพทำเอง จาก Powerpointภาพที่ 3 โดย Elevate Digital จาก pexels.comภาพที่ 4 โดย Lukas จาก pexels.comภาพที่ 5 โดย Andrea Piacquadio จาก pexels.comบทความที่เกี่ยวข้องChapter 1: Project Management คืออะไร?Chapter 2: ความท้าทายวัดจากอะไร?Chapter 3: ทักษะอะไรที่จำเป็นสำหรับ Project Manager?อัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ThomasKorn • 5 ต.ค. 65
อ่าน
Chapter 2: ความท้าทายวัดจากอะไร?
หลายคนคงสงสัยว่าทำไมผมถึงตั้งหัวข้อว่า "ความท้าทายวัดจากอะไร?" ซึ่งผู้เขียนได้ตั้งคำถามนี้มาจากตอนเริ่มทำงานบริหารโครงการ ว่าโครงการที่เรากำลังดูแลอยู่นั้น มีความท้าทายมากน้อยเพียงใด อะไรจะเป็นตัวชี้วัด ผู้อ่านเคยสงสัยกันมั้ยครับว่าเราจะรู้ได้อย่างไร? ก่อนอื่นเลยผู้เขียนแนะนำให้ผู้อ่าน เริ่มอ่านจากบทที่ 1 (Chapter 1) ก่อนครับ เพื่อจะได้เข้าใจที่มาที่ไปก่อนว่า ความท้าทายที่ผู้เขียนจะกล่าวต่อไปคือ ความท้าทายของงานด้านการบริหารโครงการผ่านมุมมองจากประสบการณ์ตรงที่ผู้เขียนจะแบ่งปันเรื่องราว ซึ่งเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนนะครับ ไม่ได้อ้างอิงมาจากตำราฉบับไหนนะครับ ดังนั้นผู้อ่านอาจจะมีมุมมองที่แตกต่างออกไปจากผู้เขียนก็เป็นได้ครับ ความท้าทายจากการทำงานมากับบุคลากรผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ท่าน ผู้เขียนได้เก็บเกี่ยวความคิดเห็นของแต่ละท่านซึ่งต้องขอขอบคุณบุคคลเหล่านั้นที่ผู้เขียนได้เคยร่วมงานกันมาและได้ผ่านประสบการณ์มากมายด้วยกัน ผู้เขียนได้กลั่นกรองความท้าทายออกมาเป็น 4 ข้อหลักในการชี้วัดว่า โครงการที่ท่านกำลังทำ หรือกำลังเริ่มต้นดำเนินการอยู่นั้น จะมีความยุ่งยากและท้าทายกับตัวท่านเองมากน้อยเพียงใด ซึ่งจำแนกออกได้ 4 หัวข้อ ดังต่อไปนี้ ลูกค้าใหม่หรือลูกค้าเก่าลูกค้านั้นสำคัญไฉน คำตอบคือสำคัญมากครับ หากโครงการที่ท่านกำลังดำเนินการอยู่นั้น เป็นกลุ่มลูกค้าเก่าขององค์กรท่าน ที่องค์กร ของท่านเอง อาจจะได้เคยทำโครงการกับลูกค้ากลุ่มนั้นมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย ก็จะทำให้การดำเนินการของโครงการนั้นลดความยุ่งยากลงไปได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว แต่ถ้าหากกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่หละก็ บอกได้เลยครับว่าระดับความปวดหัวจะเพิ่มขึ้นทวีคูณทันที เพราะท่านต้องทำความรู้จักลูกค้าใหม่หมด ต้องเข้าถึงลูกค้าให้ได้ ต้องวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าให้เป็น ไหนจะต้องสร้างสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าอีก ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ ความซับซ้อนของงานความซับซ้อนของเนื้องาน บางครั้งอาจจะไม่ได้วัดกันที่มูลค่าของโครงการนะครับ บางโครงการมูลค่าอาจจะไม่สูงมาก แต่ความซับซ้อนอาจจะอยู่ในระดับที่ยาก ถึงยากสุดๆ ก็มีนะครับ ขึ้นกับเนื้องานของงานนั้นๆ ที่กำลังทำอยู่ ยกตัวอย่างคร่าวๆ ในแง่ของความซับซ้อนของเนื้องานนะครับ อย่างเช่น ความยุ่งยากของการออกแบบระบบ ความยุ่งยากของการออกแบบโครงสร้างสถาปัตยกรรม ความยุ่งยากของการเชื่อมต่อระบบ ความซับซ้อนของเทคโนโลยีที่นำมาใช้ เป็นต้น พันธมิตรแน่นอนครับในงานบางโครงการ ท่านอาจจะไม่ได้ทำโดยลำพัง ซึ่งอาจจะต้องมีพันธมิตร (Partner) ซึ่งขอรวมถึง Vendor ที่ท่านต้องร่วมงานด้วยนะครับ ยิ่งถ้าโครงการไหน มี Partner ที่จำเป็นต้องเข้ามาร่วมกันลงมือทำโครงการนั้นมากกลุ่มเท่าไหร่ ก็จะเพิ่มความยุ่งยากมากขึ้นเท่านั้น หากท่านได้พันธมิตรที่มากความสามารถ สื่อสารรู้เรื่อง ทำงานเป็นระบบ และฉับไว นับเป็นโชคดีของท่านเลยครับ แต่ถ้าท่านได้พันธมิตรที่มีความสามารถก็จริง แต่สื่อสารไม่รู้เรื่อง ทำงานเป็นระบบบ้างไม่เป็นบ้าง และต้องคอยจิกคอยตามเป็นไก่ ความปวดหัวกุมขมับจะบังเกิดกับตัวท่านทันทีงบประมาณค่าใช้จ่ายหนึ่งในสุดยอดหัวใจสำคัญของการบริหารโครงการที่ผู้เขียนได้เคยเกริ่นไว้แล้วในบทที่ 1 ก็คือต้นทุน (Cost) หากโครงการนั้นมีงบประมาณ (Budget) ที่จำกัดแล้วหละก็ความยากและความเสี่ยงก็จะสูงตามเป็นเท่าตัว หากโครงการที่ท่านกำลังจะเริ่มดำเนินการ หรือกำลังดำเนินการอยู่นั้น มีต้นทุนที่สูงมากจนทำให้ margin ที่ได้อยู่ในระดับที่ต่ำจนมีความเสี่ยงที่จะติดลบนั้น ขอบอกเลยว่านี่มันนรกชัดๆ ท่านจะทำงานในระดับที่เรียกว่า ยากโคตรๆ อย่างแน่นอน การควบคุมปัจจัยต้นทุนในบางปัจจัยอาจจะควบคุมได้ยากมาก ทำให้ต้นทุนที่ประมาณการไว้ในตอนต้นอาจจะต่ำกว่าที่คาดไว้ ทำให้ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในต้นทุนส่วนนี้มากขึ้น จุดนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญมากๆ และมีความเสี่ยงสูงมากหากต้นทุนที่ประมาณการไว้นั้น ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก และโครงการนั้นมีงบประมาณจำกัด บอกได้คำเดียวว่า ขอให้โชคดีครับบทสรุป Chapter 2ความท้าทายที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นมุมมองส่วนตัวจากประสบการณ์ของผู้เขียนนะครับ ซึ่งพยายามสรุปออกมาเป็น 4 หัวข้อหลักที่สำคัญ อันได้แก่ กลุ่มลูกค้า ความซับซ้อนของงาน พันธมิตร และงบประมาณค่าใช้จ่าย ผู้เขียนเองเคยทำงานโครงการที่มีด้านลบถึงสามในสี่หัวข้อเลยทีเดียวครับ นับว่าเป็นการทำงานที่ค่อนข้างท้าทายพอสมควรครับ แล้วผู้อ่านหละครับเคยประสบพบเจอความท้าทายมาแล้วกี่หัวข้อครับ?ภาพประกอบหน้าปก ภาพปก 1 โดย nappy จาก pexels.comภาพที่ 1 โดย Andrea Piacquadio จาก pexels.comภาพที่ 2 โดย Moose Photos จาก pexels.comภาพที่ 3 โดย Startup Stock Photos จาก pexels.comภาพที่ 4 โดย Andrea Piacquadio จาก pexels.comภาพที่ 5 โดย Pixabay จาก pexels.com เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ThomasKorn • 18 ก.ย. 65
อ่าน
NrsportsRadio ครีเอเตอร์ และ อินฟูเอนเซอร์ยุคใหม่ จาก The NEXT
NrsportsRadio ครีเอเตอร์สายกีฬาแท้ ติด 1 ใน 50 ครีเอเตอร์ และอินฟูเอนเซอร์ยุคใหม่ จาก The NEXT ออนไลน์สเตชั่น ไม่ได้มีดีแค่ครีเอเตอร์สายเกมเท่านั้น ล่าสุด ทางเวปไซต์ RainMaker เวปไซต์ที่นำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ เผย The NEXT 50 ครีเอเตอร์ และอินฟูเอนเซอร์ยุคใหม่ สู่ผู้นำ Next Trend คอนเทนต์โลกออนไลน์ ซึ่งช่อง NrsportsRadio หนึ่งในครีเอเตอร์สายกีฬา ภายใต้สังกัดออนไลน์สเตชั่น ก็ถูกยกให้เป็น 1 ใน 50 ครีเอเตอร์คลื่นลูกใหม่ของโปรเจค The NEXT และเป็นครีเอเตอร์สายกีฬาแท้เพียงหนึ่งเดียวอีกด้วย The NEXT เป็นโปรเจคที่เวปไซต์ RainMaker เผย50 ครีเอเตอร์ และอินฟูเอนเซอร์ยุคใหม่ ที่ปรับตัวตามทันโลกทันสมัย และก้าวข้ามกรอบของตัวเองไปสู่โลกแห่งใหม่ เพื่อผลักดันคอนเทนต์ไปสู่ผลงานที่สร้างสรรค์ นอกจากช่อง NrsportsRadio แล้วยังมีครีเอเตอร์ที่น่าสนใจอีกมากมาย อย่าง BOTCASH,Jomquan, Nanake555, Powerpuff Gay, ไหน เล่า ซิ๊ และ 4EVE เป็นต้น ช่อง NrsportsRadio ปัจจุบันมีผู้ติดตามกว่า 1.03 ล้านคน ด้วยสไตล์การพากย์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ "นิค" นิกร วิศวะไชยพันธ์ ที่ความฮาต้องมาพร้อมสาระ เริ่มจากการพากย์บอลบนวิทยุออนไลน์จนพัฒนามาเป็นช่อง NrsportsRadio บนแพตฟอร์มยูทูป เพื่อให้เขากับยุคของโลกออนไลน์ และตั้งใจที่จะสร้างคอมมูนิตี้เอาใจคอบอล ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ว่า "ให้เราดูบอลเป็นเพื่อนคุณ" บวกกับคอนเทนต์ที่หลากหลายทำให้ช่อง NrsportsRadio เป็นอีกหนึ่งช่องกีฬาที่เข้าไปอยู่ในใจใครหลายๆคน นอกจาก นิค ยังผลิตคอนเทนต์เกี่ยวกับฟุตบอลแล้ว นิค เองยังเป็นหนึ่งในทีมพิธีกร รายการ "Live Score" ที่เป็นตัวแทนแฟนหงส์แดง ร่วมกับอินฟูเอนเซอร์ฝีปากกล้าอย่าง ป๋อง - กพล, แตงโม -พงษ์พิสุทธิ์ และ ฟลุ๊ค -ธีรยุทธ อีกด้วย และยังเป็นพิธีกร "เทพนอกสนาม" คู่กับ เบล-ขอบสนาม รายการที่วัดความเป็นเทพตัวจริงในกีฬาฟุตบอล ออกอากาศทุกวันพุธ เวลา 19.00 น.ทางช่อง True Sport network และด้วยความชื่นชอบในกีฬาฟุตบอลแล้ว นิค ยังตั้งทีม FIFA Online ในนาม Nr sport Team อีกด้วย แฟนๆ สามารถติดตามคอนเทนต์สนุกๆ เรื่องราวของฟุตบอลที่ได้ความฮาพร้อมสาระจากช่อง NrsportsRadio ได้ที่ : https://bit.ly/OS_NRsport ----------------------------------------------- ข่าวที่เกี่ยวข้อง FristOne กับก้าวใหม่ กับตำแหน่งกัปตันทีม PSG Esport RoV 60 แคปชั่นฟุตบอล 2022 แคปชั่นวาเลนไทน์ แคปชั่นอ่อย แคปชั่นอกหัก โดนใจสายกีฬา ----------------------------------------------- ดูสด ดูฟรี ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ... พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม ต้อง App TrueID เท่านั้น โหลดเลย!! รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ คลิกที่นี่ อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณคลิกเลย!!หรือ กด *301*32# โทรออก หรือ อัพเดทข่าวบอลไทยลีก กด*301*36#โทรออก มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนทรรศนะ ตามประสาคนรักกีฬากันได้ที่ TrueID Community คลิกเลย!
ไลฟ์สไตล์ • 5 ก.พ. 65
ดูเพิ่มเติม