รีเซต

ผลการค้นหา “Theory of Love | Special Episode "STAND BY ME"” - ทรูไอดี

ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
ประมวลภาพ "รับ(รัก)ออกแบบ Love Design" Special Episode ทำถึงเกิน
อ่าน

ประมวลภาพ "รับ(รัก)ออกแบบ Love Design" Special Episode ทำถึงเกิน

เรียกได้ว่าเป็น 2 วันที่ถูกใจด้อม 9779s เพราะ 2 วันมานี้ค่ายเวลเคิร์ฟ สตูดิโอ เสิร์ฟแรง กับ 2 อีเวนต์สุดโซ๊ะ เริ่มจากอีเวนต์แรก "รับ(รัก)ออกแบบ The Final Sketch" ชวนแฟน ๆ มาดู Special Episode งานนี้บอกเลยว่ามีซึ้ง เพราะ 4 นักแสดงนำของเรื่อง ประกาศบอกลาตัวละคร หลังจากอยู่กับโปรเจกต์ซีรีส์นี้มามากกว่า 1 ปี ประมวลภาพ "รับ(รัก)ออกแบบ Love Design" Special Episode โดย 4 สาวอย่าง "เก้า สุภัสสรา ธนชาต" ที่รับบทเป็น "ออกแบบ", "เจนเย่ เมธิกา จีรนรภัทร" ที่รับบทเป็น "ริน", "เฟรนด์ ทอฝัน ทวีมา" ที่รับบทเป็น "วี" และ "ปาล์ม ปารมี เหลืองนฤมิตชัย" ที่รับบทเป็น "เตอร์ติส" เล่าทั้งน้ำตา บอกผูกพันกับบทบาทที่ได้รับมาก ๆ ซึ่งเริ่มจาก "เก้า - เจนเย่" ที่เผยความในใจพร้อมอำลาว่า "ก็อยากให้ทุกคนจดจำตัวละครที่ตัวเองแสดงในเรื่องนี้ไปอีกนาน ๆ นะคะ" ส่วน "เฟรนด์ - ปาล์ม" ก็เผยว่า "อยากให้ทุกคนรักตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้ เหมือนที่พวกเธอรักค่ะ" ทั้งนี้ในวัน The Final Sketch นอกจากแฟน ๆ จะได้เห็นโมเมนต์น่ารัก ๆ พร้อมคราบน้ำตาแห่งความสุขแล้ว ในตอนจบก็ยังได้เห็นภาพความผูกพันของทีมนักแสดง ที่เช็ดน้ำตาให้กันบนเวที เพราะซีรีส์เรื่องนี้ นอกจากจะเป็นเกิร์ลเลิฟเรื่องแรกในความทรงจำของนักแสดงทั้ง 4 คน ยังมีความทรงจำหลายอย่างที่พวกเธอไม่อาจลืม โดยเฉพาะโลเคชั่นหลักในการถ่ายทำในต่างประเทศ อย่างจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ที่ทำให้ "ออกแบบ" และ "ริน" ได้เจอกันครั้งแรก นั้นคือเมืองคิตะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น ทั้งที่ปราสาทโคคุระ และ Mojiko Retro รวมถึง สะพานวาคาโตะ ซึ่งเป็นซีนจบขอแต่งงานของ "ออกแบบ" และ "ริน" ด้วย ซึ่งทุกโลเคชั่นที่ "เก้า" และ "เจนเย่" เดินทางไปถ่ายทำนั้น มีเรื่องราวมากมาย เพราะในช่วงถ่ายทำ ก็ผ่านอุปสรรคทั้งสภาพอากาศ และต้องแข่งกับเวลา ทำให้ทั้งคู่ รู้ใจกันและรักกันมากขึ้นในชีวิตจริง หลังจากนั้น เมื่อกิจกรรมดู Special Ep. จบ แต่ 4 สาว "เก้า - เจนเย่" และ "เฟรนด์ - ปาล์ม" ไม่จบ ยังลุยต่อ ซ้อม Fan Meet กันถึงตี 2 เพราะอยากให้โชว์ในวันรุ่งขึ้น ออกมาดีที่สุด ให้สมกับที่แฟน ๆ รอซัพพอต โดยในวันต่อมา เป็นแฟนมีตครั้งแรกของ 4 สาว กับ "LOVE DESIGN : FIRST DRAWING FAN MEETING" ซึ่งใช้เวลาโชว์เพอร์ฟอร์แมนซ์ยาว ๆ เกือบ 3 ชั่วโมงเต็มแบบจุก ๆ "จาก Fan Meet เล่นใหญ่เป็น Fan Con เพราะมีโชว์ถึง 12 เพลง" งานนี้ "เก้า - เจนเย่" ทุ่มสุด ทั้งร้องทั้งเต้น เปิดตัวมาพร้อมเสียงกรี๊ดดังสนั่นกับโชว์ ที่ 4 สาวตั้งใจ เอาใจด้อม 9779s ไปเลย สำหรับ "เก้า-เจนเย่" และ "เฟรนด์-ปาล์ม" แล้ว ความรู้สึกจากใจของพวกเธอคือ "มีวันนี้ได้ก็เพราะทุกคนซัพพอร์ต" และ "อยากมีทุกวันข้างกันแบบนี้เรื่อยไป" (อันนี้บอกใคร ?) อาจจะหมายถึงแฟน ๆ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ เพราะ "เก้า-เจนเย่" แง้มหลังหลังโชว์จบ มาลุ้นกันว่าซีรีส์ "รับ(รัก)ออกแบบ" จะมีซีซั่น 2 หรือ เก้าเจนเย่จะไปต่อกับโปรเจกต์อื่น ๆ หรือไม่ ทำเอาแฟน ๆ ตื่นเต้นกันเป็นแถวเลยล่ะ นักแสดงพูดเองขนาดนี้แล้ว เวลเคิร์ฟ ต้องจัดแล้วล่ะ อ่านข่าวบันเทิงวันนี้ที่เกี่ยวข้อง : ซีรีส์ "รับ(รัก)ออกแบบ" ชวนฟินต่อกับตอนพิเศษส่งท้าย "LOVE DESIGN THE FINAL SKETCH" Love Design รับ(รัก)ออกแบบ EP.3 : "เก้า-เจนเย่" ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม "แยม" มาได้จังหวะพอดี "เก้า-เจนเย่" บินลัดฟ้าลุยถ่ายซีรีส์ "Love Design รับ(รัก)ออกแบบ" ที่เมืองคิตะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น

ร่อนการ์ดเชิญ! “แม็กกี้ – บาส” ชวนมางาน “Special Episode JohanNorth : The Glowing of Love”
อ่าน

ร่อนการ์ดเชิญ! “แม็กกี้ – บาส” ชวนมางาน “Special Episode JohanNorth : The Glowing of Love”

ร่อนการ์ดเชิญ! แม็กกี้ บาส ชวนมางาน Special Episode JohanNorth : The Glowing of Love เพิ่งจะปิดกล้องการถ่ายทำไปหมาดๆ สำหรับ ซีรีส์ตอนพิเศษ JohanNorth Special นำแสดงโดย แม็กกี้ รชต - บาส หัสณัฐ คู่จิ้นขวัญใจชาวด้อม 6CODE ที่จะพาแฟนคลับไปฟินกันอีกครั้งกับเรื่องราวความรักของ พี่โจฮัน กับ น้องนอร์ธ จะได้พัฒนาการของคู่รักหวานกันแบบฉ่ำๆจิกจนหมอนขาด ล่าสุดมาอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ทำเอาแฟนคลับหวี๊ดหนักมาก เพราะ แม็กกี้ บาส มาในชุดสูททักซิโด้ขาวดำ ภาพโปสเตอร์มองดูยังไงก็เหมือนสิ่งนั้นมาก! ภาพพรีเวดดิ้งแต่งงาน พร้อมร่อนการ์ดเชิญมาเจอกันในงาน Special Episode JohanNorth : The Glowing of Love ร่วมเป็นสักพีพยานรักวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2025 ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ใครที่อยากไปเป็นสักขีพยานโมเมนต์สำคัญของทั้งคู่เตรียมเงินและเตรียมตัวกันให้พร้อม บัตรมี 2 ราคาให้เลือก 2,000 และ 2,500 บาท แล้วมากดบัตรด้วยกันวันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม 2025 ทางทางเคาน์เตอร์เซอร์วิส All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขา หรือ allticket.com นะจ๊ะ ถึงเวลาที่ต้องหาเรฟชุดรอแล้วทุกคนนนน.

Review ซีรีย์สุดฮิต...ทฤษฎีจีบเธอ (Theory of love)
อ่าน

Review ซีรีย์สุดฮิต...ทฤษฎีจีบเธอ (Theory of love)

                   สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกแล้วนะครับ ในวันนี้ผมจะมาพูดถึงเกี่ยวกับซีรีย์ Romantic Drama ที่เรียกได้ว่ากระแสแรงมากๆ และถูกพูดถึงจนติดชาร์ต twitter ทุกครั้ง ในทุกๆ Ep ที่ถูกปล่อยออกมา กับซีรีย์ที่มีชื่อว่า ทฤษฎีจีบเธอ (Theory of love) ผลงานของ GMMTV และออกอากาศที่  Line TV นั่นเองครับโดยจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับ กลุ่มเพื่อนสนิท ที่เกิดมีคนคนหนึ่งในกลุ่มคิดไม่ซื่อ จึงกลายมาเป็นเรื่องราวที่ สนุก และน่าติดตามครับ ส่วนเรื่องย่อและรายละเอียดจะเป็นอย่างไรไปติดตามกันได้เลยครับขอบคุณภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=IoNu7BYOHLgนักแสดง นักแสดงที่รับบทแสดงในเรื่องนี้นะครับ ก็จะมีตัวละครหลักอยู่ 4 คนซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน โดยมีชื่อแก๊งว่า "แก๊งโหด" ที่รับ บทแสดงโดย- ออฟ จุมพล อดุลกิตติพร   รับบทเป็นค่าย พระเอก แบดบอย สุดแสนจะเจ้าชู้- กัน อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์    รับบทเป็น เติร์ด  ตัวดำเนินเรื่องที่ยิ่งดูยิ่งเรียกน้ำตาให้กับผู้ชม- ไวท์ ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม    รับบทเป็น ทู เพื่อนแสนดีที่คอยให้คำปรึกษา- ไมค์ ชินรัฐ สิริพงษ์ชวลิต  รับบทเป็นโบน หนุ่มสุดเท่ แค่มองสาวๆก็พร้อมใจยกหัวใจให้และมีนักแสดงที่มาร่วมเสริมความสนุกอีกมากมายเช่น เอิร์ท พิรพัฒน์ วัฒนเศรษสิริ ที่รับบทเป็น อั้น , นีร สุวรรณมาศ ที่รับบทเป็น ลิน ,ซาร่า เล็กจ์ที่รับบทเป็น ป่านขอบคุณภาพจาก https://news.kapook.com/topics/ทฤษฎีจีบเธอ เรื่องสั้น                     เรื่องราวของเพื่อนที่รักและสนิทๆกันมากๆกับแก๊งที่มีชื่อว่า "แก๊งโหด" นักศึกษา นิเทศฯภาพยนตร์ปี 3 ที่เป็น 4 หนุ่มที่มีเอกลักษณ์ดึงดูดสาวๆให้หลงรักได้ในแบบของตัวเองซึ่งประกอบไปด้วย ค่าย, เติร์ด, ทู, โบน แต่เรื่องราวความสนุกก็สนุกขึ้นเรื่อยๆเมื่อ เติร์ดได้หลงรักเพื่อนสนิทของตัวเองตั้งแต่ตอนที่เขา เข้ามาในมหาวิทยาลัยตอนปี1 นั่นคือ ค่าย ซึ่งค่ายเป็นคนที่เจ้าชู้และควงสาวแบบไม่ซ้ำหน้า ซึ่งความรักในครั้งนี้ก็จะมีเพื่อนๆในกลุ่มที่รับรู้และคอยช่วยเหลือ รวมถึงการที่ เพื่อนๆในกลุ่มทั้ง โบน และ ทู ก็มีปัญหาหัวใจ ที่น่าสนใจและน่าติดตามมากๆ สุดท้ายแล้ว ความรักของทั้ง 4 คนนี้จะเป็นอย่างไรต้องไปติดตามกับ ซีรีย์ที่มีชื่อว่า ทฤษฎีจีบเธอ (Theory of love)ขอบคุณภาพจาก https://medhubnews.com/ดูบทความ-41902-ตัวอย่าง-ซีรีส์-ทฤษฎีจีบเธอ-official-trailer-นิยาย-สู่ซีรีส์.html รีวิว (8.5/10)                  เรียกได้ว่าเรื่องนี้เป็นซีรีย์อีกเรื่องที่ผมชื่นชอบเลยครับ ด้วยเอกลักษณ์ของหนังที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับ กลุ่มเพื่อน ที่กำลังเรียน นิเทศฯภาพยนตร์ ซึ่งมีความชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องหนังคลาสสิค หนังรักที่ผมเองก็ชื่นชอบอยู่แล้วนำมาใช้ เป็นหัวใจหลักในการเล่าเรื่อง ทำให้ผมรู้สึกประทับใจกับ คำว่าทฤษฎีจีบเธอ ที่นำเอา ทฤษฎีจากหนังรักต่างๆที่มีรูปแบบการบอกรักที่เป็นเอกลักษณ์ รูปแบบการสารภาพหลักๆ รวมถึงจุด เด่นของแต่ละเรื่องมาเล่น ทำให้ผมชื่นชอบและประทับใจมาก แต่ขออนุญาติหักแต้มตรงนี้ที่ตัวละครแอบมีความเกินจริง และขยี้ความรู้สึกในบางช่วงไปนิดหน่อย แต่หากมองภาพรวมแล้วเนี่ยเป็นอีกหนึ่งซีรีย์ที่เรียกได้ว่า เป็นซีรีย์ที่ไม่ควรพลาดแห่งปีเลยก็ว่าได้ครับ                  ขอบคุณภาพจาก https://medhubnews.com/ดูบทความ-41902-ตัวอย่าง-ซีรีส์-ทฤษฎีจีบเธอ-official-trailer-นิยาย-สู่ซีรีส์.htm                  รวมถึงยังมีข้อดีอีกหนึ่งเรื่องคือ เพลงประกอบซีรีย์กับเพลง พระเอกจำลอง ของ Getsunova ที่เรียกได้ว่าตรงและขยี้อารมณ์หลังจากดูซีรีย์เรื่องนี้จบในทุกๆ Epมากๆ ซึ่งเพลงนี้ถูกพูดถึงและมีผู้ฟังเยอะมากๆ ซึ่งมียอดวิวมากถึง 10M ใน youtube เรียกได้ว่าเป็นเพลงประกอบซีรีย์ที่ดีมากๆเลยครับขอบคุณภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=sJwCwbk3YVw                   สุดท้ายนี้สามารถรับชม ทฤษฎีจีบเธอ ได้วัที่ช่อง GMM25  จะออกอากาศใน ทุกวันเสาร์ 22.25 - 23.25 น. รวมถึงทางช่องทาง Line TV  ซีรีย์เรื่องทฤษฎีจีบเธอ เป็นซีรีย์อีกหนึ่งเรื่องที่เรียกได้ว่าไม่ควรพลาดที่จะรับชมนะครับ  สุดท้ายนี้ ในฺ ฺBlog ต่อๆไปผมจะนำเรื่องราวดีดีอะไรมาแบ่งปัน ขอให้ฝากติดตามกันด้วยนะครับในวันนี้ขอกล่าวคำว่า....สวัสดีและขอบคุณครับ    

รีวิวหนังสือ THEORY OF LOVE  เหตุ*ผล*คน*รัก
อ่าน

รีวิวหนังสือ THEORY OF LOVE เหตุ*ผล*คน*รัก

 หนังสือ THEORY OF LOVE เหตุ ผล คน รัก ว่าด้วยเรื่องวิทยาศาสตร์ทางความรักว่าทำไมคนเราถึงมีพฤติกรรมแบบนั้นต่อคนรัก เป็นการเรียนรู้ถึงพฤติกรรมของคนในอีกรูปแบบหนึ่ง ภายใต้การตั้งสมมุติฐานของนักวิทยาศาสตร์ที่ได้ทำการวิจัยและทดลองอย่างต่อเนื่อง และตั้งข้อสังเกตมาอย่างยาวนาน หนังสือเล่มนี้เขียนโดย นพ.ปีย์ เชษฐ์โชติศักดิ์ คุณหมอผู้มีประสบการณ์ในการเขียนหนังสือแนว Pop science หลายเล่มสิ่งที่ประทับใจภายในเล่มจากมุมมองของครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าการอกหักนั้น มีความเจ็บปวดของสมองบริเวณ Anterior Cingulate Cortex (ACC) ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บตัวหรือเจ็บใจ ผลสแกน fMRI ก็บอกตรงกันว่ามันจะกระตุ้นสมองส่วนเดียวกัน ให้ความเจ็บไม่ต่างกัน อกหักเป็นสัญญาณให้มนุษย์เจ็บปวดเพื่อให้มนุษย์พยายามอยู่ร่วมกับสังคมให้ได้ ไม่โดดเดี่ยวจากคนอื่นๆ ได้รับการยอมรับจากคนอื่นได้เรียนรู้ว่าคนตกหลุมรักกับคนเสพติดยา จะพบว่ามีสมองส่วน VTA หรือ Ventral Tegmental Area มีการทำงานมากกว่าปกติได้เรียนรู้ว่าวิธีการก้าวข้ามการอกหัก มี 3 วิธีที่น่าสนใจที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความเห็นมาแนะนำ1.อยู่ร่วมกับคนอื่นๆ การเก็บตัวจะทำให้รู้สึกถูกสังคมตัดขาด2.สร้างมุมมองที่ดีให้กับเหตุการณ์ร้ายๆที่ผ่านไปแล้ว3.ร้องไห้ เพื่อระบายความอัดอั้นของเราออกมา ฮอร์โมนความเครียดอย่าง Cortisol และ ACTH ก็จะระบายออกมากับน้ำตาของเราด้วยสำหรับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆอย่างเราจะรับมือกับความยิ่งใหญ่ของจักรวาลได้ก็ด้วยความรักเท่านั้น - คาร์ล ซาแกนได้เรียนรู้ว่าระบบความสัมพันธ์ที่ลูกมีต่อแม่ในวัยเด็ก สามารถใช้กับคู่ครองของเราได้ด้วย เพื่อดูว่าเขาหรือเธอนั้นเป็นคนบุคลิกแบบไหน ซึ่งระบบความสัมพันธ์ที่ว่าแบ่งออกเป็น 3 ประเภท1.Avoidant เกิดจากการเลี้ยงดูด้วยความห่างเหินทางความรู้สึก2.Anxious เกิดจากการเลี้ยงดูแบบไม่ค่อยมีความมั่นคงเท่าไหร่ บางครั้งเขาก็ดูแลความรู้สึกเราได้ แต่บางครั้งเขาก็อาจเรียกร้องการดูแลจากเรา3.Secure เกิดจากการเลี้ยงดูแบบดูแลอารมณ์ความรู้สึกของเด็กได้อย่างเต็มที่ กลายเป็นคนที่มั่นคงและดูแลอารมณ์ความรู้สึกของคู่รักได้เช่นกันได้เรียนรู้ว่าระบบของการตกหลุมรัก มีการทำงานของสารเคมีในสมองอยู่ 3 ตัว1.Dopamine เป็นสารที่ทำให้คนเรามีความสุขกับสิ่งที่เรากำลังจดจ่อ ในที่นี้ก็คือคนรัก2.Norepinephrine เป็นสารที่เกี่ยวข้องกับการที่เราจดจำรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับคนรักของเราได้3.Serotonin เป็นสารที่ทำให้เราเกิดอาการย้ำคิดย้ำทำ ในที่นี้ก็คือติดถึงแต่คนรักตลอด หรือเรียกอาการนี้ว่า"หลงรัก" นั่นเอง ได้เรียนรู้ว่าความสวยงาม ความหน้าตาดีในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ให้มุมมองและองค์ประกอบดังนี้1.ความสมมาตร (Symmetry) คือรูปหน้าครึ่งซ้ายและครึ่งขวาเหมือนและเท่ากันพอดี จากงานวิจัยพบว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดชอบความสมมาตรด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ใช่หน้าที่บิดเบี้ยวผิดรูปไปข้างหนึ่ง2.ความธรรมดา (Averageness) คือเป็นใบหน้าที่เป็นค่าเฉลี่ยของคนจำนวนมาก มักเป็นใบหน้าที่สวยในสายตาของคนทั่วไป วิทยาศาสตร์ให้เหตุผลว่าการที่มีใบหน้าใกล้เคียงกับคนอื่นนั้นบ่งบอกว่ามียีนพันธุกรรมที่เป็นปกติเฉกเช่นคนทั่วไป ไม่ได้มีความผิดปกติทางพันธุกรรมแต่อย่างใด3.หน้าแบบแมนๆ หรือหน้าแบบหวานๆ คือ ใบหน้าที่แยกออกทางกายภาพได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการแสดงลักษณะทางเพศออกมาอย่างชัดเจน สิ่งนี้ช่วยดึงดูดให้เพศตรงข้ามสนใจได้ถ้าใครอยากรู้อยากเข้าใจธรรมชาติของความรักอย่างเป็นเหตุเป็นผล หนังสือเล่มนี้มีคำตอบแล้ว แม้เรื่องของความรู้สึกจะเป็นสิ่งที่หาเหตุผลเชื่อมโยงได้ยาก แต่หนังสือเล่มนี้กลับถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าสนใจ และเข้าใจง่ายอีกด้วย นี่ก็เป็นความประทับใจอีกประการหนึ่งสิ่งที่ครีเอเตอร์นำความรู้มาปรับใช้ในชีวิตได้คงจะเป็นความเข้าใจในพฤติกรรมของมนุษย์มากกว่าว่าทำไมเราถึงมีความรู้สึกแบบนั้น แสดงความรักออกไปแบบนี้ และมันมีพัฒนาการเพื่อเอาตัวรอดเกี่ยวข้องอยู่ด้วย สิ่งนี้มันทำให้เราเข้าใจตัวเองและเข้าใจคนอื่นได้มากขึ้นดังนั้น นอกจากเราจะเข้าใจความรู้สึกความรักของตัวเองแล้ว เราก็จะได้ปรับตัวพฤติกรรมให้เหมาะสมภายใต้จารีตค่านิยมอันดี ไม่เห็นแก่ตัวทางความรักจนสร้างความเดือดร้อนกับคนอื่นได้ครับหนังสือเล่มนี้จัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์บันลือบุ๊คส์ ในราคาปกเพียง 195 บาทเท่านั้น สามารถหาซื้อได้แล้วครับเครดิตภาพภาพปก โดย freepik จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย khosrork จาก  freepik.com ภาพที่ 4 โดย tirachardz จาก  freepik.comบทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ อยู่ด้วยกันเพราะอยากอยู่ ไม่ใช่จำเป็นต้องอยู่ (THE RULES OF LOVE)รีวิวหนังสือ แน่ใจแล้วหรือว่านี่คือความรักรีวิวหนังสือ ตอบปัญหาวิชาใจรีวิวหนังสือ จงรักในความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองTrueID In-Trend แหล่งสร้างคอนเทนต์หารายได้เสริมช่วงโควิด-19เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

รีวิวหนังสือ THEORY OF LOVE เหตุ.ผล.คน.รัก
อ่าน

รีวิวหนังสือ THEORY OF LOVE เหตุ.ผล.คน.รัก

    มีพลังที่มีอานุภาพอยู่พลังหนึ่ง ซึ่งจนถึงบัดนี้วิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถหาคำอธิบายอย่างเป็นทางการได้ เป็นพลังที่รวมและควบคุมทุกสิ่ง อยู่เบื้องหลังปรากฎการณ์ใดๆในจักรวาล และเรายังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับมันนัก พลังแห่งจักรวาลนี้คือความรัก   นพ.ปีย์ เชษฐ์โชติศักดิ์ จะมาพาเราไปพบความหมายของความรักในเชิงวิทยาศาสตร์แบบ Pop Science เข้าใจง่าย พร้อมภาพประกอบน่ารักๆโดย daofujiki           ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ 1.“การที่เราเจ็บจากการอกหักนั้น เป็นเพราะสมองของเราเจ็บจริงๆ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า สมองส่วน Anterior Cingulate Cortex หรือ ACC ของพวกเขาจะทำงานมากกว่าปกติเมื่อมองรูปอดีตแฟน   แต่สมองส่วนนี้กลับไม่ได้ทำงานอะไรเมื่อดูรูปเพื่อน ซึ่งสมองส่วน ACC นี้เป็นส่วนเดียวกับที่ทํางานหนักขึ้นเวลาที่เราเจ็บปวดทางกายด้วย สรุปง่ายๆ ก็คือ ไม่ว่าคุณจะเจ็บตัวหรือเจ็บใจ ก็กระตุ้นสมองส่วนเดียวกัน เราเลยรู้สึกเจ็บไม่ต่างกัน   2.สำหรับมนุษย์ที่ซับซ้อนอย่างเราๆ นอกจากอันตรายภายนอกแล้ว เรายังมีอันตรายภายในใจอย่าง “เพื่อนไม่คบ” ด้วย   สาเหตุที่อันตรายก็เพราะในอดีตเราเป็นคนป่าที่อยู่กันเป็นฝูง มนุษย์สมัยก่อนไม่สามารถจะ ทำตัวอินดี้ติสต์แตก อยากอยู่คนเดียว อยากมีโลกส่วนตัว อะไรแบบนั้นได้เลย   เพราะการอยู่คนเดียวในป่า = ความตาย ธรรมชาติจึงผูกเรื่อง ความสัมพันธ์ทางสังคมของเราไว้กับความรู้สึกเจ็บด้วย เพื่อให้มนุษย์ไม่สามารถทนกับสภาวะเช่นนี้ได้ ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ความสัมพันธ์กลับคืนมา (เช่น การส่งเมสเสจไปง้อแบบนอนสต็อป) เพื่อให้เรากลับมาถูกยอมรับอีกครั้ง และเราจะได้มีชีวิตรอด   3.วิธี Cognitive Reappraisal ซึ่งอธิบายว่า โดยทั่วไปเรามักจะคิดเรื่องต่างๆด้วยวงจรความคิดเดิม ๆ เช่น เมื่อเขาเลิกกับคุณ คุณก็อาจจะคิดว่า อ๋อ เพราะฉันมันแย่ ฉันมันไม่ดี ซึ่งจริง ๆ วงจรความคิดแบบนี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่เฉพาะเวลาที่เลิกกับแฟน มันเกิดขึ้นในเวลาที่คุณเจอเรื่องราวร้าย ๆ อื่นๆ ด้วย   วิธีแก้ก็คือ เราต้องจับแพตเทิร์นตัวเองให้ได้ว่าเป็นรูปแบบไหน ลองจินตนาการเรื่องนั้นซ้ำอีกครั้ง ครั้งนี้ลองใช้ความคิดอื่นดูบ้าง เช่น เมื่อเขาด่าคุณว่าคุณมันคิดมากเรื่องไม่เป็นเรื่อง แทนที่คุณจะคิดแค่เฉพาะว่าคุณผิด คุณอาจจะลองคิดอย่างอื่นเพิ่มมาด้วย เช่น ทำไมเขาเป็นคนปากเสียจัง หรือ นี่ฉันคิดมากเฉพาะกับเขาหรือกับเพื่อนด้วยเนี่ย   จะสังเกตได้ว่า แนวคิดนี้ไม่ได้แนะนำให้เราหนีจากวงจรไปเลย หรือทำตัวโลกสวยอะไร แต่กลับแนะนำให้เราตัดจากวงจรด้วยเรื่องอะไรก็ได้ ซึ่งมีเสี้ยวส่วนของความจริงประกอบอยู่ เป้าหมายก็คือให้วงจรเดิมถูกตัดออกไปบ้างก็พอ (เพราะหลายครั้งมันยากที่เราจะคิดเรื่อง positive ในเวลาที่มัน negative มาก ๆ) พอเราเริ่มคุ้นชินกับวิธีนี้แล้ว เราก็อาจจะเริ่มแทรกความคิด positive เข้าไปด้วย   เช่น การที่เขาว่าฉันแบบนี้ มันก็ทำให้ฉันได้เรียนรู้เหมือนกันนะว่า การกังวลเรื่องคนอื่นมากเกินไป ก็อาจจะทำให้เขารู้สึกไม่ดีได้ เป็นต้น             4.การที่ผู้ชายได้ร่วมรักก็จะทำให้สารเคมีที่ชื่อ Dopamine และ Oxytocin ในสมองหลั่งออกมา Dopamine นี่เป็นสารแห่งความสุข (เป็นสารเดียวกับที่ทำให้เรามีความสุขตอนเสพยา) ส่วน Oxytocin ก็ทำให้เรารู้สึกผูกพันกับคู่มากขึ้น เพราะฉะนั้นยิ่งมี Sex บ่อย ก็จะยิ่งผูกพันและติดคู่มากกว่าเดิม   5.เนื่องจาก Oxytocin จะหลั่งจากการสัมผัสร่างกายมาก ๆและการจ้องตากัน ธรรมชาติจึงวิวัฒนาการให้เราสามารถมีเซ็กส์จากท่ามิชชันนารี (หน้าชนหน้า) ได้ นอกจากลิงโบโนโบแล้วก็ไม่มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดไหนทำท่านี้ได้อีกแล้ว เนื่องจากท่านี้เป็นท่าที่ทำให้ร่างกายของเราสัมผัสกันได้มากกว่าท่าเข้าจากข้างหลัง แถมยังมองตากันได้ด้วย แต่ข้อจำกัดของท่านี้อยู่ตรงที่ถ้าอวัยวะเพศไม่ยาวพอเราก็จะไม่สามารถใช้ท่านี้ได้ ธรรมชาติจึงประทานที่ยาวขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้เราสามารถมีเซ็กส์ท่ามิชชันนารีได้ง่ายกว่าเดิม   นอกจากนั้น ยังมีคนเสนอทฤษฎีอีกว่าการที่มนุษย์ผู้ชายมีอวัยวะเพศที่ยาวนั้น จะไปกระตุ้นให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น และทำให้ผู้หญิงรู้สึกดีและยิ่งอยากอยู่กับผู้ชายมากขึ้นไปอีก     6.เราอาจจะเจอปัญหาว่าแฟนไม่ว่าจะคนไหน ก็มักจะเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเรามากเกินไป หรืออาจจะรู้สึกว่าแฟนเป็นคนเจ้าอารมณ์ ร้องไห้ง่ายเกินเหตุ แต่จริง ๆ คือ เราเองที่มีปัญหา ชอบสร้างกำแพงไม่ให้คนอื่นเข้ามา หรือเราเองที่มีปัญหาดีลกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ จึงไม่ต้องการรับความรู้สึกของคนอื่น เพราะมัน “มากเกินไป” ถ้าเรามีบุคลิกลักษณะนี้ก็เป็นไปได้ว่าตอนเด็ก ๆ เราอาจจะถูกเลี้ยงมาด้วยความห่างเหินทางความรู้สึก จนกลายเป็นว่าเรามีลักษณะทางความสัมพันธ์แบบที่เรียกว่า Avoidant   7.เราอาจจะเจอปัญหาว่าแฟนไม่ว่าจะคนไหน ก็ดูจะเฉยชา ไม่สนใจเรา ดูเหมือนจะไม่ค่อยรักเราเท่าไหร่ แต่จริงๆ อาจจะเกิดจากการที่เราเองเรียกร้องต้องการความรัก ความมั่นใจจากคนอื่นมากเกินไปก็ได้ ถ้าเรามีบุคลิกลักษณะนี้ ก็เป็นไปได้ว่าเราอาจจะถูกเลี้ยงมาโดยผู้ปกครองที่ไม่ค่อยมีความมั่นคงเท่าไหร่ บางครั้งเขาก็สามารถดูแลความรู้สึกเราได้ แต่บางครั้งเขาก็อาจจะเรียกร้องการดูแลจากเรา ซึ่งทำให้เรามีลักษณะทางความสัมพันธ์แบบที่เรียกว่า Anxious   8.ถ้าถูกเลี้ยงมาโดยผู้ปกครองที่มีความมั่นคงทางจิตใจ สามารถดูแลอารมณ์ความรู้สึกของเด็กได้อย่างเต็มที่ เด็กคนนั้นก็จะเติบโตออกมาเป็นคนที่มั่นคงและสามารถดูแลอารมณ์ความรู้สึกของคู่รักได้เช่นกัน ลักษณะความสัมพันธ์แบบนี้เรียกว่า Secure     9.เป็นสิ่งที่รู้ๆ กันอยู่แล้ว ผู้ชายชอบผู้หญิงเอ๊าะๆ แต่ผู้หญิงก็มักจะชอบผู้ชายที่อายุมากกว่าตัวเองแต่สิ่งที่น่าถามคือ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้   สาเหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่า วิวัฒนาการทำให้ผู้หญิงและผู้ชายมีกลยุทธ์ในการเลือกคู่ที่แตกต่างกัน ผู้หญิงจะมองที่ทรัพยากรของผู้ชายเป็นหลัก เพราะในสมัยก่อนอาหารไม่ได้หาง่ายเหมือนปัจจุบันพวกเธอจึงต้องหาผู้ชายที่สามารถดูแล หาข้าวหาปลามาเลี้ยงเธอและลูกได้ (“อยากได้คนที่ดูแลเราได้” ของผู้หญิง ไม่ได้เกิดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล)   ในขณะที่ผู้ชายสามารถเข้าป่าล่าสัตว์ได้เองแบบไม่ต้องพึ่งใคร แต่สิ่งที่เขาต้องการจากผู้หญิงคือทายาทที่มารับสืบทอด DNA ของเขาต่อไป พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับความฟิตของผู้หญิงมาก เนื่องจากมันสำคัญต่อการตั้งครรภ์ ซึ่งผู้หญิงยิ่งอายุมาก ความสามารถในการตั้งครรภ์ก็ยิ่งต่ำลง ผู้ชายจึงชอบเลือกผู้หญิงเอ๊าะๆ กันมากกว่า                 10.สิ่งที่สถิติเสนอเป็นเรื่องของคนหมู่มาก แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน ซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นเรื่องแปลกไม่น้อยที่คนบางคนกลับเลือกในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับทฤษฎีวิวัฒนาการ เพราะไม่ว่าจะสัตว์ตัวไหนในโลก มันก็มักจะไม่หาคู่ที่ลดโอกาสขยายพันธุ์ของตัวเอง สัตว์ทุกตัวต่างก็มุ่งหาคู่ที่ดีที่สุด พร้อมที่สุด เพื่อให้ลูกของพวกมันได้รับยีนที่แข็งแรงและสามารถสืบทอดเผ่าพันธุ์ต่อไป แต่มนุษย์กลับไม่เป็นไปตามกฎนั้น   11.ระบบของการตกหลุมรัก หลัก ๆ แล้วมีการทํางานของสารเคมีใน สมองอยู่ 3 ตัว คือ 1. Dopamine เป็นเหมือนสารสร้างความสุข ทําให้เราจดจ่อ รอคอย และพยายามเข้าใกล้คนรัก ไม่ต่างอะไรจากคนที่ติดยาเสพติด   2. Norepinephrine (หรือ Noradrenaline คือตัวเดียวกัน) สร้างมาจาก Dopamine อีกทีหนึ่ง เป็นตัวที่ทําให้เราจําเรื่องราวเล็กๆน้อยๆ เกี่ยว กับคนรักของเราได้ เพราะมันทําหน้าที่เกี่ยวกับการสร้างความจําใหม่และยังทำให้เราอิ่มทิพย์ ไม่อยากกินข้าว ตื่นเต้น หลับไม่ลง เวลาที่ตกหลุมรักอีกด้วย   3.Serotonin เป็นสารเคมีที่จะลดลงเวลาที่เราตกหลุมรัก ซึ่งนักวิจัย พบว่าคนที่ป่วยเป็นโรคย้ำคิดย้ําทํา ชอบทําอะไรซ้ำๆ) ก็มี Serotonin ในสมองลดลงเช่นกัน จึงเป็นตัวอธิบายว่าทําไมเวลาที่เราตกหลุมรัก เราถึง คิดย้ำทำแต่เรื่องคนรักซ้ำไปซ้ำมา คิดเรื่องอื่นไม่ได้สักที   12.ส่วนระบบความใคร่ สารเคมีหลักในระบบนี้ก็คือ Testosterone ซึ่ง หลาย ๆ คนทราบว่าคือฮอร์โมนเพศชาย เพราะถูกสร้างมาจากอัณฑะผู้ชายเยอะ และทําให้คนแสดงลักษณะและพฤติกรรมเพศชายออกมา เช่น มีหนวด มีกล้าม มีความก้าวร้าว แต่จริงๆ แล้วในผู้หญิงเองก็ผลิต Testosterone ได้ เช่นกัน เพียงแต่ผู้หญิงมีฮอร์โมน Estrogen (ซึ่งสร้างให้เกิดลักษณะของ ความเป็นผู้หญิง) ออกมาด้วย ซึ่ง Estrogen มีฤทธิ์ต่อต้าน Testosterone ผู้หญิงก็เลยไม่ดูกระเหี้ยนกระหือรือเรื่องเพศ ไม่มีหนวด ไม่มีกล้าม เหมือนผู้ชาย   13.Oxytocin เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่หลั่งออกมาจากต่อมใต้สมองส่วนหลัง ฤทธิ์ของมันเป็นที่รู้จักกันดีในวงการแพทย์มานานแล้ว คือทําให้มดลูก บีบตัวและน้ํานมแม่ไหล (เลยถูกนําไปใช้เป็นยาเร่งคลอดชนิดหนึ่ง) แต่ช่วง หลายปีมานี้พอนักวิทยาศาสตร์เริ่มศึกษา Oxytocin มากขึ้น พวกเขาก็เชื่อ ว่าฮอร์โมน Oxytocin นี้มีส่วนสําคัญต่อพฤติกรรมการจับคู่แบบ “ผัวเดียว เมียเดียว” ในคนด้วย   14.กลยุทธ์ในการขยายพันธุ์ 2 แบบ คือแบบเพลย์บอย เป็นสายตอดสาวไป เรื่อยๆ เน้นจํานวน แต่ไม่เน้นคุณภาพ (ของลูก) ส่วนกลยุทธ์อีกแบบคือแบบ พ่อบ้าน ที่ไม่เน้นจํานวน (สาวๆ) แต่เน้นคุณภาพ (ของลูก)   15.การดูแลลูกให้รอดจําเป็นต้องมีพ่อและ แม่อยู่ด้วยกัน เพื่อหาอาหารมาให้ลูกอย่างเพียงพอ การใช้กลยุทธ์เพลย์บอย อาจจะทําให้ผู้ชายคนนั้นมีลูกได้มาก แต่ลูกกลับไม่ค่อยรอด ส่วนกลยุทธ์ พ่อบ้านนั้นมีลูกได้น้อย แต่โอกาสรอดของลูกมากกว่า   ทั้งสองกลยุทธ์ต่างก็ประสบความสําเร็จมาด้วยกันทั้งคู่ ทําให้ยืนทั้งสองแบบถูกถ่ายทอดมาจนถึงรุ่นเรา (แต่จากการที่เปอร์เซ็นต์ของชายพ่อบ้านเยอะกว่าหนุ่ม เพลย์บอย ก็น่าจะแปลว่ากลยุทธ์พ่อบ้านเหนือกว่ากลยุทธ์เพลย์บอยอยู่หน่อยนึง)               16.เพราะเราเป็นสัตว์ที่พ่อเข้ามาช่วยเลี้ยงดูลูกด้วย ต้องดูแลนานหลายปี หากต้องไปเลี้ยงลูกที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆของตัวเองขึ้นมาละก็ ถือเป็นความเสียหายสูงสุดในทางวิวัฒนาการเลยทีเดียว   ด้วยเหตุนี้ ผู้ชายจะดึงมากที่สุดก็ตอนที่หญิงคนรักไปมีอะไรกับคนอื่น เรียกว่าถ้าเห็นกันคาตาในจังหวะนั้นฆ่าได้ก็ฆ่าเลยทีเดียว (ซึ่งสมัยก่อนเป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้ขนาดว่า ช่วงก่อนปี 1970 สามีที่ฆ่าแฟนที่ไปมีอะไรกับชายอื่น ในอเมริกาถือว่าไม่มีความผิดอะไรด้วยซ้ำ)     17.ส่วนผู้หญิงมักจะดึงคนรักถ้านอกใจไปมีเซ็กส์กับคนอื่นไม่เท่าผู้ชาย หลายคนยอมให้แฟนไปเที่ยวสถานบริการได้ด้วยซ้ำ แต่มีข้อแม้นะว่า ห้ามเลี้ยงเด็ดขาด! สิ่งที่ผู้หญิงทนไม่ได้มากที่สุดคือ การที่ผู้ชายไปสนิทกุ๊กกิ๊กเปย์ปูนเปย์นี่ให้หญิงอื่น ถ้าภาพที่ผู้ชายเห็นแล้วขึ้นสุด ๆ คือ ภาพแฟนตัวเองมีอะไรกับคนอื่น ภาพที่ผู้หญิงเห็นแล้วขึ้นสุด ๆ คงเป็นภาพแฟนตัวเองกำลังป้อนข้าวให้สาวอื่น คุยกันกะหนุงกะหนิงนั่นแหละ   สาเหตุที่เป็นอย่างนี้ก็ไม่ได้ต่างจากฝ่ายชายเท่าไหร่ เนื่องจากการเลี้ยงลูกจำเป็นต้องอาศัยผู้ชายในการช่วยเลี้ยง ซึ่งผู้ชายจะช่วยเลี้ยงลูกได้อย่างแรกเลยเขาต้องติดเธอก่อน ก็แปลว่าเขาจะไม่อยู่ช่วยเธอเลี้ยงลูกโดยปริยาย     ความรักอธิบายทุกสิ่งอย่างและให้ความหมายกับชีวิต ความรักเป็นตัวแปรที่เรามองข้ามเนิ่นนานเกินไป บางทีเราอาจหวาดกลัวความรัก เพราะมันเป็นพลังงานเดียวในจักรวาลที่มวลมนุษย์ยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้ตามใจปรารถนา นี่คือเนื้อความบางส่วนในจดหมายของไอน์สไตน์ถึงลูกสาวของเขา ซึ่งครีเอเตอร์เห็นด้วยทุกประการ แม้ว่ามันจะผ่านมานานมากแล้วก็ตาม   สำหรับคนที่อ่านสนุกจริงๆจะต้องเป็นคนที่เรียนหรือทำงานสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ/ชีววิทยา ถึงจะอินกับเนื้อหาได้ดีกว่า และเนื้อหาก็ได้ปรับแต่งให้อ่านง่ายจริงๆแล้วครับ ถ้าอ่านแล้วยังอึดอัดกับศัพท์เฉพาะทาง...ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีววิทยาที่เราเรียกกันอย่างนั้น     เครดิตภาพ ภาพปก โดย Rudy Kirchner จาก pexels.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียน ภาพที่ 3 โดย Git Stephen Gitau  จาก pexels.com ภาพที่ 4 โดย Trinity  Kubassek จาก pexels.com     บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ MOVE HEAVEN AND EARTH รีวิวหนังสือ ไต่ระดับลับสมอง ด้วยคำถามเชิงตรรกะ รีวิวหนังสือ ULTIMATE SKILLS ทักษะจำเป็นแห่งอนาคต   เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

รีวิวหนัง Stand by Me
อ่าน

รีวิวหนัง Stand by Me

ในบรรดาหนังที่ดัดแปลงจากนิยายของ สตีเวน คิง มากมายเกือบร้อยเรื่อง มีหนังอยู่เรื่องหนึ่งที่ คิง ยอมรับว่าเขาชื่นชอบมากที่สุดคือหนังเรื่อง Stand by Me หนัง Coming of Age ทุนต่ำที่กำกับโดย ร๊อบ ไรเนอร์ (Misery , A Few Good Men) โดยดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องสั้นที่มีชื่อว่า The BodyStand by Me ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กชายวัย 12 ปี สี่คนที่อยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า แคสเซิลร๊อค ซึ่งเด็กทั้งสี่คนนี้ต่างก็มีบาดแผลในใจ โดยเฉพาะเรื่องครอบครัวและสังคมที่ไม่ค่อยจะยอมรับเท่าไหร่นัก จนกระทั่งพวกเขาได้รู้ข่าวมาว่ามีรถไฟชนเด็กคนหนึ่งกระเด็กตกลงไปตายในป่า ที่ยังไม่มีใครพบศพเด็กคนนั้น เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเอง และอยากเป็นที่โด่งดัง เป็นที่ยอมรับในสังคม เด็กชายทั้งสี่จึงพากันออกเดินทางเพื่อไปหาศพของเด็กคนนั้นหากไม่นับ IT หนังเรื่อง Stand by Me ก็เรียกได้ว่าเป็นหนัง Coming of Age ที่ดีที่สุดในผลงานของ คิง ก็ว่าได้ แถมมันยังเป็น Coming of Age ที่ไม่เหมือนใคร เพราะเมื่อมันเป็นผลงานการประพันธ์ของเจ้าพ่อนิยายสยองขวัญ การผ่านพ้นวัยของตัวละครแทนที่จะเป็นเรื่องความรัก เรื่องครอบครัว เป็น subject หลักเหมือนเรื่องอื่น ๆ แต่หนังเรื่องนี้กลับพูดถึงการเดินทางเพื่อไปดู ‘ศพคนตาย’ ของเด็กๆ แทน แต่หนังก็เต็มไปด้วยอารมณ์ของการผจญภัย เรื่องราวของมิตรภาพ และการพิสูจน์ตัวเองนี้เป็นหนังที่ค่อนข้างมีโทนเรื่องสดใสที่สุดในบรรดาผลงานของ คิง เลยก็ว่าได้ ทั้งยังเป็นอีกเรื่องที่แทบจะไม่มีเรื่องราวเหนือธรรมชาติใด ๆ อยู่ในหนัง ที่น่าชื่นชมคงไม่ใช่ คิง เพียงคนเดียว แต่ต้องชื่นชมผู้กำกับอย่าง ร๊อบ ไรเนอร์ และบรรดานักแสดงนำทั้งสี่ ที่ต่างสามารถถ่ายทอดบทบาทของความเป็นเด็กประถมออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ตั้งแต่พล็อตเรื่อง บทหนัง และการแสดงของบรรดานักแสดงนำที่มีเคมีที่เข้ากันจนเรารู้สึกรักตัวละครทั้งสี่ได้ไม่ยากแต่กระนั้นหนังก็ยังเต็มไปด้วยองค์ประกอบเดิมๆ ของหนัง Coming of Age ที่ราวกับว่าเป็นกฎข้อบังคับตายตัวของหนังเรื่องนี้ อย่างแรกคือ ปมปัญหาของตัวละครที่ก็ยังเป็นเรื่องครอบครัวที่ตอนแรกหนังปูมาค่อนข้างน่าสนใจแต่น่าเสียดายที่หนังเอาประเด็นนี้มาเล่าแบบไม่สุดเท่าที่ควรมันเลยทำให้จุดนี้เหมือนเป็นตัวสร้างความดราม่าให้หนังเป็นช่วง ๆ แต่หนังก็ทำดราม่าแต่ละฉากออกมาได้ซาบซึ้งไม่น้อย อีกสิ่งที่เป็นจุดขายของหนังแนวนี้แทบทุกเรื่องคือเพลงประกอบที่นำเพลงที่โดดเด่น ๆ ในยุค 50-60s. ที่เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยได้ยินผ่านๆ หูมาบ้างอย่างแน่นอนรวม ๆ แล้ว Stand by Me อาจจะไม่ใช่หนัง Coming of Age ที่ดีที่สุด แต่ด้วยความเป็นธรรมชาติของเนื้อหา และแง่คิดที่คนดูได้เรียนรู้ไปพร้อมกับตัวละคร มันทำให้หนังเรื่องนี้มักถูกหยิบยกมาพูดถึงอยู่บ่อยๆ หากพูดถึงหนังก้าวผ่านพ้นวัย ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งผลงานตัวท้อปที่แฟนหนัง สตีเวน คิง ใม่ควรพลาด  Cr.รูปภาพจาก https://www.facebook.com/TheGreenMileOfficial/ ลิ้งต้นฉบับบทความ https://www.facebook.com/IWatchmoviesalot/photos/a.1596498853757092/1587513451322299/?type=3theaterสามารถติดตามอ่านรีวิวหนัง และข่าวสารหนัง เพิ่มเติมได้ที่(เพจของผู้เขียน) https://www.facebook.com/IWatchmoviesalot

STAND BY ME DORAEMON 2 REVIEW
อ่าน

STAND BY ME DORAEMON 2 REVIEW

                                                             โดราเอม่อน และหัวใจอันใสสะอาดของโนบิตะ           หุ่นยนต์แมวอ้วนสีฟ้า นามว่า โดราเอม่อน จากปลายปากกาของนักเขียนการ์ตูนชาวญี่ปุ่น  มิสเตอร์ ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ ฉบับมังงะอยู่คู่กับนักอ่านการ์ตูนทั่วโลกเป็นระยะเวลาผ่านมาถึง 50 ปี ซึ่งการ์ตูนเรื่องนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าอายุของแฟนการ์ตูนหลายท่าน นอกจากนี้แฟนการ์ตูนยุคใหม่หลาย ๆ ท่านยังมิได้ติดตามผลงานมากนัก เนื่องจาก มังงะยุคปัจจุบัน เช่น วันพีช ดาบพิฆาตอสูร เข้ามาทดแทน ด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นร่วมสมัย ตัวละครหลากหลาย ความจริงจังของบท ฉากแอคชั่นขั้นเทพ ถึงขั้นต้องนำสร้างในฉบับภาพยนตร์ และฉายในโรงหนังระบบที่จัดว่าดีที่สุดระบบหนึ่งอย่าง IMAX              STAND BY ME Doraemon 2 ปรับเปลี่ยนจากการ์ตูน 2 มิติ มาเป็นการ์ตูน 3 มิติ เช่นเดียวกันภาคแรกในชื่อเดียวกันนี้ รูปแบบการนำเสนอที่หลายท่านอาจจะไม่ได้คุ้นเคยหากไม่ได้ผ่านการรับชมจากภาคแรก เนื่องจากยุคปัจจุบันเทคโนโลยีการสร้างภาพยนตร์พัฒนามากขึ้น การนำเสนอมุมมองที่มีมิติสามารถดึงความรู้สึกของคนดูให้เหมือนเข้าไปนั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวละครที่กำลังโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มอย่างน่าอัศจรรย์               ภาพยนตร์นำเสนอเรื่องราวของ ด.ช. โนบิ โนบิตะ และเพื่อนรักอย่างโดราเอม่อน พร้อมทั้งพองเพื่อนจากในอดีตเช่นเดิม เนื้อเรื่องยังคงเดินทางด้วยแบบฉบับเหมือนที่ผ่านมา หาได้มีอะไรที่แปลกใหม่หรือจุดดึงดูดพิเศษที่จะสามารถเรียกคนดูกลุ่มใหม่ ๆ นอกเหนือจากแฟนการ์ตูนรุ่นเก่าไม่ แต่เป็นการนำเสนอด้วยจุดแข็งของการ์ตูนชุดนี้เอง พร้อมในแนวทางที่เป็นมาตลอดตั้งแต่อดีต เพียงแต่ผสมผสานความร่วมสมัยให้ทันยุคปัจจุบันเพียงเท่านั้น               ภาพยนตร์หยิบยกความสัมพันธ์ของคำว่าเพื่อนมาใช้ได้เฉียบคมเสมอ สำหรับการ์ตูนโดราเอม่อน หากเรามองย้อนไปในอดีต การ์ตูนที่ตัวเอกเป็นเด็กขี้แย เรียนไม่เก่ง ไม่กล้าสู้คน ไม่มีอะไรที่เป็นจุดเด่น ไม่มีจุดแข็งใด ๆ นามว่า โนบิ โนบิตะ และแวดล้อมด้วยเพื่อนจอมเกเรอย่าง ไจแอนท์ ผู้มีร่างกายอันอ้วนท้วนและแข็งแรง ประกอบกับตัวแสบหรือลิ่วล้อที่เกิดมาบนกองเงินกองทองอย่างเด็กชายผอมกะหร่อง ปากแหลม อย่าง ซูเนโอะ แถมยังมีสาวน้อยน่ารักจิตใจงดงามอย่าง ชิซูกะ เข้ามาสร้างความแตกต่างให้กับกลุ่มเพื่อนชายล้วน ปัจจัยเหล่านี้คือพื้นฐานของตัวละครหลัก ซึ่งผู้เขียนได้เนรมิตตัวละครสำคัญที่นั่งอยู่ในหัวใจเด็ก ๆ หลายคนมาจนถึงทุกวันนี้ กับหุ่นยนต์แห่งโลกอนาคต นามว่า โดราเอม่อน เพื่อนำพาโครงเรื่องทั้งหมดเดินทางมาตลอดระยะเวลา 50 ปี                ภาพยนตร์มีประเด็นที่สามารถสัมผัสถึงจิตใจผู้ชมหลายด้าน ขอเริ่มต้นด้วยประเด็นคำว่า ครอบครัว การนำเสนอวัฒนธรรมภายในครอบครัวหนึ่ง ซึ่ง คุณพ่อทำงานออฟฟิศ คุณแม่เป็นเพียงแม่บ้าน มีคุณย่าพักอาศัยในบ้านร่วมกันทั้งหมด ทุกคนต่างตั้งความหวังกับลูกชายคนแรก คาดหวังว่าลูกชายคนนี้จะเป็นอนาคตของครอบครัว เป็นลูกที่ดี เรียนหนังสือเก่ง สามารถเล่นกีฬาเก่ง เป็นนักวิชาการ เป็นนักกีฬา หรือเป็นอะไรก็ได้ที่สร้างประโยชน์ให้กับสังคม สิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานของทุกครอบครัว ที่แสดงออกมาในลักษณะการเคี่ยวเข็ญให้โนบิตะตั้งใจเรียนหนังสือของผู้เป็นแม่  หรือความคิดของผู้เป็นพ่อที่มีนัยยะจากความหมายของชื่อตัวละครเอก โนบิ โนบิตะ ซึ่งมีความหมายตามสิ่งที่ผู้เป็นพ่อได้คาดหวังไว้ตั้งแต่ยังบุตรของตนยังไม่ได้กำเนิดหรือลืมตามองโลกใบนี้ พร้อมทั้งนำเสนอความคิดของตัวเอกในฐานะลูกชายที่อายุยังน้อย และมีคำถามในใจมากมาย ถึงขั้นที่คิดว่าตัวเองใช้ลูกของบ้านหลังนี้หรือไม่ การมองต่างมุมของพ่อแม่ และลูก ยังเป็นปัญหาสำหรับทุกครอบครัวในอดีตและยิ่งขัดแย้งมากขึ้นในยุคปัจจุบัน เพียงแต่ความอบอุ่น และพื้นฐานของความรักในครอบครัวของโนบิตะ เป็นสายสัมพันธ์ให้ทุกตัวละครผูกพันธ์และสามารถผ่านพ้นปัญหาต่าง ๆ มาด้วยดีเสมอมา                   การนำเสนอคำว่า เพื่อน หรือภาคภาษาไทยที่จะเน้นคำว่า เพื่อนกันตลอดไป เป็นอีกหัวใจชูโรงสำหรับการ์ตูนชุดนี้ เนื่องจากการผจญภัยเกือบทั้งเป็นของตัวละครหลัก 5 คน ประกอบด้วย โดราเอม่อน     โนบิตะ ไจแอนด์ ซูนิโอะ และชิซูกะ นั่นเอง การหยิบยกความขัดแย้ง การกลั่นแกล้งกันของเด็กตามอายุเป็นเรื่องปกติที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากความไร้เดียงสาของเด็ก หาใช่เจตนาร้าย เฉกเช่นปัจจุบัน ที่ถึงขั้นนำคำว่า บูลลี่ ซึ่งมีความก้าวร้าวอย่างมาก เด็กก็คือเด็กแกล้งกันก็แค่ร้องไห้ แค่บาดเจ็บเล็กน้อย หาได้เจตนาทำร้ายร่างกาย หรือทำร้ายจิตใจกันจนถึงขั้นให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตในสังคมได้ สิ่งนี้ถือเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างมาก และไม่สมควรที่สังคมจะมองข้ามปัญหาเช่นนี้                   สำหรับบทสรุปของคำว่า เพื่อนกันตลอดไป ภาพยนตร์ได้ถ่ายทอดมาในบทสรุปทุกครั้งของภาคเดอะมูฟวี่ การผจญภัย การพบเจอสถานการณ์ที่ทุกคนต้องช่วยเหลือกันและกัน เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ภาพยนตร์ตั้งใจจะสอดแทรกให้ผู้ชมเข้าใจความหมายของคำว่า เพื่อนแท้ ที่พร้อมจะเสียสละ พร้อมจะช่วยเหลือ พร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน ถึงแม้จะมีปัญหาขัดแย้งกันก็จะไม่ทิ้งกันตลอดไป               คนที่รักเรา ถูกหยิบยกขึ้นในภาพยนตร์ในภาคล่าสุดนี้ ปัจจุบันในวันที่เราเติบโตขึ้น จนกระทั่งสามารถก้าวเท้าออกจากบ้านด้วยตนเองในแต่ละวัน เราอาจจะไปเรียนหนังสือที่มีเพื่อนร่วมชั้นมากมาย เราอาจจะออกมาทำงานโดยมีเพื่อนร่วมงานหลากหลายแผนก เราอาจจะมีเวลาอาหารและพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวในแต่ละวันกับผู้คนในสังคมที่เราอาศัยอยู่ แต่ยิ่งเราเติบโตขึ้นมากเท่าไหร่ เวลาของคนที่รักเราที่บ้านย่อมน้อยลงตามไปด้วย นอกเหนือจากคำว่าพ่อและแม่ ภาพยนตร์นำเสนอความรักของคุณย่า ที่มีต่อหลาน ในรูปแบบที่จับต้องได้ มันเป็นพื้นฐานของผู้สูงอายุที่ต้องการเพียงแค่เห็นลูกหลานมีอนาคตที่ดี มีครอบครัวที่ดี เพียงแค่ต้องการจะอยู่กับลูกหลานให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ พร้อมทั้งนำเสนอความเชื่อใจ และเชื่อมั่นในตัวหลานของตน เนื้อเรื่องบางฉากมีความต้องการใช้ตัวละครเอก โนบิตะ เป็นสัญลักษณ์การแสดงของพฤติกรรมของเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนในครอบครัวโดยตรง และต้องการนำเสนอให้                เด็กรุ่นใหม่มองย้อนผลลัพธ์การกระทำในอดีตที่เคยทำให้พ่อ ให้แม่ หรือให้ญาติผู้ใหญ่ผิดหวัง เสียใจ แต่ด้วยเหตุใด ท่านทั้งหลายเหล่านั้นยังคงรักและยังอยู่กับพวกเรามาโดยตลอด ภาพยนตร์นำเสนอบทสรุปได้จริงใจ งดงาม และตรงประเด็นอย่างมาก สำหรับฉากสุดท้ายที่มองผ่านนัยน์ตาของโนบิตะในฐานะเจ้าบ่าว หากผู้ชมไม่ได้มีจิตใจที่แข็งกระด้าง ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกหากจะมีสายน้ำเล็ก ๆ จากนัยน์ตาของท่านค่อย ๆ ไหลรินผ่านแก้มทั้งสองข้างและหยดลงบนเบาะที่ท่านนั่ง ถึงแม้ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศในโรงภาพยนตร์จะมีอุณหภูมิต่ำเพียงใด ก็ไม่สามารถทำให้ความอบอุ่นของทุกตัวละครในจอภาพยนตร์เหน็บหนาวตามไปด้วย                คนที่เรารัก ภาพยนตร์ชุดนี้เติบโตมากับตัวละครหลัก จนถึงวันที่ตัวละครในวัยเด็กได้เติบโตสู่วันทำงาน และต้องตัดสินใจสร้างครอบครัว โนบิตะ และ ชิซูกะ เป็นสองตัวละครหลักตั้งแต่วันแรกที่การ์ตูนชุดนี้ออกสู่สาธารณชน จนถึงปัจจุบันยังไม่มีตัวละครหญิงใด ๆ จะมาสอดแทรกความเป็นนางเอกของชิซูกะได้                ชิซูกะ เด็กผู้หญิงน่ารักมาก ๆ ที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนในจิตใจ การมองโลกในแง่ดี แต่มีความเข็มแข็งอย่างมากในสถานการณ์ที่จำเป็น และต้องประสบเจอกับปัญหาที่ต้องแก้ไข เติบโตมาด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจชายคนนึง และศรัทธาในความรักที่ตนมีให้ชายคนนั้น แบบไม่มีเงื่อนไขใด ๆ เธอพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขา เธอพร้อมที่จะเดินทางร่วมทางไปกับเขา เธอพร้อมจะฝ่าฝันทุกปัญหาที่จะผ่านเข้ามาโดยไม่ปล่อยมือจากเขา เพราะเธอใช้หัวใจของเธอสัมผัสหัวใจของเขามากกว่าใช้รูปลักษณ์ภายนอกเป็นปัจจัยที่ทำให้เธอตัดสินใจเลือกหรือไม่เลือกเขา ซึ่งต่างจากผู้หญิงยุคปัจจุบัน เรื่องของหัวใจสำคัญก็จริง เพียงแต่การตัดสินใจหาใช่การใช้หัวใจนำทางเพียงอย่างเดียว คำว่าใช้สมองเป็นสิ่งจำเป็น หากผู้หญิงคนนึงจะตัดสินใจเลือกใครซักคน ต้องมองถึงอนาคตของตัวเองไปพร้อม ๆ กัน บริบททางสังคมตรงนี้ส่งผลให้คำว่า รักแท้ ในยุคปัจจุบัน ค่อย ๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา               การกระทำบางอย่างของ โนบิตะ ด้วยเหตุผลที่มองว่าตัวเองไม่ดีพอสำหรับ ชิซูกะ เป็นการนำเสนอความรับผิดชอบของผู้ชายคนนึงในวันที่ต้องตัดสินใจเป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องตัดสินใจที่จะดูแลใครซักคนไปตลอดชีวิต ซึ่งในความคิดของ โนบิตะ หากเรายังไม่ดีพอ หากเรายังไม่แน่ใจในความสามารถของตัวเอง และยังไม่เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองเป็น เราก็ยังไม่สามารถจูงมือเธอคนนั้นเข้าประตูวิวาห์ได้ ต่างจากโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งการตัดสินใจเพียงชั่วข้ามคืน การตัดสินใจเพียงแค่ความพึงพอใจของคนสองคน หากโชคดีก็สามารถเดินต่อไปกันได้ตลอด หากโชคร้ายทุกความสัมพันธ์ก็มีความจำเป็นต้องยุติ ความรักไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเสมอไป บางคนใช้เวลาทั้งชีวิต บางคนใช้เวลาไม่กี่นาที ในการตัดสินใจ และผลลัพธ์ที่ออกมา ก็ไม่สามารถหยิบยกคู่ใดที่จะเป็นบรรทัดฐานให้คู่อื่นได้เช่นกัน                ฉากสายรุ้งภายหลังสายฝนจากภาพยนตร์ และประโยคคำพูดอันเรียบง่ายของ โนบิ โนบิตะ ได้ตอบโจทก์ทั้งหมดในจิตใจของผู้ชายคนนึง ที่รักผู้หญิงคนนึง อย่างหมดหัวใจ และเป็นภาพที่จะตราตรึงในความรู้สึกของผู้ชมไปตลอดสำหรับการ์ตูนชุดนี้                ความทรงจำ มนุษย์ทุกคนมีความทรงจำที่ดี และไม่ดี ผสมปนเปกันไป เพราะชีวิตไม่มีคำว่าสมบูรณ์แบบตลอดเวลา ชีวิตของ โนบิ โนบิตะ ก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่ตัวเอกของเรื่องเลือกที่จะจดจำความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างเพื่อน เลือกที่จะจดจำความอบอุ่นของคนในครอบครัว ความทรงจำเหล่านี้เป็นสิ่งมีที่ค่า เป็นสิ่งที่จะผลักดันตัวของเรา ในวันที่เราท้อแท้ ในวันที่มีปัญหามากมายผ่านเข้ามาในชีวิต ภาพยนตร์นำเสนอการเก็บรักษาความทรงจำได้อย่างประณีต ถึงแม้จะไม่ได้ลุ่มลึกถึงก้นบึ้งของจิตใจก็ตาม สำหรับการกระทำของตัวละครได้สอนให้ผู้ชมหวงแหนความทรงจำที่ผ่านมา ความทรงจำที่ดี เราสามารถคิดถึงมันได้บ่อย ๆ เพราะมันคือกำลังใจที่ทำให้เราลุกขึ้นยืนในวันที่ท้อแท้ ทำให้เรามีความสุขจากภายในกับวันที่แสนเงียบเหงา ทำให้หัวใจเรายิ้มได้หากคิดถึงใครซักคนที่เขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ และเช่นเดียวกัน ความทรงจำที่แย่ ๆ คือสิ่งที่เรานำมาเรียนรู้ และเป็นบทเรียนในการก้าวเดินไปข้างหน้า โดยไม่จำเป็นที่จะต้องคิดถึงมัน พร้อมทั้งสามารถปล่อยมันออกจากไปจากความคิดของเราได้ ในวันที่เราได้แก้ไขด้วยการกระทำในอนาคตของเราแล้ว                การไม่ทิ้งอดีต ก็ไม่สามารถเริ่มต้นอนาคต เป็นประโยคที่มีนัยยะในตัวเองอย่างชัดเจน ผู้คนมากมายยังยึดติดกับอดีต แต่ก็อยากมีอนาคตในเวลาเดียวกัน บางคนยังไม่ปล่อยอดีต แต่ก็คาดหวังว่าอนาคตจะมาลบล้างอดีต หากมองภาพที่ชัดเจน อดีตมันผ่านมาแล้ว ก็ปล่อยให้มันผ่านไป ไม่มีใครกลับไปแก้ไขอดีตได้ ถึงแม้การมี ไทม์แมชชีน ของวิเศษจากระเป๋าโดราเอมอน ตัวละครยังไม่สามารถแก้ไขทุกความผิดพลาดในอดีตได้เสมอไป ดังนั้นเพียงแค่เราตั้งใจทำทุกอย่างอนาคตให้ดีก็พอ อย่ากลัวที่จะปล่อยวาง อย่ากลัวที่จะก้าวเดิน และอย่ากลัวอนาคตที่ยังมาไม่ถึง สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ใจของตัวเราเอง เฉกเช่น โนบิ โนบิตะ เด็กขี้แย ที่พึ่งพาโดราเอม่อนมาตลอดระยะเวลา 50 ปี ในวันที่ชีวิตต้องตัดสินใจเลือกเดินด้วยตัวเอง เขาต้องยอมปล่อยเพื่อนรักที่ดีที่สุดให้ออกจากชีวิตเขาไป เขาต้องตัดสินใจเลือกคนที่เขารัก เลือกที่จะเป็นผู้ชายที่มีความเข้มแข็งพอและสามารถดูแล ชิซูกะ คนนี้ให้มีความสุขที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เขายังคงรักษามิตรภาพและคำว่าเพื่อนกันตลอดไป เพราะไจแอนท์ และซูนิโอะ ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีและเติบโตด้วยกันมาถึงปัจจุบัน นอกจากนี้สิ่งสุดท้ายที่ โนบิ โนบิตะ ไม่เคยหลงลืม ครอบครัว คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาเสมอมา เพราะครอบครัวคือหัวใจสำคัญที่ส่งเสริมและสั่งสอนให้เขาเติบโตเป็นผู้ชายที่ดี และพร้อมจะสร้างอนาคตที่ดีร่วมกับเจ้าสาวในชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่ยืนอยู่เคียงข้างเขาตั้งแต่ 3 ขวบจวบจนปัจจุบัน..           บทสรุปของ STAND BY ME Doraemon 2 ถึงแม้จะไม่ถึงกับเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ตราตรึงใจในระดับ Master Piece แต่ยังคงอยู่ในมาตรฐานการ์ตูนเชิงสร้างสรรค์ นำเสนอเนื้อเรื่องได้อย่างเฉียบคมตามยุคสมัยปัจจุบัน ระยะเวลาตลอด 50 ปีที่ผ่านมา กาลเวลาได้เดินทางอย่างรวดเร็วมาจนถึงบทสรุป วันนี้คงถึงเวลาที่ต้องปิดตายลิ้นชักโต๊ะทำการบ้านของ ด.ช.โนบิ โนบิตะ พร้อม ๆ กับปิดสวิตช์เครื่องไทม์แมชชีน เพราะไม่มีอดีตที่จำเป็นต้องแก้ไข เพราะนับจากนี้ไปอนาคตคือสิ่งที่เราสามารถสร้างด้วยสองมือของตัวเราเอง โบกมือลาละนะเจ้าเพื่อนยากที่อยู่ด้วยกันมานานแสนนาน ทานุกิ ตัวสีฟ้า โดราเอม่อน...            Four Pitures From Public Domain Major Cineplex Group For Promote The Movieขอบคุณรูปภาพหน้าปก https://doraemon-3d.com/pc.htmlรูปภาพประกอบที่ 1 และ 2  『STAND BY ME ドラえもん 2』スペシャルPV ~菅田将暉「虹」ver.~รูปภาพประกอบที่ 3 STAND BY ME 2 DORAEMON (Official Trailer 2) - Exclusively at GSCinemas 5 March 2021จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

ช่อง HBO HD เชิญชวนสัมผัสหนังรักสุดโรแมนติก ดราม่า เรื่อง The Theory of Everything
อ่าน

ช่อง HBO HD เชิญชวนสัมผัสหนังรักสุดโรแมนติก ดราม่า เรื่อง The Theory of Everything

TrueVisions No.1 Movies and Series แหล่งรวมภาพยนต์และซีรี่ส์ที่ดีที่สุด กับสุดยอดภาพยนต์เรื่องเยี่ยม The Theory of Everythingที่มีเนื้อเรื่องส่วนหนึ่งมาจากหนังสือนิยายชั้นยอด TRAVELING TO INFINITY (สู่อนันตกาล) ผลงานของ Jane Hawking ภรรยา Stephen Hawking และผลงานของผู้กำกับฯ มือทองอย่าง James Marsh ที่เคยสร้างชื่อมาแล้วในหนังสายสารคดี (Man on Wire สารคดีชายนักไต่ลวดข้ามตึกแฝดที่ชนะรางวัลออสการ์ ในปี 2009 ) และในครั้งนี้กับผลงานภาพยนต์เรื่อง The Theory of Everything ที่มีนักแสดงชื่อดังมาเสริมทัพเพิ่มความเข้มข้นของภาพยนต์เรื่องนี้ อาทิเช่น นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม การันตีรางวัลจากออสการ์อย่าง Eddie Redmayneที่มารับบท Stephen Hawking นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลกที่ป่วยเป็นโรค Amyotrophic lateral sclerosis เป็นโรคที่มีการเสื่อมลงของเซลประสาท ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงและเหี่ยวฝ่อลงไปเรื่อยๆ ซึ่งหมอบอกว่าเค้าจะอยู่ได้เพียงแค่ 2ปีเท่านั้น แม้ว่าร่างกายจะพ่ายแพ้ต่อโรคแต่สมองยังคงสู้ และ Felicity Jones ดาราสาวที่ขึ้นแท่นสาวหน้าสวยที่สุดในปี 2011 ที่มีผลงานโด่งดังในภาพยนต์แห่งยุค 2016 อย่าง Star Wars Anthology : Rogue One เข้ามารับบท Jane Hawking ภรรยาของสตีเฟ่น ฮอว์คิง ซึ่งเธอกลายเป็นผู้ดูแลคนป่วยและคอยช่วยเหลือสตีเฟ่น ฮอร์คิง และยังทำให้นักวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ผู้ไม่เชื่อในพระเจ้า แต่สัมผัสความดีงามอันล้ำลึกของสิ่งที่มองไม่เห็น ติดตามภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณตกอยู่ในผวังของความรักโรแมนติก คลุกเคล้าความดราม่า กับภาพยนต์เรื่อง The Theory of Everything ทรูวิชั่นส์นำมาให้ได้ชมกันเป็นที่แรก!! ในวันเสาร์ที่ 23 มกราคม นี้ เวลา 20.00 น. ทาง ช่อง HBO HD (ทรูวิชั่นส์ช่อง 133, 223 ) สมัครสมาชิกทรูวิชั่นส์แพลทินัมเอชดี และโกลด์เอชดี วันนี้ ฟรีค่าติดตั้ง และลดค่าประกัน 50% พร้อมรับสิทธิ์ใช้บริการเสริม ทรูวิชั่นส์ เอนิแวร์ ฟรีถึง31 ธันวาคม2559 สนใจสมัครโทร. 02-725-7777, ทรูช้อป, ทรูพาร์ทเนอร์ และ ตัวแทนทรูวิชั่นส์ ทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.truevisionsgroup.com อัพเดทชีวิตคนดัง ครบครันเรื่องบันเทิง เพลิดเพลินไปกับบทละคร

รีวิวหนัง The Theory of Everything (2014) - ทฤษฎีรักนิรันดร
อ่าน

รีวิวหนัง The Theory of Everything (2014) - ทฤษฎีรักนิรันดร

The Theory of Everything ชื่อไทยว่า ทฤษฎีรักนิรันดร เป็นหนังแนวโรแมนติก-ชีวประวัติที่ออกฉายในปี 2014 นำแสดงโดย Eddie Redmayne และ Felicity Jones หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของชีวิตจริงของ Stephen Hawking นักฟิสิกส์ทฤษฎีชาวอังกฤษ ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) ซึ่งค้นพบทฤษฎีเกี่ยวกับหลุมดำเนื้อเรื่องย่อStephen Hawking (Eddie Redmayne) เป็นนักศึกษาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เขาเป็นคนที่มีความฉลาดและมุ่งมั่นในการศึกษาวิทยาศาสตร์แต่ในปี 1963 Stephen Hawking (Eddie Redmayne) เริ่มมีอาการของโรค ALS เริ่มเดินลำบากและพูดไม่ชัด อาการของโรคค่อยๆ ลุกลามไปเรื่อยๆ จนเขาไม่สามารถเดินและพูดได้อีกต่อไปแม้ว่า Stephen Hawking (Eddie Redmayne) จะป่วยด้วยโรค ALS แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ และทุ่มเทให้กับการศึกษาวิทยาศาสตร์ เขาได้ค้นพบทฤษฎีหลายอย่างที่เกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงและเวลาStephen Hawking (Eddie Redmayne) แต่งงานกับ Jane Wilde (Felicity Jones) นักศึกษาวรรณกรรมในปี 1965 พวกเขามีลูกด้วยกัน 3 คน แม้ว่าชีวิตการแต่งงานของพวกเขาจะไม่ราบรื่น แต่ Jane ก็เป็นกำลังใจสำคัญให้กับ Stephen Hawking (Eddie Redmayne) ตลอดเวลาStephen Hawking (Eddie Redmayne) เสียชีวิตในปี 2018 ด้วยอายุ 76 ปี เขาเป็นนักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลกข้อมูลประเภท: โรแมนติก-ชีวประวัตินำแสดงโดย: Eddie Redmayne, Felicity Jonesผู้กำกับ: James Marshความยาว: 123 นาทีตัวอย่างหนังhttps://www.youtube.com/watch?v=Salz7uGp72cความรู้สึกหลังดูพอพูดถึงหนังสารคดี โดยเฉพาะนักวิทยาศาสตร์ หลายคนคงจะเบี่ยงหน้าหนี เพราะคิดว่า มันดูยาก แต่หนังเรื่อง The Theory of Everything ไม่ใช่หนังที่พาคนดูไปรู้จักวิทยาศาสตร์ แต่เป็นความเป็นมนุษย์ของผู้คิดค้นทฤษฎีหลุมดำอย่าง Stephen Hawking (Eddie Redmayne) คุณจะได้เห็นชีวิตของเขาตั้งแต่ร่างกายปกติจนแสดงอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งมาจากโรค ALSหนัง The Theory of Everything ถือเป็นหนังดราม่า โรแมนติก ที่ดำเนินเรื่องได้แบบเรียบง่าย แต่สร้างความลึกซึ้งและกินใจคนดูอย่างมาก ด้วยความสัมพันธ์ของตัวละครคู่พระ-นาง ผนวกกับการนักแสดงอย่าง Eddie Redmayne ทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับคำชมและรางวัลมากมายทั้งตัวหนังและนักแสดงเอาจริงๆ ผมชื่นชอบความสัมพันธ์ของคู่พระนาง คนหนึ่งเชื่อในเรื่องของวิทยาศาสตร์ พยายามให้ข้อโต้แย้งมาหักล้างความเชื่อต่อพระผู้เป็นเจ้าของอีกคน รวมถึง Felicity Jones ถือว่ารับบทเป็น Jane Wilde และถ่ายทอดความรู้สึกของคนรักไม่หมดศรัทธาในตัวของ Stephen ได้ดีมากThe Theory of Everything หนังดราม่า โรแมนติก ที่ให้กลิ่นอายของฝนพรำยามเย็น เรื่องนี้ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมอยากให้คุณได้ดูสักครั้งฉากที่ประทับใจผมเริ่มน้ำตาคลอยเมื่อเห็นฉากที่ Stephen Hawking เจอลูกของเขา ความผูกพันธ์ ความเป็นพ่อ ความรักที่มีต่อลูก ความรู้สึกทั้งหมดนี้ ได้ Eddie Redmayne ถ่ายทอดออกมาผ่านการแสดง เป็นความรู้สึกตราตรึงใจตั้งแต่ตอนที่ได้ดูหนังจนถึงตอนนี้เครดิตภาพThe Theory of Everything : ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3Universal Pictures UK : ตัวอย่างหนังคอมมูนิตี้ “โลกคนรักหนัง” ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน

ชวนอ่าน In theories ในความรักเราต่างเป็นนักทฤษฎี
อ่าน

ชวนอ่าน In theories ในความรักเราต่างเป็นนักทฤษฎี

"In theories ในความรักเราต่างเป็นนักทฤษฎี" หนังสือที่จะทำให้คุณเข้าใจว่า ความรักอาจไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายที่แน่ชัด เพราะในความรัก เราทุกคนต่างเป็นนักทฤษฎีที่กำลังลองผิดลองถูกอยู่เสมอ In theories ในความรักเราต่างเป็นนักทฤษฎี ผู้เขียน: กิตติพล สรัคคานนท์ สำนักพิมพ์: แซลมอน / SALMON หมวดหมู่: วรรณกรรม เรื่องสั้น ความรักความสัมพันธ์ จำนวนหน้า: 160 หน้า 📖รีวิวหนังสือ In theories ในความรักเราต่างเป็นนักทฤษฎี ความรู้สึกหลังอ่านจบ: หนังสือเล่มนี้คือการรวบรวมเรื่องราวทฤษฎีความรัก ผ่านมุมมองทางปรัชญา ทฤษฎีวรรณกรรม จิตวิทยาและสังคมวิทยา โดยไม่ได้พูดถึงความรักในแบบหวานซึ้งหรือโรแมนติก แต่พาเราไปสำรวจว่า "ความรักคืออะไร?" "ทำไมคนเราถึงเจ็บปวดจากมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า?" และแท้จริงแล้ว เรากำลังรัก หรือแค่กำลังหาวิธีรับมือกับความว่างเปล่าบางอย่างที่อยู่ในใจกันแน่ ประเด็นเนื้อหา: ผู้เขียนได้พูดถึงความรักทั้งในเชิงความรู้สึก และโครงสร้างทางความคิด ที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อพยายามเข้าใจมัน เช่น ความรักกับ “ความหลงตัวเอง” ความรักในฐานะเครื่องมือของอำนาจ ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือในโลกยุคดิจิทัล ความสัมพันธ์แบบที่ไม่สมบูรณ์ และอาจไม่มีวันสมบูรณ์ ความประทับใจ: เป็นหนังสือที่อ่านแล้วต้องหยุดคิดบ่อยๆ เพราะบางครั้งการที่เราคิดว่าเราเข้าใจความรัก จริงๆ เราอาจไม่เข้าใจความรักเลยก็ได้ เหมือนกับคนที่เป็นโค้ชแต่ไม่เคยลงสนาม ในเรื่องความรักความสัมพันธ์ เราต่างล้มเหลวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และในความล้มเหลวเหล่านั้น เราก็พยายามคิดและอธิบายความรักเพื่อไม่ให้มันเจ็บเกินไป เพราะบางทีเราก็แค่ต้องการเรียนรู้ทฤษฎีเพื่อปลอบประโลมตัวเองให้ก้าวผ่านมันไปให้ได้ สรุป: "In theories ในความรักเราต่างเป็นนักทฤษฎี" คือหนังสือที่บอกอย่างซื่อตรงต่อความจริงว่าความรักนั้นซับซ้อน อึดอัด เปราะบาง และหลายครั้งก็เหมือนจะไม่มีเหตุผลเลย เหมาะมากกับคนที่กำลังตั้งคำถามกับความสัมพันธ์ กำลังเยียวยาหัวใจ หรือแม้แต่คนที่คิดว่าตัวเองเข้าใจความรักดีแล้ว เพราะเล่มนี้จะพังทฤษฎีเก่าที่คุณเชื่อและแทนที่ด้วยคำถามใหม่ที่ลึกกว่าเดิม เครดิตภาพถ่ายจากมือถือเองทุกภาพค่ะ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

#วันนี้ดูอะไรดี The Theory of Everything, ทฤษฎีรัก เปลี่ยนชีวิต
อ่าน

#วันนี้ดูอะไรดี The Theory of Everything, ทฤษฎีรัก เปลี่ยนชีวิต

The Theory of Everything (James Marsh, 2014) The Theory of Everything เป็นหนังแนวชีวประวัติ - โรแมนติค ที่พูดถึงชีวิตของ Stephen Hawking นักคิด และนักฟิสิกส์ที่น่าจะมีชื่อเสียงที่สุดในปัจจุบัน ทุกคนน่าจะเคยเห็นภาพของสตีเฟนที่นั่งรถเข็น และไม่สามารถพูดได้ หนังเรื่องนี้จะพูดถึงชีวิตของเขาตั้งแต่สตีเฟนได้พบกับ Jane Wilde ภรรยาคนแรกของเขา โดนเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของสตีเฟนและเจน โดนมองผ่านสายตาของเจนเป็นหลักตัวหนังได้ถูกดัดแปลงมาจากหนังสือ Travelling to Infinity: My Life with Stephen บันทึกของเจนตัวจริง ที่พูดถึงชีวิตที่ต้องอยู่กับสตีเฟน และความผิดปกติทางร่างกายของเขา ซึ่งนำไปสู่การหย่าร้างในที่สุดตัวหนังได้ Eddie Redmayne นักแสดงสายรางวัลที่แสดงฝีมือมาแล้วมากมาย ที่เราได้เห็นผลงานของเขามาแล้วใน The Danish Girl มารับบทเป็นสตีเฟน ฮอว์คกิน และได้ Felicity Jones จาก Rogue One: A Star Wars Story มารับบทเจน ไวล์ด ตัวหนังเริ่มต้นตั้งแต่ทั้งคู่ยังเป็นนักศึกษาในฮาร์วาร์ด โดยสตีเฟนนั้นศึกษาด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ในขณะที่เจนศึกษาวรรณคดีทั้งคู่เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ไปพร้อม ๆ กับสตีเฟนที่กำลังค้นหาหัวข้อวิทยานิพนธ์ของเขา แต่ในตอนที่ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดี สตีเฟนก็พบกับอาการป่วยทางประสาทที่หาได้ยาก ที่อาจนำไปสู้ความพิการ หรืออาจถึงแก่ชีวิตได้สตีเฟนและเจน ไม่ได้ยอมแพ้ต่อโรคร้ายนี้ ทั้งคู่ตัดสินใจสานต่อความสัมพันธ์จนแต่งงานและมีลูกสาวคนแรก ในขณะที่อาการของสตีเฟนแย่ลงเรื่อย ๆ ตัวสตีเฟนเองก็ได้สร้างทฤษฎีที่เปลี่ยนวงการฟิสิกส์ดาราศาสตร์อย่างใหญ่หลวง อย่างเช่นทฤษฎีเกี่ยวกับหลุมดำ ที่ถูกพูดถึงและนำไปต่อยอดอย่างกว้างขวาง และได้เขียนหนังสือวิทยาศาสตร์ที่ได้ชื่อว่าอ่านง่าย และขายดีที่สุดอย่าง A Brief History of Time (ประวัติย่อของกาลเวลา)ในมุมของสตีเฟน เขาอาจเหมือนคนโชคดีที่ถึงแม้จะมีปัญหาทางสุขภาพ แต่มีครอบครัวที่สมบูรณ์ และภรรยาที่เข้าใจ แต่ในมุมของเจนแล้ว เธอต้องยากลำบากในการดูแลลูกๆ และสามีที่พิการ โดยไม่เคยได้รับคำชม ในขณะที่สตีเฟนนั้นอยู่ใต้แสงไฟมาโดยตลอดต้องชื่มชมนักแสดง โดยเฉพาะเอ็ดดี้ เรดเมน ที่แสดงได้เหมือนสตีเฟนตัวจริงมาก ๆ ตัวบทเองก็ทำได้สนุกสำหรับหนังชีวประวัติทำให้คนดูได้รับข้อมูลค่อนข้างครบถ้วน ไม่น่าเบื่อ ทำให้เรายิ้มไปกับมุมน่ารัก ๆ และอาจทำให้บางคนเสียน้ำตาในบางฉากได้ การรันตีคุณภาพด้วยรางวัลลูกโลกทองคำถึง 2 สาขาในสาขานักแสดงนำชาย (เอ็ดดี้ เรดเมน) และ บทภาพยนต์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมโดยสรุปแล้ว The Theory of Everything เป็นหนังที่ชีวประวัติที่น่ารัก แถมได้รู้จักชีวิตของนักฟิสิกส์ที่ดังที่สุดในยุคอย่างสตีเฟน ฮอว์กิน เป็นหนังอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ ขอบคุณภาพประกอบจาก Facebook Official The Theory of Everything Movieภาพปก FB ภาพ1 FB1 ภาพ2 FB2 ภาพ3 FB3 ภาพ4 FB4     

รู้จัก 4 นักแสดง Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน จาก CHANGE2561
อ่าน

รู้จัก 4 นักแสดง Club Friday The Series Theory of Love ทฤษฎี 21 วัน จาก CHANGE2561

         เปิดซีซั่นใหม่อีกครั้งสำหรับทาง Club Friday The Series ที่ครั้งนี้มาในคอนเซ็ปท์ THEORY OF LOVE ด้วยความเชื่อที่ว่า ‘ไม่มีทฤษฎีไหนใช้ได้กับทุกความรัก’ และก็ได้ออกมาตอนแรกแล้วนั่นคือซีรีส์เรื่อง “Club Friday The Series Theory of Love ทฤษฎี 21 วัน” ซึ่งเป็นแนวโรแมนติก ดราม่า ผลิตโดย CHANGE2561 บอกเล่าเรื่องราวของคนสองคนที่พวกเขาเผชิญปัญหาครอบครัว และความรัก และได้ใช้ทฤษฎี 21 วันนี้ว่าจะเป็นยังไง?! โดยนอกจากพล็อตเรื่องที่สนุกแล้วนั้น ก็ยังได้นักแสดงปัง ๆ มาแสดงในเรื่องอีกด้วย ในวันนี้เราเลยอยากจะชวนเพื่อน ๆ มารู้จักนักแสดงในเรื่องนี้กันผ่านทาง ‘รู้จัก 4 นักแสดง Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน จาก CHANGE2561’ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! [Trailer] Club Friday The Series : Theory of Love | ทฤษฎี 21 วัน | เริ่ม 17 ม.ค. 68 | one31 https://m.youtube.com/watch?v=I6qEuNtIN18 1.) ฟรัง นรีกุล          “ฟรัง นรีกุล เกตุประภากร” เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 เธอจบการศึกษาจาก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสาวฟรังได้เข้าสู่วงการในการแสดงซีรีส์ดังอย่าฝเรื่อง ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น ในบทบาทของ ออย และภาพยนตร์เรื่อง เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ ซึ่งเรียกว่าฟรังนั้นเป็นสาวสวยที่มากไปด้วยความสามารถสุด ๆ เลยละค่ะ https://www.instagram.com/p/C8_obrdy6Ea/?igsh=MWtyeXZmZGIyaXVodw== ฟรัง นรีกุล รับบทเป็น “พาย” เธอนั้นเป็าติวเตอร์สาวที่เพิ่งเลิกกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปีเพราะเขาชอบทำร้ายร่างกายเธอ ต่อมาพายก็ได้บังเอิญมาเจอกับบอสที่บาร์แห่งหนึ่ง ซึ่งทั้งสองก็ได้พูดคุยและมีความสัมพันธ์ และโชคชะตาก็ทำให้ทั้งสองเจอกันอีกครั้ง ช่องทางการติดตามฟรัง นรีกุล IG : @frungnarikunn 2.) ท๊อปเทน ศุภกรณ์         “ท๊อปเทน ศุภกรณ์ เสาร์ขอ” เกิดเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ.2543 ที่กรุงเทพฯ  จบการศึกษาที่ คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ปัจจุบันเขาเป็นนักแสดงและนายแบบภายใต้สังกัด Change2561  โดยหนุ่มท๊อปเทน ศุภกรณ์ได้เข้าสู่วงการบันเทิงจากการที่เขาปรากฏตัวในรายการ Boys Journey ภารกิจพิชิตใจ และการแสดงครั้งแรกของเขาคือซีรีส์แนวบอยเลิฟเรื่อง Pit Babe The Series ในคาแรคเตอร์ของโซนิค นักแข่งรุ่นเล็กทีม X-Hunter นั่นเองค่า  https://www.instagram.com/p/CteLlmxvAKO/?igsh=MThoNzkzZ3Z6Z2N2eA== ท๊อปเทน ศุภกรณ์ รับบทเป็น “บอส” เขานั้นเป็นหนุ่มหล่อที่บังเอิญเจอกับพายที่บาร์โดยบังเอิญ ซึ่งทั้งสองก็ได้มีความสัมพันธ์กัน ซึ่งบอสเป็น ครูสอนเต้นที่ต้องปกปิดตัวตนที่แท้จริงเพราะพ่ออย่างบารมีเพราะเขาไม่ยอมรับ และมักจะโดยทำร้ายร่างกาย และจิตใจจากผู้เป็นพ่ออยู่เสมอ ช่องทางการติดตามท๊อปเทน ศุภกรณ์ IG : @topten.ss 3.) ป็อป ภัทรพล         “ป็อป ภัทรพล วัลลภศิริ” เกิดเมื่อวันที่วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2543 จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ปัจจุบันเขาเป็นนักแสดงและนายแบบภายใต้สังกัด Change2561 โดยหนุ่มป็อป ภัทรพลเข้าสู่วงการบังเทิงในปี 2565 จากผลงานการแสดงครั้งแรกในซีรีส์แนวบอยเลิฟเรื่อง La Cuisine เมนูลับฉบับแก้มยุ้ย ประกบ มิก มณฑล วิเศษสินธุ์ และผลงานโดดเด่นมากมาย อาทิ Pit Babe พิษเบ๊บ เดอะซีรีส์ ,  Club Friday The Series ตอน One Night Stand คืนเดียวก็พอ และอื่น ๆ  https://www.instagram.com/p/DAnWscgT0ty/?igsh=enQ4NXIwcW51cG4y ป็อป ภัทรพล รับบทเป็น “ยูโร” เขาเป็นหนุ่มหล่อที่เป็นเพื่อนซี้กับบอส แต่จริง ๆ ทั้งสองนั้นเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อกันแต่ยูโรก็ได้ไปคบกับผู้หญิง และกำลังจะแต่งงาน ช่องทางการติดตามป็อป ภัทรพล IG : @popptr 4.) ดอม เหตระกูล         “ดอม เหตระกูล” เกิดเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2519 จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะบริหารธุรกิจ ภาคภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยมหิดล โครงการวิทยาลัยนานาชาติ หนุ่มดอมได้เป็นพระเอกแบบเต็มตัวในภาพยนตร์เรื่อง เสือ โจรพันธุ์เสือ และล่าสุดกับซีรีส์เรื่อง The White Lotus Season 3 ที่ใครหลายคนต่างก็พูดถึง โดยหนุ่มดอมก็มีผลงานปัง ๆ อีกมากมายเลย ^^ https://www.instagram.com/p/Ceiye6CP3Ai/?igsh=MWQwc2hsNmpwMHZ6NQ== ดอม เหตระกูล รับบทเป็น “บารมี” เขาเป็นพ่อของบอส ซึ่งเขานั้นเป็นคนที่มีนิสัยดุ โหดร้าย เขาไม่ยอมรับในตัวของลูกชาย แถมเขายังชอบทุบตีทำร้ายบอสเมื่อไม่พอใจอยู่เสมอ https://www.instagram.com/p/CkPx9n9LeUn/?igsh=cmFjamhlMWt5ejlq ช่องทางการติดตามดอม เหตระกูล IG : @dom_h_official ก็จบลงไปแล้วนะคะสำหรับ รู้จัก 4 นักแสดง Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน จากCHANGE2561 และในซีรีส์เรื่อง “Club Friday The Series Theory of Love ทฤษฎี 21 วัน” จะออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 21:15 น. ทางช่องวัน31 และเวลา 22:15 น. รับชมย้อนหลังทาง Viu เริ่มตอนแรก วันศุกร์ที่ 17 มกราคม2568 นี้!💕 เครดิตภาพหน้าปก @popptr : ภาพที่1 / @frungnarikunn : ภาพที่2 / @topten.ss : ภาพที่3 / @dom_h_official : ภาพที่4  เครดิตภาพประกอบบทความ Club Friday The Series : ภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่4 / ภาพที่6 / ภาพที่8 @frungnarikunn : ภาพที่3  @topten.ss : ภาพที่5 @popptr : ภาพที่7  @dom_h_official : ภาพที่9 / ภาพที่10 เครดิตวิดีโอประกอบบทความ ช่อง one31 [Trailer] Club Friday The Series : Theory of Love | ทฤษฎี 21 วัน | เริ่ม 17 ม.ค. 68 | one31   เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !      

ไมค์ ออม ชวนชม Full House The Special ตามติดชีวิตคู่จิ้นแบบสดๆ
อ่าน

ไมค์ ออม ชวนชม Full House The Special ตามติดชีวิตคู่จิ้นแบบสดๆ

ไมค์ พิรัชต์ พระเอกหนุ่มสุดฮอต จากซีรี่ย์ Full House Thai แม้ละครจะจบลงไปแล้ว แต่กระแสความร้อนแรงของเรื่อง และตัวนักแสดงนำ ไมค์-ออม ยังไม่มีทีถ้าจะลดลงเลย โดยเฉพาะฉากฟินของทั้งคู่ที่ถ่ายทอดออกมาจนแฟนๆละครจิกหมอนนั่งชมกันตัวเกร็ง พร้อมลุ้นและเชียร์ให้เป็นคู่รักนอกจอกันจริงๆ สำหรับหนุ่มไมค์ กับผลงานเปิดตัว photobook mini album ของตัวเองที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากแฟนคลับมาร่วมให้กำลังใจกันมากมาย ต่อด้วยวันที่ 25 มี.ค.กับงานเปิดตัว 21 หนุ่มหล่อ ขอทำความดี กับนิตยสาร สุดสัปดาห์ และล่าสุด วันที่ 26 มี.ค.เจ้าตัวได้โพสต์ผ่านอินสตาแกรมบอกข่าวความเคลื่อนไหวของ Full House The Special ที่สามารถรับชมได้ก่อนใคร เพียงเปลี่ยนมาใช้ซิม true move-h 4G ก็สามารถตามติดชีวิตคู่นอกจอของคู่จิ้นฟินเว่อร์ ไมค์-ออม แบบรับชมกันสดๆ ได้เลย ที่สุดของความสิทธิพิเศษ คุณอาจได้เป็นหนึ่งในปาร์ตี้แสนโรแมนติกของ ไมค์-ออม พิเศษอีกขั้น สำหรับลูกค้าทรูมูฟ เอช 4G เพียงเข้าชม ก็ลุ้นไปฟินต่อที่เกาหลีกับ ไมค์-ออม แบบ Exclusive ฟรีตลอดการเดินทางเตรียมตัวให้พร้อม เมษายนนี้ แน่นอน ทาง www.truemove-h.com/first4g ติดตามรายละเอียด ได้ทาง TrueMove H Official Account ยังครับ..ยังไม่หมด แล้ววันที่ 28 มี.ค. กับงาน meet greetphotobook แจกลายเซ็นกันที่ B2S Central ลาดพร้าว และเร็วๆนี้ เตรียมพบกับ สาว ออม กับผลงาน susharphotobook เหล่าแฟนคลับของทั้งสองตามติดผลงานกันได้เลยนะจ๊ะ.. ขอบคุณภาพ : IG MIKE D. ANGELO ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง Facebook.com/TVSociety

(รีวิว) อนิเมะเรื่องวัยมันส์คนพันธุ์ A หรือ Special A
อ่าน

(รีวิว) อนิเมะเรื่องวัยมันส์คนพันธุ์ A หรือ Special A

วัยมันส์คนพันธุ์ A หรือ Special A เป็นการ์ตูนแนวโรแมนติกคอเมดี้ได้แผยแพร่ในวันที่ 1 เมษายน 2546 – 19 มีนาคม 2552 และเริ่มเข้าฉายในวันที่ 6 เมษายน 2551 – 14 กันยายน 2551 มีความยาวของเรื่องทั้งหมด 24 ตอน เป็นพากษ์ไทยในประเทศไทย เรื่องนี้ได้ลิขสิทธิ์โดย บงกช โดยได้ตีพิมพ์ครบทั้ง 17 เล่ม ส่วนฉบับอนิเมะได้ลิขสิทธิ์โดย โรส เรื่องย่อเนื้อเรื่องจะเป็นประมาณว่ารักในวัยเรียนจะมีเรื่องการต่อสู้และประลองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ฮานาโซโนะ (ฮิคาริ) ลูกสาวคนเดียวของบ้านช่างไม้ธรรมดาที่หลงรักการต่อสู้และจะอยู่ไม่ได้เมื่อเธอได้ยินคำว่าประลอง จนวันหนึ่ง ทาคิชิมะ (เคย์)เด็กหนุ่มที่มีความเก่งในทุกด้วนไม่ว่าจะเป็นเรื่องการต่อสู้เรื่องเรียน และมวยปล้ำหรือแม้แต่ฐานะทางบ้านที่ร่ำรวยมากเค้าได้ อิคาริ เด็กสาวที่มั่นใจในตัวเองมาโดยตลอดว่าตัวเองนั้นไม่เคยต่อสู้แพ้ใครเลยสักครั้งพอเธอได้ยินพ่อของเธอเล่าว่า "เคย์" เด็กชายที่มีความสามารถเล่นมวยปล้ำเป็นทำให้ "อิคาริ" ที่ได้ยินดังนั้นก่อเกิดอาการมีแรงฮึดสู้ที่จะชนะเด็กหนุ่มให้ได้และไม่อยากที่จะยอมแพ้ แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าเธอก็ยังแพ้เค้าแต่เด็กสาวไม่เคยท้อ เธอยังหาทางประลองกับเด็กหนุ่มทุกครั้งที่มีโอกาส และนคือจุดเริ่มต้นของเค้าทั้งสองแนะนำตัวละครหลัก ทาคิชิมะ เคย์หรือเรียกเค้าในอีกชื่อหนึ่งว่าเคย์คุง  เด็กหนุ่มที่มีดีกรีเป็นท็อปวันของชั้นเรียน แล้วยังสอบได้ที่ 1ของชั้นเรียนทุกปี ที่มากความสามารถ แล้วยังเป็นแชมป์มวยปล้ำตั้งแต่ยังเด็ก ที่สำคัญเป็นถึงเจ้าของเครือทาคิชิมะทั้งหมดอีกด้วย "มีหลายแห่งอยู่นะ" และยังเป็นคนที่สืบทอดกิจการกลุ่มบริษัททากด้วย เค้ามักจะมีคำพูดที่ชอบพูกกับฮิคาริเป็นประจำ คือ "คุณที่สอง" เค้ามีความรู้สึกกับฮิคาริมากกว่าเพื่อนมาตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนตัวแล้วเค้ามีบุคลิกที่ เงียบ เฉยๆ นิ่งๆ อยู่ตลอดเวลา ยกเว้นเรื่องที่เกี่ยวกับเธอฮอคาริ "แอบชอบฮิคาริ" ฮานาโซโนะ (ฮิคาริ)เด็กสาวที่มีความพยายามสูง สอบได้ที่ 2 ของชั้นเรียนมีฐานะค่อนข้างยากจน จึงต้องดิ้นรนทำงานเพื่อส่งลูกสาวเข้าโรงเรียนคุณหนูจนถึงตอนนี้ก็ยังเอาชนะ เคย์ ไม่ได้สักที ถึงจะสอบได้คะแนนเต็ม แต่เคย์ก็มักจะหาวิธีมาทำให้คะแนนนำไปให้ได้สินะ แต่พอได้ยินเคย์เรียกว่า “คุณที่สอง” ก็จะฉุนขาดโวยแหลกแหกปากลั่น บุคลิกเป็นคนเถรตรงสุดๆ แต่ก็มีความอ่อนโยนอยู่บ้างในบ้างครั้ง แต่เรื่องความรักนี้ซื่อบื้อสุดๆ เลย ฮิคาริคิดว่าทาคิชิมะเคเป็นคู่แข่งที่สำคัญของเธอ มาโดยตลอดเป็นคนที่เธอไม่สามารถเอาชนะเค้าได้เลย ฮิคาริเป็นคนใจดี และไม่ยอมแพ้กับเรื่องใดทั้งสิ้น ทำอาหารไม่เป็นเลย  ยามาโมโตะ( จูน)สอบได้อันดับที่ 3 ของชั้นเรียน เป็นลูกของโปรดิวเซอร์เพลง เขาเป็นน้องชายฝาแฝดของเมงุมิ เขาเป็นคนพูดน้อยพูดเหมือนกับพี่สาวจุน สนิทกับริวมาตั้งแต่เด็ก เช่นเดียวกับเมงุมิ นอกจากนี้จุนยังมีความเป็นคนขี้เล่นแฝงอยู่ในอีกด้านด้วยนะ  ยามาโมโตะ (เมงุมิ)สอบได้อันดับที่ 4 ของชั้นเรียนเธอเป็นพี่สาวฝาแฝดของจุน เมงุมิ เธอเป็นคนเงียบเช่นเดียวกับน้องชายของเธอ แต่เวลาที่ต้องการจะสื่อสารกับคนอื่น เธอจะเขียนคำพูดนั้นใส่กระดาษวาดเขียน เพราะเธอต้องถนอมเสียงของตัวเอง เมงุมิ มีความฝันอยากเป็นนักร้อง คาริโนะ (ทาเคชิ)สอบได้อันดับที่ 5 ของชั้นเรียน เขามีแม่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนฮาคุเซ็นคัน ชอบกินของว่างที่อากิระทำ  และมักชอบแอบหยิบขนมกินโดยไม่ล้างมือ จนโดนอากิระซัดอยู่ทุกครั้งไป ชอบท่องเที่ยวป่า   โทโด (อากิระ)สอบได้อันดับที่ 6 ของชั้นเรียน เธอเป็นลูกสาวของประธานบริษัทสายการบิน เธอมีนิสัยที่คลั่งฮิคาริ เอามากๆ เธอเลยไม่ค่อยชอบเคย์แต่อย่างไง อากิระจะเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเคย์มานานเธอชอบเวลาที่ได้ดื่มน้ำชา และเธอมักจะชอบลงไม้ลงมือกับทาดาชิประจำำ เพราะคำพูดของเขาสึจิ (ริว)สอบได้อันดับที่ 7 ของชั้นเรียน  เป็นคนรักสัตว์ ริวสนิทกับเมวุฒิและจูนมาตั้งแต่เด็กจึงรักและอยากปกป้องทั้งสองที่สุด ความรู้สึกหลังดูยังมีอีกหลายตัวละครเลยอย่างไงก็ไปติดตามกันได้นะ อยากให้ดูจริงๆ ส่วนตัวเราชอบมากเลย เราดูหลายรอบแล้ว เราเห็นออกอากาศในทีวีตั้งแต่เล็กชอบมากเลยตามมาดูในยูทูปอีก ชอบคู่พระนางมากดูเข้ากันมากน่ารักทั้งคู่เลย...(พระเอกหล่อนะ) ยังมีอีกหลายตัวละครเลยอย่างไงก็ไปติดตามกันได้นะ อยากให้ดูจริงๆ ส่วนตัวเราชอบมากเลยเราดูหลายรอบแล้วเราเห็นออกอากาศในทีวีตั้งแต่เล็ก ชอบมากเลยตามมาดูในยูทูปอีกชอบคู่พระนางมากดูเข้ากันมากน่ารักทั้งคู่เลย...(พระเอกหล่อนะ)เรื่องโดย nisloveขอขอบคุณภาพจาก ​​​​​​IMDdขอขอบคุณภาพจาก   ​​​​​​IMDd ภาพ 1, ภาพ 2, ภาพ 3, ภาพ 4, ภาพ 5

โดราเอมอนกลับมาแล้ว! ใน STAND BY ME DORAEMON 2 โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป 2
อ่าน

โดราเอมอนกลับมาแล้ว! ใน STAND BY ME DORAEMON 2 โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป 2

   เตรียมผ้าเช็ดหน้าให้พร้อมเพราะงานนี้อาจมีคนเสียน้ำตา เรื่องราวความวุ่นวายของหุ่นยนต์แมวสีฟ้าโดราเอมอนและโนบิตะกำลังจะกลับมาอีกครั้งใน STAND BY ME DORAEMON 2 หรือ โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป 2 สุดยอดการ์ตูนที่อยู่คู่กับเด็ก ๆ มาอย่างยาวนานจนในที่สุดก็ถูกนำมาสร้างเป็นอนิเมชันสามมิติในปี 2014 ที่ผ่านมา แล้วในปีนี้โดราเอมอนครบรอบ 50 ปีทั้งทีจะมีความพิเศษแบบไหนรอพวกเราอยู่กันนะ   โดราเอมอนกลับมาอีกครั้งให้แฟน ๆ ได้หายคิดถึงกับ STAND BY ME DORAEMON 2 (โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป 2) ซึ่งในครั้งนี้เป็นการรวมเอาตอนต่าง ๆ จากโดราเอมอนตอนสั้น เช่น ตอนความทรงจำของคุณย่า, ตอนวันที่ผมเกิด นำกลับมาสร้างใหม่ให้กลายเป็นเรื่องราวสุดประทับใจ จากผลงานต้นฉบับของคุณ ฟูจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ โดยได้ผู้กำกับฝีมือดีอย่างคุณ ทาคาชิ ยามาซากิ และคุณ ริวอิจิ ยางิ กลับมารับหน้าที่กำกับอีกครั้ง เดิมที STAND BY ME DORAEMON 2 นั้นมีกำหนดฉายในวันที่ 7 สิงหาคม 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่นแต่แล้วในวันที่ 19 มีนาคม 2020 ก็มีการประกาศเลื่อนวันเข้าฉายภาพยนตร์เป็นไม่มีกำหนดจนกระทั่งวันที่ 7 ตุลาคม 2020 จึงได้ปล่อยตัวอย่างเต็มออกมาให้แฟน ๆ ได้ชมพร้อมกับประกาศกำหนดการฉายใหม่เป็นวันที่ 20 พฤศจิกายน 2020ส่วนทางประเทศไทยเองก็มีการแถลงข่าวและเปิดตัวภาพยนตร์อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2021 รวมถึงปล่อยคลิปตัวอย่างเสียงพากย์ไทยออกมา เผยให้เห็นเรื่องราวของโนบิตะในวัยหนุ่มที่กำลังจะแต่งงาน แต่ทว่าโนบิตะกลับหนีหายไปจากงานแต่งเสียอย่างนั้นและเพื่อทำความปรารถนาของคุณย่าของโนบิตะให้เป็นจริงโนบิตะจึงใช้ไทม์แมชชีนข้ามเวลามายังอนาคตแล้วพบกับโนบิตะวัยหนุ่มตัวละครหลักโดราเอมอน พากย์เสียงญี่ปุ่นโดย วาซาบิ มิซึตะ และพากย์เสียงไทยโดย ฉันทนา ธาราจันทร์โนบิ โนบิตะ พากย์เสียงญี่ปุ่นโดย เมะกุมิ โอฮาระ และพากย์เสียงไทยโดย ศันสนีย์ วัฒนานุกูลมินาโมโตะ ชิซุกะ พากย์เสียงญี่ปุ่นโดย ยูมิ คาคาซึ และพากย์เสียงไทยโดย ศรีอาภา เรือนนาคไจแอนท์ พากย์เสียงญี่ปุ่นโดย ซูบารุ คิมุระ และพากย์เสียงไทยโดย นิรันดร์ บุญยรัตพันธุ์โฮเนคาว่า ซึเนโอะ พากย์เสียงญี่ปุ่นโดย โทโมคะซึ เซกิ และพากย์เสียงไทยโดย อรุณี นันทิวาส   นอกจากนี้ยังมีการเปิดฉายรอบพิเศษตั้งแต่วันที่ 1-5 เมษายน และกำหนดฉายจริงในวันที่ 6 เมษายน 2021 ที่จะถึงนี้เพื่อน ๆ คนไหนที่เป็นแฟนคลับโดราเอมอนก็อย่าลืมไปติดตามชม STAND BY ME DORAEMON 2 (โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป 2) กันได้ที่โรงภาพยนตร์นะคะ ซึ่งจากที่เคยชมมาแล้วหลายต่อหลายภาคบอกเลยว่าไม่มีผิดหวังและหวังว่าภาคนี้ก็คงจะสนุกไม่แพ้ภาคก่อน ๆ เช่นกัน ต้องรอติดตามค่ะ  ติดตามบทความอื่นของ JuniVivy -Fluorite Eye's Song- อนิเมะใหม่จาก WIT Studio ผู้สร้างเดียวกันกับ Attack on Titanมังกรเมดกลับมาแล้วจ้าเปิดตัวซีซัน 2 ในชื่อ Kobayashi-san Chi no Maid Dragon SHorimiya สาวมั่นกับนายมืดมน อนิเมะแนวโรแมนติกคอมเมดี้ รักใส ๆ ในวัยเรียนแนะนำอนิเมะใหม่ Musho Tensei เกิดชาตินี้พี่ต้องเทพ ขึ้นเทรนด์อันดับที่ 3!!มาเรียนรู้สำนวนจีนจาก นิยายปรมาจารย์ลัทธิมาร กันเถอะKai Byoui Ramune คุณหมอประหลาด รามุเนะ อนิเมะแนวคอมเมดี้ที่จะพาคุณไปพบกับโรคประหลาดขอบคุณภาพหน้าปก : Twitter official doraemon และตกแต่งโดย canvaภาพประกอบจาก Twitter official doraemon : ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 8ภาพประกอบจากแฟนเพจ Facebook M Pictures : ภาพที่ 3, ภาพที่ 4, ภาพที่ 5, ภาพที่ 6, ภาพที่ 7จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

[รีวิว] The Theory of Everything : ปากกาที่ตกจะถูกเก็บขึ้นมาไหม ?
อ่าน

[รีวิว] The Theory of Everything : ปากกาที่ตกจะถูกเก็บขึ้นมาไหม ?

ขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt2980516/mediaviewer/rm3205633280 The Theory of Everything (2014)(เนื้อหาอาจมีสปอย) The Theory of Everything หรือทฤษฎีรักนิรันดร์นั้นเป็นเรื่องราวที่สร้างขึ้นจากเค้าโครงเรื่องจริงของ สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง นักฟิสิกส์ที่มากด้วยความรู้และถูกนับได้ว่าอัจฉริยะเลยทีเดียว ในตอนแรกนั้นเขาก็ใช้ชีวิตอยู่แบบเด็กวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง ไปเรียน มีความรัก และ ใช้ชีวิตอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt2980516/mediaviewer/rm2979919872ในตอนแรกสตีเฟ่นยังเป็นเพียงนักศึกษาชั้นปริญญาเอกด้านฟิสิกส์ ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ แค่นั้นก็คงฟังดูน่าทึ่งแล้ว แต่เหนือสิ่งอื่นใด อาการของโรคเริ่มมีผลปะทุออกมาให้เห็น ซึ่งก่อนหน้าสตีเฟ่นก็ไม่ได้รู้ตัวหรอก และไม่ได้คาดว่าตัวเองจะเป็นโรคที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต คงไม่มีใครหรอกที่คิดว่าตัวเองผิดปกติ และพร้อมจะเสียชีวิตได้ในเวลาไม่นาน กับสตีเฟ่นก็เช่นเดียวกัน เขายังไปเรียน เฮฮากับเพื่อน ๆ ใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขดี และที่สำคัญคือ เขากำลังมี ‘ความรัก’ กับหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเดียวกันขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt2980516/mediaviewer/rm2908878848เธอคนนั้นชื่อ เจน ไวลด์ ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่ได้ล่วงรู้เกี่ยวกับอาการป่วยของสตีเฟ่น เพราะแม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่อาจทราบได้ ต่อมาเมื่อสตีเฟ่นรู้ความจริงเกี่ยวกับโรคนี้ เขาก็พยายามยุติความสัมพันธ์กับเจน เพราะหนทางข้างหน้าคงไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบแน่ ๆต้องขอชื่นชมความมั่นคงในรักของเจน ที่เธอยืนยันที่จะต่อสู้เคียงข้างกับสตีเฟ่นต่อไป แม้เขาจะต้องประสบกับภาวะอันเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม เชื่อว่าเจนเองก็ไม่ใช่คนโง่ คิดว่าเธอก็อ่านออกว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้นั้นจะนำพาเธอไปสู่อะไรมันเหมือนสภาวะกึ่งเดินกึ่งวิ่ง เจนเองก็คงลังเลอยู่เหมือนว่าจะหยุดวิ่งตามการกระทำที่ทัดทานของสตีเฟ่นดีหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าสุดท้ายเธอก็ตัดสินใจวิ่งไปต่อกับเขา เพราะความรักที่มากเกินกว่าจะทิ้งเขาไว้คนเดียวได้ และความรักนั้นเองคงทำให้เธอมีพลังที่จะต่อสู้กับความเหนื่อยยากทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt2980516/mediaviewer/rm1460143872โรคของสตีเฟ่นนั้นมีชื่อว่า โรคเซลล์ประสาทสั่งการเสื่อม หรือเรียกง่าย ๆ ว่า โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งทำให้เขาเริ่มควบคุมอวัยวะส่วนต่าง ๆ ในร่างกายไม่ค่อยได้ และมันก็จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา โดยหมอบอกว่าเขาอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่นานอาการของโรคนั้นเริ่มทำร้ายเขาหนักขึ้นทุกที ทั้งอาการสั่นที่มือทั้งสอง ทำให้การเขียนของเขานั้นยากลำบากและไม่เป็นภาษา การควบคุมร่างกายเริ่มไม่เป็นอย่างที่คิด จากเดินติดขัดจนต้องมีใช้ไม้เท้าพยุงและลงท้ายด้วยการเดินไม่ได้จนต้องนั่งรถเข็น และในภายหลังเกิดบางเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องสูญเสียความสามารถในการพูดสื่อสารไป แต่ก็ได้เครื่องมือชนิดที่สามารถเปลี่ยนตัวอักษรจากปลายนิ้วเขาให้เป็นเสียงพูดได้สิ่งที่สตีเฟ่นหลงเหลือในตอนนั้นคงมีเพียงไม่กี่อย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเจนที่อยู่กับเขาเสมอ เรียกได้ว่าเป็นกำลัง ‘หลัก’ ของบ้านเลยทีเดียว เพราะนอกจากภาระการเลี้ยงลูก ๆ ทั้ง 3 คนแล้ว เธอยังต้องรับบทหนักในการดูแลสามีอีกด้วย เราอาจไม่มีโอกาสได้เห็นแต่คาดว่าเจนต้องผ่านทุกช่วงเวลาอย่างยากลำบาก หนังอาจจะไม่ได้ฉายให้ดูแต่คาดว่าบางทีเธอคงแอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวที่มุมของบ้าน หรือบางทีเธออาจจะนึกแช่งชักหักกระดูกในโชคชะตา หรืออาจจะแอบไปนั่งปรับทุกข์กับสาวข้างบ้านก็ได้อีกสิ่งหนึ่งที่สตีเฟ่นยังหลงเหลืออยู่และออกจะมากเกินคนทั่วไปคือ ‘สมอง’ เขาศึกษาเกี่ยวกับดาราศาสตร์และจักรวาล ซึ่งมันก็เริ่มต้นตั้งแต่ที่สตีเฟ่นยังดูปกติดีเสียด้วยซ้ำ แต่อาการป่วยนี้ก็ไม่ได้หยุดเขาเกี่ยวกับการศึกษาด้านนี้แต่อย่างใดแม้จะมีเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อการสื่อสารของเขา แต่ก็ได้เครื่องตัวหนึ่งมาช่วย มันสามารถแปลงตัวอักษรเป็นเสียงพูดได้ในทันที ซึ่งในหนังนั้นใช้เวลาเพียงเสี้ยววิก็สามารถโต้ตอบกับคนอื่นได้แล้ว แต่เชื่อว่าในความเป็นจริงคงต้องใช้เวลามากกว่านั้น และการที่สตีเฟ่นสามารถเขียนหนังสือออกมาได้เป็นเล่ม จะต้องใช้เวลาและความพยายามมากมายเพียงไรในตอนเกือบท้ายของเรื่อง สตีเฟ่นได้ขึ้นไปบนเวทีเพื่อบรรยายต่อหน้าคนมหาศาล มีอยู่ฉากหนึ่งที่ปากกาของผู้ร่วมสาวตกลงพื้น เขายังจินตนาการถึงภาพตัวเองเดินลงเก็บปากกาด้ามนั้น เป็นฉากที่สร้างความสะเทือนใจได้มากทีเดียวขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt2980516/mediaviewer/rm4010939648ตอนท้ายหนังก็จบลงแบบที่ไม่สุขมาก แต่ก็ไม่เศร้าเสียเท่าไร จัดว่าเป็น happy ending ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งในชีวิตจริง สตีเฟ่นเพิ่งเสียชีวิตลงในเวลาไม่นานมานี้ด้วยวัย 76 ปี ถ้ามันไปตามที่หมอพูดคงนับได้ว่า 2 ปีที่เหลืออยู่ในตอนนั้นช่างยาวนานเสียเหลือเกิน ! “While there’s life,there is hope.”------Stephen Hawking

Canada Episode 2 - Calgary
อ่าน

Canada Episode 2 - Calgary

เดินทางต่อจากเมือง Vancauver โดยสายการบิน Air Canada ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงเมือง Calgary ซึ่งต้องปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมงค่ะ  Calgary เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐ Alberta ในแคนาดา เป็นเมืองหน้าด่านสู่เทือกเขาRocky ที่ตระหง่าน สูงชัน และมีหิมะปกคลุมทั้งปีค่ะ Calgary เป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และน้ำมันดิบ แต่โปรแกรมทัวร์ที่ไป ไม่ได้เข้าไปในเมือง เลยไม่ได้เห็นว่ามีความทันสมัย หรือ ยิ่งใหญ่แค่ไหนค่ะ แต่การที่ได้ออกไปเที่ยวนอกเมือง ได้เห็นเทือกเขาสูงใหญ่ ทะเลสาปที่ใสสะอาด ได้สัมผัสกับหิมะขาวโพรน ทำให้มีความสุขเหลือล้น คุ้มค่ากับการเดินทางไกลมาชมจริงๆค่ะ สถานที่แรกที่ได้ไปสัมผัสกับความหนาวเย็นก็คืออุทยาน Columbia Ice field ซึ่งเป็นธารน้ำแข็ง (Glacier) อันยิ่งใหญ่ ที่ทับถมกันมานานนับล้านปีได้นั่งรถ Snow Coach ออกไปที่ลานน้ำแช็งขนาดใหญ่ ซึ่งหนาวประมาณ -1 C และมีลมแรงมาก                                                    รูปถ่ายโดยผู้เขียน                                                                               รูปถ่ายโดยผู้เขียน                                                                                          รูปถ่ายโดยผู้เขียน เนื่องจากมีลมแรงและหนาวมาก ทุกคนต่างรีปถ่ายรูป แลัวขึ้นรถ Snow Coach กลับไปอาคารที่พัก ซึ่งมีอาหารและเครื่องดื่มให้ได้ซื้อรับประทานกันค่ะ อุทยานแห่งนี้จะปิดช่วงหน้าหนาวตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคมเป็นต้นไป เจ้าหน้าที่บอกว่าอุณภูมิจะลดลงถึงประมาณ -50 C และหิมะจะสูงกว่า 6 เมตร ซึ่งไม่มีใครจะอาศัยอยู่ได้ เจ้าหน้าที่ทุกคนก็จะกลับไปบ้านที่พื้นราบกันหมด ต่อจากอุทยาน Columbia Ice field ก็นั่งรถต่อไปยังทะเลสาป Lake Louise หรือที่เรียกว่าทะเลสาปมรกต ซึ่งเป็นสถานที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดค่ะ น้ำใสสีมรกตในทะเลสาปเกิดจากการละลายของหิมะของเทือกเขา Rocky เบื้องหลังทะเลสาปก็จะเป็นฉากภูเขาซ้อนๆลดหลั่นกันไป สวยงามดั่งภาพวาด ทุกคนถ่ายรูปซ้ำไปซ้ำมา ไม่อยากหยุดถ่ายกันเลยค่ะ                                                                                                    รูปถ่ายโดยผู้เขียน โรงแรมที่พักอยู่ริมทะเลสาปชื่อ Fairmont Chateau Lake Louise หรูหรา สวยงามมาก คณะทัวร์เดินทางไปถึงตอนค่ำ เลยไม่มีเวลาเดินชมรอบๆโรงแรม แต่ก็ได้ถ่ายภาพโรงแรมในเวลาพลบค่ำที่น่าประทับใจ                                                                                       รูปถ่ายโดยผู้เขียน หลังทานอาหารเช้า พอมีเวลาออกมาเดินเล่นหน้าโรงแรม ได้สัมผัสกับบรรยากาศ และทิวทัศน์ที่สวยงามดั่งกับอยู่ในเทพนิยายของดิสนีย์ ตัวอาคาร ทางเดิน สนามหญ้า ต้นไม้ ถูกปกคลุมด้วหิมะขาวสะอาด มองแล้วมีความสุข และสดชื่นมาก และอดไม่ได้ที่จะต้องไปถ่ายรูปทะเลสาป Lake Louise อีกรอบก่อนจะกลับ ใจจริงแล้วก็ยังไม่จากสถานที่นี้ไปเลยค่ะ อยากจะพักผ่อน ดื่มด่ำอยู่กับธรรมชาติที่สวยงามแห่งนี้สัก 1 สัปดาห์...แต่คงเป็นได้แค่ความฝัน !                                                                                   รูปถ่ายโดยผู้เขียน                                                                                        รูปถ่ายโดยผู้เขียน

Home  Sweet  Home  เกมผีไทยที่มีมากกว่าความน่ากลัว  พร้อมส่งไม้ต่อให้กับ  Episode 2  เร็ว ๆ นี้!
อ่าน

Home  Sweet  Home  เกมผีไทยที่มีมากกว่าความน่ากลัว  พร้อมส่งไม้ต่อให้กับ  Episode 2  เร็ว ๆ นี้!

                 เกมแนวผจญภัยที่มีผู้เล่นเป็นผู้สวมบทบาทสมมุติตัวละครดำเนินเรื่องในเกมทำให้ผู้เล่นมีอารมณ์ความรู้สึกร่วมและสนุกสนานไปกับเนื้อหาของเกม  แต่ถ้าเกมนั้นดันมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับเรื่องลึกลับชวนขนลุก  แน่นอนว่าผู้เล่นที่สวมบทบาทเป็นตัวละครดำเนินเรื่องก็คงจะรู้สึกขนหัวลุกไปกับบรรยากาศของเกมไม่มากก็น้อยกันเลยทีเดียว  หนึ่งในเกมแนวผจญภัยที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความน่ากลัวเรื่องผีหรือวิญญาณอย่าง  Home  Sweet  Home  ซึ่งเป็นเกมผีฝีมือคนไทยก็ได้สร้างความสยองแบบฝังหัวให้กับผู้เล่นมาแล้วมากมาย  ไม่เพียงแต่ฝากฝังเรื่องราวสยองขวัญให้กับผู้เล่นชาวไทย  แต่เกมผีฝีมือคนไทยนี้ก็ยังฝากฝังความน่ากลัวให้กับผู้เล่นชาวต่างชาติจนขวัญผวาไปตาม ๆ กัน!ขอบคุณภาพจาก  :  https://www.aripfan.com/home-sweet-home-official-release-date-on-27th-september/                เกม  Home  Sweet  Home  เปิดตัวมาก็ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้เล่นเกมได้อย่างดีเกินคาด  เนื้อเรื่องของเกมเปิดมาด้วยการให้ผู้เล่นสวมบทบาทเป็น  ‘ติม’  ที่ตื่นขึ้นมาในหอพักเก่า ๆ จากนั้นตัวละครก็เริ่มออกเดินทางเพื่อหาทางกลับบ้าน  ระหว่างทางตัวละครก็ต้องเจอกับปริศนาและความน่ากลัวของสิ่งลี้ลับต่าง ๆ ทั้งผีนักศึกษาสาว  ผีนางรำ  และสิ่งลี้ลับอื่น ๆ รวมถึงการหายตัวไปของเจนคนรักของติมที่ยังคงเป็นปริศนา                สิ่งที่น่าสนใจในเกมผีฝีมือคนไทยนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ความน่ากลัวของสิ่งลี้ลับที่ปรากฏในเรื่องเพียงอย่างเดียว  ฉากและบรรยากาศในเกมที่ผู้ผลิตรังสรรค์ออกมาก็เป็นตัวดึงดูดความน่าสนใจของเกมไม่แพ้กัน  ยิ่งไปกว่านั้น  ความสนุกของเกมยังอยู่ที่การผูกเนื้อหาเรื่องราวให้มีความน่าสนใจ  ทั้งเรื่องปริศนาที่ยังไขไม่กระจ่าง  รวมทั้งเรื่องของศาสนา  ความเชื่อ  และพิธีกรรม  อันเป็นเรื่องราวที่กระจายอยู่ในความรับรู้ของสังคมไทย  ผู้เล่นชาวไทยก็จะได้อินไปกับบรรยากาศและความน่ากลัวของเกม  ในขณะที่ผู้เล่นชาวต่างชาติก็ได้รับรู้เรื่องราววัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของคนไทยผ่านเกมผี  Home  Sweet  Home  นี้                หากใครได้เคยประลองฝีมือเกมผีฝีมือคนไทยเกมนี้กันแล้วหรือว่าจะเคยดูจากเหล่า  Caster  ที่ลองเล่นเกมให้ดูก็จะเห็นได้ถึงความใส่ใจในรายละเอียดของผู้ผลิตอย่างแท้จริง  ผู้สร้างอย่างบริษัท Yggdrazil Group  พาทีมงานผู้ผลิตลงสถานที่จริงอย่างเช่นบ้านร้าง  อาคารต่าง ๆ ที่มีประวัติเพื่อสัมผัสกับความน่ากลัวจริง ๆ ว่าเป็นแบบไหน  ทำให้  Home  Sweet  Home  ที่เปิดตัวมากกวาดคะแนนความน่ากลัวและความน่าสนใจแบบ  10/10  กันไปเลยทีเดียว!                แน่นอนว่าเรื่องราวของเกมยังไม่จบลงที่ภาคแรก  Home  Sweet  Home  กลับมาอีกครั้งกับ  Episode  2  ที่น่าสนใจยิ่งกว่าเดิม!  นอกจากภาพและบรรยากาศของเกมที่คงจะน่ากลัวไม่แพ้ภาคแรกแล้ว  ทางทีมผู้สร้างก็ยังไม่ลืมขับเน้นเอกลักษณ์ความน่ากลัวแบบไทย ๆ ให้ยังคงอยู่และน่าสนใจยิ่งกว่าเดิม  แน่นอนว่าทางทีมผู้สร้างต้องทำการลงพื้นที่  คราวนี้ลงพื้นที่เก็บบรรยากาศหลอน ๆ กันไกลถึงต่างจังหวัด  ใครที่รอเกม  Home  Sweet  Home  Episode  2  อยู่  วันที่  25  กันยายน  2562  นี้ก็จะได้ประลองฝีมือกับเกมนี้อย่างแน่นอน!ขอบคุณภาพจาก  :  https://thestandard.co/home-sweet-home-ep-2/ขอบคุณภาพจาก  :  https://www.youtube.com/watch?v=KJNzqSuGiLE                การันตีความหลอนโดยผู้คร่ำหวอดในวงการนาฏศิลป์และหุ่นละคร  ณ  โรงละครโจหลุยส์  เอเชียทีค  ใครยังอินอยู่กับผีนางรำและหุ่นละครรับรองจะต้องอินกับความน่ากลัวนี้ยิ่งขึ้นไปอีกขอบคุณภาพจาก  :  https://www.facebook.com/HomeSweetHomeGame               ยิ่งทีเซอร์ที่ทางทีมผู้สร้างปล่อยออกมาก็ยิ่งยั่วน้ำลายให้เหล่าแฟนเกมอยากเล่นจนทนไม่ไหว  เพื่อเป็นการสนับสนุนเกมผีฝีมือคนไทยให้มีผลงานออกมาเรื่อย ๆ และเป็นที่รู้จักสำหรับแฟนเกมสากล  ทุกคนก็อย่าลืมสนับสนุนของแท้และร่วมเป็นกำลังใจให้กับทีมผู้สร้างให้ผลิตเกมดี ๆ อย่าง Home  Sweet  Home  ออกมาเรื่อย ๆ ไม่แน่ว่าอุตสาหกรรมเกมของคนไทยจะก้าวไกลทัดเทียมต่างชาติได้อย่างไม่แพ้กัน!ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่-  รับชมตัวอย่าง  :  Home Sweet Home : Game  ,บทสัมภาษณ์กูรูทั้งสองท่าน เกี่ยวกับประวัติของนางรำและหุ่นละครเล็ก ณ โรงละครโจหลุยส์  เอเชียทีค-  Making of Home Sweet Home EP2  จากทีมผู้สร้าง  :  Youtube(สรุปเนื้อหา Live สดครั้งแรก และ Making of Home Sweet Home EP2)

รีวิวซีรีส์จีน คู่เดือดอันตราย(2023) Stand By Me ทาง WeTV
อ่าน

รีวิวซีรีส์จีน คู่เดือดอันตราย(2023) Stand By Me ทาง WeTV

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิวมินิซีรีส์จีน เรื่อง คู่เดือดอันตราย หรือ Stand By Me มีทั้งหมด 20 ตอน ตอนละ 10 นาที ออกอากาศทุกวันพุธถึงศุกร์ วันละ 2 ตอน สมาชิกดูมากกว่า 6 ตอน นำแสดงโดยเติ่งข่าย รับบท เฝิงกวนอวี่ และหวังจู่อี รับบท หวงเหว่ยเจี๋ยเรื่องราวเริ่มต้นเมื่อเฝิงกวนอวี่นักธุรกิจหนุ่มพระเอกของเรื่อง เขานั้นได้ยึดฝิ่นของหม่าว่านไฉที่ลักลอบขนเข้ามาทางท่าเรือของเขา หม่าว่านไฉพยายามมาเจรจาแต่ไม่สำเร็จจึงจะใช้กำลัง พระเอกจึงฆ่าเขาตาย ตอนนั้นหวงเหว่ยเจี๋ยนายเอกของเรื่องได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เขานั้นได้รับภารกิจมากำจัดหม่าว่านไฉ พอเขาเห็นพระเอกฆ่าหม่าว่านไฉตายก็ได้หนีออกมา พระเอกตามมาและได้บังคับให้นายเอกมาเป็นบอดี้การ์ดตน ความจริงแล้วพระเอกกับนายเอกนั้นเคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อนแต่เกิดเหตุการณ์บางอย่างทำให้นายเอกเข้าใจพระเอกผิด เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ต้องไปดูกันพระเอกเป็นนักธุรกิจเจ้าของท่าเรือ เขานั้นถึงแม้จะเป็นนักธุรกิจแต่ก็รักชาติ พอจับได้ว่ามีคนลักลอบขนฝิ่นมาทางท่าเรือตนก็ไม่ยอม ดูเป็นคนนิ่งๆ เป็นคนที่มีอำนาจและลูกน้องเยอะ ดูแล้วเหมือนรู้สึกผิดที่ทำให้นายเอกโดนทำร้ายในอดีตจึงพยายามชดเชยให้นายเอก นักแสดงแสดงได้ดูเท่ มีมาดนายเอกเพราะความเข้าใจผิดในอดีตทำให้เขาโกรธพระเอกมาก ไม่ยอมอ่อนข้อให้และตอนแรกเขาก็ไม่ยอมรับข้อเสนอของพระเอกที่จะให้ตนเป็นบอดี้การ์ดเพราะพระเอกเคยผิดสัญญากับเขาในอดีต ดูเป็นคนห้าวๆ ไม่ยอมคน นักแสดงแสดงได้ดูน่ารัก ขี้เล่นฉากมีความย้อนยุคตามพล็อตเรื่อง เป็นฉากในปี 1936 ฉากต่อสู้ทำออกมาได้ดีมาก ท่าทางต่างๆตอนทั้งคู่ร่วมมือกันต่อสู้ก็ดูเท่มาก ถนนหนทางตึกรามบ้านช่องดูเข้ากับยุคนั้น ถือว่าเก็บรายละเอียดได้ดี เสื้อผ้าก็มีความย้อนยุค ส่วนใหญ่เป็นชุดสูทที่มีหลากหลายสไตล์ ทั้งที่ดูเรียบหรู เท่ หรือแบบสบายๆ ส่วนตัวชอบชุดเรื่องนี้เพราะนักแสดงพอใส่ออกมาแล้วดูเท่ทุกชุดพล็อตเรื่องเป็นเรื่องราวของนายเอกที่เป็นสมาชิกองค์กรรักชาติได้ปลอมตัวมาทำภารกิจ เขาได้เจอกับพระเอกที่เป็นนักธุรกิจรักชาติ พระเอกได้บังคับให้นายเอกมาเป็นบอดี้การ์ดตนเพราะความรู้สึกผิดอยากชดเชยให้นายเอก นายเอกด้วยความที่ต้องทำภารกิจหาฝิ่นที่โดนยึดจึงยอมเป็นบอดี้การ์ดให้พระเอก เดินเรื่องได้น่าติดตาม มีการปูเรื่องว่าทั้งคู่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่แยกกันไปเพราะเหตุการณ์เข้าใจผิด จึงทำให้รู้สึกถึงความสนิทกันของทั้งคู่ ดูแล้วได้ลุ้นไปกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยากให้ดูเรื่องนี้เพราะพล็อตเรื่องน่าสนใจ เดินเรื่องได้น่าติดตาม ฉากและคอสตูมมีความสวยงามมาก ต้องไปดูค่ะอ้างอิงภาพปก1, ภาพปก2 ตกแต่งโดย canvaภาพที่1และ3, ภาพที่2และ4 ขอบคุณภาพจาก twitter: WeTV.Thailand และ weibo: 邓凯-Kai และ 王祖一_JOY เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

รีวิว Club Friday The Series Theory of Love ทฤษฎี 21 วัน ฟรัง นรีกุล x ท๊อปเทน ศุภกรณ์
อ่าน

รีวิว Club Friday The Series Theory of Love ทฤษฎี 21 วัน ฟรัง นรีกุล x ท๊อปเทน ศุภกรณ์

เรียกว่าปีใหม่กับซีซั่นใหม่ค่ะ สำหรับ Club Friday The Series ที่ครั้งนี้ได้มาในคอนเซ็ปท์ของ THEORY OF LOVE ไม่มีทฤษฎีไหนใช้ได้กับทุกความรัก ที่ผ่านเรื่องราวจำนวน 12 เรื่อง ,12 อารมณ์ , 12 ทฤษฎีความรัก ซึ่งเรื่องแรกเลยคือ “ทฤษฎี 21 วัน” ที่บอกเล่าเรื่องราวของ 21 วันในการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราเลยอยากจะชวนเพื่อน ๆ มาดูซีรีส์เรื่องนี้กันใน ‘รีวิว Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน นำแสดงโดย ฟรัง นรีกุลx ท๊อปเทน ศุภกรณ์’ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน        ในซีรีส์เรื่อง Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน ได้บอกเล่าเรื่องราวของ พาย ซึ่งเธอเป็นติวเตอร์สาวที่มักจะโดนแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายและจิตใจอยู่เสมอ ทำให้ต่อมาเธอได้เจอกับ บอสหนุ่มหล่อในบาร์แบบบังเอิญ ที่จริง ๆ แล้งบอสเป็นครูสอนเต้นที่ปกปิดตัวตนที่แท้จริง และเขาก็โดนทำร้ายจากผู้เป็นพ่อ ซึ่งเรื่องราวของทั้งพายและบอสไม่ต่างกันเลย ต่อมาทั้งสองก็ได้ตกลงมีความสัมพันธ์เกินเลยกัน และด้วยเหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้ทั้งสองเกิดความเห็นใจ และพยายามจะพัฒนาความสัมพันธ์ด้วยการทดลองใช้ทฤษฎี 21 วันเพื่อที่จะดูว่าทั้งสองจะรักและสานสัมพันธ์กันได้หรือไม่!?  [Trailer] Club Friday The Series : Theory of Love | ทฤษฎี 21 วัน | เริ่ม 17 ม.ค. 68 | one31 https://youtu.be/I6qEuNtIN18 นักแสดงนำ Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน  ฟรัง นรีกุล แสดงเป็น “พาย” เธอเป็นติวเตอร์สาวที่เพิ่งจะเลิกรากับแฟนหนุ่มไปเพราะเรื่องราวการทำร้ายร่างกายและจิตใจ ท๊อปเทน ศุภกรณ์ แสดงเป็น “บอส” ครูสอนเต้นหนุ่มหล่อที่ปดปิดตัวตนว่าแท้จริงเขาเป็น LGBT ซึ่งตัวตนของเขาทำให้พ่อไม่พอใจ และทำร้ายร่างกายเขาเสมอ ป็อป ภัทรพล แสดงเป็น “ยูโร” เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อของบอส ซึ่งต่อมาเขาได้คบหาและแต่งงานกับผู้หญิง ทำให้เกิดรอยร้าวระหว่างเขาและบอส        โดยในซีรีส์เรื่อง Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน เป็นแนวโรแมนติก ดราม่า บอกเล่าถึงคนสองคนที่พวกเขามีเส้นทางชีวิตที่เหมือนกัน คือการโดนคนรักทำร้ายร่างกาย และจิตใจ และด้วยความเข้าใจกันนี้เอง พวกเขาจึงได้ใช้ทฤษฎี 21 วัน เพื่อพยายามจะพัฒนาความสัมพันธ์ว่าพวกเขาจะรักกันได้ไหม ซึ่งนับว่าเป็นพล็อตเรื่องและคอนเซ็ปท์ที่มีความน่าสนใจมากเลยละค่ะ          สำหรับซีรีส์เรื่อง Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน พล็อตเรื่องดีมาก การนำเสนอถือว่าทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ อย่างภูมิหลังของแต่ละคนที่เจ็บปวด และในชีวิตจริงมีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย การโมโหร้าย การเป็น LGBT และไม่ถูกยอมรับ ซึ่งเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่สะท้อนสังคมได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ          และในครั้งนี้ขอบอกเลยว่าซีรีส์ทำการบ้านมาได้เป็นอย่างดีมาก นักแสดงแต่ละคนคือเคมีดีมาก ฟิตติ้งกับตัวละครที่แสดง แถมคอมตูมก็ปัง อีกทั้งในซีรีส์ก็ยังได้สองนักแสดงหนุ่มสาวสุดสวยหล่ออย่างฟรัง นรีกุล และท๊อปเทน ศุภกรณ์ มาแสดงคู่กันเป็นครั้งแรก ซึ่งเคมีเคใจของทั้งสองดีงามมาก แสดงดี ธรรมชาติ ดูแล้วทำให้คนดูลุ้นตามไปด้วย  ก็จบลงไปแล้วนะคะสำหรับ รีวิว Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน นำแสดงโดย ฟรัง นรีกุล x ท๊อปเทน ศุภกรณ์ โดยเพื่อน ๆ สามารถรับชมซีรีส์เรื่อง “Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน” จะออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 21:15 น. ทางช่องวัน31 บนทรูไอดี เริ่มตอนแรกวันที่ 17 มกราคม 2568 นี้จ้า ^^  เครดิตภาพหน้าปก Club Friday The Series  ภาพหน้าปก เครดิตภาพประกอบบทความ Club Friday The Series  ภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่3 / ภาพที่4 / ภาพที่5 / ภาพที่6 เครดิตวิดีโอประกอบบทความ ช่อง one31 [Trailer] Club Friday The Series : Theory of Love | ทฤษฎี 21 วัน | เริ่ม 17 ม.ค. 68 | one31 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

แด่ Stephen Hawking : The Theory of Everything : เพราะความพิการไม่สามารถหยุดยั้งความคิดและจินตนาการของเขาได้
อ่าน

แด่ Stephen Hawking : The Theory of Everything : เพราะความพิการไม่สามารถหยุดยั้งความคิดและจินตนาการของเขาได้

The theory of everything เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2561 มีข่าวการเสียชีวิตของนักวิทยศาสตร์ชื่อดังอย่าง Stephen Hawking เลยอดคิดถึงหนังเรื่องนี้ไม่ได้ เป็นหนังที่ดูมาแล้วหลายปีมากเว่อ อาจจะลืมเลือนเนื้อหาบางช่วงบางอย่างไป แต่มีประเด็นสำคัญอย่างนึงที่มันงดงามขนาดว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนเราก็ยังไม่ลืม TOE (ขอย่อนิดนึงนะ5555) เล่าถึงประวัติชีวิตของ Stephen Hawking ตั้งแต่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย พบเจอกับหญิงสาวอย่างเจน จนป่วยเป็นทุพพลภาพ ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่และผลงานของสตีเฟ่นจะเกิดขึ้นได้ยังไง ก็ต้องติดตามดู เนื้อเรื่องเราว่ามันก็ไม่ได้หวือหวาอะไรมาก มาแบบเรียบๆ เรื่อยๆ ตามสไตล์หนังชีวประวัติทั่วๆ ไป สิ่งที่เราชอบคือหนังให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของสตีเฟ่นกับเจน ทำให้เรามองเห็นอะไรบางอย่างในคนทั้งคู่ เราขอพูดแค่ประเด็นความสัมพันธ์ตรงนี้แล้วกันนะ เพราะด้านอื่นๆ ของหนังไม่ค่อยน่าจดจำซักเท่าไหร่เลย555555 ความสัมพันธ์ตรงนี้มันงดงามมากๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องราวของผู้ป่วยเป็นโรคร้าย แต่หนังเองก็ไม่ได้ขายความดราม่า ร้องไห้น้ำตาไหลพรากอะไรขนาดนั้น หนังถ่ายทอดถึงอารมณ์ ความรู้สึกของตัวสตีเฟ่นกับเจนออกมาได้เรียล ความรัก ความเสียสละของคนทั้งคู่มันงดงามมากๆ เราซาบซึ้งและได้แรงบันดาลใจอะไรบางอย่างจากตรงนี้มากกว่า  เจนที่ยอมอยู่กับสามีที่ทำอะไรเองไม่ได้ แม้ว่าเธอจะเคยนอกใจแต่สุดท้ายความรักที่มีต่อสตีเฟ่นมันก็ไม่เคยจางหายไปไหน ส่วนตัวสตีเฟ่นที่ยอมหย่ากับเจนแม้จะยังรักเธออยู่เพื่อปล่อยให้เธอมีชีวิตเป็นของตัวเอง ทั้งคู่ต่างมีสิ่งเดียวกันคือความรักต่ออีกฝ่าย และไม่ว่าต่อให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเป็นยังไงในตอนท้ายแต่ความรักในหัวใจก็ยังคงไม่จางหายไปไหน นักแสดงทั้งคู่ทำหน้าที่ได้ดีมากๆ ตัวเอ็ดดี้ที่แสดงเป็นสตีเฟ่นก็ยังคงเล่นดีตามแบบของเค้า ส่วนที่น่าชื่นชมเลยคือตัวเฟลิซิตี้ โจนส์ ที่แสดงเป็นเจน สายตาของเธอแสดงออกถึงความรู้สึกหลายหลายทำให้คนดูอย่างเราเข้าใจตัวละครของเจนจริงๆ  จากที่หมอเคยบอกว่าสตีเฟ่นจะอยู่ได้อีกไม่เกินสองปี สิ่งที่น่าแปลกใจคือเค้ายังคงมีชีวิตอยู่จนอายุ 76 ปี เรายังคงเชื่อว่ามันคงเป็นเพราะความรักที่สตีเฟ่นมีต่อฟิสิกส์ที่ยังอยากทดลองทฤษฎีจักรวาลต่อไปกับความรักเต็มหัวใจที่มีต่อเจนที่ยังคงหล่อเลี้ยงทั้งหัวใจและร่างกายของเค้าให้ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป เป็นหนังที่ควรหามาดูอีกเรื่อง เนื้อหาอาจจะไม่ได้เด็ดดวงอะไร แต่ความรู้สึกที่มีต่อความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่มันงดงามจริงๆ  Just so into everything ติดตามรีวิวภาพยนตร์อื่นๆ จากนักเขียนได้ที่นี่ https://www.facebook.com/justsointoeverything/ ขอบคุณภาพประกอบจาก Official Teaser https://youtu.be/Salz7uGp72c    

รีวิวของเล่น Stand by Me Doraemon ของเล่นชิ้นใหญ่สำหรับสายสะสม
อ่าน

รีวิวของเล่น Stand by Me Doraemon ของเล่นชิ้นใหญ่สำหรับสายสะสม

ย้อนกลับไปสมัยปี 2014 ทางญี่ปุ่นได้ปล่อยการ์ตูนโดราเอมอนภาคใหม่ในชื่อว่า Stand by Me Doraemon ที่หยิบหนึ่งในตอนจบของโดราเอมอนที่มีทั้งหมด 6  ครั้งมาสร้างใหม่ในฉบับการ์ตูนกราฟิกที่สวยงาม ที่บอกเล่าเรื่องราวของโดราเอมอนที่เพิ่มมาอยู่กับเด็กชายขี้แงอย่างโนบิตะแบบไม่เต็มใจ จนเซวาชิโหลนของโนบิตะต้องตั้งโปรแกรมว่า เมื่อใดที่คุณทวด(โนบิตะ)  สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้แล้วโดราเอมอนถึงจะกลับไปอนาคตได้  นับจากนั้นทั้งคู่ก็ผ่านเรื่องราวต่างๆ ร่วมกันมา จนถึงเวลาที่โดราเอมอนต้องกลับโดยที่เขาจะไม่สามารถกลับมาที่นี่ได้อีก เพราะโปรแกรมสั่งแล้วจะแก้ไขไม่ได้ โนบิตะจึงพยายามไปชกกับไจแอนท์เพื่อให้โดราเอมอนสบายใจ ซึ่งตอนจบจะเป็นอย่างไรก็ไปรอดู เพราะนอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องของโนบิตะและชิซูกะด้วยบอกเลยว่าสนุก ส่วนของเล่นที่เราหยิบมารีวิวนั้นคือของสะสมในเรื่อง Stand by Me Doraemon มาดูกันว่าจะน่าสะสมขนาดไหนมาดูไปพร้อมกันเลย เริ่มจากตัวแรกกับตุ๊กตาโดราเอมอนจาก Stand by Me Doraemon ที่เป็นพลาสติกขนาดใหญ่ที่สูงถึง 12 ซม. กับขนาดตัวที่ใหญ่มากเต็มไม้เต็มมี โดยตัวนี้จะสามารถขยับแขนขึ้นลงขยับคอให้หมุนไปมารวมถึงขาที่สามารถจัดท่าต่างๆ ได้พอสมควร ซึ่งนับว่าดีมากๆ แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ตัวพลาสติกเพราะบางมากๆ ขยับไม่ดีมีแตกแน่นอน และด้วยความที่เป็นของเก่าเก็บไว้นานๆ ส่วนที่เป็นสีขาวจะเหลืองตอนเก็บก็ระวังด้วย อีกตัวจากซีรีส์เดียวกันซึ่งเคยรีวิวไปแล้วกับถังป็อปคอร์น Stand by Me Doraemon ภาคแรกที่มีขนาดเล็กกว่าตัวแรกที่มีขนาด 10 ซม. ที่เป็นถังป็อปคอร์นที่ทำจากพลาสติกที่หนารูปร่างดีสวยงาม แต่ก็แลกมากับการขยับไม่ได้ ซึ่งข้อดีคือพลาสติกไม่เหลืองเอามาตั้งโชว์สวยงามมากๆ ส่วนราคาตอนนี้ก็ค่อนข้างแพงใครสนใจก็ตั้งกลั้นใจซื้อหน่อยก็จบกันไปแล้วกับการรีวิวแนะนำของสะสม  Stand by Me Doraemon หวังว่าจะชอบกัน ซึ่งภาคแรกนั้นมีของออกมาไม่เยอะ ขณะที่ภาคสองจะทำตัวโดราเอมอนได้ดีกว่าสวยกว่าราคาแพงกว่า เอาไว้มีโอกาสจะหยิบมารีวิวให้ได้ชมกัน ส่วนคราวหน้าจะเป็นการรีวิวอะไรก็รอติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียวรูปทั้งหมดถ่ายโดย แมวสีฟฟ้าจากอนาคต  เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

การเดินทางภายใน Episode 1 - เราโตมายังไงถึงเป็นแบบนี้.
อ่าน

การเดินทางภายใน Episode 1 - เราโตมายังไงถึงเป็นแบบนี้.

หากคุณเคยมีคำถามต่างๆ เกี่ยวกับตัวเองเหล่านี้ในหัว ทำไมเราดูหนังเศร้าแล้วหัวเราะ ทำไมเราดูหนังตลกแล้วไม่ตลก ทำไมเราไม่ร้องไห้ตอนแม่เราป่วยหนัก ทำไมบ้านเราไม่ค่อยกอดกัน ทำไมบ้านเราไม่ค่อยบอกรักกัน ทำไมต้องกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน ทำไมต้องทำตัวโตกว่าอายุ ทำไมชอบคุยกับผู้ใหญ่มากกว่าวัยเดียวกัน ทำไมทนเสียงเด็กร้องไม่ได้ และทำไม ๆๆๆๆๆๆๆขอให้รู้ไว้ว่า... คุณไม่ได้อยู่คนเดียวนะ และวันนี้เราเองก็ได้เดินทางภายในมาจนเจอกับคำตอบของคำถามทั้งหลายในหัวเหล่านั้น กลับมาที่จุดเริ่มเรื่องคือ ชื่อบทความ เราโตมายังไงถึงเป็น (คน) แบบนี้กันนะ เราจะลองเอาความทรงจำในวัยเด็กมาเล่าไปทีละฉาก เท่าที่เราพอจะระลึกได้ เพราะเป็นคนที่เมมโมรี่ต่ำมาก จำอะไรไม่ค่อยได้ ตอนเด็กๆ น่าจะช่วงประถม เราเล่นที่สนามหญ้ากับพี่ชาย และเราเป็นเด็กผู้หญิงผมยาว ตัวเล็กๆ เราห่างกับพี่ชายประมาณ 3 ปี พี่ชายก็อยากจะเล่นฟุตบอลด้วย เลยเตะบอลเข้ามาที่กลางท้องเราอย่างจัง เราร้อง โอ้ยยยยย คุกเข่ากุมท้อง จำได้ว่าสมัยนั้นอาม่า อาอี๊ พากันเดินมาดูถามว่าเป็นอะไรมากมั้ย ทายาหม่องให้ และบอกว่า เดี๋ยวรอให้แม่กลับบ้านก่อน ให้แม่มาจัดการพี่ชาย เราก็นอนรอไปจนเกือบสี่ทุ่ม แม่เราทำอาชีพค้าขายของในห้างสรรพสินค้าเลยต้องกลับตามเวลาที่ห้างปิด พอกลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่แม่ทำหลังจากทุกคนพากันรุมฟ้องแม่เราก็คือ เราจำได้ว่า แม่โมโหพี่ชายเรามาก พร้อมรีบเดินไปหยิบไม้เรียวก้านใหญ่และหนามาก ฟาดลงไปที่กลางหลังพี่ชายเราทันที พี่ชายเราไม่ได้ร้องไห้ และไม่ได้พูดอะไร พูดแค่ว่าก็แค่แกล้งเตะบอลเล่น ไม่คิดว่าจะโดนจริงๆ แล้วแม่ก็อบรมนิดหน่อย เช่น เป็นพี่จะแกล้งน้องทำไม ทำไมไม่ดูแลกัน ส่วนตัวเรานั้นที่นอนเปิดพุงเพื่อรอให้แม่ดูแผลแดงๆเป็นวงใหญ่เท่าขนาดลูกบอล แม่ก็แค่หันมาดูว่าโอเค ไม่ได้เป็นอะไรมาก แล้วแม่ก็เดินขึ้นห้องไปเลย พร้อมอารมณ์ที่โกรธและเหนื่อยจากการทำงาน จบไปหนึ่งฉากฉากต่อไป แน่นอน ถ้าผู้อ่านพอจะคาดเดายุคสมัยของเราได้ เราผู้เล่าที่อายุ 40 กว่าปีแล้ว ครอบครัวเราหนีไม่พ้นพิษเศรษฐกิจต้มยำกุ้งแน่นอน จากบ้านเดี่ยวหลังใหญ่มีพี่เลี้ยง ล้มละลายทันที หาบ้านเช่า หนีไปอยู่ต่างจังหวัดเพื่อค่าครองชีพที่ถูกลง ค้าขายอาหารส่งลูกสองคนเรียน จากเหตุการณ์นั้น เราไม่เคยเห็นน้ำตาของแม่เลย เห็นแต่หน้าที่ตึงเครียดกับการบริหารหนี้สิน การโยกย้าย การแก้ปัญหาไปทีละเปราะๆ เราทุกคนต่างรู้ว่าต้องปรับตัว ไม่มีการพูดคุยใดๆ ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีการมาตีโพยตีพายหาคนผิดว่าเพราะใครอะไรยังไง ไม่มีการมาดราม่ากับมรสุมนี้ รู้แต่ว่า ทุกคนต้องยอมรับและปรับตัวกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จบไปหนึ่งฉากฉากต่อไป พี่ชายเราเรียนจบแล้วมีงานทำแล้ว เราเรียนจบแล้วและกำลังหางานทำ ป๊าโทรมาบอกว่า แม่ป่วยเข้าโรงพยาบาลให้มาเยี่ยม เรานั่งรถบัสกลับไป ใช้เวลาประมาณ 8 ชม. เมื่อไปถึง สิ่งแรกที่เราพูดกับแม่คือ เป็นอะไรจ้ะ กินทุเรียนเยอะเหรอช่วงนี้ ด้วยความที่แม่เราเป็นเบาหวาน เลยแซวไปตามประสาว่าน้ำตาลขึ้นหรือป่าว ป๊าบอกว่า อย่าแซวแม่แบบนั้น แล้วก็ดึงเราออกไปคุยด้านนอกห้อง ป๊าบอกว่าแม่เป็น stroke เส้นเลือดตีบในสมองเพราะไขมันอุดตัน ส่งผลให้เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีกขวาของร่างกายตั้งแต่แขนถึงขา พูดไม่ได้สื่อสารไม่ได้ ฟังเข้าใจแต่พูดออกมาไม่ได้ พอเราได้ฟังแบบนั้น ในหัวเราคิดอยู่อย่างเดียว จะหาเงินจากไหนมาดูแลแม่ งานยังหาไม่ได้เลย ตอนนั้นจำได้แม่นว่าไม่มีการร้องไห้ เราและป๊านั่งคุยกันด้วยเหตุและผล วางแผนกันว่าต้องทำอะไรต่อ จนกลางคืนพี่ชายตามมาเจอ ก็ยังเหมือนเดิม เราสามคนคุยกัน วางแผน เอายังไงต่อ ไม่มีใครร้องไห้ซักคน จบไปหนึ่งฉากเรื่องการแสดงความรักของบ้านเรา เคยได้ยินคำชมจากแม่ก็คงคำว่า เก่ง คำเดียวสั้นๆ แต่ตอนนั้นก็จำไม่ได้แล้วนะว่าแม่ชมเรื่องอะไร แต่มันสั้นมากจนไม่ได้คิดว่าชม คิดว่าพูดไปงั้น เรากับแม่น่าจะได้กอดกันเพราะกิจกรรมวันแม่ที่โรงเรียนจัด ถ้าปีไหนแม่เราไปร่วมได้ ก็ตามธรรมเนียมแม่นั่งเก้าอี้ ลูกนั่งพื้น สวมกอดกัน คงเป็นครั้งนั้นที่ได้เห็นน้ำตาแม่ เต่เราก็ไม่ได้ร้องไห้ และคิดว่าแม่ร้องทำไมนะ คิดถึงแม่ของแม่เหรอ หรือเหนื่อยกับการเลี้ยงลูก ได้แต่คิดแต่ก็ไม่เคยถาม แค่สงสัยว่าทำไมถึงร้องไห้ตอนนี้ เหตุการณ์อื่น ๆ ไม่เคยเห็น ครั้งหนึ่งเราเป็นแผลที่แขนจากการไปโดนท่อไอเสียมอเตอร์ไซค์ แผลเราเยิ้มๆ เลยทำให้ผ้าก็อตช์ติดแน่นจนเราไม่กล้าดึงออก เราเดินไปหาแม่แล้วบอกว่า แม่มันเอาไม่ออก แม่เราไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบแขนเราแล้วดึงผ้าออกเลย ฟึ่บ เรายังไม่ทันได้เจ็บเลย รู้แต่เหตุการณ์คือผ่านไปเร็วมาก แล้วตอนนั้นคือคิดว่า โอ้โห แม่โคตรใจเด็ดเลย เรานี่ยึกยืออยู่ตั้งนานไม่กล้าดึง ทำแบบนี้ก็ได้นี่นา จบไปอีกหนึ่งฉาก จากที่เล่ามาทั้งหมด เมื่อนำมาเชื่อมโยงกับความเป็น (คน) แบบนี้ของเรา เราไม่แปลกใจเลยที่เราไม่ถนัดร้องไห้ เพราะเราเองยังไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้เลย ตอนแม่ป่วยหนัก ป๊าพี่ชายและเรา ก็ไม่ได้ร้องไห้เลย เราจึงโตมาในแบบที่ว่า การร้องไห้ไม่ได้จำเป็น การแสดงออกทางอารมณ์ไม่ได้มีความจำเป็น การพูดเพ้อเจ้อดราม่าไม่ได้จำเป็น มีแต่การยอมรับความจริงโดยเร็ว วางแผน และหาทางออกเท่านั้นที่ต้องทำ  เราดูหนังตลกแล้วไม่ตลก เพราะชีวิตของเรามันไม่เห็นมีอะไรตลกเลย มีแต่ความซีเรียส ทุกอย่างอยู่บนตรรกะ การแสดงออกความรักก็ไม่จำเป็นและนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการการเดินทางภายใน หากคุณอยากเข้าใจตัวตนของคุณเองให้มากขึ้น เราขอแนะนำว่า การมองย้อนกลับไปในชีวิตวัยเด็กของเรา การเติบโต การเลี้ยงดูของเรา อาจทำให้เราเข้าใจตัวเราเองได้มากขึ้น และเมื่อเราเข้าใจตัวเราเองมากขึ้น เราสามารถจะตั้งคำถามหรือ challenge ตัวเองได้ เช่น การไม่แสดงความรักเลยในแบบที่เราโตมา จริงๆ แล้วมันดีมั้ย ถ้ามันดีอยู่แล้วและเราก็แฮปปี้ในสิ่งที่ตัวเองเป็น ก็จบไป แต่ถ้าเราอยากปรับเปลี่ยนมันในแบบที่เราจะแฮปปี้ขึ้น เราอยากทำอะไร และเราทุกคนเลือกได้เสมอ เลือกทำในสิ่งที่เราอยากทำและมีความสุขกับการเป็นตัวเองมากขึ้นได้เสมอ โดยไม่ต้องขออนุญาตใครเลย คุณเลือกได้!ภาพหน้าปกโดย Nigam Machchhar/ จาก Pexelsภาพที่1โดย Shuvrasankha Paul/จาก Pexelsภาพที่2โดย Anna Nekrashevich/จาก Pexelsภาพที่3โดย Anna Shvets/จาก Pexelsภาพที่4โดย Jonas Ferlin/ จาก Pexels เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

“เทศน์-อุ้ม” นำทีม วัดสกิลความสามารถ ใน “เปิดกองวิก 3 special ใจพิสุทธิ์”
อ่าน

“เทศน์-อุ้ม” นำทีม วัดสกิลความสามารถ ใน “เปิดกองวิก 3 special ใจพิสุทธิ์”

ถึงคิวลงจอให้แฟน ๆ ได้ชมกันอีกหนึ่งเรื่อง สำหรับละครชุดดวงใจเทวพรหมเรื่องใจพิสุทธิ์ทางช่อง 3 จากค่ายเมตตาและมหานิยม จำกัดของผู้จัดฯฉัตรชัย เปล่งพานิชที่มารับไม้สานพันธสัญญาต่อจาก เรื่องขวัญฤทัยซึ่งเป็นผลงานที่หลายคนตั้งตารอชมกับเคมีของคู่ใหม่ ระหว่างพระเอกลูกครึ่งน้องใหม่ไฟแรงเทศน์ ไมรอนและนางเอกสาวหน้าหวานอุ้ม อิษยาโดยก่อนจะไปชมความน่ารักของทั้งคู่ในละครรายการ เปิดกองวิก 3 specialก็ไม่พลาดชวนพระ-นาง พร้อมเดอะแก๊งหลิงหลิง คอง และจ็อบ ธัชพลดวลเกมวัดสกิลความเป็นไทยแท้จนคนดูจะหยุดขำไม่ได้กันเลยทีเดียว จะเป็นเกมแบบไหน จะสนุก มันส์ ฮา แค่ไหนขอสปอยเป็นน้ำจิ้มเล็ก ๆ ให้ได้ตื่นเต้นกันเบา ๆ เริ่มต้นเปิดห้องเรียนเฉพาะกิจต้อนรับการมาของ คุณครูแสนน่ารัก ใจดี รักเด็กคุณครูหนูพุก(อุ้ม อิษยา)เปิดคลาสวิชาภาษาไทยกับแบบฝึกหัด คำราชาศัพท์ และ การสะกดคำ แบบง่าย ๆ ที่ทำเอาเด็กอินเตอร์ตัวตึงร้อยตำรวจเอก หม่อมหลวง รณจักร จุฑาเทพ (เทศน์ ไมรอน)ตำรวจหนุ่มมากเสน่ห์ ลูกครึ่งไทย-บริติช ที่ภาคภูมิใจยืดอกประกาศว่าผมคือคนไทยแท้และอีกหนึ่งสาวแอนนี่ (หลิงหลิง คอง)ที่ไม่เน้นสะกดคำให้ถูก แต่เน้นที่คำสวยงามในการเขียน เป็นเกมที่ชวนขำปอดโยกกันเลยทีเดียว ก่อนจะไปยืดเส้นยืดสายทำเอาบางคนถึงขั้นร้องโอดโอย โดยครูแจ็ค (จ็อบ ธัชพล)ขอวัดพลังกับเกมงัดนิ้ว ก่อนออกกำลังกายช่วงล่างปิดท้ายไปแบบฟิตเปรี๊ยะ บอกได้คำเดียวว่าคนดูได้บริหารกล้ามเนื้อส่วนท้องไปกับนักแสดงแน่นอน ห้ามพลาดกับการรวมตัวแสนบันเทิงของ เทศน์-อุ้ม-หลิงหลิง-จ็อบ ในรายการ เปิดกองวิก 3 special ใจพิสุทธิ์3 อีพี ในวันที่ 9-11 พฤษภาคม นี้ เวลา 11.30 น. ทุกช่องทางของ 3Plus ทั้ง Application, YouTube และ Facebook Fanpage และรอติดตามชมละครชุด ดวงใจเทวพรหม เรื่อง ใจพิสุทธิ์ ตอนแรกพร้อมกันในวันที่ 12 พฤษภาคม นี้ เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3 ดูทีวีกด 33

ทรูโฟร์ยู เอาใจเหล่าเอลฟ์ไทย ส่ง Super Junior TV Special วาไรตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟ
อ่าน

ทรูโฟร์ยู เอาใจเหล่าเอลฟ์ไทย ส่ง Super Junior TV Special วาไรตี้สุดเอ็กซ์คลูซีฟ

ทรูโฟร์ยู (True4U) ทีวีดิจิตอล เอาใจสาวกเคป๊อบ ด้วยรายการพิเศษ Super Junior TV Special วาไรตี้รวมภาพความประทับใจของคอนเสิร์ต SUPER SHOW ครั้งที่ผ่านมาของหนุ่มๆซุปเปอร์จูเนียร์ ซึ่งภาพเหล่านี้ยังไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน พร้อมท้ายรายการยังมีกิจกรรมแจกบัตรคอนเสิร์ต TrueMove H presents SUPER JUNIOR WORLD TOUR SUPER SHOW 6 in BANGKOK จำนวน 10 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 9,000 บาท เพียงส่ง SMS พิมพ์คำว่า SJ มาที่หมายเลข 4764106 (6 บาท/ข้อความ) ทุกเครือข่ายอีกด้วย เรียกว่างานนี้ ทรูโฟร์ยูจัดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับแฟนๆ ชาวไทย เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนจะไปตามกรี๊ดหนุ่มๆในคอนเสิร์ต SUPER SHOW 6 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 10 11 มกราคม 2558 สาวๆ คนไหนอยากชมภาพเอ็กซ์คลูซีฟของหนุ่มๆซุปเปอร์จูเนียร์ พร้อมได้ลุ้นบัตรคอนเสิร์ตไม่ควรพลาดชมรายการพิเศษ Super Junior TV Special ออนแอร์วันที่ 22, 23, 24 ธันวาคมนี้ เวลา 22.15 น. ทางช่องทรูโฟร์ยู บนกล่อง ทรูวิชั่นส์ ช่อง 2 และ 34/ PSI ช่อง 4/ กล่องทีวีดิจิตอล ช่อง 24 / จานดาวเทียมและเคเบิลทีวี ช่อง 34 หรือรับชมผ่านแอพพลิเคชั่น True4U ชมทีวีออนไลน์ช่องทรูโฟร์ยู ดิจิตอล ฟรีทีวี แบบสดๆ ได้ที่นี่ ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง Facebook.com/TVSociety