รีเซต

ผลการค้นหา “Theory of Love” - ทรูไอดี

ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
Review ซีรีย์สุดฮิต...ทฤษฎีจีบเธอ (Theory of love)
อ่าน

Review ซีรีย์สุดฮิต...ทฤษฎีจีบเธอ (Theory of love)

                   สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกแล้วนะครับ ในวันนี้ผมจะมาพูดถึงเกี่ยวกับซีรีย์ Romantic Drama ที่เรียกได้ว่ากระแสแรงมากๆ และถูกพูดถึงจนติดชาร์ต twitter ทุกครั้ง ในทุกๆ Ep ที่ถูกปล่อยออกมา กับซีรีย์ที่มีชื่อว่า ทฤษฎีจีบเธอ (Theory of love) ผลงานของ GMMTV และออกอากาศที่  Line TV นั่นเองครับโดยจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับ กลุ่มเพื่อนสนิท ที่เกิดมีคนคนหนึ่งในกลุ่มคิดไม่ซื่อ จึงกลายมาเป็นเรื่องราวที่ สนุก และน่าติดตามครับ ส่วนเรื่องย่อและรายละเอียดจะเป็นอย่างไรไปติดตามกันได้เลยครับขอบคุณภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=IoNu7BYOHLgนักแสดง นักแสดงที่รับบทแสดงในเรื่องนี้นะครับ ก็จะมีตัวละครหลักอยู่ 4 คนซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน โดยมีชื่อแก๊งว่า "แก๊งโหด" ที่รับ บทแสดงโดย- ออฟ จุมพล อดุลกิตติพร   รับบทเป็นค่าย พระเอก แบดบอย สุดแสนจะเจ้าชู้- กัน อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์    รับบทเป็น เติร์ด  ตัวดำเนินเรื่องที่ยิ่งดูยิ่งเรียกน้ำตาให้กับผู้ชม- ไวท์ ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม    รับบทเป็น ทู เพื่อนแสนดีที่คอยให้คำปรึกษา- ไมค์ ชินรัฐ สิริพงษ์ชวลิต  รับบทเป็นโบน หนุ่มสุดเท่ แค่มองสาวๆก็พร้อมใจยกหัวใจให้และมีนักแสดงที่มาร่วมเสริมความสนุกอีกมากมายเช่น เอิร์ท พิรพัฒน์ วัฒนเศรษสิริ ที่รับบทเป็น อั้น , นีร สุวรรณมาศ ที่รับบทเป็น ลิน ,ซาร่า เล็กจ์ที่รับบทเป็น ป่านขอบคุณภาพจาก https://news.kapook.com/topics/ทฤษฎีจีบเธอ เรื่องสั้น                     เรื่องราวของเพื่อนที่รักและสนิทๆกันมากๆกับแก๊งที่มีชื่อว่า "แก๊งโหด" นักศึกษา นิเทศฯภาพยนตร์ปี 3 ที่เป็น 4 หนุ่มที่มีเอกลักษณ์ดึงดูดสาวๆให้หลงรักได้ในแบบของตัวเองซึ่งประกอบไปด้วย ค่าย, เติร์ด, ทู, โบน แต่เรื่องราวความสนุกก็สนุกขึ้นเรื่อยๆเมื่อ เติร์ดได้หลงรักเพื่อนสนิทของตัวเองตั้งแต่ตอนที่เขา เข้ามาในมหาวิทยาลัยตอนปี1 นั่นคือ ค่าย ซึ่งค่ายเป็นคนที่เจ้าชู้และควงสาวแบบไม่ซ้ำหน้า ซึ่งความรักในครั้งนี้ก็จะมีเพื่อนๆในกลุ่มที่รับรู้และคอยช่วยเหลือ รวมถึงการที่ เพื่อนๆในกลุ่มทั้ง โบน และ ทู ก็มีปัญหาหัวใจ ที่น่าสนใจและน่าติดตามมากๆ สุดท้ายแล้ว ความรักของทั้ง 4 คนนี้จะเป็นอย่างไรต้องไปติดตามกับ ซีรีย์ที่มีชื่อว่า ทฤษฎีจีบเธอ (Theory of love)ขอบคุณภาพจาก https://medhubnews.com/ดูบทความ-41902-ตัวอย่าง-ซีรีส์-ทฤษฎีจีบเธอ-official-trailer-นิยาย-สู่ซีรีส์.html รีวิว (8.5/10)                  เรียกได้ว่าเรื่องนี้เป็นซีรีย์อีกเรื่องที่ผมชื่นชอบเลยครับ ด้วยเอกลักษณ์ของหนังที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับ กลุ่มเพื่อน ที่กำลังเรียน นิเทศฯภาพยนตร์ ซึ่งมีความชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องหนังคลาสสิค หนังรักที่ผมเองก็ชื่นชอบอยู่แล้วนำมาใช้ เป็นหัวใจหลักในการเล่าเรื่อง ทำให้ผมรู้สึกประทับใจกับ คำว่าทฤษฎีจีบเธอ ที่นำเอา ทฤษฎีจากหนังรักต่างๆที่มีรูปแบบการบอกรักที่เป็นเอกลักษณ์ รูปแบบการสารภาพหลักๆ รวมถึงจุด เด่นของแต่ละเรื่องมาเล่น ทำให้ผมชื่นชอบและประทับใจมาก แต่ขออนุญาติหักแต้มตรงนี้ที่ตัวละครแอบมีความเกินจริง และขยี้ความรู้สึกในบางช่วงไปนิดหน่อย แต่หากมองภาพรวมแล้วเนี่ยเป็นอีกหนึ่งซีรีย์ที่เรียกได้ว่า เป็นซีรีย์ที่ไม่ควรพลาดแห่งปีเลยก็ว่าได้ครับ                  ขอบคุณภาพจาก https://medhubnews.com/ดูบทความ-41902-ตัวอย่าง-ซีรีส์-ทฤษฎีจีบเธอ-official-trailer-นิยาย-สู่ซีรีส์.htm                  รวมถึงยังมีข้อดีอีกหนึ่งเรื่องคือ เพลงประกอบซีรีย์กับเพลง พระเอกจำลอง ของ Getsunova ที่เรียกได้ว่าตรงและขยี้อารมณ์หลังจากดูซีรีย์เรื่องนี้จบในทุกๆ Epมากๆ ซึ่งเพลงนี้ถูกพูดถึงและมีผู้ฟังเยอะมากๆ ซึ่งมียอดวิวมากถึง 10M ใน youtube เรียกได้ว่าเป็นเพลงประกอบซีรีย์ที่ดีมากๆเลยครับขอบคุณภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=sJwCwbk3YVw                   สุดท้ายนี้สามารถรับชม ทฤษฎีจีบเธอ ได้วัที่ช่อง GMM25  จะออกอากาศใน ทุกวันเสาร์ 22.25 - 23.25 น. รวมถึงทางช่องทาง Line TV  ซีรีย์เรื่องทฤษฎีจีบเธอ เป็นซีรีย์อีกหนึ่งเรื่องที่เรียกได้ว่าไม่ควรพลาดที่จะรับชมนะครับ  สุดท้ายนี้ ในฺ ฺBlog ต่อๆไปผมจะนำเรื่องราวดีดีอะไรมาแบ่งปัน ขอให้ฝากติดตามกันด้วยนะครับในวันนี้ขอกล่าวคำว่า....สวัสดีและขอบคุณครับ    

รีวิวหนังสือ THEORY OF LOVE เหตุ.ผล.คน.รัก
อ่าน

รีวิวหนังสือ THEORY OF LOVE เหตุ.ผล.คน.รัก

    มีพลังที่มีอานุภาพอยู่พลังหนึ่ง ซึ่งจนถึงบัดนี้วิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถหาคำอธิบายอย่างเป็นทางการได้ เป็นพลังที่รวมและควบคุมทุกสิ่ง อยู่เบื้องหลังปรากฎการณ์ใดๆในจักรวาล และเรายังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับมันนัก พลังแห่งจักรวาลนี้คือความรัก   นพ.ปีย์ เชษฐ์โชติศักดิ์ จะมาพาเราไปพบความหมายของความรักในเชิงวิทยาศาสตร์แบบ Pop Science เข้าใจง่าย พร้อมภาพประกอบน่ารักๆโดย daofujiki           ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ 1.“การที่เราเจ็บจากการอกหักนั้น เป็นเพราะสมองของเราเจ็บจริงๆ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า สมองส่วน Anterior Cingulate Cortex หรือ ACC ของพวกเขาจะทำงานมากกว่าปกติเมื่อมองรูปอดีตแฟน   แต่สมองส่วนนี้กลับไม่ได้ทำงานอะไรเมื่อดูรูปเพื่อน ซึ่งสมองส่วน ACC นี้เป็นส่วนเดียวกับที่ทํางานหนักขึ้นเวลาที่เราเจ็บปวดทางกายด้วย สรุปง่ายๆ ก็คือ ไม่ว่าคุณจะเจ็บตัวหรือเจ็บใจ ก็กระตุ้นสมองส่วนเดียวกัน เราเลยรู้สึกเจ็บไม่ต่างกัน   2.สำหรับมนุษย์ที่ซับซ้อนอย่างเราๆ นอกจากอันตรายภายนอกแล้ว เรายังมีอันตรายภายในใจอย่าง “เพื่อนไม่คบ” ด้วย   สาเหตุที่อันตรายก็เพราะในอดีตเราเป็นคนป่าที่อยู่กันเป็นฝูง มนุษย์สมัยก่อนไม่สามารถจะ ทำตัวอินดี้ติสต์แตก อยากอยู่คนเดียว อยากมีโลกส่วนตัว อะไรแบบนั้นได้เลย   เพราะการอยู่คนเดียวในป่า = ความตาย ธรรมชาติจึงผูกเรื่อง ความสัมพันธ์ทางสังคมของเราไว้กับความรู้สึกเจ็บด้วย เพื่อให้มนุษย์ไม่สามารถทนกับสภาวะเช่นนี้ได้ ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ความสัมพันธ์กลับคืนมา (เช่น การส่งเมสเสจไปง้อแบบนอนสต็อป) เพื่อให้เรากลับมาถูกยอมรับอีกครั้ง และเราจะได้มีชีวิตรอด   3.วิธี Cognitive Reappraisal ซึ่งอธิบายว่า โดยทั่วไปเรามักจะคิดเรื่องต่างๆด้วยวงจรความคิดเดิม ๆ เช่น เมื่อเขาเลิกกับคุณ คุณก็อาจจะคิดว่า อ๋อ เพราะฉันมันแย่ ฉันมันไม่ดี ซึ่งจริง ๆ วงจรความคิดแบบนี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่เฉพาะเวลาที่เลิกกับแฟน มันเกิดขึ้นในเวลาที่คุณเจอเรื่องราวร้าย ๆ อื่นๆ ด้วย   วิธีแก้ก็คือ เราต้องจับแพตเทิร์นตัวเองให้ได้ว่าเป็นรูปแบบไหน ลองจินตนาการเรื่องนั้นซ้ำอีกครั้ง ครั้งนี้ลองใช้ความคิดอื่นดูบ้าง เช่น เมื่อเขาด่าคุณว่าคุณมันคิดมากเรื่องไม่เป็นเรื่อง แทนที่คุณจะคิดแค่เฉพาะว่าคุณผิด คุณอาจจะลองคิดอย่างอื่นเพิ่มมาด้วย เช่น ทำไมเขาเป็นคนปากเสียจัง หรือ นี่ฉันคิดมากเฉพาะกับเขาหรือกับเพื่อนด้วยเนี่ย   จะสังเกตได้ว่า แนวคิดนี้ไม่ได้แนะนำให้เราหนีจากวงจรไปเลย หรือทำตัวโลกสวยอะไร แต่กลับแนะนำให้เราตัดจากวงจรด้วยเรื่องอะไรก็ได้ ซึ่งมีเสี้ยวส่วนของความจริงประกอบอยู่ เป้าหมายก็คือให้วงจรเดิมถูกตัดออกไปบ้างก็พอ (เพราะหลายครั้งมันยากที่เราจะคิดเรื่อง positive ในเวลาที่มัน negative มาก ๆ) พอเราเริ่มคุ้นชินกับวิธีนี้แล้ว เราก็อาจจะเริ่มแทรกความคิด positive เข้าไปด้วย   เช่น การที่เขาว่าฉันแบบนี้ มันก็ทำให้ฉันได้เรียนรู้เหมือนกันนะว่า การกังวลเรื่องคนอื่นมากเกินไป ก็อาจจะทำให้เขารู้สึกไม่ดีได้ เป็นต้น             4.การที่ผู้ชายได้ร่วมรักก็จะทำให้สารเคมีที่ชื่อ Dopamine และ Oxytocin ในสมองหลั่งออกมา Dopamine นี่เป็นสารแห่งความสุข (เป็นสารเดียวกับที่ทำให้เรามีความสุขตอนเสพยา) ส่วน Oxytocin ก็ทำให้เรารู้สึกผูกพันกับคู่มากขึ้น เพราะฉะนั้นยิ่งมี Sex บ่อย ก็จะยิ่งผูกพันและติดคู่มากกว่าเดิม   5.เนื่องจาก Oxytocin จะหลั่งจากการสัมผัสร่างกายมาก ๆและการจ้องตากัน ธรรมชาติจึงวิวัฒนาการให้เราสามารถมีเซ็กส์จากท่ามิชชันนารี (หน้าชนหน้า) ได้ นอกจากลิงโบโนโบแล้วก็ไม่มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดไหนทำท่านี้ได้อีกแล้ว เนื่องจากท่านี้เป็นท่าที่ทำให้ร่างกายของเราสัมผัสกันได้มากกว่าท่าเข้าจากข้างหลัง แถมยังมองตากันได้ด้วย แต่ข้อจำกัดของท่านี้อยู่ตรงที่ถ้าอวัยวะเพศไม่ยาวพอเราก็จะไม่สามารถใช้ท่านี้ได้ ธรรมชาติจึงประทานที่ยาวขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้เราสามารถมีเซ็กส์ท่ามิชชันนารีได้ง่ายกว่าเดิม   นอกจากนั้น ยังมีคนเสนอทฤษฎีอีกว่าการที่มนุษย์ผู้ชายมีอวัยวะเพศที่ยาวนั้น จะไปกระตุ้นให้ผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น และทำให้ผู้หญิงรู้สึกดีและยิ่งอยากอยู่กับผู้ชายมากขึ้นไปอีก     6.เราอาจจะเจอปัญหาว่าแฟนไม่ว่าจะคนไหน ก็มักจะเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเรามากเกินไป หรืออาจจะรู้สึกว่าแฟนเป็นคนเจ้าอารมณ์ ร้องไห้ง่ายเกินเหตุ แต่จริง ๆ คือ เราเองที่มีปัญหา ชอบสร้างกำแพงไม่ให้คนอื่นเข้ามา หรือเราเองที่มีปัญหาดีลกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ จึงไม่ต้องการรับความรู้สึกของคนอื่น เพราะมัน “มากเกินไป” ถ้าเรามีบุคลิกลักษณะนี้ก็เป็นไปได้ว่าตอนเด็ก ๆ เราอาจจะถูกเลี้ยงมาด้วยความห่างเหินทางความรู้สึก จนกลายเป็นว่าเรามีลักษณะทางความสัมพันธ์แบบที่เรียกว่า Avoidant   7.เราอาจจะเจอปัญหาว่าแฟนไม่ว่าจะคนไหน ก็ดูจะเฉยชา ไม่สนใจเรา ดูเหมือนจะไม่ค่อยรักเราเท่าไหร่ แต่จริงๆ อาจจะเกิดจากการที่เราเองเรียกร้องต้องการความรัก ความมั่นใจจากคนอื่นมากเกินไปก็ได้ ถ้าเรามีบุคลิกลักษณะนี้ ก็เป็นไปได้ว่าเราอาจจะถูกเลี้ยงมาโดยผู้ปกครองที่ไม่ค่อยมีความมั่นคงเท่าไหร่ บางครั้งเขาก็สามารถดูแลความรู้สึกเราได้ แต่บางครั้งเขาก็อาจจะเรียกร้องการดูแลจากเรา ซึ่งทำให้เรามีลักษณะทางความสัมพันธ์แบบที่เรียกว่า Anxious   8.ถ้าถูกเลี้ยงมาโดยผู้ปกครองที่มีความมั่นคงทางจิตใจ สามารถดูแลอารมณ์ความรู้สึกของเด็กได้อย่างเต็มที่ เด็กคนนั้นก็จะเติบโตออกมาเป็นคนที่มั่นคงและสามารถดูแลอารมณ์ความรู้สึกของคู่รักได้เช่นกัน ลักษณะความสัมพันธ์แบบนี้เรียกว่า Secure     9.เป็นสิ่งที่รู้ๆ กันอยู่แล้ว ผู้ชายชอบผู้หญิงเอ๊าะๆ แต่ผู้หญิงก็มักจะชอบผู้ชายที่อายุมากกว่าตัวเองแต่สิ่งที่น่าถามคือ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้   สาเหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่า วิวัฒนาการทำให้ผู้หญิงและผู้ชายมีกลยุทธ์ในการเลือกคู่ที่แตกต่างกัน ผู้หญิงจะมองที่ทรัพยากรของผู้ชายเป็นหลัก เพราะในสมัยก่อนอาหารไม่ได้หาง่ายเหมือนปัจจุบันพวกเธอจึงต้องหาผู้ชายที่สามารถดูแล หาข้าวหาปลามาเลี้ยงเธอและลูกได้ (“อยากได้คนที่ดูแลเราได้” ของผู้หญิง ไม่ได้เกิดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล)   ในขณะที่ผู้ชายสามารถเข้าป่าล่าสัตว์ได้เองแบบไม่ต้องพึ่งใคร แต่สิ่งที่เขาต้องการจากผู้หญิงคือทายาทที่มารับสืบทอด DNA ของเขาต่อไป พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับความฟิตของผู้หญิงมาก เนื่องจากมันสำคัญต่อการตั้งครรภ์ ซึ่งผู้หญิงยิ่งอายุมาก ความสามารถในการตั้งครรภ์ก็ยิ่งต่ำลง ผู้ชายจึงชอบเลือกผู้หญิงเอ๊าะๆ กันมากกว่า                 10.สิ่งที่สถิติเสนอเป็นเรื่องของคนหมู่มาก แต่ก็ไม่ใช่ทุกคน ซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นเรื่องแปลกไม่น้อยที่คนบางคนกลับเลือกในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับทฤษฎีวิวัฒนาการ เพราะไม่ว่าจะสัตว์ตัวไหนในโลก มันก็มักจะไม่หาคู่ที่ลดโอกาสขยายพันธุ์ของตัวเอง สัตว์ทุกตัวต่างก็มุ่งหาคู่ที่ดีที่สุด พร้อมที่สุด เพื่อให้ลูกของพวกมันได้รับยีนที่แข็งแรงและสามารถสืบทอดเผ่าพันธุ์ต่อไป แต่มนุษย์กลับไม่เป็นไปตามกฎนั้น   11.ระบบของการตกหลุมรัก หลัก ๆ แล้วมีการทํางานของสารเคมีใน สมองอยู่ 3 ตัว คือ 1. Dopamine เป็นเหมือนสารสร้างความสุข ทําให้เราจดจ่อ รอคอย และพยายามเข้าใกล้คนรัก ไม่ต่างอะไรจากคนที่ติดยาเสพติด   2. Norepinephrine (หรือ Noradrenaline คือตัวเดียวกัน) สร้างมาจาก Dopamine อีกทีหนึ่ง เป็นตัวที่ทําให้เราจําเรื่องราวเล็กๆน้อยๆ เกี่ยว กับคนรักของเราได้ เพราะมันทําหน้าที่เกี่ยวกับการสร้างความจําใหม่และยังทำให้เราอิ่มทิพย์ ไม่อยากกินข้าว ตื่นเต้น หลับไม่ลง เวลาที่ตกหลุมรักอีกด้วย   3.Serotonin เป็นสารเคมีที่จะลดลงเวลาที่เราตกหลุมรัก ซึ่งนักวิจัย พบว่าคนที่ป่วยเป็นโรคย้ำคิดย้ําทํา ชอบทําอะไรซ้ำๆ) ก็มี Serotonin ในสมองลดลงเช่นกัน จึงเป็นตัวอธิบายว่าทําไมเวลาที่เราตกหลุมรัก เราถึง คิดย้ำทำแต่เรื่องคนรักซ้ำไปซ้ำมา คิดเรื่องอื่นไม่ได้สักที   12.ส่วนระบบความใคร่ สารเคมีหลักในระบบนี้ก็คือ Testosterone ซึ่ง หลาย ๆ คนทราบว่าคือฮอร์โมนเพศชาย เพราะถูกสร้างมาจากอัณฑะผู้ชายเยอะ และทําให้คนแสดงลักษณะและพฤติกรรมเพศชายออกมา เช่น มีหนวด มีกล้าม มีความก้าวร้าว แต่จริงๆ แล้วในผู้หญิงเองก็ผลิต Testosterone ได้ เช่นกัน เพียงแต่ผู้หญิงมีฮอร์โมน Estrogen (ซึ่งสร้างให้เกิดลักษณะของ ความเป็นผู้หญิง) ออกมาด้วย ซึ่ง Estrogen มีฤทธิ์ต่อต้าน Testosterone ผู้หญิงก็เลยไม่ดูกระเหี้ยนกระหือรือเรื่องเพศ ไม่มีหนวด ไม่มีกล้าม เหมือนผู้ชาย   13.Oxytocin เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่หลั่งออกมาจากต่อมใต้สมองส่วนหลัง ฤทธิ์ของมันเป็นที่รู้จักกันดีในวงการแพทย์มานานแล้ว คือทําให้มดลูก บีบตัวและน้ํานมแม่ไหล (เลยถูกนําไปใช้เป็นยาเร่งคลอดชนิดหนึ่ง) แต่ช่วง หลายปีมานี้พอนักวิทยาศาสตร์เริ่มศึกษา Oxytocin มากขึ้น พวกเขาก็เชื่อ ว่าฮอร์โมน Oxytocin นี้มีส่วนสําคัญต่อพฤติกรรมการจับคู่แบบ “ผัวเดียว เมียเดียว” ในคนด้วย   14.กลยุทธ์ในการขยายพันธุ์ 2 แบบ คือแบบเพลย์บอย เป็นสายตอดสาวไป เรื่อยๆ เน้นจํานวน แต่ไม่เน้นคุณภาพ (ของลูก) ส่วนกลยุทธ์อีกแบบคือแบบ พ่อบ้าน ที่ไม่เน้นจํานวน (สาวๆ) แต่เน้นคุณภาพ (ของลูก)   15.การดูแลลูกให้รอดจําเป็นต้องมีพ่อและ แม่อยู่ด้วยกัน เพื่อหาอาหารมาให้ลูกอย่างเพียงพอ การใช้กลยุทธ์เพลย์บอย อาจจะทําให้ผู้ชายคนนั้นมีลูกได้มาก แต่ลูกกลับไม่ค่อยรอด ส่วนกลยุทธ์ พ่อบ้านนั้นมีลูกได้น้อย แต่โอกาสรอดของลูกมากกว่า   ทั้งสองกลยุทธ์ต่างก็ประสบความสําเร็จมาด้วยกันทั้งคู่ ทําให้ยืนทั้งสองแบบถูกถ่ายทอดมาจนถึงรุ่นเรา (แต่จากการที่เปอร์เซ็นต์ของชายพ่อบ้านเยอะกว่าหนุ่ม เพลย์บอย ก็น่าจะแปลว่ากลยุทธ์พ่อบ้านเหนือกว่ากลยุทธ์เพลย์บอยอยู่หน่อยนึง)               16.เพราะเราเป็นสัตว์ที่พ่อเข้ามาช่วยเลี้ยงดูลูกด้วย ต้องดูแลนานหลายปี หากต้องไปเลี้ยงลูกที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆของตัวเองขึ้นมาละก็ ถือเป็นความเสียหายสูงสุดในทางวิวัฒนาการเลยทีเดียว   ด้วยเหตุนี้ ผู้ชายจะดึงมากที่สุดก็ตอนที่หญิงคนรักไปมีอะไรกับคนอื่น เรียกว่าถ้าเห็นกันคาตาในจังหวะนั้นฆ่าได้ก็ฆ่าเลยทีเดียว (ซึ่งสมัยก่อนเป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้ขนาดว่า ช่วงก่อนปี 1970 สามีที่ฆ่าแฟนที่ไปมีอะไรกับชายอื่น ในอเมริกาถือว่าไม่มีความผิดอะไรด้วยซ้ำ)     17.ส่วนผู้หญิงมักจะดึงคนรักถ้านอกใจไปมีเซ็กส์กับคนอื่นไม่เท่าผู้ชาย หลายคนยอมให้แฟนไปเที่ยวสถานบริการได้ด้วยซ้ำ แต่มีข้อแม้นะว่า ห้ามเลี้ยงเด็ดขาด! สิ่งที่ผู้หญิงทนไม่ได้มากที่สุดคือ การที่ผู้ชายไปสนิทกุ๊กกิ๊กเปย์ปูนเปย์นี่ให้หญิงอื่น ถ้าภาพที่ผู้ชายเห็นแล้วขึ้นสุด ๆ คือ ภาพแฟนตัวเองมีอะไรกับคนอื่น ภาพที่ผู้หญิงเห็นแล้วขึ้นสุด ๆ คงเป็นภาพแฟนตัวเองกำลังป้อนข้าวให้สาวอื่น คุยกันกะหนุงกะหนิงนั่นแหละ   สาเหตุที่เป็นอย่างนี้ก็ไม่ได้ต่างจากฝ่ายชายเท่าไหร่ เนื่องจากการเลี้ยงลูกจำเป็นต้องอาศัยผู้ชายในการช่วยเลี้ยง ซึ่งผู้ชายจะช่วยเลี้ยงลูกได้อย่างแรกเลยเขาต้องติดเธอก่อน ก็แปลว่าเขาจะไม่อยู่ช่วยเธอเลี้ยงลูกโดยปริยาย     ความรักอธิบายทุกสิ่งอย่างและให้ความหมายกับชีวิต ความรักเป็นตัวแปรที่เรามองข้ามเนิ่นนานเกินไป บางทีเราอาจหวาดกลัวความรัก เพราะมันเป็นพลังงานเดียวในจักรวาลที่มวลมนุษย์ยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้ตามใจปรารถนา นี่คือเนื้อความบางส่วนในจดหมายของไอน์สไตน์ถึงลูกสาวของเขา ซึ่งครีเอเตอร์เห็นด้วยทุกประการ แม้ว่ามันจะผ่านมานานมากแล้วก็ตาม   สำหรับคนที่อ่านสนุกจริงๆจะต้องเป็นคนที่เรียนหรือทำงานสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ/ชีววิทยา ถึงจะอินกับเนื้อหาได้ดีกว่า และเนื้อหาก็ได้ปรับแต่งให้อ่านง่ายจริงๆแล้วครับ ถ้าอ่านแล้วยังอึดอัดกับศัพท์เฉพาะทาง...ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีววิทยาที่เราเรียกกันอย่างนั้น     เครดิตภาพ ภาพปก โดย Rudy Kirchner จาก pexels.com ภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียน ภาพที่ 3 โดย Git Stephen Gitau  จาก pexels.com ภาพที่ 4 โดย Trinity  Kubassek จาก pexels.com     บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ MOVE HEAVEN AND EARTH รีวิวหนังสือ ไต่ระดับลับสมอง ด้วยคำถามเชิงตรรกะ รีวิวหนังสือ ULTIMATE SKILLS ทักษะจำเป็นแห่งอนาคต   เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

รีวิวหนังสือ THEORY OF LOVE  เหตุ*ผล*คน*รัก
อ่าน

รีวิวหนังสือ THEORY OF LOVE เหตุ*ผล*คน*รัก

 หนังสือ THEORY OF LOVE เหตุ ผล คน รัก ว่าด้วยเรื่องวิทยาศาสตร์ทางความรักว่าทำไมคนเราถึงมีพฤติกรรมแบบนั้นต่อคนรัก เป็นการเรียนรู้ถึงพฤติกรรมของคนในอีกรูปแบบหนึ่ง ภายใต้การตั้งสมมุติฐานของนักวิทยาศาสตร์ที่ได้ทำการวิจัยและทดลองอย่างต่อเนื่อง และตั้งข้อสังเกตมาอย่างยาวนาน หนังสือเล่มนี้เขียนโดย นพ.ปีย์ เชษฐ์โชติศักดิ์ คุณหมอผู้มีประสบการณ์ในการเขียนหนังสือแนว Pop science หลายเล่มสิ่งที่ประทับใจภายในเล่มจากมุมมองของครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าการอกหักนั้น มีความเจ็บปวดของสมองบริเวณ Anterior Cingulate Cortex (ACC) ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บตัวหรือเจ็บใจ ผลสแกน fMRI ก็บอกตรงกันว่ามันจะกระตุ้นสมองส่วนเดียวกัน ให้ความเจ็บไม่ต่างกัน อกหักเป็นสัญญาณให้มนุษย์เจ็บปวดเพื่อให้มนุษย์พยายามอยู่ร่วมกับสังคมให้ได้ ไม่โดดเดี่ยวจากคนอื่นๆ ได้รับการยอมรับจากคนอื่นได้เรียนรู้ว่าคนตกหลุมรักกับคนเสพติดยา จะพบว่ามีสมองส่วน VTA หรือ Ventral Tegmental Area มีการทำงานมากกว่าปกติได้เรียนรู้ว่าวิธีการก้าวข้ามการอกหัก มี 3 วิธีที่น่าสนใจที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความเห็นมาแนะนำ1.อยู่ร่วมกับคนอื่นๆ การเก็บตัวจะทำให้รู้สึกถูกสังคมตัดขาด2.สร้างมุมมองที่ดีให้กับเหตุการณ์ร้ายๆที่ผ่านไปแล้ว3.ร้องไห้ เพื่อระบายความอัดอั้นของเราออกมา ฮอร์โมนความเครียดอย่าง Cortisol และ ACTH ก็จะระบายออกมากับน้ำตาของเราด้วยสำหรับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆอย่างเราจะรับมือกับความยิ่งใหญ่ของจักรวาลได้ก็ด้วยความรักเท่านั้น - คาร์ล ซาแกนได้เรียนรู้ว่าระบบความสัมพันธ์ที่ลูกมีต่อแม่ในวัยเด็ก สามารถใช้กับคู่ครองของเราได้ด้วย เพื่อดูว่าเขาหรือเธอนั้นเป็นคนบุคลิกแบบไหน ซึ่งระบบความสัมพันธ์ที่ว่าแบ่งออกเป็น 3 ประเภท1.Avoidant เกิดจากการเลี้ยงดูด้วยความห่างเหินทางความรู้สึก2.Anxious เกิดจากการเลี้ยงดูแบบไม่ค่อยมีความมั่นคงเท่าไหร่ บางครั้งเขาก็ดูแลความรู้สึกเราได้ แต่บางครั้งเขาก็อาจเรียกร้องการดูแลจากเรา3.Secure เกิดจากการเลี้ยงดูแบบดูแลอารมณ์ความรู้สึกของเด็กได้อย่างเต็มที่ กลายเป็นคนที่มั่นคงและดูแลอารมณ์ความรู้สึกของคู่รักได้เช่นกันได้เรียนรู้ว่าระบบของการตกหลุมรัก มีการทำงานของสารเคมีในสมองอยู่ 3 ตัว1.Dopamine เป็นสารที่ทำให้คนเรามีความสุขกับสิ่งที่เรากำลังจดจ่อ ในที่นี้ก็คือคนรัก2.Norepinephrine เป็นสารที่เกี่ยวข้องกับการที่เราจดจำรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับคนรักของเราได้3.Serotonin เป็นสารที่ทำให้เราเกิดอาการย้ำคิดย้ำทำ ในที่นี้ก็คือติดถึงแต่คนรักตลอด หรือเรียกอาการนี้ว่า"หลงรัก" นั่นเอง ได้เรียนรู้ว่าความสวยงาม ความหน้าตาดีในมุมมองของนักวิทยาศาสตร์ให้มุมมองและองค์ประกอบดังนี้1.ความสมมาตร (Symmetry) คือรูปหน้าครึ่งซ้ายและครึ่งขวาเหมือนและเท่ากันพอดี จากงานวิจัยพบว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดชอบความสมมาตรด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ใช่หน้าที่บิดเบี้ยวผิดรูปไปข้างหนึ่ง2.ความธรรมดา (Averageness) คือเป็นใบหน้าที่เป็นค่าเฉลี่ยของคนจำนวนมาก มักเป็นใบหน้าที่สวยในสายตาของคนทั่วไป วิทยาศาสตร์ให้เหตุผลว่าการที่มีใบหน้าใกล้เคียงกับคนอื่นนั้นบ่งบอกว่ามียีนพันธุกรรมที่เป็นปกติเฉกเช่นคนทั่วไป ไม่ได้มีความผิดปกติทางพันธุกรรมแต่อย่างใด3.หน้าแบบแมนๆ หรือหน้าแบบหวานๆ คือ ใบหน้าที่แยกออกทางกายภาพได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการแสดงลักษณะทางเพศออกมาอย่างชัดเจน สิ่งนี้ช่วยดึงดูดให้เพศตรงข้ามสนใจได้ถ้าใครอยากรู้อยากเข้าใจธรรมชาติของความรักอย่างเป็นเหตุเป็นผล หนังสือเล่มนี้มีคำตอบแล้ว แม้เรื่องของความรู้สึกจะเป็นสิ่งที่หาเหตุผลเชื่อมโยงได้ยาก แต่หนังสือเล่มนี้กลับถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าสนใจ และเข้าใจง่ายอีกด้วย นี่ก็เป็นความประทับใจอีกประการหนึ่งสิ่งที่ครีเอเตอร์นำความรู้มาปรับใช้ในชีวิตได้คงจะเป็นความเข้าใจในพฤติกรรมของมนุษย์มากกว่าว่าทำไมเราถึงมีความรู้สึกแบบนั้น แสดงความรักออกไปแบบนี้ และมันมีพัฒนาการเพื่อเอาตัวรอดเกี่ยวข้องอยู่ด้วย สิ่งนี้มันทำให้เราเข้าใจตัวเองและเข้าใจคนอื่นได้มากขึ้นดังนั้น นอกจากเราจะเข้าใจความรู้สึกความรักของตัวเองแล้ว เราก็จะได้ปรับตัวพฤติกรรมให้เหมาะสมภายใต้จารีตค่านิยมอันดี ไม่เห็นแก่ตัวทางความรักจนสร้างความเดือดร้อนกับคนอื่นได้ครับหนังสือเล่มนี้จัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์บันลือบุ๊คส์ ในราคาปกเพียง 195 บาทเท่านั้น สามารถหาซื้อได้แล้วครับเครดิตภาพภาพปก โดย freepik จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย khosrork จาก  freepik.com ภาพที่ 4 โดย tirachardz จาก  freepik.comบทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ อยู่ด้วยกันเพราะอยากอยู่ ไม่ใช่จำเป็นต้องอยู่ (THE RULES OF LOVE)รีวิวหนังสือ แน่ใจแล้วหรือว่านี่คือความรักรีวิวหนังสือ ตอบปัญหาวิชาใจรีวิวหนังสือ จงรักในความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองTrueID In-Trend แหล่งสร้างคอนเทนต์หารายได้เสริมช่วงโควิด-19เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

รู้จัก 4 นักแสดง Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน จาก CHANGE2561
อ่าน

รู้จัก 4 นักแสดง Club Friday The Series Theory of Love ทฤษฎี 21 วัน จาก CHANGE2561

         เปิดซีซั่นใหม่อีกครั้งสำหรับทาง Club Friday The Series ที่ครั้งนี้มาในคอนเซ็ปท์ THEORY OF LOVE ด้วยความเชื่อที่ว่า ‘ไม่มีทฤษฎีไหนใช้ได้กับทุกความรัก’ และก็ได้ออกมาตอนแรกแล้วนั่นคือซีรีส์เรื่อง “Club Friday The Series Theory of Love ทฤษฎี 21 วัน” ซึ่งเป็นแนวโรแมนติก ดราม่า ผลิตโดย CHANGE2561 บอกเล่าเรื่องราวของคนสองคนที่พวกเขาเผชิญปัญหาครอบครัว และความรัก และได้ใช้ทฤษฎี 21 วันนี้ว่าจะเป็นยังไง?! โดยนอกจากพล็อตเรื่องที่สนุกแล้วนั้น ก็ยังได้นักแสดงปัง ๆ มาแสดงในเรื่องอีกด้วย ในวันนี้เราเลยอยากจะชวนเพื่อน ๆ มารู้จักนักแสดงในเรื่องนี้กันผ่านทาง ‘รู้จัก 4 นักแสดง Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน จาก CHANGE2561’ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! [Trailer] Club Friday The Series : Theory of Love | ทฤษฎี 21 วัน | เริ่ม 17 ม.ค. 68 | one31 https://m.youtube.com/watch?v=I6qEuNtIN18 1.) ฟรัง นรีกุล          “ฟรัง นรีกุล เกตุประภากร” เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 เธอจบการศึกษาจาก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยสาวฟรังได้เข้าสู่วงการในการแสดงซีรีส์ดังอย่าฝเรื่อง ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น ในบทบาทของ ออย และภาพยนตร์เรื่อง เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ ซึ่งเรียกว่าฟรังนั้นเป็นสาวสวยที่มากไปด้วยความสามารถสุด ๆ เลยละค่ะ https://www.instagram.com/p/C8_obrdy6Ea/?igsh=MWtyeXZmZGIyaXVodw== ฟรัง นรีกุล รับบทเป็น “พาย” เธอนั้นเป็าติวเตอร์สาวที่เพิ่งเลิกกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปีเพราะเขาชอบทำร้ายร่างกายเธอ ต่อมาพายก็ได้บังเอิญมาเจอกับบอสที่บาร์แห่งหนึ่ง ซึ่งทั้งสองก็ได้พูดคุยและมีความสัมพันธ์ และโชคชะตาก็ทำให้ทั้งสองเจอกันอีกครั้ง ช่องทางการติดตามฟรัง นรีกุล IG : @frungnarikunn 2.) ท๊อปเทน ศุภกรณ์         “ท๊อปเทน ศุภกรณ์ เสาร์ขอ” เกิดเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ.2543 ที่กรุงเทพฯ  จบการศึกษาที่ คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการผลิตสื่อสตรีมมิง มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ปัจจุบันเขาเป็นนักแสดงและนายแบบภายใต้สังกัด Change2561  โดยหนุ่มท๊อปเทน ศุภกรณ์ได้เข้าสู่วงการบันเทิงจากการที่เขาปรากฏตัวในรายการ Boys Journey ภารกิจพิชิตใจ และการแสดงครั้งแรกของเขาคือซีรีส์แนวบอยเลิฟเรื่อง Pit Babe The Series ในคาแรคเตอร์ของโซนิค นักแข่งรุ่นเล็กทีม X-Hunter นั่นเองค่า  https://www.instagram.com/p/CteLlmxvAKO/?igsh=MThoNzkzZ3Z6Z2N2eA== ท๊อปเทน ศุภกรณ์ รับบทเป็น “บอส” เขานั้นเป็นหนุ่มหล่อที่บังเอิญเจอกับพายที่บาร์โดยบังเอิญ ซึ่งทั้งสองก็ได้มีความสัมพันธ์กัน ซึ่งบอสเป็น ครูสอนเต้นที่ต้องปกปิดตัวตนที่แท้จริงเพราะพ่ออย่างบารมีเพราะเขาไม่ยอมรับ และมักจะโดยทำร้ายร่างกาย และจิตใจจากผู้เป็นพ่ออยู่เสมอ ช่องทางการติดตามท๊อปเทน ศุภกรณ์ IG : @topten.ss 3.) ป็อป ภัทรพล         “ป็อป ภัทรพล วัลลภศิริ” เกิดเมื่อวันที่วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2543 จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ปัจจุบันเขาเป็นนักแสดงและนายแบบภายใต้สังกัด Change2561 โดยหนุ่มป็อป ภัทรพลเข้าสู่วงการบังเทิงในปี 2565 จากผลงานการแสดงครั้งแรกในซีรีส์แนวบอยเลิฟเรื่อง La Cuisine เมนูลับฉบับแก้มยุ้ย ประกบ มิก มณฑล วิเศษสินธุ์ และผลงานโดดเด่นมากมาย อาทิ Pit Babe พิษเบ๊บ เดอะซีรีส์ ,  Club Friday The Series ตอน One Night Stand คืนเดียวก็พอ และอื่น ๆ  https://www.instagram.com/p/DAnWscgT0ty/?igsh=enQ4NXIwcW51cG4y ป็อป ภัทรพล รับบทเป็น “ยูโร” เขาเป็นหนุ่มหล่อที่เป็นเพื่อนซี้กับบอส แต่จริง ๆ ทั้งสองนั้นเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อกันแต่ยูโรก็ได้ไปคบกับผู้หญิง และกำลังจะแต่งงาน ช่องทางการติดตามป็อป ภัทรพล IG : @popptr 4.) ดอม เหตระกูล         “ดอม เหตระกูล” เกิดเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2519 จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะบริหารธุรกิจ ภาคภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยมหิดล โครงการวิทยาลัยนานาชาติ หนุ่มดอมได้เป็นพระเอกแบบเต็มตัวในภาพยนตร์เรื่อง เสือ โจรพันธุ์เสือ และล่าสุดกับซีรีส์เรื่อง The White Lotus Season 3 ที่ใครหลายคนต่างก็พูดถึง โดยหนุ่มดอมก็มีผลงานปัง ๆ อีกมากมายเลย ^^ https://www.instagram.com/p/Ceiye6CP3Ai/?igsh=MWQwc2hsNmpwMHZ6NQ== ดอม เหตระกูล รับบทเป็น “บารมี” เขาเป็นพ่อของบอส ซึ่งเขานั้นเป็นคนที่มีนิสัยดุ โหดร้าย เขาไม่ยอมรับในตัวของลูกชาย แถมเขายังชอบทุบตีทำร้ายบอสเมื่อไม่พอใจอยู่เสมอ https://www.instagram.com/p/CkPx9n9LeUn/?igsh=cmFjamhlMWt5ejlq ช่องทางการติดตามดอม เหตระกูล IG : @dom_h_official ก็จบลงไปแล้วนะคะสำหรับ รู้จัก 4 นักแสดง Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน จากCHANGE2561 และในซีรีส์เรื่อง “Club Friday The Series Theory of Love ทฤษฎี 21 วัน” จะออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 21:15 น. ทางช่องวัน31 และเวลา 22:15 น. รับชมย้อนหลังทาง Viu เริ่มตอนแรก วันศุกร์ที่ 17 มกราคม2568 นี้!💕 เครดิตภาพหน้าปก @popptr : ภาพที่1 / @frungnarikunn : ภาพที่2 / @topten.ss : ภาพที่3 / @dom_h_official : ภาพที่4  เครดิตภาพประกอบบทความ Club Friday The Series : ภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่4 / ภาพที่6 / ภาพที่8 @frungnarikunn : ภาพที่3  @topten.ss : ภาพที่5 @popptr : ภาพที่7  @dom_h_official : ภาพที่9 / ภาพที่10 เครดิตวิดีโอประกอบบทความ ช่อง one31 [Trailer] Club Friday The Series : Theory of Love | ทฤษฎี 21 วัน | เริ่ม 17 ม.ค. 68 | one31   เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !      

รีวิว Club Friday The Series Theory of Love ทฤษฎี 21 วัน ฟรัง นรีกุล x ท๊อปเทน ศุภกรณ์
อ่าน

รีวิว Club Friday The Series Theory of Love ทฤษฎี 21 วัน ฟรัง นรีกุล x ท๊อปเทน ศุภกรณ์

เรียกว่าปีใหม่กับซีซั่นใหม่ค่ะ สำหรับ Club Friday The Series ที่ครั้งนี้ได้มาในคอนเซ็ปท์ของ THEORY OF LOVE ไม่มีทฤษฎีไหนใช้ได้กับทุกความรัก ที่ผ่านเรื่องราวจำนวน 12 เรื่อง ,12 อารมณ์ , 12 ทฤษฎีความรัก ซึ่งเรื่องแรกเลยคือ “ทฤษฎี 21 วัน” ที่บอกเล่าเรื่องราวของ 21 วันในการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราเลยอยากจะชวนเพื่อน ๆ มาดูซีรีส์เรื่องนี้กันใน ‘รีวิว Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน นำแสดงโดย ฟรัง นรีกุลx ท๊อปเทน ศุภกรณ์’ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน        ในซีรีส์เรื่อง Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน ได้บอกเล่าเรื่องราวของ พาย ซึ่งเธอเป็นติวเตอร์สาวที่มักจะโดนแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายและจิตใจอยู่เสมอ ทำให้ต่อมาเธอได้เจอกับ บอสหนุ่มหล่อในบาร์แบบบังเอิญ ที่จริง ๆ แล้งบอสเป็นครูสอนเต้นที่ปกปิดตัวตนที่แท้จริง และเขาก็โดนทำร้ายจากผู้เป็นพ่อ ซึ่งเรื่องราวของทั้งพายและบอสไม่ต่างกันเลย ต่อมาทั้งสองก็ได้ตกลงมีความสัมพันธ์เกินเลยกัน และด้วยเหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้ทั้งสองเกิดความเห็นใจ และพยายามจะพัฒนาความสัมพันธ์ด้วยการทดลองใช้ทฤษฎี 21 วันเพื่อที่จะดูว่าทั้งสองจะรักและสานสัมพันธ์กันได้หรือไม่!?  [Trailer] Club Friday The Series : Theory of Love | ทฤษฎี 21 วัน | เริ่ม 17 ม.ค. 68 | one31 https://youtu.be/I6qEuNtIN18 นักแสดงนำ Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน  ฟรัง นรีกุล แสดงเป็น “พาย” เธอเป็นติวเตอร์สาวที่เพิ่งจะเลิกรากับแฟนหนุ่มไปเพราะเรื่องราวการทำร้ายร่างกายและจิตใจ ท๊อปเทน ศุภกรณ์ แสดงเป็น “บอส” ครูสอนเต้นหนุ่มหล่อที่ปดปิดตัวตนว่าแท้จริงเขาเป็น LGBT ซึ่งตัวตนของเขาทำให้พ่อไม่พอใจ และทำร้ายร่างกายเขาเสมอ ป็อป ภัทรพล แสดงเป็น “ยูโร” เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อของบอส ซึ่งต่อมาเขาได้คบหาและแต่งงานกับผู้หญิง ทำให้เกิดรอยร้าวระหว่างเขาและบอส        โดยในซีรีส์เรื่อง Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน เป็นแนวโรแมนติก ดราม่า บอกเล่าถึงคนสองคนที่พวกเขามีเส้นทางชีวิตที่เหมือนกัน คือการโดนคนรักทำร้ายร่างกาย และจิตใจ และด้วยความเข้าใจกันนี้เอง พวกเขาจึงได้ใช้ทฤษฎี 21 วัน เพื่อพยายามจะพัฒนาความสัมพันธ์ว่าพวกเขาจะรักกันได้ไหม ซึ่งนับว่าเป็นพล็อตเรื่องและคอนเซ็ปท์ที่มีความน่าสนใจมากเลยละค่ะ          สำหรับซีรีส์เรื่อง Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน พล็อตเรื่องดีมาก การนำเสนอถือว่าทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ อย่างภูมิหลังของแต่ละคนที่เจ็บปวด และในชีวิตจริงมีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย การโมโหร้าย การเป็น LGBT และไม่ถูกยอมรับ ซึ่งเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่สะท้อนสังคมได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ          และในครั้งนี้ขอบอกเลยว่าซีรีส์ทำการบ้านมาได้เป็นอย่างดีมาก นักแสดงแต่ละคนคือเคมีดีมาก ฟิตติ้งกับตัวละครที่แสดง แถมคอมตูมก็ปัง อีกทั้งในซีรีส์ก็ยังได้สองนักแสดงหนุ่มสาวสุดสวยหล่ออย่างฟรัง นรีกุล และท๊อปเทน ศุภกรณ์ มาแสดงคู่กันเป็นครั้งแรก ซึ่งเคมีเคใจของทั้งสองดีงามมาก แสดงดี ธรรมชาติ ดูแล้วทำให้คนดูลุ้นตามไปด้วย  ก็จบลงไปแล้วนะคะสำหรับ รีวิว Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน นำแสดงโดย ฟรัง นรีกุล x ท๊อปเทน ศุภกรณ์ โดยเพื่อน ๆ สามารถรับชมซีรีส์เรื่อง “Club Friday The Series Theory of Love  ทฤษฎี 21 วัน” จะออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 21:15 น. ทางช่องวัน31 บนทรูไอดี เริ่มตอนแรกวันที่ 17 มกราคม 2568 นี้จ้า ^^  เครดิตภาพหน้าปก Club Friday The Series  ภาพหน้าปก เครดิตภาพประกอบบทความ Club Friday The Series  ภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่3 / ภาพที่4 / ภาพที่5 / ภาพที่6 เครดิตวิดีโอประกอบบทความ ช่อง one31 [Trailer] Club Friday The Series : Theory of Love | ทฤษฎี 21 วัน | เริ่ม 17 ม.ค. 68 | one31 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

ช่อง HBO HD เชิญชวนสัมผัสหนังรักสุดโรแมนติก ดราม่า เรื่อง The Theory of Everything
อ่าน

ช่อง HBO HD เชิญชวนสัมผัสหนังรักสุดโรแมนติก ดราม่า เรื่อง The Theory of Everything

TrueVisions No.1 Movies and Series แหล่งรวมภาพยนต์และซีรี่ส์ที่ดีที่สุด กับสุดยอดภาพยนต์เรื่องเยี่ยม The Theory of Everythingที่มีเนื้อเรื่องส่วนหนึ่งมาจากหนังสือนิยายชั้นยอด TRAVELING TO INFINITY (สู่อนันตกาล) ผลงานของ Jane Hawking ภรรยา Stephen Hawking และผลงานของผู้กำกับฯ มือทองอย่าง James Marsh ที่เคยสร้างชื่อมาแล้วในหนังสายสารคดี (Man on Wire สารคดีชายนักไต่ลวดข้ามตึกแฝดที่ชนะรางวัลออสการ์ ในปี 2009 ) และในครั้งนี้กับผลงานภาพยนต์เรื่อง The Theory of Everything ที่มีนักแสดงชื่อดังมาเสริมทัพเพิ่มความเข้มข้นของภาพยนต์เรื่องนี้ อาทิเช่น นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม การันตีรางวัลจากออสการ์อย่าง Eddie Redmayneที่มารับบท Stephen Hawking นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลกที่ป่วยเป็นโรค Amyotrophic lateral sclerosis เป็นโรคที่มีการเสื่อมลงของเซลประสาท ทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงและเหี่ยวฝ่อลงไปเรื่อยๆ ซึ่งหมอบอกว่าเค้าจะอยู่ได้เพียงแค่ 2ปีเท่านั้น แม้ว่าร่างกายจะพ่ายแพ้ต่อโรคแต่สมองยังคงสู้ และ Felicity Jones ดาราสาวที่ขึ้นแท่นสาวหน้าสวยที่สุดในปี 2011 ที่มีผลงานโด่งดังในภาพยนต์แห่งยุค 2016 อย่าง Star Wars Anthology : Rogue One เข้ามารับบท Jane Hawking ภรรยาของสตีเฟ่น ฮอว์คิง ซึ่งเธอกลายเป็นผู้ดูแลคนป่วยและคอยช่วยเหลือสตีเฟ่น ฮอร์คิง และยังทำให้นักวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ผู้ไม่เชื่อในพระเจ้า แต่สัมผัสความดีงามอันล้ำลึกของสิ่งที่มองไม่เห็น ติดตามภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณตกอยู่ในผวังของความรักโรแมนติก คลุกเคล้าความดราม่า กับภาพยนต์เรื่อง The Theory of Everything ทรูวิชั่นส์นำมาให้ได้ชมกันเป็นที่แรก!! ในวันเสาร์ที่ 23 มกราคม นี้ เวลา 20.00 น. ทาง ช่อง HBO HD (ทรูวิชั่นส์ช่อง 133, 223 ) สมัครสมาชิกทรูวิชั่นส์แพลทินัมเอชดี และโกลด์เอชดี วันนี้ ฟรีค่าติดตั้ง และลดค่าประกัน 50% พร้อมรับสิทธิ์ใช้บริการเสริม ทรูวิชั่นส์ เอนิแวร์ ฟรีถึง31 ธันวาคม2559 สนใจสมัครโทร. 02-725-7777, ทรูช้อป, ทรูพาร์ทเนอร์ และ ตัวแทนทรูวิชั่นส์ ทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.truevisionsgroup.com อัพเดทชีวิตคนดัง ครบครันเรื่องบันเทิง เพลิดเพลินไปกับบทละคร

รีวิวหนัง The Theory of Everything (2014) - ทฤษฎีรักนิรันดร
อ่าน

รีวิวหนัง The Theory of Everything (2014) - ทฤษฎีรักนิรันดร

The Theory of Everything ชื่อไทยว่า ทฤษฎีรักนิรันดร เป็นหนังแนวโรแมนติก-ชีวประวัติที่ออกฉายในปี 2014 นำแสดงโดย Eddie Redmayne และ Felicity Jones หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของชีวิตจริงของ Stephen Hawking นักฟิสิกส์ทฤษฎีชาวอังกฤษ ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) ซึ่งค้นพบทฤษฎีเกี่ยวกับหลุมดำเนื้อเรื่องย่อStephen Hawking (Eddie Redmayne) เป็นนักศึกษาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เขาเป็นคนที่มีความฉลาดและมุ่งมั่นในการศึกษาวิทยาศาสตร์แต่ในปี 1963 Stephen Hawking (Eddie Redmayne) เริ่มมีอาการของโรค ALS เริ่มเดินลำบากและพูดไม่ชัด อาการของโรคค่อยๆ ลุกลามไปเรื่อยๆ จนเขาไม่สามารถเดินและพูดได้อีกต่อไปแม้ว่า Stephen Hawking (Eddie Redmayne) จะป่วยด้วยโรค ALS แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ และทุ่มเทให้กับการศึกษาวิทยาศาสตร์ เขาได้ค้นพบทฤษฎีหลายอย่างที่เกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงและเวลาStephen Hawking (Eddie Redmayne) แต่งงานกับ Jane Wilde (Felicity Jones) นักศึกษาวรรณกรรมในปี 1965 พวกเขามีลูกด้วยกัน 3 คน แม้ว่าชีวิตการแต่งงานของพวกเขาจะไม่ราบรื่น แต่ Jane ก็เป็นกำลังใจสำคัญให้กับ Stephen Hawking (Eddie Redmayne) ตลอดเวลาStephen Hawking (Eddie Redmayne) เสียชีวิตในปี 2018 ด้วยอายุ 76 ปี เขาเป็นนักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลกข้อมูลประเภท: โรแมนติก-ชีวประวัตินำแสดงโดย: Eddie Redmayne, Felicity Jonesผู้กำกับ: James Marshความยาว: 123 นาทีตัวอย่างหนังhttps://www.youtube.com/watch?v=Salz7uGp72cความรู้สึกหลังดูพอพูดถึงหนังสารคดี โดยเฉพาะนักวิทยาศาสตร์ หลายคนคงจะเบี่ยงหน้าหนี เพราะคิดว่า มันดูยาก แต่หนังเรื่อง The Theory of Everything ไม่ใช่หนังที่พาคนดูไปรู้จักวิทยาศาสตร์ แต่เป็นความเป็นมนุษย์ของผู้คิดค้นทฤษฎีหลุมดำอย่าง Stephen Hawking (Eddie Redmayne) คุณจะได้เห็นชีวิตของเขาตั้งแต่ร่างกายปกติจนแสดงอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งมาจากโรค ALSหนัง The Theory of Everything ถือเป็นหนังดราม่า โรแมนติก ที่ดำเนินเรื่องได้แบบเรียบง่าย แต่สร้างความลึกซึ้งและกินใจคนดูอย่างมาก ด้วยความสัมพันธ์ของตัวละครคู่พระ-นาง ผนวกกับการนักแสดงอย่าง Eddie Redmayne ทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับคำชมและรางวัลมากมายทั้งตัวหนังและนักแสดงเอาจริงๆ ผมชื่นชอบความสัมพันธ์ของคู่พระนาง คนหนึ่งเชื่อในเรื่องของวิทยาศาสตร์ พยายามให้ข้อโต้แย้งมาหักล้างความเชื่อต่อพระผู้เป็นเจ้าของอีกคน รวมถึง Felicity Jones ถือว่ารับบทเป็น Jane Wilde และถ่ายทอดความรู้สึกของคนรักไม่หมดศรัทธาในตัวของ Stephen ได้ดีมากThe Theory of Everything หนังดราม่า โรแมนติก ที่ให้กลิ่นอายของฝนพรำยามเย็น เรื่องนี้ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผมอยากให้คุณได้ดูสักครั้งฉากที่ประทับใจผมเริ่มน้ำตาคลอยเมื่อเห็นฉากที่ Stephen Hawking เจอลูกของเขา ความผูกพันธ์ ความเป็นพ่อ ความรักที่มีต่อลูก ความรู้สึกทั้งหมดนี้ ได้ Eddie Redmayne ถ่ายทอดออกมาผ่านการแสดง เป็นความรู้สึกตราตรึงใจตั้งแต่ตอนที่ได้ดูหนังจนถึงตอนนี้เครดิตภาพThe Theory of Everything : ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3Universal Pictures UK : ตัวอย่างหนังคอมมูนิตี้ “โลกคนรักหนัง” ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน

ชวนอ่าน In theories ในความรักเราต่างเป็นนักทฤษฎี
อ่าน

ชวนอ่าน In theories ในความรักเราต่างเป็นนักทฤษฎี

"In theories ในความรักเราต่างเป็นนักทฤษฎี" หนังสือที่จะทำให้คุณเข้าใจว่า ความรักอาจไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายที่แน่ชัด เพราะในความรัก เราทุกคนต่างเป็นนักทฤษฎีที่กำลังลองผิดลองถูกอยู่เสมอ In theories ในความรักเราต่างเป็นนักทฤษฎี ผู้เขียน: กิตติพล สรัคคานนท์ สำนักพิมพ์: แซลมอน / SALMON หมวดหมู่: วรรณกรรม เรื่องสั้น ความรักความสัมพันธ์ จำนวนหน้า: 160 หน้า 📖รีวิวหนังสือ In theories ในความรักเราต่างเป็นนักทฤษฎี ความรู้สึกหลังอ่านจบ: หนังสือเล่มนี้คือการรวบรวมเรื่องราวทฤษฎีความรัก ผ่านมุมมองทางปรัชญา ทฤษฎีวรรณกรรม จิตวิทยาและสังคมวิทยา โดยไม่ได้พูดถึงความรักในแบบหวานซึ้งหรือโรแมนติก แต่พาเราไปสำรวจว่า "ความรักคืออะไร?" "ทำไมคนเราถึงเจ็บปวดจากมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า?" และแท้จริงแล้ว เรากำลังรัก หรือแค่กำลังหาวิธีรับมือกับความว่างเปล่าบางอย่างที่อยู่ในใจกันแน่ ประเด็นเนื้อหา: ผู้เขียนได้พูดถึงความรักทั้งในเชิงความรู้สึก และโครงสร้างทางความคิด ที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อพยายามเข้าใจมัน เช่น ความรักกับ “ความหลงตัวเอง” ความรักในฐานะเครื่องมือของอำนาจ ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือในโลกยุคดิจิทัล ความสัมพันธ์แบบที่ไม่สมบูรณ์ และอาจไม่มีวันสมบูรณ์ ความประทับใจ: เป็นหนังสือที่อ่านแล้วต้องหยุดคิดบ่อยๆ เพราะบางครั้งการที่เราคิดว่าเราเข้าใจความรัก จริงๆ เราอาจไม่เข้าใจความรักเลยก็ได้ เหมือนกับคนที่เป็นโค้ชแต่ไม่เคยลงสนาม ในเรื่องความรักความสัมพันธ์ เราต่างล้มเหลวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และในความล้มเหลวเหล่านั้น เราก็พยายามคิดและอธิบายความรักเพื่อไม่ให้มันเจ็บเกินไป เพราะบางทีเราก็แค่ต้องการเรียนรู้ทฤษฎีเพื่อปลอบประโลมตัวเองให้ก้าวผ่านมันไปให้ได้ สรุป: "In theories ในความรักเราต่างเป็นนักทฤษฎี" คือหนังสือที่บอกอย่างซื่อตรงต่อความจริงว่าความรักนั้นซับซ้อน อึดอัด เปราะบาง และหลายครั้งก็เหมือนจะไม่มีเหตุผลเลย เหมาะมากกับคนที่กำลังตั้งคำถามกับความสัมพันธ์ กำลังเยียวยาหัวใจ หรือแม้แต่คนที่คิดว่าตัวเองเข้าใจความรักดีแล้ว เพราะเล่มนี้จะพังทฤษฎีเก่าที่คุณเชื่อและแทนที่ด้วยคำถามใหม่ที่ลึกกว่าเดิม เครดิตภาพถ่ายจากมือถือเองทุกภาพค่ะ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

#วันนี้ดูอะไรดี The Theory of Everything, ทฤษฎีรัก เปลี่ยนชีวิต
อ่าน

#วันนี้ดูอะไรดี The Theory of Everything, ทฤษฎีรัก เปลี่ยนชีวิต

The Theory of Everything (James Marsh, 2014) The Theory of Everything เป็นหนังแนวชีวประวัติ - โรแมนติค ที่พูดถึงชีวิตของ Stephen Hawking นักคิด และนักฟิสิกส์ที่น่าจะมีชื่อเสียงที่สุดในปัจจุบัน ทุกคนน่าจะเคยเห็นภาพของสตีเฟนที่นั่งรถเข็น และไม่สามารถพูดได้ หนังเรื่องนี้จะพูดถึงชีวิตของเขาตั้งแต่สตีเฟนได้พบกับ Jane Wilde ภรรยาคนแรกของเขา โดนเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของสตีเฟนและเจน โดนมองผ่านสายตาของเจนเป็นหลักตัวหนังได้ถูกดัดแปลงมาจากหนังสือ Travelling to Infinity: My Life with Stephen บันทึกของเจนตัวจริง ที่พูดถึงชีวิตที่ต้องอยู่กับสตีเฟน และความผิดปกติทางร่างกายของเขา ซึ่งนำไปสู่การหย่าร้างในที่สุดตัวหนังได้ Eddie Redmayne นักแสดงสายรางวัลที่แสดงฝีมือมาแล้วมากมาย ที่เราได้เห็นผลงานของเขามาแล้วใน The Danish Girl มารับบทเป็นสตีเฟน ฮอว์คกิน และได้ Felicity Jones จาก Rogue One: A Star Wars Story มารับบทเจน ไวล์ด ตัวหนังเริ่มต้นตั้งแต่ทั้งคู่ยังเป็นนักศึกษาในฮาร์วาร์ด โดยสตีเฟนนั้นศึกษาด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ในขณะที่เจนศึกษาวรรณคดีทั้งคู่เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ไปพร้อม ๆ กับสตีเฟนที่กำลังค้นหาหัวข้อวิทยานิพนธ์ของเขา แต่ในตอนที่ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดี สตีเฟนก็พบกับอาการป่วยทางประสาทที่หาได้ยาก ที่อาจนำไปสู้ความพิการ หรืออาจถึงแก่ชีวิตได้สตีเฟนและเจน ไม่ได้ยอมแพ้ต่อโรคร้ายนี้ ทั้งคู่ตัดสินใจสานต่อความสัมพันธ์จนแต่งงานและมีลูกสาวคนแรก ในขณะที่อาการของสตีเฟนแย่ลงเรื่อย ๆ ตัวสตีเฟนเองก็ได้สร้างทฤษฎีที่เปลี่ยนวงการฟิสิกส์ดาราศาสตร์อย่างใหญ่หลวง อย่างเช่นทฤษฎีเกี่ยวกับหลุมดำ ที่ถูกพูดถึงและนำไปต่อยอดอย่างกว้างขวาง และได้เขียนหนังสือวิทยาศาสตร์ที่ได้ชื่อว่าอ่านง่าย และขายดีที่สุดอย่าง A Brief History of Time (ประวัติย่อของกาลเวลา)ในมุมของสตีเฟน เขาอาจเหมือนคนโชคดีที่ถึงแม้จะมีปัญหาทางสุขภาพ แต่มีครอบครัวที่สมบูรณ์ และภรรยาที่เข้าใจ แต่ในมุมของเจนแล้ว เธอต้องยากลำบากในการดูแลลูกๆ และสามีที่พิการ โดยไม่เคยได้รับคำชม ในขณะที่สตีเฟนนั้นอยู่ใต้แสงไฟมาโดยตลอดต้องชื่มชมนักแสดง โดยเฉพาะเอ็ดดี้ เรดเมน ที่แสดงได้เหมือนสตีเฟนตัวจริงมาก ๆ ตัวบทเองก็ทำได้สนุกสำหรับหนังชีวประวัติทำให้คนดูได้รับข้อมูลค่อนข้างครบถ้วน ไม่น่าเบื่อ ทำให้เรายิ้มไปกับมุมน่ารัก ๆ และอาจทำให้บางคนเสียน้ำตาในบางฉากได้ การรันตีคุณภาพด้วยรางวัลลูกโลกทองคำถึง 2 สาขาในสาขานักแสดงนำชาย (เอ็ดดี้ เรดเมน) และ บทภาพยนต์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมโดยสรุปแล้ว The Theory of Everything เป็นหนังที่ชีวประวัติที่น่ารัก แถมได้รู้จักชีวิตของนักฟิสิกส์ที่ดังที่สุดในยุคอย่างสตีเฟน ฮอว์กิน เป็นหนังอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ ขอบคุณภาพประกอบจาก Facebook Official The Theory of Everything Movieภาพปก FB ภาพ1 FB1 ภาพ2 FB2 ภาพ3 FB3 ภาพ4 FB4     

[รีวิว] The Theory of Everything : ปากกาที่ตกจะถูกเก็บขึ้นมาไหม ?
อ่าน

[รีวิว] The Theory of Everything : ปากกาที่ตกจะถูกเก็บขึ้นมาไหม ?

ขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt2980516/mediaviewer/rm3205633280 The Theory of Everything (2014)(เนื้อหาอาจมีสปอย) The Theory of Everything หรือทฤษฎีรักนิรันดร์นั้นเป็นเรื่องราวที่สร้างขึ้นจากเค้าโครงเรื่องจริงของ สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง นักฟิสิกส์ที่มากด้วยความรู้และถูกนับได้ว่าอัจฉริยะเลยทีเดียว ในตอนแรกนั้นเขาก็ใช้ชีวิตอยู่แบบเด็กวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง ไปเรียน มีความรัก และ ใช้ชีวิตอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt2980516/mediaviewer/rm2979919872ในตอนแรกสตีเฟ่นยังเป็นเพียงนักศึกษาชั้นปริญญาเอกด้านฟิสิกส์ ของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ แค่นั้นก็คงฟังดูน่าทึ่งแล้ว แต่เหนือสิ่งอื่นใด อาการของโรคเริ่มมีผลปะทุออกมาให้เห็น ซึ่งก่อนหน้าสตีเฟ่นก็ไม่ได้รู้ตัวหรอก และไม่ได้คาดว่าตัวเองจะเป็นโรคที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต คงไม่มีใครหรอกที่คิดว่าตัวเองผิดปกติ และพร้อมจะเสียชีวิตได้ในเวลาไม่นาน กับสตีเฟ่นก็เช่นเดียวกัน เขายังไปเรียน เฮฮากับเพื่อน ๆ ใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขดี และที่สำคัญคือ เขากำลังมี ‘ความรัก’ กับหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเดียวกันขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt2980516/mediaviewer/rm2908878848เธอคนนั้นชื่อ เจน ไวลด์ ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่ได้ล่วงรู้เกี่ยวกับอาการป่วยของสตีเฟ่น เพราะแม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่อาจทราบได้ ต่อมาเมื่อสตีเฟ่นรู้ความจริงเกี่ยวกับโรคนี้ เขาก็พยายามยุติความสัมพันธ์กับเจน เพราะหนทางข้างหน้าคงไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบแน่ ๆต้องขอชื่นชมความมั่นคงในรักของเจน ที่เธอยืนยันที่จะต่อสู้เคียงข้างกับสตีเฟ่นต่อไป แม้เขาจะต้องประสบกับภาวะอันเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม เชื่อว่าเจนเองก็ไม่ใช่คนโง่ คิดว่าเธอก็อ่านออกว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้นั้นจะนำพาเธอไปสู่อะไรมันเหมือนสภาวะกึ่งเดินกึ่งวิ่ง เจนเองก็คงลังเลอยู่เหมือนว่าจะหยุดวิ่งตามการกระทำที่ทัดทานของสตีเฟ่นดีหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าสุดท้ายเธอก็ตัดสินใจวิ่งไปต่อกับเขา เพราะความรักที่มากเกินกว่าจะทิ้งเขาไว้คนเดียวได้ และความรักนั้นเองคงทำให้เธอมีพลังที่จะต่อสู้กับความเหนื่อยยากทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt2980516/mediaviewer/rm1460143872โรคของสตีเฟ่นนั้นมีชื่อว่า โรคเซลล์ประสาทสั่งการเสื่อม หรือเรียกง่าย ๆ ว่า โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งทำให้เขาเริ่มควบคุมอวัยวะส่วนต่าง ๆ ในร่างกายไม่ค่อยได้ และมันก็จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา โดยหมอบอกว่าเขาอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่นานอาการของโรคนั้นเริ่มทำร้ายเขาหนักขึ้นทุกที ทั้งอาการสั่นที่มือทั้งสอง ทำให้การเขียนของเขานั้นยากลำบากและไม่เป็นภาษา การควบคุมร่างกายเริ่มไม่เป็นอย่างที่คิด จากเดินติดขัดจนต้องมีใช้ไม้เท้าพยุงและลงท้ายด้วยการเดินไม่ได้จนต้องนั่งรถเข็น และในภายหลังเกิดบางเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องสูญเสียความสามารถในการพูดสื่อสารไป แต่ก็ได้เครื่องมือชนิดที่สามารถเปลี่ยนตัวอักษรจากปลายนิ้วเขาให้เป็นเสียงพูดได้สิ่งที่สตีเฟ่นหลงเหลือในตอนนั้นคงมีเพียงไม่กี่อย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเจนที่อยู่กับเขาเสมอ เรียกได้ว่าเป็นกำลัง ‘หลัก’ ของบ้านเลยทีเดียว เพราะนอกจากภาระการเลี้ยงลูก ๆ ทั้ง 3 คนแล้ว เธอยังต้องรับบทหนักในการดูแลสามีอีกด้วย เราอาจไม่มีโอกาสได้เห็นแต่คาดว่าเจนต้องผ่านทุกช่วงเวลาอย่างยากลำบาก หนังอาจจะไม่ได้ฉายให้ดูแต่คาดว่าบางทีเธอคงแอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวที่มุมของบ้าน หรือบางทีเธออาจจะนึกแช่งชักหักกระดูกในโชคชะตา หรืออาจจะแอบไปนั่งปรับทุกข์กับสาวข้างบ้านก็ได้อีกสิ่งหนึ่งที่สตีเฟ่นยังหลงเหลืออยู่และออกจะมากเกินคนทั่วไปคือ ‘สมอง’ เขาศึกษาเกี่ยวกับดาราศาสตร์และจักรวาล ซึ่งมันก็เริ่มต้นตั้งแต่ที่สตีเฟ่นยังดูปกติดีเสียด้วยซ้ำ แต่อาการป่วยนี้ก็ไม่ได้หยุดเขาเกี่ยวกับการศึกษาด้านนี้แต่อย่างใดแม้จะมีเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อการสื่อสารของเขา แต่ก็ได้เครื่องตัวหนึ่งมาช่วย มันสามารถแปลงตัวอักษรเป็นเสียงพูดได้ในทันที ซึ่งในหนังนั้นใช้เวลาเพียงเสี้ยววิก็สามารถโต้ตอบกับคนอื่นได้แล้ว แต่เชื่อว่าในความเป็นจริงคงต้องใช้เวลามากกว่านั้น และการที่สตีเฟ่นสามารถเขียนหนังสือออกมาได้เป็นเล่ม จะต้องใช้เวลาและความพยายามมากมายเพียงไรในตอนเกือบท้ายของเรื่อง สตีเฟ่นได้ขึ้นไปบนเวทีเพื่อบรรยายต่อหน้าคนมหาศาล มีอยู่ฉากหนึ่งที่ปากกาของผู้ร่วมสาวตกลงพื้น เขายังจินตนาการถึงภาพตัวเองเดินลงเก็บปากกาด้ามนั้น เป็นฉากที่สร้างความสะเทือนใจได้มากทีเดียวขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt2980516/mediaviewer/rm4010939648ตอนท้ายหนังก็จบลงแบบที่ไม่สุขมาก แต่ก็ไม่เศร้าเสียเท่าไร จัดว่าเป็น happy ending ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งในชีวิตจริง สตีเฟ่นเพิ่งเสียชีวิตลงในเวลาไม่นานมานี้ด้วยวัย 76 ปี ถ้ามันไปตามที่หมอพูดคงนับได้ว่า 2 ปีที่เหลืออยู่ในตอนนั้นช่างยาวนานเสียเหลือเกิน ! “While there’s life,there is hope.”------Stephen Hawking

แด่ Stephen Hawking : The Theory of Everything : เพราะความพิการไม่สามารถหยุดยั้งความคิดและจินตนาการของเขาได้
อ่าน

แด่ Stephen Hawking : The Theory of Everything : เพราะความพิการไม่สามารถหยุดยั้งความคิดและจินตนาการของเขาได้

The theory of everything เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2561 มีข่าวการเสียชีวิตของนักวิทยศาสตร์ชื่อดังอย่าง Stephen Hawking เลยอดคิดถึงหนังเรื่องนี้ไม่ได้ เป็นหนังที่ดูมาแล้วหลายปีมากเว่อ อาจจะลืมเลือนเนื้อหาบางช่วงบางอย่างไป แต่มีประเด็นสำคัญอย่างนึงที่มันงดงามขนาดว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนเราก็ยังไม่ลืม TOE (ขอย่อนิดนึงนะ5555) เล่าถึงประวัติชีวิตของ Stephen Hawking ตั้งแต่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย พบเจอกับหญิงสาวอย่างเจน จนป่วยเป็นทุพพลภาพ ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่และผลงานของสตีเฟ่นจะเกิดขึ้นได้ยังไง ก็ต้องติดตามดู เนื้อเรื่องเราว่ามันก็ไม่ได้หวือหวาอะไรมาก มาแบบเรียบๆ เรื่อยๆ ตามสไตล์หนังชีวประวัติทั่วๆ ไป สิ่งที่เราชอบคือหนังให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของสตีเฟ่นกับเจน ทำให้เรามองเห็นอะไรบางอย่างในคนทั้งคู่ เราขอพูดแค่ประเด็นความสัมพันธ์ตรงนี้แล้วกันนะ เพราะด้านอื่นๆ ของหนังไม่ค่อยน่าจดจำซักเท่าไหร่เลย555555 ความสัมพันธ์ตรงนี้มันงดงามมากๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องราวของผู้ป่วยเป็นโรคร้าย แต่หนังเองก็ไม่ได้ขายความดราม่า ร้องไห้น้ำตาไหลพรากอะไรขนาดนั้น หนังถ่ายทอดถึงอารมณ์ ความรู้สึกของตัวสตีเฟ่นกับเจนออกมาได้เรียล ความรัก ความเสียสละของคนทั้งคู่มันงดงามมากๆ เราซาบซึ้งและได้แรงบันดาลใจอะไรบางอย่างจากตรงนี้มากกว่า  เจนที่ยอมอยู่กับสามีที่ทำอะไรเองไม่ได้ แม้ว่าเธอจะเคยนอกใจแต่สุดท้ายความรักที่มีต่อสตีเฟ่นมันก็ไม่เคยจางหายไปไหน ส่วนตัวสตีเฟ่นที่ยอมหย่ากับเจนแม้จะยังรักเธออยู่เพื่อปล่อยให้เธอมีชีวิตเป็นของตัวเอง ทั้งคู่ต่างมีสิ่งเดียวกันคือความรักต่ออีกฝ่าย และไม่ว่าต่อให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเป็นยังไงในตอนท้ายแต่ความรักในหัวใจก็ยังคงไม่จางหายไปไหน นักแสดงทั้งคู่ทำหน้าที่ได้ดีมากๆ ตัวเอ็ดดี้ที่แสดงเป็นสตีเฟ่นก็ยังคงเล่นดีตามแบบของเค้า ส่วนที่น่าชื่นชมเลยคือตัวเฟลิซิตี้ โจนส์ ที่แสดงเป็นเจน สายตาของเธอแสดงออกถึงความรู้สึกหลายหลายทำให้คนดูอย่างเราเข้าใจตัวละครของเจนจริงๆ  จากที่หมอเคยบอกว่าสตีเฟ่นจะอยู่ได้อีกไม่เกินสองปี สิ่งที่น่าแปลกใจคือเค้ายังคงมีชีวิตอยู่จนอายุ 76 ปี เรายังคงเชื่อว่ามันคงเป็นเพราะความรักที่สตีเฟ่นมีต่อฟิสิกส์ที่ยังอยากทดลองทฤษฎีจักรวาลต่อไปกับความรักเต็มหัวใจที่มีต่อเจนที่ยังคงหล่อเลี้ยงทั้งหัวใจและร่างกายของเค้าให้ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป เป็นหนังที่ควรหามาดูอีกเรื่อง เนื้อหาอาจจะไม่ได้เด็ดดวงอะไร แต่ความรู้สึกที่มีต่อความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่มันงดงามจริงๆ  Just so into everything ติดตามรีวิวภาพยนตร์อื่นๆ จากนักเขียนได้ที่นี่ https://www.facebook.com/justsointoeverything/ ขอบคุณภาพประกอบจาก Official Teaser https://youtu.be/Salz7uGp72c    

คิวท์เกินต้าน! ‘กองทัพ พีค’ เปิดตัวซิงเกิ้ลใหม่ ‘21วัน ทฤษฎีจีบเธอ (Love Theory)’
อ่าน

คิวท์เกินต้าน! ‘กองทัพ พีค’ เปิดตัวซิงเกิ้ลใหม่ ‘21วัน ทฤษฎีจีบเธอ (Love Theory)’

คิวท์เกินต้าน กองทัพ พีค ศิลปินไอดอลมากความสามารถ เปิดตัวซิงเกิ้ลใหม่ "21วัน ทฤษฎีจีบเธอ (Love Theory)"! "21วัน ทฤษฎีจีบเธอ (Love Theory)" ซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุดที่มาแรงที่สุด ณ เวลานี้ และเป็นซิงเกิ้ลแรกของ กองทัพ พีค ที่คิดและทำด้วยตัวเองทุกขั้นตอนตั้งแต่แต่งเนื้อร้อง ทำนองและเรียบเรียง ไปจน ร้อง แร็ป โปรดิวซ์ และเล่น MV ด้วยตัวเอง จนออกมาเป็นเพลงป็อปสุดคิวท์เต็มไปด้วยจังหวะสนุกสนาน ที่ฟังแล้วต้องยิ้มและขยับแขนขาตามจังหวะอย่างไม่รู้ตัว ฟังได้แล้วทุกช่องทางสตรีมมิ่ง พร้อมชม MV ได้ที่ชาแนล YouTube: Kongthap Peak หลังจากแสดงความสามารถด้านดนตรีด้วยการร้องและแต่งเพลงทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษาจีน รวมถึงเพลงประกอบละคร อาทิ Say No, PROMISE YOU และ 犯傻 (Dont be stupid again) วันนี้ กองทัพ พีค ตัดสินใจนำเสนอแนวทางดนตรีของตัวเอง โดยปล่อยซิงเกิ้ลและมิวสิกวิดีโอ "21วัน ทฤษฎีจีบเธอ (Love Theory)" เป็นเพลงป็อปที่มีกลิ่นไอซินท์ป็อปบาง ๆ และเพิ่มจังหวะให้สนุกสนาน โดยเป็นการทำงานร่วมกับศิลปินรุ่นใหม่มากความสามารถ อย่าง BALLCHON และ Wine Neti ที่มาช่วยเรียบเรียงและมาสเตอริ่งให้สื่อสารให้เข้าถึงหัวใจของคนที่รักจังหวะเบา ๆ และเสียงนุ่มๆ ของ กองทัพ พีค ได้อย่างชัดเจน กองทัพ พีค ได้เล่าถึงแรงบันดาลใจและที่มาของเพลงนี้ไว้ว่ามาจากทฤษฎี 21 วันที่ หากเราทำอะไรที่ตั้งใจสักอย่างติดต่อกันซ้ำๆ อย่างน้อย 21 วัน สิ่งๆ นั้นจะกลายเป็นนิสัย และถ้าหากเราทักไปคุยกับใครซักคนที่เราสนใจไป 21 วัน วันที่ 22 ถ้าคนคนนั้นสนใจเรา เค้าจะทักเรากลับมา หลังจากที่ปล่อยเพลง "21วัน ทฤษฎีจีบเธอ (Love Theory)" ไปไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็ได้รับการตอบรับจากแฟนเพลง และแฟนคลับที่ติดตามผลงานอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะจังหวะของเพลงที่ฟังง่าย ติดหู และมีท่าเต้นที่เชิญชวนให้ได้ขยับตามอย่างไม่รู้ตัว นอกจากคำร้องทำนองแล้ว กองทัพ พีค ยังได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์มิวสิกวิดีโอ และออกแบบท่าเต้นด้วยตัวเอง นำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาใช้ในการทำงานอย่างเต็มที่ เรียกได้ว่าเป็นศิลปินมากความสามารถที่มีทั้งพรสวรรค์และพรแสวงอย่างแท้จริง และเพื่อขยายขอบเขตของผลงานเพลงและดนตรีไปได้ไกลยิ่งขึ้น กองทัพ พีค จึงได้จับมือกับ บริษัท วอร์นเนอร์ มิวสิค (ประเทศไทย) จำกัด เข้ามาร่วมเป็น Distribution Partner อีกทางหนึ่ง จึงเป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งว่า ด้วยความสามารถของคนรุ่นใหม่ที่มีความเป็น Multi-Talented และมุ่งมั่นที่จะขยายเส้นทางของตัวเองเพื่อเป็นศิลปินจะสามารถก้าวไปได้ไกลขนาดไหน วันนี้ไม่มีใครปฏิเสธความสามารถในการแสดงของ กองทัพ พีค แต่ในอีกมุมที่ พีค รัก และมีความตั้งใจสร้างสรรคผลงานก็คือด้านการทำเพลงก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นศิลปินยุคใหม่ ในโลกที่เต็มไปด้วยโอกาสที่หลากหลาย ไร้ข้อจำกัดด้านภาษา และการตีกรอบความคิด พีค จึงเลือกสร้างสรรค์ผลงานดนตรีในแบบของตัวเอง เพื่อที่จะได้แสดงตัวตนลงในทุกบทเพลงที่แต่งขึ้นมา มอบให้กับแฟนทั่วทุกมุมโลก ความตั้งใจของ พีค จึงเปรียบได้กับเรือลำน้อยที่กล้าออกเดินทางไปทั่วโลกบนพื้นมหาสมุทรที่พร้อมโอบรับและนำพาเรือลำนี้ไปสู่เป้าหมายทุกๆ สถานที่ ทุกๆ เส้นทางที่เรือลำนี้จะมุ่งไป ฟังเพลง "21วัน ทฤษฎีจีบเธอ (Love Theory)" ติดตามการทำงานบนเส้นทางสายดนตรีของ กองทัพ พีค ได้แล้ววันนี้ ทุกช่องทางออนไลน์และสตรีมมิ่ง อ่านข่าวเพลงใหม่วันนี้อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง : เพลง 21 วันทฤษฎีจีบเธอ จาก กองทัพ พีค น่ารักเกินต้านจนทะลุล้านวิว! ของขวัญล่วงหน้า! กองทัพ พีค COVER เพลง Mistletoe เป็นของขวัญให้แฟนเพลงต้อนรับคริสต์มาส กองทัพ พีค ไอดอลคุณภาพส่งซิงเกิ้ล ทุกนาที หวานริมเกาะ เบลล่า ร่วมแจมตั้งชื่อเพลง (มีคลิป) กองทัพ พีค แต่งเองร้องเองเพลง Promise You อารมณ์หวานประกอบละคร Dare To Love ให้รักพิพากษา (มีคลิป) ฟังเพลงออนไลน์เพลงใหม่ ได้แล้ววันนี้บน TrueID ทั้ง เว็บไซต์ และ แอปพลิเคชัน กดเลย community แห่งความบันเทิง📸เมาท์ข่าวดารา กับเจ๊รุงรังขังรวมทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ 🍿ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล😍ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี

โดม-เบนซ์ นำทีมบวงสรวงซีรีส์ The Theory Series ทฤษฎีรัก เอาฤกษ์เอาชัย!
อ่าน

โดม-เบนซ์ นำทีมบวงสรวงซีรีส์ The Theory Series ทฤษฎีรัก เอาฤกษ์เอาชัย!

ข่าวบันเทิงวันนี้ โดม วรนาถ รัตนภาส และ เบนซ์ ณัฐพงศ์ ผาทอง หรือ เบนซ์อเลิ๊ต นำทีมเพื่อนนักแสดง ร่วมบวงสรวง The Theory Series ทฤษฎีรัก เอาฤกษ์เอาชัย ช่วงเช้าวันนี้ (13 พ.ย.2564) ส่งผลให้ #บวงสรวงทฤษฎีรัก ติดเทรน์ โดม-เบนซ์ นำทีมบวงสรวงซีรีส์ The Theory Series ทฤษฎีรัก เอาฤกษ์เอาชัย! ถือฤกษ์งามยามดีช่วงเช้าวันนี้ (13 พ.ย.2564) เวลา 9.00 น. ที่เหล่าทีมงาน และนักแสดงนำทีมโดย โดม วรนาถ และ เบนซ์ ณัฐพงศ์ จัดพิธีบวงสรวงซีรีส์เรื่อง The Theory Series ทฤษฎีรัก เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัย ให้การถ่ายทำราบรื่น งานนี้นักแสดงตบเท้ามากันพร้อมหน้า พร้อมกับอากาศที่สดชื่นยามเช้า และแน่นอนว่าแฟน ๆ ของ เบนซ์ไม่พลาดส่งฟู้ดทรัคมาเป็นกำลังใจ แถมยังส่งกำลังใจผ่าน #บวงสรวงทฤษฎีรัก อีกด้วย กดเลย community แห่งความบันเทิง📸เมาท์ข่าวดารา กับเจ๊รุงรังขังรวมทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ 🍿ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล😍ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี

เฌอปราง เผยมุมมอง Black Dog Theory ใน ซีรีส์น้ำดีสะท้อนสังคม Thank You Teacher
อ่าน

เฌอปราง เผยมุมมอง Black Dog Theory ใน ซีรีส์น้ำดีสะท้อนสังคม Thank You Teacher

Thank You Teacher ซีรีส์น้ำดีสะท้อนสังคม ผลงานของ ค่าย ทรู ซีเจ ครีเอชั่นส์ (TRUE CJ Creations) นำแสดงโดย "เฌอปราง อารีย์กุล" พร้อมด้วย "เปิ้ล หัทยา วงษ์กระจ่าง, เอ็มดี ณัฐพงศ์ พิบูลธนเกียรติ, ศิลป์ รุจิรวนิช" เตรียมออนแอร์ตอนแรกใน วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน นี้ ดูฟรี ที่เดียวที่ทรูไอดี หลังจากปล่อยภาพโปสเตอร์และทีเซอร์ออกมา ก็ได้เสียงตอบรับจากแฟนๆ ซีรีส์ทั่วโซเชียล โดยซีรีส์เรื่องนี้ นอกจากนำเสนอในวิชาชีพครู และความสัมพันธ์ของครูกับในนักเรียนในยุคปัจจุบันแล้ว ยังได้โครงเรื่องจากซีรีส์เกาหลีชื่อดัง อย่าง Black Dog หมาดำซินโดรม อีกด้วย เฌอปราง อารีย์กุลหรือ เฌอปราง BNK48 รับบท ครูโกะ งานนี้เฌอปราง อารีย์กุล นักแสดงนำของเรื่องเผยมุมมองของ Black Dog Theory (ทฤษฎีหมาดำซินโดรม) ไว้ว่า "ในความเข้าใจของเฌอมองว่าคล้ายๆ แกะดำ ใครก็อยากจะเลือก แกะสีอ่อนๆ หรือน้องหมาสีอ่อนๆ เหลือเพียงตัวที่แตกต่างเอาไว้ เพราะไม่เข้าพวก ซึ่งก็เหมือน โกะ บทที่เฌอปรางได้รับ โกะจะมีความบกพร่องในการเรียนรู้ และไม่เหมาะกับการเป็นครู แต่เมื่อเขาได้โอกาส เขาทุ่มสุดตัวและตั้งใจมาก และพยายามอยู่เสมอ ที่จะเป็นครูที่ดีให้ได้ ในตอนแรกอาจจะไม่ได้รับการยอมรับ เพราะเขาเป็นแกะดำและแตกต่าง แต่เขาก็ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเขาก็มีคุณค่า และความสามารถในแบบของเขาเหมือนกันค่ะ" ติดตามเรื่องราว และอุปสรรค ปัญหาต่างๆ ในรั้วโรงเรียนๆด้ใน ซีรีส์ Thank You Teacher ออนแอร์ตอนแรกวันที่ 23 มิถุนายน นี้ ดูฟรี Part 1 (7 ตอนรวด) ที่เดียวที่ทรูไอดี ตัวอย่างซีรีส์Thank You Teacher 📢 รับชมทุกความบันเทิง ซีรีส์ หนัง ละคร อนิเมะ รวมถึงกีฬาได้แบบจุใจ ⚽ลูกค้าทรูมูฟ เอช 🥰 รับเน็ตเล่นแอปทรูไอดีฟรี วันละ 2GB ทุกวัน คลิกเลย! อ่านข่าวบันเทิงวันนี้ที่เกี่ยวข้อง : "เฌอปราง" นำทีมบวงสรวงซีรีส์รีเมค "Thank You Teacher" รับบทครูคนสวย (มีคลิป) มาแล้วจ้า! ตัวอย่างซีรีส์ "Thank You Teacher" ซีรีส์น้ำดีแฝงความสนุกและสาระประโยชน์ "เฌอปราง" ปรับลุคเป็นคุณครู พร้อมเผยภาพโปสเตอร์ซีรีส์ "Thank You Teacher" ครั้งแรก 2 เบื้องหลังระดับเทพ รวมตัวปั้นซีรีส์ Thank You Teacher ซีรีส์สะท้อนสังคม

รีวิวหนังสือ เหตุเกิดจากความเหงา (Theory of Loneliness)
อ่าน

รีวิวหนังสือ เหตุเกิดจากความเหงา (Theory of Loneliness)

 พูดถึงความเหงาแล้ว มีหนังสือน้อยเล่มที่พูดถึงเกี่ยวกับความเหงา โดยมีวิทยาศาสตร์มาให้เหตุผลรองรับ ปัญหาของความเหงาก็คือ.... มันทำให้คนรู้สึกว้าเหว่ ดิ้นรนที่จะหาใครสักคนมาร่วมชีวิต บางครั้งมันก็ทำให้เราตัดสินใจผิด เลือกคนที่เราไม่ได้รักจริงมาเป็นแฟน แล้วก็กลายเป็นปัญหาชีวิตในภายหลัง แท้จริงแล้วความรู้สึกเหงามีเหตุผลทางสัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดซ่อนอยู่ เพียงแต่เราต้องรู้ตัว เข้าใจตัวเองให้มากขึ้น นพ.ปีย์ เชษฐ์โชติศักดิ์ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะมาให้ความรู้เรื่องราวของความรักและความเหงาถึงประเด็นต่างๆที่เกิดขึ้น เพื่อที่ว่าเราจะได้เข้าใจมากขึ้นว่า...ทำไมความรู้สึกเหงาถึงทำกับเราได้ขนาดนี้  สิ่งที่ได้เรียนรู้และประทับใจจากครีเอเตอร์ ได้เรียนรู้ว่า Natural Selection เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนโครงสร้างร่างกายจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้เอื้อต่อการใช้ชีวิตให้อยู่รอดได้มากขึ้น เมื่อสิ่งมีชีวิตจับคู่มีลูก มันจะต่างจากพ่อแม่ทีละนิดที่สร้างความได้เปรียบหรือเสียเปรียบต่อการอยู่รอดก็ได้ ตัวที่มีความได้เปรียบ ก็จะมีโอกาสได้คู่เพื่อให้เกิดความอยู่รอด (มีโอกาสสืบพันธุ์) มากกว่า  นี่คือเหตุผลที่ทำไมยีราฟจึงคอยาว ช้างจึงมีงวง ธรรมชาติได้ทำการคัดเลือกไว้แล้ว ผู้ที่ไม่มีความได้เปรียบในการอยู่รอด จะไม่มีใครอยากจับคู่ โดดเดี่ยวและสูญพันธุ์ในที่สุด ได้เรียนรู้ว่าเราสามารถรู้จักผู้คนได้สูงสุด 150 คน ตามความสามารถของสมองและมีติดต่อไปมาหาสู่เป็นระยะๆ ได้เรียนรู้ว่าความรู้สึกเหงาติดต่อกันได้ มีส่วนทำให้บรรยากาศรู้สึกวังเวงตามไปด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเซลล์ประสาท Mirror Neuron สมองเกิดความรู้สึกตามแบบคนอื่น เพื่อทำให้เรารู้ว่าคนอื่นกำลังทำอะไร ทำให้เรารู้ว่าเขาทำไปเพื่ออะไร พอเราเข้าใจก็ทำให้อ่านเจตนาจากพฤติกรรมของคนอื่นได้โดยที่ไม่ต้องถาม ได้เรียนรู้ว่าการหาเพื่อนใหม่ แก้ความเหงาได้ดีกว่าการหาแฟน    ได้เรียนรู้ว่าเวลาเกิดความเหงา สมองส่วน Dorsal Raphe Nucleus (DRN) จะทำงานนน้อยกว่าปกติ ได้เรียนรู้ว่าความเหงาเกิดขึ้นกับมนุษย์ยุคก่อน ที่ถูกพลัดหลงหรือถูกขับไล่ออกจากเผ่า ทำให้ไม่มีที่อยู่ หาอาหารลำบาก ถูกสัตว์อื่นล่า เอาชีวิตไม่รอดความเหงาจึงกระตุ้นเพื่อให้ตนรู้จักหาทางเอาตัวรอด ได้เรียนรู้ว่าวิธีพ้นจากความเหงา นักวิจัยแนะนำ 3 วิธี1.มองหาสัญญาณว่าเราเริ่มเหงา โดยวัดจากการทำแบบทดสอบ2.เข้าใจสภาพแห่งความเหงา ยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นและค่อยๆปรับพฤติกรรม3.เน้นคุณภาพความสัมพันธ์ ไม่ใช่ปริมาณ มีความสนิทใจจริง คุยกันถูกคอ หรือหากลุ่มที่สนใจสิ่งที่เราชอบเหมือนกัน  ได้เรียนรู้ทฤษฎี Parental Investment คือการลงทุนของฝ่ายหญิงเพื่อหาคู่ครองคุณภาพ จะได้มีบุตรที่สมบูรณ์แข็งแรง ฝ่ายหญิงลงทุนมากกว่าจากการวางไข่ ตั้งครรภ์ ความเสี่ยงในการคลอด โดยฝ่ายหญิงจะพิจารณาผู้ชายจากความสามารถในการดูแลฝ่ายหญิง ความเท่ ความกล้าหาญ อารมณ์ที่มั่นคงและสม่ำเสมอ มีความแข็งแรง เป็นต้น ได้เรียนรู้ว่าคู่รักที่ประสบความสำเร็จใช่ว่าจะต้องหวานแหววอยู่ตลอดเวลา แต่เป็นคู่ที่สามารถเปิดใจซ่อมแซมความรักของกันและกันได้เก่ง ไม่วิพากษ์วิจารณ์กัน หยุดปกป้องตัวเองจากความผิดต่างๆ หยุดดูถูกและประชดประชัน อีกทั้งยังเลิกเย็นชาต่อกันด้วย  ครีเอเตอร์เองก็ได้ลองไปปรับใช้ แล้วก็เริ่มเข้าใจในความเหงาของตัวเองมากขึ้นแล้ว แม้จะแก้ไขความเหงาของตัวเองไม่ได้ แต่การที่เราเข้าใจตัวเองมันช่วยให้เรารู้จักวางตัวในสังคมให้เหมาะสมมากขึ้น และหวังว่าสักวันตัวครีเอเตอร์เองจะพ้นไปจากความเหงา ความว้าเหว่ แล้วกลับมามีความอบอุ่นอย่างยั่งยืนในสักวันหนึ่ง เชื่อว่าคุณผู้อ่านทุกท่านก็ปรารถนาความอบอุ่นแบบนั้นเช่นกัน และนี่ก็คือความเหงาที่เราได้เรียนรู้ ความเหงาเป็นทุกข์ และการเรียนรู้เกี่ยวกับความเหงาก็อาจทำให้เราแก้ไขความทุกข์ได้ดีขึ้น ความเหงาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เป็นสัญญาณเพื่อช่วยให้เรารู้จักอยู่รอด ถ้าเราแก้ปัญหาความเหงาได้เหมาะสม ชีวิตก็จะเป็นปกติสุขมากขึ้น เครดิตภาพภาพปก โดย nuchao จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย pch.vector จาก freepik.comภาพที่ 4 โดย sevendeman จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ THEORY OF LOVE เหตุ*ผล*คน*รักรีวิวหนังสือ ตอบปัญหาวิชาใจรีวิวหนังสือ GOOD VIBES, GOOD LIFE ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุขรีวิวหนังสือ EQ ดี อารมณ์ดี ชีวีสดใสรีวิวหนังสือ อยู่ด้วยกันเพราะอยากอยู่ ไม่ใช่จำเป็นต้องอยู่ (THE RULES OF LOVE) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

“อุ๊งอิ๊ง” ร่วมงานแถลงข่าว “The Celebration : Right to Love”
อ่าน

“อุ๊งอิ๊ง” ร่วมงานแถลงข่าว “The Celebration : Right to Love”

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธานในงานแถลงข่าวการจัดกิจกรรมภายใต้แคมเปญ The Celebration : Right to Love เพื่อร่วมฉลองในโอกาสที่ประเทศไทยมีกฏหมายสมรสเท่าเทียมนับเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมด้วยผู้แทนจากองค์กรภาครัฐและเอกชนร่วมจัดงานเฉลิมฉลองด้วยมหกรรมอีเว้นท์ตลอดเดือนแห่ง Pride อย่างยิ่งใหญ่สำหรับงาน Pride Month ซึ่งผู้คนทั่วโลกให้ความสำคัญและจัดกิจกรรมในเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วโลก เป็นโอกาสอันดี ที่กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเดสติเนชั่นในดวงใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จะร่วมกันจัดงานฉลอง Pride Month กรุงเทพมหานครมีศักยภาพในทุกมิติ มีความหลายหลายที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทุกไลฟ์สไตล์และความสนใจ และหนึ่งในโกลบอลคอมมูนิตี้ที่สำคัญ คือกลุ่ม LGBTQ+ การจัดงาน Pride Month จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในทุกมิติ ที่ สยามดิสคัฟเวอรี่(เมื่อวันที่ 14 พ.ค.67)ภาพโดย: ธนาชัย ประมาณพาณิชย์

love is love!
อ่าน

love is love!

ผมเชื่อเหลือเกินว่าแทบจะทุกคนจะรู้จักคำว่า “รัก” เป็นอย่างดี แต่อาจจะมีที่มา หรือความเข้าใจความหมายของคำดังกล่าวต่างกัน หากเรานำคำนี้ไปถามคนบางกลุ่ม เราอาจจะได้คำตอบที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า กลุ่มคนเหล่านั้นมีผลประโยชน์ (มากน้อย) อย่างไร  หากเรามอง ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน อาจมีบางท่านให้คำนิยามว่า ความรักคือความปรารถนาดีต่อกันและกัน ตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๖๐๘๓/๒๕๔๖ ที่กล่าวว่า “.. ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริงคือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรักความยินดีที่คนที่ตนรักมีความสุข การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิด และการเสียสละความสุขของตนเพื่อความสุขของคนที่ตนรัก จำเลยปรารถนาจะยึดครองผู้ตายเพื่อความสุขของจำเลยเอง เมื่อไม่สมหวังจำเลยก็ฆ่าผู้ตาย เป็นความผิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของจำเลยโดยฝ่ายเดียว มิได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของผู้ตาย หาใช่ความรักไม่ ..." นอกจากนี้ในเชิงความสัมพันธ์ของมนุษย์ เราอาจวิเคราะห์ในอีกนัยหนึ่ง คือ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นรวมถึงสิ่งไม่มีชีวิตได้ เหล่านี้ล้วนสะท้อนจาก มิติทางกฎหมาย เช่น กฎหมายอาญา ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ หรือ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วย ละเมิด และ/หรือทรัพย์ เป็นต้น ทั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์อาจสะท้อนจากการประกาศใช้กฎหมายเป็นการเฉพาะ อาทิ พรบ. พรบ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ฯ พ.ศ.2557 เหล่านี้ย่อมสะท้อนถึงความรักที่เรามีต่อสิ่งของ และสัตว์ ตามลำดับ อนึ่ง ในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์นั้น อาจไปได้ไกลถึงสถาบันครอบครัวที่ประกอบด้วย พ่อ-แม่-ลูก ซึ่งรับรองโดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ:ครอบครัว กล่าวคือ กฎหมาบรับรองสถานะความเป็นบิดา มารดาและบุตร รวมถึงส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวให้มีอยู่ตราบนานเท่านาน โดยเปิดโอกาสให้บุคคลใดก็ตาม (ไม่จำกัดเพศ) ที่หาญกล้ามาทำให้สถาบันครอบครัวสั่นคลอนจำต้องรับโทษทางกฎหมาย ตามมาตรา 1516 ที่บัญญัติว่า “เหตุฟ้องหย่า มีดังต่อไปนี้                     (๑)* สามีหรือภริยา อุปการะเลี้ยงดู หรือ ยกย่อง ผู้อื่น ฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้ หรือ มีชู้ หรือ ร่วมประเวณีกับ ผู้อื่น เป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่ง ฟ้องหย่าได้...” ซึ่งโปรดสังเกตคำว่า “ผู้อื่น” นั้นแปลว่ากฎหมายไม่คำนึงถึงเพศในลักษณะเฉพาะ แม้ว่าสามีหรือภริยา จะมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเพศเดียวกัน เขาหรือเธออาจถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ และอาจถือเป็นเหตุแห่งการฟ้องหย่าได้และในทางกลับกันหากมองในมุมกฎหมายอาญานั้น มีการการเปลี่ยนแปลง/แก้ไขกฎหมายเพื่อลงโทษการข่มขืนเพศเดียวกันได้ เช่น มาตรา “มาตรา ๒๗๖ (ที่ว่า) “ผู้ใดข่มขืนกระทำาชำาเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำ ให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง (ที่กล่าวก่อนหน้านี้) ได้กระทำโดยทำให้ผู้ถูกกระทำเข้าใจว่าผู้กระทำมีอาวุธปืน หรือวัตถุระเบิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถึงสี่แสนบาท ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง ได้กระทำโดยมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้อาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงหรือกระทำกับชายในลักษณะเดียวกัน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สามแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำความผิดระหว่างคู่สมรส และคู่สมรสนั้นยังประสงค์จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติแทนการลงโทษก็ได้ ในกรณีที่ศาลมีคำ พิพากษาให้ลงโทษจำคุก และคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ประสงค์จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาต่อไป และประสงค์จะหย่า ให้คู่สมรสฝ่ายนั้นแจ้งให้ศาลทราบ และให้ศาลแจ้งพนักงานอัยการให้ดำเนินการฟ้องหย่าให้” โปรดอ่านอีกครั้งและ ผมขออนุญาตกล่าวเหตุผลเดิมคือ กฎหมายอาญามุ่งจะลงโทษการกระทำความผิดทางอาญาในความผิดเดิมที่เคยกำหนดให้เฉพาะบุคคลต่างเพศกระทำได้เท่านั้นส่งผลให้ผมมานั่งใคร่ครวญว่า การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายดังกล่าวนั้นพยายามลงโทษบุคคลอย่างเสมอภาคกัน (หรือไม่?) โดยไม่เปิดช่องโหว่ทางกฎหมายให้บุคคลเพศเดียวกันสามารถรอดพ้นเงื้อมมือทางกฎหมายได้หากกระทำความผิด การแก้ไขทางกฎหมายจึงน่าจะสะท้อนหรือสอดคล้องกับความเป็นไปทางสังคมได้อย่างลงตัว แต่ในขณะเดียวกันผมกลับมองว่า คนในกลุ่ม LGBTQ อาจต้องรับผิดรับโทษดังที่ผมกล่าวมาข้างต้น กลับกันสิทธิที่คนกลุ่มดังกล่าวพึงมีพึงได้กฎหมายยังหาได้รับรองไม่ ด้วยเหตุนี้ผมจึงอยากจะสะท้อนว่า “เรา (กฎหมาย)เป็นธรรม แล้วหรือ?” กล่าวในอีกนัยหนึ่งคือ หากเป็นการลงโทษคนกลุ่ม LGBTQ อาจต้องรับผิดตามกฎหมายเฉกเช่นเดียวกับ straight แต่ในขณะเดียวกัน คนกลุ่ม LGBTQ หาได้มีสิทธิเสมอ straight ไม่                   ด้วยเหตุนี้ ผมจึงอยากสร้างแรงกระเพื่อมเชิงสังคมและกฎหมายว่า “เราควรให้การรับรองสิทธิขั้นพื้นฐานแก่คนกลุ่มนี้แล้วหรือยัง” สิทธิขั้นพื้นฐานในกรณีนี้ คือ “ความรัก” ที่ทุกคนทราบความหมายแต่ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม                 นอกจากนี้ผมยังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่า คนกลุ่มความหลากหลายทางเพศไม่สมควรได้รับการรับรองทางกฎหมาย โดยเฉพาะกลุ่มฝ่ายคัดค้านที่อ้างเรื่อง แนวคิดอนุรักษ์นิยมที่มุ่งคุ้มครองความรักเฉพาะ ชาย-หญิงเท่านั้น ไม่คุ้มครองเพศเดียวกัน แต่ผมขออนุญาตตั้งข้อสังเกตว่า ประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ ถูกร่างในสมัยที่การเรียกร้องสิทธิในกลุ่ม LGBTQ ยังไม่ได้รับความสนใจเฉกเช่นปัจจุบัน การคุ้มครองความสัมพันธ์เฉพาะชาย-หญิงในสมัยดังกล่าวย่อมคาดหมายได้ แต่กลับไม่สอดคล้องกับกระแสในยุคปัจจุบัน   ด้วยเหตุนี้ในเมื่อกฎหมายทั้งสองฉบับได้แก้ไขบทลงโทษแก่เพศเดียวกันแล้ว เพราะเหตุใดจึงยังไม่ยอมรับรองสิทธิบุคลในกลุ่มดังกล่าวเสียที                   หลายท่านอาจจะเห็นแย้งว่า ครม.อนุมัติหลักการในร่าง พรบ.คู่ชีวิตแล้ว จึงน่าจะถือเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อคนในกลุ่ม LGBTQ ... ก็จริงอย่างที่ท่านว่า แต่การแก้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ง่ายกว่าหรือครับ? ทั้งนี้เพื่อรับรองสิทธิในความเป็นพลเมือง (Civil right) ในส่วนของการสร้างครอบครัวระหว่างคู่รักเพศเดียวกัน เฉกเช่นเดียวกับ คู่รักต่างเพศ ยิ่งเราพยายามสร้างกฎหมายที่มีลักษณะเฉพาะบังคับความรักไม่ว่าจะเพศ และ/หรือ สถานะภาพใด ย่อมเป็นการยากที่เราจะกล้าบอกกับสังคมโลกว่า เราปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม ... รักก็ คือ รัก ครับ อย่าทำให้เรื่องมันยากไปกว่านี้ ฝากไว้ให้คิดครับ ผมเรียนสอบถามผู้ใหญ่ในบ้านเมืองครับว่า เมื่อไหร่จะเลิกมอง LGBTQ เป็นผู้ถูกกระทำเสียที โลกเขาไปถึงไหนแล้วครับ การที่กฎหมายรับรองไม่ได้ทำให้ให้ประเทศดูไร้อารยธรรม กลับกันประเทศไทยจะน่าอยู่มากขึ้นเป็นกอง อย่างน้อยเศรษฐกิจหลายต่อหลายประเทศก็ถูกขับเคลื่อนโดย LGBTQ นะครับ อย่าให้ต้องถึงขนาดกฎหมายรับรองสถานะทางกฏหมายของ AI ก่อน  ภาพโดย https://images.app.goo.gl/PCvqJqQjLd5d3m3HA) เลยครับ (เรียนตามตรงผมละอาย)! (ภาพโดย https://conservativememes.com/i/lgbt-straight-comment-like-none-20939290) ท้ายนี้นะครับ หากสนใจเรื่อง ความหลกหลายทางเพศจะมีการจัดประชุมสัมนาที่ คณะนิติศาสาตร์จุฬา  “คู่ชีวิต = คู่สมรส ?” วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562 เวลา 13.00-16.00 น.ณ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (http://www.law.chula.ac.th/event/7168/?fbclid=IwAR0hfL6zfcOoc5R9tNUBa8WwsMVGrANlFvGnVcpoI1hZ4nGT6P6XaaDA0Bw) 

LOXLEY จัดกิจกรรม “Pay the Love forward” ครั้งที่ 4
อ่าน

LOXLEY จัดกิจกรรม “Pay the Love forward” ครั้งที่ 4

บมจ.ล็อกซเล่ย์ นำโดย รัตนา วัชรเสถียร ผู้อำนวยการฝ่าย และ บจก.รักษาความปลอดภัย เอเอสเอ็ม แมเนจเมนท์  (ASM) จัดกิจกรรม “Pay the Love forward” ครั้งที่ 4 ชวนทีมโค้ชจิตอาสาจาก สมาพันธ์โค้ชนานาชาติ กรุงเทพฯ (ICF Bangkok Chapter) พร้อมด้วย นักกีฬาฟุตบอลคนตาบอดทีมชาติไทย สังกัดโครงการ "ล็อกซเล่ย์-เอเอสเอ็ม สปอร์ต ฮีโร่" ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ เพิ่มพลังบวกให้กับน้องๆ เยาวชนชายจาก ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านมุทิตา สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.ปทุมธานี และสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.นครปฐม

ซีรีส์จีน Fall in Love with a Fox บ่วงเสน่ห์เล่ห์สิคาล ที่ TrueID
อ่าน

ซีรีส์จีน Fall in Love with a Fox บ่วงเสน่ห์เล่ห์สิคาล ที่ TrueID

ซีรีส์จีน Fall in Love with a Fox บ่วงเสน่ห์เล่ห์สิคาล มาพบกับภารกิจกอบกู้ทวงคืนความยุติธรรมของเธอกับเขา มือสังหารสาวที่ความจำเลือนหายไป กับนักดนตรีกู่ฉินที่แอบซ่อนแผนการบางอย่างเอาไว้ กลายเป็นปฏิบัติการที่คลุกเคล้าไปด้วยความสัมผัสใกล้ชิดแห่งหัวใจ ซีรีส์ที่ดัดแปลงสร้างมาจากนิยายดังของ หนานเจี่ยนฉิ่วถ่วน มาพร้อมกับทัพนักแสดงเพียบ นำโดย "หวันเหยียนลั่วหรง" ประกบ "สวีห่าว" ติดตามรับชมตอนใหม่ได้ทุกวัน เวลาประมาณ 17.00 น. ในรูปแบบซับไทย เริ่มตอนแรก 20 กันยายนนี้ ดูได้ดูฟรีที่ทรูไอดี

"ฮาร์ธ–นนท์" โคจรส่งความฟิน ในซีรีส์  ‘Live in Love รักผ่านไลฟ์’
อ่าน

"ฮาร์ธ–นนท์" โคจรส่งความฟิน ในซีรีส์  ‘Live in Love รักผ่านไลฟ์’

ประเดิมเป็นผู้ผลิตซีรีส์เรื่องแรก สำหรับ STUDIO ON FIRE (สตูดิโอ ออน ไฟเยอร์) ใน "Live in Love รักผ่านไลฟ์ The Series" นำแสดงโดย "ฮาร์ธ ชินดนัย เดชะวลีกุล" และ "นนท์ รัชชานนท์ กันเพรียง" จากหนังสือนิยายของนักเขียนนิยายวายชื่อดังในนามปากกา ยอนิม สู่ซีรีส์สุดอบอุ่นหัวใจ Studio On Fire ( สตูดิโอ ออน ไฟเยอร์ ) สตูดิโอน้องใหม่ประเดิมจัดสร้างผลงานภาพยนตร์ ด้วยมินิซีรีส์เรื่องแรก Live in Love รักผ่านไลฟ์ The Series บทประพันธ์ของนักเขียนขวัญใจผู้อ่านสายวาย ยอนิม เจ้าของนิยายเรื่อง Love Syndrome รักโคตรๆโหดอย่างมึง , Why? ทำไมต้องร้าย ทำไมต้องรัก และเรื่องอื่นๆอีกมากมาย ทางสตูดิโอ ออน ไฟเยอร์ นำลิขสิทธิ์บทประพันธ์เรื่อง Live in Love รักผ่านไลฟ์ ของ ยอนิม สไตล์ค่อนข้างแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ เต็มไปด้วยความฟิน จิ้น ละมุน ใจฟู และอบอุ่น มาสร้างเป็นมินิซีรีส์ Live in Love รักผ่านไลฟ์ เดอะซีรีส์ เป็นเรื่องราวในช่วงเวลาโควิดที่ทุกคนต้องกักตัวอยู่บ้านกันเป็นส่วนใหญ่ รวมไปถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ต้องเรียนออนไลน์และทำกิจกรรมส่วนใหญ่ที่บ้าน โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่ ถูกเล่าผ่านสองตัวละครหลักอย่าง กล้า ชายหนุ่มผู้เย็นชาที่ใจแข็งดั่งหินผา ที่ได้บังเอิญได้มาพบกับ เค้ก รุ่นน้องต่างมหาวิทยาลัยผ่านการ ไลฟ์ ทางสื่อโซเชียลของเพื่อนสนิท จากหัวใจที่ไม่เคยมองหรือแม้แต่ให้ความหวังใคร ก็เริ่มสนใจในรอยยิ้มสดใสแสนซื่อนั้นขึ้นมา ใครจะไปรู้ว่าเพียงหนึ่งคำพูดที่แซวกันเล่นๆ ชื่อน่ากินหว่ะ จากปากของกล้าต่อเค้กนั้น ได้กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์เพียงชั่วข้ามคืนกับแฮชแท็ก #กล้ากินเค้กไหม จนต่อยอดเป็นเรื่องราวความรักให้พวกเราได้อ่าน และกำลังจะได้รับชมกัน เร็วๆนี้ คู่จิ้นคู่ซี้อย่าง #ฮาร์ธนนท์ ฮาร์ธ ชินดนัย เดชะวลีกุล และ นนท์ รัชชานนท์ กันเพรียง มารับบท #กล้าเค้ก หลังจากได้ร่วมงานกันไปเล็กๆน้อยๆในบทบาทของ #นันแม็ค เรื่อง #LoveSyndrome #รักโคตรๆโหดอย่างมึง3 จนแฟนๆตกหลุมรักตามกันไปก่อนหน้านี้ ยอนิม เจ้าของบทประพันธ์เรื่อง Live in Love รักผ่านไลฟ์ มีการพูดถึงแรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องนี้ไว้ว่า... แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องนี้ เริ่มมาจากช่วงโควิด ช่วงแรกๆที่มีการกักตัว มีเคอร์ฟิว ก็เลยลองเข้าโซเชียลไปดูอะไรแก้เบื่อ แล้วบังเอิญไปเจอคลิปที่มีน้องๆ เค้าไลฟ์สดคุยกันกับเพื่อนแล้วมีคนตัดมาลง ก็เลยลองเข้าไปดู แล้วเห็นว่าน้องๆคุยกันน่ารักดี แก้เครียดให้เราได้ บางคนมารู้จักกันทางไลฟ์สดก็มี ก็เลยเกิดความคิดที่ว่า บางครั้งความรู้สึกดีๆ มิตรภาพดีๆ ก็มีให้กันผ่านโซเชียลได้นะเลยจุดประกาย อยากแต่งเรื่องราวที่เริ่มต้นจากการ พบเจอทางโลกโซเชียลบ้าง เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นสไตล์การแต่งนิยายที่แตกต่างจากเรื่องที่ผ่านๆมาของ #ยอนิม โดยสิ้นเชิง เพราะในช่วงโควิดได้งานเขียนน่ารักๆที่ฮีลใจตัวเองบ้างก็คงจะดียอนิมกล่าว คู่จิ้นคู่ซี้ที่รับบทนำอย่าง ฮาร์ธ-นนท์ เผยความรู้สึกว่า ดีใจที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้งตื่นเต้นที่ได้เป็นนักแสดงนำซีรีส์เรื่องนี้หลังจากทั้งสองคนได้อ่านหนังสือนิยายไปแล้วก็มีความคิดเห็นมาบอกเล่าให้ฟังดังนี้ ฮาร์ธ-ชินดนัย เดชะวลีกุล แสดงความคิดเห็นว่า รู้สึกชื่นชอบนิยายเรื่องรักผ่านไลฟ์มากๆครับ ตั้งแต่ขณะที่กำลังอ่านอยู่ก็ได้แต่อมยิ้มไป บางทีก็หลุดเขินขึ้นมาเมื่อเห็นภาพว่าเป็นตัวเองเล่น มันเป็นความรัก ความโรแมนติก ที่อยู่ในระดับชีวิตจริงมากๆครับ เลยทำให้เชื่อมั่นได้ว่าทุกคนจะสามารถเข้าถึงตัวละครเหล่านี้ และฟินไปกับซีรีส์เรื่องนี้ได้แน่นอน ผมว่าทุกคนสามารถมีพี่กล้า หรือน้องเค้ก เป็นของตัวเองในชีวิตจริง คือมันจับต้องได้ บวกกับคาแรคเตอร์อื่นๆที่มาเติมเต็มความครบรสสมดุลให้กับเนื้อเรื่อง ยกให้เป็นหนังสืออีกเล่ม ที่อยากให้ทุกคนได้อ่านเลยครับ พร้อมมากที่จะเริ่มทำงานกับตัวละคร กล้า อย่างสุดกำลังไปเลยครับ นนท์ -รัชชานนท์ กันเพรียง ก็ได้กล่าวไว้ดังนี้ รู้สึกตื่นเต้นมากๆที่ได้รับบทบาท ตัวละคร เค้ก เพราะว่าคาแร็คเตอร์ของเค้กค่อนข้างแตกต่างจากตัวผมพอสมควรในเรื่องของบุคลิก ที่เป็นคนซื่อๆ มึนๆ ดูไม่มีพิษมีภัย (แต่ไม่ได้หมายความว่าตัวผมจริงๆดูมีพิษมีภัยนะครับ 555+) แต่ในขณะเดียวกันก็ตามคนทัน ดูคนออก แต่ทำเป็นไม่รู้เท่านั้นเอง ซึ่งแตกต่างจากตัวผมเองพอสมควร แต่ก็จะมีสิ่งที่เหมือนกันคือ ชอบ ดนตรี และ เล่นเกมส์ จึงเข้าใจในบางสิ่งที่เค้กต้องการจะสื่อและรู้สึกผูกพันได้ง่าย โดยรวมคือชอบตัวละครนี้เลยครับ อยากรู้แล้วว่าตอนได้เข้าฉาก จะเป็นยังไง สนุกแค่ไหน รอติดตามรับชมกันเลยครับ ร่วมลุ้นไปพร้อมๆกันว่า กล้า กับ เค้ก จะได้พบกันในชีวิตจริงเมื่อไหร่ และเขาทั้งสองจะผ่านอุปสรรค ทั้งสถานการณ์ที่ต้องรักษาระยะห่าง และอุปสรรคความรักไปได้อย่างไร แล้วสุดท้าย #กล้ากินเค้กไหม มาหาคำตอบ และ ร่วมเสพความอบอุ่นใจฟูไปพร้อมๆกันเร็วๆนี้ ใน Live in Love รักผ่านไลฟ์ The Series

เปิดประวัติ โดม วรนาถ หรือ รหัส จากซีรีส์The Theory series ทฤษฎีรัก
อ่าน

เปิดประวัติ โดม วรนาถ หรือ รหัส จากซีรีส์The Theory series ทฤษฎีรัก

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ที่น่ารักทุกคนไหนใครเป็นแฟนซีรีส์วายกันบ้างเอ่ย ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ก็มีซีรีส์เรื่องThe Theory series ทฤษฎีรัก จะลงจอให้เพื่อน ๆ ได้รับชมเร็ว ๆ นี้ค่ะ ก่อนที่จะไปพูดถึงเรื่องราวของซีรีส์ขอโฟกัสไปที่นักแสดงกันก่อนนะคะ วันนี้ก็จะมาบอกเล่าประวัติของหนุ่มโดม วรนาถ หรือพี่รหัส ขอบอกเลยว่าในเรื่องพี่รหัสโดนจีบหนักมาก ในบทบาทของหนุ่มโดมที่รับบทเป็นพี่รหัสก็มีความขี้เก๊กมาก ๆ วงฟอร์มตลอดแต่ก็เสียอาการเมื่อเจอน้องคนโปรดอยู่บ่อย ๆ วันนี้เลยถึงเวลาเปิดประวัติโดม วรนาถ หรือ รหัสจากThe Theory series ทฤษฎีรักhttps://www.instagram.com/p/CTCPFjnlGp9/?utm_source=ig_web_copy_linkชื่อ : วรนาถ รัตนภาสชื่อเล่น : โดมเกิดเมื่อ : 11 เมษายน 2541ส่วนสูง : 178 cm.น้ำหนัก : 65 kgIG : ddome_whttps://www.instagram.com/p/CGRye2qnddU/?utm_source=ig_web_copy_link ประวัติการศึกษาหนุ่มหล่ออย่างโดม วรนาถ ประวัติการศึกษาไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เขาคนนี้จบการระดับปริญญาตรี จากคณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ขอบอกเลยว่ามหาลัยเกษตรศาสตร์แห่งรวมคนหน้าตาดีที่แท้จริง https://www.instagram.com/p/CSl6934lJlL/?utm_source=ig_web_copy_linkจุดเริ่มต้นการเข้าวงการจุดเริ่มต้นการเข้าวงการของหนุ่มโดม เริ่มต้นจากการเดินแบบต่าง ๆ นานา ซึ่งจุดเริ่มต้นตรงนี้ก็ทำให้หนุ่มโดมมีประสบการณ์ในด้านผลงานในวงการบันเทิงยิ่งขึ้น นอกจากการเดินแบบแล้วอีกงานหนึ่งที่ทำเคียงคู่กันมาก็เป็นงานถ่ายแบบ หนุ่มโดมยังมีโอกาสได้ถ่าย Viral Clip ของ Honda Sensing Demonstration อีกด้วย แน่นอนว่าจุดเริ่มต้นของการลองทำงานเดินแบบการถ่ายแบบก็เป็นอีกประสบการณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้ได้เรียนรู้การทำงานในวงการบันเทิงมากยิ่งขึ้นและยังเป็นการฝึกประสบการณ์ผีมืออีกด้วยhttps://www.instagram.com/p/CHNC4P8H8DW/?utm_source=ig_web_copy_linkผลงานในวงการบันเทิงอย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าหนุ่มโดมเคยมีผลงานทางด้านการเดินแบบและการถ่ายแบบมาพอประมาณ แต่ผลงานสร้างชื่อเสียงอันโด่งดังของหนุ่มโดมก็คือการเล่นซีรีส์วายเรื่อง2 Moons2 The Series (เดือนเกี้ยวเดือน 2) ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้นับว่าเป็นผลงานที่ทำให้หนุ่มซุงเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ในซีรีส์เรื่อง2 Moons2 The Series (เดือนเกี้ยวเดือน 2) หนุ่มโดมได้รับบทบาทเป็นหมอบีม เรียกได้ว่าบทหมอบีมนำพาหนุ่มโดมให้ปังปุริเย่จนถึงทุกวันนี้เลยก็ว่าได้ และล่าสุดในตอนนี้หนุ่มโดมก็มีผลงานซีรีส์เรื่องใหม่ที่ขอบอกเลยว่าความน่ารักของคู่พี่รหัสกับน้องคนโปรดในซีรีส์เรื่องThe Theory series ทฤษฎีรักเต็มสิบไม่มีหักเลยhttps://www.youtube.com/watch?v=JDloOhBgp08บทบาทพี่รหัสหลาย ๆ คนคงติดภาพจำที่หนุ่มโดมเป็นหมอบีมจากซีรีส์ 2 Moons2 The Series (เดือนเกี้ยวเดือน 2) กันอยู่ใช่ไหมล่ะค่ะ แต่ซีรีส์เรื่องThe Theory series ทฤษฎีรัก จะเพิ่มอีกหนึ่งภาพจำของหนุ่มโดมในบทบาทของพี่รหัสที่ขอบอกเลยว่าคาแรกเตอร์ของตัวละครก็ประมาณว่าเป็นคนขี้เก๊กต้องวางฟอร์มตลอดและเสียฟอร์มไม่ได้เลย แต่เเอบมีมุมเสียงอาการให้น้องคนโปรดอยู่บ่อย ๆ ยังมีมุมแอบหึงตอนน้องคนโปรดคุยกับคนอื่นแต่ก็วางฟอร์มไว้เยอะด้วยแหละเลยจะออกอาการแรง ๆ ไม่ได้ ด้วยความน่ารักของคู่นี้และความเคมีที่เข้ากันเลยเป็นซีรีส์เรื่องหนึ่งที่น่าติดตามเป็นอย่างมากhttps://www.instagram.com/p/CH154oTHd8h/?utm_source=ig_web_copy_linkความประทับใจเมื่อพูดถึงความประทับใจในตัวของหนุ่มโดมก็คงจะเป็นเรื่องของการพัฒนาความสามารถทางด้านการแสดงอยู่ตลอด จากจุดเริ่มต้นการแสดงที่ได้รับบทหมอบีมในซีรีส์ 2 Moons2 The Series (เดือนเกี้ยวเดือน 2) ซึ่งบทนี้ถือเป็นบทแจ้งเกิดเลยก็ว่าได้ แต่หนุ่มโดมก็ยังไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองต่อ ด้วยความที่พัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ จนมีทำให้ผลงานที่ถ่ายทอดออกมาเห็นเสน่ห์ในตัวละครที่เขาได้เเสดง บางครั้งที่ดูก็รู้สึกอินตามไปกับความรู้สึกนึกคิดของตัวละครด้วย ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นการสื่อสารที่ส่งถึงคนดูประสบความสำเร็จ และความน่ารักของหนุ่มโดมก็เป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ารักไปหมด ยิ้มหวานตลอด เป็นคนที่น่ารักกับแฟนคลับเสมอป.ล.เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับการเปิดประวัติ โดม วรนาถ หรือ รหัส จากซีรีส์The Theory series ทฤษฎีรัก อย่าลืมไปติดตามชมซีรีส์เรื่องนี้ด้วยน้าภาพประกอบ:ddome_w:1/2/3/4/5วิดีโอประกอบ:Yoma Entertainment:1ภาพปก:ddome_w:1/2/3 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

รักคือ? Love is?♥️
อ่าน

รักคือ? Love is?♥️

♥️ความรัก♥️คืออะไร...? 🤔หลายคนคงจะได้ยินกันบ่อยจนชินหูว่า "รักคืออะไร?" ได้ยินกันจนเบื่อที่จะตอบกันเลยทีเดียว😆 ว่าแต่ อืม...นั่นสิ...รักคืออะไร?และใครสามารถนิยามหรือบ่งบอกตัวตนของมันได้ไหม? ..แน่นอนครับ ความคิดและมุมมองของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน ไม่สามารถกำหนดให้มันเป็นหลักสากลได้ ซึ่งผมอยากจะแชร์มุมมองการนิยามความรักในแบบของผมให้ท่านผู้ฟัง ได้ฟังกันครับ.....👇---ถ้าจะให้เปรียบความรักเป็นดั่งเช่นสิ่งของหรือทรัพยากรต่างๆ ตัวผมจะเปรียบให้เป็นดั่งเช่น "น้ำเปล่า" ใช่แล้วครับ น้ำเปล่าที่เราใช้ดื่มในทุกๆวันนี่แหละครับ เพราะว่า...ถ้าเราดื่มน้ำมากจนเกินไป = มันก็จะจุกถ้าเราดื่มน้ำน้อยจนเกินไป = มันก็จะกระหายแล้วทำยังไงดีล่ะ ...เราควรดื่มมันอย่างพอดี บริโภคอย่างพอเหมาะ ไม่เยอะเกินไป ไม่น้อยเกินไป  เพราะเราจะไม่ดื่มเลยก็ไม่ได้ เพราะน้ำเป็นสิ่งที่มนุษย์ "ขาดไม่ได้" นั่นเองครับ 😊ความรักก็เช่นกัน รักเขามาก สุดท้ายไม่เป็นดั่งที่เราหวัง เราก็เจ็บมากรักน้อยไป สุดท้าย เขาก็ไปมีคนใหม่ที่ดีกว่าเราควรรักแบบพอดีๆ รักแบบไม่ให้ขาด และไม่มากจนเราต้องเจ็บเอง การเผื่อใจไว้บ้าง ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผิดหรือเห็นแก่ตัว มันเป็นการรักแบบอยู่ในเซฟโซน โดยที่เค้าก็ได้ความรักจากเรา และเราก็ไม่เสี่ยงกับความรัก  ก็..วินๆกันไปคำว่าชั่วฟ้าดินสลายมันไม่มีอยู่จริง มันอาจจะเปรียบได้แค่เลเวลของรัก แต่ไม่สามารถการันตีคำว่า นิจนิรันดร์ได้เลย ถ้าจะให้เปรียบเป็นวงกว้าง ผมคิดว่ารักคือ "บ้านหลังใหญ่" หรือหัวข้อใหญ่ ที่แตกเป็นหัวข้อย่อยหลายๆองค์ประกอบ เช่น ความห่วงใย,ความคิดถึง,แคร์,ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน,ความเข้าใจ และอีกหลายๆข้อมารวมกันการมีแค่ความรักที่เปรียบดังหัวข้อใหญ่อย่างเดียว แต่ปราศจากหัวข้อย่อยต่างๆ นั่น คำว่ารักมันก็ไร้ความหมาย เพราะมันไร้ซึ่งความรู้สึกและความชุ่มชื่นหัวใจดังนั้น ความรักจึงเป็นเหมือนบ้านหลังใหญ่ ที่มีสิ่งต่างๆมารวมกัน พ่อ แม่ ลูก และคนอื่นๆ ก่อเกิดความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ และกำลังใจ♥️💪 แล้วความรักนั้นมีรูปแบบไหนบ้างล่ะ?ถ้าจะให้ตอบมันก็มีหลากหลายรูปแบบ แบบชายรักหญิง ชายรักชาย หญิงรักหญิง กะเทยรักทอม และอีกเยอะแยะมากมายที่เราอาจจะไม่รู้จัก บางทีคำตอบที่ดีที่สุดอาจจะเป็นที่ว่า "รักไร้รูปแบบ" "รักไม่จำกัดเพศ" "รักไม่จำกัดอายุ"และ"รักไม่จำกัดรูปร่างหน้าตา"สุดท้ายนี้ความรักจะเป็นเช่นไร อยู่ที่เราจะปรุงแต่งให้มันเป็น คนที่ใช่ไม่จำเป็นต้องพยายาม ยังไงก็ใช่ ส่วนคนที่ไม่ใช่ ต่อให้พยายามเท่าไหร่ ก็ไม่ใช่อยู่ดี  ขอบคุณท่านผู้อ่านที่อ่านจบนะครับ ฝากติดตามผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ เครดิตภาพภาพที่1. Ben_Kerckx/pixabayภาพที่2. cocoparisienne/pixabayภาพที่3. FrankWinkler/pixabayภาพที่4. GDj/pixabayภาพปกแต่งโดยผู้เขียน จากแอป Canvaเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

BETTER LOVE THE CAT THAT LOVES US
อ่าน

BETTER LOVE THE CAT THAT LOVES US

BETTER LOVE THE CAT THAT LOVES US อรุณสวัสดิ์เช้าวันหยุดพักผ่อนครับ ผมนั่งจิบกาแฟไปแบบชิลล์ ๆ พร้อม WAFFLE CRISP กรอบอร่อย อากาศค่อนข้างดี ลมพัดเย็น ๆ ยังคงได้สัมผัสลมหนาวในยามเช้าของวัน อ้าว ! ตัวอะไรอยู่ใต้ท้องรถ มีทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ นอนหลบแดดกันอย่างสบายใจ ส่วนใหญ่เป็นแมวสีดำ หน้าตาขี้เหร่ ทั้งนั้น  มีตัวหนึ่งเป็นลายสีขาว-ดำ ตลอดทั้งตัว จัดว่าหล่อกว่าพวก และตัวใหญ่ที่สุด อีกตัวหนึ่งเป็นแมวสีดำดวงตาสีเหลือง ตัวขนาดเท่ากับเจ้าลายขาว-ดำ ผมทักทาย พวกมัน ส่งเสียงร้องทัก เมี๊ยว เมี๊ยว  มานี่ซิ  ไม่มีตัวไหนมาหาสักตัว ฮ่า ๆ ๆ ผมเลยลุกขึ้นไปหยิบกระจาดพลาสติคเล็ก ๆ แล้วเทอาหารเม็ดใส่ในกระจาด เอาไปวางให้พวกมันกิน โดยแกล้งทำเป็นไม่สนใจพวกมัน เท่านั้นล่ะ ออกมากินกันใหญ่ ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ พวกมันคงกลัวคน ไม่มั่นใจเมื่อเจอคนแปลกหน้า ผมค่อย ๆ เดินเข้าไปหาพวกมันใกล้ ๆ พวกมันวิ่งหนีกระเจิง ฮ่า ๆ ๆ แสดงว่ายังกลัวคน และยังไม่ไว้ใจ มีเจ้าดำสุดหล่อตัวเดียวที่ยังแอบอยู่ใต้ท้องรถ ผมกวักมือเรียก แล้วส่งเสียงร้องทักทาย เมี๊ยว เมี๊ยว  ได้ยินเสียงมันร้องตอบกลับ  มี้  มี้   ห๊ะ ! นี่แกร้องเสียง  มี้  มี้  เหรอภาพโดย : สมภัสสรผมไม่รู้ว่าเจ้าเหมียวดำสุดหล่อ นั้นชื่ออะไร จากที่ได้ยินเสียงมันร้องในวันนั้น ผมเลยตั้งชื่อให้มันว่า มีมี้ เพราะมันชอบร้องเสียง มี้ ๆ ซึ่งต่างจากแมวตัวอื่น เกือบหนึ่งสัปดาห์เราถึงสนิทกัน ต่างคนต่างแมว ยังหวาดระแวง แมวก็กลัวคนทำร้าย ผมจะอุ้มมัน หรือจะลูบหัวมัน ก็กลัวมันแว้งกัดเอา ฮ่า ๆ ๆ ผมเห็นเจ้า มีมี้ ดูแล้วน่าจะเป็นแมวที่มีมนุษย์สัมพันธ์ ดีกว่าแมวตัวอื่น ๆ จะเห็นว่า เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์  มีมี้ เริ่มจะเข้ามาหาผม เอาตัว เอาหน้า เข้ามาถูไถตามหน้าแข้ง ผมเริ่มลูบหัว และเกาคางเจ้า มีมี้ ได้ภาพโดย : สมภัสสรการที่แมวเอาตัวของมันมาถูกับตัวเรา ก็เพื่อสร้างกลิ่นประจำกลุ่ม มันจะทำเช่นนี้กับมนุษย์ที่มันคุ้นเคยและเป็นมิตรกับมัน รวมถึงสัตว์อื่น ๆ ที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน กลิ่นประจำกลุ่มจะทำให้มันรู้สึกมั่นใจ เป็นกลิ่นที่แสดงถึงบ้าน และเป็นเครื่องหมายของความปลอดภัย ต่อมที่อยู่ข้างปาก รอบใบหน้า บนหัว ตลอดความยาวของหาง และที่โคนหาง จะช่วยกันสร้างส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นกลิ่นเฉพาะตัวของแมวตัวนั้น การผสมกลิ่นของมันเข้ากับเรามีความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับการเข้าสังคมของมัน แมวจึงชอบถูตัวเราบ่อย ๆภาพโดย : สมภัสสรนั่นปะไร เจ้า มีมี้ มันถึงชอบเอาตัวเอาหน้ามันถูหน้าแข้งผมเป็นประจำ ด้วยความคุ้นเคยและรู้สึกปลอดภัย ตอนนี้เรียก มีมี้ ก็วิ่งจู๊ดเข้ามาหาเลย เข้ามาหาวะขนาดนี้ ต้องรีบหาอาหารเม็ดให้มันกิน ช่วงที่ผมนั่งจิบกาแฟ มีมี้ เอาหัวเอาหน้ามาถูไถหน้าแข้งผมตลอด แล้วแหงนหน้ามองส่งสายตา ผมเลยอุ้มมาไว้ที่ตัก แหม ! นั่งอยู่เฉยเลย ผมเลยเกาคางให้ มีมี้ นี่เคลิ้มเลยประจบเก่งจริงเจ้า มีมี้ อยู่เป็นนะเนี่ยะภาพโดย : สมภัสสรไม่ว่าคน หรือสัตว์ ย่อมต้องการความรัก ความอบอุ่น กันทุกตัวตน มีแมวบางตัวสวยงามกว่า มี มี้ หลายเท่า ผมอยากจะเอามาเลี้ยง แต่แมวตัวนั้นหวาดระแวงมนุษย์มากเกินไป เมื่อเข้าใกล้จะวิ่งหนี หรือขู่จะทำร้ายคนด้วยสัณชาติญาณของการปกป้องตนเอง ฉะนั้น ผมจึงเลือกที่จะ รักแมว ที่รักเราดีกว่า อย่างเจ้า มี มี้  BETTER LOVE THE CAT THAT LOVES US