รีเซต

ผลการค้นหา “Step by Step” - ทรูไอดี

ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
ท่าเท่พิชิตใจสาว Pistol Squat รวมท่าฝึกแบบ Step-by-Step ที่คนขาไม่แข็งก็ทำได้
อ่าน

ท่าเท่พิชิตใจสาว Pistol Squat รวมท่าฝึกแบบ Step-by-Step ที่คนขาไม่แข็งก็ทำได้

การออกกำลังกายแบบ Bodyweight มีหนึ่งในท่าที่เป็นท่าระดับยาก และเป็นท่าที่ต้องใช้การฝึกฝนนั่นคือ Pistol Squat เป็นท่าการทำ Squat ที่ใช้ขาเดียวในการทำ ซึ่งจัดเป็นท่าที่ท้าทายร่างกายอย่างมาก และการันตีได้ว่าเป็นท่าที่เท่สุดๆ หากคุณทำได้ สำหรับใครที่สนใจฝึกท่า Pistol Squat วันนี้ TrueID Sport ได้จัด โปรแกรม รวมถึงวิธีฝึก Pistol Squat แบบ Step-by-Step มาให้คุณได้ฝึกกัน ท่าเท่พิชิตใจสาว Pistol Squat รวมท่าฝึกแบบ Step-by-Step ที่คนขาไม่แข็งก็ทำได้ ท่า Pistol Squat ใช้กล้ามเนื้อส่วนไหนบ้าง ท่าออกกำลังกายแบบ Pistol Squat หรือการสควอทด้วยขาข้างเดียว เป็นท่าที่เน้นใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนพร้อมกัน ทั้งส่วนล่างของร่างกายและแกนกลางลำตัว เนื่องจากเป็นการเคลื่อนไหวแบบใช้ขาข้างเดียว จึงต้องอาศัยการทรงตัวและความมั่นคงสูงมาก กล้ามเนื้อหลักที่ใช้ในท่านี้ กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadriceps): เป็นกล้ามเนื้อที่ทำงานหนักที่สุด ทำหน้าที่เหมือนเป็นเครื่องยนต์หลักในการยืดขาออกเมื่อคุณลุกขึ้นจากท่านั่ง เพื่อเอาชนะแรงโน้มถ่วง กล้ามเนื้อสะโพก (Gluteus Maximus): เป็นกล้ามเนื้อก้นที่ใหญ่ที่สุด ทำหน้าที่หลักในการดันสะโพกไปข้างหน้า เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้คุณยืนขึ้นได้อย่างเต็มที่จากจุดต่ำสุดของท่า กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง (Hamstrings): ทำงานร่วมกับกล้ามเนื้อสะโพกเพื่อช่วยยืดสะโพก และเป็นตัวเบรกสำคัญที่ช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ให้ย่อตัวลงเร็วเกินไป กล้ามเนื้อน่อง (Calves): เป็นเสมือนฐานรากของร่างกาย ทำหน้าที่รักษาความมั่นคงของข้อเท้าและเท้าทั้งหมด ช่วยให้คุณทรงตัวได้ดีและไม่ล้มไปข้างหน้าหรือข้างหลัง กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core Muscles): กล้ามเนื้อหน้าท้องและหลังส่วนล่างทำงานเป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้ลำตัวของคุณตั้งตรงและรักษากระดูกสันหลังให้มั่นคงตลอดการเคลื่อนไหว ป้องกันการโค้งงอของลำตัว กล้ามเนื้อสะโพกส่วนกลางและเล็ก (Gluteus Medius and Minimus): เป็นกล้ามเนื้อเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างสะโพก ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยทรงตัวหลัก คอยควบคุมไม่ให้สะโพกเอียงหรือแกว่งไปมา ช่วยให้คุณยืนอยู่บนขาข้างเดียวได้อย่างสมดุล วิธีทำท่า Pistol Squat ที่ถูกต้อง ท่าเตรียม ยืนกางขาให้กว้างเท่าช่วงสะโพก เหยียดแขนทั้งสองข้างไปข้างหน้า เพื่อช่วยในการทรงตัวและรักษาสมดุล ค่อยๆ ถ่ายน้ำหนักทั้งหมดไปที่ขาข้างใดข้างหนึ่ง แล้วยกขาอีกข้างขึ้นมา โดยเหยียดขาไปข้างหน้าให้ตรง การเกร็งแกนกลางลำตัว (Core Engagement) ก่อนเริ่มการเคลื่อนไหว ให้หายใจเข้าและเกร็งกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (หน้าท้องและหลังส่วนล่าง) ให้แน่น การเกร็งแกนกลางลำตัวจะช่วยพยุงกระดูกสันหลังให้ตั้งตรงและมั่นคงตลอดการทำท่า ป้องกันการบาดเจ็บ การย่อตัว (ช่วงขาลง) หายใจเข้าช้าๆ และค่อยๆ งอเข่าของขาที่ยืนอยู่ ขณะที่ย่อสะโพกลง ให้เหยียดขาอีกข้างที่ยกขึ้นไปข้างหน้าและยกให้ลอยจากพื้นตลอดเวลา ลำตัวของคุณจะเอนไปข้างหน้าเล็กน้อยโดยธรรมชาติ เพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย สิ่งสำคัญคือต้องให้ ส้นเท้าของขาที่ยืนอยู่แนบติดพื้นตลอดการทำท่า หากส้นเท้าลอยขึ้น แสดงว่าคุณอาจต้องฝึกความยืดหยุ่นของข้อเท้าเพิ่ม จุดต่ำสุด (Bottom Position) ย่อตัวลงต่อไปจนกว่ากล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง (Hamstring) จะแตะกับน่อง หรือจนกว่าคุณจะไม่สามารถลงได้อีกโดยที่ส้นเท้าไม่ลอย พยายามรักษากระดูกสันหลังให้เป็นแนวตรงที่สุด ไม่โก่งหรืองอมากเกินไป การยืนขึ้น (ช่วงขาขึ้น): หายใจออกและใช้ส้นเท้าของขาที่ยืนอยู่เป็นจุดรับน้ำหนัก เพื่อออกแรงดันตัวกลับขึ้นสู่ท่าเตรียม พยายามรักษาขาอีกข้างให้เหยียดตรงไปข้างหน้าจนกว่าจะยืนขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ ท่าต่างๆ ที่ใช้ในการฝึกเพื่อช่วยให้ทำ Pistol Squat ได้อย่างมั่นคงขึ้น เนื่องจาก Pistol Squat เป็นท่าที่ยาก จึงควรค่อยๆ ฝึกตามลำดับขั้นเหล่านี้ ขั้นที่ 1: สร้างพื้นฐาน ท่าสควอทปกติแบบเต็มท่า (Deep Bodyweight Squats): ก่อนจะสควอทด้วยขาเดียวได้ คุณต้องสามารถทำท่าสควอทสองขาแบบเต็มท่าได้อย่างถูกต้องก่อน ให้เน้นการย่อตัวให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยรักษาหน้าอกให้ตั้งตรงและส้นเท้าติดพื้น การฝึกความยืดหยุ่นของข้อเท้า (Ankle Mobility Work): ข้อเท้าที่ตึงคือสาเหตุทั่วไปที่ทำให้ทำ Pistol Squat ไม่ได้ ให้ฝึกยืดและหมุนข้อเท้าเพื่อเพิ่มพิสัยการเคลื่อนไหว การทรงตัวด้วยขาเดียว (Single-Leg Balance): ฝึกยืนด้วยขาเดียวเป็นเวลานานเพื่อสร้างความมั่นคงและความสมดุล ขั้นที่ 2: ใช้ตัวช่วย ใช้ยางยืดหรือเสาช่วย : ใช้ยางยืดออกกำลังกาย, สาย TRX, ขอบประตู หรือเสาเพื่อช่วยพยุงตัว จับด้วยมือข้างเดียวหรือสองข้างขณะทำท่า Pistol Squat เพื่อช่วยรับน้ำหนักออกจากขา Pistol Squat กับกล่อง หรือม้านั่ง ยืนอยู่หน้ากล่องหรือเก้าอี้ จากนั้นทำท่าสควอทขาเดียวแล้วย่อตัวลงจนสะโพกแตะกับพื้นผิวเบาๆ แล้วดันตัวกลับขึ้นสู่ท่ายืน เมื่อแข็งแรงขึ้นก็ค่อยๆ ใช้กล่องที่ต่ำลง ยกส้นเท้า : ถ้าปัญหาหลักคือความยืดหยุ่นของข้อเท้า คุณสามารถวางแผ่นเพลทเล็กๆ หรือผ้าขนหนูม้วนไว้ใต้ส้นเท้าของขาที่ยืนอยู่ วิธีนี้จะช่วยให้คุณย่อตัวลงได้ลึกขึ้นในขณะที่ยังฝึกความยืดหยุ่นต่อไป ขั้นที่ 3: ฝึกท่าเต็มรูปแบบ Pistol แบบลงช้าๆ (Negative/Eccentric Pistols): วิธีนี้เหมาะมากสำหรับการสร้างความแข็งแรง ค่อยๆ ย่อตัวลงในท่า Pistol Squat ด้วยขาเดียวอย่างช้าๆ เมื่อถึงจุดต่ำสุดแล้ว ให้ใช้ขาอีกข้างหรือมือช่วยพยุงตัวขึ้นมา ท่านี้เน้นการควบคุมช่วงขาลงซึ่งสำคัญมากในการสร้างความแข็งแรงและการควบคุม การก้าวลงจากกล่อง (Box Step-Downs): ยืนอยู่บนกล่องหรือขั้นบันไดด้วยเท้าข้างเดียว ค่อยๆ ลดเท้าอีกข้างลงสู่พื้นอย่างช้าๆ เหมือนกำลังทำท่าสควอทขาเดียว จากนั้นดันตัวกลับขึ้นไปสู่ท่าเริ่มต้น ด้วยการทำตามขั้นตอนเหล่านี้ คุณจะสามารถสร้างความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความสมดุลที่จำเป็นในการทำ Pistol Squat ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอจช่วยให้ขาของคุณแข็งแรงขึ้นอย่างแน่นอน บทความที่คุณอาจสนใจ วิธี Hack ร่างกายผู้ชายสายสร้างกล้าม ดูแลตัวเองอย่างไรสร้างกล้ามได้ไว เวลาน้อยก็หุ่นดีได้ วิธีออกกำลังกายสำหรับผู้ชายเวลาน้อย รวมท่าปั้นหัวไหล่ผู้ชายเวลาน้อย ภายใน 15 นาที ไหล่สวยได้แม้ไม่มีเวลา วิธีกินตาม TDEE สำหรับผู้ชายอยากปั้นกล้าม กินอย่างไรให้ได้ผล Warm up กับ Cool down ต่างกันอย่างไรทำไมสำคัญต่อการสร้างกล้าม วิธีเลือกดัมเบลสำหรับผู้ชายให้เหมาะกับการออกกำลังกาย รวมท่าออกกำลังกาย Dumbbell Complex เวลาน้อยได้ผลมาก รวมท่าฝึกแกนกลางลำตัว แบบไม่หนัก ได้กล้ามสวยแก้ปวดหลัง ทำตามง่าย สาเหตุที่ออกกำลังกายหนักแต่ไม่มีกล้าม เปลี่ยนวิธีนี้กล้ามขึ้นแน่

4 STEP ผ่อนบ้าน ผสานเทคนิคให้ถึงฝัน
อ่าน

4 STEP ผ่อนบ้าน ผสานเทคนิคให้ถึงฝัน

ในชีวิตคนหนึ่งคนการที่จะมีบ้านเป็นของตัวเองเป็นหนึ่งในความฝันอันสูงสุด และความฝันนี้ก็ตามมาด้วยภาระหนี้ก้อนใหญ่ที่สุดเช่นกัน หลายคนจึงบากบั่นทำงานหนักเพื่อให้ภาระนี้หมดไปให้เร็วที่สุด บทความนี้จึงขอนำเสนอวิธีที่จะช่วยเป็นจุดเริ่มต้นของการวางแผนการเงินในการซื้อบ้าน 1. จำนวนเงินในการผ่อนต่อเดือนหลังจากเราเลือกบ้านในฝันได้แล้ว การประเมินค่าใช้จ่าย ๆ ให้เหมาะสมกับกำลังเงินที่มีจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด เพื่อจะไม่ให้กระทบกับสภาพคล่องทางการเงิน เพราะแน่นอนที่สุดว่าการผ่อนบ้านจะกลายเป็นรายจ่ายประจำเดือนที่เราต้องแบกรับไว้2. ผ่อนอย่างสม่ำเสมอความสม่ำเสมอในการผ่อน ถือเป็นการรักษาเครดิตของตัวเอง และยังช่วยเรื่องไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยที่จะถูกทบในการผ่อนไม่ตรงเวลา3. เร่งสปีดลดต้นหลังจากที่เราสามารถผ่อนบ้านในฝันของเราได้อย่างสม่ำเสมอแล้ว สิ่งที่จะทำให้ภาระก้อนนี้หมดไปได้เร็วมีสองอย่างคือผ่อนเกินค่างวด ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องผ่อนเยอะกว่าค่างวดปรกติมากมาย เงินส่วนนี้จะเป็นเงินส่วนที่ไปลดเงินต้นโดยตรงทำให้ระยะเวลาในการผ่อนสั้นลงได้โปะด้วยเงินก้อน สิ่งนี้จะเป็นการเร่งสปีดระยะเวลาการผ่อนอย่างชัดเจน เราอาจจะเอาเงินโบนัส เงินจากรายได้พิเศษ หรือแม้กระทั่งเงินออมมาโปะตรงนี้ก็ยังได้4. ปรับโครงสร้างหนี้ใหม่รูปแบบดอกเบี้ยบ้านจะเป็นแบบ MRR (Minimum Retail Rate) คืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำที่ธนาคารใช้ในการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย ถ้าในปีต่อ ๆ ไปมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับการกำหนดนโยบายของแต่ละธนาคาร เช่น จากเดิม 3% แต่เมื่อผ่านไป 3 ปีกลับเป็น 6.5% ทำให้เราต้องจ่ายเพิ่มขึ้นอีกและเงินส่วนมากที่ผ่อนไปก็จะไปเป็นการจ่ายดอกเบี้ยซะด้วย ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้จะมีสองรูปแบบคือ- Refinance เป็นการย้ายหนี้จากธนาคารเดิมไปธนาคารอื่น ที่เสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า แต่ก็ควรต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และอาจจะต้องเสียค่าปรับหากมีการไถ่ถอนก่อนกำหนด- Retention เป็นการปรับโครงสร้างหนี้และดอกเบี้ยใหม่ให้มีอัตราลดลงจากธนาคารเดิมที่ผ่อนอยู่ ก็จะลดความยุ่งยากในการดำเนินการ และยิ่งหากเรามีประวัติการผ่อนที่ดีก็อาจได้รับการพิจารณาให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำได้ ทั้งนี้ไม่ว่าจะ Refinance หรือ Retention ต่างมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน เราสามารถตัดสินใจเลือกโดยพิจารณาจากเงื่อนไขต่าง ๆ ของแต่ละธนาคาร และความคุ้มค่าจากอัตราดอกเบี้ยที่เราได้รับการซื้อบ้านเป็นหนี้ระยะยาวหลักสิบปีขึ้นไป การไม่สร้างหนี้ระหว่างทางก็เปรียบเหมือนการไม่สร้างภาระหนี้เพิ่ม สุดท้ายเราจะได้มีความสุขกับบ้านในฝันของเราอย่างไร้หนี้ปลอดโปร่งโล่งสบาย

How to วิธีขึ้นรถไฟญี่ปุ่น แบบเข้าใจง่ายสุดๆ STEP BY STEP
อ่าน

How to วิธีขึ้นรถไฟญี่ปุ่น แบบเข้าใจง่ายสุดๆ STEP BY STEP

ไม่ว่าจะเป็นการไปญี่ปุ่นครั้งแรก หรือแม้กระทั่งคนที่ไปมาหลายครั้ง เชื่อว่าบางทีก็ยังงงๆ กับการขึ้นรถไฟที่ญี่ปุ่นอยู่ดี ขนาคนญี่ปุ่น เองบางทีขึ้นถูกขึ้นผิดก็มี เพราะรถไฟเนี่ยถือว่าเป็นระบบคมนาคมหลักของแดนปลาดิบเลย แถมยังมีรถไฟหลายแบบ หลายบริษัทอีกต่างหาก สรุปแล้วรถไฟญี่ปุ่นมีกี่แบบกันแน่? มีวิธีการขึ้นยังไง? ครั้งนี้เราจะมาแชร์วิธีการขึ้นรถไฟญี่ปุ่นแบบเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ให้รู้กันไปเลยว่าการเดินทางในญี่ปุ่นนั้นยากกว่าปลอกกล้วยแค่นิดเดียว ประเภทของรถไฟในญี่ปุ่น ก่อนจะว่ากันถึงเรื่องวิธีการขึ้นรถไฟ ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า รถไฟญี่ปุ่นมีอยู่กี่แบบกันแน่ และแต่ละแบบนั้นแตกต่างกันยังไง? โดยรถไฟในญี่ปุ่นหลักๆ จะแบ่งออกเป็น 4 แบบ ซึ่งแต่ละแบบก็จะแตกแยกย่อยลงไปอีก และจะมีชื่อเรียกตามบริษัทที่ควบคุมดูแล เช่น JR ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ยักษ์ของรถไฟญี่ปุ่น เป็นต้น รถไฟ (มีรางอยู่บนพื้นถนน) ส่วนใหญ่ใช้สำหรับเดินทางออกนอกเมือง (เหมือนรถไฟไทยนั่นแล) แต่บางเมืองก็ใช้เดินทางภายในพื้นที่ได้ โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ เช่น โตเกียว เป็นต้น รถไฟใต้ดิน ใช้เดินทางภายในตัวเมืองหรือจังหวัด ไม่ได้มีให้บริการในทุกจังหวัด ส่วนใหญ่จะมีในจังหวัดที่ค่อนข้างใหญ่ และมีความเจริญมากแล้ว เช่น ฟุกุโอกะ เกียวโต โอซาก้า ฯลฯ** จังหวัดใหญ่ๆ จะมีทั้งรถไฟ และรถไฟใต้ดิน ** รถราง ใช้เดินทางภายในตัวเมืองหรือจังหวัด * ซึ่งมีใช้งานในบางเมืองเท่านั้น * ส่วนใหญ่จะเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่คงไว้ซึ่งความคลาสสิก เช่น ฮาโกดาเตะ ฮิโรชิมา เป็นต้น รถไฟความเร็วสูง (Shinkansen) ใช้สำหรับเดินทางออกนอกเมือง ราคาแพง แต่รวดเร็ว จุดประสงค์ก็เพื่อย่นระยะเวลาการเดินทางนั่นเอง หลายคนคงคุ้นหูชื่อ รถไฟ JR ซึ่งเป็นบริษัทรถไฟยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีรถไฟให้บริการครอบคลุมทั้งประเทศเลย แต่ JR ก็ไม่ใช่รถไฟเจ้าเดียวในญี่ปุ่น เพราะแต่ละจังหวัดก็จะมีบริษัทเอกชนอื่นๆ ให้บริการในชื่อขบวนที่ต่างไป เช่น Hankyu Railways ที่ให้บริการในเขตภูมิภาคคันไซ เป็นต้น วิธีการขึ้นรถไฟญี่ปุ่น เอาละ ทีนี้เรามาดูวิธีการขึ้นรถไฟญี่ปุ่นแบบเข้าใจง่าย Step by Step กันเลย 1. เช็ควิธีการเดินทางหรือวางแผนการเดินทางล่วงหน้าจากเว็บไซต์ Hyperdia โดยพิมพ์ต้นทาง ปลายทาง เว็บจะขึ้นวิธีการเดินทางมาให้เลือกว่าสามารถขึ้นรถไฟสายไหนได้บ้าง ราคาเท่าไร และใช้เวลาในการเดินทางนานแค่ไหน 2.ไปที่สถานีเพื่อซื้อตั๋ว ถ้าเป็นการเดินทางภายในเมือง สามารถใช้ IC Card ต่างๆ เช่น Suica ฯลฯ ผ่านเข้าสถานีได้เลย แต่ถ้าเป็นการเดินทางไปเมืองอื่นๆ ให้ดูจาก Hyperdia ว่าเป็นรถไฟที่ต้องจองที่นั่งไหม ถ้าต้องจองก็ต้องไปซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ สิ่งที่สำคัญสำหรับการเดินทางด้วยรถไฟคืออย่าลืมดูให้ดีๆ ว่ารถไฟที่จะนั่งเป็นขบวนแบบไหน โดยรถไฟของญี่ปุ่นนั้นจะถูกแยกย่อยออกเป็น 5 แบบตามระดับความเร็ว คือ Local : รถไฟหวานเย็น ช้าสุด เพราะจอดทุกสถานี แต่ราคาถูกที่สุด Rapid : เร็วขึ้นมาอีกนิด เพราะจะไม่แวะจอดบางสถานี Express : รถด่วน เร็วขึ้นมาอีกขั้น Limited Express : รถด่วนกว่า จอดน้อยสถานีกว่ารถด่วน Express Super Express : รถโคตรด่วน หรือเราจะรู้จักกันในชื่อ ชินคันเซ็น นั่นเอง ถ้าใครมี JR Rail Pass หลังจากทำการแลกพาสมาแล้ว สามารถจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าได้โดยการพริ้นต์ตารางการเดินทางของรถไฟขบวนที่ต้องการจากเว็บไซต์ Hyperdia ไปยื่นให้เจ้าหน้าที่เพื่อทำการจองที่นั่งได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันเดินทางก่อนแล้วค่อยไปจองน้า เพราะบางขบวนที่นั่งเต็มเร็วมาก รถไฟแต่ละขบวนจะมีป้ายระบุประเภทความเร็วอยู่ ลองสังเกตดีๆ ก่อนขึ้น เช่น รูปด้านล่างเป็นขบวนแบบ Local รถไฟประเภทนี้จะจอดทุกสถานี ใช้เวลาเดินทางนานที่สุดจ้า ขบวนนี้เป็นแบบ Limited Exp. อ่อ รถไฟญี่ปุ่นตรงเวลามากนะ แนะนำให้มายืนรอที่ชานชาลาก่อนถึงเวลารถออก เราเคยแวะเข้าห้องน้ำแค่แปบเดียว ออกมาจากห้องน้ำได้ยินเสียงรถไฟฉึกฉึก รีบวิ่งไปที่ชานชาลา อ้าว รถไฟไปแล้วจ้าาา ช้าไปแค่ 1 นาทีเอง อารมณ์ตอนนั้นคือเฟว้งฟ้างมาก มีลมพัดผ่านเบาๆ พร้อมเสียงการ้อง หยั่งกะในหนัง 555 เพราะสถานีนั้นเป็นสถานีชนบท คนน้อย รถไฟจอดน้อย สรุปวันนั้นต้องทิ้งแผนไปเลย เพราะกว่าขบวนถัดไปจะมาคือรอ 2-3 ชั่วโมง 3. สอดตั๋วเพื่อเข้าไปขึ้นรถไฟ และมองหาชานชาลา โดยตรงทางเข้าจะมีป้ายขนาดใหญ่เพื่อบอกข้อมูลของรถไฟสายต่างๆ ให้ไล่สายตาหาชื่อขบวนรถไฟของเราโดยดูจากตั๋ว ป้ายก็จะบอกว่าต้องไปรอขึ้นรถไฟที่ชานชาลาไหน (Track) รถไฟมาเวลาเท่าไร (Time) รวมถึงระบุว่ารถไฟแต่ละขบวนมีที่นั่งแบบไม่จอง (Non-Reserved) หรือเปล่า ถ้ามี อยู่ที่โบกี้ (Car No.) ไหนบ้าง 4. เมื่อถึงชานชาลาจะมีป้ายไฟเล็กๆ ให้เช็คโบกี้ (Car No.) ที่เราต้องไปยืนรออีกที ถ้าตั๋วของเราเป็นแบบจองที่นั่ง ในตั๋วจะระบุหมายเลขโบกี้ไว้แล้ว ให้ไปยืนรอได้เลย แต่ถ้าเดินทางด้วยตั๋วแบบไม่จองที่นั่ง ต้องไปนั่งให้ถูกตู้ ไม่งั้นถ้าพนักงานมาตรวจตั๋วอาจจะโดนไล่ให้ลงได้ ฉะนั้นไปยืนรอให้ถูกโบกี้นะ เห็นไหมว่าบนป้ายจะระบุไว้ตรง Remarks เลยว่าตู้สำหรับตั๋วที่ไม่จองที่นั่ง (Non-Reserved) อยู่ที่โบกี้ไหนบ้าง หรือบางขบวนที่ต้องจองตั๋วอย่างเดียวก็จะระบุไว้เลยว่า Reserved Seats Only รถไฟชินคันเซ็นบางสถานีจะมีป้ายบอกโบกี้แบบนี้เลย บางสถานีก็จะไฮเทคน้อยลงมาหน่อย หลายคนที่เพิ่งไปญี่ปุ่นครั้งแรกจะกังวลเรื่องการเดินทาง กลัวหลง กลัวขึ้นรถไฟผิด เราอยากบอกว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้ยากขนาดนั้น แค่เราต้องรู้จักสังเกตป้ายดีๆ ตั้งสติก่อนสตาร์ท ลองได้ขึ้นแค่ 1-2 ครั้ง ต่อๆ ไปก็เป็นเรื่องง่ายแล้ว เพราะถึงแม้รถไฟญี่ปุ่นจะมีอยู่หลายแบบ หลายชื่อ หลายขบวน แต่เอาจริงๆ ก็อิงจากวิธีเดียวกัน เดาได้ ไม่ยากเลย ยิ่งเดี๋ยวนี้มีภาษาอังกฤษกำกับหมดแล้ว บางสถานีมีภาษาไทยด้วย ง่ายกว่าแต่ก่อนเยอะเลยล่ะ วิธีการเดินเข้าชานชาลาคือสอดตั๋วรถไฟแล้วรอรับตั๋วด้วยนะ ถ้าเป็นตั๋วแบบไม่จองที่นั่ง ส่วนใหญ่จะระบุแค่ต้นทาง ปลายทาง ไม่มีหมายเลขที่นั่ง และหมายเลขขบวน ถ้าเป็นตั๋วแบบจองเหมือนในรูปด้านล่าง จะมีระบุไว้หมดเลยว่าเราต้องไปขึ้นที่โบกี้ไหน (Car : 04) รวมไปถึงหมายเลขที่นั่ง (Seat : 04 D) กรณีที่ไม่แน่ใจชื่อขบวนรถไฟเพราะในตั๋วมีแต่ภาษาญี่ปุ่น ให้ยึดจาก เวลารถออก ได้เลย เทียบเวลาในตั๋วกับเวลาบนป้ายไฟ เท่านี้ก็จะรู้ข้อมูลของรถไฟขบวนที่เราจะต้องนั่งแล้วล่ะ พอเดินมาถึงโบกี้แล้วไม่แน่ใจว่าถูกไหม ลองก้มดูบนพื้นนะ จะมีป้ายบอกหมายเลขโบกี้ (Car No.) และชื่อขบวนรถที่จะจอดระบุไว้ตรงประตูทางเข้ารถไฟเลย โบกี้สำหรับผู้หญิง Women Only ก็มี ตู้นี้ผู้ชายห้ามขึ้นนะจ๊ะ 5. ต่อแถวรอขึ้นรถไฟ ปกติก่อนจอดสถานีต่างๆ จะมีประกาศบนรถ ฉะนั้นอย่าลืมฟังเด้อ นั่งเพลินเลยสถานีจะเสียเวลาและอ๊องมากจ้า ~ ** สำหรับรถไฟชินคันเซ็นก็จะมีวิธีการขึ้นคล้ายๆ กับรถไฟทั่วไปเลย เพียงแต่จะมีชานชาลาสำหรับชินคันเซ็นโดยเฉพาะ ราคาของชินคันเซ็น ปกติจะแพงกว่ารถไฟอยู่แล้ว แต่ชินคันเซ็นก็จะมีตู้แบบไม่จองที่นั่งเหมือนกัน ถ้าเป็นที่นั่งแบบไม่จองราคาจะถูกกว่า แต่ควรหาข้อมูลเรื่องต้นทาง ปลายทางก่อนสักนิดว่าสถานีที่เราจะขึ้นนั้นคนเยอะหรือเปล่า บางขบวนคนเต็มเอียดในตู้แบบไม่จอง อาจต้องยืนยาวเป็นชั่วโมงตลอดการเดินทางเลยก็ได้นาจา ** ขอบคุณข้อมูล และภาพประกอบ :Movearound Journey จองตั๋วรถไฟญี่ปุ่น ออนไลน์ ซื้อ Japan Rail Pass ล่วงหน้า กดได้ตั้งแต่อยู่ไทย ! เที่ยวญี่ปุ่นต้องรู้ ! ประเภทของ บัตร JR Pass ทั้งหมด สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รู้แล้วไม่มีหลง !

สอนวาดเบอร์เกอร์ Step-by-Step
อ่าน

สอนวาดเบอร์เกอร์ Step-by-Step

สวัสดีค่ะ ช่วงนี้อยากจะมาชวนวาดรูปอยู่บ้านกันค่ะ โดยวันนี้เราเลือกเบอร์เกอร์ชิ้นโต ชีสไหลเยิ้ม ๆ มาเป็นแบบนะคะ วาดออกมาแล้วน่าทานมากเลย จึงอยากจะมาแชร์วิธีการวาดชีสเบอร์เกอร์ โดยใช้สีน้ำให้ดู แบบ step-by-step อย่างละเอียดเลยค่ะ สามารถวาดตามไปด้วยได้เลยนะคะเริ่มจากเตรียมอุปกรณ์กันก่อนนะคะ อุปกรณ์ที่ใช้ได้แก่1. สมุด Sketch หรือกระดาษสีน้ำ ยี่ห้ออะไรก็ได้ โดยเราเลือกใช้ยี่ห้อ Traveler's Notebook ค่ะ2. สีน้ำค่ะ เลือกใช้ได้ตามสะดวกนะคะ เราชอบยี่ห้อ Sennelier เพราะสีสดสวยดีมาก3. พู่กันค่ะ สามารถเลือกใช้พู่กันปกติ หรือพู่กันแท้งค์เพื่อความสะดวก ไม่ต้องลุกไปเติมน้ำก็ได้ค่ะ4. ดินสอสำหรับร่างแบบค่ะเมื่อเตรียมอุปกรณ์พร้อมแล้ว เราก็ลุยวาดสีน้ำกันเลยค่ะขั้นตอนการวาดเบอร์เกอร์มีดังนี้ค่ะขั้นตอนที่ 1 ร่างรูปเบอร์เกอร์ด้วยดินสอเบา ๆ หากลงเข้มเกินไป จะทำให้เส้นดินสอยังปรากฎอยู่หลังลงสีน้ำเสร็จ จะทำให้ดูแล้วไม่สวยค่ะ พอร่างเสร็จ สามารถลบเส้นออกบ้างก็ได้ เพื่อให้เหลือไว้เพียงบาง ๆ พอให้มองเห็นค่ะ (หากลงสีน้ำทับเส้นดินสอไปแล้ว มาลบทีหลังจะลบไม่ออกแล้วนะคะ)ขั้นตอนที่ 2 ลงสีอ่อน ๆ ลงไปในส่วนของขนมปัง ชีส และผัก ให้พอรู้ว่าส่วนไหนสีอะไรนะคะ และขั้นตอนนี้ต้องเว้นสีขาวหรือทำสีอ่อนไว้ตรงบริเวณที่เป็นเงาสะท้อนสีขาวของภาพด้วยค่ะ อย่าเผลอระบายสีลงไปทั้งหมดนะคะขั้นตอนที่ 3 ลงสีขนมปังให้เข้มขึ้น โดยใช้สีน้ำตาลเหลือง น้ำตาลแดง สลับกันไปให้ดูมี Textureขั้นตอนที่ 4 ใช้สีเหลืองเข้มลงสีของชีส โดยระวังพื้นที่ที่เป็นเงาสะท้อนสีขาวค่ะขั้นตอนที่ 5 ใช้สีเทาดำ หรือ น้ำตาลเข้ม ลงสีบริเวณเงามืด เพื่อให้ภาพดูมีมิติ มีความลึกเข้าไปข้างใน และมีความนูนของชีสที่ไหลเยิ้มค่ะขั้นตอนที่ 6 ลงสีของผักกาดหอมโดยใช้สีเขียวอ่อน เขียวเข้ม สลับกันไปให้ดูเหมือนรอยหยักของผัก และใช้สีดำลงในส่วนของเงามืดค่ะ ส่วนหัวหอมใช้สีม่วงอ่อน ๆ ลงสีโดยเว้นให้เหลือขาวเอาไว้บ้างขั้นตอนที่ 7 ลงสีของขนมปังชิ้นล่างโดยลงน้ำหนักสีดำเข้มบริเวณที่เป็นเงาของผัก และส่วนที่สว่างหรือแสงเข้า ให้ปล่อยเป็นสีอ่อนไว้นะคะเสร็จแล้วค่ะ รูปวาดสีน้ำ เบอร์เกอร์ชีสเยิ้ม ๆ ขั้นสุดท้ายให้มองภาพจากไกล ๆ แล้วแต่งเติมส่วนต่าง ๆ ให้ละเอียดยิ่งขึ้น เช่นลงเงาดำเพิ่มให้ดำสนิทในบางจุดค่ะวาดเสร็จแล้วอย่าลืมถ่ายรูปเพื่อโพสลงใน Social Media ของตัวเองอย่างเช่น Facebook หรือ Instagram นะคะ เพื่อเพิ่มความสนุกสนานยิ่งขึ้นค่ะสำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายเครื่องเขียนทั่วไป หรือร้านออนไลน์ดังนี้ค่ะร้านสมใจ เครื่องเขียนและอุปกรณ์ศิลป์ - Somjai Books Stationery Co., Ltd.ร้าน Siam-marketingร้าน B2S Thailandสามารถคลิกเข้าไปเลือกช้อปได้เลยนะคะ ลงทุนเริ่มต้นเพียงแค่ไม่กี่ร้อย ก็สามารถซื้ออุปกรณ์มาหัดวาดรูปเป็นงานอดิเรกได้แล้วคะสำหรับวันนี้ ขอลาไปก่อน สวัสดีค่ะภาพถ่ายโดยนักเขียน       

"อัพ ภูมิพัฒน์" นำทีมบวงสรวงซีรีส์ "ค่อยๆ รัก Step By Step" หล่อสดใสมาก
อ่าน

"อัพ ภูมิพัฒน์" นำทีมบวงสรวงซีรีส์ "ค่อยๆ รัก Step By Step" หล่อสดใสมาก

"อัพ ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง" นำทีมสองนักแสดงนำ "แมน ธฤษณุ สรนันท์" กับ "เบน บัญญพนต์ ลิขิตอำนวยพร" พร้อมด้วยนักแสดงท่านอื่น ๆ ร่วมบวงสรวงซีรีส์เรื่อง "ค่อยๆ รัก Step By Step" ทำให้แฮชแท็ก #บวงสรวงค่อยๆรัก ขึ้นติดเทรนด์ "อัพ ภูมิพัฒน์" นำทีมบวงสรวงซีรีส์ "ค่อยๆ รัก Step By Step" หล่อสดใสมาก ช่วงบ่ายวันนี้ (20 ต.ค.2565) ได้ฤกษ์ดีบวงสรวงซีรีส์เรื่องใหม่ "ค่อยๆ รัก Step By Step" นำทีมโดยหนุ่มหล่อหน้าใส "อัพ ภูมิพัฒน์" พร้อมด้วย "แมน ธฤษณุ, เบน บัญญพนต์, อาตุ่ย พุทธชาด, ซอโซ่ นัทธ์หฤทัย, ป๊อปปี้ รัชพงศ์, บรูซ ศิริกร" ณ ศาลพระพิฆเนศวร บริเวณลานศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ งานนี้มีแฟน ๆ ไปให้กำลังใจอย่างอบอุ่น ส่วนหนุ่ม ๆ และนักแสดงท่านอื่น ๆ ก็หน้าตาแจ่มใส พร้อมรับสิริมงคล ก่อนเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำ ซึ่งแฟน ๆ เองได้แชร์โมเมนต์บรรยากาศงานบวงสรวงพร้อมติดแฮชแท็ก #บวงสรวงค่อยๆรัก ซึ่งขึ้นติดเทรนด์เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้อัพยังทวิตข้อความขอบคุณทุกคนอีกด้วย น่ารักจริง ๆ

Step by Step แบกเป้เที่ยวอีต่อง
อ่าน

Step by Step แบกเป้เที่ยวอีต่อง

สวัสดีค้า พบกันอีกครั้งนะคะ วันนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวบ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก จังหวัดกาญจนบุรี แบบแบกเป้ต่อรถกันเองเลยจ้า ไม่ต้องขับรถไปเน้อบ้านอีต่องนะคะ ตั้งอยู่ที่ ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิจังหวัดกาญจนบุรี หลายคนคงรู้จักเป็นอย่างดีเลยแหละ เพราะที่นี่นะเขาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตเลยเชียวนะ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย อากาศดี เที่ยวได้ทุกช่วงทุกฤดู ใครที่ยังไม่เคยไปเนี่ย ต้องไปนะ!!!อ่ะ ๆ เรามาพูดถึงการเดินทางกันก่อนดีกว่า ซึ่งการเดินทางของเราในวันนี้นั้น เราจะต่อรถจากกรุงเทพ ขึ้นไปถึงหมู่บ้านเลย จอดรถไว้ที่บ้าน ถือไปแค่กระเป๋าสัมภาระ​แค่นั้นพอขึ้นรถตู้ หรือ รถมินิบัส จาก หมอชิต - บขส.กาญจนบุรี (ค่าใช้จ่าย 120 บาท) หรือ จะไปขึ้นรถตู้ที่ สายใต้ใหม่ -​ บขส.กาญจนบุรี ​(ค่าใช้จ่าย 100 บาท) ก็ได้เช่นกันเมื่อเราเดินทางมาถึง บขส.กาญจนบุรีแล้ว ให้ต่อรถบัสพัดลม หรือที่เขาเรียกกันว่ารถหวานเย็น ที่เขียนว่า "กาญจนบุรี​ -​ สังขละ -​ ทองผาภูมิ" ไปลงที่ ตลาดทองผาภูมิ (ค่าใช้จ่าย 60 บาท)พอมาถึงตลาดทองผาภูมิ ให้ต่อรถสองแถวสีเหลือง ที่เขียนว่า "ทองผาภูมิ -​ อุทยานแห่งชาติ​ -​ บ้านอีต่อง" (ค่าใช้จ่าย 70 บาท)  ***รถเหลืองที่จะขึ้นไปบ้านอีต่อง ในหนึ่งวันมีแค่3-4รอบเท่านั้น พลาดแล้วพลาดเลย ก็จะมีตั้งแต่เช้าประมาน 7 โมงเช้า ถึง ช่วงเที่ยง แค่นั้น หรือบางวันที่ไม่ใช่ช่วงที่นักท่องเที่ยวเยอะก็จะมีแค่ 1-2รอบ เพราะฉะนั้นให้เดินทางเช้าไว้ก่อนดีที่สุด***รถหวานเย็น สายกาญจนบุรี -​ สังขละบุรี -​ ทองผาภูมิ ตามรูปด้านบน จะจอดรอรับผู้โดยสารอยู่บริเวณใกล้ ๆ กับห้องน้ำของ บขส. กาญจนบุรีนะคะ และ รถเหลือง สาย ทองผาภูมิ​ -​ อุทยานแห่งชาติ -​ บ้านอีต่อง จะจอดรอรับผู้โดยสารที่ตลาดทองผาภูมิ​บริเวณตรงข้ามกับเซเว่นนะคะ *ใครที่มาถึงตลาดทองผาภูมิแล้ว เดินไปกดเงินได้เลยค่ะ เพราะหลังจากที่เราขึ้นไปถึงหมู่บ้านจะไม่มีตู้ATMให้เรากดแล้วนะอ่ะเมื่อเราต่อรถกันเรียบร้อยแล้ว บอกไว้ก่อนเลยว่าช่วงเวลาในการเดินทางนั้นมันช่างย๊าวยาวนานซะเหลือเกิน ระหว่างทางจากตลาดทองผาภูมิขึ้นไปยังบ้านอีต่องเนี่ย เราจะต้องผ่านเส้นทางอันแสนหรรษา​กว่า 70 กิโลเมตร ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ไหล่ทางชำรุดเล็กน้อย มีหลุมมากมายระหว่างทาง และโค้งอีก 399 โค้ง พกยาดม และ ถุงไปด้วยนะคะ ระหว่างทางมีอ้วกแน่นอน ช่างเป็นเส้นทางที่หวาดเสียวซะเหลือเกินเดินทางกันมาเรื่อย ๆ จนถึงจุดชมวิว ระหว่างทางนะคะ ตรงนี้รถเหลืองจะจอดให้เราแวะพักยืดเส้นยืดสาย เขาห้องน้ำทำธุระส่วนตัวกันสักพักนึง ตรงนี้จะเป็นจุดส่งสัญญาณ​โทรศัพท์​ และ จุดนี้กำลังบอกให้เรารู้ว่า อีกอึดใจเดียว เราจะถึงหมู่บ้านแล้ว อดทนไว้นะ สู้ๆค่ะทุกคนเย้ทุกคน! เรามาถึงยังบ้านอีต่องกันแล้วค้า จากตลาดทองผาภูมิประมาน 9 โมง เรามาถึงที่หมู่บ้านเกือบ ๆ จะเที่ยง กว่าจะมาถึงได้ระหว่างทางนั้น ทั้งเวียนหัว หวาดเสียว หายใจไม่ทั่วท้องกันเลยทีเดียว แต่พอมาถึงแล้วรู้สึกดีใจมาก ดีใจที่ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ มาถึงหมู่บ้านอย่างปลอดภัยหายห่วง หมู่บ้านอีต่องนะคะเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่รอบ ๆ เนี่ยมีแต่ภูเขาโอบล้อมไว้ หน้าฝนหมู่บ้านก็จะถูกปกคลุมไปด้วยหมอก แดดร้อนในตอนกลางวัน แต่มีลมพัดเย็นสบายตลอดเวลา ที่พักของเราชื่อว่า "อีต่องโฮมสเตย์" แห่งนี้นี่เอง (ขออภัยเราไม่ได้เก็บภาพห้องพักมา😭) ห้องพักที่นี่นะคะราคาถูกมาก (ค่าที่พัก วันธรรมดา 800 ศุกร์,เสาร์ 1000 บาท) บริการดีมาก เจ้าของดูแลลูกค้าดีเยี่ยม ใส่ใจและดูแลดีพร้อมทุกสถานการณ์ ต้องการอะไรบอกได้ แล้วจะขอบอกก่อนว่า บนหมู่บ้านแห่งนี้นะคะ ที่พักทุกที่ ไม่มีแอร์นะคะ จะเป็นห้องพัดลมทั้งหมู่บ้านเลย เพราะว่าที่นี่อากาศ​ค่อนข้างดีกลางคืนเย็น ประมาน18 19 20 องศาเซลเซียส​เลย แล้วแต่ช่วงด้วย แต่ก็ไม่ร้อนไปกว่านี้นะคะในเวลากลางคืนบ้านอีต่อง แห่งนี้นะคะในอดีตนั้นเคยเป็นหมู่บ้านที่เจริญรุ่งเรือง​เป็นอย่างมาก เป็นเหมืองแร่ดีบุกมาก่อน แต่ปัจจุบันนี้หมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นสถานที่​ท่องเที่ยวยอดฮิตสำหรับคนรักธรรมชาติ และนักเดินป่าเดินเขา รายได้จากชาวบ้านในหมู่บ้านก็จะมาจากการเปิดร้านค้า เปิดโฮมสเตย์​บริการนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนนั่นเอง หลายคนที่มีเป้าหมายในการมาพิชิตเขาช้างเผือกก็ต้องเดินทางมายังหมู่บ้านทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ในช่วงที่เขาช้างเผือกเปิดให้เข้าไปเดินเขา หมู่บ้านแห่งนี้จะมีนักท่องเที่ยวมากมายมหาศาล​ โฮมสเตย์​ที่นี่ก็ไม่ได้มีมากนัก แต่ที่นี่เขาก็มีจุดกางเต็นท์​และใครที่ไม่มีเต็นท์ก็ไม่เป็นไรนะคะ ที่หมู่บ้าน เขามีให้นักท่องเที่ยวเช่าค่ะจุดเช็คอินจุดแรกนะคะ ตรงนี้จะตั้งอยู่บริเวณทางเข้าหน้าหมู่บ้าน นักท่องเที่ยวที่มาถึงที่นี่จะนิยมมาเขียนแผ่นป้ายแขวนกันเพื่อเป็นการเช็คอินว่า ครั้งหนึ่งเนี่ยเราเคยได้เดินทาง ผ่าน399โค้ง มาจนถึงจุดนี้ได้แล้วนะจากหน้าหมู่บ้าน เดินขึ้นมาด้านบนหมู่บ้าน เราจะเจอลานเฮลิคอปเตอร์​ อยู่ใกล้ ๆ กับโรงเรียนเพียงหลวง3 ซึ่งในช่วงปลายปีที่มีนักท่องเที่ยวเยอะตรงจุดนี้จะเป็นที่กางเต็นท์ของหมู่บ้าน บนนี้จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์​ของหมู่บ้านได้ในมุมกว้างและมองเห็นภูเขาด้านหน้าได้อย่างสวยงามเมื่อเดินเลยขึ้นไปอีก เราจะพบกับจุดชมวิวเที่เรียกว่า "เนินเสาธง" ซึ่งจะมีธงของประเทศไทย และ ประเทศพม่า อยู่บนเนินแห่งนี้ ด้านหน้าเราจะมองเห็นวิวภูเขาสลับซับซ้อน​ไปมา มองเห็นทิวทัศน์​ได้อย่างกว้างไกล เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกใกล้ ๆ หมู่บ้านที่เราสามารถเดินขึ้นมาได้เดินกันต่อขึ้นมาอีกนิด เราก็พบกับ "ช่องมิตรภาพ" ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดนึงที่มองเห็นวิวได้สวยซึ่งตรงหน้าที่เราเห็นนั้น ก็คือเป็นเขตชายแดนพม่าแล้ว มีพี่ทหารชาวพม่าจะยืนเฝ้าอยู่ตรงนี้ แล้วพี่เขาก็บอกประมาณ​ว่า "เดินลงไปดูวิวได้นะ เดินไปเลยข้างล่างสวยมาก" นี่เลยเขาบอกเราแบบนี้ มั้ง 5555 ก็เดินจ้า เออสวยจริงแต่ทางคือค่อนข้างชัน เราเดินลงมาก็ไกล พอเดินขึ้นเท่านั้นแหละ อื้อหืออออออ ปวดน่องกันไปเลยจ้าลงกลับไปหมู่บ้านกันดีกว่าเริ่มจะหิวแล้วนะอาหารที่หมู่บ้านก็มีหลากหลายให้เราเลือกทานนะคะ หมูกระทะบ้าง หมูจุ่มบ้าง อาหารทะเลก็มี อาหารตามสั่งก็ได้ ราคาก็ไม่ได้แพงมาก กลางคืนกับบรรยากาศ​ดี ๆ แบบนี้ กินอะไรก็อร่อยไปหมดต่อมา เราจะพาเพื่อน ๆ ออกไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ ๆ หมู่บ้านกัน ซึ่งการไปเที่ยวแบบไม่มีรถส่วนตัวนั้น ก็ไม่ใช่อุปสรรค​ของที่นี่เลย เราสามารถเลือกการเดินทางของเราได้ดังนี้นั่งรถเหลือง โดยการนั่งรถเหลืองเนี่ยมันก็ คือ รถที่ไปรับเรามาจากตลาดนั่นแหละค่ะ เมื่อเขากลับขึ้นมาถึงบนหมู่บ้านเนี่ยเขาก็จะกลายเป็นรถนำเที่ยว ซึ่งจะพาพวกเราไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ เช่น เนินเสาธง ช่องมิตรภาพ น้ำตกจ๊อก​กระ​ดิ​่​น เนินช้างศึก เป็นต้น โดยรถจะรอรับที่หมู่บ้านและออกเดินทางในช่วง บ่าย2 บ่าย3 แล้วแต่คันนะคะ ต้องสอบถามคุณลุงคนขับให้ดี (ค่าใช้จ่าย 50 บาท)​เช่ามอเตอร์ไซค์​ การเช่ามอเตอร์ไซค์​นั่นเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างสะดวก เพราะเราจะไปแวะที่ไหนก็ได้ ตามสบายเรา แต่การขับมอเตอร์ไซค์​ที่นี่จะต้องใช้ความชำนาญนิดนึงนะคะ เพราะทางโค้งค่อนข้างเยอะ ถนนผุพังบ้าง ทางเป็นเหวบ้าง และถนนแคบบางช่วง ต้องใช้ความระมัดระวังสูง (ค่าใช้จ่าย 300-350 บาท)​ถ้าหากเรามาหลายคน ก็ลอง เช่ารถนำเที่ยว ซึ่งการเช่ารถนำเที่ยวก็สะดวก​ดีเหมือนกัน เราสามารถเลือกโปรแกรมเที่ยวได้ และตกลงกับพี่คนขับรถให้เขาพาเราไปเที่ยว โดยที่รถคันนึงจะจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว 6-8 คน แล้วแต่คันนะคะ (ค่าใช้จ่ายแล้วแต่จำนวนคน และ โปรแกรมการเดินทาง)​น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เป็นน้ำตกที่อยู่ในการดูแลของอุทยานแห่งชาติ​ทองผาภูมิ มีเสียค่าเข้าเล็กน้อย น้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาล้อมรอบ น้ำใสไหลเย็นมาก หนาวสั่นไปตาม ๆ กัน แต่ก็เป็นน้ำตกที่สวยงามมากเลยนะต่อไปนี้เราจะพาทุกคนเดินไปเนินช้างศึกกันจากหมู่บ้าน จะมีทางสำหรับเดินเท้าขึ้นไปยังเนินช้างศึกได้ด้วยนะคะ อยู่ตรงหน้าหมู่บ้าน และก็จากหมู่บ้านเราก็สามารถมองขึ้นไปเห็นทางนั้นได้ ไป! เดินทางไปพร้อม ๆ กันนะคะ! เมื่อเราเดินขึ้นไปได้นิดนึง แล้วลองหันหลังมองกลับมาเราก็จะเจอหมู่บ้าน สวยงามมากและทันใดนั้น เราเจอเพื่อนร่วมทางในระหว่างทาง เราเดินมาเริ่มไกลแล้ว และเหนื่อยมาก แต่อยู่ดี ๆ เราก็พบกับเจ้าตูบ วิ่งแซงหน้าเราไป เราจึงเกิดแรงจูงใจอะไรไม่รู้ อยากจะเดินตามมันขึ้นไป อ่ะ เรามาเดินทางตามเจ้าตูบไปกันเดินตามกันมาเรื่อย ๆ ทางแคบลงเรื่อย ๆ ชันขึ้นเรื่อย ๆ เหนื่อยเรื่อย ๆ จนเอ่ยปากถามเจ้าตูบว่า "เธอพาเรามาถูกทางไหมเนี่ย" ถ้ามันตอบได้ก็ วิ่งหนีเลยจ้าไม่อยู่แล้ว 55555สักพักใหญ่ ๆ เราเริ่มมองเห็นทางแยก ที่เป็นถนนสำหรับรถผ่าน ดีใจมาก เราว่ามาถูกละ และเดินกันต่อไปจนเจ้าตูบพาไปเจอป้ายบอกทางพอดีกลังจากนั้น เราก็โบกมือลากัน (ลายังไงนะ)​ และแยกย้ายกันไปตามทางของเราเรายังคงเดินต่อไปตามทางถนน ซึ่งเราก็เจอรถผ่านไปมาซึ่งพวกเขาก็มีจุดหมายปลายทางเดียวกับเรานั่นแหละ แล้วก็ได้แต่คิดในใจว่า โอ้ย ขึ้นรถมาก็ไม่ต้องมาเหนื่อยแบบนี้แล้วนะ แต่ก็เป็นหนึ่งการเดินทางที่สนุกดี 5555และแล้ว เราก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเรา เห้ออออ ในที่สุดดดดดด! เนินช้างศึก เป็นจุดกางเต็นท์​ของนักท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์​สวยงามมาก ที่ตรงนี้มันมีความโรแมนติก​เล็ก ๆ พระอาทิตย์​สวยงาม นั่งกินลมชมวิวได้เป็นชั่วโมง เพลินมากไม่อยากลงเลย การเดินมาที่นี่ มันเหนื่อย แต่รู้สึกว่าการที่เราได้มาเห็นที่นี่มันทำให้เราหายเหนื่อยได้จริง ๆ เราสามารถมองเห็นเขาช้างเผือกจากตรงนี้ได้ชัดเจน ภูเขาสูงใหญ่สลับซับซ้อนไปมา กับตัวเราที่ดูเหมือนจะเล็กมากกลายเป็นมดไปเลยเมื่อได้ยืนอยู่ตรงจุดนี้ เอาหละ พอพระอาทิตย์​ตกแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะกลับลงไปยังหมู่บ้านอีต่องแล้ว 😭และค่ำคืนนี้ เราขอฝากภาพถ่ายท้องฟ้า ณ บ้านอีต่องสักภาพรุ่งเช้าวันต่อมา ถึงเวลาที่เราต้องกลับแล้ว เห้อ~ ไม่อยากจะกลับเลยจริง ๆ อยู่ต่ออีกสักเดือนสองเดือนได้ไหมนะ...... กลับกันดีกว่า และวิธีกลับนั้น เราก็จะนั่งรถเหลืองเหมือนเดิม ลงจากหมู่บ้านไปยังตลาดทองผาภูมิ ซึ่งรถเหลืองเนี่ย เขาจะมาจอดรอเราที่กลางหมู่บ้านเลย ประมานตี5ครึ่งก็เตรียมตัวได้แล้ว คันสุดท้ายที่จะออกจากหมู่บ้านนั้นจะออกในเวลาประมาน 8-9โมง เราต้องเช็คเวลาให้ดี ๆ นะคะ สอบถามทางที่พักหรือคนในหมู่บ้านเอาก็ได้ หรือถ้าเราบังเอิญเจอลุงคนขับในหมู่บ้านก็ถามเขาว่า ลุง ๆ ลุงจะลงตอนไหนคะ หนูจะลงด้วย ขอเบอร์ติดต่อลุงนิดนึง เราจะได้ไม่พลาดกันนะคะและเมื่อเราถึงตลาดเราก็ต่อรถลงไปเหมือนตอนที่เราขึ้นมานะคะ หรือใครที่ไม่อยากต่อหลายต่อ สามารถบอกลุงคนขับรถเหลืองได้เลยว่า ลุงหนูจะนั่งรถตู้ค่ะ ไปกรุงเทพนะ หรือ ไปไหนก็ค่อยว่ากัน ลุงเขาก็จะไปส่งเราขึ้นรถอย่างปลอดภัย น่ารักมาก❤️ค่าใช้จ่ายจำเป็นในการเดินทางค่ารถตู้โดยสารขาไป 100 บาท ( สายใต้-กาญจนบุรี ) ขากลับ 120 บาท (กาญจนบุรี - หมอชิต)ค่ารถบัสพัดลมขาไป 60 บาท (รถหวานเย็น) ขากลับ 60 บาทค่ารถเหลืองขาไป 70 บาท ขากลับ 70 บาทค่าที่พัก 800 บาท/คืนค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ 300 บาท/วันสำหรับค่าอาหารก็แล้วแต่เราจะรับประทานเลยนะคะเป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ สำหรับตัวจ๋า จ๋าชอบที่นี่มากนะคะ เพราะว่าบรรยากาศ​ก็ดีมาก ชาวบ้านก็น่ารัก ลุงคนขับก็ใจดี ที่พักก็บริการดีอีก โอ้ย รักอะไรขนาดนี้ ถ้าเพื่อน ๆ ชอบ อยากลองเดินทางเองบ้าง ก็หวังว่าการเดินทางของจ๋านั้น จะช่วยเหลืออะไรคุณได้บ้าง ไม่มากก็น้อยนะคะ 5555ขอให้ทุกคนมีทริปที่ดี และเดินทางอย่างปลอดภัย ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ แล้วพบกันใหม่ สวัสดีค่ะ 😁ภาพถ่ายทั้งหมด ถ่ายโดย Jah Wipawee Pechkhong (จ๋าหรือคนเขียนนั่นเอง)​💚

วิธีทำนามบัตร Digital แบบง่าย step by step
อ่าน

วิธีทำนามบัตร Digital แบบง่าย step by step

NFC Tag คืออะไร?NFC tag เป็นชิปขนาดเล็กที่สามารถบันทึกคำสั่งขนาดเล็กและโอนถ่ายไปยังสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ที่รองรับ NFC อื่นๆ  โดย NFC Tag นั้นมีหลายชนิดและหลายขนาดความจุเพื่อให้เหมาะสมกับการเลือกใช้ในงานแต่ละประเภทโดยมักจะพบเห็น NFC tag ได้ตามห้องสมุด ร้านหนังสือ และสินค้าแบรนด์เนม รองเท้า กระเป๋าหรู หลายยี่ห้อนิยมเลือกใช้ NFC ฝังลงในสินค้านั้นและผู้ซื้อสามารถนำสมาร์ทโฟนอ่านรายละเอียด serial สินค้านั้นได้เพื่อป้องกันการปลอมแปลงNFC Tag หาซื้อได้จากที่ไหน ?ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อได้ตามร้านค้าออนไลน์ทั่วไปโดย พิมพ์ค้นหาคำว่า " NFC tag sticker" ราคา ตั้งแต่ ชิ้นละ 2-10 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ความจุ และจำนวนที่สั่งซื้อขั้นตอนการทำนามบัตร Digital เองในหลักการการทำนามบัตร Digital นี้ คือ การบันทึกข้อมูล บริษัท ชื่อ-สกุล เบอร์ติดต่อ อีเมล ลงใน NFC tag ตัวนี้ แล้วนำไปติดลงในนามบัตร และเมื่อต้องการใช้งาน ให้นำนามบัตรที่มีสติกเกอร์ NFC tagนี้ไปแตะด้านหลังสมาร์ทโฟนของลูกค้าหรือผู้ที่เราต้องการส่งข้อมูล ข้อมูลข้างต้นจะถูกบันทึกในสมุดโทรศัพท์หรือ contact list ทันที มีความสะดวกและรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องเก็บนามบัตร และยังมีขั้นตอนในการบันทึกข้อมูลภายหลังและเสี่ยงกับการทำนามบัตรหาย อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำนามให้กับริษัทและยังช่วยลดภาวะโลกร้อน และCovid 19 ได้อีกด้วยนะขั้นตอนค้นหา application ชื่อ " NFC TOOLS" ใน Google play store หรือ App store กด download และติดตั้งให้เรียบร้อยเปิด enable NFC เพื่อการเชื่อมต่อระหว่าง สมาร์ทโฟนของท่านกับ NFC tag stickerเปิด app NFC Tools ไปที่เมนู " Write" Add record เลือก  " Contact " กรอกข้อมูลต่างๆที่ต้องการ (ไม่เกินความจุของ NFC tag โดยปกติ 140b) กด OKApp จะกลับมาที่หน้าเดิมอีกครั้ง จะพบว่ามีคำสั่งที่ตั้งไว้เพื่อรอการ write บันทึกลงใน NFC tag แล้ว สังเกตว่ามีขนาดของไฟล์ด้วยหลังจากนั้นให้นำ NFC tag มาวางหรือแตะด้านหลังสมาร์ทโฟนที่ต้องการบันทึกโดยแต่ละท่านอาจจะมีจุด NFCเซนเซอร์ที่แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้กับกล้องหลัง เมื่อพร้อมแล้วให้กด "Write/จำนวน Bytes เครื่องจะทำการส่งข้อมูลไปยัง NFC tag ที่วางไว้ หากยังไม่ตรงจุด appจะแจ้งให้approach NFC ทำการขยับเมื่อพบตำแน่งNFCที่ถูกต้องจะเกิดการบันทึกข้อมูลทันทีและแจ้งว่า completedApp จะกลับมาที่หน้าเดิมอีกครั้ง จะพบว่าข้อมูลนามบัตรก็ยังสามารถบันทึกใน tag อื่นต่อไป  การทดสอบนำ NFC tag sticker ที่ใส่ข้อมูลแล้ว ไปติดกับนามบัตรหรือวัสดุใดๆที่สามารถติดได้โดยต้องเป็นพื้นผิวที่เรียบติดง่ายหลุดยาก ใช้ สมาร์ทโฟนอีกเครื่องหรือเครื่องเดียวกัน เปิด enable NFC ไปแตะด้านหลัง หากสมาร์ทโฟนสามารถอ่านข้อมูลเเละบันทึกในสมุดโทรศัพท์หรือcontact list โดยทันที ถือว่า สำเร็จ และสามารถนำไปใช้ได้เลยEarly Bird ได้ทดลองและทำใช้เองมานานแล้ว สะดวกมากเลยนะ และ NFC tagก็ยังสามารถต่อยอดได้อีกหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นทำสติ๊กเกอร์ติดสร้อยคอ น้องหมาน้องแมว เป็นชื่อที่อยู่เรา เผื่อน้องหาย ทำสติ๊กเกอร์ติดเสื้อให้เด็กๆ เวลาไปเที่ยวงานอีเว้น หากพลัดหลงผู้ปกครองก็จะได้ติดต่อได้ร้านกาแฟ ให้ลูกค้า นำสมาร์ทโฟน แตะ NFC tag sticker เพื่อ log in WIFI โดยไม่ต้องเสียเวลากรอกIDPasswordเห็นสาวๆบางคนแอบติดNFC tag sticker ไว้ตรงเคสโทรศัพท์ เพียงแตะเบาก็ส่งลิงค์ Instagram หรือ Facebook  ของตัวเองให้เพื่อนได้โดยไม่ต้องบอกให้เสียเวลาเลยรู้แบบนี้แล้วจะรออะไรล่ะ ลองเข้าไปเล่นกันได้เลย Early Bird เครดิตภาพประกอบบทความโดย ภาพปก : ภาพผสมทำมาจาก Canva.com โดยผู้เขียน (ภาพปก) ภาพประกอบ : โดยผู้เขียนบทความ Early Bird (ภาพที่ 2 )มีส่วนผสมจาก Canva.com ภาพที่ 1,3,4เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน  App TrueID โหลดเลย ฟรี !

โอริกามิ น้องหมาน้องแมว Step by Step
อ่าน

โอริกามิ น้องหมาน้องแมว Step by Step

                หลาย ๆ ตำราบอกว่าการพับกระดาษ (โอริกามิ) เป็นหนึ่งในกิจกรรมฝึกสมาธิ และสร้างความบันเทิงให้กับผู้พับไม่น้อย อีกหนึ่งก็เป็นกิจกรรมสร้างความสุขภายในครอบครับ หลายคนพับตามคลิปวิดีโอ และหลายคนค้นหาจากหนังสือ หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ พาสต่อไปนี้ เราจะพับทอมแอนเจอรี่ค่ะ อุ้ย!... ไม่ใช่ค่ะ หมากับแมว ตัวน้อย ๆ เราเตรียมกระดาษสี หรือกระดาษที่มีลวดลายตามใจชอบเลยนะคะเริ่มต้นด้วยการพับน้องหมาน่ารักกันก่อน1. พับกระดาษสี่เหลี่ยมจัตุรัส 2 ทบ จะได้รูปสามเหลี่ยมที่มีขนาดเล็กลง เพื่อสร้างรอยพับ2. คลี่ออกมาแล้ว พับมุมทั้ง 4 ด้านเข้ามาชนกันที่จุดศูนย์กลาง (ชั้นที่ 1) และกลับด้านพับมุมทั้ง 4 เข้ามาจุดศูนย์กลางอีกครั้ง  (ชั้นที่ 2) จะได้สี่เหลี่ยมที่เล็กลง3. คลี่กระดาษออกโดยให้คงชั้นที่ 1 ไว้ แล้วพับด้านซ้ายและขวาเข้ามา พับด้านแคบเข้ามาตรงกลาง 1 ทับ สอดนิ้วเข้าไปตรงกลางสร้างรอย และจับจีบมุมทั้ง 2 ข้างดันออกมาด้านซ้ายและขวา4. พับทบปลายแหลมขึ้นมาและสอดไว้ใช้จีบที่รับทำกันไว้ พลิกอีกด้านขึ้นมา พับปลายแหลมที่ยื่นออกง แล้วสอดนิ้วเข้าไปตรงกลางที่เราพับและกดลง ทำทั้ง 2 ข้าง5. พับมุมเล็ก ๆ ข้างซ้ายและขวาลง เพื่อทำมุมให้มนขึ้น จากนั้นตกแต่งตาและปากด้วยกระดาษสีดำ หรือสามารถใช้ปากกาสีได้เลยนะคะต่อไปเราจะพับแมวน้อยกันต่อนะคะ ซึ่งง่ายกว่าน้องหมาเล็กน้อย1. พับกระดาษสี่เหลี่ยมจัตุรัส 1 ทบ และพับปลายเหลี่ยมที่เป็นมุมฉากพับทับขึ้นมา2. พับปลายแหลม ๆ ทั้งสองข้างเข้ามาประมาณ 3 ใน 4 ส่วน พับทั้ง 2 ข้าง ทำให้เราได้รูป สี่เหลี่ยมคางหมู3. ตลบปลายแหลมทั้ง 2 ด้านขึ้น สร้างหูของแมวเหมียว ข้างล้างก็พับทบขึ้นมาทำคางของน้องค่ะ เมื่อพลิกขึ้นมาจะเห็นว่าตรงหน้าหูของน้องแมวยังมีเหลี่ยมอยู่ให้พับลง แล้วทบไปข้างหลัง  เราสามารถทากาวเพื่อยึดให้แน่นได้ค่ะ4. ตกแต่งตากับจมูกด้วยกระดาษสีดำ แล้วทำลวดลายให้น่ารักมากยิ่งขึ้นด้วยปากกาสีดำ                และแล้วเราก็ได้ทั้งน้องหมา และน้องแมวน่ารักแล้วล่ะค่ะ                การพับนั้นมีทั้งยากและง่ายในการพับแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับแต่ละชนิดที่เราเลือกมาพับ เราจะต้องมีสมาธิพอสมควรที่จะสร้างสรรค์ และสามารถรับชมแบบภาพเคลื่อนไหวได้ที่ https://youtu.be/2MxFwFljXho และ https://youtu.be/M_1SS3yn2TY ค่ะ เราเองก็มีวิธีการพับกระดาษหรือโอริกามิมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้พับตามและฝึกสมาธิอีกเพียบเลยค่ะ ไว้เจอกับครั้งต่อไปนะคะเครดิตภาพ : แหม่มหลามตัด (ผู้เขียน)          

"แมน-เบน" เผยสเต็ปรักกลางออฟฟิศในซีรีส์ "ค่อยๆ รัก Step By Step" เริ่ม 18 เม.ย.นี้
อ่าน

"แมน-เบน" เผยสเต็ปรักกลางออฟฟิศในซีรีส์ "ค่อยๆ รัก Step By Step" เริ่ม 18 เม.ย.นี้

​พร้อมออนแอร์ให้แฟนนิยายทั่วโลกที่รอชมกันแล้วสำหรับซีรีส์มาแรง "ค่อยๆ รัก Step By Step" จากนิยายขายดีอันดับหนึ่งของ SUMMER DECEMBER ที่สร้างปรากฎการณ์มานับครั้งไม่ถ้วน ติดเทรนทวิตเตอร์ทันทีตั้งแต่วันประกาศสร้าง #เจ๋งพัท, เปิดแคส, PILOT, บวงสรวง, แถลงข่าว และ เพลงประกอบซีรีส์ "รักเธอ ONLY YOU" โดย "ATLAS" ล่าสุดสองผู้จัด บริษัท Dee Hup House (ดี ฮัพ เฮ้าส์ จำกัด) โดย "บอส อนุสรณ์ ลิ้มประเสริฐ" และ "จัสติน โสตางกูร" จากบริษัท JUSTUP (จัสท์อัพ) จำกัด เอาใจแฟนพร้อมนำ ซีรีส์ โรแมนติก คอมมาดี้ เรื่องนี้ที่จะพาทุกคนไปฟินจิกหมอนถึงขีดสุดกับความรักที่ห่างทั้งตำแหน่งหน้าที่การงาน กับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นแบบคาดไม่ถึง "แมน-เบน" เผยสเต็ปรักกลางออฟฟิศในซีรีส์ "ค่อยๆ รัก Step By Step" ระหว่าง 3 นักแสดงนำหนุ่มอย่าง "แมน ธฤษณุ สรนันท์, เบน บัญญพนต์ ลิขิตอำนวยพร, อัพ ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง" กำกับโดย "ตี๋ บัณฑิต สินธนภารดี" ผู้กำกับซีรีส์ที่เคยสร้างกระแสและคู่จิ้นสุดฟิน อย่าง Tharntype The Series (มิว-กลัฟ), นับสิบจะจูบ (เก้า-อัพ) และอีกมากมาย ออกมาให้แฟน ๆ ทุกคนที่ตั้งตารอชมพร้อมกันเป็นครั้งแรกในวันอังคารที่ 18 เมษายน 2566 เวลา 23.00-24.00 น. ทางช่อง ONE 31 สำหรับเรื่องราวของ "ค่อยๆ รัก Step By Step" เริ่มต้นหลังการเข้ามาของ คุณเจ๋ง เรื่องราวก็กลับยุ่งเหยิงขึ้น เมื่อความตรงไปตรงมาในการแนะนํางาน รวมถึงท่าทีวางมาดของคุณเจ๋งทําเอาพัท เกิดความรู้สึกอึดอัด มิหนําซ้ำเพื่อนร่วมงานบางคนในแผนกที่มีอํานาจในการสั่งงานกลับใช้งานพัทไม่ตรงกับหน้าที่ที่ควรจะได้ ส่งผลให้เกิดการเป็นปัญหาระหว่าง พัท และ คุณเจ๋ง อยู่บ่อยครั้ง จนพัทเกิดอาการหมดไฟ แล้วความใกล้ชิดก็นําไปสู่การเปลี่ยนแปลง หลังจากที่ทั้งคู่รู้จุดอ่อนและข้อบกพร่องของกันและกัน ความสัมพันธ์ก็เดินทางมาถึงวันที่คุณเจ๋งรู้ตัวว่าหลงรักพัทเข้าเสียแล้ว แต่ฝ่ายลูกน้องที่ไม่คิดว่า เจ้านายที่เป็นชายในฝันของใครหลาย ๆ คนจะมาชอบ อีกทั้งสถานะทางการงานยังค้ำคอเขาทั้งคู่อยู่ จึงพยายามปฏิเสธความรู้สึกนี้ แล้วความรักของพวกเขาจะลงเอยสู่บทสรุปอย่างไร ? บอส อนุสรณ์ ผู้จัด ดี ฮัพ เฮ้าส์ เผยที่มาการสร้างว่า "สำหรับซีรีส์เรื่องนี้เกิดขึ้นจากตอนแรก ทางดีฮัพมองหาคอนเทนท์เรื่องใหม่ บังเอิญเจอเรื่องนี้ในทวิตเตอร์ เราก็รู้สึกสนใจ เลยถามพี่ตี๋ว่าตอนนี้เรื่องไหนน่าสนใจมาทำ เราก็หยิบเรื่องนี้มาอ่านกัน และรู้สึกว่าเรื่องนี้แหละจะเป็นเรื่องต่อไปที่เราจะทำกัน เพราะด้วยตัวคอนเทนต์เองก็มีความใหม่ขึ้นมาจากที่เราเคยทำ เป็นเรื่องของการทำงานของเอเจนซี่ รู้สึกว่ามันน่าจะทัชกับใครหลายๆคน และยังเป็นนิติหมายที่ดีที่เราอยากร่วมงานกับทางจัสท์อัพ และพี่อัพที่เคยร่วมงานกันมาด้วย โปรเจ็กท์อันใหม่ก็เลยชวนกันมาทำกันครับ" ตี๋ บัณฑิต ผู้กำกับ เผยถึงการกำกับว่า "ด้วยความที่ตัวเองเคยทำงานเป็นมนุษย์ออฟฟิศมาก่อน พอได้คลุกคลีมาบ้างกับสังคมออฟฟิศ และด้วยความที่เป็นบริษัทมาร์เก็ตติ้งเอเจนซี่ที่เราเองเคยทำมาก็ประมาณนั้นด้วย ก็เลยค่อนข้างถนัดในการกำกับ และก็อยากเสนอมุมมองในการทำงานตรงนี้ให้แฟน ๆ ได้ดูกัน เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ๆ เพราะก่อนหน้านี้เราทำอีกแบบนึงมา แต่ครั้งนี้เป็นซีรีส์แนวออฟฟิศ ซึ่งส่วนใหญ่มนุษย์ออฟฟิศหลาย ๆ คนก็จะเป็นและคงได้อินกับสิ่งที่เราอยากนำเสนอในตอนนี้ และอีกอย่างสิ่งที่นิยายเขียนมานั้นนับว่าเป็นสารตั้งต้นที่ดีมาก ๆ ให้กับเราในการเลือกมาทำครับ" จัสติน ผู้จัด จัสท์อัพ เผยถึงกระแสตอบรับว่า "ก่อนอื่นต้องขอบคุณบอสกับตี๋ที่ชวนมาทำด้วยกัน เราก็ร่วมกันทำกันอย่างหนักเพื่อให้ซีรีส์เรื่องนี้ออกมาดีที่สุด ตั้งแต่วันแรกจนมาถึงวันนี้ และจากกระแสตอบรับที่ผ่านมา ตั้งแต่ ประกาศสร้าง, แคส, บวงสรวง, ฟิตติ้ง เทรลเลอร์ ได้รับฟีดแบ็คอย่างดีมากมาตลอด ขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนนะครับที่ให้การสนับสนุน ให้การคอมเมนท์อย่างดีกับเรา เราก็จะไปแก้ไขให้ดีที่สุด ขอบคุณทุกคนมากครับ" สำหรับซีรีส์เรื่องนี้นอกจาก 3 นักแสดงนำแล้วยังเต็มไปด้วยสีสันจากเหล่านักแสดงร่วมหลายคนที่มาสร้างความสนุกสนานให้ออฟฟิศเอเจนซี่แบบครบทุกรสอีกด้วย อาทิ เซนต์ ปารมี มหัทธนาดุล, วิน ธีราเมท พีรบวรสุข, อาตุ่ย พุทธชาด พงศ์สุชาติ, บรูซ ศิริกร คณานุรักษ์, ซอโซ่ นัทธ์หฤทัย อัครกิจวัฒนากุล, ป๊อปปี้ รัชพงศ์ อโนมกิติ, แพรว หัสสยา อิสริยะเสรีกุล เป็นต้น ติดตามความโรแมนติกคอมเมดี้ของชาว Jian Group ในซีรีส์ "ค่อยๆ รัก Step By Step" ที่ การันตีโดย 2 ผู้จัดคุณภาพ จะสนุกครบรสขนาดไหน ไปพิสูจน์กันได้ EP. 1 วันอังคารที่ 18 เมษายน 2566 เวลา 23.00- 24.00 น ทางช่อง ONE31 อ่านข่าวบันเทิงวันนี้ที่เกี่ยวข้อง : "อัพ ภูมิพัฒน์" นำทีมบวงสรวงซีรีส์ "ค่อยๆ รัก Step By Step" หล่อสดใสมาก

Cardio EZ EP.31 : Step Workout
ดู

Cardio EZ EP.31 : Step Workout

HOW TO แก้อากาศร้อนโดยไม่ต้องเปิดแอร์ (Step-by-Step)
อ่าน

HOW TO แก้อากาศร้อนโดยไม่ต้องเปิดแอร์ (Step-by-Step)

ฤดูร้อนในประเทศไทยมักจะมาพร้อมกับอุณหภูมิที่สูงเกินไปจนทำให้หลายๆ คนต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศเพื่อความเย็นสบาย แต่การเปิดแอร์ตลอดทั้งวันอาจทำให้ค่าไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถทำให้บ้านเย็นได้โดยไม่ต้องพึ่งแอร์? วันนี้ผมมีวิธีแก้อากาศร้อนแบบง่ายๆ ที่ไม่ต้องเปิดแอร์ตลอดทั้งวัน มาแนะนำให้ทุกคนได้ลองทำกันครับ Step-by-Step Step 1: ปรับทิศทางการระบายอากาศในบ้าน การปรับทิศทางการระบายอากาศในบ้านเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด วิธีแรกที่ผมลองทำคือการเปิดหน้าต่างทั้งสองข้างของบ้านเพื่อให้ลมไหลผ่านระหว่างห้องและระบายความร้อนออกจากบ้าน ทำให้บ้านเย็นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่เพียงแค่ช่วยให้ลมพัดผ่าน แต่ยังเป็นการลดอุณหภูมิภายในบ้านอย่างรวดเร็ว การเพิ่มการไหลเวียนของอากาศในบ้านจะช่วยให้อากาศถ่ายเทไปมาและลดความร้อนที่สะสมอยู่ได้ดีมาก   Step 2: ใช้พัดลมช่วยให้บ้านเย็น พัดลมเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ไม่ควรมองข้ามครับ ผมพบว่าเมื่อวางพัดลมในจุดที่มีการถ่ายเทอากาศดี เช่น ห่างจากแสงแดดโดยตรง และเปิดพัดลมให้ลมพัดผ่านไปยังทางออกของบ้าน จะช่วยทำให้อากาศเย็นขึ้นได้ นอกจากนี้ ผมยังลองทำการวางน้ำแข็งใส่ถาดแล้ววางไว้ใกล้พัดลม ผลลัพธ์ที่ได้คือ พัดลมจะพาลมเย็นที่มาจากน้ำแข็งเข้าไปในห้อง ทำให้รู้สึกเหมือนมินิแอร์เลยทีเดียวครับ   Step 3: ปิดผ้าม่านหรือใช้ผ้าคลุมหน้าต่าง การปิดผ้าม่านหรือใช้ผ้าคลุมหน้าต่างเพื่อป้องกันแสงแดดจากภายนอกเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดความร้อนในบ้านได้ดีมาก ผมเริ่มใช้ผ้าม่านที่ทำจากวัสดุที่ไม่ให้แสงแดดเข้ามาได้ง่าย ช่วยให้บ้านไม่ร้อนเกินไป โดยเฉพาะในช่วงกลางวันที่แดดจัด   Step 4: ทานเครื่องดื่มเย็น การดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ เช่น น้ำมะพร้าว หรือ น้ำแตงโม ช่วยให้ร่างกายสดชื่นและลดความร้อนได้ดีมาก ผมมักจะดื่มน้ำเย็นหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมจากผลไม้สดๆ ในตอนที่อากาศร้อนๆ เช่นนี้ เพื่อให้รู้สึกสดชื่นทั้งภายในและภายนอก   Step 5: เลือกแต่งตัวสบายๆ การเลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้ายหรือผ้าลินิน ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ตัวเราเย็นขึ้นในวันที่อากาศร้อน ผมชอบใส่เสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าโปร่งและเบาในช่วงหน้าร้อน เพราะมันช่วยให้ร่างกายระบายความร้อนได้ดี   Step 6: ใช้ผ้าขนหนูเย็นๆ คลายร้อน ผมพบว่าการใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นแล้วเช็ดที่ใบหน้า หรือวางผ้าขนหนูเย็นๆ ที่หลังคอ จะช่วยให้ร่างกายเย็นลงอย่างรวดเร็ว วิธีนี้ทำให้ผมรู้สึกสดชื่นและคลายร้อนได้ทันที     จากประสบการณ์ที่ผมได้ทดลองวิธีต่างๆ เหล่านี้ ผมพบว่า วิธีการที่ผมแนะนำสามารถช่วยลดอุณหภูมิในบ้านได้จริงโดยไม่ต้องใช้แอร์ วิธีการต่างๆ เช่น การเพิ่มการไหลเวียนของอากาศในบ้าน การใช้พัดลมช่วย และการดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ล้วนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดความร้อน และยังช่วยประหยัดพลังงานได้ดีมาก ในช่วงฤดูร้อน การไม่เปิดแอร์ตลอดทั้งวันไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดพลังงาน แต่ยังทำให้บ้านของเรายังคงเย็นสบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีที่ผมได้แนะนำไปสามารถทำได้ง่ายๆ และไม่ต้องลงทุนมากนัก หากทุกคนลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ เชื่อว่าความร้อนจะไม่เป็นปัญหาใหญ่ในบ้านอีกต่อไปครับ     รูปภาพปกทั้งหมดมาจาก pexels :|: Alessio Cesario // ภาพประกอบที่ 1 | Alina Matveycheva // ภาพประกอบที่ 2 รูปภาพประกอบทั้งหมดมาจาก pexels :|: Alessio Cesario // ภาพประกอบที่ 1 | Alina Matveycheva // ภาพประกอบที่ 2 | cottonbro studio // ภาพประกอบที่ 3 | Lisa from Pexels // ภาพประกอบที่ 4 | Farhad Irani // ภาพประกอบที่ 5 | Photo By: Kaboompics.com // ภาพประกอบที่ 6   เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

รีวิว รักนี้ทีละสเต็ป Step By Step Love (2024)
อ่าน

รีวิว รักนี้ทีละสเต็ป Step By Step Love (2024)

เรื่องย่อเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ปู้หร่าน (รับบทโดย ลู่หยางหยาง) เธอใฝ่ฝันที่จะเป็นนักออกแบบสาวที่เก่งกาจ ซึ่งเธอเองถือเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของตระกูลอี้หัว แต่เธอก็ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีเหมือนที่คิด และมักจะถูกครอบครัวของคุณอากับคุณย่ารังแกอยู่ตลอด เธอเองได้แฝงตัวเข้ามาในบริษัทผิ่นซ่าง ซึ่งเป็นบริษัทของ ลู่เฉินหยาง (รับบทโดย เจาจือเว่ย) หนุ่มหล่อที่เต็มไปทั้งแผนการด้านธุรกิจและถือเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลนางเอก เขาเองมีความแค้นกับครอบครัวนางเอกเป็นอย่างมาก ก็ต้องมาลุ้นกันค่ะว่าเวลาผ่านไปทั้งคู่จะรวมมือต่อสู้กันยังไง แล้วความรักของพวกเขาท่ามกลางอุปสรรคของครอบครัวและอดีตอันแสนเจ็บปวดจะจบลงยังไงกันแน่ล่ะคะเนี่ย ดูซับไทยแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ทาง WeTV มีทั้งหมด 28 ตอนเป็นซีรีส์แนวโรแมนติกผสมดราม่า นักแสดงนำปู้หร่าน รับบทโดย ลู่หยางหยางเธอเป็นสาวน้อยที่เข้มแข็งมาก เก่งและมีไหวพริบแบบสุดๆ ตลกฮ่าๆในบ้างครั้ง เธอเป็นคนที่รักพ่อกับแม่เธอเป็นอย่างมาก พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้พวกเขามีความสุข เป็นคนที่มีความอบอุ่นอยู่ในตัว ออกแบบพื้นที่ออกมาดีมากๆเพราะเธอคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ใช้เป็นหลัก ลู่เฉินหยาง รับบทโดย เจาจือเว่ยเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และเก่งมากๆ ต่อสู้กับตระกูลอี้หัวได้เก่งมาก เขาเองคำนวณทุกอย่างไวในหัวอยู่แล้ว รอบครอบและมองกาลไกลเกี่ยวกับบริษัท ที่สำคัญเป็นคนคลั่งรักคนนึง ทำเพื่อนางเอกเราลับหลังอยู่บ่อยครั้งค่ะ   https://www.instagram.com/reel/C5znfOIKIcL/?igsh=MXBhdTNrMjBrczk3Zg==จากการดูไปแล้ว 18 ตอนต้องพูดเลยว่าพระเอกของเราเรื่องนี้คือฉลาดมากๆจากที่ผู้เขียนดูมา 18 ตอนไม่มีเหตุการณ์หรือสถานการณ์ไหนเลยที่พระเอกของเราไม่สามารถรับมือกับมันได้ค่ะ แล้วเหมือนจะคำนวณทุกอย่างไว้ตลอดเวลาอยู่แล้วค่ะว่าจะต้องรับมือยังไงบ้าง ผู้เขียนนับถือในความฉลาดของพระเอกมากๆเละค่ะแต่ตลกฉากแรกๆที่พระเอกแบบมีการแอบถ่ายคุณย่าของนางเอกแล้วก็รับมือกับตระกูลนางเอกได้แบบสนุกมากๆค่ะ คือทุกคนต้องไปดูเอาเอง แล้วฉากแรกที่พระนางเค้าเจอกันก็ฮานะคะ เจอกันในห้องน้ำแบบงงๆไปอีก แต่ถ้าพูดถึงความคลั่งรักนะคะต้องบอกเลยว่าตั้งแต่ตอน 17 นะคะ แบบจะได้เห็นความหวานแบบจัดเต็มสุดสุดเกือบทั้งตอนแต่เสียดายนิดนึงค่ะตรงที่ตอนที่ 18 เหมือนพระนางเค้าเปิดแล้วว่าคบกัน ไม่เหมือนตอนที่ 17 ที่แอบคบกันในออฟฟิศ มันดูสนุกดีค่ะ ผู้เขียนว่าน่าจะแอบคบกันไปนานนานอีกซักนิดนึง แต่คิดว่าเค้าเปิดตัวกันแล้วน่าจะหวานออกสื่อนะคะ (พอดีผู้เขียนยังดูไม่ถึง 555)คือจริงๆพระเอกก็รู้ฐานะนางเอกตั้งแต่แรกแล้วค่ะ แต่เห็นในความสามารถนางเอกความพยายามนางเอกแล้วก็คิดว่ามีใจให้นางเอกด้วยแหล่ะค่ะ ถึงตัดสินใจรับนางเอกเข้ามาทำงาน แต่หลังจากที่คบกัน พระเอกก็คือแบบคลั่งรักนางเอกมากๆคือแบบอยู่ห่างไม่ได้เลย ต้องมองตลอดแต่ผู้เขียนคิดว่า หลังจากอีพี 18 อาจจะมีฉากที่พระนางเค้าทะเลาะกันบ้างหรือเปล่าค่ะ เพราะว่ายังเหลืออีกตั้ง 10 ตอน กว่าจะจบ ก็อาจจะมีพระนางเค้างอนกันบ้าง เพราะว่าก็ต้องยอมรับว่าตระกูลนางเอกก็ชอบใส่ไฟตลอดนะคะ (ซึ่งจะทำให้สำเร็จสักครั้งเลยหรอ ก็ต้องสำเร็จกันบ้างแหละ) แต่ก็มาดูว่าพวกเขาจะรับมือกับเรื่องราวพวกนี้กันยังไงต่อค่ะแล้วก็รู้สึกว่าลึกลึกคุณย่าของนางเอกก็มีความหวังกับนางเอกอยู่นะคะ แต่แบบผู้เขียนก็ไม่ชอบตระกูลนางเอกเท่าไหร่เหมือนกันค่ะเพราะเหมือนกับเป็นครอบครัวคนรวยเกินไปแล้วก็มากดขี่ลูกหลานมันรู้สึกไม่ค่อยดีอ่ะค่ะรวมรวมเรื่องนี้ผู้เขียนให้ 8 เต็ม 10 นะคะทุกคนยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะคะ     ภาพปกตกแต่งโดย Canva - 1 2 3ขอบคุณรูปจาก Weibo 步步倾心官微 - รูป1ขอบคุณรูปจาก Weibo 卢洋洋_Hanna - รูป2ขอบคุณรูปจาก Weibo 赵志伟Eden - รูป3ขอบคุณรูปจาก instagram WeTV Thailand - วิดีโอ1    

โอริกามิ กวางน้อย พับง่าย ๆ Step by Step
อ่าน

โอริกามิ กวางน้อย พับง่าย ๆ Step by Step

                กวางเป็นสัตว์น่ารักชนิดหนึ่งของโลกนี้ ขึ้นอยู่กับความชอบชนิดของแต่ละคน ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในหลาย ๆ คนที่ชอบ และการพับกระดาษ หรือโอริกามิ ที่เราเลือกเป็นหนึ่งในกิจกรรมฝึกสมาธิ และจัดเป็นงานอดิเรกที่ทำให้วันพักผ่อนของเรามีสีสันเพิ่มมากขึ้น ด้วยความความที่ชอบกวาง และพับกระดาษก็เลยเอามารวมกัน เป็น “โอริกามิกวางน้อย” ซึ่งพับง่าย ๆ พับตามได้เลย Step by Step เตรียมอุปกรณ์ ดังนี้                กระดาษสีขนาด 4 เหลี่ยมจัตุรัสจำนวน 2 แผ่น และ 2 ขนาด ปากกาสี กาว เมื่อเตรียมอุปกรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้วเราเริ่มกันเลยค่ะ1. เริ่มจากกระดาษสีสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดใหญ่และขนาดเล็น เพื่อน ๆ สามารถเลือกเป็นขนาดเท่าไรก็ได้นะคะ ใครชอบตัวใหญ่ ก็กระดาษแผ่นใหญ่หน่อย ชอบตัวเล็กก็กระดาษเล็กหน่อย ไม่ว่ากัน2. พับกระดาษเป็นรูป 3 เหลี่ยม พับทบกัน 3 ทับ ซึ่ง 3 เหลี่ยมจะมีขนาดเล็กลง แล้วก็คลี่ออก นี่เป็นการทำรอยพับเพาอง่ายต่อกับพับในขั้นตอนต่อ ๆ ไป3. พับ 3 เหลี่ยม และจับจีบปลายทั้ง 2 ข้างเข้าหากัน รูปที่ได้จะเป็นรูป 4 เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็กลง4. พับปลายกระดาษม้วนเข้าไปข้างใน ทำแบบนี้ทั้ง 2 ด้าน ทำให้เหมือน ๆ กันนะคะ5. จากนั้นเข้าสู่ 4 step คือเริ่ม step 1 จับพลิกเข้าไปหาด้านที่เรียบ ๆ จับมุมปลายทั้ง 2 ข้าง เข้าสู่ตรงกลาง step 2 พับปลายข้างหนึ่งออกไปครึ่งหนึ่ง step 3 พลิกกลับไปด้านเรียบ ๆ เหมือนเดิม step 4 ทำซ้ำเหมือนกับอีกด้านหนึ่ง 4 step นี้เป็น “การพับหูกวางน้อย” ของเราค่ะ6. เริ่ม “การพับเขากวาง” โดยการหักเขาลง 1 ครั้ง และทับขึ้นไปอีก 1 ครั้ง จากนั้นจะเข้าสู่ step ที่ต้องระมัดระวังมากที่สุด ซึ่งอยู่ในขั้นตอนต่อไป7. เราจะคลี่เขาออกมา และพับจับจีบเข้าไว้ข้างใน เราจะพับคล้าย ๆ พัด เช่นเดียวกับการพับขึ้นพับลงทำ 2 ครั้ง ซึ่งแต่ท้ายากเกินไป เราสามารถหยุดพับเขากวางไว้แค่พับทบขึ้นและลง ตามข้อ 6 ก็ได้นะคะ8. ตกแต่งหน้าตาของกวางน้อยของเขา ด้วยปากกาสี หรือเพื่อน ๆ สามารถตัดกระดาษสีมาติดตกแต่งได้เพิ่มความน่ารักมากยิ่งขึ้น9. เข้าสู่ขั้นตอนพับส่วนตัวของกวางนะคะ เริ่มจากเอากระดาษแผ่นเล็กขึ้นมาพับ 3 เหลี่ยม 2 ทับนะคะ แล้วก็คลี่ออก จากนั้นพับสามเหลี่ยมอีกครั้ง และจับปลายแผ่นบนทับลงมาครึ่งหนึ่ง หรือพับลงมาหนึ่งในสามส่วน จุดนี้เราจะพับหางของกวางค่ะ ซึ่งจะพับยาวหรือสั้นก็สามารถกำหนดได้เลย10. พับปลายทั้ง 2 ข้างพับเข้ามาชนกันตรงกลางอย่างพอดิบพอดีเลยค่ะ11. จับพลิกอีกครั้ง ตลับยอดแหลมลงมา 2 ทับ หลังจากนั้นก็จับข้างซ้ายและขวาพับเข้าหากัน12. เข้าสู่ขั้นตอนประกอบร่าง เราจะใช้กาวทาตรงปลายของตัวของกวางทั้ง 2 ด้าน อย่าทาเต็มตัวนะคะ เพราะเราจะใช้แค่เป็นจุดเชื่อมส่วนหัวกับส่วนตัวเข้ากันเท่านั้น                เป็นอย่างไรบ้างพับง่ายใช่ไหมคะ ที่พิเศษกว่านั้นกวางน้องของเราสามารถเลือกกระดาษสีได้หลากหลายมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสีชมพู สีส้ม สีดำ หรือจะใช้กระดาษสีอื่นมาตกแต่งกวางของเราได้ ใครสนใจลองพับตามดูนะคะ ความลับคือถ้าพับกวางน้อยได้ สามารถพลิกเป็นพับแมวน้อยได้นะคะ ไว้ครั้งหน้าเราตามพลิกแผลงกันค่ะ เพราะงานพับกระดาษคือศิลปะ เราสามารถปรับกลวิธีให้เหมาะกับเราได้ค่ะ จริงๆนะคะรูปภาพโดยผู้เขียน แหม่มหลามตัด              

สาวผมยาว มิควรพลาด แอปฯ Hairstyles step by step
อ่าน

สาวผมยาว มิควรพลาด แอปฯ Hairstyles step by step

ทรงผมกับผู้หญิงเป็นของคู่กันและผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะไว้ผมยาวเพราะว่าผมยาวสามารถจัดแต่งได้หลายทรงนั้นเอง ทำให้สามารถเปลี่ยนลุคได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นมัด ถักเปีย เกล้า หรือปล่อย ซึ่งไม่ว่าจะทำแบบไหนก็สามารถทำได้หลากหลายสไตล์เช่นเดียวกัน ตัวอย่างที่ผมจะมาแนะนำวันนี้นั่นก็คือการถักเปียผม การถักเปียสำหรับคนที่ทำอยู่ประจำทำจนคุ้นชินก็จะมองว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่สำหรับผู้ที่ไม่เคยทำอาจจะมองว่ายากทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จสักที แต่วันนี้ผมมีแอปฯ ดี ๆ จะมานำเสนอให้ท่านได้เรียนรู้วิธีการถักผมเปียตั้งแต่เริ่มต้น ไปจนถึง Step ที่ยากขึ้น และแต่ละทรงก็สวยงามเหมาะแก่การเปลี่ยนลุค ออกไปข้างนอกในแต่ละวันของคุณผู้หญิงอีกด้วย แอปฯ Hairstyles step by step เป็นแอปฯ ที่รวบรวมทรงผมแฟชั่น มีหลายสไตล์ให้เลือกทำ เช่น Basic, Braid, Create, Tail, Buns และรูปแบบอื่น ๆ เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ไว้ผมยาวอย่างแท้จริง โดยสามารถเข้าไป Download ผ่าน Download Link For Android หรือเข้า Play Store โดยเข้าไปค้นคำว่า  Hairstyles step by step แล้วเจอรูปตามบทความนี้ ก็ Download มาฝึกทำกันได้เลยครับ โดยแอปฯ จะทรงผมที่สวยเก๋ หลายหลายสไตล์ โดยสามารถเลือกหมวดหลัก และเลือกรูปที่เราต้องการฝึกทำได้เลย โดยภรรยาของผู้เขียนเองก็ผมยาวเช่นเดียวกัน ลองได้ทำตามแอปฯ ซึ่งให้ออกแบบ User Interface สะดวกเลือนซ้ายขวา ไปทีละ Step By Step กันเลย แถมยังมีลูกศรประกอบให้ด้วยว่าต้องหมุน หรือม้วนผมไปด้านใดบ้าง ทำให้ทำตามได้อย่างไม่ยากเลย  ซึ่งด้วยมีความหลายหลายของทรงผม ทำให้เมื่อฝึกทำไปสักระยะ ทำให้เราจะทราบแนวในการออกแบบ และสามารถนำมาประยุกต์เป็นทรงใหม่ ๆ ได้อีกด้วย โดยเอาจะนำเอาเทคนิคคนละทรงมาผสมผสานกันได้ ทำให้ได้ทรงใหม่ ๆ ที่เราออกแบบได้อีกด้วย  จะเห็นได้ว่าจากแอปฯ ดังกล่าว การถักเปียก็ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่หลายคนคิด เหมาะแก่การที่จะนำไปถักให้เพื่อน พี่ น้อง หรือลูกสาว หรือคุณผู้ชายท่านใดจะเรียนรู้ไว้เพื่อนำไปถักผมให้แฟนหรือภรรยาเพื่อเป็นการเอาใจอันนี้ผมก็เห็นว่าดีนะครับ การถักเปียไม่ได้ให้แค่ความสวยงามแก่ผู้ที่ถูกถักเปียเท่านั้น แต่ยังให้ความเพลิดเพลิน ความรู้สึกใกล้ชิดอบอุ่น ยิ่งถ้าเป็นคุณผู้ชายทำให้คุณผู้หญิงก็จะเพิ่มเติมในส่วนของความโรแมนติกเข้าไปด้วยครับ อย่าลืมลองโหลด App Hairstyles step by step ไปหัดถักเปียผมกันนะครับ ภาพโดย Anurit Srikhomkham (ผู้เขียน) จากแอปฯ : Hairstyles step by step

เตรียมงานแต่งงาน เริ่มยังไง ?แชร์ประสบการณ์แบบ Step by Step
อ่าน

เตรียมงานแต่งงาน เริ่มยังไง ?แชร์ประสบการณ์แบบ Step by Step

เตรียมงานแต่งงาน เริ่มยังไง ? คู่มือว่าที่เจ้าสาว: แชร์ประสบการณ์จัดงานแต่งแบบ Step by Step           เชื่อว่าหลายคนที่กำลังจะกลายเป็นเจ้าสาวป้ายแดงคงมีคำถามว่า "ก่อนจะจัดงานแต่ง ควรเริ่มต้นจากตรงไหนดี?" ต้องเตรียมอะไรบ้าง?           ChiMoo เองก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว บอกเลยว่าไม่ง่ายเลยค่ะ ทั้งวุ่นวาย ทั้งปวดหัว แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี และได้เรียนรู้อะไรมากมาย คนที่เข้าใจความรู้สึกนี้ได้ดีที่สุด คือคนที่เคยผ่านมันมาแล้ว           วันนี้ ChiMoo ขอแชร์ประสบการณ์ส่วนตัว รวมถึงเรื่องราวที่รวบรวมมาจากเจ้าสาวรุ่นพี่หลาย ๆ คน เผื่อจะเป็นแนวทางให้กับว่าที่เจ้าสาวทุกคนค่ะ 1. ฤกษ์           หลังจากครอบครัวทั้ง 2 ฝ่ายคุยกันเรียบร้อย ก็ต้องหาฤกษ์ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละครอบครัว อาจจะถามพระ หรือดูจากปฏิทินล้านนา เป็นต้น โดยแนะนำเลี่ยง “วันมหาฤกษ์”เพราะช่างภาพ ช่างแต่งหน้า หรือออแกไนซ์อาจรับงานซ้อนหรือยกเลิกได้ อย่าลืมพิจารณา “ฤกษ์สะดวก” ด้วย หากจัดไม่ตรงวันหยุด แขกอาจไม่ว่าง ทำให้คนมาน้อย แต่ถ้าจัดวันหยุด คนอาจจะมาเยอะ ควรสำรองโต๊ะให้เหมาะสมค่ะ 2. สถานที่/ออแกไนซ์/อาหาร/เวลาจัดงาน/ผังที่นั่ง/งบประมาณ ลิสต์รายชื่อแขก เพื่อประเมินจำนวนคน เลือก สถานที่ ที่เหมาะสมกับแขก เช่น สวน บ้าน โรงแรม (อย่าลืมดูเรื่องห้องน้ำ แมลง ฯลฯ) อาหาร เป็นสิ่งที่แขกจะจำได้! แนะนำให้ไปลองชิมก่อนตัดสินใจ เลือกออแกไนซ์มืออาชีพ ที่เข้าใจความต้องการของเรา ส่งเรฟให้ดูชัดเจน ตรวจสอบสิ่งที่รวมในแพ็กเกจ และสิ่งที่เราต้องเตรียมเพิ่มเติม เวลาจัดงาน: งานเช้าเที่ยงเหนื่อยน้อยและประหยัด ส่วนงานบ่ายเย็นเหมาะกับอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ผังที่นั่ง: วางแผนตามกลุ่มแขก เช่น ญาติ เพื่อนที่ทำงาน เพื่อนมหาวิทยาลัย ฯลฯ ที่พักแขกต่างจังหวัด: จัดหาไว้ใกล้ ๆ สะดวกสุด ตั้งงบประมาณ: บานแน่นอนค่ะ แต่ควรควบคุม เช่น ทุ่มกับอาหาร นายพิธี ชุด ช่างแต่งหน้า ส่วนการ์ดสามารถประหยัดได้ 3. นายพิธี/พิธีกร           เป็นอีก 1 สิ่งที่ควรลงทุนเป็นอย่างยิ่ง นายพิธีมีบทบาทสำคัญมากค่ะ เป็นคนดำเนินงานให้ไหลลื่น ควรคุยกับผู้ใหญ่ก่อนว่าอยากให้มีพิธีแบบไหน แล้วแจ้งนายพิธีให้เข้าใจตรงกัน 4.ช่างแต่งหน้า           อยากสวย ต้องลงทุนค่ะ! จองช่างที่เราชอบ ดูรีวิว ส่งเรฟ สื่อสารให้ตรง และอย่าลืมช่างแต่งหน้าแม่เจ้าสาว ญาติ ๆ ด้วยนะคะ แนะนำปรึกษาเรื่องการย้อมผม คอนแทคเลนส์ ปิ่นปักผม ฯลฯ ล่วงหน้า 5.ช่างภาพ           เลือกช่างที่เราชอบ ดูโทน ดูสี สไตล์การถ่าย แล้วรีบจองเลยค่ะ  อย่างน้อยควรมี 2 คนนะคะ คุยรายละเอียดให้เรียบร้อย ติดต่อแต่เนิ่นๆ เพื่อให้ช่างภาพล็อคคิวให้เราค่ะ หากอยากเก็บความทรงจำในงานแบบภาพเคลื่อนไหว แนะนำช่างวิดีโอค่ะ เนื่องจากบ่าวสาวอาจไม่ได้เห็นโมเม้นท์ในงานทั้งหมด เช่น ช่วงแห่ขันหมาก หากเจ้าสาวอยากเห็นโมเม้นท์นั้น เเนะนำจ้างช่างวิดีโอเพิ่มเติมค่ะ 6.ดนตรี/เครื่องเสียง           บางที่ออแกไนซ์แถมมา แต่หากเลือกเองควรดูตัวอย่างผลงานก่อน เลือกแนวเพลงให้ตรงบรรยากาศงาน 7. พรีเวดดิ้ง           เลือกร้านดีๆ อ่านข้อตกลงให้ดี หากรวมชุดวันจริง ต้องดูว่าแถมทั้งร้านหรือบางชุด บางร้านขายไฟล์ ออกมาหมดเป็นแสน บางคนไปถ่าย รูปใช้ไม่ได้ ต้องถ่ายใหม่ ชอบสไตล์ไหนหาเรฟไปให้ช่างดูจะดีมากค่ะ ชุดและสไตล์การแต่งหน้า สามารถเลือกใกล้เคียงกับที่ต้องการในวันจริงได้ค่ะ เพื่อทดลอง หากไม่ถูกใจส่วนใด สามารถแก้ไขได้ทันในวันจริงค่ะ ถ่ายเนิ่นๆจะดีมากค่ะ เพราะใกล้วันงานจะยุ่งวุ่นวาย ต้องเผื่อเวลารอคิว และรอรีทัช รอกรอบรูปภาพ สามารถเลือกขนาดและจำนวนรูปที่จะไปตั้งในงานได้ค่ะ 8.ชุดและรองเท้าวันจริง           บางที่แถมมากับพรีเว้ดดิ้ง ดูดีๆว่าได้ทั้งร้านหรือได้กี่ชุด ใส่จริงได้กี่ชุด แนะนำลองก่อนวันงาน 1 เดือน เนื่องจากอาจอ้วนขึ้นหรือผอมลงได้ ไม่ต้องแก้บ่อยๆ เมื่อได้ชุดแล้ว แนะนำหารองเท้าที่สีเข้าชุดค่ะ เน้นเดินสบาย บางชุดคลุมเท้า เลือกความสูงที่พอดี เดินแล้วมั่นใจ แนะนำให้นำไปลองกับชุด ฝึกเดินและยืนอย่างน้อย 30 นาที หากรองเท้ากัด จะสามารถแก้ไขได้ทัน ชุดไทยแนะนำเป็นคัชชูหัวแหลมค่ะ 9.เพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว            กำหนดจำนวนเพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว และหน้าที่ที่จะขอให้เพื่อนๆช่วยในงานแต่ละส่วน เช่น แจกของที่ระลึก ถือบายศรี หรือต้อนรับแขก ส่วนชุดสั่งแต่เนิ่นๆ หากมีการแก้ไซส์จะได้เปลี่ยนทัน 10.การ์ด           แบบกระดาษหรือออนไลน์ก็ได้ ลองปรึกษาคู่ของเราว่าชอบแบบไหน เช็คคำสะกดให้เป๊ะก่อนพิมพ์ และปริ้นท์เผื่อไว้หน่อยค่ะ 11.ขบวนขันหมาก บายศรี            ออแกไนซ์บางที่เตรียมให้ หากเตรียมเอง สามารถถามผู้รู้ แล้วเตรียมของตามลิสต์ให้ครบ ควรกำหนดคนถือพานต่างๆในขบวนให้ชัดเจน และนัดหมายเวลามาก่อนล่วงหน้าเริ่มงานสัก 1-1.30 ชั่วโมง 12. ของที่ระลึก           แนะนำเป็นของที่ใช้ได้จริง เลือกร้านที่เชื่อถือได้ สั่งตัวอย่างมาลองใช้ก่อน สั่งเผื่อจำนวนด้วยค่ะ 13. กล่องรับเงิน ซองรับเงิน           สอบถามสถานที่ว่ามีให้ไหม หากเป็นพิธีล้านนา ควรมีกล่องรับซองผูกข้อมือด้วย เตรียมคนรับซองไว้ พร้อมซองเปล่าสำรอง และ QR Code เผื่อกรณีไม่มีเงินสด 14. สินสอด ของหมั้น แหวนหมั้น           แล้วแต่ตกลงทั้งสองฝ่าย เลือกร้านที่เชื่อถือได้ หากสั่งตัดให้เผื่อเวลา และอย่าลืมเตรียมคนไว้ใจได้เก็บของมีค่าให้หลังพิธี 15. พิธีการ           เลือกรูปแบบพิธีตามความเชื่อ เช่น ไทย จีน ล้านนา คริสต์ ฯลฯ แล้วแจ้งนายพิธีพร้อมกำหนดญาติผู้ใหญ่ที่จะเข้าร่วมให้ชัดเจน 16. ดูแลตัวเอง           เจ้าสาวที่มีแผนจะทำหัตถการควรทำแต่เนิ่นๆ และวางแผนช่วงเวลาให้ดี 1-2 เดือนก่อนแต่ง แนะนำมาร์กหน้าเป็นประจำ ผิวจะเนียนแต่งหน้าติดง่ายค่ะ อย่าลืมทำเล็บมือและเท้านะคะ เพื่อความปังค่ะ 17. เตรียมใจให้พร้อม           แน่นอนว่าหลายๆคู่จะต้องเจอเรื่องหนักใจแน่นอนในการจัดงานแต่ง ถือเป็นหนึ่งบททดสอบชีวิตคู่ ว่าที่เจ้าสาวจะเครียด เจอแรงกดดันทั้งจากตัวเอง คู่ และญาติทั้งสองฝ่าย อย่าลืมว่า "เป็นงานของเรา" คุยกันเยอะ ๆ ว่าจะเอาแบบไหน เข้ากลุ่มเตรียมงานแต่งไว้พูดคุยกัน จะช่วยได้เยอะเลยค่ะ 18. ก่อนวันงาน             2–4 สัปดาห์: ลองชุดอีกครั้ง             1 สัปดาห์: คอนเฟิร์มทุกฝ่าย พักผ่อนให้พอ 19. เตรียมคนติดตาม/ตัดสินใจแทนในวันงาน           มอบหมายคนที่ไว้ใจและสนิทที่สุดติดตามเจ้าสาว คอยรับโทรศัพท์ ตอบแชท และตัดสินใจแทนในวันงาน 20. วันงาน           ปล่อยใจให้สบาย ยิ้มให้ทุกกล้อง! ปล่อยหน้าที่ให้คนที่เรามอบหมายไว้ ครอบครัวไว้เยอะๆนะคะ 21. ความรู้สึกหลังแต่ง           แน่นอนว่าหลังจบงานอาจมีบางอย่างไม่ตรงใจ แต่จงภูมิใจว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ไม่มีงานไหนที่สมบูรณ์แบบ 100% เลือกจำแต่เรื่องดี ๆ นะคะ เพราะเราไม่ได้จัดงานแต่งเพื่อทำอีกครั้ง           หวังว่าจะมีประโยชน์กับทุกคนนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอให้ว่าที่เจ้าสาวทุกคนมีงานแต่งในฝัน และชีวิตคู่ที่เต็มไปด้วยความรัก ความเข้าใจ และความสุขตลอดไปนะคะ เครดิต  รูปที่ 1 โดย Emma Bauso จาก pexels   รูปที่ 2 โดย Leeloo The First จาก pexels   รูปที่ 3 โดย Nimble Video Productions Sydney จาก pexels   รูปที่ 4 โดย Fadime Demirtaş จาก pexels   ภาพปก จาก Canva โดย Ylanite Koppens    เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

Step by Step สตรอว์เบอร์รีพับง่าย ๆ ไม่สับสน
อ่าน

Step by Step สตรอว์เบอร์รีพับง่าย ๆ ไม่สับสน

           เริ่มต้นการเจอกันด้วยการสวัสดีค่ะเพื่อน ๆ เสียงตอบรับจากการพับกระดาษในบทก่อน ๆ น่าประทับใจเหลือเกินค่ะ ตอนนี้ขอเสนอการพับกระดาษสีแดงสดใสเป็นรูปสตรอว์เบอร์รี ว้าว...สีแดงสด ๆ น่าทานมาก ๆ แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ อดใจไว้สักนิด สตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้ที่ออกในฤดูหนาวของไทย ซึ่งปลูกมากทางภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดแรก ๆ ที่เรานึกถึง ด้วยสภาพภูมิอากาศที่เย็น ทำให้การปลูกสตรอว์เบอร์รีได้ง่ายกว่าภาคอื่น ๆ           ระหว่างที่รอสตรอว์เบอร์รีผลิดอกออกผล เรามาปลูกสตรอว์เบอร์รีด้วยกระดาษกันค่ะ เริ่มจากเตรียมอุปกรณ์เพาะปลูก ด้วยกระดาษสี่เหลียมจัตุรัสขนาด 15 x 15 เซนติเมตร หรือมากกว่า และปากกาสีดำ 1. พับกระดาษสี่เหลี่ยมจัตุรัส 3 ทบ จะได้รูปสามเหลี่ยมที่มีขนาดเล็กลง เพื่อสร้างรอยพับ2. คลี่กระดาษออก แล้วจับจีบปลายทั้ง 2 ข้างเข้าหากัน รูปที่ได้จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็กลง3. พับซ้ายและขวาเข้าหากัน ปลายด้านล่างแหลม และคลี่ออก จากนั้นก็พับแบบเดิมอีกด้านของปลายด้านบน คลี่กระดาษออกให้กลับมาเป็นรูปสี่เหลี่ยมขนาดเล็กอีกครั้ง เปิดกระดาษขึ้นและกดขอบกระดาษซ้ายขวาเข้ามาตามรอยกระดาษทำให้ได้ช่วงกระดาษที่ยาวขึ้น จากนั้นพับปลายด้านบนสุดลงมา เราจะทำซ้ำแบบเดิมอีกด้านหนึ่ง4. หมุนกลับเอาปลายแหลมขึ้นมา พับปลายแหลมลงมายังเส้นพับและพับทบขึ้น ไม่ต้องสุดมากนะคะเราจะพับ 1 ขั้น แล้วพลิกกลับไปพับอีกด้านหนึ่ง พับปลายแหลมลงมายังเส้นพับ ครางนี้จะพับปลายแหลมที่อยู่ตรงกลางที่แยกออกก็พับตามลงมาด้วยนะคะ5. สอดนิ้วชี้เข้าไปในตรงกลางแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือกด และทำซ้ำกับอีกด้านหนึ่ง6. เปิดรอยแยกของสตรอว์เบอร์รีออกมาใช้นิ้วชี้เกี่ยวกระดาษออกมาจนสุดแล้วกรีดพับให้แบนเรียบ และทำซ้ำกับอีกด้านหนึ่ง เพราะตอนนี้เรากำลังทำตัวของสตรอว์เบอร์รีค่ะ7. พับมุมเล็ก ๆ ทั้งสองข้างลงมา และใช้ปากกาสีดำตกแต่ง เพื่อน ๆ สามารถเพิ่มใบสีเขียวเพิ่มเติมได้นะคะ ใครทำแล้วอย่าลืมเอามาแชร์กันด้วยเด้อออสตรอว์เบอร์รีที่เพื่อน ๆ เพิ่งพับไปนั้นมีความซับซ้อนไม่มาก ก็เลยเลือกมาแชร์ค่ะ และสามารถดูแบบเคลื่อนไหวคลิกได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=bkIlIqVhOL0 ครั้งหน้าเราจะ #พับกระดาษ รูปอะไรต่อไปนั้นฝากติดตามด้วยนะคะ รูปภาพโดยผู้เขียน แหม่มหลามตัด

เจาะลึก ขายของออนไลน์แบบไม่ต้องลงทุน step by step
อ่าน

เจาะลึก ขายของออนไลน์แบบไม่ต้องลงทุน step by step

เปิดมาหน้าเฟส เห็นใครๆก็ขายของออนไลน์ บางคนก็มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ แล้วถ้าเราอยากขายของออนไลน์บ้างล่ะ ต้องเริ่มยังไง วันนี้เราจะมาบอกเพื่อนๆ แบบ step by step เลยค่ะอ่านจบลงมือทำได้ทันทีรูปภาพจาก https://pixabay.com/th/illustrations/ไอคอน-แอพพลิเค-เครือข่าย-1328421/การขายของออนไลน์ปัจจุบันมีหลายอย่าง เช่น เป็นตัวแทนขาย ขายของที่เรามีอยู่หรือไปเอาของคนอื่นมาขายกินกำไรอีกทีซึ่งวันนี้เราจะมาบอกวิธีทั้ง 3 แบบชนิดละเอียดกันเลยค่ะ1.การเป็นตัวแทนขายของออนไลน์รูปภาพจาก https://pixabay.com/th/photos/ข้อสรุปของสัญญา-การจับมือกัน-การค้า-3100579/การเป็นตัวแทน เรียกอีกอย่างว่า Affiliate marketing  หน้าที่ของเราคือสมัครเป็นตัวแทนขาย จากนั้นก็นำลิ้งก์ของลิ้นค้านั้นมาโปรโมทตามเฟสบุ๊คหรือเว็บบล็อกต่างๆ และเมื่อมีคนซื้อสินค้าจากลิ้งก์ของเรา เราก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่น โดย Affiliate ที่ได้รับความนิยมมากได้แก่ amazon, lazada, aCommerce หรือ Interspace Thailand2.การขายสินค้าของเราเองรูปภาพจาก https://pixabay.com/th/illustrations/แหล่งช้อปปิ้ง-ผู้หญิง-สาว-ร้าน-1073449/ในที่นี่ เช่น เราผลิตสินค้าเองหรือที่บ้านเป็นร้านค้าอยู่แล้ว เราแค่ เอาสินค้านั้นไปเพิ่มยอดขายตาม Platform ต่างๆ วิธีนี้จะช่วยให้เราขายสินค้าได้เพิ่มขึ้นนั่นเอง3.การไปเอาของคนอื่นมาขายรูปภาพจาก https://pixabay.com/th/photos/ชั้นวางของ-หุ้น-ซูเปอร์มาร์เก็ต-3087406/การไปเอาของคนอื่นมาขาย หลายคนมักจะรู้จักกันในชื่อ Dropshipping หากกำลังเริ่มต้น เราขอแนะนำ เอาสินค้าใกล้บ้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านทุกอย่าง 20 บาท ,โลตัส, บิ๊กซี หรือร้านอื่นๆที่มีสินค้าที่เราอยากขาย เราก็แค่เดินเข้าไปที่ร้าน ถ่ายรูปสินค้า จากนั้นนำมาตกแต่งสินค้าให้สวยงามแล้วนำสินค้านั้นไปโพสขาย ซึ่งสถานที่ที่จะขายนั้นมีได้หลายที่ ไม่ว่าจะเป็น เฟสบุ๊คส่วนตัวของเรา ,เฟสบุ๊คแฟนเพจ,ไอจี,ตามเว็บบอร์ดต่างๆ แต่หากอยากทำเป็นอาชีพเลย แนะนำขายใน Lazada  หรือ shopee เพราะทั้งสอง Platform นี้จะช่วยให้คนเห็นสินค้าเราเยอะและยังใช้งานง่ายๆเพียงแค่เราสมัครและลงขายสินค้า พร้อมจัดตั้งการส่งสินค้าและวิธีการรับเงินให้เรียบร้อย เมื่อมีคนสั่งซื้อสินค้า เราก็ไปซื้อของจากร้านที่เราไปถ่ายรูปมา จากนั้นก็แพ็คสินค้าแล้วส่ง เพียงแค่นี้เราก็จะมีรายได้โดยที่ไม่ต้องลงทุนซื้อของมาสต๊อกแล้ว บางคนมีรายได้ตรงนี้สูงกว่างานประจำเลยด้วยซ้ำ ซึ่งหากมีรายได้เยอะ จะเปลี่ยนมาเป็นดรอปสินค้าจากจีนมาลงขายก็ได้กำไรเพิ่มอีกไม่น้อยเลยทีเดียวการขายของออนไลน์นั้นไม่ยาก และคนซื้อส่วนใหญ่ก็ให้ความนิยมเพราะไม่ต้องออกไปหาซื้อเอง ที่สำคัญยังทำให้เลือกสินค้าและราคาได้ตามต้องการ  หากคุณกำลังจะหาทางเริ่มต้นขายของออนไลน์ลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ อาจจะช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าของคุณได้อย่างง่าย ๆ ค่ะ

Step by Step “พับออมสิน” ทริกเล็กๆกระตุ้นให้รักการออม
อ่าน

Step by Step “พับออมสิน” ทริกเล็กๆกระตุ้นให้รักการออม

สวัสดีค่ะ การเก็บออมเงินเหรียญยังเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ ไม่ว่าจะยุคสมัยใด พ่อแม่สั่งสอนเสนอมาว่า เราต้องเก็บออมเงินไว้ เพราะเงินเหรียญ อย่างไรเสียก็เป็นเงิน จะมีประโยชน์ในยามจำเป็น ซึ่งมาตอนนี้คำสอนนั้นก็ยังมีอยู่และยังเห็นผลชัดเจน แต่ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เราต้องอยู่ที่บ้าน เราน่าจะมีอะไรมากระตุ้นนิสัยรักการออม ซึ่งเราเองก็มีไอเดียการพับกระดาษมาเสนอค่ะ มันได้ผลดีกับหลาน ๆ ของเรามาก และแถบหยุดความซนได้อยู่หมัดเชียวค่ะ วิธีการพับออมสิน (หรือหลายคนอาจจะเรียกว่าพับกล่องก็ได้)1. เลือกกระดาษสีขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัส จะแผ่นขนาดใหญ่หรือแผ่นขนาดเล็ก ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน (เราจะกำหนดจุดให้เป็น 1, 2, 3, 4 เพื่อง่ายต่อการอธิบาย)2. จากนั้นเราจะพับครึ่ง โดยการพับจุด 3 ไปหาจุด 2 พับครึ่งซ้ำอีกครั้งพับจุด 4 ไปหาจุด 1 3. พลิกกระดาษแล้วสอดนิ้วเข้าไประหว่างกระดาษ และคลี่ออกเป็นรูปสี่เหลี่ยม ทำแบบนี้ 2 ด้านนะคะ4. พับมุมเข้ามาจุดกึ่งกลาง พับจุด 1 และ จุด 2 เข้าจุด 3 เราจะทำทั้ง 2 ด้านนะคะ5. พับมุมแหลมเข้ามาจุดกึ่งกลางอีกครั้ง  พับจุด 1 และ จุด 2 เข้ามาจุดกึ่งกลาง จุด 3 ทำทั้ง 2 ข้าง จะเหลือปลายแยกไว้ 6. พลิกกระดาษโดยเอาด้านเรียบขึ้นมา รูปร่างคล้ายรูปหกเหลี่ยม7. พับปลายเข้ามาตรงกลาง คือ จับจุด 1 กับจุด 2 เราจะได้ปลายแหลม และทำซ้ำอีกด้านหนึ่งค่ะ8. ทากาวตรงปลายแหลมเพื่อให้ยึดติดแน่นขึ้น และพับหักมันขึ้นไป อีกด้านหนึ่งก็ทำเหมือนกัน9. สอดนิ้วชี้เข้าไปในรอยแยก ขยายฐานออกมา ตามรอยพับที่พับตอนข้อ 5 และเราก็จะได้ออมสินสีแดง 1 กระปุกค่ะ  นี่เป็นหนึ่งในกลยุทธที่กระตุ้นให้เด็กอยากออมมากขึ้น หรือจะเอาการพับกระดาษนี้เป็นหนึ่งในงานอดิเรก เพราะเสน่ห์ของการพับกระดาษ ยิ่งเพิ่มสีสันหรือความน่ารักของกระดาษยิ่งสร้างความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ส่วนเราเองก็เป็นหนึ่งคนที่หลงเสน่ห์ในสีสันของโอริกามิ และดูเหมือนว่าหลาน ๆ ของเราอยากให้พับเป็นรูปอื่น ๆ ด้วย สามารถเปิดคลิปดูได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=trXFwO2wLq4 เป็นการพับกระดาษปากแคบ ที่ปรับให้เป็นพับออมสินค่ะ และไว้โอกาสหน้าจะหากแบบพับใหม่ ๆ มาบอกค่ะ จะบอกแบบ Step by Step เลยค่ะ  ที่มาของรูปภาพ : ทุก ๆ รูป ผู้เขียนถ่ายเองค่ะ  

รวม 15 วิธีพับกระดาษ โอริกามิ ลายน่ารัก พับตามได้แบบ step by step
อ่าน

รวม 15 วิธีพับกระดาษ โอริกามิ ลายน่ารัก พับตามได้แบบ step by step

ใกล้จะปีใหม่ทั้งที ช่วงนี้ถือเป็นช่วงให้ของขวัญกันเลยล่ะค่ะ สาวๆ หลายคนก็มีวิธีหาของขวัญที่คิดว่าน่าจะถูกใจผู้รับให้ได้มากที่สุด ซึ่งงานประดิษฐ์หรืองานฝีมืออย่างการพับกระดาษ โอริกามิ ก็ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ของขวัญของเราดูแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร และทำให้ผู้รับของขวัญต้องถูกใจแน่ๆ คราวนี้เราเลยรวบรวมวิธีพับกระดาษ โอริกามิ มาฝากสาวๆ ที่รักในงานฝีมือ ให้ได้ลองทำตามดูค่ะ ผลงานที่ได้ออกมาจะนำไปเป็นของขวัญปีใหม่เลย หรือจะเป็นของประดับตกแต่งกล่องของขวัญก็ดูน่ารักดี นอกจากนี้ยังเหมาะกับสาวๆ ที่อยากลองหัดพับกระดาษสไตล์นี้อีกด้วย เพราะลวดลายที่เรารวบรวมมาให้ สาวๆ สามารถทำตามได้ ไม่ยากเลยค่ะ 15 วิธีพับกระดาษ โอริกามิ ลายที่ 1 ปลาวาฬ ลายที่ 2 หน้าจิ้งจอก ลายที่ 3 กระเป๋าสตางค์ ลายที่ 4 เสื้อเชิ้ต ลายที่ 5 ยูเอฟโอ ลายที่ 6 แก้ว ลายที่ 7 หนอน ลายที่ 8 หัวใจ ลายที่ 9 ซองจดหมาย ลายที่ 10 สุนัขจิ้งจอก ลายที่ 11 หมวกแบบเม็กซิกัน ลายที่ 12 เต่าทอง ลายที่ 13 เพนกวิน ลายที่ 14 กล่อง ลายที่ 15 กังหันลม บทความที่คุณอาจสนใจ รวม 14 วิธีพับเหรียญโปรยทาน ลายแปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร สวยจนไม่กล้าแกะ! อัพเดท! รวม วิธีพับเหรียญโปรยทาน 2017 งานบุญก็เก๋ได้ ไม่เหมือนใคร!

รู้จัก เซนต์ ปารมี หรือ จ๊าบ จากซีรีส์ค่อย ๆ รัก Step By Step
อ่าน

รู้จัก เซนต์ ปารมี หรือ จ๊าบ จากซีรีส์ค่อย ๆ รัก Step By Step

เรียกว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงหนุ่มหล่อหน้าใหม่ของวงการที่หลายคนต่างก็ต้องพูดถึงกันเลยละค่ะ นั่นคือหนุ่ม “เซนต์ ปารมี” หรือที่รับบทบาทเป็น จ๊าบ จากซีรีส์บอยเลิฟเรื่องใหม่แกะกล่องค่อย ๆ รัก Step By Step ซึ่งหนุ่มเซนต์เป็นหนุ่มหล่อเซอร์ คาแรคเตอร์โดดเด่นที่ใครเห็นแล้วปิ๊งมาก! วันนี้เราเลยอยากจะพาเพื่อน ๆ มารู้จักและส่องความปังของหนุ่มเซอร์คนนี้ผ่านทาง ‘รู้จัก เซนต์ ปารมี หรือ จ๊าบ จากซีรีส์ค่อย ๆ รัก Step By Step’ มาดูกันว่าหนุ่มคนนี้เป็นใคร คาแรคเตอร์ความปัง รวมถึงในเรื่องนี้แสดงเป็นใคร หากเพื่อน ๆ พร้อมกันแล้วนั้น ก็ตามมาลุยกันเลยค่า~ เซนต์ ปารมี          หนุ่มคนนี้ในซีรีส์เรื่องค่อย ๆ รัก Step By Step นั่นคือหนุ่ม “เซนต์ ปารมี มหัทธนาดุลย์” เขาเกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพนธ์ พ.ศ.2545 ปัจจุบันอายุ 21 ปี น้ำหนัก 58 กิโลกรัม ส่วนสูง 181 เซนติเมตร โดยเส้นทางกมาเข้าสู่วงการของหนุ่มเซนต์คือผลงานซีรีส์เรื่อง ค่อย ๆ รัก Step By Step ซึ่งถือเป็นผลงานการแสดงเรื่องแรกของเขาเลยละค่ะ ^^ https://www.instagram.com/p/CsA9pb-rviO/?igshid=NTc4MTIwNjQ2YQ==เซนต์ ปารมี รับบท จ๊าบ          โดยในซีรีส์เรื่อง ค่อย ๆ รัก Step By Step หนุ่มเซนต์ แสดงเป็น “จ๊าบ” ซึ่งคาแรคเตอร์ของจ๊าบนั้น เขาเป็นน้องชายของคุณเจ๊ง ซึ่งมีหน้าที่เป็น Direction J production house เป็นหนุ่มหล่อที่เรียกว่ามีนิสัยและคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกับพี่ชายเป็นอย่างมาก เป็นคนนิสัยดี คิดอะไรก็พูดแบบนั้น โผงผาง เป็นตัวของตัวเอง เรียกว่าเป็นหนึ่งคาแรคเตอร์ที่สุดโต่งมาก ซึ่งในบทบาทนี้ก็ถือเป็นการแสดงเรื่องแรกของหนุ่มเซนต์เลยก็ว่าได้ ซึ่งเจ้าตัวก็แสดงออกมาได้ดีมากคาแรคเตอร์มีความชัดเจน ทำให้คนดูรู้สึกอินและคล้อยตามกับบทบาทได้แบบไม่ยากเลย ยิ่งแสดงคู่กับหนุ่มวิน ธีราเมทแล้วด้วย บอกเลยว่าเคมีเคใจดีต่อใจมากแม่! ค่อยๆ รัก Step By Step [Official Trailer]https://m.youtube.com/watch?embeds_euri=https%3A%2F%2Fentertainment.trueid.net%2Fsource_ve_path=MTY0OTksMjg2NjQsMTY0NTA2feature=emb_sharev=PBZPuixa9BUผลงานการถ่ายแบบสุดปังของหนุ่มเซนต์https://www.instagram.com/p/CqfjwRZPgR1/?igshid=NTc4MTIwNjQ2YQ==https://www.instagram.com/p/CrSoTMrryjX/?igshid=NTc4MTIwNjQ2YQ==https://www.instagram.com/reel/Cr0R2xuLD21/?igshid=NTc4MTIwNjQ2YQ==         ซึ่งนอกเหนือจากการแสดงสุดปังของหนุ่มเซนต์แล้วนั้น สิ่งที่ทำให้แฟนคลับต่างก็ต้องหลงรักหนุ่มคนนี้ก็คือใบหน้าที่เก๋ คาแรคเตอร์ความน่ารัก รวมถึงลุคและสไตล์ของเขา เขาเป็นคนที่แต่งตัวเท่ เป็นแนวเซอร์ ๆ มีเอกลักษณ์มาก แถมยังมีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นมาก เรียกว่าโดนตกกันไปแบบเต็ม ๆ เลยละค่ะhttps://www.instagram.com/p/CV2UcEOp4mf/?igshid=NTc4MTIwNjQ2YQ==ช่องทางการติดตามเซนต์ ปารมีInstagram : @saintprmTwitter : @saintprmTiktok : @saintprmก็จบลงไปแล้วนะคะสำหรับ รู้จัก เซนต์ ปารมี หรือ จ๊าบ จากซีรีส์ค่อย ๆ รัก Step By Step ต้องบอกเลยว่าหนุ่มเซนต์นั้นเป็นหนึ่งในนักแสดงหน้าใหม่ของวงการบันเทิงที่ปังมาก หล่อ เท่ หน้าตามีเอกลักษณ์ แถมในเรื่องของความสามารถก็คือเริดไม่ไหว โดยหากเพื่อน ๆ คนไหนชื่นชอบและอยากติดตามหนุ่มเซนต์ ปารมีก็สามารถเข้าไปฟอลโล่เขาได้ที่ช่องทางต่าง ๆ ได้เลยค่า❤️ รวมถึงอย่าลืมติดตามรับชมซีรีส์เรื่อง ค่อย ๆ รัก Step By Step ได้ทางช่องOne31 ทุกวันอังคาร เวลา 23.00 น. และรับชมย้อนหลังได้ที่ WeTV เวลา 00.30 น. #ค่อยๆรัก #StepByStepเครดิตภาพหน้าปกโดย @saintprmภาพหน้าปก1 / ภาพหน้าปก2 / ภาพหน้าปก3  เครดิตภาพและวิดีโอประกอบบทความโดย @saintprm : ภาพที่1 / ภาพที่5 / ภาพที่6 / วิดีโอที่1 / ภาพที่7WeTV Thailand : ภาพที่2 / ภาพที่3 / ภาพที่4 / เครดิตวิดีโอประกอบบทความโดย Dee Hup Houseค่อยๆ รัก Step By Step [Official Trailer]จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !บทความที่น่าสนใจ : https://intrend.trueid.net/post/358447https://intrend.trueid.net/post/359597 

วิธีพับหัวใจคั่นหนังสือ 2 แบบ #Bookmark (โอริกามิ Step by Step)
อ่าน

วิธีพับหัวใจคั่นหนังสือ 2 แบบ #Bookmark (โอริกามิ Step by Step)

                สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ เป็นอย่างไรบ้างคะ งานพับกระดาษ ที่นำมาแชร์บทความก่อน ๆ หวังว่างานพับกระดาษจะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมในวันว่างของเพื่อน ๆ                พูดถึงวันว่าง เพื่อน ๆ มีงานอดิเรกอะไรบ้างคะ เราเองก็พับกระดาษ ถ่ายเป็นคลิปวิดีโอ และถ่ายรูปแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้ดู ได้อ่านกัน นอกจากนั้นก็อ่านหนังสือค่ะ พักหลังมานี้วงการหนังสือคึกคักมาก โดยเฉพาะนวนิยายแนววาย หรือแนววาย คุณคะ โอ้ย...ฟินมากค่ะ ยิ่งเรื่องไหนได้ถูกสร้างเป็นซีรี่ส์ละครนะคะ ต้องไปหาซื้อมาอ่านค่ะ หนังสือราคาสูงหรือไม่ ไม่เคยสนใจ ต้องหามาครอบครองและอ่านแบบรวดเดียวจบเล่ม แต่จะอ่านมาราธอน ทำได้แค่วันหยุดเสาร์อาทิตย์เท่านั้นค่ะ ถ้าเป็นวันทำงานอ่านไม่จบก็ต้องค้างไว้ เลยต้องหาอะไรมาคั่นหน้าที่อ่านค้าง                หนังสือทุกเล่มที่ซื้อมานั้น แถมที่คั่นทุกเล่มค่ะ แต่เราก็อย่างมีที่คั่นแบบน่ารัก ๆ ของเราบ้าง วันนี้ก็เลยมีวิธีพับที่คั่นหนังสือ (bookmark)  2 แบบ รูปหัวใจสีแดงสดใสมาบอกเพื่อน ๆ ค่ะวิธีพับแบบที่ 1 1. กระดาษสีแดงขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัส เริ่มพับรอยด้วยการพับครึ่ง 2 ทบ จากนั้นก็คลี่ออก พับสามเหลี่ยมอีก 2 ทบค่ะ2. เมื่อคลี่ออก พับทบขอบบนลงมาเส้นกึ่งกลาง พลิกกลับด้าน พับปลายทั้ง 2 ข้างลงมาเพื่อพับให้แหลมคล้ายกับการพับเครื่องบิน พลิกกลับแล้ว พับด้านซ้ายและขวาเข้ามาชนกันตรงกลาง ตามด้วยการพับปลายด้านล่างให้แหลมขึ้น3. จับปลายแหลมสอดเข้าไปในช่องว่างจนสุด แล้วจะเห็นมีช่องว่างด้านซ้ายและขวา ใช้นิ้วชี้สอดเข้าไปแล้วกด ตรงนี้เราจะพับส่วนโค้งมนของหัวใจ ทำซ้ำอีกครั้งของอีกข้าง จะเห็นว่าปลายทั้งซ้ายและขาว ยังแหลมอยู่ให้พับลงมา 1 ทบค่ะ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย วิธีพับแบบที่ 2 (เพิ่มความยากขึ้นมาอีกนิดหนึ่งนะคะ)1. กระดาษสีแดงขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้า พับด้านซ้ายและด้านขวาเข้ามาตรงกลางและคลี่ออก2. เมื่อคลี่ออก พับทบลงมาโดยใช้รอยตัดจากข้อ 1 แล้วพับด้านล่างจากมุมซ้ายเข้ามาตรงกลาง พับต่อด้วยพับมุมขวาพับเข้ามาตรง กลาง คลี่ด้านบน แล้วพับด้านซ้ายและด้านขวาเข้ามา พับทบตามรอย มุมเล็ก ๆ ซ้ายและขวาให้พับเข้ามาด้วยนะคะ3. ขั้นตอนที่ 3 ยากเล็กน้อยนะคะ เพื่อน ๆ จำรอยพับเล็ก ๆ ได้ใช่ไหมคะ ใช้นิ้วชี้ขวาของเราสอดเข้าไปใต้กระดาษที่เราพับ และใช้นิ้วชี้ข้างซ้ายกดเข้าไป หลังจากนั้นทำซ้ำอีกข้าง เมื่อสร้างรอยเสร็จแล้วก็พับทับไปข้างหลัง เราใกล้ที่จะได้หัวใจแล้วค่ะ4. จะมีรอยแยกอยู่ตรงกลางของหัวใจนะคะ ให้พับลงมาทั้งซ้ายและขวา จากนั้นส่วนก้านยาวของหัวใจให้พับข้างซ้ายและข้างขวาเข้ามา ทำให้เล็กลงส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ขั้นหนังสือค่ะ เมื่อพลิกกลับด้านขึ้นมา จะเห็นส่วนที่เป็นเหลี่ยม ๆ ทั้งสองข้างให้พับทบไปข้างหลังเพื่อทำให้หัวใจของเราเสร็จสมบูรณ์และในที่สุดเขาก็จะมีหัวใจไว้คั่นหน้าหนังสือของเราแล้ว หัวใจทั้ง 2 ดวงนี้ พับได้หรือเปล่าคะ เรารู้สึกว่าแบบที่ 2 รายละเอียดเยอะพอสมควร อาจทำให้เพื่อน ๆ งงและสับสน ลองเปิดลิงค์นี้ดูค่ะ (https://www.youtube.com/watch?v=H21jvhm8e7M ) ลองพับตาม หากเร็วไปก็สามารทวนกลับมาดู หรือหยุดเล่นไว้ และพับไปทีละ step ก็ได้ค่ะ ...ความลับนะคะ... เราแอบเขียนชื่อคนที่เราแอบชอบไว้ในหัวใจที่เราพับด้วยล่ะ ^^รูปภาพโดยผู้เขียน แหม่มหลามตัด

วิธีโหลด PUBG PC ฟรี 2022 (ฉบับ Step By Step มือใหม่เข้าใจง่าย)
อ่าน

วิธีโหลด PUBG PC ฟรี 2022 (ฉบับ Step By Step มือใหม่เข้าใจง่าย)

                ก่อนหน้านี้ วิธีโหลด PUBG PC นั้นดูจะมีความยุ่งยากวุ่นวายพอสมควร เพราะยังไม่มีการรองรับการทำงานบนพีซีโดยตรง ทำให้ต้องอาศัยโปรแกรมหลายอย่างในการหาวิธีติดตั้ง PUBG PC ซึ่งดูจะวุ่นวายเอาการสำหรับนักเล่นเกมมือใหม่ แต่ตอนนี้ความยุ่งยยากนั้นจะหมดไปหลังจากที่ PUBG ได้เปิดให้ทำการดาวน์โหลดมาติดตั้งบนPC ได้แล้ว ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.gameloop.com/th ซึ่งในบทความนี้จะพาไปดูขั้นตอนการติดตั้ง PUBG บน PC กันแบบทีละขั้นตอน รวมถึงวิธีการสมัคร PUBG ผ่าน PC ตั้งแต่เริ่มต้นสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยเล่นเกมนี้กันด้วย ว่าแล้วก็อย่ารอช้าไปดูกันเลยดีกว่ากับ วิธีโหลด PUBG PC            1. เข้าไปทีเว็บไซต์ https://www.gameloop.com/th จะเห็นหน้าตาของเว็บไซต์แล้วจะมีปุ่มให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์มาติดตั้งบน PC เมื่อทำการกดดาวน์โหลดเสร็จแล้ว เว็บบราวเซอร์จะแจ้งให้ทำการบันทึกไฟล์ลงไว้ที่เครื่อง PC กดที่บันทึกไฟล์ ก็จะได้ไฟล์สำหรับการติดตั้งเรียบร้อย            2. ขั้นตอนการติดตั้ง PUBG PC ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ไอคอนไฟล์เกมที่ดาวน์โหลดมา แล้วกดคำว่า ติดตั้ง ไฟล์เกมก็จะเริ่มแสดงความคืบหน้าสำหรับการติดตั้งไฟล์เกมลงบนเครื่อง PC เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วจะแสดงคำว่า เริ่ม เพื่อเข้าสู่เกม            3. เมื่อกดที่ปุ่ม เริ่ม จะแสดงหน้าการเข้าสู่โหมดเกม ซึ่งจะยังมีการดาวน์โหลด เซิฟเวอร์เพิ่มเติม เพื่อเตรียมที่เข้าสู่เกม เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วกดที่ปุ่ม เปิด เพื่อเข้าสู่เกม            4. เมื่อกดปุ่ม เปิด จะมีการดาวน์โหลดข้อมูลซึ่งอาจจะใช้เวลาในการดาวน์โหลด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความเร็วของอินเตอร์เน็ตด้วย นอกจากนั้นยังสามารถให้ผู้เล่นสามารถเลือกรูปแสดงผลได้ด้วย โดยจะมีให้เลือก 3 รูป แบบ            5. เมื่อดาวนโหลไฟล์อัพเดตเสร็จแล้ว จะแสดงข้อความ ว่าข้อมูลได้อัพเดตแล้วให้ผู้เล่นกดปุ่ม ตกลง เมื่อกดปุ่ม ตกลง แล้ว ผู้เล่นจะต้องทำการกดปุ่มเปิดเกมใหม่อีกครั้งเพื่อเข้าสู่เกม            6. เมื่อเข้าสู่เกมใหม่อีกรอบ ระบบเกมจะแจ้งกตอตาเงื่อนไขภายในเกมให้กับผู้เล่นรับทราบ เมื่อผู้เล่นได้อ่านแล้วก็กดที่ปุ่ม ยอมรับทั้งหมดเพื่อเข้าสู่เกมต่อไป            7. มาถึงขั้นตอนการเริ่มเข้าสู่เกมจริงจังกันแล้ว โดนหน้าตาของเกมก็ตจะต้องให้ผู้เล่นทำการ ล๊อกอินก่อน ซึ่งการล๊อกอินนี้จะมีทั้งแบบผ่าน Facebook และ Twitter แต่หากใครที่มีบัญชีอยู่แล้วสามารถกดที่ปุ่ม MORE ซึ่งจะแสดงการล๊อกอินการเล่นเกมอีกสามแบบ นันก็คือผ่านบัญชี Google Play ,  Guest และ อีเมล์หรือเบอร์โทร (ในทีนี่จะขอเล่นแบบ Guest แล้วกันนะครับ)            8. เมื่อทำการล๊อกอินแล้วก็เริ่มเริ่มต้นเข้าสู่เนื้อหาของเกม เมื่อเข้าสู่เกมตั้งแต่เริ่มต้นสำหรับคนที่เริ่มต้นที่ยังไม่เคยมีบัญชีเลยก็จะมีโหมดให้เราเลือกคือ ฝึกซ้อม กับ ต่อสู้ ซึ่งหากเป็นมือใหม่เลยก็แนะนำให้เลือก ฝึกซ้อนก่อนนะครับเพื่อความเคยชินของเกม หรือหากใครมีพื้นฐานอยู่แล้วก็เลือกที่ต่อสู้ได้เลย (ตัวอย่างนี้จะขอเลือกโหมดฝึกซ้อมแล้วกันนะครับ)            9. เมื่อเข้าสู่โหมดฝึกซ้อมแล้วกจะมีขั้นตอนแนะนำให้เราทำตาม ซึ่งผู้เล่นเองก็มีหน้าที่ทำตามที่ตัวเนื้อหาของเกมได้บอกไว้ไปเรื่อย ๆ เมื่อเข้าสู่เกมความยากจะเรอ่มอยู่ตรงนี้แหละเพราะด้วยความคุ้นเคยในเกมมือถือแล้วเปลี่ยนมาใช้เมาส์ในการบังคับ ฉะนั้นเวลาที่จะเคลื่อนไหวก็ต้องคลิ๊กเมาส์ค้างไว้เพื่อบังคับตัวละครในเกม ซึ่งนี่คือจุดที่หลายคนเมื่อเริ่มแรกอาจะไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ ในโหมดของการฝึกก็จะมีภารกิจต่าง ๆ ให้ผู้เล่นได้ทำไปเรื่อย ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับตัวเกม ซึ่งก็จะมีคีย์ลัดเพื่อให้ผู้เล่นได้ใช้คีย์บอดเพื่อความสะดวกในเกมเล่นเกมเพิ่มให้ด้วย            10 เมื่อจบการซ้อม จะเริ่มเข้าสู่โหมดให้เราเลือกโซนผู้เล่น เพื่อจะได้พบปะกับผู้เล่นมีโซนเดียวหันได้ง่ายขึ้นนั่นเอง จากนั้นจะเริ่มเข้าสู่โหมดของการออกแบบตัวละในเกม ซึ่งเราสามารถเลือกออกแบบได้ตามที่ใจต้องการได้เลย รวมถึงตั้งชื่ออย่างที่ใจอยาก            11. มาถึงขั้นตอนสุดท้ายสำหรับการเข้าสู่หน้าโปรไฟล์ของผู้เล่นเกม ที่จะสามารถเข้าสู่โหมดต่าง ๆ ได้ เหมือนกับในมือถือกันเลยทีเดียว แต่สำหรับมือใหม่ ก็มือโหมดมือใหม่ให้ได้ฝึกปรือวิชากันก่อนเพื่อความเก่งกล้ากันด้วยนะ จะรอช้าอยู่ใยไปออกสู่สนามรบกันเลยดีกว่าครับ            ปิดท้ายด้วยช่วงนี้สำหรับมือใหม่หรือผู้เล่นเก่า ที่จะมีกล่องสุ่มไอเทมให้ได้ลุ้นเปิดกัน ซึ่งผู้เล่นถ้าดวงดีก็อาจะได้ไอเทมชุดเจ๊ง ๆ ไปอวดใสเกมกันด้วยนะ ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่ด้วยแล้วงกันว่าใครจะโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ ขอให้ทุกท่านสนุกกับเกม PUBG PC กันถ้วนหน้านะครับเครดิตภาพปก โดยผู้เขียนเครดิตภาพประกอบ  gameloop.com/th :: ภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 - 23 โดยผู้เขียนอัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !

Step-By-Step ซื้อ Optiontown Flight Pass จองตั๋ว Thai Smile บินในประเทศ
อ่าน

Step-By-Step ซื้อ Optiontown Flight Pass จองตั๋ว Thai Smile บินในประเทศ

เราเป็นคนที่เจอปัญหาหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกเพื่อบินไปเยี่ยมครอบครัวทุกครั้งที่ต้องจองตั๋ว แม้ว่าเราจะบินบ่อยมาก มากในระดับเดือนละอย่างน้อย ๆ สองครั้ง เราก็ยอมเสียเวลาหาทุกสายการบิน ขอบอกก่อนว่าเรารู้จักการซื้อตั๋วเป็นชุดของหลาย ๆ สายการบินนะ แต่ส่วนมากแพกเกจคุ้ม ๆ จะอยู่วันธรรมดาซึ่งเรา พนักงานออฟฟิศบินไม่ได้แน่นอน แต่เราก็ไปเจอการซื้อตั๋วราคาประหยัดของสายการบิน Thai Smile โดยบังเอิญค่ะ สืบเนื่องจากธุระด่วนเลยลองหาสายการบินที่คิดว่าแพงดูเพราะตอนนั้นสายการบินชั้นประหยัดทุกสายการบินราคาไปกลับเฉียดห้าพันแล้ว บทความนี้จะมาสรุปการซื้อตั๋วของสายการบิน Thai Smile แบบราคาประหยัด แถมได้ Full Service เหมือนซื้อจากสายการบินโดยตรงเลย Optiontown Flight Pass ขั้นแรกแนะนำก่อน Thai Smile ร่วมมือกับ Optiontown บริษัทจำหน่ายตั๋วเครื่องบินหลาย ๆ ใบในครั้งเดียว ซื้อแล้วใช้ได้ตามเส้นทางที่เพื่อน ๆ เลือกเลย เลือกได้แค่เส้นทางเดียวต่อครั้งการซื้อ รับบัตรเครดิตค่ะ คิดเป็นสกุลเงินบาท พร้อมแล้วไปดูรายละเอียด 8 ข้อที่ต้องระบุตามขั้นตอนด้านล่างเลย Credit: Optiontown เส้นทางการบิน สำหรับเที่ยวบิภายในประเทศนของสายการบิน Thai Smile จะออกจากสนามบินสุวรรณภูมิค่ะ เลือกเส้นทางที่ต้องการเลย เน้นว่าตั๋วจะใช้เดินทางได้ทั้งไปและกลับเช่น การเลือกซื้อเส้นทางกรุงเทพ-ขอนแก่น เพื่อน ๆ สามารถเอาตั๋วไปแลกใช้เที่ยวบิน กรุงเทพ-ขอนแก่น และ ขอนแก่น-กรุงเทพ ค่ะ ง่ายมั้ย Credit: Optiontown ชั้นผู้โดยสาร มีสองแบบให้เลือกค่ะ Economy Premium Economy ต้องบอกก่อนว่าคลาส Economy บินภายในประเทศของสายการบิน Thai Smile นั้นได้สามารถเลือกที่นั่งได้ล่วงหน้าฟรี น้ำฟรี อาหารฟรี โหลดกระเป๋า 20 กิโลฟรี แถมขอผ้าห่มได้ด้วยค่ะ ส่วน Premium Economy นั้นจะมีบริการเสริมอีกค่ะเช่น Welcome Drink, Priority Boarding Credit: Optiontown จำนวนผู้โดยสาร สามารถระบุได้ว่าตั๋วแพคนี้จะใส่ชื่อผู้โดยสารได้กี่คนค่ะ แน่นอนว่าขั้นต่ำ 1 คน เหมาะสำหรับการบินเป็นครอบครัวพร้อม ๆ กัน เส้นทางเดิม ๆ ค่ะ Credit: Optiontown จำนวนเที่ยวบิน ขั้นต่ำคือตั๋วเที่ยวเดียว 4 ใบ สำหรับ 1 ชื่อผู้โดยสาร ข้อดีคือ ยิ่งจำนวนเที่ยวมาก ราคาก็จะถูกลง ข้อเสียคือ มีวันหมดอายุค่ะ (หัวข้อระยะเวลา) ระวังใช้ไม่หมดนะ Credit: Optiontown ระยะเวลา ระยะเวลาที่ใช้ตั๋วนี้แลกเที่ยวบิน เริ่มนับจากวันที่เราระบุเอง เช่นเราซื้อวันที่ 9 March 2020  แต่ต้องการใช้ 9 April 2020 เราคิดว่าใช้หมดภายใน 6 เดือนข้างหน้า เราก็เลือกตามรูปด้านล่างเลยค่ะ ข้อควรระวังคือต้องวางแผนล่วงหน้าให้ดี ลองดูส่วนต่างราคาค่ะ เดี๋ยวใช้ไม่ทันเสียดายตังค์ Credit: Optiontown แผนการเดินทาง สามาถเลือกได้ว่าจะจองล่วงหน้านานเท่าไหร่ พูดง่าย ๆ คือจะเอาตั๋วของ Optiontown ไปแลกตั๋วของ Thai Smile ล่วงหน้าก่อนกี่วันค่ะ แนะนำถ้าซื้อให้ใช้ได้นานแล้วแผนไม่เปลี่ยนก็เลือกจองก่อนนานหน่อยจะได้ราคาถูกลง Credit: Optiontown ประเภทตั๋ว ประเภทของตั๋วต่างจากระดับชั้นผู้โดยสารค่ะ ตามชื่อเลย เป็นระดับชั้นของตั๋ว เช่น คืนได้มั้ย เปลี่ยนชื่อผู้โดยสารได้มั้ย ถ้าเปลี่ยนเสียค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ Credit: Optiontown เวลาจำกัดของการเดินทาง มีสองตัวเลือกคือ Black-out Dates กับ Open-Dates travels Black-out Dates : ระบุวันที่บินไม่ได้ ส่วนมากจะเป็นวันหยุดประเพณีประจำปี วันหยุดราชการ เลยถูกกว่า Open-Dates : เลือกบินวันไหนก็ได้ แต่ก็แพงกว่า Credit: Optiontown ตัวอย่างตั๋ว ลองเอาตัวอย่างเส้นทางกรุงเทพ-หาดใหญ่มาให้ดูค่ะ ปกติแล้วค่าตั๋วของเส้นทางนี้จะอยู่ที่ 1400 บาทต่อเที่ยวบินขาเดียวค่ะ ได้การบริการเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือลดไปไปประมาณสามร้อยบาทค่ะ Credit: Optiontown ทิ้งท้าย เราเองใช้ Optiontown ซื้อเที่ยวบินวันหยุดยาวหลายครั้งแล้วรู้สึกคุ้มเลยอยากเอามาแชร์ เพราะถ้ายิ่งจองล่วงหน้านานใช้ได้เวลาจำกัดสั้น ๆ หน่อยราคาจะยิ่งถูกเป็นครึ่งนึงของตั๋ววันหยุดยาวเลย อย่าได้รีรอค่ะเพื่อน ๆ ตั๋วใบหน้าลองหาจาก Optiontown บิน Thai Smile กัน ขอขอบคุณรูปจากหน้าจองตั๋ว Optiontown

วิธีลงทะเบียน Visit Japan Web เข้าประเทศญี่ปุ่น ทุกขั้นตอน Step By Step
อ่าน

วิธีลงทะเบียน Visit Japan Web เข้าประเทศญี่ปุ่น ทุกขั้นตอน Step By Step

ขั้นตอนในการเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นสำหรับคนไทย  ได้มีการปรับและผ่อนปรนมาตรการต่างๆ โดยตั้งแต่ 11 ตุลาคม 2022 เป็นต้นไป  คนไทยสามารถเข้าประเทศญี่ปุ่นได้โดยได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอวีซ่า  โดยพำนักในญี่ปุ่นได้ไม่เกิน 15 วัน และไม่ต้องตรวจ PCR หรือกักตัวหลังจากเข้าประเทศหากฉีดวัคซีนที่กำหนดครบ 3 เข็ม   และสิ่งที่คนไทยที่จะเดินทางเข้าญี่ปุ่นจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเดินทาง นั่นคือ จะต้องลงทะเบียน Visit Japan Web ก่อนเดินทางเข้าประเทศ  เพื่อให้ขั้นตอนในการเข้าประเทศที่สนามบินเป็นไปได้สะดวกรวดเร็วและตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2022 เป็นต้นไป กำหนดให้ลงทะเบียนผ่าน Visit Japan Web เพียงอย่างเดียวเท่านั้น  (ไม่ต้องลงทะเบียน MySoS เพราะรวมมาไว้ใน Visit Japan Web ที่เดียวแล้วค่ะ)  วิธีการลงทะเบียน Visit Japan Web และขั้นตอนการเข้าประเทศไม่ยากเลยค่ะ   ผู้เขียนเองก็ลงทะเบียนเองและได้เดินทางไปญี่ปุ่นผ่านขั้นตอนต่างๆ ด้วยตัวเองมาแล้ว   วันนี้จึงนำประสบการณ์ การลงทะเบียน Visit Japan Web  ด้วยตัวเอง มาแนะนำแบบทุกขั้นตอน ละเอียดสุดๆ step by step กันไปเลย ใครวางแผนจะเดินทางไปญี่ปุ่น หรือ กำลังจะลงทะเบียน Visit Japan Web ด้วยตัวเอง ติดตามไว้เป็นแนวทางได้เลยค่ะ40 สถานที่สวยใน ญี่ปุ่น ไปเที่ยวญี่ปุ่น คราวนี้อย่าได้พลาด !13 ที่เที่ยวโอซาก้า ตามไลน์ สถานีรถไฟ เที่ยวญี่ปุ่นง่ายๆ ด้วยตัวเองเที่ยวโตเกียว อย่างง่าย ตามสายรถไฟ 6 ย่าน 17 ที่เที่ยวโตเกียว ย่านไหน ไปยังไง ไม่ต้องกลัวหลงVisit Japan Web คืออะไร ?Visit Japan Web คือ การบริการส่งข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนเข้าประเทศญี่ปุ่น (การกักตัว การตรวจคนเข้าเมือง พิธีการทางศุลกากร) ทางเว็บไซต์ล่วงหน้าก่อนเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ขั้นตอนในการเข้าประเทศที่สนามบินเป็นไปได้สะดวกรวดเร็ว ลงทะเบียน Visit Japan Web ได้ที่ไหน ?ลงทะเบียน Visit Japan Web ได้ที่เว็บไซต์   https://www.vjw.digital.go.jp สิ่งที่ต้องเตรียมในการลงทะเบียน Visit Japan WebPassport ปัจจุบันที่ยังไม่หมดอายุใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด Vaccination certificate  (เตรียมเป็นไฟล์ภาพไว้)  หรือ ใบรับรองผล PCR  72 ชั่วโมงก่อนเวลาบินออก ( ในกรณีที่ไม่ได้ยื่นใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด หรือ ไม่ได้รับวัคซีน หรือ ได้รับไม่ครบ 3 เข็ม )ตรวจสอบรายชื่อวัคซีนโควิดที่ได้รับการรับรองในการเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ ที่นี่ Visit Japan Web ใช้ในขั้นตอนไหน ?เมื่อลงทะเบียน Visit Japan Web ครบ  จะได้ QR code ไว้สำหรับแสดงในขั้นตอนเข้าประเทศญี่ปุ่นที่สนามบิน (การกักตัว การตรวจคนเข้าเมือง พิธีการทางศุลกากร)   ช่วยให้ขั้นตอนการเข้าประเทศสะดวกรวดเร็วขึ้น ไม่ต้องกรอกเอกสารกระดาษเช่นเดิม วิธีลงทะเบียน Visit Japan Web ทุกขั้นตอน Step by step1. อันดับแรกจะต้องสมัคร Account ของตัวเองก่อนที่  Visit Japan Web  2. เมื่อมี Account ใน Visit Japan Web  แล้ว ให้ Login มากรอกข้อมูลส่วนตัว 2 ส่วน คือRegister user  : ให้กรอกข้อมูลในส่วน Your details เป็นข้อมูลส่วนตัวของเราRegister planned Entry/Return : ให้สร้างชื่อทริปการเดินทางของเรา ระบุวันที่เดินทาง  สายการบิน และที่พัก ในทริปนั้นๆ  หากมีทริปใหม่ก็มาสร้างชื่อทริปการเดินทางในส่วนนี้ใหม่ 3. เมื่อลงข้อมูลส่วนตัวและรายละเอียดการเดินทางแล้ว  ก็จะเริ่มลงทะเบียนในส่วนที่จะใช้แสดงในขั้นตอนการเข้าประเทศที่สนามบิน ประกอบไปด้วย  3 ส่วน คือStep 1 : Preparation for Quarantine (Fast Track) สำหรับการกักกันStep 2 : Preparation for Immigration Clearance สำหรับการตรวจคนเข้าเมืองStep 3 : Preparation for Customs Declaration สำหรับศุลกากร Step 1 : Preparation for Quarantine  ในส่วนคือข้อมูลใน MySOS เดิม ซึ่งปัจจุบันไม่ต้องลงทะเบียนแยกแล้ว  ลงทะเบียนใน Visit Japan Web ได้เลย  จะต้องลงข้อมูลตามหัวข้อต่างๆ ได้แก่Passport : หัวข้อนี้เพียงแค่ scan หน้าแรกของ passport ลงระบบเท่านั้น แล้วรอผล scan บางคนอาจเผลอกด skip ข้ามขั้นตอนนี้ ผู้เขียนเองก็เผลอเช่นกัน แต่ไม่เป็นไรค่ะ ไม่มีผลต่อการลงทะเบียนQuestionnaire WEB : ตอบคำถามข้อมูลทั่วไปและข้อมูลการเดินทางของเราค่ะVaccination Certificate  : ให้กรอกชื่อวัคซีนที่ได้รับ และระบุวันที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3  รวมถึงอัพโหลดภาพใบรับรองวัคซีนของเราที่มีทั้งหมด (ใบรับรองต้องเป็นภาษาอังกฤษหรือญี่ปุ่น)   หากใครได้รับในไทยก็ใช้เอกสารที่โหลดได้จากแอพหมอพร้อม  หากใครได้รับวัคซีนจากต่างประเทศก็ใช้ใบรับรองจากต่างประเทศได้ โดยจะต้องระบุ ชื่อวัคซีน หมายเลข Lot วันที่ได้รับวัคซีน เป็นต้นถ้ามีประวัติการได้รับวัคซีนและมีใบรับรองครบ 3 เข็ม กรอกแค่ 3 หัวข้อด้านพอก็พอแล้วค่ะ    แต่ถ้าประวัติด้านวัคซีนไม่ครบก็จะต้องตรวจ PCR ก่อนบิน 72 ชั่วโมง และนำใบรับรองผล PCR มาลงทะเบียนในหัวข้อถัดมาค่ะในส่วนนี้หากลงทะเบียนสำเร็จ รอตรวจสอบสักพัก (ไม่เกิน 1 วัน) หน้าจอจะเปลี่ยนจากสีชมพู เป็น สีน้ำเงิน และมีคำว่า Review completed ถือเป็นอันใช้ได้ค่ะ Step 2 : Preparation for Immigration Clearance (การตรวจคนเข้าเมือง)ในส่วนนี้ คือ ใบ ตม. หรือ Disembarkation Card ที่เราเคยกรอกก่อนเข้าประเทศญี่ปุ่นในอดีตค่ะ  ปัจจุบันเปลี่ยนมาให้ลงข้อมูลใน Visit Japan Web  พอลงทะเบียนครบก็จะได้ QR code ไว้แสดงในขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินค่ะ  ข้อมูลที่จะต้องกรอก ได้แก่ ชื่อประเทศของเรา  วัตถุประสงค์ในการเดินทาง  เที่ยวบินที่เราโดยสารมา ระยะเวลาที่พำนักในญี่ปุ่น  ที่อยู่ในญี่ปุ่น และตอบคำถามสำคัญ 3 ข้อ   Step 3 : Preparation for Customs Declaration (ศุลกากร)ในส่วนนี้จะต้องตอบคำถามที่เป็นการแถลงว่ามีหรือไม่มีสิ่งของต้องห้ามในการนำเข้าประเทศญี่ปุ่น  เช่น อาวุธปืน สารเสพติด ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์หรือพืช เป็นต้น  พอลงทะเบียนครบก็จะได้ QR code ไว้แสดงในขั้นตอนศุลกากร ซึ่งจะมีช่องทางพิเศษ สำหรับคนมี QR code สามารถสแกนกับเครื่องอัตโนมัติ ผ่านขั้นตอนนี้ได้อย่างรวดเร็วค่ะ** หมายเหตุ : กัญชา ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศญี่ปุ่น ห้ามนำเข้าเด็ดขาดนะคะ !!!   และช่วงนี้ประเทศญี่ปุ่นเคร่งครัดการนำผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์และพืชเข้าจากต่างประเทศมากๆ  เพราะอาจนำโรคระบาดบางอย่างเข้าสู่ญี่ปุ่นได้ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และพืช ก็ห้ามพกเข้าไปด้วยนะคะ ไม่งั้นถูกปรับเงินหนักค่ะ  ที่สนามบินจะมีสุนัขคอยดมกลิ่นอยู่ตลอดด้วย  4. เมื่อลงทะเบียนทั้ง 3 ส่วนนี้ครบจะได้ QR Code ในแต่ละส่วน  ให้เปิดแสดงที่ขั้นตอนเข้าประเทศที่สนามบินที่ญี่ปุ่นผ่านหน้าจอมือถือได้เลย หรือจะ print ใส่กระดาษก็ได้  การลงทะเบียน Visit Japan Web ให้ครบถ้วนก่อนเดินทาง จะช่วยให้การเข้าประเทศญี่ปุ่นรวดเร็วมากขึ้นค่ะ  สรุปขั้นตอนการเดินทางเข้าญี่ปุ่น 2023 ต้องลงทะเบียน Visit Japan ทุกคน เป็นอย่างไรกันบ้างคะ วิธีลงทะเบียน Visit Japan Web สำหรับเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น แบบละเอียดทุกขั้นตอน Step by step ที่ได้นำมาฝากกัน  หวังว่าจะเป็นประโยชน์ เป็นแนวทางแก่ผู้ที่กำลังศึกษาการลงทะเบียน Visit Japan Web ด้วยตัวเองนะคะ     ขอให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพและเที่ยวประเทศญี่ปุ่นให้สนุกนะคะ ข้อมูลอ้างอิง : Embassy of Japan in ThailandVisit Japan WebVisit Japan Web Instruction ManualMinistry of Health, Labour and Welfare ภาพประกอบปก : Billy Pasco, Twemoji, canvaภาพประกอบทั้งหมด : 287.Write [ผู้เขียน] , Visit Japan Web Instruction Manual , Studio Japan from Canvaแนะบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจจากผู้เขียนhttps://intrend.trueid.net/post/322438https://intrend.trueid.net/post/319438แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด” 

วิธียืนยันตัวตน Fb-Tw 2 step verify หลัง เพจโหนกระแส โดนแฮก!
อ่าน

วิธียืนยันตัวตน Fb-Tw 2 step verify หลัง เพจโหนกระแส โดนแฮก!

ข่าววันนี้ วิธียืนยันตัวตน Fb-Tw 2 step verify หลัง เพจโหนกระแส โดนแฮก!อีกหนึ่งภัยไซเบอร์ที่เพื่อน ๆ ทรูไอดีมองข้ามไม่ได้ เมื่อต้องอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ต วิธียืนยันตัวตน Fb-Tw 2 step verify หลัง เพจโหนกระแส โดนแฮก! เพจเฟซบุ๊ก "Drama-addict" ได้โพสต์แจ้งระบุว่า "แอ็กเคานต์ทวิตเตอร์ของโหนกระแสก็โดนแฮก แชนเนลก็โดนแฮก ล่าสุดก่อนจะปิดไปถูกเปลี่ยนชื่อเป็นแอ็กเคานต์โปรโมตพวก NFT / crypto เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยมาก แชนเนลดัง ๆ ในไทยหลายเจ้าแล้วที่ถูกแฮกเกอร์แฮก แล้วไปลงคลิปปั่น NFT หรือลงลิงก์ scam หลอกเอาข้อมูลจากเหยื่อที่หลงเชื่อ โดยขอให้แอดมินทุกเพจทำ 2 step verify หรือการล็อกอินเข้าระบบสองชั้นเพื่อความปลอดภัย" ยืนยันตัวตน Fb-Tw 2 step verify คืออะไร? สรุปให้เข้าใจแบบง่าย ๆ เลยคือ การยืนยันแบบ 2 ขั้นตอน หรือ 2 step verify ที่เรียกว่า การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัยช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีได้อีกขั้นในกรณีที่รหัสผ่านถูกขโมย หรือถูกมือดีจากที่ไหนก็ไม่รู้แฮก ซึ่งวิธีการนี้ช่วยให้มือดีเข้าถึงบัญชีของเรายากกว่าเดิม เพราะสมัยนี้ "แฮกเกอร์" เยอะเหลือเกิน ดังนั้น การรักษาความปลอดภัยในบัญชี เช่น บัญชีทวิตเตอร์ บัญชี Facebook เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เพราะหากเจอดีสักวันใครไม่รู้แฮกเข้ามาสวมรอยเอา ทวิตเตอร์ Facebook ของเราไปใช้ในทางที่ไม่ดีต่าง ๆ เช่นเดียวกับกรณี "โหนกระแส" ถูกแฮก ซึ่งการเปิดให้ยืนยันตัวตนแบบสองชั้น หรือ 2 step verify จึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ ทรูไอดี รักษาความปลอดภัยในบัญชีของเราได้ เอาล่ะวันนี้ TrueID มี วิธีล็อก facebook 2 ชั้น มาฝากกัน สายโซเชียลมาดูไว้ ป้องกันมือดีแฮกได้ก่อน How to เปิดการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น Fb-Tw 2 step verify เข้าไปที่ การตั้งค่าและความเป็นส่วนตัว กดเลือก "การตั้งค่า" ในส่วนของการรักษาความปลอดภัย ให้เลือก การรักษาความปลอดภัยและการเข้าสู่ระบบ เลื่อนลงไปที่ การยืนยันตัวตนแบบสองชั้น แล้วกด "ใช้การยืนยันตัวตนแบบสองชั้น" จากนั้นจะมีให้เลือกวิธีการรักษาความปลอดภัย 2 แบบคือ แอพยืนยันตัวตนและข้อความ SMS ให้เลือกแบบข้อความ SMS เพราะไม่ยุ่งยาก จะได้ไม่ต้องโหลดอะไรเพิ่มเติมด้วย แล้วก็ "กดดำเนินการต่อ" ต่อมาก็เลือกเพิ่มเบอร์มือถือลงไป(ถ้ามีขึ้นให้อยู่แล้วก็กดเลือกได้เลย) ซึ่งเบอร์นี้จะเป็นช่องทางส่งรหัสยืนยันมาให้เราผ่าน SMS เพื่อไปสู่ขั้นตอนต่อไป แล้วก็ "กดดำเนินการต่อ" ใส่รหัส 6 หลักที่ส่งผ่าน SMS มาเบอร์ที่เรากรอกไว้ แล้วกดดำเนินการต่อ ป้อนรหัสผ่าน Facebook ของเราอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นกดดำเนินการต่อ เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้ว ให้กด เรียบร้อย ก็เป็นอันเสร็จสิ้น เอาล่ะ เมื่อทำการตั้งค่าล็อก ทวิตเตอร์ facebook 2 ชั้น แล้ว หลังจากนี้เวลามีใครพยายามล็อคอิน twitter Facebook ในเครื่องหรือเบราร์เซอร์ที่เราไม่เคยล็อ8อินมาก่อน ก็จะมีการขอรหัสยืนยันตัวตนที่ส่งมาทาง SMS ซึ่งเพื่อน ๆ ก็จะรู้ตัวด้วยว่ามีคนพยายามล็อคอินเข้า Facebook ของเรา นั่นเอง -------------------- เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณคลิกเลย!! รู้ทันกันโควิด หรือกด*301*35# โทรออก กดเลย community แห่งความบันเทิง ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี

ขอวีซ่าออสเตรเลีย วีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลียแบบออนไลน์ ทุกขั้นตอน Step By Step
อ่าน

ขอวีซ่าออสเตรเลีย วีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลียแบบออนไลน์ ทุกขั้นตอน Step By Step

 ออสเตรเลีย... ดินแดนแห่งจิงโจ้และหมีโคอาล่า เป็นอีกประเทศที่ผู้เขียนอยากไปเยือนมานานแล้ว  และปีนี้ก็วางแผนจะไปเที่ยวออสเตรเลียค่ะ   สำหรับคนไทยที่จะเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียจำเป็นจะต้องทำการยื่นขอและได้รับอนุมัติวีซ่าก่อน   การขอวีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลีย (Visitor visa 600) ล่าสุดในปี 2023  ให้ทำการสมัครและยื่นเอกสารแบบออนไลน์ได้ด้วยตัวเอง  ถือว่าสะดวกและประหยัดเวลาไม่น้อย  ผู้เขียนทำการยื่นขอวีซ่าด้วยตัวเองและผ่านเรียบร้อยแล้วค่ะ    เลยเขียนบทความแนะนำวิธีขอวีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลียแบบออนไลน์ ละเอียดทุกขั้นตอน Step By Step  เพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ที่กำลังจะยื่นขอวีซ่าออสเตรเลียด้วยตัวเอง  ใครเป็นมือใหม่หรือไม่เก่งภาษาอังกฤษหมดห่วงได้เลย  ทำตามบทความนี้ได้ง่าย ๆ เลยค่ะหมายเหตุ : บทความนี้นำเสนอการขอวีซ่าท่องเที่ยว Visitor Visa (subclass 600) ในกรณีทั่วไปเท่านั้นนะคะ  หากใครมีเงื่อนไขพิเศษเฉพาะบุคคล  อาจมีขั้นตอนเพิ่มเติม  ซึ่งจะไม่ได้กล่าวถึงในบทความนี้นะคะ วีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลียวีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลีย หรือ Visitor Visa (subclass 600)  สำหรับผู้ที่ประสงค์เดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียเพื่อท่องเที่ยว สันทนาการ เยี่ยมญาติพี่น้องและเพื่อนวัตถุประสงค์อื่นๆ ในระยะสั้นที่ไม่ใช่การทำงาน เช่น การเรียนระยะสั้น ไม่เกิน 3 เดือนขั้นตอนการขอวีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลีย หรือ Visitor Visa (subclass 600) ในปี 2023 มีขั้นตอนหลักๆ 4 ขั้นตอนเตรียมเอกสารกรอกข้อมูลและยื่นเอกสารออนไลน์เก็บข้อมูล Biometrics (** จำเป็นต้องเดินทางไปทำด้วยตัวเองที่ศูนย์ VFS Global)รอผลวีซ่าทางอีเมล์ไปดูแต่ละขั้นตอนกันเลยว่าต้องทำอะไรบ้าง1. เอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่าออสเตรเลียเอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่าออสเตรเลีย  อ้างอิงจาก  สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย กรุงเทพฯ  มีดังนี้Passport หรือหนังสือเดินทาง ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือนและครอบคลุมระยะเวลาที่เดินทางหลักฐานการเดินทางที่ผ่านมา  ได้แก่ ประวัติการเดินทางเข้าออกที่ผ่านมาใน Passport เล่มปัจจุบัน และเล่มเดิม (ถ้ามี)  ประวัติวีซ่าต่างๆ ที่เคยได้รับ (ถ้ามี)รูปถ่ายปัจจุบัน ขนาด 4.5 cm x 3.5 cm  ถ่ายไม่เกิน 6 เดือน ให้เห็นบริเวณศีรษะและไหล่ ถ่ายบนพื้นหลังสีเรียบสำเนาบัตรประชาชนหลักฐานทางครอบครัว เช่น  สำเนาทะเบียนบ้าน หรืออื่นๆที่แสดงถึงความสัมพันธ์ของผู้สมัครกับถิ่นที่อยู่อาศัยหลักฐานการเงิน เพื่อแสดงว่าเรามีทุนทรัพย์เพียงพอสำหรับใช้จ่ายในการเดินทาง  ได้แก่  Bank statement อย่างน้อย 6 เดือนย้อนหลังหลักฐานการประกอบอาชีพการงาน เช่น จดหมายรับรองการทำงานโดยให้นายจ้างระบุตำแหน่ง เงินเดือน ระยะเวลาที่ได้ทำงานและวันลาที่ได้อนุมัติ    กรณีเป็นเจ้าของธุรกิจ ใช้หลักฐานการจดทะเบียนประกอบธุรกิจหรือการเป็นหุ้นส่วน  ทะเบียนการค้า  เป็นต้นหลักฐานต่างๆ ของผู้สนับสนุน (กรณีมีผู้สนับสนุน)  เช่น จดหมายเชิญ หลักฐานแสดงความสัมพันธ์และการติดต่อระหว่างกัน  หลักฐานการเงินผู้สนับสนุน คำแนะนำในการเตรียมเอกสารเตรียมเอกสาร แผนการเดินทาง(Travel Plan/Activity) เพิ่ม เพราะมีให้ยื่นเอกสารส่วนนี้ด้วย (เขียนคร่าวๆ ว่า เดินทางไปกลับวันไหน  แต่ละวันจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง) ไม่จำเป็นต้องจองตั๋วเครื่องบินหรือจองโรงแรมก่อนยื่นวีซ่า  แต่ถ้ามีเอกสารการจองก็ยื่นเพิ่มได้หากมีเอกสารอื่นๆ ที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือด้านการทำงาน สถานะการเงินก็สามารถยื่นเพิ่มได้เอกสารทั้งหมดให้เตรียมเป็นไฟล์ PDF หรือไฟล์ภาพก็ได้ (ให้มีความละเอียดเพียงพอ)  จำนวนไฟล์ไม่เกิน 60 ไฟล์ และขนาดไฟล์ห้ามเกิน 5 MBตั้งชื่อไฟล์ให้ชัดเจน แจกแจงได้ง่าย เอกสารที่เป็นสำเนาให้เขียนรับรองสำเนาถูกต้อง (Certified True Copy) พร้อมเซ็นชื่อเอกสารของผู้เขียนที่ใช้ยื่นเป็นภาพถ่ายเอกสารตัวจริงทั้งหมดเลยไม่ได้มีการรับรองสำเนาถูกต้อง ก็ไม่มีปัญหาอะไรเอกสารที่ขอจากที่ทำงานและธนาคาร ควรขอเป็นภาษาอังกฤษเอกสารจากหน่วยงานราชการ เช่น ทะเบียนบ้าน ผู้เขียนไม่ได้แปลเป็นภาษาอังกฤษค่ะ ส่งไปเป็นภาพต้นฉบับภาษาไทยเลย 2. Apply VISA การกรอกข้อมูลและยื่นเอกสารออนไลน์สมัคร ImmiAccount ผู้สมัครต้องมี ImmiAccount ก่อน  ให้เข้าไปสมัครที่  https://immi.homeaffairs.gov.auไปที่ ImmiAccount Create an ImmiAccount กรอกรายละเอียดส่วนตัว ตั้งรหัสผ่าน ตั้งคำถามลับ จะมี   link ส่งมาในอีเมล์  กด confirm link เป็นอันเสร็จมี ImmiAccount แล้วก็เข้ามา Loginกรอกข้อมูลยื่นขอวีซ่ากด New applicationเลือกประเภทวีซ่า : Visitor Visa (600)อ่าน Terms conditions ติ๊กรับทราบแล้วกด nextเริ่มตอบคำถามและกรอกข้อมูลส่วนตัว ในเว็บไซต์มี 19 หน้า ซึ่งรายละเอียดของแต่ละบุคคลอาจไม่เหมือนกัน บทความนี้จะเอาตัวอย่างของผู้เขียนมาลงเป็นแนวทางให้  รายละเอียดคำถามดูที่ภาพตามลำดับได้เลยค่ะคำถามแรก จะเกี่ยวกับที่อยู่และสถานะบุคคลของเรา  วัตถุประสงค์ในการมาออสเตรเลีย (tourism)Group processing กรณีที่ยื่นคนเดียวก็เลือก No แต่ถ้ายื่นเป็นกลุ่มเป็นครอบครัว เลือก Yes เพราะจะได้ดำเนินการพร้อมกันทั้งกลุ่ม  ถ้าเลือกดำเนินการเป็นกลุ่ม ก็จะมีขั้นตอนให้ตั้งชื่อ Group จะได้ Group ID มาเอา Group ID ให้สมาชิกกลุ่มท่านอื่นลงข้อมูลPassport details กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับ Passport ของเราNational Identity card กรอกข้อมูลบัตรประชาชนกรอกข้อมูลส่วนตัว  สถานะพลเมือง  ประวัติการเดินทางเข้าออสเตรเลียOther identity documents ถ้ามีบัตรประจำตัวอื่นอีกก็ลงเพิ่มได้ เช่น ใบขับขี่Critical data confirmation สรุปรายละเอียดที่เราได้กรอกไป ให้ตรวจสอบข้อมูล สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้  Travelling companions หากมีบุคคลอื่นเดินทางไปพร้อมกับเรา ก็ใส่ชื่อและระบุความสัมพันธ์ด้วยContact details ข้อมูลที่อยู่อาศัยของเรา  เบอร์โทรศัพท์Department office ระบุสถานที่รับยื่นวีซ่าออสเตรเลียที่อยู่ใกล้เราที่สุด  กรณีต้องมีการเรียกสัมภาษณ์เพิ่ม ระบุ Thailand, BankokAuthorised  recipient สอบถามเรื่องมีการมอบอำนาจให้ผู้อื่นจัดการรับเรื่องวีซ่าแทนเราหรือไม่  กรณีนี้เรายื่นเอง ก็ตอบ NoAccompanying members of your family unit  หัวข้อนี้ชวนงงไม่น้อย  ส่วนนี้จะถามว่า มีสมาชิกในครอบครัวที่ไม่ได้เดินทางไปออสเตรเลียกับเราด้วยหรือไม่ ? (โดยที่บุคคลเหล่านั้นไม่ได้ถือสัญชาติหรือเป็นพลเมืองออสเตรเลีย)   สมาชิกในครอบครัวในที่นี้ หมายถึง กลุ่มญาติสายตรง เช่น พ่อแม่ พี่น้อง คู่สมรส และบุตร   ของผู้เขียนตอบไปว่ามีคนที่ไม่ได้ไปด้วย คือ พ่อ แม่ และน้องชาย (ต้องระบุชื่อ ข้อมูลและความสัมพันธ์)Proposed period of stay เกี่ยวกับระยะเวลาในการพำนัก  ในส่วนนี้มีคำถามว่าตั้งใจมาประเทศออสเตรเลียมากกว่า 1 ครั้งหรือไม่  ของผู้เขียนตอบ Yes ไปค่ะ เผื่อได้วีซ่า multiple entries  แต่ยังไม่ได้กำหนดวันในการมาครั้งต่อไป ก็เขียนอธิบายเพิ่มว่าแพลนมาเที่ยวเมืองอื่นๆ อีก  กรอกข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการทำงาน  กลุ่มอาชีพ  สถานที่ทำงาน Funding support  อธิบายทุนทรัพย์ที่ใช้ในการท่องเที่ยว  ถ้าเราออกเอง ก็เขียนอธิบายไปค่ะ เช่น เป็นเงินเก็บสำหรับใช้เที่ยวออสเตรเลีย  เป็นจำนวนเงิน .....  แพลนใช้ท่องเที่ยวจำนวนกี่วัน  นอกจากนี้ก็ใช้บัตรเครดิตร่วมด้วย  เป็นต้นHealth declarations แถลงเกี่ยวกับสุขภาพและโรคติดต่อแถลงเกี่ยวกับประวัติอาชญากรรม   ถ้าไม่มี ตอบ No ให้หมดVisa history ประวัติการขอวีซ่า เช่น มีวีซ่าที่ยังไม่หมดอายุหรือไม่  เคยอยู่เกินวีซ่าหรือไม่ เคยถูกปฏิเสธวีซ่าหรือไม่สุดท้ายมีให้อ่านทำความเข้าใจกฎระเบียบต่างๆ ถ้าเข้าใจก็กด Yes ยื่นเอกสารแบบออนไลน์ขั้นตอนต่อมา จะต้องยื่นเอกสารที่เตรียมไว้  เอกสารจะแบ่งเป็น Required (กำหนดให้ยื่น) และ Recommended (ถ้ามีเอกสารก็ยื่นเพิ่มได้)  โดยจะกำหนดเป็นหมวดหมู่เอกสารไว้แล้ว  ให้เราแนบไฟล์ให้ตรงกับหมวดหมู่   ซึ่งแต่ละหมวดหมู่มีรายละเอียด ดังนี้ค่ะปล. แนบไฟล์แล้วอย่าลืมกด  Attach ด้วยนะคะ ไม่งั้นไฟล์จะยังไม่ถูกส่งไปนะRequired เอกสารที่กำหนดให้ยื่น1. Photograph - Passport  ภาพถ่ายของเรา2. Travel Documentภาพ Passport ปัจจุบันหน้าแรกที่มีข้อมูลของเราภาพ Passport ปัจจุบันเล่มอื่นๆ ที่เราถืออยู่3. National ID card ภาพบัตรประชาชน4. Evidence of the applicant's previous travel หลักฐานการเดินทางในอดีตหน้า Passport ที่มีตราประทับเข้าและออกประเทศต่างๆ ของ Passport เล่มเดิมและเล่มปัจจุบันเอกสาร Visa ที่เคยได้รับ Recommended เอกสารที่แนะนำให้ยื่นเพิ่มเติม (ถ้ามี)5. Family register and composition form (if applicable)  ให้ยื่นสำเนาทะเบียนบ้านหน้าที่มีชื่อเรา6. Evidence of planned tourism activities in Australia หลักฐานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในออสเตรเลีย  พวกแผนการเดินทาง ตารางท่องเที่ยว ถ้ามีเอกสารจองตั๋วเครื่องบินหรือโรงแรมก็ใส่ไปด้วย7. Evidence of the financial status and funding for visit  หลักฐานการเงิน เช่น สมุดบัญชีเงินฝากแสดงรายการย้อนหลัง 6 เดือน , สลิปเงินเดือน (Pay slip)  หรือเอกสารที่แสดงว่าเรามีทุนทรัพย์เพียงพอสำหรับการเดินทาง เช่น หลักฐานแสดงการเสียภาษี  โฉนดที่ดิน เป็นต้น8. Evidence of current employment or self-employment หลักฐานการทำงาน  ได้แก่ สลิปเงินเดือน (Pay slip), จดหมายรับรองการทำงาน, จดหมายรับรองเงินเดือน กรณีเป็นเจ้าของธุรกิจให้ยื่นหลักฐานการจดทะเบียนประกอบธุรกิจหรือการเป็นหุ้นส่วน หรือทะเบียนการค้า (Business licence/Registration) เป็นต้น9. Exceptional reasons for extended stay in Australia as a Visitor (beyond 12 months)  หลักฐานแสดงเหตุผลและความจำเป็นในกรณีที่ต้องอยู่เกิน 12 เดือน ชำระเงิน กรอกข้อมูลและยื่นเอกสารครบแล้ว ลำดับถัดไปก็ชำระเงินค่ะ  สำหรับวีซ่าท่องเที่ยว (ประเภท 600) ค่าวีซ่าอยู่ที่ 150 AUD  (ราคานี้ สำหรับปี 2023)มีค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต อีก 2.1 AUD รวมจ่ายทั้งหมด 152.1 AUD ค่ะ  (ประมาณ 3,500 บาท)อีเมล์ 2 ฉบับจาก Immi  ชำระเงินเรียบร้อย จะได้รับอีเมล์ 2 ฉบับ คือIMMI Acknowledgement of Application Received   แจ้งว่าได้รับเอกสารการสมัครแล้วs257A (s40) Requirement to Provide Biometrics   แจ้งว่าให้ไปทำการยืนยันตัวตนด้วยระบบ Biometrics  ในเมล์ฉบับนี้จะมีหมายเลข VLN ให้เรานำเลขนี้ไปนัดคิวทำ Biometrics ที่เว็บ VFS Global 3. Biometricsเมื่อกรอกข้อมูล ยื่นเอกสารแบบออนไลน์ ชำระค่าวีซ่าแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ ไปยืนยันตัวตนด้วยระบบ Biometrics ซึ่งก็คือ การถ่ายภาพและสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งขั้นตอนนี้จำเป็นจะต้องไปทำด้วยตัวเอง ที่ศูนย์ VFS Global  โดยจะต้องนัดหมายออนไลน์ผ่านเว็บ VFS Global ก่อนนะคะการทำนัดหมายออนไลน์กับศูนย์ VFS Globalเข้าไปที่เว็บ visa.vfsglobal.com/tha/en/ausเลือก Book an appointmentถ้ายังไม่มี Account ของ VFS ให้สมัครก่อน ถ้ามีแล้วก็ Sign in ก่อนขั้นตอนการนัด ให้เลือกศูนย์ VFS ที่ต้องการ (มีที่ กรุงเทพ และ เชียงใหม่ )เลือกหมวดหมู่  Biometrics Submission Only Biometrics Submissionapplicant information.form label.label 23*  ให้กรอกหมายเลข VLNจากนั้นเลือกวันและเวลาที่สะดวกได้เลยเราจะได้เมล์ Appointment confirmation แปลว่าทำการนัดสำเร็จแล้วเตรียมตัวไปทำ Biometrics ตามวันและเวลาที่นัดได้เลยวันไปทำ Biometrics ให้นำเอกสารไปด้วยดังนี้นะคะPassport เล่มจริงเอกสารจาก Immi : s257A (s40) Requirement to Provide Biometrics ---- ที่มีเลข VLNเอกสารจาก VFS : Appointment Letterมีค่าใช้จ่ายในการทำ Biometrics  735 บาท ชำระที่ศูนย์ VFS   ใครใส่คอนแทคเลนส์แบบสี จะต้องถอดออกตอนถ่ายรูป แนะนำสวมแว่นไปแทนจะสะดวกกว่าค่ะ 4. VISA Outcome และรายละเอียดวีซ่าวีซ่าออสเตรเลียจะแจ้งผลทางอีเมล์ค่ะ  ไม่ได้เป็นสติ๊กเกอร์ติดที่หน้าพาสปอร์ตเราเหมือนวีซ่าประเทศอื่นๆ นะ ดังนั้นการทำวีซ่าออสเตรเลีย เรายังใช้งาน Passport เราได้เหมือนเดิมค่ะ เพราะไม่ได้ส่งตัวจริงไปสถานทูต ส่งแบบออนไลน์แทน  มีใช้ตัวจริงแค่วันที่มาทำ Biometrics เท่านั้นค่ะหลังทำ Biometrics ประมาณ 1 สัปดาห์ เราก็ได้รับอีเมล์แจ้งผลจาก Immi ชื่อหัวข้อว่า IMMI Grant Notification หน้าตาวีซ่าเป็นเอกสารระบุรายละเอียดดังนี้ค่ะApplication status (สถานะการสมัคร)  : Granted  ( แปลว่า ได้รับอนุมัติ ค่ะ )Visa conditions (เงื่อนไข) : No work  (ห้ามทำงาน) , Maximun three months study (เรียนได้ไม่เกิน 3 เดือน)Visa duration and travelDate of grant (วันที่อนุมัติ วันที่สามารถเดินทางเข้าออสเตรเลียได้)Must not arrive after (วันสุดท้ายที่เดินทางเข้าออสเตรเลียได้)Length of stay : 3 month(s) from the date of each arrival (ระยะเวลาที่พำนัก กำหนดให้ไม่เกิน 3 เดือนในแต่ละครั้ง)Travel : Multiple entries (เข้าออกออสเตรเลียได้หลายครั้งภายในกำหนดอายุของวีซ่า) วีซ่าที่เราได้รับเป็นวีซ่าท่องเที่ยว ระยะเวลา 1 ปี สามารถเข้าออกออสเตรเลียได้หลายครั้ง โดยที่แต่ละครั้งจะอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือน และห้ามทำงานหรือเรียนเกิน 3 เดือน ค่ะ เป็นยังไงกันบ้างกับวิธีขอวีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลียแบบออนไลน์  ละเอียดทุกขั้นตอนเลยทีเดียว  ใครวางแผนจะขอวีซ่าออสเตรเลียอยู่สามารถยื่นขอด้วยตัวเองได้ไม่ยาก เพียงทำตามขั้นตอนในบทความนี้ได้เลย  ขอให้วีซ่าผ่านและสนุกกับการท่องเที่ยวประเทศออสเตรเลียนะคะข้อมูลอ้างอิงAustralian Government :The Department of Home AffairsVFS Global | Australiaภาพประกอบภาพปกโดย Patrick McLachlan จาก pexels.comภาพประกอบบทความโดย 287.Writeบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจจากผู้เขียนEnglish for Travel รวมประโยคภาษาอังกฤษ เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศวิธีลงทะเบียน K-ETA เข้าประเทศเกาหลีใต้ ทุกขั้นตอน Step by stepวิธีลงทะเบียน Visit Japan Web เข้าประเทศญี่ปุ่น ทุกขั้นตอน Step By Stepส่องที่เที่ยว พิกัดลับห้ามพลาด มุมถ่ายรูปสวยที่ทรูไอดีคอมมูนิตี้ 

วิธีลงทะเบียน K-ETA เข้าประเทศเกาหลีใต้ ทุกขั้นตอน Step by step #รีวิว3
อ่าน

วิธีลงทะเบียน K-ETA เข้าประเทศเกาหลีใต้ ทุกขั้นตอน Step by step #รีวิว3

คนไทยที่จะเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้จะต้องมีขั้นตอนที่เพิ่มเติมจากเดิม คือ การลงทะเบียน K-ETA  แบบออนไลน์  ข้อมูล Update เดือนตุลาคม 2565  ที่ผู้เขียนนำมารีวิวนี้ ยังกำหนดให้คนไทยต้องลงทะเบียน K-ETA  ให้ผ่านก่อนจึงจะเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ได้ค่ะ   การลงทะเบียน K-ETA มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก  แต่ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเช่นกัน เพื่อให้ผ่านการอนุมัติอย่างราบรื่นสำหรับการอนุมัติ K-ETA จะเรียกว่ายากก็ไม่ยาก  แต่ก็ไม่ง่ายเช่นกัน   ผู้เขียนเองลงทะเบียนให้ตนเองและผู้ร่วมเดินทางท่านอื่น  ผลมีทั้งผ่านและไม่ผ่าน   เป็นอะไรที่ต้องลุ้นกันพอสมควรเลยค่ะ  ในการลงทะเบียน K-ETA สำหรับคนไทยที่ต้องการจะเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้      วันนี้จึงนำประสบการณ์ การลงทะเบียน K-ETA ด้วยตัวเอง มาแนะนำแบบทุกขั้นตอน step by step กันไปเลย   ใครกำลังจะลงทะเบียน K-ETA อยู่ ติดตามไว้เป็นแนวทางได้เลยค่ะ K-ETA คืออะไร ?K-ETA หรือ Korea Electronic Travel Authorization  คือ ระบบอนุมัติการเดินทางออนไลน์สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเข้าประเทศเกาหลีใต้โดยไม่ต้องขอวีซ่า  เพื่อวัตถุประสงค์ในการท่องเที่ยว  เยี่ยมชม  การเข้าร่วมกิจกรรม หรือประชุม ธุรกิจ เป็นต้น (ยกเว้นวัตถุประสงค์ทางพาณิชย์)  ลงทะเบียน K-ETA ได้ที่ไหน ?มี 2 ช่องทาง คือเว็บไซต์ www.k-eta.go.krแอพพลิเคชั่น K-ETA มีให้โหลดทั้งระบบ iOS และ Android สิ่งที่ต้องเตรียมในการลงทะเบียน K-ETA ?Passport ปัจจุบันที่ยังไม่หมดอายุไฟล์ภาพถ่ายหน้าตรง กรณีลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์  หากลงทะเบียนผ่าน Application สามารถถ่ายผ่านกล้องมือถือได้บัตรเครดิตสำหรับชำระค่าธรรมเนียม 10,000 วอน/คน  (ไม่รวมค่าธรรมเนียมอื่นๆ)  K-ETA หากอนุมัติผ่านแล้ว อยู่ได้นานแค่ไหน ?K-ETA มีอายุ 2 ปี นับจากวันที่ Approve  ในช่วง 2 ปี สามารถเข้าเกาหลีได้ไม่จำกัดครั้งโดยไม่ต้องขอใหม่ แต่ต้องเข้าไปแก้ไขข้อมูล หากมีการเปลี่ยนแปลงที่พัก เป็นต้น  และสำหรับคนไทยสามารถอยู่ในประเทศเกาหลีได้ไม่เกิน 90 วันต่อครั้ง  K-ETA รอผลนานแค่ไหน ?ในเว็บไซต์ www.k-eta.go.kr แจ้งว่าใช้เวลาอนุมัติไม่เกิน 72 ชั่วโมง แต่ความเป็นจริงผู้เขียนลงทะเบียนช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งมีจำนวนผู้ลงทะเบียนเพิ่มขึ้นมาก ทำให้รอผลนานถึง 10 วันค่ะ  ดังนั้นแนะนำว่าคนที่จะไปเกาหลีควรลงทะเบียน K-ETA ล่วงหน้าไว้เลยนะคะ วิธีลงทะเบียน K-ETA  ทุกขั้นตอน Step by step1. เว็บไซต์ www.k-eta.go.kr หรือ Application K-ETA  กด Apply for K-ETA2. เลือกทวีป และ ประเทศ3. มีคำถามขอความยินยอมในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลอ่อนไหว ตรงนี้กดเลือก Agree ให้หมด4. กรอกหมายเลข Passport และ Email  ต้องเป็นอีเมล์ที่ใช้งานจริงนะคะ เพราะผลอนุมัติจะส่งมาที่อีเมล์นี้ด้วย5. เป็นส่วนของข้อมูลใน Passport  หากสมัครผ่านเว็บไซต์ ต้องอัพโหลดภาพถ่าย Passport ของเรา โดยที่ขนาดภาพไม่เกิน 300 kb6. ถ้ากรอกผ่าน App ก็นำกล้องไปสแกนหน้าแรกของ Passport ได้เลย 7. ส่วนนี้จะเป็นข้อมูลจาก Passport ที่ระบบดูดมาให้ มี 8 ข้อ  ให้ตรวจเช็คความถูกต้องให้เรียบร้อย  ข้อมูลต้องตรงกับ Passport ช่องไหนว่างก็ให้กรอกให้ครบค่ะ8. ตอบคำถามเพิ่มเติม : มีสัญชาติอื่นด้วยหรือไม่  กรอกเบอร์โทรศัพท์  เคยมาเกาหลีหรือไม่  วัตถุประสงค์ในการมาเกาหลี9. ลงรายละเอียดที่อยู่ในเกาหลี  หากพักโรงแรมก็นำข้อมูลของโรงแรมมากรอกลงได้เลย  และจะมีการถามอาชีพของเราด้วย10. คำถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับประวัติโรคติดต่อ และ ประวัติอาชญากรรม 11. แนบภาพถ่าย  หากกรอกผ่านเว็บไซต์ จะต้องเตรียมไฟล์ภาพตามเงื่อนไขไว้   แต่หากกรอกผ่าน App K-ETA ก็สามารถถ่ายสดๆ จากแอพตอนนั้นได้เลย12. กรอกข้อมูลส่วนตัว : ประเทศ  สถานที่เกิด ช่วงเวลาที่เดินทางไปเกาหลี  และตอบคำถามเพิ่มเติมว่ามีคนรู้จักในเกาหลีหรือไม่  มีคนเดินทางไปด้วยหรือไม่ ถ้ามีให้ระบุชื่อ วันเดือนปีเกิด และความสัมพันธ์13. เคยเดินทางไปประเทศอื่นนอกเหนือจากเกาหลีหรือไม่ : เลือกจำนวนครั้งที่เคยเดินทาง14. คำถามเกี่ยวกับงาน : ปัจจุบันทำงานอยู่หรือไม่  ระบุชื่อที่ทำงานและเบอร์โทร  ตอบคำถามเกี่ยวกับรายได้ต่อเดือน15.รายละเอียดที่เรากรอกไปทั้งหมดจะถูกนำมาสรุป ให้เราตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง16.หากต้องการลงทะเบียน K-ETA ของผู้ร่วมทางท่านอื่นเพิ่มเพื่อชำระค่าธรรมเนียมพร้อมกัน ก็กด Add Members และกรอกข้อมูลแบบเดียวกับด้านบน17. หากตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อย  กด Make Payment เพื่อชำระเงินด้วยบัตรเครดิต18. หากชำระเงินสำเร็จ จะได้รับ Email แจ้งว่าลงทะเบียนสำเร็จ Application Complete  ขั้นตอนนี้ยังไม่ถือว่าลงทะเบียนผ่านนะคะ 19. ตรวจสอบผลการลงทะเบียนได้ที่หน้าเว็บไซต์หรือ Application  หรือรอผลส่งมาทางอีเมล์ก็ได้20. หากขึ้น Under assessment แปลว่ายังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการ ให้รอผลต่อ20. กรณีไม่ผ่าน จะขึ้น Status = Disapproval   หรือได้รับ Email ว่า Denied21. กรณีผ่าน จะขึ้นรายละเอียดเอกสารการผ่านการอนุมัติให้ print ได้   หรือได้รับ Email ว่า Approved เป็นอย่างไรกันบ้างคะ  วิธีลงทะเบียน K-ETA แบบละเอียดทุกขั้นตอน Step by step ที่ได้นำมาฝากกัน  หวังว่าจะเป็นประโยชน์ เป็นแนวทางแก่ผู้ที่กำลังศึกษาการลงทะเบียน K-ETA ด้วยตัวเองนะคะ     ขอให้ทุกท่านผ่านการอนุมัติและเดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะข้อมูลอ้างอิง : www.k-eta.go.kr ภาพประกอบปก : Dan_Park from pixabay , 287.Write [ผู้เขียน] , Logo K-ETA ภาพประกอบทั้งหมด : 287.Write [ผู้เขียน]แนะบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจจากผู้เขียนhttps://intrend.trueid.net/post/319438https://intrend.trueid.net/post/289565   ห้องส่องร้านดังมาแรง รวมของกินอร่อยต้องโดน บอกสูตรเมนูลับที่ไม่ลับอีกต่อไป

วิธีขอวีซ่าอเมริกา วีซ่าท่องเที่ยว USA ทุกขั้นตอน Step By Step อย่างละเอียด
อ่าน

วิธีขอวีซ่าอเมริกา วีซ่าท่องเที่ยว USA ทุกขั้นตอน Step By Step อย่างละเอียด

อเมริกา ดินแดนแห่งเสรีภาพ ที่คนทุกชนชั้นมีสิทธิเท่าเทียมกัน สหรัฐอเมริกาประเทศแห่งความเจริญ ประเทศผู้คิดค้นอินเตอร์เน็ต, GPS, ไอโฟน, รถยนต์ไฟฟ้าเทสล่า และอื่นๆ อีกมากมาย มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งในซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลิส ลาสเวกัส นิวยอร์ก บอสตัน ซีแอตเทิล และอีกหลายเมือง สำหรับคนไทยที่จะไปเที่ยวอเมริกาจำเป็นต้องยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยว หรือ Tourist Visa (B-2) เสียก่อน ซึ่งขั้นตอนก็ออกจะซับซ้อนและมีหลายขั้นตอน วันนี้ผู้เขียนก็ขอนำประสบการณ์การขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาของตัวเองและที่เคยขอให้กับญาติสนิททั้งหลายมาฝากคุณผู้อ่านทุกท่าน ซึ่งบทความนี้จะบอกขั้นตอนวิธี การขอวีซ่าอเมริกา ประเภทวีซ่าท่องเที่ยว อย่างละเอียดทุกขั้นตอนแบบ Step by Step สามารถทำตามได้ง่ายๆ รวมถึงรวบรวมคำถามที่ฝ่ายสัมภาษณ์มักจะถาม มาฝากด้วยค่ะ และแถมเพิ่มให้ สำหรับคนที่ติด 221(g) หลังสัมภาษณ์ จนเป็นกังวลว่าสรุปวีซ่าฉันจะผ่านไหม วันนี้ผู้เขียนก็มีประสบการณ์ของพี่ที่เคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว นำมาเล่าสู่กันฟังด้วยค่ะ ไปติดตามกันเลย**บทความขอวีซ่าอเมริกานี้ เป็นการเล่าประสบการณ์การขอวีซ่าของผู้เขียนเอง อาจจะไม่ครอบคลุมการขอวีซ่าของทุกท่าน แต่อย่างไรผู้เขียนก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังหาข้อมูลการยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาอยู่ไม่มากก็น้อยนะคะ 🙏วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาชั่วคราว หรือ Tourist Visa (B-2) เป็นวีซ่าสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปอเมริกาเพื่อการพักผ่อน การท่องเที่ยว เยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงหรือญาติ ครอบคลุมถึงการรักษาด้านการแพทย์ และการเข้าร่วมงานการกุศล กิจกรรมเพื่อสังคม หรือกิจกรรมด้านการบริการ เท่านั้นโดยวีซ่า B-2 มักจะออกร่วมกับวีซ่า B-1 เป็นวีซ่าเดียวชนิด B1/B2**โดยวีซ่า B-1 คือวีซ่าชั่วคราวเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ขั้นตอนในการขอวีซ่าท่องเที่ยว USAขั้นตอนในการสมัครวีซ่าชั่วคราว หรือ Tourist Visa (B-2) ในปี 2023 มีขั้นตอนหลักๆ 5 ขั้นตอนดังนี้กรอกแบบคำร้องวีซ่าชั่วคราว (DS-160) ที่เว็บเพจ DS-160ชำระค่าธรรมเนียมการยื่นคำร้องขอวีซ่าทำนัดสัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ ustraveldocs.comเดินทางมาสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกา ตามวันเวลานัดรอรับเล่มพาสปอร์ตทางไปรษณีย์ ไปดูรายละเอียดของแต่ละขั้นตอนกันเลยค่ะ1. กรอกแบบคำร้องวีซ่าชั่วคราว (DS-160)ก่อนจะกรอกแบบฟอร์ม DS -160 ผู้ยื่นขอวีซ่า ควรเตรียมข้อมูลดังต่อไปนี้พาสปอร์ตที่มีอายุใช้งานคงเหลือมากกว่าระยะเวลาที่ตั้งใจอยู่ในอเมริกาอย่างน้อย 6 เดือน (ถ้าหมิ่นเหม่...พาสปอร์ตใกล้จะหมด แนะนำทำเล่มใหม่ไปเลยค่ะ เผื่อว่าได้วีซ่า 10 ปี จะได้ไม่ต้องพกพาสปอร์ตสองเล่ม เวลาเดินทางไปอเมริกา)กำหนดการเดินทางไปอเมริกา วันเดินทางเข้าและออกประเทศอเมริกา, เที่ยวบินเข้าและออกจากประเทศอเมริกา, เมืองที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว, สถานที่ท่องเที่ยว, โรงแรมที่จะเดินทางไปพัก หรือที่อยู่ของญาติหรือของเพื่อนที่จะได้ทางไปพักด้วย **โดยไม่จำเป็นต้องจองตั๋วเครื่องบินหรือที่พัก ก่อนทำการขอวีซ่า ข้อมูลของผู้ร่วมเดินทางประวัติการเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาห้าครั้งที่ผ่านมาประวัติการเดินทาง 5 ปีที่ผ่านมา เคยไปประเทศไหนมาบ้างประวัติการทำงานทั้งปัจจุบันและก่อนหน้า มีตำแหน่งงาน สถานที่ทำงาน และเงินเดือน ประวัติการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาเป็นต้นไปเมื่อเตรียมข้อมูลเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปที่เว็บไซต์ https://ceac.state.gov/ เลือกแบบฟอร์ม DS-160 จากนั้น ในหน้าแรกเราจะต้องทำการเลือกสถานทูตที่เราจะทำการเดินทางไปสัมภาษณ์วีซ่า โดยในประเทศไทยนั้นผู้สมัครสามารถเลือกไปสัมภาษณ์ได้ทั้งที่กรุงเทพ และเชียงใหม่ (ระยะเวลาการจองคิวสัมภาษณ์นั้นขึ้นกับช่วงเวลาของปี ตอนที่ผู้เขียนไปสัมภาษณ์ คิวสัมภาษณ์ที่กรุงเทพต้องรอนานประมาณ 3 - 4 เดือน แต่ที่เชียงใหม่รอคิวประมาณ 1 เดือน ) คลิกเพื่อตรวจสอบระยะเวลาการรอคิวสัมภาษณ์ ตอนนี้คิวสัมภาษณ์ที่กรุงเทพ คิวแรกที่ว่างอยู่ คือเดือนธันวาคม 😱กรอกรหัสยืนยันตัวตน ว่าเป็นคนจริงๆ ไม่ใช่หุ่นยนต์ ทำการเลือก START AN APPLICATION เพื่อสร้างใบสมัครขอวีซ่า DS-160 ของเรา** ระยะเวลาในการกรอกแบบฟอร์ม DS-160 อยู่ที่ประมาณ 90 นาที ในหน้าต่อไปจะมีข้อตกลงเกี่ยวกับการฉ้อโกงทางคอมพิวเตอร์, Application ID และ คำถามเพื่อเข้าถึงแบบฟอร์ม DS-160 ในครั้งต่อๆ ไปโดยผู้สมัครต้องติกเครื่องหมายถูกเพื่อ AGREE ยอมรับข้อตกลงเกี่ยวกับการกระทำความผิดและฉ้อโกงทางคอมพิวเตอร์จากนั้นทำการจดบันทึกรหัส Application ID ไว้อย่างดี เพื่อใช้ในการเข้าถึงฟอร์ม DS-160 ครั้งต่อไปเลือกคำถามเพื่อใช้ในการเข้าถึงฟอร์ม DS-160 ครั้งต่อไป ผู้เขียนเลือกชื่อของยายเป็นคำถาม จากนั้นใส่คำตอบ แล้วกด Continue***แบบฟอร์ม DS-160 มีอายุ 60 วัน หลังจากการอัปเดตครั้งสุดท้าย ดังนั้นหากยังไม่ได้ Sign and Submit ใบสมัคร DS-160 ผู้สมัครควรหมั่นอัปเดตอยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นหากคิวสัมภาษณ์ยาวนานกว่า 60 วัน ผู้สมัครอาจต้องใช้เวลาเพิ่มเพื่อกรอกแบบฟอร์มใหม่ก่อนวันสัมภาษณ์อีกครั้งหนึ่งขณะกรอกใบสมัครควรทำการบันทึก (SAVE) อยู่เสมอ มิเช่นนั้นระบบจะ Log Out อัตโนมัติทุกๆ 20 นาที หลังจากถูก Log Out แล้วอยากเข้าไปทำการแก้ไขแบบฟอร์ม DS-160 ผู้สมัครต้องเลือก RETRIEVE AN APPLICATIONจากนั้นป้อนข้อมูลเลขรหัส Application ID 10 หลักอักษรต้น 5 ตัวของนามสกุลปีเกิดตอบคำถามที่ตั้งไว้ แล้วกด Retrieve Applicationควรกรอกใบคำร้องขอวีซ่า DS-160 ตามจริงทุกประการ ซึ่งใบสมัครจะแบ่งออกเป็น 10 ส่วน ข้อมูลส่วนตัว (Personal)แผนการเดินทาง (Travel)ผู้ร่วมเดินทาง (Travel Companions)ประวัติการเดินทางเข้าสหรัฐฯ (Previous U.S. Travel)ที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ (Address and Phone)พาสปอร์ต (Passport)ข้อมูลติดต่อเมื่ออยู่ในสหรัฐอเมริกา (U.S. Contact)ครอบครัว (Family)ประวัติการเรียน การทำงาน (Work / Education / Training)ประวัติอาชญากรรมและอื่นๆ  (Security and Background)***ทุกคำถามในแบบฟอร์ม DS-160 ต้องตอบเป็นภาษาอังกฤษ ยกเว้นคำตอบที่ระบุให้ตอบเป็นภาษาท้องถิ่นในหัวข้อ ข้อมูลส่วนตัว (PERSONAL) จะแยกเป็นสองหัวข้อย่อย Personal 1 เป็นข้อมูลชื่อจริง-นามสกุลจริงเป็นภาษาอังกฤษ และชื่อภาษาไทย, เคยเปลี่ยนชื่อหรือไม่, เพศ, สถานะการแต่งงาน, วันเดือนปีเกิด, และ สถานที่เกิด เป็นต้น Personal 2 เป็นข้อมูลเกี่ยวกับสัญชาติที่เราถืออยู่, ข้อมูลบัตรประชาชน เป็นต้นหลังจากกรอกข้อมูลส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว จะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับแผนการเดินทาง (TRAVEL) บางคนอาจจะยังไม่มีกำหนดการแน่นอน เพราะระยะเวลาคิวสัมภาษณ์นั้นยาวนานนัก ยาวมากกว่า 6 เดือนเสียอีก แต่อย่างไรก็ตาม ควรเตรียมแผนการเดินทางไว้คร่าวๆ เช่นจะไปเที่ยวเมืองอะไร ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง จะเดินทางด้วยเที่ยวบินไหนบ้าง และจะพักโรงแรมไหน ซึ่งข้อมูลที่เรากรอกไปในแบบฟอร์มนี้ บางครั้งก็ถูกกงสุลถามในวันสัมภาษณ์เช่นกันชนิดวีซ่าที่ทำการขอ เป็นวีซ่าชั่วคราว ประเภทท่องเที่ยว B2 คุณได้วางแผนการเดินทางไว้หรือยัง ควรตอบ YES ควรวางแผนไว้คร่าวๆ โดยระบุวันเดินทางเข้าออกประเทศ เที่ยวบินขาเข้า, เที่ยวบินขาออก และระยะเวลาการพำนักอยู่ในอเมริกา, ระบุชื่อเมืองที่คุณจะเดินทางไปท่องเที่ยว สามารถระบุได้มากกว่าหนึ่งเมือง ระบุสถานที่ที่คุณจะเดินทางไปพักอาศัย อาจเป็นโรงแรมที่หมายตาไว้ หรือเป็นที่อยู่ของญาติ, ที่อยู่ของแฟน หรือที่อยู่ของเพื่อนที่จะไปเยี่ยมหา ข้อนี้สำคัญมาก ใครเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวครั้งนี้ของคุณ ถ้าเป็นคนอื่นไม่ใช่คุณที่เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้ ต้องระบุชื่อผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย และความสัมพันธ์ของเขากับคุณให้ชัดเจนต่อไปเป็นข้อมูลของผู้ร่วมเดินทาง (TRAVEL COMPANIONS)การเดินทางครั้งนี้คุณเดินทางคนเดียวใช่หรือไม่ หากมีเพื่อนร่วมเดินทางด้วย ต้องระบุชื่อจริง-นามสกุลจริงและความสัมพันธ์ของผู้ร่วมเดินทางกับคุณต่อไปเป็นข้อมูล ประวัติการเดินทางมาอเมริกา (PREVIOUS U.S. TRAVEL INFORMATION)หากคุณเคยเดินทางเข้าประเทศอเมริกามาก่อน ต้องแจ้งข้อมูลการเดินทางเข้าประเทศ 5 ครั้งที่ผ่านมา โดยอาจกะประมาณวันเดินทางเข้าออก และระยะเวลาการพำนักในอเมริกาของแต่ละครั้ง คุณเคยได้รับวีซ่าอเมริกามาก่อนหรือไม่ คำถามข้อนี้สัมพันธ์กับข้อก่อนหน้า ถ้าคุณเคยเดินทางไปอเมริกามาแล้ว แปลว่าคุณเคยได้รับวีซ่ามาก่อน ดังนั้นจะเป็นคำถามเกี่ยวกับวีซ่าที่เคยได้รับ เช่น เลขรหัสวีซ่า, ประเภทของวีซ่าที่เคยได้รับ, ประเทศที่ทำการขอวีซ่า, คุณเคยสแกนลายนิ้วมือ 10 นิ้ว มาก่อนหรือไม่, วีซ่าเคยถูกขโมยหรือถูกยกเลิกมาก่อนหรือไม่ ข้อนี้สำคัญเช่นกัน คุณเคยถูกปฏิเสธวีซ่า หรือเคยถูกปฏิเสธเข้าประเทศอเมริกาหรือไม่ ถึงแม้จะเคยถูกปฏิเสธวีซ่ามาแล้ว ไม่ได้หมายความว่าครั้งนี้จะถูกปฏิเสธอีก ควรตอบตามความจริง เพราะอย่างไรสถานทูตก็มีประวัติการขอวีซ่าของเราอยู่แล้ว มีใครเคยยื่นคำร้องขอย้ายถิ่นฐานให้กับคุณหรือไม่  ถ้าเคยมีคนทำเรื่องขอย้ายถิ่นฐานให้ ก็ควรตอบตามจริงและระบุว่า ใครเป็นคนทำเรื่องให้ และมีความสัมพันธ์กับคุณอย่างไรต่อไปเป็นข้อมูลที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ (ADDRESS AND PHONE) ในส่วนนี้จะเป็นข้อมูลที่อยู่อาศัยของผู้สมัครต้องระบุว่าเป็นสถานที่เดียวกับที่อยู่ในการรับเอกสารคืนจากสถานทูตหรือไม่และต้องแจ้งเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้หากเคยเปลี่ยนเบอร์ภายในห้าปีที่ผ่านมาก็ต้องแจ้งด้วย ระบุอีเมลหากใช้อีเมลอื่นด้วยในรอบห้าปีที่ผ่านมา ต้องแจ้งระบุโซเชียลมีเดียวที่คุณใช้ ทั้งเฟสบุค ไอจี ทวิตเตอร์ หรืออื่นๆ ตรงนี้เรากรอกเฟสบุคลงไปหนึ่งอัน ระบบจะถามว่าเราต้องการแบ่งปันข้อมูลโซเชียลอื่นๆ อีกไหม ต่อไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือเดินทาง (PASSPORT)หนังสือเดินทางที่ใช้เป็นชนิดไหน หนังสือเดินทางทั่วไป หรือหนังสือเดินทางราชการ หรืออื่นๆ เลขพาสปอร์ตเลขเล่มพาสปอร์ต (ถ้ามี)ประเทศที่ออกพาสปอร์ตสถานที่ออกพาสปอร์ต ชื่อเมือง จังหวัดและประเทศวันเดือนปีที่ออกพาสปอร์ตและวันเดือนปีที่พาสปอร์ตหมดอายุคำถามว่าคุณเคยทำพาสปอร์ตหายหรือไม่ต่อไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับผู้ติดต่อในอเมริกา (U.S. CONTACT)บอกชื่อจริง-นามสกุลจริงของผู้ติดต่อในอเมริกา อาจจะเป็นแฟน, เพื่อน หรือญาติ ถ้าไม่รู้ให้ติ๊กที่ช่อง Do Not Knowชื่อองค์กร ถ้าไม่รู้ให้ติ๊กที่ช่อง Do Not Know ในส่วนนี้เราใส่ชื่อโรงแรมที่จะเข้าพักลงไปเลือกความสัมพันธ์ของเรากับผู้ติดต่อในอเมริกา เพราะว่าผู้ติดต่อของเราเป็นโรงแรมเราจึงเลือกความสัมพันธ์เป็น OTHER = อื่นๆ จากนั้นก็ใส่ ที่อยู่โรงแรม, ชื่อถนน, ชื่อเมือง, ชื่อรัฐ, รหัสไปรษณีย์, เบอร์โทรศัพท์ และอีเมลของโรงแรมเท่าที่เราพอจะมีข้อมูลต่อไปเป็นข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัว (FAMILY) ที่ถูกแบ่งเป็นสองส่วนคือ ข้อมูลพ่อแม่-ญาติพี่น้อง (Relatives) ผู้สมัครต้องให้ข้อมูลบิดามารดา หากท่านอาศัยอยู่ในอเมริกา ต้องระบุสถานะว่าเป็นพลเมือง หรือพำนักอาศัยถาวร และนอกจากบิดามารดาแล้ว มีญาติคนอื่นๆ อีกไหมที่พำนักอาศัยอยู่ในอเมริกาถาวร ต้องระบุชื่อ นามสกุล และความสัมพันธ์กับผู้สมัคร ข้อมูลคู่สมรส (Spouse) - ชื่อจริงนามสกุลจริง ประเทศที่เขาหรือเธอถือสัญชาติอยู่ เมืองที่เกิด ประเทศที่เกิด ที่อยู่ของคู่สมรส เป็นที่อยู่เดียวกับที่เราให้ไว้หรือไม่ พูดง่ายๆ อาศัยอยู่บ้านเดียวกันหรือเปล่าต่อไปเป็นข้อมูลประวัติการศึกษาและการทำงาน (WORK / EDUCATION / TRAINING) ในส่วนนี้จะถามเกี่ยวกับข้อมูลการหาเลี้ยงชีพ ประวัติการศึกษา ของผู้สมัคร แบ่งเป็นสามส่วนปัจจุบัน Present : ระบุอาชีพที่ทำ และบอกชื่อบริษัท, ที่อยู่บริษัท, วันเริ่มทำงาน, เงินเดือน, หน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งที่ทำอยู่ ควรระบุให้ชัดเจนว่าทำงานอะไร ได้เงินเดือนเท่าไร่ และเงินเดือนที่ได้ดูสมน้ำสมเนื้อกับค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเดินทางไปเที่ยวครั้งนี้หรือไม่ (กรณีเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง) และหากมีรายได้อื่นเช่นขายของออนไลน์ร่วมกับทำงานประจำ สามารถเขียนเพิ่มเติมตรงส่วน อธิบายหน้าที่ที่รับผิดชอบได้อีกด้วย อดีต Previous : ประวัติการทำงานในอดีต บอกชื่อที่ทำงาน, ที่อยู่, ตำแหน่งงาน, ชื่อจริงนามสกุลจริงหัวหน้างาน, วันเริ่มงาน, วันสุดท้ายของการทำงาน, และรายละเอียดงานที่รับผิดชอบ ถ้าเคยทำงานมามากกว่าหนึ่งแห่งก็ควรใส่ไปด้วย   ประวัติการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาหรือสูงกว่า ให้เขียนจากวุฒิการศึกษาล่าสุด ไล่ลงไปถึงวุฒิต่ำสุดในระดับมัธยมศึกษา เพิ่มเติม Additional : ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวภาษาที่พูดได้, เคยไปประเทศไหนมาบ้าง, เป็นสมาชิกองค์กรการกุศลหรือเปล่า, เคยผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธหรือไม่ เป็นต้นและแล้วก็มาถึงข้อมูลส่วนสุดท้ายของฟอร์ม DS-160 เป็นส่วนของ Security and Background มีด้วยกัน 5 Part เป็นคำถามให้ตอบใช่หรือไม่ มีทั้งหมดเกือบ 30 คำถาม ความหมายของแต่ละคำถามดูตามรูปได้เลยค่ะ (รูปหน้า 33-37)หลังจากตอบคำถาม Security and Background เรียบร้อยแล้ว ต่อไปจะเป็นการอัปโหลดรูปถ่าย (UPLOAD PHOTO) โดยรูปถ่ายต้องเป็นรูปสี พื้นหลังสีขาว ขนาด 5x5 เซนติเมตร หรือ 2x2 นิ้ว ไม่ใส่แว่น เห็นหูทั้งสองข้างชัดเจน ขนาดศรีษะมีขนาด 50-69% ของรูปถ่าย และถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน คลิกเพื่ออ่านข้อกำหนดรูปถ่ายอย่างละเอียดหากรูปถ่ายผ่านมาตราฐานคุณภาพ สามารถคลิกเพื่อยืนยันการใช้รูปถ่ายนี้ เพื่อดำเนินการขั้นต่อไปจากนั้นกด REVIEW เพื่อรีวิวข้อมูลของผู้สมัครในแบบฟอร์ม DS-160 ซึ่งสามารถทำการแก้ไขได้จนกว่าจะทำการ Sign and Submit โดยการรีวิวใบสมัครขอวีซ่า DS-160 จะทำการรีวิวทั้ง 10 หัวข้อ หากผู้สมัครต้องการแก้ไขตรงส่วนไหน สามารถกด Edit ที่มุมขวาของส่วนนั้นได้เลย เมื่อรีวิวเสร็จแล้วและไม่มีส่วนไหนที่ต้องการจะแก้ไขแล้ว ให้กด Location เพื่อทำการยืนยันสถานที่ ที่ผู้สมัครจะเดินทางไปสัมภาษณ์ซึ่งหากผู้สมัครต้องการเปลี่ยนสถานที่ สัมภาษณ์ สามารถแก้ไขตรงส่วนนี้ได้เลย เมื่อแก้ไขเรียบร้อยแล้ว สามารถกด Sign and Submit (ลงชื่อและส่งใบสมัคร) ได้เลยในส่วนของหน้า Sign and Submit ผู้สมัครต้องระบุว่าการสมัครครั้งนี้ ผู้สมัครเป็นผู้กรอกแบบฟอร์มด้วยตนเอง หรือมีคนช่วยเหลือ หากมีคนช่วยเหลือต้องแจ้ง ชื่อจริงนามสกุลจริงของผู้ให้ความช่วยเหลือในการกรอกใบสมัคร DS-160 และระบุความสัมพันธ์ เช่นอาจเป็นลูกสาวกรอกให้คุณแม่วัยเกษียณ เป็นต้น จากนั้นใส่เลขพาสปอร์ตของตนเอง และรหัสเพื่อยืนยันการลงชื่อและส่งใบสมัคร DS-160  เข้าระบบจากนั้นทำการยืนยันส่งใบสมัคร ด้วยการกด Confirmationจะได้ใบยืนยัน DS-160 หรือใบ Confirmation DS-160 ทำการ SAVE เป็นไฟล์ PDF และพิมพ์เก็บไว้เพื่อนำไปแสดงในวันสัมภาษณ์** แนะนำให้เซฟใบสมัครเป็น PDF หรือพิมพ์ใบสมัคร DS-160 (Print Application) ออกมาไว้ด้วย เพื่อจะได้จำได้ว่ากรอกอะไรลงไปในใบสมัครขอวีซ่าบ้าง เพราะหลังจากล็อกเอ้าท์หรือระบบไทม์เอ้าท์แล้วจะไม่สามารถพิมพ์ใบสมัครได้อีก พิมพ์ได้แต่ใบ Confirmation ทำให้อาจลืมไปว่ากรอกอะไรไปบ้าง และพอถึงวันสัมภาษณ์อาจจะลืมข้อมูล จนตอบคำถามไม่ตรงกับที่กรอกไว้ได้2. ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า อเมริกาค่าธรรมเนียมวีซ่าอเมริกาตอนนี้อยู่ที่ 185 USD ต่อคน หรือประมาณ 6,660 บาท 😱😱  โดยอัตราแลกเปลี่ยนตอนนี้อยู่ที่ 1 USD เท่ากับ 36 บาท แต่การจะชำระค่าธรรมเนียมได้นั้น ผู้สมัครต้องเข้าระบบเพื่อไปพิมพ์แบบฟอร์มคำแนะนำการชำระค่าธรรมเนียม และใบนำฝากเงินของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก่อนที่จะไปชำระกับทางธนาคาร ซึ่งสามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์ USTravelDocs ประเทศไทยหากยังไม่เคยมีโปรไฟล์กับทาง USTravelDocs ก็ทำการสร้างโปรไฟล์ก่อน โดยกดที่ปุ่มสร้างโปรไฟล์ จากนั้นทำการกรอกข้อมูล อีเมล, ชื่อ, นามสกุล, รหัสผ่านและยืนยันรหัสผ่าน รวมถึงยอมรับนโยบายส่วนบุคคล ก่อนกด Submitหลังจากยืนยันการสร้างโปรไฟล์ทางอีเมล ก็นำอีเมลและรหัสผ่านมาล็อกอินเข้าระบบเมื่อล็อกอินเข้าระบบมาแล้ว ให้ไปที่มุมซ้ายมือ ตรงเมนู การสมัครขอวีซ่า / นัดสัมภาษณ์ แล้วระบุวีซ่าที่ทำการยื่นขอ ซึ่งครั้งนี้เป็นวีซ่าชั่วคราว ประเภทท่องเที่ยว B2จากนั้นเลือกสถานที่ ที่ผู้สมัครจะเดินทางไปสัมภาษณ์ ต้องตรงกับที่เลือกไว้ในฟอร์ม DS-160 (รูปหมายเลข 42/67)จากนั้นเลือกประเภทของวีซ่าที่คุณต้องการขอ (บทความนี้แนะนำวิธีการขอวีซ่าอเมริกา ชั่วคราวประเภทท่องเที่ยว B2 เท่านั้น)จากนั้นทำการกรอกข้อมูลของผู้สมัคร โดยมีข้อมูลดังนี้หมายเลขหนังสือเดินทางวันออกหนังสือเดินทางสถานที่ออกหนังสือเดินทางวันหมดอายุหนังสือเดินทางวันเดือนปีเกิดสัญชาติชื่อจริงนามสกุลจริงประเทศที่เกิดเพศ หมายเลข DS-160 ต้องตรงกับหมายเลขในใบยืนยัน DS-160 ที่เราเพิ่งกรอกเสร็จไป ซึ่งหากเรายังไม่ได้ลงชื่อและส่งใบสมัคร และไม่ได้ทำการแก้ไขใบสมัครภายใน 60 วันนับจากวันสุดท้ายที่มีการแก้ไข จนใบสมัครหมดอายุ เราก็สามารถกรอกแบบฟอร์ม DS-160 ใหม่และนำเลขใหม่มาทำการแก้ไขตรงจุดนี้ได้หมายเลขโทรศัพท์หมายเลขโทรศัพท์มือถืออีเมลที่อยู่ในการจัดส่งหนังสือเดินทางจังหวัดในการรับพัสดุรหัสไปรษณีย์ในการรับพัสดุหากการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้ไปคนเดียว และผู้ร่วมเดินทางต้องการไปสัมภาษณ์พร้อมกัน เราสามารถเพิ่มผู้สมัครเข้าไปในวันเวลานัดหมายได้ โดยคลิกเพิ่มผู้สมัคร และทำการกรอกข้อมูลของผู้สมัครท่านนั้น (ข้อมูลชื่อจริงนามสกุลจริง, เลขพาสปอร์ต, วันเดือนปีออกพาสปอร์ต, วันเดือนปีหมดอายุพาสปอร์ต, สัญชาติ, เลข DS-160 เป็นต้น)จากนั้นตอบคำถามตามความจริงและระบบจะพาเราไปยังหน้าแบบฟอร์มสำหรับการชำระค่าธรรมเนียมในหน้ารายละเอียดการจัดส่งเอกสาร ให้เลือก การส่งเอกสารที่บ้าน และระบุที่อยู่ที่ต้องการรับพาสปอร์ต, จังหวัดและรหัสไปรษณีย์ วิธีนี้หากวีซ่าผ่านจะได้รับพาสปอร์ตจัดส่งมายังที่อยู่ที่แจ้งไว้ภายใน 5 - 7 วันจากนั้นระบบจะนำไปยังหน้าการชำระค่าธรรมเนียม ซึ่งจะขึ้นข้อความแจ้งเตือนว่าค่าธรรมเนียมวีซ่าไม่สามารถขอคืนได้ อย่าจ่ายซ้ำจากนั้นจะนำไปยังแบบฟอร์มคำแนะนำการชำระค่าธรรมเนียม ให้เลือก Cash Payment เพราะเราต้องไปชำระเงินสดที่เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ในแบบฟอร์มคำแนะนำการชำระค่าธรรมเนียม เราต้องใช้ข้อมูล Virtual Account ID ตัวเลข 11 หลักCGI Reference Number ตัวเลข 14 หลักยอดค่าธรรมเนียมคำร้องขอวีซ่าเป็นเงินบาท** ต้องชำระเงินค่าธรรมเนียมก่อนวันหมดอายุ ในนี้ระบุไว้เป็นวันที่ 26 เดือนกรกฎาคม ปี 2023ในแบบฟอร์มนี้ให้เลื่อนมาได้ด้านล่าง เพื่อพิมพ์ใบนำฝากเงินของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่จะมีสองส่วนคือส่วนของธนาคารและส่วนของลูกค้ากรอกข้อมูลในใบนำฝากเงินธนาคารทั้งส่วนสำหรับธนาคารและสำหรับลูกค้าให้ครบถ้วน โดยใส่ข้อมูลสาขาผู้รับฝากวันที่ฝากชื่อ-นามสกุลลูกค้าเป็นภาษาอังกฤษให้ตรงกับในพาสปอร์ตVirtual Account ID (ดูจากหน้า 61/67)CGI Referene No. (ดูจากหน้า 61/67)จำนวนเงินที่ต้องชำระ เป็นตัวเลข (ดูจากหน้า 61/67) และเป็นตัวอักษรจากนั้นใส่ชื่อผู้นำฝากและเบอร์โทรศัพท์นำฟอร์มแนะนำการชำระค่าธรรมเนียม (61/67), ใบนำฝากเงินธนาคารกรุงศรีฯ (62/67) และพาสปอร์ต พร้อมทั้งเงินสดเท่ากับยอดจำนวนเงินค่าธรรมเนียมที่ต้องชำระ ไปยังเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงศรีเพื่อชำระเงินค่าธรรมเนียม จากนั้นเก็บสำเนาการชำระเงินไว้เป็นหลักฐาน และควรนำไปในวันสัมภาษณ์วีซ่าด้วย 3. ทำนัดสัมภาษณ์วีซ่าหลังจากชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าที่เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงศรีเรียบร้อยแล้ว รอประมาณ 1-2 วัน สามารถนำเลข Virtual Account ID เข้ามากรอกในหน้าการสมัครขอวีซ่า/นัดสัมภาษณ์วีซ่า เพื่อทำการนัดสัมภาษณ์วีซ่าได้เลยโดยในหน้าทำนัดสัมภาษณ์จะมีสถานที่ให้เลือก ผู้สมัครสามารถเลือกได้ว่าจะสัมภาษณ์ที่กรุงเทพหรือเชียงใหม่ ส่วนใหญ่แล้วกรุงเทพจะต้องรอคิวสัมภาษณ์นานมาก ตอนนี้รอนานประมาณ 6 เดือน ส่วนเชียงใหม่ตอนนี้รอนานประมาณ 1 เดือน ดังนั้นหากแบบฟอร์ม DS-160 ยังไม่ได้ลงชื่อและส่งใบสมัคร สามารถทำการแก้ไขสถานที่ ที่ต้องการเดินทางไปสัมภาษณ์ได้ โดยทำการแก้ไขทั้งในฟอร์ม DS-160 (รูป42/67) และใน US Travel Docs (รูป64/67) หากลงชื่อและส่งใบสมัคร DS-160 ไปแล้ว ก็สามารถที่จะสร้าง DS-160 ใหม่และใช้หมายเลข DS-160 ใหม่ใน USTravelDocs ได้ในขั้นตอนของรูป 54/67 เพียงแต่ผู้สมัครจะต้องเสียเวลากรอกข้อมูลใหม่อีกครั้ง 🤔เมื่อเข้ามาในหน้าทำการนัดหมายสัมภาษณ์ หลังจากเลือกสถานที่สัมภาษณ์เรียบร้อยแล้วให้เลือกวันที่ว่าง และด้านล่างจะปรากฎเวลาที่สามารถเดินทางมาสัมภาษณ์ได้ ติ๊กถูกตรงเวลาที่ต้องการ จากนั้นกด Schedule Appointment เพื่อทำการนัดหมาย จากนั้นจะได้แบบฟอร์มยืนยันการนัดหมายส่งมาทางอีเมล หรือหากมีการแก้ไข หมายเลข DS-160 ผู้สมัครสามารถพิมพ์ใบนัดหมายได้ใหม่ จากระบบ US Travel Docs**โดยผู้สมัครสามารถทำการเปลี่ยนแปลงวันนัดหมายได้สูงสุดสองครั้ง 4. เดินทางมาสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูตอเมริกาในวันสัมภาษณ์ผู้สมัครควรเดินทางมาก่อนเวลานัดหมาย 15 นาที โดยสถานทูตไม่อนุญาตให้นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เข้าไปภายในสถานทูต ดังนั้นหากนำโทรศัพท์มาต้องฝากไว้ที่ด้านหน้า ในส่วนของเอกสารควรเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้จดหมายยืนยันการนัดหมาย Appointment Confirmation ที่มีวันเวลาการนัดสัมภาษณ์ และหมายเลข DS-160 ต้องตรงกับเลขในใบสมัครที่ผู้สมัครได้ทำการลงชื่อและส่งใบสมัคร (Sign and Submit) ไปแล้วใบยืนยันคำร้องวีซ่าชั่วคราวในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DS-160 Confirmation)หนังสือเดินทาง (Passport) ที่จะใช้เดินทางเข้าประเทศอเมริกา ต้องมีอายุใช้งานคงเหลือมากกว่าระยะเวลาที่ตั้งใจอยู่ในอเมริกาอย่างน้อย 6 เดือนหนังสือเดินทางเล่มก่อนหน้าทั้งหมดที่คุณมีรูปถ่ายขนาด 2x2 นิ้ว หรือ 5x5 เซนติเมตร ที่ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือนใบเสร็จชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าชั่วคราวจำนวน 185 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 6,660 บาทหลักฐานการเงินของคุณเช่น Book Bank ที่มีรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน จดหมายรับรองการทำงาน จดหมายลางานในช่วงระยะเวลาการเดินทางท่องเที่ยวในอเมริกาแผนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอเมริกา เที่ยวบินเข้าออกประเทศอเมริกา โรงแรมที่จะเดินทางไปพักเอกสารที่กล่าวมาข้างต้นอาจจะไม่ได้ใช้ทั้งหมด แต่มีไว้ดีกว่าเพื่อทางสถานทูตถามหาเราจะได้มีให้ ในส่วนของคำถามสัมภาษณ์ ผู้เขียนได้รวบรวมคำถามทั่วๆ ไปดังต่อไปนี้Q : Why are you going to the USA ? ทำไมคุณถึงจะไปอเมริกาA : I would like to visit USA once in my life. ฉันอยากไปเที่ยวอเมริกาสักครั้งในชีวิต Q : Where are you planning to visit? คุณจะไปเที่ยวที่ไหนในอเมริกาA: I am going to visit New York and Boston. ฉันจะไปเมืองนิวยอร์กกับบอสตัน Q: Who are you going with? คุณจะไปกับใครA: I am going with my husband. ฉันไปกับสามีฉันค่ะ Q : How long are you going to stay in the USA? คุณจะอยู่ที่อเมริกานานแค่ไหนA: About 10 Days. ประมาณ 10 วันค่ะ Q: Where are you staying? คุณจะไปพักที่ไหนA: I am going to staying at Courtyard Marriot Hotel in SoHo and Double Tree Hotel in South Boston. ฉันจะพักที่โรงแรม xx/xx Q: Who are paying for your trip? ใครเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของคุณA: I and my husband, we share the expenses. I pay for the airfares and he pays for the accommodation. ฉันและสามีร่วมกันรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ฉันรับผิดชอบค่าตั๋วเครื่องบินส่วนเขารับผิดชอบค่าที่พัก Q: For the last five years, what countries have you been to? ห้าปีที่ผ่านมาคุณได้ไปประเทศไหนมาบ้างA: Russia, Jordan, Maldives, Korea, Japan, and China. ประเทศ xx/xx/xx Q: What do you do for living? คุณทำงานอะไร A: I have my own company. I earn xxx a month. ฉันมีบริษัทเป็นของตัวเอง ฉันมีรายได้ xxx ต่อเดือน Q: What is your responsiblity in your company? คุณรับผิดชอบอะไรบ้างในบริษัทของคุณ A: My company do business xxxx. I oversee and manage big pictures of the company. บริษัทของฉันทำ xxxx ฉันทำหน้าที่ดูแลและจัดการภาพรวมของบริษัท Q: Do you have any relatives in the USA? คุณมีญาติอยู่ที่อเมริกาหรือไม่A: Yes, my aunt lives there as a US Citizen. She retired last year. มีค่ะ คุณป้าฉันอยู่ที่อเมริกา ท่านเกษียณแล้วถ้าท่านกงสุล หมดคำถามสงสัยแล้วและเห็นว่าผู้สมัครดูมีความตั้งใจจะไปเที่ยวจริงๆ มีกำหนดการเดินทางกลับแน่ชัด และมีถิ่นฐานการงานที่ต้องรับผิดชอบ ดูแล้วไม่ได้วางแผนที่จะไปตายเอาดาบหน้าที่อเมริกา ก็จะอนุมัติวีซ่าให้ โดยจะพูดว่า Your Visa is Granted แต่ถ้าการตอบคำถามมีความไม่ชัดเจนเป็นที่น่าสงสัย ดูมีแววว่าไปแล้วไปลับ จะไม่กลับมาเมืองไทยอีก ผู้สมัครอาจจะได้รับแบบฟอร์ม 214 (b) ซึ่งหมายถึงการปฏิเสธวีซ่า 5. รอรับเล่มพาสปอร์ตทางไปรษณีย์แต่ก็มีบางกรณีที่ท่านกงสุลเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะปฏิเสธวีซ่าของผู้สมัครดีหรือไม่ จึงขอเก็บหนังสือเดินทางของผู้สมัครไว้ก่อน แล้วอาจทำการตรวจสอบกับทางฝ่ายตม. ทางอเมริกาดูก่อน หากมีคำถามสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมทางสถานทูตจะติดต่อผู้สมัครมาอีกที ซึ่งตรงนี้ผู้สมัครจะได้รับแบบฟอร์ม 221(g) กลับบ้านไป แบบต้องนับวันรอไปเรื่อยๆ รอว่าเมื่อไร่โทรศัพท์จะดัง (อันนี้พี่ที่สนิทกันของผู้เขียนเจอมากับตัว) หาข้อมูลดูในอินเตอร์เน็ตของประเทศอื่น บอกไว้ว่าอาจใช้นานถึง 6 เดือนกว่าจะตัดสินว่าวีซ่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน คนชอบเดินทางต่างประเทศมีอิดเลยจ้า จะเก็บพาสปอร์ตฉันไว้หกเดือนเลยเหรอ.... แต่เอาจริงๆ กรณีเคสพี่คนนั้นผ่านไป 3 สัปดาห์หลังจากวันสัมภาษณ์ก็ได้รับโทรศัพท์จากทางสถานทูต โทรมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สงสัย ซึ่งพี่เขาก็ตอบฉะฉานชัดเจน หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์พี่เขาก็ได้รับพาสปอร์ตกลับมา พร้อมวีซ่าอเมริกาชั่วคราว ประเภทท่องเที่ยวอายุ 10 ปี รวมระยะเวลาการกรอกแบบฟอร์ม DS-160 จนถึงวันสัมภาษณ์ (4 เดือน) และระยะเวลาจนถึงวันได้รับเล่มพาสปอร์ตพร้อมวีซ่ากลับมา (อีก 1 เดือน) รวมทั้งหมดเป็นเวลา 5 เดือน เรียกว่าทริปท่องเที่ยวอเมริกาต้องวางแผนล่วงหน้ากันเป็นปีเลยล่ะจ้าทุกคนผู้เขียนตั้งใจรวบรวมทุกขั้นตอนของการขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกาอย่างละเอียด โดยใช้จากประสบการณ์การยื่นขอวีซ่าอเมริกา ประเภทท่องเที่ยวให้แม่ พี่ๆ สามี ลูกชายลูกสาว หลานและของตัวผู้เขียนเอง รวมๆ แล้วก็เกือบสิบรอบได้อยู่ค่ะ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่กำลังจะทำเรื่องขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกากันนะคะ ขอบพระคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย ขอให้โชคดีกันทุกคนค่ะ  สุดท้ายไม่ท้ายสุด ผู้เขียนเพิ่งทำเรื่องขอวีซ่าออสเตรเลียมา ซึ่งอนุมัติเร็วมากหลังจากไปทำเรื่องสแกนลายนิ้วมือ วันรุ่งขึ้นก็ได้รับอีเมลแจ้งผลวีซ่าแล้ว ก็เลยอยากจะขอขอบคุณ คุณนักเขียน 287write สำหรับบทความการขอวีซ่าออสเตรเลียดีๆ ที่มีประโยชน์มาก ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ 🙏🙏 😊เครดิตภาพ : ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน บทความที่น่าสนใจรวม 10 คำถามที่ ตม.ชอบถาม พร้อมตอบยังไงให้ผ่านบิน ช้อป เที่ยว นอน The Standard Bangkok Mahanakhon