รีเซต

ผลการค้นหา “Plan B to U” - ทรูไอดี

ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
The Plan is no Plan การเดินทางแห่งความหมาย
อ่าน

The Plan is no Plan การเดินทางแห่งความหมาย

The Plan is no Plan คุณเคยมั้ย อยากจะทิ้งทุก ๆ อย่างในตอนนี้ไว้ข้างหลัง แล้วเปิดประตูออกไป ค้นหาสิ่งที่ทำให้จิตใจได้มีพลังอีกครั้ง  ในบางครั้งความวุ่นวาย ความสับสน ในทุก ๆ วันที่ผ่านเข้ามา เสมือนสิ่งที่บังคับให้คุณต้องทำสิ่งนั้น ๆ วนไป วนมา ซ้ำไป ซ้ำมา จนคุณหลงลืมส่วนลึกในจิตใจ สิ่งที่คุณเคยหวัง สิ่งที่คุณใฝ่หา จนนึกขึ้นได้อีกครั้ง ในตอนที่ไม่เหลือไฟในความคาดหวังแล้ว หากลองมองย้อนกลับไปในช่วงวัยเด็ก เราทุกคนต่างอยากจะพบเจอสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ แล้วในทุก ๆ ที่ ที่มีคนพาคุณไปที่นั้น คุณจะตื่นเต้นตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณได้รู้ ความรู้สึกของความอยากลอง อยากรู้ มันมากเกินจะจินตนาการได้ พอนึกถึงความรู้สึกนั้นทีไร คุณจะรู้สึกถึงอิสระที่คุณเคยได้มีมันไว้ ในช่วงหนึ่งของชีวิต แล้วตอนนี้ล่ะ ทำไมคุณไม่อยากเป็นอิสระบ้าง เมื่อทุกอย่างของความนึกคิด ในสิ่งที่เราเคยใฝ่หา ได้มาบรรจบกัน ณ ช่วงเวลาแห่งความเป็นจริง  เรามี รองเท้า ที่พร้อมจะพาเราเดินไปในทุก ๆ ที่ ที่เราอยากไป เรามี เป้ใบใหญ่ ที่พร้อมจะใส่ทุกอย่างที่จำเป็นไว้ในนั้น เรามี กล้องคู่ใจ ที่พร้อมเก็บภาพความจริง เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ และ เรามี พลังใจ ที่จะสั่งให้เท้าก้าวออกไป ในที่ ที่อยู่ในความฝัน  เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ม่านหมอกสีจาง ที่เป็นเหมือนภาพฝันเลือนๆ ก็จะค่อย ๆ ชัดขึ้น ชัดขึ้น “ไปเที่ยวกันเถอะครับ”  รุ่งอรุณของการก้าวเดิน The Plan is on Plan คำศัพท์คำนี้ ใครที่ได้ฟังอาจจะงงซักเล็กน้อย เพราะเปอร์เซ็นต์ของคนที่ทำได้นั้นน้อยมาก สำหรับคนที่กำลังเริ่ม แบกเป้เที่ยว ส่วนมากแล้วหลาย ๆ คน จะวางแผนจัดเตรียมทุกสิ่ง ทุกอย่าง ในการเที่ยวไว้ เพื่อให้ได้รับความสะดวก สบาย นั่นล่ะ คือ การ Plan ทุกอย่างไว้ล่วงหน้า ทั้งการจองห้องพัก ร้านอาหารที่ต้องแวะ คาเฟ่ที่ต้องไปเช็คอิน รวมไปถึงเส้นทางการเดินทาง ทุกวันนี้ความสะดวกสบาย ทำให้เราออกไปท่องโลกกว้างได้มากยิ่งขึ้น  แต่หากคิดไปแล้ว ความสะดวกสบาย พวกนี้ ได้ทำให้เราลืมความรู้สึกในตอนเด็ก ๆ ไป เพราะเมื่อตอนนั้น ตอนที่เราจำความได้ คนที่พาเราไปเราใช้เพียงแผนที่ หรือ อาศัยการดูป้ายบอกทาง โดยอ้างอิงจุดหมายจากภาพถ่ายแค่ใบเดียวเป็นแรงบันดาลใจที่ให้ไปถึงที่นั่น ในตอนนั้นทุกคนที่ร่วมเดินทาง ต่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ให้ความสำคัญกับรูปถ่ายใบนั้น เพราะไม่มีรีวิวให้อ่าน และไม่มีโซเชียลให้หาข้อมูล ภาพถ่าย กับ ภาพตรงหน้า จะเหมือนกันมั้ย นั่นล่ะคือแรงผลักดันให้เรามุ่งไปข้างหน้าจนถึงจุดหมาย แต่เมื่อในตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว การเดินตามโลกอาจจะสำคัญ แต่การเดินตามความฝัน ก็สำคัญไม่แพ้กันใช่มั้ยล่ะ ^^ The Plan is no Plan รูปแบบการเดินทางที่หลาย ๆ คนใฝ่ฝัน การเดินทางที่คิดถึงแค่ปลายทาง โดยให้ระหว่างทาง คือ ประสบการณ์ความตื่นเต้นที่กำลังจะถาโถมเข้ามา คุณไม่รู้หรอกว่าจะเจอกับอะไรข้างหน้า มันอาจมีทั้งผิดหวัง และสมหวัง สิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดคิดนี่ล่ะ คือสิ่งที่นักเดินทางรูปแบบนี้อยากเจอ พวกเค้าไม่เคยสนว่าจะเจอคนที่เค้าคุ้นเคยหรือเปล่า แต่ผู้คนที่เค้าเจอ คือ คนรู้จักคนใหม่ ที่พร้อมจะมอบประสบการณ์ดี ๆ ให้กันและกัน  หากคุณก้าวออกมาจากที่ ที่คุ้นเคยแล้ว สิ่งต่อไปที่คุณจะต้องทำ คือ ใช้ใจทั้งใจเชื่อมั่นในความกล้าของตัวเอง และการข้ามผ่านความกลัวไปให้ได้ หากคุณเคยกลัวคนแปลกหน้า จงผูกมิตรซะ หากคุณเคยกลัวที่จะถาม จงกล้าที่จะเอ่ยมันออกมาซะ และหากคุณเคยกลัวการอยู่คนเดียว จงรู้ไว้ เมื่อใดที่คุณเริ่ม “ก้าวแรก” ไปแล้ว คุณจะได้เจอกับมิตรภาพที่ผ่านเข้ามาในก้าวต่อ ๆ ไป และมันจะเป็นความทรงจำที่คุณจะจดจำเค้าเหล่านั้นไปชั่วชีวิต เพราะด้วยน้ำใจที่เต็มเปี่ยม ที่คุณจะได้รับ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ สำหรับคนที่เดินทางคนเดียว ทำให้เราอยากก้าว และก้าวต่อไปให้ถึงจุดหมาย การเตรียมตัว สำคัญพอ ๆ กับการเตรียมใจ หากคุณเตรียมตัวดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง ก่อนที่จะสะพายเป้คู่ใจขึ้นบ่า อย่างน้อยคุณจะต้องรู้ว่า ความไม่แน่นอน เกิดขึ้นได้เสมอ และนี่คือสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ชุดที่คุณสวมใส่ : คุณไม่ควรยึดติดกับความสวยงามมากเกินไป เน้นใช้งานดีกว่า อย่าลืมคุณเดินทางคนเดียว ชุดที่ยึดหยุ่น และระบายอากาศได้ดีสำคัญมาก เพราะคุณต้องผจญกับความร้อน หรือฝนที่ตกลงมา   รองเท้า : ควรเป็นรองเท้าที่เราคุ้นเคย ใส่แล้วไม่อับชื้นได้ง่าย เพราะคุณอาจจะต้องเดินมากเป็นพิเศษ เสบียง : น้ำ และอาหารให้พลังงานสูงสำคัญมาก เพราะเมื่อใดที่คุณเหนื่อย เสบียงที่คุณเตรียมไว้ จะช่วยให้คุณก้าวต่อไปได้ เสื้อกันฝน : นี่คืออุปกรณ์ ที่จะช่วยให้คุณรอดจากอาการป่วย เพราะเสื้อกันฝนจะกันได้ทั้ง ฝน ลม และ บรรเทาความหนาวได้นิดหน่อย ไฟฉาย : แสงสว่าง จะทำให้เราไม่คิดไปเอง มีดพก : ตัวช่วยอย่างดี ทั้งยังช่วยให้เราอุ่นใจอีกด้วย ยาสามัญ : จะเป็นแก้ปวด แก้คัน แก้ท้องเสีย มีไว้ก็อุ่นใจกว่า ผ้าเช็ดตัว : ถ้าเป็นไมโครไฟเบอร์จะดีมาก เพราะน้ำหนักเบา และบาง เต็นท์ ถุงนอน : ถ้าอุปกรณ์ของคุณไม่หนักจนเกินไป คุณควรจะพกมันไปด้วย เพราะคุณจะได้ใช้มันแน่นอน และ Power Bank : เมื่อไรที่โทรศัพท์ของคุณยังใช้งานได้อยู่ คุณจะรู้สึกถึงความปลอดภัยจากทุกสิ่งอยู่เสมอ เท่านี้ เราก็ก้าวออกจากเซฟโซนได้อย่างมั่นใจแล้ว หากคุณยังไม่เคยโบกรถ นี่คือคำแนะนำ ความเป็นไปได้น่าจะเกือบเป็น 0 หากคุณเลือกโบกรถในกรุงเทพฯ สิ่งที่คุณควรรู้และควรทำ นั่นคือ นั่งรถประจำทางไปลงยังจังหวัดที่เป็นที่หมายของคุณ หรือ ไปลงนอกเขตปริมณฑล ไม่ใช่ว่าคนกรุงเทพฯ ไม่มีน้ำใจนะครับ เพราะความวุ่นวายของกรุงเทพฯ ทำให้คนให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือกันน้อยลงไปทุกที การโบกรถ หากอยากให้ได้ขึ้นรถไวไว การแต่งตัว : สำคัญมาก เพราะคนที่เค้าจะรับคุณ เค้าจะเห็นคุณแค่แว๊ปเดียว และจะเห็นคุณชัด ๆ อีกครั้ง ก็เมื่อจอดรถนั่นเอง อีกอย่างที่ทำให้ขึ้นรถได้ไวขึ้น ก็คือ ความตั้งใจและท่าทางในการโบก : หากคุณมีความอ่อนน้อมให้คนที่ขับรถผ่านไปผ่านมาเห็น คุณก็จะดูไม่มีพิษไม่มีภัยสำหรับคนที่จะรับคุณ ฉะนั้น หากมีคนขับเข้ามาชะลอ การทักทายด้วยการไหว้ หรือ การโน้มตัวแบบถ่อมตน จะเป็นสิ่งที่ดีมากถ้ามีติดตัวไว้ตลอด เมื่อมีคนจอดแล้ว สิ่งที่ต้องบอกเพื่อความชัดเจน ก็คือปลายทาง และเส้นทางถนนหลักที่จะผ่านไปถึง : คุณต้องเข้าใจว่า ทุกคนมีที่หมายคนละที่ การสื่อสารที่ชัดเจนจะทำให้คนที่จอดรับคิดได้ไว หากเค้าต้องผ่านทางนั้นอยู่แล้ว และหากคุณคิดว่ามันไม่ประสบความสำเร็จแน่ ๆ สิ่งที่ต้องทำต่อไป คือ เดินเข้าไปคุยกับใครซักคน : คนที่เค้าเป็นคนพื้นที่แถวนั้น สิ่งที่เราได้รับกลับมา น่าจะเป็นมิตรภาพเล็ก ๆ ไม่เป็นการบอกทางที่ถูกต้อง ก็เป็นการช่วยหารถให้คุณไปถึงจุดหมาย และเมื่อใดที่คุณทำภารกิจสำเร็จ เมื่อมีคนพยักหน้า แล้วเอ่ยออกมาว่า “ขึ้นรถสิ” ในความดีใจนั้นก็อย่าลืม คำขอบคุณ มารยาทขั้นต่อไปในการขึ้นรถนั้น ก็คือ เสนอตัวนั่งหลังกระบะ เพราะไม่มีใครไว้ใจเราในทันทีที่เจอหน้ากันหรอก ฉะนั้นเราจะต้องรอจนกว่าเค้าเสนอให้เรานั่งในรถได้ เราถึงจะควรรับคำชวนนั้น มารยาทในรถ เราควรแนะนำตัวกับเค้าบ้าง แล้วเราก็ควรบอกจุดหมายที่เราจะไป หากเมื่อใดที่คุณและผู้ที่ใจดีคนนั้นคุยถูกคอกัน คุณอาจจะได้โบนัสแถมเป็นการไปส่งคุณจนถึงที่หมายเลยก็เป็นได้ สิ่งที่จะลืมไม่ได้ก่อนที่คุณจะลงรถของผู้ใจดีคนนั้น คุณควรเก็บภาพความประทับใจไว้ซักนิด หรือขอไลน์ แลกเบอร์กัน เผื่อในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ คุณอาจจะได้สานต่อมิตรภาพดี ๆ กับคนที่มีน้ำใจคนนี้ก็ได้ แล้วการโบกรถครั้งต่อไปของคุณก็จะง่ายขึ้น ด้วยความมั่นใจที่คุณได้รับมาแล้ว ที่พัก : การคาดหวังว่า จะใช้เงินที่เตรียมไว้ มาพักในห้องพัก หรือรีสอร์ตหรู ๆ คุณก็จะต้องจ่ายเงินในจำนวนมาก แน่นอน ถ้าทริปของคุณทริปนี้ เป็นทริปแบบประหยัด คุณก็ควรมองหาโฮสเทล หรือจุดกางเต็นท์ที่ทำให้คุณประหยัดเงินในทริปนี้ไปได้มากเลยทีเดียว เพราะสิ่งที่เราต้องการไม่ใช่การถ่ายรูปสวย ๆ หรือ การเช็คอิน ในที่หรู ๆ สิ่งที่เราต้องการ คือ เตียงนอนสบาย ๆ สักเตียง ห้องน้ำที่ให้เราได้ผ่อนคลายกับความเหนื่อยล้าของทั้งวันที่ผ่านมา แค่นี้ก็น่าจะพอ สำหรับให้เราชาร์จพลังเพื่อเก็บไว้ใช้ในจุดมุ่งหมาย ของการก้าวต่อไปในวันพรุ่งนี้แล้ว เมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน สิ่งที่เราควรทำก่อนเดินทางนั้น คือ เราควรพูดคุยกับพนักงาน หรืออาจจะเจอเจ้าของที่ ที่เราไปพัก คนพวกนี้รู้จักพื้นที่นี้ดีกว่าคุณ ทีนี้เราก็จะได้ความสะดวกสบายจากการแนะนำ โดยที่ไม่ต้องไปแบบไม่มีข้อมูลอีก การแนะนำให้ติดรถคนระแวกนั้นไป เป็นเรื่องที่เจอได้บ่อย เพราะเมื่อมีคนท้องถิ่นแนะนำ คนที่ให้ติดรถไปด้วยก็จะสบายใจ และผ่อนคลายความกังวลไปในระดับหนึ่ง ว่าเราน่าจะไว้ใจได้ เพราะมีคนแนะนำให้ ในระหว่างเดินทาง คุณไม่ควรลืมที่จะสัมผัสกับความสุข ของสถานที่ท่องเที่ยวรายทาง เราสามารถหาข้อมูลได้จากคนที่เรานั่งรถเค้าไปด้วยนั่นล่ะ คำแนะนำดี ๆ อาจจะพาเราไปพบกับความสวยงาม ที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นก็ได้ เพราะในแต่ละพื้นที่ ก็น่าจะมีที่เที่ยว ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ไป จะต้องเป็นคนพื้นที่จริง ๆ เท่านั้นถึงจะรู้จัก นี่ล่ะโบนัสที่เราจะได้รับ เราอาจจะเป็นคนที่ รีวิว สถานที่ลับนี้ เป็นคนแรกก็ได้ จริง ๆ แล้วความสำคัญของจุดหมายที่เราได้ตั้งไว้ อาจจะไม่สำคัญเท่าระหว่างทางก็เป็นได้ เพราะประสบการณ์ที่เราได้รับมาทั้งหมดในการเดินทาง จะทำให้เราเข้าใจการเดินทางในอีกรูปแบบหนึ่งได้ดีมากขึ้น และนี่คือ การเดินทางที่ไม่ต้องเร่งรีบ การเดินทางที่หมุนเวียนแปลี่ยนไปได้เสมอ การเดินทางที่ไม่ต้องยึดติดกับการวางแผน และการเดินทางคนเดียว ที่มีแต่มิตรภาพดี ๆ ที่ได้รับจากทุก ๆ คนที่ผ่านเข้ามา ในย่างก้าวของเราทุกก้าว หากเราใช้ประสบการณ์ดี ๆ เหล่านี้มาคิดย้อนกลับไป เราจะได้พบเจอกับทัศนคติใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย ภายในจิตใจของเรา เราจะเข้าใจธรรมชาติของคน ทั้งที่ดี และไม่ดีกับเราได้มากขึ้น เราจะมีน้ำใจมากขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นจากสิ่งที่เราได้รับมา และเราจะก้าวครั้งต่อไปได้ไม่มีวันหยุด เพราะในทุก ๆ ครั้งที่เราก้าว ประสบการณ์ทุกประสบการณ์ จะย้อนกลับเข้ามาเป็นแรงผลักดัน ให้เราก้าวข้ามอุปสรรค์ที่แม้จะมากมายเท่าไร ก็ไม่เคยทำให้เรา ท้อได้เลย ภาพปกโดย www.pexels.com ภาพประกอบโดย 1 / 2 / 3       

สามหนุ่ม Plan-B พิสูจน์ชัด! ภาษาดนตรีไม่มีพรมแดน แฟนเพลงแห่มาฟังและฟินกันเต็มพื้นที่
อ่าน

สามหนุ่ม Plan-B พิสูจน์ชัด! ภาษาดนตรีไม่มีพรมแดน แฟนเพลงแห่มาฟังและฟินกันเต็มพื้นที่

ยืนยันได้ดีว่าภาษาดนตรีไม่มีพรมแดนจริงๆ เมื่อสามหนุ่มวง แพลน-บี (Plan-B) ที่ประกอบด้วย นาคาเองาว่า ริกิยะ (Nakaegawa Rikiya) มือกีตาร์และร้องนำ, มากิโนะ โคจิ (Makino Koji) มือกลอง และ อุเอะซาโตะ เรียวตะ (Uesato Ryota) มือเบส หอบหิ้วเครื่องดนตรีพร้อมด้วยแขกรับเชิญสุดแซบ อะคุน (AKUN) หรือที่แฟนๆ เรียกติดปากกันว่า อั๊คคุง นักร้องและมือกีตาร์หนุ่มลูกครึ่งมาดเท่แห่งวง สไปซี่โซล (SPiCYSOL) บินลัดฟ้ามาเปิดการแสดงสดในงาน แพลน-บี ไลฟ์ อิน แบงคอก (Plan-B LIVE in Bangkok) ณ แฮพเพนนิ่ง ไลฟ์ เฮ้าส์ บาย ไวน์ แฮพเพนนิ่ง ย่านอาร์ซีเอ ซึ่งงานนี้ถือเป็นหนึ่งในเอเชียทัวร์ 2014-2015 ต่อเนื่องจากประเทศไต้หวัน มีคิวหลังจากไทยเป็น 4 เมืองในญี่ปุ่น และจะปิดท้ายตารางทัวร์ที่ประเทศเกาหลีใต้ โดย แพลน-บี ได้ขนเอาเพลงเด็ดกว่า 20 เพลงมาโชว์ให้แฟนๆ ได้ฟังแอนด์ฟินกันเต็มอิ่ม! เปิดฉากกันที่เพลงสนุก บีทหนักแน่นเข้มข้น กระตุ้นให้เลือดสูบฉีดอย่าง Kibou no kuuron, Undonkon, Seimeikaจากนั้นถึงคิว Yukimahou และ Around the World สองเพลงจากวง SPiCYSOL ของ อั๊คคุง รุ่นน้องสุดซี้ของ Plan-B ที่มาร่วมแจมกีต้าร์ให้ดนตรีออกรสจัดจ้านยิ่งขึ้นนั่นเอง ต่อกันอีกยกกับ Namida, Aruka Aruka, Chiri mo tsumoreba โดยพวกเขาชวนทุกคนให้มีส่วนร่วมทั้งการปรบมือเป็นจังหวะ โบกผ้าเชียร์ กระโดดโลดเต้น และช่วยกันร้องเพลงอย่างสนุกสนาน ปิดท้ายช่วงแรกด้วยเพลง สบาย สบาย (Sabai Sabai) ของซูเปอร์สตาร์เมืองไทย เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ที่ ริกิยะ โชว์ทักษะภาษาไทยในการร้องเพลงนี้ได้อย่างน่าประทับใจและเห็นถึงความพยายามของพวกเขาได้เป็นอย่างดี โดย Plan-B บอกว่าเมื่อนึกถึงเมืองไทยก็คิดถึงความรู้สึกสบายๆ จึงเลือกเพลงนี้มาโชว์ซะเลย นอกจากนี้พวกเขาเผยว่าชอบเพลงไทยหลายๆ เพลงเพราะมีเมโลดี้สูงต่ำผสานกันได้เป็นอย่างน่าสนใจ แถม ริกิยะ ซึ่งเคยกระซิบว่าเขาปลื้มสาวเสียงดี ปาล์มมี่-อีฟ ปานเจริญ เป็นพิเศษเพราะเธอน่ารักมากๆ และเพื่อเป็นการยืนยันเจ้าตัวเลยร้องเพลง พรุ่งนี้อาจไม่มีฉัน โชว์แฟนๆ ท่อนสั้นๆ พอหอมปากหอมคอ เข้าสู่พาร์ทอะคูสติกที่แสนอบอุ่นละมุนละไมโดยมีเสียงเครื่องสายอย่างเชลโล่และไวโอลินมาบรรเลงร่วมกับเสียงดนตรีของ Plan-B ไม่ว่าจะเป็น Wakare michi , Ai aru sekai ni, Yuuyake no Uta, Bokura no yakusoku และ Nakamatachi โดยไฮไลท์ช่วงนี้หนีไม่พ้นเพลง Yuuyake no Uta ซึ่งเป็นเพลงเอกของศิลปินรุ่นพี่ระดับตำนาน J-POP อย่าง คอนโด มาซาฮิโกะ (Kondo Masahiko) หรือ มัตจิ นั่นเอง กลับเข้าสู่ช่วงที่ทำให้หัวใจเต้นแรงอีกครั้ง!! เริ่มด้วยเพลง Douyouhadaka ตามด้วย Kusottare ซึ่งพวกเขาชักชวนแฟนๆ โดดขึ้นมาแจมบนเวทีและโบกผ้าเชียร์อย่างมันส์สุดติ่งกระดิ่งแมว ต่อกันที่เพลง Asia, Isshukan, Jan ken pon แล้วจึงคูลดาวน์กันด้วยเพลงชื่อ Wa Ha Ha ก่อนจะกลับมา Encore ส่งท้ายในเพลง Maji ni Magic, Kibou no kuuron แล้วปิดท้ายช่วงเวลาแห่งความอิ่มเอมด้วยเพลง Taisetsu na mono โดยพวกเขาทั้งสามพูดคำว่า ขอบคุณครับ อย่างไม่ขาดปาก พร้อมบอกว่า ในวันนี้พวกเราสนุกมากๆ เพราะมีทุกคนอยู่ด้วยกันตรงนี้ ถ้ามีโอกาสเราอยากกลับมาพบกับทุกคนอีก เราจะพยายามมาหาทุกคนให้ได้ครับ I LOVE THAILAND!! ตลอดช่วงเวลาสองชั่วโมงแสนพิเศษกับการเล่นดนตรีที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และทรงพลังใน แพลน-บี ไลฟ์ อิน แบงคอก (Plan-B LIVE in Bangkok) นั้นพิสูจน์ให้เห็นถึงความทุ่มเทอย่างเต็มที่ของ แพลน-บี ในการเอ็นเตอร์เทนผู้ชมทุกคนให้มีความสุขไปด้วยกัน ตามความเชื่อมั่นของพวกเขาที่ว่า.. แม้ภาษาของคนทั้งโลกจะต่างกัน แต่ดนตรีคือภาษาสากลที่ไร้พรมแดนและช่วยเชื่อมโยงทุกคนเข้าไว้ด้วยกัน โดยบทเพลงของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ไม่ว่าจะเป็นความรัก, มิตรภาพ, ความมุ่งมั่นที่จะทำตามความฝัน ซึ่งมีความหมายที่ดีและเปี่ยมด้วยกำลังใจในการดำเนินชีวิต หลังจบไลฟ์โชว์ในครั้งนี้เชื่อว่าแฟนๆ จะได้รับการเติมเต็มและมีพลังที่จะก้าวต่อไปในวันข้างหน้าจากบทเพลงของพวกเขาอย่างแน่นอน ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง Facebook.com/TVSociety

แฟนคลับสายเจได้เฮบ้าง! เตรียมกรี๊ดรับสามหนุ่มเท่ Plan-B กไทยแถลงข่าวด้วยตนเอง 12 พ.ย.นี้
อ่าน

แฟนคลับสายเจได้เฮบ้าง! เตรียมกรี๊ดรับสามหนุ่มเท่ Plan-B กไทยแถลงข่าวด้วยตนเอง 12 พ.ย.นี้

กระแสญี่ปุ่นนิยมนั้นผูกพันฝังรากลึกซึ้ง ไม่มีวันล้มหายตายจากเมืองไทยไปง่ายๆ ด้วยความรักอันเหนียวแน่นหนึบที่แฟนเพลง-แฟนคลับศิลปินญี่ปุ่นในบ้านเรายังก่อตัวและดำเนินไปเรื่อยๆ โดยไม่จำเป็นต้องตกเป็นข่าว!!! บ่อยครั้งที่ชาวไทยจึงยังคงมีโอกาสได้เสพงานดีๆ จากทั้งสาย J-POP และ J-ROCK กันอยู่เสมอ และงานล่าสุดที่กำลังจะพูดถึงเพราะน่าดู-น่าชมมากนี้.. แม้ไม่ใช่ศิลปินไอดอล แต่พวกเขาก็มีดีกรีเป็นถึงวงดนตรีแบคอัพของไอดอลระดับเทพแทบยกค่าย จอห์นนี่ส์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (Johnnys Entertainment หรือ JE) มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ทักกี้ ซึบาสะ (Tackey Tsubasa), อาราชิ (ARASHI), คัต-ตุน (KAT-TUN), นิวส์ (NEWS) รวมถึงหนุ่มหล่อขวัญใจชาวไทย ยามะพี (YamaP) หรือ โทโมฮิสะ ยามาชิตะ (Tomohisa Yamashita) เป็นต้น เรากำลังหมายถึงวงดนตรีสามชิ้นสัญชาติญี่ปุ่นชื่อ แพลน-บี (Plan-B) สมาชิกประกอบด้วย นาคาเองาว่า ริกิยะ (Nakaegawa Rikiya) กีตาร์และร้องนำ, มากิโนะ โคจิ (Makino Koji) กลอง และ อุเอะซาโตะ เรียวตะ (Uesato Ryota) เบส พวกเขาคืออดีตเมมเบอร์วง ไฟว์ (FiVe) ซึ่งตัดสินใจประกาศอำลาค่ายจอห์นนี่ส์ฯ อย่างเป็นทางการ เพื่อออกเดินทางตามล่าคว้าฝันอีกขีดขั้นของตัวเอง โดยทั้งสามร่วมกันก่อตั้งวงดนตรีใหม่ขึ้นในชื่อเท่ๆ และความหมายดีว่า Plan-B เพื่อสะท้อนมุมมองต่อโลกในแง่ดีว่า.. ที่สุดแล้วชีวิตจะมีทางออกที่ดีให้เสมอ ถึงแม้จะไม่ใช่ทางเลือกแรกที่ตั้งใจก็ตาม สามหนุ่มวง แพลน-บี เพิ่งประกาศสายฟ้าแล่บแบบวิถีอินดี้ว่า จะโผล่มาเซอร์ไพรส์แฟนๆ ชาวไทยในวันพุธที่ 12 พ.ย.57 นี้ เพื่อจัดงานแถลงข่าว แพลน-บี ไลฟ์ อิน แบงคอก (Plan-B LIVE in Bangkok) โดยมีต้นสังกัด แอนติคิเทียร่า (Antikythera) ประเทศญี่ปุ่น ไฟเขียวเต็มที่ในการเลือกประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งเวทีในการแสดงฝีมือดนตรีของพวกเขา พร้อมด้วยข่าวดีสำหรับแฟนคลับ แพลน-บี (Plan-B) ที่อยากเจอหนุ่มๆ อารมณ์ดีนักดนตรีสุดเท่กลุ่มนี้ เพราะทางต้นสังกัดฯ ได้จัดเตรียมโซนพิเศษสำหรับต้อนรับมิตรรักแฟนเพลง จำนวน 30 ท่าน เข้าร่วมชมบรรยากาศงานแถลงข่าวครั้งนี้ ณ Happening Live House by Wine Happening (ตรงข้าม ท็อป ซูเปอร์มาร์เก็ต สาขาอาร์ซีเอ) ติดตามกติการ่วมสนุกลุ้นรับสิทธิพิเศษนี้ และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ทาง Official Fan Page https://www.facebook.com/PlanBliveinBKK ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง Facebook.com/TVSociety

No plan trip : น้ำตกนางริน จ.อุดรธานี
อ่าน

No plan trip : น้ำตกนางริน จ.อุดรธานี

วันหยุดเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ หลังทำโอทีแล้ว อยากหนีเที่ยวไปไหนก็ได้ แต่ด้วยเงื่อนไขของงบประมาณปลายเดือน เราจึงต้องไปไหนที่ใกล้ ๆ ประหยัดสงบ ๆ ที่ไม่ใช่วัด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และยิ่งช่วงต้นฝน ทางเลือกในการท่องเที่ยวก็น่าจะเป็นป่าเขาลำเนาไพรที่ไม่ค่อยไกลจากบ้านจะได้ไม่สิ้นเปลืองเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และถ้าไปเมืองที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวหลักแล้ว ก็จะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเลยทีเดียว หลังจากทำการหาข้อมูลจากกูเกิลก็พบว่าจังหวัดอุดรธานีมีภูฝอยลมที่สามารถไปกางเต็นท์ได้ บริเวณรอบ ๆ ก็มีน้ำตกให้ได้ทัศนาพอชื่นตาชื่นใจหาดูพบว่าบริเวณใกล้ ๆ ภูฝอยลมมีน้ำตกหลายแห่ง รอบนี้เราก็เลยเสี่ยงดวงด้วยการไปน้ำตกที่มีชื่ออ่อนหวานว่า “น้ำตกนางริน”  น้ำตกนางริน อยู่เขตตำบลหนองกุงศรี อำเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี เป็นน้ำตกขนาดไม่ใหญ่ อยู่ทางไปวัดถ้ำอินแปลง สังเกตว่าคนส่วนใหญ่มาเที่ยวน่าจะเป็นวิถีไทบ้าน แต่ดีหน่อยตรงที่ไม่เป็นที่รู้จักของคนหมู่มากทำให้พื้นที่ยังมีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสูง แม้ว่าจะมีน้ำตกเพียงช่วงฤดูฝนเท่านั้น เรามาถึงน้ำตกในวันหลังฝนตกเพียงไม่กี่วันทำให้น้ำเป็นสีชาเย็นแต่ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจแต่ประการใด รวมทั้งพื้นที่รอบ ๆ ก็ยังเขียวชะอุ่มสร้างความสดชื่นและเบิกบานใจเป็นอันมาก เราไปถึงน้ำตกในช่วงประมาณบ่ายสี่โมง อากาศเย็นสบายร่มรื่น พื้นที่รอบ ๆ มีดอกไม้ดอกหญ้าขึ้นประปราย ชูช่อน่ารักทักทายผู้คนที่มาเยี่ยมน้ำตกนางรินแห่งนี้ จากการค้นข้อมูลเรื่องน้ำตกนางริน พบว่าผู้ที่มาพบน้ำตกแห่งนี้เป็นพระสงฆ์ ชื่อ พระครูถาวร ธมมฺโสภณ ส่วนรายละเอียดประวัติความเป็นมานั้นยังไม่มีใครให้ข้อมูลไว้ แต่จากการเดินสำรวจดูน่าจะยังเป็นพื้นที่สาธารณะที่ยังไม่มีการจัดการ หากใครกะจะไปพักที่น้ำตกไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งลานกางเต็นท์ หรือที่พักอื่น ๆ จึงเหมาะแก่การมาแวะเที่ยวระหว่างวันแล้วเดินทางไปต่อ     อาหารเย็นวันนี้ไส้กรอกย่างและข้าวเหนียวคนละห่อ  ห้องพักที่จังหวัดหนองบัวลำภู คืนละ 450 บาท (เจ้าของบอกว่าราคาโปรโมชั่นว่างั้น)  นั่งเล่นจนเบิกบานใจพอสมควรก็ออกจากน้ำตก เราเลือกเส้นทางจากน้ำตกเข้าสู่อำเภอหนองแสง เพราะอยากจะไปพักที่ภูฝอยลม แต่ว่าค่ำเสียก่อนอุทยานภูฝอยลมก็ปิดแล้ว เราก็เลยขับรถเข้าอำเภอหนองแสงแทน ระหว่างทางเลยแวะซื้อของกินง่าย ๆ ในตลาดหมู่บ้านข้างทาง พออิ่มท้องแล้วก็เลยขับรถไปเรื่อย ๆ หลงทางมั่วไปหมดจนไปโผล่ที่จังหวัดหนองบัวลำภู โชคดีมีที่พักเปิดใหม่ราคาไม่แพง เราเลยจอดพักที่หนองบัวลำภู 1 คืน รุ่งเช้าจึงเดินทางกลับ   ภาพและเรื่องโดยผู้เขียน

No Plan Trip : เมืองน่านในฤดูฝน
อ่าน

No Plan Trip : เมืองน่านในฤดูฝน

ในช่วงฤดูฝนบางทีเราก็นึกไม่ออกนะว่าจะไปไหนดี จะไปทะเลน้ำก็คงขุ่น ไปไหนก็จะชื้น ๆ แฉะ ๆ แต่การท่องเที่ยวในฤดูฝนก็จะมีข้อดีตรงที่ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชะอุ่มดูแล้วสดชื่นสบายตาสบายใจ ทริปนี้เราก็เลยตัดสินใจขับรถขึ้นเหนือ แต่ด้วยเวลาจำกัดเลยเลือกเที่ยวเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองน่าน เมืองที่ใคร ๆ เคยไปแล้วก็ต้องหลงเสน่ห์ของความสงบและความเรียบง่ายของเมืองนี้ เราออกเดินทางจากจังหวัดพิษณุโลกในช่วงสายของวันเดินทางสบายบนถนนหมายเลข 11 แล้วแยกไปทางถนนหมายเลข 101 ไปทางจังหวัดแพร่ เข้าจังหวัดน่านประมาณบ่าย ๆ ขับรถเลียบเมืองดูวัด ดูคน จากนั้นก็ตระเวณหาที่พัก ทีแรกคิดว่าที่พักในเมืองน่านมีเฉพาะที่ปรากฎในแอพที่พักทั้งหลาย  แต่พอได้ขับรถวน ๆ ดูพบว่าพื้นที่รอบ ๆ ชานเมืองของเมืองน่านก็มีบ้านที่ชาวบ้านดัดแปลงเป็นที่พักหลายหลัง ราคาไม่ได้แพงมากมายอะไรเพียงแต่อาจจะห่างเมืองไปนิดนึง ถ้าคนไม่มีรถยนต์ของตัวเองก็อาจจะเดินทางไม่สะดวก ซึ่งเราสองตายายไม่มีปัญหาเรื่องนี้ก็เลยเลือกที่พักซึ่งเป็นโฮมเสตย์แถว ๆ วัดพระธาตุเขาน้อย ราคาห้องละประมาณ 500-600 บาท  ห้องใหญ่ มีห้องน้ำในตัว บรรยากาศดีเหมือนไปพักบ้านญาติ แต่ก็เป็นสัดเป็นส่วน ตอนเช้ามีกาแฟ ขนมกรุบกริบให้ทานรองท้องด้วยค่ะ    ได้ห้องพักเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกไปหากินอะไรง่าย ๆ ในตัวเมือง แล้วก็หาเดินเลาะเที่ยวในเมืองน่านซึ่งป้ายแรกจะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากวัดภูมินทร์ เพื่อชมภาพวาดผนังโบสถ์ที่มีชื่อว่า "ภาพวาดกระซิบรักบรรลือโลก" อยู่ภายในพระอุโบสถอาคารจตุรมุขที่มีนาคทั้ง 4 ด้าน  นอกจากภาพวาดปู่-ย่า กระซิบรักแล้ว ก็ยังมีภาพวาดคู่รักอีกหลาย ๆ สะท้อนความโรแมนติกของจิตรกรในอดีตด้วย  เราไปยืนต่อคิวรอถ่ายภาพกับปู่ม่าน-ย่าม่านใช้เวลาพอสมควร ภายในพระอุโบสถแสงค่อนข้างน้อย การถ่ายภาพต้องใช้ iso ช่วยดันสุดฤทธิ์ ไม่งั้นภาพคงมืดและสั่นไหว  และการถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้ต้องระมัดระวังในเรื่องแสงแฟลชด้วย ใครใช้โหมด Auto ในการถ่ายภาพต้องปรับไปโหมด P เพื่อปิดแฟลช หรือถ้ากล้องมือถือก็ต้องปิดแฟลชด้วยนะคะ เพื่อรักษาอายุของภาพบนผนังอาคารเหล่านั้นด้วย      พื้นที่รอบ ๆ วัดภูมินทร์  ยังมีสถานที่สำคัญอีก 2 แห่ง ก็คือวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร  และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน  ตอนแรกผู้เขียนอ่านรีวิวท่องเที่ยวเมืองน่านก็จินตนาการว่าแต่ละแห่งอาจจะอยู่ห่างกัน แต่พอไปถึงสถานที่จริงกลายเป็นว่า ทั้ง 3 แห่งอยู่ในพื้นที่ใกล้กัน ห่างแค่ถนนกั้นแค่นั้นเองค่ะ เดินชมสถานที่และไหว้พระสมใจแล้วก็เป็นเวลาโพล้เพล้  ข้างวัดภูมินทร์ก็เปิดตลาดถนนคนเดิน ซึ่งทางเทศบาลได้ปูเสื่อและตั้งขันโตกไว้ให้บริการกับนักท่องเที่ยว และประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของ เราเลยตกลงใจทานข้าวเย็นที่ถนนคนเดิน แล้วค่อยกลับเข้าที่พัก  รุ่นขึ้นเราก็ออกเดินทางไปอำเภอนาหมื่น ผ่านวัดบ่อแก้ว จุดเด่นของวัดบ่อแก้วก็คือเป็นวัดที่มีการออกแบบสไตล์ล้านนา และใช้สีขาวทั้งหมด ไหว้พระและชมเดินรอบ ๆ ก็เดินทางต่อไป          เราออกจากอำเภอนาหมื่นขับรถเลียบป่าเขาลำเนาไพรซึ่งไม่ค่อยจะมีป่าไม้ มีแต่ป่าข้าวโพดเป็นส่วนมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียอรรถรสในการเดินทาง เนื่องจากมันเป็นฤดูฝนเนาะ ดังนั้นความเขียวชะอุ่มและความสดชื่นจึงทำให้การเดินทางครั้งนี้มีแต่ความสุขและความสบายใจ จากอำเภอนาหมื่นเราเดินทางไปถึงท่าเรือปากนาย   เพื่อที่จะนำเรือลงโป๊ะและข้ามฟากจาก อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ไปยัง บ้านท่าแฝก อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์  ระหว่างรอเรือแพขนานยนต์ที่สามารถบรรทุกรถได้ 2-3 คัน  (ตอนเราลงไปรู้สึกจะมีรถลงไป 2 คันค่ะ) ค่าเรือข้ามฟาก 300 บาท ก็ตื่นเต้นใช้ได้ทีเดียว และถ้าใครยังไม่ทานข้าว ที่ท่าเรือมีร้านอาหารบริการ  นอกจากนั้นก็มีชาวบ้านเอาของป่าเช่น หน่อไม้ หรือเห็ดมาขายริมฝั่งด้วยค่ะ          หลังจากเอาเรือลงโป๊ะและข้ามฟากจาก อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ไปยัง บ้านท่าแฝก อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ เราก็พึ่งบรรลุว่าแม่น้ำที่เราข้ามมานั้นคือ พื้นที่ของ "เขื่อนสิริกิติ์"  นั่นเองค่ะ ดีที่ไม่ได้เล่าให้ใครฟังไม่อย่างนั้นคงได้ปล่อยไก่ไปหลายเล้าเลยทีเดียว เมื่อออกจากฝั่งเขื่อนสิริกิติ์แล้วเราก็เดินทางต่อ เพื่อจะกลับบ้าน ระหว่างการเดินทางผานอำเภอคลองตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ เราเห็นป้าย "อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่" ก็เลยอยากแวะดูว่ามีอะไร และพบว่าที่นี่สมชื่อว่าอุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ เพราะมีต้นสักใหญ่และมีอายุเก่าแก่หลายร้อยปี และได้ชื่อว่าเป็นต้นสักที่ใหญ่ที่สุดในโลก   ต้นสักใหญ่นี้ได้ถูกค้นพบเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2470 โดยมีอายุประมาณ 1,500 ปี และได้มีการวัดความยาวรอบต้น เมื่อ พ.ศ. 2543 ว่ามีขนาด 1,007 เซนติเมตร  และเพื่อเป็นการรักษาอายุของต้นสักต้นนี้ กรมป่าไม้จึงได้ทำทางเดินล้อมรอบต้นสัก เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปใกล้และเหยียบย่ำราก หรือเข้าไปใกล้ต้นสัก เมื่อผู้เขียนได้กลับบ้านไปเล่าให้คุณพ่อของผู้เขียนฟัง คุณพ่อเล่าว่าเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ ตอนทำงานที่กรมทางหลวง เคยมาตั้งแค้มป์เพื่ออบรมเกี่ยวกับการขับเครื่องจักรต่าง ๆ อยู่ที่นี่  ต้นสักอยู่ที่นี่มีสองต้นคู่กัน และมีน้ำตกอยู่ใกล้ ๆ พวกหนุ่ม ๆ เคยไปอาศัยอาบน้ำที่น้ำตกแห่งนั้น ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าต้นสักที่คู่กันนั้นน่าจะหักโค่นไปนานแล้ว เพราะเห็นแต่ตออยู่ข้าง ๆ และด้วยความไม่ทราบประวัติที่มาจึงไม่ได้ถ่ายรูประยะไกลเอาไว้ และเราสองคนปักหมุดเอาไว้ว่าหากมีโอกาสในคราวหน้าเราอาจจะมาตั้งแคมป์เพื่อย้อนรอยอดีตของคุณพ่อสมัยหนุ่ม ๆ ที่อุทยานแห่งชาติแห่งนี้อีกครั้ง       เรื่องและภาพ โดยผู้เขียน  

Cessana U17B "ตำนานแห่งเครื่องบิน"
อ่าน

Cessana U17B "ตำนานแห่งเครื่องบิน"

Cessana U17B “ตำนานแห่งเครื่องบิน”วันนี้ swivel มาบอกเล่าเรื่องตำนานแห่งเครื่องบินลำนี้กันครับดูจากรูปภาพด้านบนแล้ว เป็นที่รู้กันดีว่าเครื่องบินลำนี้ใช้ในทางทหารแน่นอนครับ เจ้าลำนี้ มีชื่อเรียกในทางทหารว่า Cessana U17B หรือจะเรียกสั้น ๆ ว่า U17 แต่ในทางพาณิชย์จะมีชื่อว่า Cessana 185 Skywagon ฟังดูเท่ห์เลยใช่มั้ยล่ะ U17 ลำนี้ถูกผลิตขึ้นโดย Cessana Aircraft Company และถูกพัฒนาโดย Cessana 180 ครับมองเผิน ๆ เครื่องบินประเภทนี้จะดูเก่าแก่ไปมากเลยทีเดียว เพราะเจ้าคุณปู่ลำนี้มีใช้มาตั้งแต่ปี 1961-1985 ผ่านสมัยสงครามเวียดนามมาอย่างโชกโชนเลยทีเดียว แต่ในความแก่มันยังมีความเก๋าในตัวอยู่ เปรียบเทียบกับรถ นี้คือ Ford Mustang ในยุค 70 ดี ๆ นี่เอง สำหรับสมรรถนะ และขีดความสามารถ U17 ลำนี้ มีสมรรถนะถึง 300 แรงม้า เครื่องยนต์ลูกสูบ Contenantal IO-520-D มี 6 กระบอกสูบ ถ้าย้อนกลับไปในยุค 60-70 นี้คือเครื่องบินที่สุดยอดมากประเภทหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากสมรรถนะที่ดีแล้วอัตราการไต่ร่อน ที่ใช้ในการบิน มีถึง 1,010 ฟุตต่อนาที หรือ 5.1 เมตรต่อวินาที และมีระยะทางในการบินถึง 1,333 กิโลเมตรเลยทีเดียวสมัยก่อนที่กองทัพบกไทยเริ่มนำเครื่องบินประเภทนี้มาใช้ในกองทัพ เจ้า U17B จะถูกนำมาใช้ในงานธุรการกองทัพ รับส่งบุคคลสำคัญ ใช้ในภารกิจสำรวจและถ่ายภาพพื้นที่ ถือได้ว่ามีบทบาทในกองทัพไทยและสร้างความประทับใจกับทหารไทยได้มากเลยทีเดียว ปัจจุบัน เจ้า U17B ยังอยู่ในกองทัพบกไทยอยู่ แต่น่าเสียดายที่มีอายุมากแล้ว จึงไม่ได้มีการนำมาปฏิบัติภารกิจแล้ว (ยังบินได้อยู่) และจะถูกปลดประจำการในอีก 3 ปีข้างหน้านี้แล้ว ถึงจะมีความเก่าแก่มากแค่ไหน แต่ในเวลาที่ผ่านมาที่นับไม่รู้กี่ปีที่ U17B ปฏิบัติภารกิจให้กับกองทัพไทย สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศไทยได้ตั้งมากมาย “Infinite development drive by Swivel” “Everything Are Swiveling”ที่มาภาพ: www.thaiflynavy.org 

รีวิวคาเฟ่ Simple Plan x River @ นครชัยศรี
อ่าน

รีวิวคาเฟ่ Simple Plan x River @ นครชัยศรี

ถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหาคาเฟ่ติดแม่น้ำสำหรับนั่ง Chill ที่เดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพมากนักจังหวัดนครปฐมเป็นอีกที่หนึ่งที่น่าสนใจซึ่ง Simple Plan x River นครชัยศรี คือคาเฟ่ที่เราจะพาเพื่อน ๆ ไปรีวิวกันในวันนี้ Simple Plan x River นครชัยศรี เป็นคาเฟ่เล็ก ๆ สไตล์ Loft ที่อยู่ติดกับแม่น้ำนครชัยศรี อ.นครชัยศรี จ. นครปฐม โดยป้ายชื่อร้านจะเป็นภาพเขียนบนผนังกำแพงสีขาวติดกับแม่น้ำ ส่วนทางเข้าร้านก็มีความเก๋ เป็นทางเดินแคบ ๆ แนว Minimal เมื่อเดินผ่านบริเวณป้ายทางเข้ามาแล้ว Café จะเป็นสไตล์ Minimal และ Loft ร้านจะเป็นแบบ Open Air หันหน้าติดกับแม่น้ำนครชัยศรีทั้งหมด เคาน์เตอร์จะตกแต่ด้วยไม้สีน้ำตาลเข้ม ทางร้านมีการใช้รูปวาด และแจกันดอกไม้ตกแต่งบริเวณโต๊ะนั่ง เพิ่มความ Chill ไปอีกค่ะ โต๊ะนั่งของทางร้านนั้นจะมีทั้งแบบที่นั่งกับพื้นมีเบาะปูนั่งหันหน้าไปทางแม่น้ำนครชัยศรี กับโต๊ะนั่งปกติ ซึ่งทั้งสองแบบ เพื่อน ๆ ก็จะเห็นแม่น้ำทั้งคู่ ส่วนของเครื่องดื่มและเบเกอรี่ ร้านมีเมนูเบเกอรี่น่ารัก ๆ หลายเมนูแต่เนื่องจากเราไปสายแล้ว บางเมนูอาจจะหมด วันนี้เราสั่งเมนูเครื่องดื่มเป็น Peach Tea ซึ่งรสชาติให้ความสดชื่นเข้ากับบรรยากาศของ Café มากค่ะ หากเพื่อน ๆ กำลังหาคาเฟ่สำหรับนั่ง Chill ติดกับแม่น้ำ Simple Plan x River นครชัยศรี ก็เป็นอีกตัวเลือกนึงที่น่าสนใจ แถมนครปฐมยังมีคาเฟ่และร้านอาหารอร่อย ๆ ให้ไปลองอีกหลายที่เลย ถ้าว่าง ๆ อย่าลืมแวะมานะคะ ราคาเครื่องดื่ม Peach Tea       ราคา 70 บาท   เพจร้าน             : Simple Plan x River เวลาเปิด-ปิด      : 10.00 - 18.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) GPS                 : Simple Plan x River เบอร์โทรร้าน      : 061 269 2945 เครดิตภาพ        : Dayone #dayone # Simple Plan x River #Cafe #คาเฟ่สวย #คาเฟ่นครปฐม #รีวิวคาเฟ่ #คาเฟ่ใกล้กรุงเทพ #เที่ยวคาเฟ่ #Cafe Hopping #คาเฟ่ริมแม่น้ำ #นครชัยศรี หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !

No Plan Trip :  2 วัน 1 คืน ณ จันทบุรี
อ่าน

No Plan Trip : 2 วัน 1 คืน ณ จันทบุรี

ครั้งหนึ่งผู้เขียนมีธุระไปแถบชายฝั่งทะเลตะวันออก  ก็เลยถือโอกาสไปเที่ยวที่จังหวัดจันทบุรี การขับรถเที่ยวก็ดีอย่างหนึ่ง คือเราสามารถไปไหน ๆ ก็ได้  และผู้เขียนเป็นประเภทค่ำไหนนอนนั่น เที่ยวแบบไร้แผนซึ่งข้อดีก็คือไม่รู้สึกกดดันที่ต้องไปถึงที่พักที่จองเอาไว้ล่วงหน้า  แถมเราอาจจะเจอที่พักที่บรรยากาศดี ในราคาถูกพอสมควร ทริปจันทบุรีก็เลยเป็นทริปไม่มีแผน เจอที่ไหนถูกใจก็ค่อยว่ากัน ทริปครั้งนี้เริ่มต้นที่จังหวัดนครราชสีมา ผู้เขียนใช้เส้นทางปักธงไชย - กบินทร์บุรี ผ่านจังหวัดสระแก้ว เข้าจังหวัดจันทบุรี ผู้เขียนมีความตั้งใจจะไปเยี่ยมชมสวนผลไม้  ที่เขาโฆษณาว่ามีบุฟเฟต์ผลไม้ กะว่าจะกินไส้แตก อีกอย่างก็อยากเห็นทุเรียน เงาะ ลองกอง จากต้นจริง ๆ ปรากฎว่าพอเช็คอิน ในเฟซบุ๊ก เพื่อนสมัยมัธยมก็ทักมาว่ามาทำอะไรที่จันทบุรี  ก็เลยได้ไปเยี่ยมสวนผลไม้ของเพื่อนแทน น่าเสียดายที่ช่วงที่ไปนั้นเป็นต้นฤดู ผลไม้ในสวนก็ยังไม่สุกงอมพอจะเก็บกินได้ และอีกอย่างหนึ่งก็พบว่าสวนปาล์มที่เคยได้ราคาดีเมื่อหลายปีก่อนตอนนี้ราคาตก จนเจ้าของสวนตัดสินใจตัดสวนปาล์มทิ้ง แล้วเปลี่ยนเป็นปลูกเงาะ และทุเรียนแทน นั่งคุยสารทุกข์สุกดิบประสาคนไม่เจอกันนานได้เวลาสมควรก็ลาเพื่อนกลับ  ออกจากบ้านเพื่อนเป็นเวลาเย็นก็เลยหาข้อมูลร้านอาหารที่น่าสนใจ พบว่ามีร้านนึง ชื่อ “ฟาร์มปูนิ่ม” เปิดตั้งแต่ 9 โมง ถึง 3 ทุ่ม ร้านจะอยู่ในอำเภอขลุง หรือจะลองหาตามพิกัดในแผนที่ก็ได้ค่ะ ขับรถเข้าออกซอยต่าง ๆ จนไปสุดริมถนน เราก็จอดรถแบบงง ๆ อ้าวแล้วร้านอยู่ไหนหล่ะเนี่ย ปรากฎว่ามีผู้ชายอายุพอประมาณแล้วมาทักว่าจะไปกินอาหารเหรอ งั้นไปรอที่ท่าเรือโน่นเลยนะ เดี๋ยวมีเรือไปส่ง นั่งเล่นรอสักครู่ก็มีเรือมารับ พาเราไปที่ร้านอาหาร ระหว่างนั่งเรือไปก็คุยกับคนขับเรือเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ในใจแอบคิด พาเรามาเชือดแหง ๆ พาไปกินไกลขนาดนี้อ่ะนะ นั่งเรือไปพักใหญ่ก็ถึงร้าน เผอิญเราไปช่วงบ่าย ๆ ก็เลยไม่มีลูกค้าหนาแน่น สามารถนั่งทานข้าวสบาย ๆ ทานเสร็จก็เดินชมสวน  ปรากฎว่าพึ่งทราบว่าคุณแม่เจ้าของร้านเป็นคนปลูกเอง มีทั้งไม้ผล ไม้ดอก ไม้ประดับ อาทิ มะนาวบัว และพวงคราม เราปลื้มปริ่มกับต้นพวงครามของคุณแม่มาก จนท่านเมตตาแบ่งต้นกล้าพวงครามมาให้ 2 ต้น (คืออยากเอามาเยอะอยู่นะคะ แต่กลัวมันตายไปเสียก่อน) เดินชมสวนได้นิดหน่อย อาหารก็มาแล้ว วันนี้สั่งกุ้งอบวุ้นเส้น จานละ 120 บาท ปูนิ่มทอดกระเทียม ราคา 200 บาท กับอะไรอีกสักอย่างมาทานกัน ด้วยความหิวก็ลืมตัวไม่มีการเก็บภาพแต่อย่างใด อิ่มแล้วนั่นแหล่ะถึงนึกได้  อิ่มอร่อยแล้วก็ลาเจ้าของร้านกลับ  เมื่อกลับออกมาก็หาที่พักซึ่งเป็นที่พัก ซึ่งเป็นโฮมเสตย์ง่าย ๆ แถวอำเภอขลุง ราคาไม่แพงมาก นอนขลุงหนึ่งคืนค่ะ ตื่นเช้า เรานำเสนอคุณแฟนว่าไปเที่ยวน้ำตกพริ้วกันมั้ย แฟนก็บ่นว่าร้อนขนาดนี้จะมีน้ำตกให้เล่นรึ  เราก็บอกว่ามีแน่นอน เราไปถึงน้ำตกในเวลาเช้า ๆ คนไม่เยอะมาก แต่ขนาดว่าคนไม่เยอะก็ยังมีคนเต็มไปหมด คงจะเป็นเพราะอากาศที่ร้อนระอุ แล้วก็เป็นวันหยุดด้วย คนก็เลยออกมาเที่ยวกันเยอะ เมื่อหลายปีก่อนผู้เขียนเคยมาที่นี่ ระบบจัดการเรื่องขยะยังไม่ค่อยดีนัก มีนักท่องเที่ยวนำอาหารและเครื่องดื่มไปกินดื่มริมน้ำตก แต่ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่อุทยานเข้มงวดและห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มเข้าไปรับประทานในบริเวณน้ำตก โดยให้รับประทานอยู่เพียงพื้นที่รอบนอกของน้ำตก ถ้าจะเล่นน้ำก็ลงไปได้แต่ตัวกับข้าวของ ซึ่งก็ดีเหมือนกันเพราะทำให้พื้นที่น้ำตก ที่มีคนไปเที่ยวจำนวนมากสะอาด น่านั่ง น่าพักผ่อน  เรากับแฟนเดินชมสถานที่ไปเรื่อย ๆ ถ่ายรูปจนพอใจแล้ว ก็เดินกลับลงมาด้านล่าง มาเล่นน้ำใกล้ ๆ บริเวณทางออกอุทยาน   เราเดินทางเข้าตัวเมืองเพื่อไปชมวิถีชีวิตริมฝั่งแม่น้ำจันทบูร เป้าหมายหลักเลยคือตั้งใจจะไปถ่ายรูปอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสินธินิริมล ว่ากันว่าภายในมีรูปปั้นพระแม่มารีอาประดับพลอย  แต่เมื่อไปถึงวิหารปิดจ้า เราก็เลยได้แค่ถ่ายรูปภายนอกอาคาร เสร็จแล้วก็เลยเดินไปดูตลาดร้อยปีหลังวัด  ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่ของที่นี่ เดินชมตลาดไปก็หาขนมของกินไปเรื่อย ๆ สุดท้ายไปจบที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงในตรอกเล็ก ๆ ที่แม่ค้าในตลาดแนะนำให้ไปลิ้มลอง กินไปก็ถามคนทำไปว่าทำไมชื่อก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง (ตอนแรกคิดว่าก๋วยเตี๋ยวหมูเรียง คือเอาหมูมาเรียง ๆ กัน) คนขายก็อธิบายว่าเป็นสูตรการทำก๋วยเตี๋ยวที่ใส่สมุนไพรคล้าย ๆ ข่า แต่ที่นี่เรียกว่า “เร่ว” มีกลิ่นหอม  กินอิ่มสบายท้องแล้วเราก็ไปต่อ วันนี้ตั้งใจจะไปตามหาปูนึ่งแถว ๆ เนินนางพญา อ่าวคุ้งวิมาน คือที่เนินนางพญาเนี่ย ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นถนนที่สวยอันดับต้น ๆ ของประเทศ และผู้เขียนก็เห็นด้วยว่าถนนที่นี่สวยจริง ๆ แต่ไปครั้งนี้ คิวการถ่ายรูป ณ จุดชมวิว มีนักท่องเที่ยวแน่นหนามาก ก็เลยตัดใจจากเนินนางพญาไปหาปูนึ่งกินดีกว่า คือ แถว ๆ นั้นจะมีบ้านชาวเลขายปูนึ่งสด ๆ ราคาเริ่มต้นกิโลละ 400 บาท พร้อมน้ำจิ้มแซ่บ ๆ ให้ด้วย มีค่าบริการนิดหน่อยถ้าจำไม่ผิด ได้ปูนึ่งเป็นเสบียงสบายใจแล้ว ก็พากันเดินทางต่อไปจังหวัดชลบุรี เป้าหมายก็คือจะไปเที่ยวเกาะสีชังต่อไปค่ะ  แถมท้ายนิดนึงจังหวัดจันทบุรี  เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความเป็นเอกลักษณ์ประการหนึ่ง คือ คนที่นี่ถึงจะพูดเสียงดังสักหน่อย แต่ก็เป็นคนใจดี จริงใจ อาหารการกินร้านไม่ใหญ่ไม่ดังหลายร้านรสชาติดี ร้านข้าวแกงง่าย ๆ ก็อร่อย เหมือนรสมือคนที่นี่ค่อนข้างดีก็ไม่รู้นะ กินข้าวมื้อไหนก็อร่อยทุกมื้อเลย ส่วนหาดทรายของจันทบุรี ผู้เขียนมองว่าทรายไม่ขาวละเอียดเหมือนหาดแถบระยอง หรือตราด แต่จันทบุรีก็มีเสน่ห์ในเรื่องอาหารการกิน ผลไม้  และบรรยากาศเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออกที่มีความสงบ เรียบง่าย มีกลิ่นอายของวัฒนธรรมดั้งเดิมที่หลงเหลืออยู่อย่างชัดเจนเรื่องและภาพ โดยผู้เขียน 

คาเฟ่ Simple Plan x River ริมแม่น้ำท่าจีน นครปฐม
อ่าน

คาเฟ่ Simple Plan x River ริมแม่น้ำท่าจีน นครปฐม

ใครมองหาคาเฟ่ในจังหวัดนครปฐมอยู่บ้าง?ร้านคาเฟ่ Simple Plan x River ก็เป็นช้อยส์หนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ร้านนี้เป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ลับ ๆ ที่เรียบง่ายแต่ได้ใจ ตรงกับชื่อร้านที่บอกว่า Plan ออกแบบ อย่างSimple เรียบง่าย ติดริมแม่น้ำ (River) ใครที่มาเที่ยวที่นี่จะได้นั่งชิมบรรยากาศดี ๆ จากริมแม่น้ำท่าจีนกันเต็มอิ่มแน่ ๆ เครดิตภาพ : Simple Plan x River เก๋ไก๋ด้วย มินิมอลลอฟต์ ร้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย สไตล์มินิมอลลอฟต์ หากพูดถึงการตกแต่สไตล์ลอฟต์ หลายคนอาจจะนึกถึง ความดิบ ความเข้ม ความเท่ ของวัสดุตกแต่งเช่น อิฐสีส้ม ผนังปูนเปลือยเทา ๆ โครงเหล็กสีดำ เฟอร์นิเจอร์ไม้ ใช่ไหมคะ แต่ที่ร้านนี้มีดีไซน์การตกแต่งที่ผสมผสานความขาวคลีนแบบมินิมอลกับ ความเป็นลอฟต์เข้าด้วยกันอย่างลงตัวบรรยากาศภายในร้านทำออกมาได้โปร่ง โล่ง สบายน่านั่งมาก ๆ เครดิตภาพ : Simple Plan x River เดิมที่ร้านคาเฟ่Simple Plan x River แห่งนี้เคยเป็นโกดังเก็บของมองเลย่ะ แต่ในที่สุดก็ได้รับการแปลงโฉมให้กลายเป็นคาเฟ่สุดเก๋ Cushy แบบนี้จนได้ การตกแต่งของร้านจะเน้นโทนสี ขาว เทา น้ำตาล ดูเรียบง่าย บรรยากาศเมื่อมองไปยังแม่น้ำนี่สวยงามสบายตามากเลย ทางเข้าหน้าร้าน อาจจะตกกะใจกันซักหน่อย ถ้าไม่บอกว่าเป็นคาเฟ่นี่อาจจะไม่รู้นะเนี่ย แต่ดูรวม ๆ แล้วมีเสน่ห์ เท่สุดเลยค่ะ ด้านในร้านจะมีที่นั่งอยู่รองรับได้ประมาณ 10- 15คน มีที่นั่งหลายโซนเลย โดยโซนที่ฮอตฮิตและถูกจับจองกันบ่อยที่สุดคงจะหนีไม่พ้นโซนริมน้ำ เพราะนอกจากจะเย็นสบายนั่งมองน้ำเพลิน ๆยังได้รับลมธรรมชาติจากแม่น้ำอีกด้วยค่ะ ที่เก๋ก็คือยังมีดีเทลเล็ก ๆ ให้เราเห็นความเป็นลอฟต์อย่างอิฐขอบผนังแตก ๆ ตรงนี้ นอกจากริมน้ำก็จะมีโซนหน้าต่างที่แขวนด้วยผ้าม่านบาง ๆ ให้แสงธรรมชาติลอดส่องเข้ามาดูแล้วอบอุ๊นอบอุ่น มาคาเฟ่จะชมแต่บรรยากาศอย่างเดียวก็คงไม่ได้แล้ว ก็ต้องมาดูกันที่ของกินบ้าง ความพิเศษของร้านนี้คือขนมเค้กแต่ละเมนูมีไขมันทรานส์ ไขมันไม่อิ่มตัว ที่ไม่ทำให้ขนมเสียเร็วไม่เหม็นหืน รสชาติและเทกเจอร์ที่แตกต่างด้วยค่ะ เมนูของที่นี่เน้น เครื่องดื่มและเค้ก จะมีขนมทานเล่นอย่างเฟรนซ์ฟรายและนักเก็ตด้วย ช่วงราคา เริ่มต้นที่ 65- 300 บาทค่ะ นี่ก็เป็นเมนูที่เราได้ไปลิ้มลองมาRed Velvet ทานคู่กับ โกโก้มินต์ เค้กแดงแรงฤทธิ์ เนื้อเค้กละเอียดแน่น ๆ ดีค่ะ มีความหวานขมของโกโก้ปนกับครีมชีสเข้ากันได้อย่างลงตัวโกโก้มินต์หวานขมผสมกินมินต์ ชอบมากกกค่ะ เราเป็นสาวโกโก้มินต์เลยดูจะไม่เข้ากันแต่เข้ากันดี ซึ่งช่วงที่เราไปก็เป็นช่วงเดียวกับคริสต์มาสต์ มีการตกแต่งร้านด้วยต้นคริสมาสด้วยน่ารักมาก ๆ ค่ะ ❚✎ข้อมูลคาเฟ่ Simple Plan x River❚ ♡ช่องทางออนไลน์:𝐹𝑎𝑐𝑒𝑏𝑜𝑜𝑘,𝐼𝑛𝑠𝑡𝑎𝑔𝑟𝑎𝑚 ♡𝑇𝑒𝑙:0612692945 ♡𝑂𝑝𝑒𝑛-𝐶𝑙𝑜𝑠𝑒:𝑆𝑎𝑡 - 𝑆𝑢𝑛 10.00 - 18.00 ♡พิกัด:48/2 ม.3 ต.สัมปทวน อ.นครชัยศรี เทศบาลนครนครปฐม จ.นครปฐม ♡เพิ่มเติม: ✔ที่จอดรถ ✔ มีห้องน้ำบริการ ✖ไม่รับบัตรเครดิต อยากบอกว่าคาเฟ่นี้ถูกใจเรามากในความเรียบง่ายได้ใจ นั่งแล้วรู้สึกสบายใจ ใครสนใจอย่ามัวแต่อ่านรีวิวนะคะ ต้องไปลองกันดูซักครั้ง ที่คาเฟ่Simple Plan x River

หุ้น Alibaba ทะยาน 4.2%! ซุ่มพัฒนา ‘Plan C’ AI ชน Doubao ของ ByteDance
อ่าน

หุ้น Alibaba ทะยาน 4.2%! ซุ่มพัฒนา ‘Plan C’ AI ชน Doubao ของ ByteDance

#BABA #ทันหุ้น - ข้อมูลจาก Investing.com ได้ระบุว่าAlibabaGroup (NYSE:BABA) ราคาหุ้นพุ่งขึ้นในการซื้อขายที่ฮ่องกงเมื่อวันอังคาร หลังจากสื่อท้องถิ่นรายงานว่าบริษัทกําลังพัฒนาโครงการปัญญาประดิษฐ์ที่มุ่งแข่งขันกับผลิตภัณฑ์จากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ByteDance Alibaba (HK:9988)ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 4.2% แตะที่ฮ่องกง $169.0 และเป็นหนึ่งในหุ้นที่ช่วยหนุนดัชนี Hang Seng มากที่สุด ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.7% สื่อจีน Sina Tech รายงานว่าหน่วยงาน Quark ของ Alibaba กําลังพัฒนาโครงการใหม่ที่มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI แบบสนทนา โครงการนี้มีชื่อว่า "Plan C" อาจมีเป้าหมายเพื่อท้าทาย Doubao แชทบอท AI ของ ByteDance โดยตรง Plan C กําลังถูกพัฒนาโดยทีมหลักของ Quark โดยได้รับการสนับสนุนจาก Tongyi Labs ของ Alibaba โดย Tongyi Labs เป็นหัวใจสําคัญของความพยายามในการพัฒนา AI ของ Alibaba Tongyi ได้พัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ Qwen ทั้งหมดของ Alibaba และยังเป็นหนึ่งใน LLM ชั้นนําของจีนในตลาด หน่วยงานนี้กําลังแข่งขันคอต่อคอกับ ByteDance ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้พัฒนา AI รายใหญ่ที่สุดในจีนผ่านแพลตฟอร์ม Doubao ที่มา https://th.investing.com/news/stock-market-news/article-487329

เที่ยวพัทยา ครั้งแรกแบบ No Plan (อย่าหาทำ) ระวังจะลำบาก
อ่าน

เที่ยวพัทยา ครั้งแรกแบบ No Plan (อย่าหาทำ) ระวังจะลำบาก

ไหนใครเคยไปเที่ยวพัทยาบ้าง? สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ วันนี้นะคะ เราจะมารีวิวการไปเที่ยวพัทยา ครั้งแรกแบบ No Plan (อย่าหาทำ) ระวังจะลำบากค่ะ ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าเรามีโอกาสได้แวะไปเที่ยวพัทยาตอนเย็นๆแล้วค่ะเนื่องจากไปทำธุระที่ชลบุรี เลยตัดสินใจแวะไปเที่ยวทะเลสักหน่อย ผลปรากฏว่าเลี้ยวรถไปเข้าทางพัทยาใต้ เพราะว่า Google map พาไปทางนั้น อะในใจคิดว่า “อย่างน้อยก็ได้เห็นทะเลแล้ว แค่นี้ก็ดีใจแล้ว” ลำดับต่อไปหาที่จอดรถค่ะ ผลปรากฏว่ารถแน่นแบบแน่นมาก ทำไงล่ะ ก็ขับรถหาที่จอดรถไปสุดทางเลยจนถึงสตรีทฟู้ด ถนนคนเดินพัทยา ยังเห็นทางไปได้อีก ก็ไปให้สุดเลยค่ะผลปรากฏว่าสุดทางสตรีทฟู้ด แล้วเป็นท่าเรือไปเกาะล้าน สรุปเราก็ได้ที่จอดรถทางที่จะไปขึ้นเขาบริเวณที่เลยท่าเรือไปเกาะล้านอีกค่ะ555 ถามว่าที่จอดรถใกล้ๆ มีไหม มีค่ะ แต่ต้องเสียเงิน5555 สภาพเที่ยวแบบคนประหยัดงบ หลังจากนั้นอยากไปเที่ยวทะเลต้องทำไงอะคะ เดินสิคะ ถามว่าไกลไหมบอกเลยว่าไกลมาก ความอยากได้แตะน้ำทะเลในรอบหลายปี ก็ต้องเดินไปค่ะ แต่ก็ได้เดินเที่ยวแถวสตรีทฟู้ด ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารนานาชาติ รวมถึงมีชาวต่างชาติมากมาย คนเยอะมากๆ โซนพัทยานี่คือคนเยอะจริงๆ ถ้าใครไม่ชอบเที่ยวทะเลแบบคนเยอะๆหนีไปค่าเราก็เดินไปเรื่อยๆค่ะ เพลินๆ ในที่สุดก็พ้นสตรีทฟู้ดเเล้ว กว่าจะพ้นก็ใช้เวลาเดินครึ่งชั่วโมงได้ ถึงชายหาดพัทยาจริงๆแล้วค่ะ ไปค่ะไปเล่นน้ำกัน ถามว่ามีชุดที่เหมาะกับการเล่นน้ำไหม ไม่มีค่ะ5555 คือไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย ใส่แต่กางเกงขายาวที่เอาขาขึ้นไม่ได้ เป็นไงเป็นกันลงไปเล่นน้ำเลย (ก็ได้แค่เดินแตะๆน้ำทะเลริมหาดแหละค่ะ) ใส่รองเท้าด้วยนะ ใครเขาทำกัน รองเท้าลอยน้ำไปเลยจ้า วิ่งตามเก็บรองเท้าอีก นั่งเล่นริมทะเลอีกนิด ก็มืดแล้วใกล้เวลาที่ต้องเดินทางกลับบ้านแล้ว เราต้องฝ่าชาวต่างชาติในสตรีทฟู้ดอีกแล้ว555 ไปค่ะลุย แอบแวะหาของกินเซเว่นตรงสตรีทฟู้ดหน่อย เซเว่นคือมีเป็นระยะๆตลอดทางสตรีทฟู้ดเลย ในที่สุดเราก็เดินไปสุดทางแล้วค่ะ เดินต่ออีกนิดไปที่ที่จอดรถ ขึ้นรถกลับบ้านกันค่ะ สุดท้ายนี้นะคะอยากจะบอกเพื่อนๆว่า อย่าหาทำ ไปเที่ยวพัทยาครั้งแรกแบบ No Plan นะคะ เพราะว่าอาจสร้างความลำบากในการเที่ยวได้ ควรศึกษาข้อมูล การเดินทาง เวลา ด้วยนะคะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพัทยาเป็นทะเลที่สวย ที่หนึ่งเลย มีหลากหลายมุมที่เหมาะแก่การถ่ายรูปสวยๆมากๆค่ะที่ตั้ง : ชายหาดพัทยาล็อค 88 หนองปรือ อำเภอบางละมุง ชลบุรี 20150พิกัด : https://maps.app.goo.gl/hkXW6KUNBrwLaD5Z8?g_st=icขอบคุณภาพปก และภาพประกอบทั้งหมด จาก neenn.97 / Instagram (พี่สาวผู้เขียน)#พัทยา #หาดพัทยา #ทะเล #ชลบุรี #ที่เที่ยว แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “ท่องเที่ยว”

No plan trip : น้ำตกบ๋าหลวง อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
อ่าน

No plan trip : น้ำตกบ๋าหลวง อ.กระนวน จ.ขอนแก่น

ในวันหยุดคนขอนแก่นจะหาที่เที่ยวใกล้ ๆ เมืองค่อนข้างยาก แหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งไม่เป็นที่รู้จัก หรือเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ยิ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติประเภทน้ำตกนี่ ในเขตใกล้อำเภอเมืองมากที่สุดเห็นจะเป็นน้ำตกตาดสูง น้ำตกตาดทิดมีที่อยู่อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น ที่จะพอมีน้ำให้เล่นในช่วงฤดูฝนไปจนถึงช่วงเดือนมกราคม ส่วนน้ำตกแห่งอื่นมักจะมีน้ำแค่ช่วงหลังวันฝนตกเพียงวันหรือสองวันเท่านั้น มีคนแอบสารภาพรักกันบนผืนทรายบริเวณริมน้ำตก     น้ำตกบ๋าหลวง เป็นน้ำตกที่มีในช่วงฤดูฝนไปจนถึงช่วงต้นฤดูหนาว อยู่ในวนอุทยานน้ำตกบ๋าหลวง อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น การเดินทางไปน้ำตกแห่งนี้ค่อนข้างสะดวกสบายเพราะสามารถใช้เส้นทางถนนมิตรภาพที่มี  8 เลน  ขับรถกันสบาย ๆ แต่วนอุทยานน้ำตกที่นี่ไม่มีบริการบ้านพักนักท่องเที่ยว แต่มีลานกางเต็นท์ สำหรับคนที่อยากพักที่นี่   บรรยากาศความชุ่มชื้นรอบ ๆ น้ำตก   น้ำตกบ๋าหลวง เดิมชาวบ้านเรียกว่าน้ำตกตาดโตน ซึ่งเป็นลำห้วยที่ไหลมาจากภูเขาสวนกวาง  ภูเขาที่นี่ไม่สูงมาก  น้ำตกเองก็สูงประมาณ 10 เมตร เป็นลักษณะน้ำจากลำห้วยไหลมาแล้วก็ไหลลงตาดหินซึ่งเป็นพื้นที่ด้านล่างของภูเขา ทำให้เกิดน้ำตก ตอนแรกผู้เขียนไปถึงก็จอดรถไว้ใกล้ ๆ ลำห้วยแล้วก็เดินลัดเลาะตามลำห้วยมาเรื่อย ๆ จนสุดปลายห้วยก็เป็นน้ำตก มีประชาชนมาเที่ยวพอสมควร  และความขัดใจแม่มากคือ เมื่อมีคนเที่ยวเยอะ สิ่งที่ตามมาก็คือขยะ อาจจะเป็นเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่พึ่งเปิดให้คนเที่ยว ระบบการจัดการของหน่วยงานในพื้นที่อาจจะยังไม่ดีเท่าที่ควรก็เป็นได้ รวมถึงการเปิดเครื่องเสียงจากรถยนต์ที่มาจอดใกล้ ๆ น้ำตก ซึ่งก็ทำลายบรรยากาศธรรมชาติ และความร่มรื่นไปไม่น้อย สำคัญที่สุดคือสำนึกและวินัยของนักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างพวกเรานี่หล่ะ ที่ไม่เคารพกฎ กติกาใด ๆ ของการท่องเที่ยว   ยังไงก็ขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลอุทยานทุกคนที่ต้องคอยเก็บกวาดขยะและตามเตือนคนที่ไม่เคารพกติกาค่ะ ของที่ระลึกที่นักท่องเที่ยวไม่ควรฝากไว้    ปิดตาไว้ข้างนึงสิ่งไม่พึงประสงค์ เพราะการมาทริปนี้ไม่ได้มาเพื่อตรวจสอบการจัดการระบบการท่องเที่ยว จึงปล่อยผ่าน (แต่ก็ยังแอบบ่นอยู่ดี)  จะพบว่าน้ำที่ไหลจากลำห้วยตกลงมามีความสวยงาม ร่มรื่น เมื่อได้แช่ขาแล้วก็ทำให้ใจสงบและสบายมากขึ้น ใจจริงอยากจะลงแช่น้ำเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ไว้ใจเด็ก ๆ และนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ใกล้ ๆ เกรงว่าจะมีการปล่อยอะไร ๆ เผื่อแผ่เราไว้ในน้ำ เอาเป็นว่าแช่ขาพอให้ชื่นใจ แล้วก็ขึ้นไปสำรวจพื้นที่รอบ ๆ แต่เมื่อเดินขึ้นมากะว่าจะเดินเที่ยวป่าพบว่า แดดเมืองขอนแก่นแสบร้อนมิใช่เล่น เลยขอหลบร้อนในรถดีกว่า การเดินทางไปน้ำตกบ๋าหลวงอำเภอกระนวนนั้น สามารถใช้เส้นทางได้หลายเส้นทาง อาทิ ถนนหมายเลข 2 เส้นทางถนนมิตรภาพ  เลี้ยวขวาไปถนน 2039 หรือจะใช้เส้นทาง 1027 - 4007 ผ่านวัดพระธาตุขามแก่น แล้วเข้าสู่ถนนโยธาธิการ ไปจรดถนน 2039 ได้เช่นกัน ซึ่งทั้งสองเส้นทางจะมีแหล่งท่องเที่ยวให้แวะทั้งสองเส้นทางค่ะ เรื่องและภาพโดยผู้เขียน

No plan trip : เชียงใหม่รำลึก รีวิววัดในเชียงใหม่
อ่าน

No plan trip : เชียงใหม่รำลึก รีวิววัดในเชียงใหม่

ผู้เขียนเคยเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ครั้งแรกกับคุณแม่และน้องชาย เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2525-2526 และหลังจากนั้นเราก็ไม่มีโอกาสได้เดินทางไปเชียงใหม่พร้อมหน้ากันอีกเลย และปกติช่วงคริสมาสต์คุณแฟนจะได้หยุดยาว  เราก็เลยวางแฟนกันว่าจะไปขับรถเที่ยวเหนือไปเรื่อย ๆ เหมือนปีที่ผ่านมา ปีนี้ปักหมุดไว้ที่ดอยอ่างขางส่วนรายละเอียดแต่ละวันไปไหนอะไรยังไงแล้วแต่สี่ล้อจะพาไป แต่ในทริปเรามีการเปลี่ยนแผนนิดหน่อยเพราะเพื่อนร่วมทางเราเป็นพระเพิ่มมา 1 รูป  ดังนั้น ทริปเราเลยจะพักแบบตามใจฉันเหมือนทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมาไม่ได้ มีกำหนดเวลาเรื่องการฉันภัตตาหาร และกำหนดเวลาการเข้าพักที่พัก ซึ่งในแต่ละวันกว่าจะออกเดินทางได้ก็จะประมาณ 8 โมงเช้า และต้องเข้าที่พักก่อน 4 หรือ 5 โมงเย็น เพื่อจะได้ทำกิจของสงฆ์ได้  เราออกเดินทางจากที่พักจังหวัดขอนแก่นหลังฉันเช้า และแวะพักเพลที่ร้านอาหารข้างทางแถว ๆ อำเภอวังทอง โดยเลือกร้านที่ค่อนข้างสงบและไม่มีคนพลุกพล่าน จากนั้นก็เดินทางมุ่งสู่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเรามาถึงค่อนข้างค่ำ อิคนขับก็หลงในเมืองเชียงใหม่ ขับไปบ่นไป สุดท้ายก็เลยเลี้ยวเข้าวัดสวนดอก ไปขออนุญาตฝากพระพักที่วัด 1 คืน ส่วนพวกเราไปเช่าหอพักรายวันติดกำแพงวัดราคา 4-500 บาท  วันแรกที่เชียงใหม่ รุ่งเช้าเราไปซื้ออาหารเช้าที่กาดพยอมแล้วมาใส่บาตรถวายจังหัน แจ้งกำหนดการว่าจะไปที่ไหนบ้าง กำหนดการที่ว่านี้มีแค่ปลายทางเด้อ ส่วนระหว่างทางจะแวะไหนนั้นก็สุดแล้วแต่ ถ้าเจอที่ไหนน่าแวะ น่าจอดเราก็จะแวะ แต่คาดว่าทริปนี้คงมีแต่วัด วัด และวัด เท่านั้น   จุดแรก เราแวะวัดอุโมงค์ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1839 พวกเราเดินชมอุโมงค์ของวัดที่ได้มีการบูรณะแล้ว  ถ้าไม่ติดว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวก็เป็นสถานที่ที่น่านั่งสมาธิพอสมควร เข้าไปด้านในเราเจอฝรั่งเข้ามานั่งสมาธิอยู่ในอุโมงค์ ด้วยความเกรงใจเราก็เลยพากันถ่ายรูปเป็นที่ระลึกนิดหน่อย แล้วก็ออกมาเดินทักษิณาวรรตหรือเวียนขวา 3 รอบที่เจดีย์วัดอุโมงค์เพื่อเป็นพุทธบูชา เสร็จแล้วเราเดินทางขึ้นเหนือต่อไป เราไปวัดถ้ำผาปล่อง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดถ้ำเชียงดาว วัดถ้ำผาปล่องแห่งนี้เป็นสำนักสงฆ์ของหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร เราต้องเดินขึ้นบันไดทั้งหมด 510 ขั้น เดินไปด้วย ภาวนา “พุท-โธ” ไปด้วยตลอดเส้นทาง ไม่ใช่ว่ามีจิตใจใฝ่ธรรมะอะไรนะคะ คือการเดินจงกรมไปด้วย จะทำให้รู้สึกเหนื่อยน้อยลง เพราะใจมันอยู่กับการเดินมากกว่าไปกังวลว่าเมื่อไรจะถึง ระหว่างทางมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเห็นพระก็ยกมือไหว้ เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนก็เข้าไปกราบรูปเหมือนของหลวงปู่สิม แล้วพระท่านก็ไปปฏิสันถารกับพระในวัดฉันน้ำปานะแล้วก็ลากลับ หลวงพี่ที่วัดถ้ำผาปล่องได้เมตตาเลี้ยงกาแฟเรา และยังบอกแก่พวกเราว่า หากคราวหน้าจะมาปฏิบัติธรรมก็สามารถมาได้เพราะที่นี่มีพื้นที่รองรับชาวพุทธที่อยากมาปฏิบัติธรรมได้ถึง 200 คนเลยทีเดียว ที่หลับที่นอน ห้องน้ำห้องท่าสะดวกสบายนะคุณโยม พวกเรากราบลาพระท่าน  และเดินทางต่อไปยังดอยอ่างขางด้วยจิตอันเย็นฉ่ำและเบิกบาน โดยหวังว่าเราจะเจอสำนักสงฆ์หรือวัดเล็ก ๆ สักแห่ง พอได้พักอาศัยสักคืน บรรยากาศวัดถ้ำผาปล่องทางไปดอยอ่างขางเราเดินทางไปดอยอ่างขางโดยเส้นทางหมายเลข 1340 เชียงดาว-อ่างขาง เส้นทางสูงชันและคดเคี้ยว นั่งไปก็เสียวไปตลอดทาง ระหว่างทางแวะพักจุดชมวิวเพื่อเข้าห้องน้ำและซื้อของฝากพวกอัลมอนด์ และผลไม้แห้ง  เราไปถึงดอยอ่างขางประมาณบ่ายแก่ ๆ แอบกังวลใจนิดหน่อยว่าจะเจอวัดหรือสำนักสงฆ์บ้างหรือไม่ เพราะเคยได้ยินว่าชาวเขาส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาคริสต์เป็นส่วนมาก เมื่อเราขึ้นไปถึงด่านแถว ๆ ทางแยกขึ้นดอยอ่างขาง ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ที่มาคอยอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ได้แนะนำว่าบริเวณก่อนถึงสถานีเกษตรฯ จะมีสำนักสงฆ์เล็ก ๆ อยู่ด้านขวามือ เราสามารถไปขอพักค้างคืนได้ และเมื่อไปถึงก็พบว่าสำนักสงฆ์แห่งนี้มีชื่อว่า “สำนักสงฆ์ดอยอ่างขาง” มีหลวงพ่อบุญหนัก ถาวโร เป็นเจ้าอาวาส คืนนี้เราได้ร่วมทำวัตรเย็นและนั่งสมาธิ ร่วมกับหลวงพ่อด้วย นับว่าเป็นบุญอย่างยิ่ง จนเวลาประมาณทุ่มเศษเราก็แยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศรัย อากาศที่ดอยอ่างขางนี้หนาวจับขั้วหัวใจ แต่โชคดีมีเครื่องทำน้ำอุ่นที่พอให้เรารอดชีวิตในการอาบน้ำได้ คืนนี้นอนห่มผ้าสองผืนในห้องพักที่สำนักสงฆ์ ได้ยินว่าเราต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อเตรียมตัวติดตามพระออกไปบิณฑบาต ณ สถานีเกษตรดอยอ่างขาง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเหมือนกัน   บรรยากาศสำนักสงฆ์ดอยอ่างขางวันที่สอง ตีห้ากว่า ๆ ฟ้ายังมืดสนิทอากาศหนาวน่านอนมาก ๆ  แต่เราต้องกัดฟันลุกและออกไปรอพระไปบิณฑบาต ในสถานีเกษตรดอยอ่างขาง เห็นใจพระภิกษุที่ต้องเดินเท้าเปล่าฝ่าอากาศหนาวเดินไปบิณฑบาตในหมู่บ้านชาวกระเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในสถานีเกษตร ระยะทางน่าจะ 2 กิโลเมตร หรือมากกว่านั้นก็ไม่รู้ ตอนขาไปนั้นเราเดินจากสำนักสงฆ์ไปที่สถานีเกษตร  ระหว่างทางจากวัดไปหมู่บ้านนั้น เราก็ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศการไปเรื่อย ๆ เผลอแผล่บเดียวพระท่านก็เดินไปไกลมากจนต้องวิ่งตามซึ่งก็ดีเหมือนกันจะได้หายหนาว จนกระทั่งใกล้ ๆ จะถึงหมู่บ้าน พระท่านก็ถอดหมวกและถุงมือ แล้วก็ค่อย ๆ เดินสำรวมไปรับอาหารจากชาวบ้านที่มานั่งรอใส่บาตรอย่างเป็นระเบียบ เมื่อพระให้พรเสร็จแล้วก็เตรียมกลับวัด ระหว่างทางกลับนั้นก็สว่างพอสมควรแล้วทำให้เราได้เห็นดอกนางพญาเสือโคร่ง และดอกบ๊วย พวกเราก็เดินลงจากหมู่บ้านมาสมทบกับพระอีกกลุ่ม และรอรถจากโยมที่เขาจะมารับพระกลับไปที่วัด บรรยากาศการบิณฑบาตรเช้าเมื่อมาถึงวัดเราก็มาช่วยคุณยายแม่ออกขาวจัดข้าวปลาอาหารมาถวายจังหัน ถวายเสร็จแล้วเราไปก็กินข้าวเช้าร่วมกับคนที่มาทำบุญในครัว อิ่มดีแล้วก็ช่วยเขาล้างถ้วยชามก่อนที่จะเข้ามาสมทบกับพระของเราเพื่อกราบลาหลวงปู่บุญหนัก ก่อนกลับในวันนั้น หลวงปู่เมตตาร่วมสนทนาธรรม ให้ข้อคิดเรากลับมาด้วย ซึ่งพวกเราคุยกันว่าในปีหน้าเราจะพาพ่อกับแม่มาทำบุญที่นี่อีก ขากลับเราแวะเข้าไปที่สถานีเกษตรอีกครั้ง รอบนี้เสียเงินค่าเข้าด้วยหล่ะ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเราอยากถ่ายรูปบางจุดที่ไม่ได้แวะในช่วงเช้า รวมทั้งไปถ่ายรูปดอกนางพญาเสือโคร่ง และดอกบ๊วยใกล้ ๆ ครั้งแรกที่เห็นเมล็ดกาแฟด้วย จากนั้นก็เดินทางกลับเข้าเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง แต่เราไม่กลับทางเก่าเด้อ เราใช้เส้นทางอ่างขาง-ฝาง-เชียงดาว (1240-107) สำหรับการกลับทางนี้พบว่ามันช่างหฤโหดสมคำร่ำลือว่า  เราเปิดกระจกรถตอนขับลงเพราะเคยอ่านในรีวิวว่าจะได้รู้ว่าเบรคไหม้หรือเปล่า ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ เราก็ไม่รู้เลยว่ารถเราเบรคไหม้มั้ย จนมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครหนุ่มน้อยน่ารัก 2 คนมาโบกให้จอด ทีแรกก็งง ๆ นึกว่ามีอุบัติเหตุ เพราะทางลงชันและโค้งหักศอก  พอจอดรถ น้องเขาก็วิ่งมาบอกว่า “รถพี่เบรคไหม้” พวกเราก็ตกใจรีบลงจากรถ นอกจากรถเราก็มีอีกหลายคันนะคะ ที่เบรคไหม้จอดเรียงกันเป็นแถวเลย เรานั่งรอให้ล้อหายร้อน อาการดีขึ้นแล้วก็ค่อย ๆ คลานลงช้า ๆ จนไปถึงพื้นราบ  ตอนบ่าย ๆ เราเห็นป้ายวัดอรัญญวิเวก ได้ยินว่าเป็นวัดหลวงพ่อเปลี่ยน ซึ่งปีที่เราไปนั้นหลวงพ่อท่านยังมีชีวิตอยู่ วัดอรัญวิเวกนี้เราเคยได้ยินพ่อกับแม่พูดถึงและเคยมาปฏิบัติธรรมเมื่อหลายปีก่อน เห็นว่ามีโอกาสก็มากราบท่านสักหน่อยก็ยังดี เราไปถึงวัดราว ๆ บ่ายสาม บ่ายสี่จำไม่ได้ รู้แต่ว่าตรงหน้ากุฎิหลวงพ่อนั้นใส่กุญแจคล้องเอาไว้ มีป้ายบอกว่าหลวงพ่อรับแขกประมาณ 5 โมงเย็น เรา(โยมทั้งสอง) ก็เลยถอยออกมา ส่วนพระของเรานั้นท่านเดินจงกรมรออยู่หน้ากุฏิ ปรากฎว่าประมาณ 4 โมงเศษ ๆ หลวงพ่อท่านเมตตาเปิดกุฏิให้ญาติโยมและพระเข้าไปกราบนมัสการ เผอิญเราเข้าไปเป็นคณะแรก วันนี้ท่านเมตตาคุยกับพระที่มา รวมถึงอนุญาตให้ถ่ายภาพร่วมกับท่านได้ และเนื่องจากเราเห็นว่าเวลาได้ล่วงมาค่อนข้างค่ำแล้ว ก็เลยฝากพระให้พักที่วัดแห่งนี้ ส่วนเราได้ออกไปพักรีสอร์ทใกล้ ๆ แทนวันที่สามเราตื่นแต่เช้า วันนี้ไปรับพระของเราออกมาจากวัด  แวะงานดอกไม้เมืองแกน ซึ่งเป็นงานประจำปีของแม่แตง ที่เขาจะจัดช่วงปลายปี เราถ่ายรูปดอกคอสมอสนิดหน่อย ก็ออกเดินทางต่อ เรากลับเข้าเมืองเชียงใหม่ โดยป้ายแรกเราแวะวัดพระธาตุดอยสุเทพ เพื่อรำลึกความหลังครั้งมากับแม่เมื่อตอนเรายังเด็ก ๆ ขึ้นไปไหว้พระ และรอพระท่านเดินทักษิณาวรรตรอบพระธาตุฯ แล้วเราก็มาหาเดินซื้อของฝากพ่อกับแม่กัน เสร็จแล้วก็พากันไปบ่อสร้าง ดูโรงงานทำร่มกระดาษสา แอบแปลกใจนิดหน่อยว่าเมื่อครั้งเป็นเด็ก ๆ ทำไมเราถึงตื่นตาตื่นใจกับโรงงานร่มกระดาษสามาก  แต่ครั้งนี้เราไม่ได้รู้สึกตื่นตาตื่นใจเหมือนครั้งนั้น แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและนึกถึงภาพเก่า ๆ แห่งความสุขและความทรงจำเมื่อครั้งที่เดินทางมาเมื่อหลายสิบปีก่อนบ่ายแล้วเราออกจากบ่อสร้าง กำลังคิดกันว่าเราจะกลับทางไหนดี จะกลับทางลำปาง หรือจะกลับทางใหม่ และคิดว่าไหน ๆ เราก็มาเชียงใหม่แล้ว ถามพระว่าท่านเคยไปดอยอินทนนท์หรือไม่ ท่านว่าไม่เคย เราก็เลยหันหัวรถลงไปทางหางดง สิริที่น่ารักบอกทางเราไปเรื่อย ๆ แต่ไปงงหนักตอนสิริบอกว่า “โปรดใช้ช่องทางใดก็ได้เพื่อเข้าสู่ถนนหมายเลข 121” เอ๊า หญิง หญิงจะมาบอกเช่นนี้กับเราไม่ได้ จะให้ใช้ช่องซ้ายช่องขวา หรือช่องกลางหญิงควรบอกนะคะ ทะเลาะกับสิริแบบงง ๆ แต่เราก็มั่วเข้าถนน 121 แล้วไปเลี้ยวซ้ายไปถนน 108 เพื่อไปอำเภอจอมทอง  แวะนมัสการพระธาตุจอมทอง อำเภอจอมทอง ได้สำเร็จ  เราใช้เวลาที่พระธาตุจอมทองเพียง 10 นาที แล้วก็เดินทางต่อเพื่อหาที่พักใกล้ ๆ กับดอยอินทนนท์ ตอนแรกว่าจะกางเต้นท์นอนกันที่น้ำตกแม่กลาง แต่เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าที่นี่ไม่ได้มีบริการที่พัก แต่เราสามารถไปขอพักที่วัดใกล้ ๆ น้ำตกได้ ที่วัดแห่งนั้นมีคนมาถือศีลกันเยอะว่ายังงั้น เราก็เลยขับรถข้ามน้ำตกเลียบถนนไป จนเห็นทางเข้าและป้าย “วัดเทพเจติยาจารย์” เราก็เลี้ยวเข้าไปขอพักค้างแรมหนึ่งคืน    วันที่สี่ “วัดเทพเจติยาจารย์” ซึ่งเป็นวัดของพระพรหมมงคลญาณ หรือหลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธฺโร ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ยังมีชีวิตอยู่   ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่นักเรียนสมาธิจากสถาบันพลังจิตตานุภาพซึ่งมีสาขาทั้งในและต่างประเทศมาออกธุดงค์กันด้วย ในแต่ละปีจะมีนักเรียนสมาธิมาร่วมกิจกรรมธุดงคสมาธิหลายพันคนและในช่วงปลายปีหลวงพ่อวิริยังค์จะเป็นผู้นำธุดงค์ แม้กระทั่งปัจจุบันท่านจะมีอายุถึง 100 ปีแล้วก็ตาม  เมื่อคืนเรานอนในเรือนนอนของนักเรียนสมาธิ ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักของพระสงฆ์ ตอนเช้าพระของเราได้มาร่วมทำวัตรเช้าและออกบิณฑบาตร่วมกับพระในวัด เมื่อฉันเช้าเรียบร้อยเราก็ช่วยกันล้างถ้วยชามแล้วก็กราบลาเพื่อเดินทางไปยังดอยอินทนนท์บรรยากาศวัดเทพเจติยาจารย์น้ำตกแม่กลาง เรามาถึงดอยอินทนนท์ในช่วงสายนักท่องเที่ยวยังไม่หนาตามาก เราขึ้นไปนมัสการพระมหาธาตุนภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ พร้อมกับทำทรรษิณาวรรตรอบองค์พระมหาธาตุเจดีย์เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระพันปีหลวง เมื่อเป็นที่อิ่มใจแล้วเราก็เดินทางกลับ และระหว่างทางนั้นเรารู้สึกว่าเราไม่ต้องเร่งรีบอะไรอีกแล้ว ที่อยากมาก็ได้มา ที่อยากเห็นก็ได้เห็น ได้กราบครูบาอาจารย์ และฟังธรรมะเป็นที่สบายใจ มองเห็นน้ำตกแม่กลางที่อยู่ริมทางระหว่างลงจากดอยอินทนนท์พวกเราก็เลยจอดรถพักผ่อน ตั้งน้ำร้อนเพื่อทำน้ำปานะถวายพระ แล้วก็นั่งเล่นกันเงียบ ๆ ที่ริมตลิ่งโดยไม่พูดคุยกันนานนับชั่วโมงเลยทีเดียว ดื่มด่ำธรรมชาติกันจนเป็นที่พอใจแล้ว เราก็มุ่งหน้าสู่จังหวัดลำปาง ตั้งใจว่าจะพักแถว ๆ ลำปางสักคืน ก่อนที่จะเดินทางกลับ ระหว่างไปจังหวัดลำปาง เราเผอิญขับรถผ่านลำพูน และคิดว่าไหน ๆ ก็ผ่านมาแล้ว เราก็แวะวัดพระธาตุหริภุญไชย ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีระกาซึ่งก็คือพลขับของเรา วันนี้คนที่วัดไม่แน่นหนามาก พอไหว้พระเสร็จเราก็เดินทางต่อไปยังจังหวัดลำปาง สำหรับที่พักในคืนนี้เรานอนที่จังหวัดลำปาง แต่เป็นอำเภออะไร ตำบลอะไรนั้นสุดจะเดา เพราะว่าเราหลงทางงงงง ….  คือ ที่หลงทางเนี่ย เพราะเราเห็นป้ายสำนักสงฆ์อยู่ข้างถนน ก็เลยคิดว่าโอเค นอนสำนักสงฆ์นอก ๆ เมืองน่าจะดี เราจะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับพระลูกวัด เผื่อมีธรรมะดี ๆ เปิดหูเปิดตาเรา ปรากฎว่าป้ายสำนักสงฆ์ที่อยู่ถนนใหญ่นั้น ไม่ทราบว่าบอกทางไปทางไหน สิริตัวดีก็แกล้งตาย เราก็ขับไปเรื่อย ๆ ฟ้าก็เริ่มมืด พระก็เริ่มกระสับกระส่าย ส่วนคุณโยมนั้นก็เริ่มจิตตก  และแล้วเราก็แสนจะดีใจเห็นป้ายวัดป่าอะไรสักอย่าง คุณแฟนก็เลยเลี้ยวเข้าไปในวัด ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับตลาดแลงประจำหมู่บ้าน (ตลาดขายอาหารสด อาหารสำเร็จรูปในหมู่บ้าน) ชาวบ้านที่มาซื้อของแถบนั้นก็มองตามเพราะเห็นป้ายทะเบียนรถอันบอกถิ่นที่มาของเรา จอดรถเรียบร้อยแล้ว เราก็ขึ้นไปถวายสังฆทานและปัจจัยแด่หลวงพ่อเจ้าอาวาสที่กุฎิ พร้อมกับกราบขออนุญาตค้างคืน ซึ่งหลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านก็ไม่ขัดข้องเมตตาบอกให้เราไปพักในวิหารของวัด เราเข้าไปทำความสะอาดวิหาร เปิดหน้าต่างบานสองบานพอให้อากาศระบาย เสร็จแล้วเราก็ปูเสื่อที่เตรียมมาเพื่อทำวัตรเย็นและนั่งสมาธิด้วยกันเพื่อแผ่เมตตาให้กับพระภูมิเจ้าที่ และผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี้แบบไม่แสดงกายหยาบทั้งหลาย   อาจจะด้วยเหตุที่เรามีเปติญาติมารอรับส่วนบุญจากเราสถานที่แห่งนี้จึงทำให้เราพลัดหลงเข้ามาที่นี้ก็เป็นได้ ทำวัตรเย็นเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกมากางเต้นท์ข้างบันไดวิหาร วันนี้ขอนอนใกล้ ๆ พระให้มากที่สุด บอกตามตรงเลยว่านอนวัดมาก็หลายวัดไม่เคยรู้สึกหลอนตัวเองเท่ากับวัดแห่งนี้ ทั้งที่มีรถราวิ่งผ่านหน้าประตูวัด แต่แสงจันทร์ที่ผ่านลอดซุ้มโขงประตู กับเสียงลมและอากาศอันเย็นเยียบจับใจพัดผ่านกิ่งใบของต้นโพธิ์ในวัด มันทำให้เราจิตตกและหลอนตัวเองได้ง่าย ๆ มองไปก็นึกถึงหนังผีที่มีคนนั่งอยู่บนคาคบไม้ คืนนี้ปวดฉี่แต่ไม่กล้าไปห้องน้ำฮือ ๆ ๆ  วันที่ห้าผู้เขียนตื่นตั้งแต่ตีสี่เศษ ๆ เพราะปวดท้องเบา นอนกระสับกระส่ายอยู่นานจนสุดท้ายทนไม่ไหวก็เลยค่อย ๆ ถือไฟฉายเดินลอดกุฎิหลวงพ่อเจ้าอาวาสไปเข้าห้องน้ำ นับ 1-2-3 ทำใจก่อนเปิด ท่องไว้ว่าการล้างห้องน้ำวัดเป็นการสะเดาะเคราะห์ได้อานิสงส์หลาย ๆ เราจะได้หมดทุกข์หมดโศก ก็หมดจริง ๆ แหล่ะ เพราะพอล้างห้องน้ำเสร็จ เราก็ได้ปลดทุกข์ และได้ชำระร่างกายด้วย ทำความสะอาดห้องน้ำเสร็จ พระก็ทำวัตรเสร็จพอดี  เราก็ขึ้นไปแจ้งท่านว่าได้ล้างห้องน้ำให้เรียบร้อยแล้ว พระมีสีหน้าพอใจไม่ว่ากระไร ท่านไปทำธุระส่วนตัว ส่วนเราก็ทำความสะอาดพื้นที่รอบ ๆ วิหาร เตรียมสำหรับการถวายภัตตาหารเช้า  เช้านี้พระของเราออกบิณฑบาตเพียงรูปเดียว เนื่องจากในหมู่บ้านจะไม่มีพระบิณฑบาต ธรรมเนียมที่นี่ชาวบ้านจะจัดอาหารมาถวายที่กุฏิ  ส่วนการใส่บาตรนั้น ชาวบ้านเขาจะเอาข้าวปั้นเล็ก ๆ ไปวางไว้ที่พานหรืออะไรสักอย่างหน้าพระพุทธ พร้อมกับเทน้ำใส่ภาชนะที่เขาเตรียมไว้ เราเดินตามพระเราไปบิณฑบาตเพื่อสำรวจรอบ ๆ หมู่บ้าน  เผอิญระหว่างทางมีชาวบ้านปั่นจักรยานมาก็เลยจอดใส่บาตรสองสามคน ส่วนคนอื่น ๆ มองแบบงง ๆ เราเดินตามพระบิณฑบาตทั่วหมู่บ้านเสร็จแล้ว ก็กลับมาที่วิหารเตรียมฉันอาหาร ปรากฎว่ามีแม่อุ้ยปั่นจักรยานมาใส่บาตรพระพุทธ แม่อุ้ยดีใจที่เห็นพระอยู่ในวิหารก็เลยเอาข้าวนึ่งทั้งหมดที่มีใส่บาตรให้ และถามเราว่ามาจากไหน กิ๋นข้าวแล้วกา มีอะหยังกินก่อ เราก็ตอบว่าเดี๋ยวกินข้าวก้นบาตรก็ได้ แม่อุ้ยก็ไม่ว่ากระไร ปั่นจักรยานไปสักพักก็กลับมาพร้อมข้าวนึ่งห่อใบตองตึงห่อใหญ่ พร้อมกับแอ๊บอะไรสักอย่างมาให้ 1 ห่อ วันนี้แปลกมากเรื่องอาหาร คือในบาตรก็มีพอฉันได้อิ่มพอดี ๆ ส่วนข้าวที่แม่อุ๊ยเอามาให้นั้นก็กินกันอิ่มพอดี ๆ สองคน ไม่ขาดไม่เกิน กินอิ่มกันเรียบร้อย ก็เก็บข้าวของกราบลาหลวงพ่อเจ้าอาวาสซึ่งท่านก็ยิ้มแต้บอกว่า โชคดี ๆ พอออกมากจากวัดค่อยเห็นป้ายสำนักสงฆ์ที่เราคิดว่าเราจะไปพักเมื่อคืน ก็พากันแปลกใจอยู่ว่าเราขับรถผ่านตรงนี้ แต่ทำไมไม่เห็นป้ายกันหว่า แต่มันก็ผ่านไปแล้วเนอะเราคงไม่ซ่อมด้วยการนอนที่นี่กันหรอกคืนนี้ อีกอย่างมีโยมโทรมาหาถามว่าจะกลับวัดวันไหน จะไปทำสังฆทานปีใหม่ ก็เลยทำให้เราตัดสินใจที่จะกลับกันวันนี้ แต่ระหว่างกลับ เราก็แวะวัดพระธาตุลำปางหลวง ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีฉลูและเป็นปีเกิดของพระของเรา เสร็จแล้วก็ขับลงมาเรื่อย ๆ ผ่านอำเภอศรีสัชนาลัย แวะวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง  ไหว้พระเรียบร้อยแล้ว  เราก็เดินทางกลับจังหวัดขอนแก่น  ถึงขอนแก่นประมาณ 2 ทุ่มเศษ ๆ   เรื่องและภาพโดยผู้เขียน 

Simple Plan x River: คาเฟ่ในตรอกลับริมแม่น้ำท่าจีน
อ่าน

Simple Plan x River: คาเฟ่ในตรอกลับริมแม่น้ำท่าจีน

วันหยุดสุดสัปดาห์ หากอยากหาที่นั่งชิลล์ ๆ รับลมเย็น ๆ ริมแม่น้ำ หลีกหนีรถติดในเมืองหลวง แต่ขับรถไม่ไกลจนเกินไป เราอยากชวนเพื่อน ๆ แวะมานั่งเล่นที่คาเฟ่เล็ก ๆ แห่งหนึ่งในนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ที่เปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น จากโกดังเก่าริมแม่น้ำท่าจีน ถูกแปลงโฉมใหม่เป็นคาเฟ่สไตล์มินิมอลผสมลอฟท์ ที่ยังคงความดิบ ๆ ของปูนเปลีอยไว้ ให้เห็นร่องรอยการใช้งานในอดีต ประตูทางเข้าแคบ ๆ ที่พาเราเดินไปสู่คาเฟ่ภายในโปร่งเปิดโล่งรับลม มองวิวแม่น้ำได้เต็มตาในร้านสว่างด้วยแสงธรรมชาติ บวกกับสีขาวซึ่งเป็นสีหลักที่ใช้ตกแต่งในร้าน และม่านผ้าสีขาวโปร่งบางที่พลิ้วไหวตามสายลมเอื่อยๆ ที่พัดเข้ามาทำให้บรรยากาศสงบและผ่อนคลายเหมาะจะมานั่งคุยเพลิน ๆ กับเพื่อนรู้ใจ หรือจะมานั่งชิลล์ ๆ ปล่อยเวลาให้ไหลไปกับสายน้ำพร้อมหนังสือสักเล่มก็ไม่เลวเลยทีเดียว หรือหากอยากเลี้ยงปลา ทางร้านก็มีอาหารปลาให้ร่วมทำบุญวางอยู่ใกล้ ๆ การจัดที่นั่งในร้านทุกที่นั่งหันหน้าหาแม่น้ำ และเห็นวิวแม่น้ำทุกมุม หากอยากนั่งยืดแข้งยืดขา ก็มีโต๊ะเตี้ยให้นั่งริมน้ำ จะนั่งโต๊ะบาร์ยาวสบาย ๆ หรือนั่งหลบมุมก็ได้ตามความต้องการ พอเราเดินเข้าไปในร้าน คุณป้าใจดีก็รีบปรี่มากล่าวต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ตอนนั้นโต๊ะติดริมน้ำไม่ว่างเลยสักโต๊ะ แต่คุณป้าก็บอกว่านั่งรอที่โต๊ะกลมใกล้เคาน์เตอร์และสั่งเครื่องดื่มก่อน ถ้าหากโต๊ะว่างก็ย้ายไปนั่งได้เลยตามสะดวก ที่ร้านมีเมนูหลากหลาย ทั้งขนมและเครื่องดื่ม แม้ว่าจะมีลูกค้ามาอุดหนุนไม่ขาดสาย แต่รอไม่นานคิวของเราก็ถูกเรียก และได้พีซโซดาที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามเกินความคาดหมาย ลิ้นจี่ปั่นก็อร่อยสดชื่น ส่วนขนมที่เมนูจะหมุนเวียนตามแต่ละสัปดาห์ก็น่าลิ้มลอง นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารง่าย ๆ ให้ลองสั่งมาชิมอีกด้วย เรานั่งกันจนพระอาทิตย์เริ่มคลายความร้อน เลี้ยงอาหารปลาจนอิ่ม ก็ได้เวลาบอกลาคาเฟ่ชิลล์ ๆ แห่งนี้ และจะแวะมาใหม่ในวันสุดสัปดาห์ที่ไม่มีแพลนใด ๆ Simple Plan x River ต.สัมปทวน อ.นครชัยศรี เทศบาลนครนครปฐม เปิด เสาร์-อาทิตย์ 10.00-18.00 น. โทร 061 269 2945 หรือhttps://www.facebook.com/simpleplanxriver

เปิดวาร์ป "ปลั๊ก ณภัทร" พระเอกหน้าหวานจากซีรีส์ "Wedding Plan The Series"
อ่าน

เปิดวาร์ป "ปลั๊ก ณภัทร" พระเอกหน้าหวานจากซีรีส์ "Wedding Plan The Series"

หลังจากที่ได้รู้จักกับ "สายลม" พระเอกของเรื่อง "Wedding Plan The Series แผนการ(รัก)ร้ายของนายเจ้าบ่าว" กันไปแล้ว วันนี้มาทำความรู้จักกับพระเอกอีกคนของเรื่องอย่าง "น้ำเหนือ" กันบ้าง รับรองเลยว่ามีเสน่ห์ขโมยหัวใจสาววายไม่แพ้กันแน่นอน เพราะเขาทั้งหน้าหวาน ยิ้มเก่ง ขี้เล่น แถมช่างพูดอีกด้วย เปิดวาร์ป "ปลั๊ก ณภัทร" พระเอกหน้าหวานจากซีรีส์ "Wedding Plan The Series" แนะนำตัวเองหน่อย ?ปลั๊ก : สวัสดีครับ ปลั๊ก ณภัทร ลีฬหาทร อายุ 20 ปี เกิดวันที่ 3 มีนาคม 2546 ครับ การศึกษา ?ปลั๊ก : กำลังศึกษาปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒครับ นิสัยส่วนตัว ?ปลั๊ก : ผมเป็นคนเหมือนจะนิ่ง ๆ แต่อยู่ไม่ค่อยนิ่งครับ (หัวเราะ) เข้าสังคมเก่ง คุยเก่ง ขี้แกล้งนิดหน่อย เข้ากับคนอื่นค่อนข้างง่ายมากครับ เข้ามาเล่น Wedding Plan The Series ได้ยังไง ?ปลั๊ก : มาแคสติ้งตอนที่ มี มายด์ วาย ในช่วงที่มี มายด์ วาย เปิดรับสมัครเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมาครับ มีเมย์เห็นว่าผมน่าจะเล่นเป็น "น้ำเหนือ" ได้ก็เลยได้รับโอกาสนี้มาครับ ตอนถ่ายทำซีรีส์เป็นยังไงบ้าง ?ปลั๊ก : ช่วงเเรก ๆ ก็ตื่นเต้นเเล้วก็กดดันเล็กน้อยครับเเต่ก็ค่อยปรับตัวไปเรื่อยๆ บรรยากาศในกองก็สนุกเลยครับพี่ๆทุกคนเป็นกันเองมาก เเล้วที่สำคัญอาหารกองอร่อยครับ ความยาก - ง่าย ในการรับบทน้ำเหนือ ?ปลั๊ก : ความยากในการรับบทน้ำเหนือคิดว่าน่าจะเป็นประสบการณ์ชีวิต มุมมองการใช้ชีวิตที่น้ำเหนืออาจจะมีมากกว่าครับ ผมเลยต้องทำความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับนิสัย บุคลิกของเขา เเต่ความง่ายก็คือเรื่อง Energy ที่ล้น และนิสัยที่ค่อนข้างร่าเริง โก๊ะ ๆ เพราะเหมือนกับตัวผมเลย น้ำเหนือ กับ ปลั๊ก แตกต่างหรือเหมือนกัน ?ปลั๊ก : มีทั้งเหมือนเเล้วก็ไม่เหมือนครับ ในส่วนที่ไม่เหมือนน่าจะเป็นเรื่องของอายุที่ห่างกันเเล้วก็กิจวัตรในชีวิตครับ เเต่เรื่อง Energy กับความโก๊ะ ร่าเริง นี่ค่อนข้างเหมือนกันเลยครับ ความคาดหวัง ?ปลั๊ก : อยากให้ Wedding Plan The Series ประสบความสำเร็จ อยากให้ซีรีส์ที่เราทุกคนตั้งใจกันมาก ๆ เรื่องนี้ สามารถสร้างรอยยิ้มเสียงหัวเราะให้กับทุกคนที่ดูไม่มากก็น้อยครับ อยากให้คนดูรักตัวละครของเราครับ ฝากผลงาน และช่องทางการติดตาม ?ปลั๊ก : ฝาก Wedding Plan The Series ด้วยนะครับ ออนเเอร์ทุกวันพุธ เวลา 5 ทุ่ม ทางช่อง GMM25 ดูย้อนหลังได้ที่ Youtube MeMindY Official และเวอร์ชั่น Uncut ได้ที่ IQIYI ครับ เเละติดตามทุกข่าวสารได้ที่ MeMindY Official ทุกแพลตฟอร์มเลยครับ สามารถติดตามชม "Wedding Plan The Series แผนการ (รัก) ร้ายของนายเจ้าบ่าว" ได้เร็ว ๆ นี้ ทางช่อง GMM25

รีวิวหนัง Escape Plan2 แหกคุกมหาประลัย2
อ่าน

รีวิวหนัง Escape Plan2 แหกคุกมหาประลัย2

เครดิตภาพ LionGateในภาคแรกถือว่าสร้างความประทับใจได้อย่างมากกับบทบาทนักออกแบบเรือนจำที่ต้องหาทางแหกคุกที่ตัวเองเป็นคนออกแบบ ผ่านไปไม่กี่ปีเรย์เองก็ต้องกลับมาแหกคุกอีกครั้ง ในภารกิจที่เสี่ยงตายกว่าเดิมเข้าไปแล้วออกมาได้ ก็ต้องเข้าไปใหม่อีก เรย์ เบรสลิน (Sylvester Stallone) นักออกแบบเรือนจำและนักแหกคุกมืออาชีพ หลังจากที่เขาแหกคุกออกจากเรือนจำสุดไฮเทคมาได้ในภาคแรก แต่เขากลับต้องเจอกับอุปสรรคขึ้นอีกครั้ง ในครั้งนี้เขาได้ร่วมมือกับ เทรนท์ เดอโรซ่า (Dave Bautista) เพื่อใช้ความสามารถของเขาในการแหกคุกมหาโหดอีกครั้งเครดิตภาพ LionGateหนังเปิดเรื่องด้วยคุกไฮเทคดูฉีกแนวไม่เหมือนที่เคยพบมาก่อน ซึ่งคราวนี้เรย์จะต้องเข้าไปช่วยเพื่อนในคุกที่ชื่อว่าฮาเดส การปูทางในช่วงแรกของหนังคือทำให้หนังดูน่าสนใจ จินตนาการเลยว่า ต้องมีไรมันส์ ๆ ตามมาแน่นอนแต่เมื่อหนังเริ่มดำเนินมาเรื่อย ๆ หนังมีตัวละครจีนเข้ามาเกี่ยวข้อง และแล้วบทบาทที่โดดเด่นก็ตกของพี่จีนเสี่ยวหมิงไปเฉยเลย นักแสดงนำอย่าง Sylvester Stallone และ Dave Bautista ก็กลายเป็นเหมือนนักแสดงสมทบไปซะอย่างนั้นเครดิตภาพ LionGateส่วนที่ควรจะเป็นจุดขายอย่างเรื่องการใช้การวิเคราะห์ ไหวพริบหรือความคิดสร้างสรรค์ให้แปลกแหวกแนวในการแหกคุก หรือทำไงก็ได้ให้เชื่อว่าตัวละครมีความคิดที่จะแหกคุกในแบบที่ว่าคิดซับซ้อน  กลายเป็นไม่มีเลย มันดูง่ายไปหมด แต่อย่างน้อยเสี่ยวหมิงก็มีเลือดนักแสดงที่ดีพอจะเอาอยู่ได้บ้างหนังทิ้งปมไว้ให้ดูมีความซับซ้อน ชวนติดตาม น่าค้นหาอยู่ไม่น้อยเลย แต่กลับมีการเฉลยตัดให้จบแบบง่ายเกินไป บางปมในเรื่องไม่มีการไขให้ชัดเจนว่าอะไร ยังไงทำไมเครดิตภาพ LionGateคะแนนเนื้อเรื่อง 6/10 ภาคนี้ถือว่าดรอปกว่าภาคที่แล้วไปเยอะพอสมควรเลย เดินเรื่องเอื่อยมากกว่าเดิม แต่มีข้อดีหน่อยตรงเสี่ยวหมิง ยังพอแบกหนังให้เดินหน้าไปได้ไม่น่าเกลียดนัก จริง ๆ แล้วบทหนังไม่ได้น่าเกลียดแต่ข้อเสียมหาศาลคือความเอื่อยเฉื่อยของหนังที่มีมากมายเหลือเกิน สำหรับคนที่ชอบความมันส์แบบไม่คิดอะไร ก็พอที่จะถูไถไปได้ครับหนังแหกคุกอีกเรื่องที่มีคุกไฮเทคน่าสนใจและน่าติดตาม ถ้ามองข้ามในความอืดอาดและบทบาทนักแสดงที่ดูชุลมุนไป หนังก็ถือว่าอยู่ในจุดที่ดูได้ไม่ถึงขั้นแย่มากเครดิตภาพปก LionGate

[Movie Review] Escape Plan 2: Hades หนังแหกคุกที่ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความมัน!!
อ่าน

[Movie Review] Escape Plan 2: Hades หนังแหกคุกที่ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความมัน!!

Escape Plan 2: Hades แหกคุกมหาประลัย 2 การกลับมาอีกครั้งของ เรย์ เบรสลิน (ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน) นักออกแบบเรือนจำตัวฉกาจ หลังจากที่เขาแหกคุกออกจากเรือนจำสุดไฮเทคมาได้ เขากลับต้องเจอกับอุปสรรคขึ้นอีกครั้ง ในครั้งนี้เขาได้ร่วมมือกับ เทรนท์ เดอโรซ่า (เดฟ บาติสต้า) เพื่อใช้ความสามารถของเขาในการแหกคุกอีกครั้ง ด้านนักแสดง ถึงในเรื่องย่อจะชูว่านี่คือการกลับมาแหกคุกครั้งใหม่ของ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน แต่ในความเป็นจริง พระเอกของหนังเรื่องนี้กลับเป็น หวงเสี่ยวหมิง ที่รับหน้าที่ดำเนินเรื่องตลอดทั้งเรื่อง ส่วนบทบาทของ สตอลโลน และ บาติสต้า เหมือนมารับบทเป็นนักแสดงสมทบเท่านั้น ด้านเนื้อเรื่อง หนังต้องการชูความไฮเทคของคุกนรกในภาคนี้ และตัวเอกต้องใช้ความสามารถทุกอย่างที่มี ไม่ว่าจะเป็นการวางแผน การวิเคราะห์ และการต่อสู้ เพื่อหาทางหนีออกจากคุกนรกแห่งนี้ไปให้ได้ ซึ่งมันเหมือนจะดูดี แต่สิ่งที่กล่าวมาก็ถูกโยนทิ้งไปเสียงดื้อๆ เพราะในการแหกคุกครั้งนี้แทบจะไม่ได้มีการชั้นเทิงอะไรเลย อาศัยแต่กำลังล้วนๆ แต่ด้านฉากบู๊ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้ดีดูสนุก และส่วน CG ในเรื่องก็ถือว่าทำออกมาใช้ได้ สรุป Escape Plan 2: Hades แหกคุกมหาประลัย 2 เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบหนังบู๊ที่มันสะใจ แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก และถ้าคุณเป็นแฟนหนังของ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ก็สามารถเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ให้หายคิดถึงได้ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้คะแนนจากเราไป 6.5/10!! **อย่าเชื่อจนกว่าจะได้สัมผัสด้วยตาของคุณเอง “Escape Plan 2: Hades แหกคุกมหาประลัย 2” เข้าฉายแล้วนี้ ในโรงภาพยนตร์

ทำไมต้องคาเฟ่โกดังริมน้ำท่าจีน Simple Plan x River เฟี้ยวจริงอ่ะ
อ่าน

ทำไมต้องคาเฟ่โกดังริมน้ำท่าจีน Simple Plan x River เฟี้ยวจริงอ่ะ

ใครที่เบื่อกับความวุ่นวายของสังคมเมืองกรุง ปัญหารถติดและกำลังมองหาที่เที่ยวหรือร้านคาเฟ่ดี ๆ สักร้านไว้นั่งชิลแถมใกล้กรุงเทพ วันนี้ GUไปเรื่อยจะมาแนะนำร้านคาเฟ่ดี ๆ สักร้านหนึ่ง ขับรถไม่ถึงชั่วโมงเพราะอยู่ที่อำเภอนครชัยศรีนี่เอง นั่นคือร้าน Simple Plan x Rive คาเฟ่โกดังเก่าริมน้ำแม่ท่าจีน Simple Plan x River คาเฟ่ริมแม่น้ำท่าจีน จังหวัดนครปฐม ที่พลิกฟื้นจากโกดังเก่าแก่มานานกว่า 10 ปี กลายเป็นคาเฟ่สุดชิคน่านั่งจิบกาแฟ ดื่มด่ำบรรยากาศธรรมชาติ และสัมผัสเสน่ห์ของวิถีชีวิตริมแม่น้ำท่าจีน คาเฟ่แห่งนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในสังคมเมืองมาสัมผัสชีวิตแบบสโลไลฟ์ ซึ่งภายในร้านมีการตกแต่งแบบเรียบง่าย แต่รับรองเลยว่ามีมุมให้ถ่ายรูปเก๋ ๆ เพียบไม่ว่าจะเป็นมุมที่เป็นหน้าต่างบานใหญ่ติดกับเคาน์เตอร์บาร์ พร้อมกันนี้ Simple Plan x River ยังเป็นร้าน Open Air ปลอดโปร่งโล่งสบาย ใครที่กลัวร้อนรับรองไม่ร้อนแน่นอน เพราะลมโชยมาตลอด แถมทางร้านก็มีพัดลมหลายจุด จึงทำให้ไม่ร้อนอบอ้าว อีกทั้งเสน่ห์ของร้านนี้คือมองเห็นวิวแม่น้ำท่าจีนโดยรอบ ซึ่งถือเป็นมนต์เสน่ห์ของร้านคาเฟ่ริมน้ำเลยทีเดียว สำหรับเมนูเครื่องดื่มของที่นี่มีเลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟสด กาแฟฟิลเตอร์ ของทานเล่น หรือเค้กที่เอาใจคนรักสุขภาพเพราะปราศจากไขมันทรานส์ 100 เปอร์เซ็นต์เลย (เค้กอร่อยมาก) Simple Plan x River คาเฟ่โกดังเก่าริมน้ำท่าจีน เปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์เท่านั้นตั้งแต่เวลา 10:00-18:00 น. พนักงานของที่ร้านน่ารัก และอัธยาศัยดีทุกคน ปัจจุบันกระแสร้านคาเฟ่ในประเทศไทยกำลังมาแรงและมีการแข่งขันกันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากร้านคาเฟ่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด​ใครที่ชอบบรรยากาศเงียบสงบ มองหาร้านคาเฟ่ดี ๆ ไว้พักผ่อนนั่งชิลตักตวงความสุขจากธรรมชาติของแม่น้ำท่าจีนแล้วละก็ Simple Plan x River น่าจะอยู่ในใจคุณ สามารถรับชมวีดีโอร้านคาเฟ่ Simple Plan x River แบบคมชัดได้ที่นี่ครับ ฝากกด subscribe ในยูทูป ฝากติดตามเพจ #Guไปเรื่อย #ชีวิตจับฉ่าย เครดิตภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน

No plan trip : ทริปนี้ตามใจพ่อ พาพ่อเที่ยวเหนือ
อ่าน

No plan trip : ทริปนี้ตามใจพ่อ พาพ่อเที่ยวเหนือ

ทริปไม่มีแผนคราวนี้ เนื่องจากปีนั้นคุณแม่พึ่งเสีย และคุณพ่ออยู่ในสภาวะที่ไม่ค่อยจะเป็นสุข เราจึงวางแผนพาพ่อใหญ่ (คุณพ่อ) ไปเที่ยวให้ห่างบ้านห่างเรือนสักพัก เผื่อจิตใจจะได้สบาย ผ่อนคลายความทุกข์ไปบ้าง เราใช้เวลาในการเดินทาง 3 วัน 2 คืน พลาดหน่อยตรงเลือกเดินทางในช่วงหน้าร้อน ทำให้ต้นไม้ใบหญ้าไม่เขียวชะอุ่มอย่างที่เราเคยเห็น แต่ยังไงก็ยังสวยงามแปลกตาไปอีกแบบสำหรับคนภาคอื่นอย่างเรา ๆ ในทริปของเรามีผู้ร่วมเดินทางเป็นพระภิกษุและคนชรา จึงมีข้อจำกัดโดยเฉพาะในเรื่องที่พัก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเรา เพียงแต่ต้องดูแลเรื่องอาหารการกินของขบฉัน  รวมถึงเวลาการออกเดินทางและเข้าที่พักในแต่ละวันนั้นให้มีความเหมาะสม  กล่าวคือ ที่พักนั้นเราเลือกพักตามสำนักสงฆ์ขนาดเล็ก หรือวัดขนาดเล็ก ๆ เพื่อที่จะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละท้องถิ่น ส่วนการออกเดินทางในแต่ละวันเราจะต้องออกเดินทางหลังจากการฉันภัตตาหารเช้าแล้ว ส่วนช่วงเย็นเราจะมองหาที่พักก่อนพระอาทิตย์ตกดิน หรือประมาณบ่ายสี่โมงก็จะเริ่มมองหาที่พักและเข้าที่พักราว ๆ ไม่เกิน 5 โมงเย็นเพื่อพระจะได้ทำกิจของสงฆ์ได้ เราออกเดินทางจากที่พักหลังจากจังหันแล้ว (ถวายภัตตาหารเช้าแล้ว) มุ่งหน้าไปอำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย แวะทานข้าวร้านข้างทางง่าย ๆ ตามสะดวก ถึงอำเภอศรีสัชนาลัยในช่วงบ่าย แวะวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง พ่อใหญ่ได้ถวายปัจจัยสมทบซ่อมหลังคาพระอุโบสถ แล้วเข้าไปไหว้พระ แลแดดศรีสัชนาลัยหาได้เมตตาปราณีเราไม่ อยากวิ่งหนีก็ไม่สามารถทำได้จำใจแบกกล้องเดินตากแดดไปถ่ายรูปตามใจคนแก่แล้ว  จะกางร่มหรือใส่หมวกก็ไม่ได้ พ่อใหญ่จะดุเอาว่าไม่เคารพสถานที่ เป็นลูกต้องอดทน สู้เว้ย  !  ในตอนแรกเรากะว่าจะค้างที่ศรีสัชนาลัยสักคืน แต่เห็นว่าเวลายังเหลืออีกหลายชม. เลยตัดสินใจว่าเราไปต่อกันดีกว่า เราขับรถจากศรีสัชนาลัยเข้าอำเภอวังชิ้น เลียบแม่น้ำยมไปเรื่อย ๆ เราลงมติกันว่าเราจะพักวัดใดวัดหนึ่งใกล้ ๆ น้ำยม จนกระทั่งถึงบ้านวังแฟน มีวัดเล็ก ๆ ริมถนนเราจึงเลี้ยวเข้าไปพบเจ้าอาวาสกำลังกวาดลานวัดพอดี ก็เข้าไปกราบนมัสการและขอพัก 1 คืน  หลวงพ่อท่านเมตตาให้เราพักบนศาลาของวัด เมื่อทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วเรา (ผู้เขียนและคนขับ) สองตายายก็ขับรถเข้าไปในตัวอำเภอวังชิ้นเพื่อหาซื้ออาหารเย็นสำหรับคนแก่กว่า และสำรวจตลาดว่ามีอะไรขายในตอนเช้าเพื่อจะทำใส่บาตรถวายพระด้วย วัดบ้านวังแฟนถึงจะเป็นวัดเล็ก ๆ ก็สะอาดสะอ้าน มีความสงบร่มรื่น หลังทำวัตรเย็นแล้ว เราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ตอนเช้าพระออกบิณฑบาตร เราก็เดินสำรวจตลาดในหมู่บ้าน มีชาวบ้านเอาอาหารสำเร็จมาขายใกล้ ๆ หน้าวัด เราเดินสำรวจรอบ ๆ หมู่บ้านแล้วก็รีบเข้ามาในวัดเพื่อเตรียมถวายภัตตาหารเช้า หลังจากที่ท่านเจ้าอาวาสบิณฑบาตรกลับมาแล้วมีโยมผู้หญิงมารอถวายภัตตาหารและของสังฆทานอื่น ๆ เราก็นึกว่าทุกคนจะรอถวายพร้อมกันเหมือนวัดทางอีสาน แต่ที่นี่กลับมีการถวายเป็นเคส ๆ ไป  พอโยมกล่าวคำถวายเสร็จ พระก็จะกล่าวคำอวยพรเป็นภาษาเหนือมีความยาวประมาณ 2 นาที จับใจความได้ว่า “วันนี้ เวลานี้ เป็นฤกษดี ที่นาง ก ได้มาทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้ นาย ข ผู้เป็นบิดา หากวิญญาณของนาย ข สถิตย์อยู่ ณ ที่แห่งใด ขอจงรับรู้และมารับเอาส่วนบุญนี้ และมีคำกล่าวเป็นภาษาบาลีดังนี้  ยถาวาริวหา ...”  พอถึงคำเป็นบาลี โยมก็จะทำการกรวดน้ำ   วันนั้นเห็นมีโยมมาถวายของประมาณ 3-4 คน หลวงพ่อท่านก็กล่าวแบบนี้ 3-4 รอบ ดูท่าน่าจะเหนื่อยเหมือนกันแฮะ  เสร็จจากการถวายของก็เป็นเวลาฉันภัตตาหาร พระทางเหนือจะฉันอาหารในโรงครัว (หรือห้องครัวเรียกไม่ถูก) ไม่เหมือนทางอีสานที่ฉันที่หอฉัน หรือศาลา (หอแจก) พอฉันเสร็จ ก็เป็นเวลาของโยม กินกันอิ่มแล้วก็ทำความสะอาดศาลา ถวายปัจจัยค่าน้ำค่าไฟชำระหนี้ธรณีสงฆ์ก็ออกเดินทางต่อ   ป้ายแรกของการเดินทางในวันที่ 2 เป็นวัดพระธาตุลำปางหลวง  ลำปางร้อนมาก ! ขอบอก เดินตามคนแก่และพระไปไหว้พระในวัดพระธาตุ และเดินเข้าไปชมภาพแสงหักเห เงาพระธาตุลำปางหลวงในหอพระพุทธ ผู้หญิงอย่างเราหมดสิทธิ์เพราะอนุญาตให้แค่ผู้ชายขึ้นไป เราก็ได้ชมแค่ภาพถ่ายเท่านั้น       ออกจากวัดพระธาตุลำปางหลวงแล้ว เราเดินทางต่อไปที่บ้านห้วยต้ม จังหวัดลำพูน โดยตั้งใจจะไปพักที่บ้านห้วยต้ม และนมัสการพระพุทธบาทห้วยต้ม แต่ก็เปลี่ยนใจเลือกพักวัดเล็ก ๆ แถว ๆ บ้านห้วยต้มแทน คืนนี้ทำวัตรเย็นกันแบบเหงา ๆ  หลวงพ่อเจ้าอาวาสออกตัวว่า “วัดเฮาเป็นวัดตุ๊ก ๆ (วัดจน ๆ) บ่มีอะหยัง” ซึ่งพวกเราไม่ได้ติดใจอะไรเลย เราต้องการพักวัดเล็ก ๆ เพื่อจะได้สงบจิตใจ และมีโอกาสได้สนทนากับพระในวัดแห่งนั้นมากกว่า ขนาดว่าวัดท่านเป็นวัดเล็ก ๆ แต่แรงศรัทธาของคนในชุมชนไม่ได้น้อยเลย รุ่งเช้าหลังถวายภัตตาหารแล้ว เราก็ออกเดินทางไปวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม  ช่วงนี้เริ่มมีการก่อเจดีย์ทราย มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประปราย พ่อใหญ่ไหว้พระเสร็จเรียบร้อยก็ไปนั่งพัก มีชาวบ้านเดินมาคุยเล่นทักทายสอบถามว่าเรามาจากไหนและจะไปไหนสนทนากันพอสมควรก็ลากลับ    จากนั้น เราเดินทางไปวัดมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย พาพ่อใหญ่ทำบุญและเดินเวียนเทียบรอบเจดีย์เสร็จ ก็มานั่งพักในร่ม มีน้อง ๆ ที่มาคอยบริการดอกไม้ธูปเทียนพูดคุยทักทายคนแก่   วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม วัดมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย   สังเกตุได้ว่าทริปนี้เรามักจะให้ความเอื้อเฟื้อทักทายปราศรัยและอำนวยความสะดวกให้เสมออาจจะเพราะมากับคนแก่ และพระสงฆ์ก็เป็นได้ หลังจากทำบุญไหว้พระเสร็จเรียบร้อยเราก็เดินทางกลับด้วยใจอันชุ่มชื่นเบิกบาน และพ่อก็มีความผ่อนคลายสบายใจบ้าง แม้ระหว่างทางจะนินทาแม่ผู้ที่ไม่มีกายหยาบมาด้วยตลอดทางก็ตาม   เรื่องและภาพ โดยผู้เขียน 

Simple Plan x River จ.นครปฐม คาเฟ่ริมน้ำที่ไม่ควรพลาด !!
อ่าน

Simple Plan x River จ.นครปฐม คาเฟ่ริมน้ำที่ไม่ควรพลาด !!

สวัสดีค่ะทุกคน  วันหยุดที่ผ่านมาเราได้แวะไปคาเฟ่ริมแม่น้ำท่าจีน สุดชิล สไตล์ MinimalLoft กำแพงเปิดโล่งสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำท่าจีน  ลมพัดเย็นสบาย  มีผักตบชวาลอยผ่านตาเพลิน ๆ นั่นคือ “ Simple Plan x River ” รับรองว่าหากได้มาที่นี่จะทั้งความชิลล์และภาพสวยๆ อย่างแน่นอน    Simple Plan x River ตั้งอยู่ในอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เดินทางสะดวกใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจาก กทม. ทางเข้าอาจจะดูลึกลับซักนิด ความพิเศษของที่นี่คือการรีโนเวทโกดังเก่า อายุเกือบ 10 ปี ให้กลายเป็นคาเฟ่ สไตล์ Minimal Loft  ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ และเคาน์เตอร์ปูนขัด   เรียบง่ายแต่สวยหรู  ดูดี !! Simple Plan x River  เป็นร้านออกแบบมาในแบบ Open Air  ลมพัดผ่านแบบเบาๆ สามารถสูดออกซิเจนได้อย่างเต็มปอด และสำหรับคนที่ชอบกิจกรรมทางน้ำแล้วนั้นที่นี่มี Sup Board ให้เช่า ด้วยน๊าา ชั่วโมงละ 250 บาทเท่านั้น  วันนี้เราสั่ง Kombucha Rinty  ชาหมัก เปรี้ยวซ่า  ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย  ดูเป็นคนรักสุขภาพ และรสชาติดี อร่อยถูกปากเลยทีเดียว  ตอนนี้ทางร้านมีโปรโมชั่น 3 ขวด  200 บาทด้วย สำหรับเมนูเค้กนั้น ดูน่าทานไปทุกเมนู ที่นี่ก็มีให้เลือกหลากหลาย  ราคาเริ่มต้นที่  100  บาท   สำหรับเมนูเค้กที่ขึ้นชื่อของร้านนี้คือ เค้กช็อกโกแลต รสชาติเข้มข้น  หวานปนขมกำลังดี  เนื้อเค้กนุ่มฟู  ตกแต่งด้วยสตอว์เบอร์รี่สวยงามน่าทานมากๆ  แต่เสียดายเราลืมถ่ายภาพมาให้ชมกัน ^-^ สำหรับบรรยากาศของทางร้านถือว่าดีมาก  น้องๆ พนักงานบริการดี  เครื่องดื่มและขนมก็ราคาไม่แพง ให้คะแนน 10 เต็ม 10 ไปเลยจ้า  !!  และเพื่อนคนไหนที่กำลังมองหาคาเฟ่ดีๆ  บรรยากาศริมน้ำ เดินทางสะดวก  มีที่จอดรถ  Simple Plan x River น่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ   ต้องห้ามพลาดเลย !!! สำหรับเราแล้วชอบที่นี่มาก  ด้วยบรรยากาศที่ลงตัว  และได้นั่งมองสายน้ำไหลผ่าน  เพียงแค่นี้ก็คลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานมาทั้งวีคได้เป็นอย่างดี !!ครั้งหน้าเราจพาทุกคนไปคาเฟ่ไหน  อย่าลืมติดตามกันนะคะ  !!  ขอบคุณค่ะ --------------------------------ภาพทุกภาพนักเขียนถ่ายเองนะคะ  !! พิกัดเพิ่มเติม !!  Simple Plan x River  เปิดให้บริการทุกวันอังคาร - วันอาทิตย์  เวลา 10.00 น.-18.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์)  หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่  080 943 2459  Facebook : Simple Plan x RiverMap : Simple Plan x River  **  ทั้งนี้สามารถจอดรถได้ที่ลานจอดรถของวัดสัมปตาก *STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย  https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม  https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565 

สูดหายใจได้เต็มปอด "SIMPLE PLAN X RIVER" คาเฟ่ริมน้ำสุดชิล
อ่าน

สูดหายใจได้เต็มปอด "SIMPLE PLAN X RIVER" คาเฟ่ริมน้ำสุดชิล

“เก็บเรื่องมาเล่า โดยหนุ่ม สุทน” ทักทายวันพฤหัสที่ 20 มกราคม 2565 ตามสไตล์หนุ่ม-สุทนคิคิวันนี้พาไปนั่งเล่นชิล ๆ ในร้านกาแฟสดรูปแบบตึกเก่า ๆ แต่กิ๊บเก๋น่าสนใจไปนั่งจิบกาแฟสดจริง ๆ นั้นคือ "SIMPLE PLAN X RIVER" หรือร้านซิมเพิลแพลนเอ็กซ์ริเวอร์ ตั้งอยู่ริมน้ำท่าจีนหรือแม่น้ำนครชัยศรี อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม แอบกระซิบก่อนเข้าเรื่องว่าฟิลสุด ๆ ไปเลยครับSIMPLE PLAN X RIVER คาเฟ่ริมน้ำท่าจีนทางเข้าประตูเล็ก ๆ ครับ SIMPLE PLAN X RIVER เป็นร้านคาเฟ่ในตึกเก่าแต่คลาสสิคมาก ๆ ในมุมมองของคอกาแฟสดตามสไตล์ที่คุณมองหา ผมจอดรถในลานจอดรถของวัดสัมปตากซึ่งอยู่ติดกับร้านแล้วเดินเข้าซอกกำแพงตึกแคบ ๆ เมื่อถึงภายในร้านกาแฟแล้วฮ่า ๆ คาดไม่ถึงกับทางเข้ากันเลยครับ ประทับใจหนุ่ม-สุทนเหลือเกินมองออกไปเป็นแม่น้ำท่าจีน วิวสวยมากจริง ๆ อากาศกำลังเย็นสบาย แล้วก็เลือกที่นั่งตามใจชอบ แต่บอกก่อนครับว่าเลือกไม่ถูกจริง ๆ เพราะภายในร้านตกแต่งได้สวยงามสไตล์วินเทจเล็ก ๆ กิ๊บเก๋น่ารักมากครับ โดยเฉพาะที่นั่งริมน้ำซึ่งมีทั้งเบาะรองนั่งพื้นหรือจะเลือกเป็นโซฟาก็ได้ตามใจแต่ละท่านครับ สำหรับผมไม่พลาดเก้าอี้นั่งเบาะพิงสีขาวริมน้ำท่าจีนหรือแม่น้ำนครชัยศรี ขอบอกครับฟีลดีสุด ๆ ถูกใจมุมนี้มาก ๆ ครับ ได้นั่งรับลมริมแม่น้ำ หายใจสูดอากาศได้แบบเต็มปอดพร้อมกลิ่นอายของน้ำและได้สัมผัสกับบรรยากาศวิวทิวทัศน์สวยงามช่างสุขใจจริง ๆ ครับร้องว้าวกันเลยครับ สวยมากเลือกมุมได้ตามใจกับเครื่องดื่มที่ชอบ สวยงาม บรรยากาศดีสุด ๆ ครับได้ที่นั่งถูกใจแล้ว ไม่รอช้าสั่งเลยครับเอสเพรสโซ่ร้อน 1 ถ้วย พร้อมชีสเค้ก 1 ชิ้น ขอบอกรสชาติกาแฟสดเข้มเท่จริงใจสไตล์หนุ่ม-สุทนเช่นเดิม สำหรับกาแฟสดเอสเพรสโซ่ร้อน 1 ถ้วย ราคา 60 บาท เป็นราคามาตรฐานส่วนขนมเค้ก 105 บาท ถือว่าไม่แพง ใครชอบนั่งเล่นชิล ๆ ริมน้ำท่าจีนไปได้ครับ SIMPLE PLAN X RIVER แล้วคุณจะชอบบรรยากาศริมน้ำในตึกโบราณเก่า ๆ ตกแต่งให้ดูคลาสสิคสบาย ๆ เรียกว่าใช้ชีวิตแบบสโลฟ์ไลน์แล้วได้พักผ่อนเติมพลังให้ชีวิตได้สู้กันต่อไปครับเลือกเมนูที่ชอบได้ตามสไตล์ครับสำหรับผมต้อง เอสเพลสโซร้อน เข้มเท่จริงใจตามสไตล์ หนุ่ม-สุทน ครับSIMPLE PLAN X RIVER อยู่ติดกับวัดสัมปตากเมื่อจอดรถไว้ในลานจอดรถของวัดสัมปตากแล้วผู้อ่านทุกท่านสามารถร่วมทำบุญไหว้พระพุทธรูป กราบขอพรหลวงปู่หมื่นศรี อดีตเจ้าอาวาสวัดสัมปตากได้ครับ สำหรับผมเองก็ไม่พลาดโอกาสเมื่อได้เข้ามาภายในวัดได้ทำบุญไหว้พระแล้วลอดผ่านใต้พระอุโบสถอายุเกิน 300 ปี ตั้งจิตอธิฐานขอให้ชีวิตมีความสุข ความสงบ ปลอดภัยจากโรคร้ายทั้งปวง สุขภาพแข็งแรงตลอดปีและตลอดไปด้วยครับวัดสัมปตากการเดินทางไปร้านกาแฟ SIMPLE PLAN XRIVER นั้นไปตามเส้นทางตลาดท่านาหรือตลาดเก่านครชัยศรีแล้วก็เข้าเส้นทางวัดบางคูเวียงผ่านหน้าวัดบางคูเวียงไปก็ถึงวัดสัมปตากเลี้ยวขวาเข้าวัดสัมปตากจะเห็นป้ายชื่อร้าน SIMPLE PLAN X RIVER ร้านเปิดเวลา 10.00 - 18.00 น. หยุดทุกวันจันทร์ สุขสดชื่นแจ่มใสกับการนั่งจิบกาแฟสดนะครับ "เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ ถ้าอยากรู้ต้องออกเดินทางไป...กับ...ผมหนุ่ม-สุทน” ขอบคุณและสวัสดีครับมานั่งชิล สูดลมหายใจให้เต็มปอดเติมพลังกันครับเรื่องและภาพโดย : หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์แฟนเพจเฟซบุ๊ก : เก็บเรื่องมาเล่า โดย หนุ่ม-สุทน#ติดตามฟังเรื่องราวการเดินทางเที่ยวทั่วไทยทางคลื่นข่าว100.5fm ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น. #ติดต่อวิทยากรด้านการท่องเที่ยวได้ที่ได้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก#เที่ยวเพลิน #เก็บเรื่องมาเล่าโดยหนุ่มสุทน #bigmaptravel #Tourism local life ชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวไทยยั่งยืนตามหาค่าเฟ่บรรยากาศดี ๆ รีวิวเด็ด ๆ ได้ที่นี่ App TRUEID  โหลดฟรี !

The Devil’s Plan เรียลลิตี้ใหม่จากเกาหลี ชิงเงินรางวัล 500 ล้านวอน
อ่าน

The Devil’s Plan เรียลลิตี้ใหม่จากเกาหลี ชิงเงินรางวัล 500 ล้านวอน

The Devil’s Planเรื่องย่อ : รายการเรียลลิตี้ใหม่จากเกาหลี ที่ให้คน 12 คนมาแข่งขันประลองปัญญา ไหวพริบ และทักษะการเอาตัวรอด เพื่อชิงเงินรางวัลสูงถึง 500 ล้านวอน รายการนี้โปรดักส์ชันยิ่งใหญ่อลังการสุดๆ สามารถดูได้แล้วทาง Netflix ทุกวันอังคารนะคะhttps://youtu.be/dtaLR2G-zmc?si=VI_mOnHomCjI_TFUซึ่งรายการนี้จะมีทั้งผู้ร่วมรายการที่เป็น นักแสดง พิธีกร นักร้อง คนบันเทิง Youtuber ทนายความ หมอ และอาชีพอื่นๆอีกมากมาย เรียกได้ว่าแต่ละคนเก่งกันมากๆ และโปรไฟล์แต่ละคนไม่ธรรมดาเลยค่ะรูปแบบของรายการน่าสนใจมากๆ ถ้าใครชอบดู Squid game จะให้ความรู้สึกคล้ายๆกันเลยค่ะ ในระหว่างการแข่งขันตลอด 7 วันจะมีเกมให้ผู้เข้าแข่งขันเล่น โดยตัววัดผลการแข่งขันจะเรียกว่า “พีซ” ค่ะ เริ่มต้นทุกคนจะมีคนละ 1 พีซ และในการเล่นเกมแต่ละครั้งจะต้องมีคนที่ได้รับพีซเพิ่มและเสียพีซไป ซึ่งถ้าใครเสียพีซจนเหลือ 0 คนนั้นจะต้องตกรอบ และออกจากรายการค่ะ และยิ่งไปกว่านั้นผู้ชนะ นอกจากจะได้รับพีซแล้ว ยังสามารถเลือกผู้เข้าแข่งขันไปนอนในคุกได้อีกด้วยค่ะหลังจากที่ได้ดูรายการ ด้วยความที่เป็นคนชอบดูรายการเรียลลิตี้ รายการวาไรตี้ของเกาหลีอยู่แล้ว รายการนี้เป็นอีกรายการที่เราดูรวดเดียวแบบไม่เบื่อเลย มันส์มากกก คือลุ้นและร่วมเล่นเกมตามไปกับทางรายการด้วย เกมแต่ละเกมก็จะแตกต่างกันออกไปค่ะ จะต้องใช้ทั้งจิตวิทยาและสติปัญญา ไหวพริบ การวางแผน ทีมเวิร์ค จะต้องมีทุกๆอย่างนี้ แต่!!! ไม่สามารถไว้ใจใครได้เลย แค่ 4 อีพีแรกก็เข้มข้นมาก ใครชอบเล่นบอร์ดเกมเป็นทุนเดิม ต้องดูรายการนี้เลยค่ะ แต่ถ้าใครไม่ถนัดเล่นบอร์ดเกม ไม่งงกติกาแน่นอน เพราะทางรายการอธิบายให้ค่อนข้างละเอียดพร้อมแสดงตัวอย่างก่อนการเล่นด้วย เหมือนกับว่าเราได้ไปร่วมเล่นตรงนั้นด้วยเลย รับรองว่าได้ลุ้นตาม เดาตาม สนุกกันทุกคนค่ะ นอกจากการเล่นเกมแล้ว ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนก็มีแอบสร้างพันธมิตรเพื่อช่วยเหลือกันในเกมถัดไป แต่สุดท้ายก็ต้องรอดูค่ะ ว่าจะช่วยเหลือกันจริงไหม  ตอนนี้เฝ้ารอตอนต่อไปมาก กำลังเข้มข้นเลยค่ะ รับชมได้แล้วทาง Netflix มีพากย์ไทยด้วยนะภาพปกจาก teo.universe ภาพที่ 1 จาก jjypdภาพที่ 2,3 จาก jjypdภาพที่ 4 จาก teo.universe เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

No plan trip : ขี่มอเตอร์ไซค์ ไล่ล่าพระอาทิตย์ ที่ผาชะนะได
อ่าน

No plan trip : ขี่มอเตอร์ไซค์ ไล่ล่าพระอาทิตย์ ที่ผาชะนะได

จังหวัดอุบลราชธานี เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ครั้งนี้ผู้เขียนมีโอกาสขับรถเลียบโขง โดยใช้เส้นทาง 2034  มุกดาหาร-อุบลราชธานี และสำหรับเป้าหมายการเดินทางในครั้งนี้ ก็คือ ผาชะนะได อันเป็นสุดเขตประเทศไทยที่เราจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในประเทศ และด้วยความที่ไม่ทำการบ้านมาก่อน ผู้เขียนออกเดินทางจากจังหวัดมุกดาหารในช่วงสาย ๆ และแวะเที่ยวรายทางไปเรื่อย ๆ กว่าจะไปถึงพื้นที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว แถวนั้นไม่มีรีสอร์ทอะไรให้พัก สอบถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นแล้วได้ความว่า ถ้าจะขึ้นผาชะนะไดต้องขึ้นแต่เช้าไม่เกินบ่ายสาม เพราะระยะทาง 15 กม. สุดท้ายนั้น ใช้เวลาเป็นชั่วโมง โดยรถที่ใช้จะเป็นรถออฟโรดหรือมอเตอร์ไซค์เท่านั้น เราก็นึกในใจ อิหยังวะ ทำไมจะขึ้นไม่ได้  ในการเดินทางครั้งนั้น เรามีรถเก๋งคันเล็ก ๆ คันเดียว เจ้าหน้าที่และชาวบ้านเห็นรถเราก็หัวเราะ บอกว่าขึ้นไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องจอดอยู่นี่หล่ะ ถ้าจะขึ้นต้องออฟโรดหรือมอเตอร์ไซค์ เราก็เสียเซลฟ์นิดหน่อย และคิดไม่ออกว่าจะขึ้นไปผาชะนะไดได้ยังไง แต่ที่แน่ ๆ คืนนี้เราต้องขออาศัยกางเต็นท์ พักกับเจ้าหน้าที่ดูแลพิทักษ์ไฟป่า แล้วค่อยคิดว่าพรุ่งนี้จะเดินทางด้วยวิธีไหน แล้วเหมือนโชคจะเข้าข้าง ที่มีเจ้าหน้าที่มีมอเตอร์ไซค์จอดทิ้งไว้อยู่ 1 คัน เราก็เลยไปเจรจาขอเช่ารถมอเตอร์ไซค์เขา และได้รับคำแนะนำว่าให้ออกเดินทางประมาณตีห้ากว่า ๆ เพื่อจะได้ทันไปดูพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า เราก็แอบคิดในใจว่า ระยะทางแค่ 15 กม. จะแค่ไหนกันเชียว  เราขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากที่พักประมาณตีห้านิด ๆ ที่พักเราอยู่ไม่ไกลจากทางขึ้นผาชะนะได ตอนแรกก็สงสัยว่ามันจะยากตรงไหนนะ  พอเห็นทางแล้วยอมรับว่า " ไม่หมูเลย " เป็นครั้งแรกสำหรับการเดินทางที่โหดขนาดนี้ ระยะทางขึ้นผาชะนะได 15 กิโลเมตรที่แสนจะยาวนาน คนขี่ต้องใช้สติและความระมัดระวังในการขับขี่สูงมาก บางจุดรถใหญ่สวนกันไม่ได้ก็ต้องคอยให้อีกคันวิ่งผ่านไปก่อน ส่วนเราเป็นรถมอเตอร์ไซค์ โชคดีมีชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซค์นำหน้า เราก็เลยวิ่งตามรถคันนั้นไปเรื่อย ๆ  เราต้องขี่รถบนหินตะปุ่มตะป่ำ ที่มีรอยเทปูนเล็ก ๆ ไว้สองข้างสำหรับรถยนต์วิ่งผ่าน และแน่นอนว่าคงต้องเป็นรถกะบะยกสูง หรือออฟโร้ดเท่านั้น เพราะถ้ารถต่ำ หรือรถเก๋งคงหมดสิทธิ์ บางจุดผู้เขียนต้องลงรถเพื่อเดินตามคนขี่ขึ้นไป ( คนขี่บอกว่าซ้อนได้ ๆ แต่ผู้เขียนหวาดเสียว กลัวตกจากรถจนขอเดินขึ้นเขาเองดีกว่า ) หลายจุดที่เราต้องจอดรถพัก เพราะคนขี่ก็ใช้พลังมากพอสมควร รวมทั้งธรรมชาติที่งดงามของสองฟากทางขึ้นไป ก็ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะจอดพัก เล่นน้ำตกที่พอจะมีน้ำให้เราได้เล่น เป็นระยะ ๆ  และกว่าจะมาถึงลานกางเต็นท์ก็ใช้เวลานานพอสมควร เมื่อไปถึงจุดบริการนักท่องเที่ยว เราก็มุ่งไปที่ผาชะนะได เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น เสียดายว่าความที่เราไม่ชำนาญเส้นทาง ทำให้เมื่อมาถึงพระอาทิตย์ก็ขึ้นเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะมีเมฆค่อนข้างมากทำให้ฟ้ายังครึ้ม เรายังมองเห็นทัศนียภาพแม่น้ำโขง ที่วิ่งไหลพาดผ่านประเทศไทยและประเทศลาว  ใครที่ตั้งใจจะไปเที่ยวผาชะนะได ต้องไปถึงบ้านซะซอมหรือบริเวณวัดถ้ำปาฏิหาริย์ซึ่งเป็นเขตสิ้นสุดถนนลาดยางก่อนบ่ายสาม เพราะกว่าเราจะเดินทางจากพื้นราบขึ้นไปบนผาชะนะไดที่มีระยะทางเพียง 15 กม. นั้น อาจจะใช้เวลา 1- 2 ชม. เลยก็เป็นได้ และบนนั้นไม่มีอาหารจำหน่าย นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมไปเอง ส่วนเต็นท์หรือถุงนอนนั้นสามารถขอเช่าจากหน่วยบริการนักท่องเที่ยวได้  นอกจากผาชะนะได ที่เป็นจุดไฮไลท์ยามเช้าแล้ว ยังมีเสาเฉลียงคู่ ที่เป็นแลนด์มาร์คของที่นี่ รวมถึงต้นไม้ใบหญ้าที่หาดูได้ยากให้ชมกันได้อีกในผืนป่าดงนาทามแห่งนี้  เมื่อชมธรรมชาติจนสมใจแล้ว ก็ถึงเวลาแห่งการผจญภัยอีกรอบ กับการขี่รถมอเตอร์ไซค์ลงเขา คราวนี้บอกตรง ๆ ว่าหวาดเสียวกว่าตอนขึ้น คุณแฟนพารถเสียหลักบริเวณน้ำตก 1 ครั้ง ดีที่ผู้เขียนไม่ได้ซ้อนท้ายลงไป เนื่องจากเราเห็นว่าขาลงนั้นการเดินลงจะไม่เหนื่อยเท่าเดินขึ้น ส่วนใหญ่จึงใช้วิธีค่อย ๆ ขี่ลงมาช้า ๆ กว่าจะถึงพื้นราบและที่พักเรานั้นก็กินเวลาเกือบ 10 โมงเช้าเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่า ขาขึ้นและลงเราจะใช้เวลานานขนาดนั้น แต่ก็เป็นการเดินทางที่คุ้มค่า มหาโหด แต่ก็ประทับใจ จนหมายใจว่าถ้ามีโอกาสจะต้องกลับไปอีกให้จงได้  ส่งคืนมอเตอร์ไซค์ พร้อมกับช่วยค่าน้ำมันไปพอสมควร ตอนแรกเขาปฏิเสธแต่เราก็ขอร้องว่าถ้าไม่รับไว้เราจะไม่สบายใจเลย คนรับเงินก็เลยยิ้มแฉ่ง  ออกจากบ้านซะซอมแล้ว เราก็เดินทางเลียบโขงลงแวะเที่ยวไปเรื่อย ๆ ก่อนที่จะเดินทางไปค้างคืนในจังหวัดอุบลราชธานี  เรื่องและภาพโดย : ผู้เขียน

“สตอลโลน” จับมือ “เดฟ เบาทิสต้า” ส่งต่อความมันสุดระห่ำ ใน “Escape Plan 2: Hades แหกคุกมหาประลัย 2”
อ่าน

“สตอลโลน” จับมือ “เดฟ เบาทิสต้า” ส่งต่อความมันสุดระห่ำ ใน “Escape Plan 2: Hades แหกคุกมหาประลัย 2”

ความมันยังไม่จางหาย หลังจาก “เรย์ เบลสลิน” (ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน) ได้ทำภารกิจแหกคุกสุดโหดออกมาได้ ทำให้ชื่อเสียงของเขายิ่งดังกว่าเดิม และกลายเป็นบุคคลที่หลายคนอยากท้าทาย จนนำมาสู่ภารกิจที่เขาไม่เต็มใจตอบรับใน “แหกคุกมหาประลัย 2” (Escape Plan 2: Hades – เอสเคปแพลน 2 เฮดีส) ผลงานกำกับโดย สตีฟ ซี. มิลเลอร์ (Extraction, Marauders) เขียนบทโดย ไมลส์ แชปแมน (แหกคุกมหาประลัย Escape Plan) “แหกคุกมหาประลัย 2” (Escape Plan 2: Hades – เอสเคปแพลน 2 เฮดีส) เป็นเรื่องราวหลังจากที่ เรย์ เบลสลิน ได้ก่อตั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่แล้วเมื่อจู่ๆ หนึ่งในสมาชิกทีมของเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้ เรย์ ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยทีมงานกลับมา เขาได้เดินทางไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่า (เดฟ เบาทิสต้า) เพื่อเข้าร่วมในปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ โดย เดฟ เบาทิสต้า เผยถึงการทำงานว่า “ผมถือว่าเป็นความโชคดี ผมได้สตอลโลนเป็นแรงผลักดัน ผมรู้สึกได้ว่าทุกคนอยากร่วมงานกับเขา มันทำให้ผมไปโอ้อวดใครต่อใครได้ สตอลโลนเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของฮอลลีวู้ดในตำนาน ผมเป็นแฟนหนังแอ็คชั่น และหนังที่เขาเล่นเป็นแรงผลักดันให้ผม เป็นหนังที่ผมกลับไปดูซ้ำแล้วซ้ำอีก เหล่าฮีโร่ในใจผม อย่าง แรมโบ้ ร็อคกี้ มันทำให้ผมรู้สึกถึงตัวละครเหล่านั้นจริงๆ และทำให้ผมรับรู้ถึงสิ่งที่ภาพยนตร์ให้กลับมา” ร่วมพิสูจน์ความสนุกไปกับการแหกคุกมหาประลัยของพวกเขาได้ใน “แหกคุกมหาประลัย 2” (Escape Plan 2: Hades – เอสเคปแพลน 2 เฮดีส) 21 มิถุนายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

The 4 pillars plan – 4 แพลนเพื่อการดูแลสุขภาพกายและใจที่ดี
อ่าน

The 4 pillars plan – 4 แพลนเพื่อการดูแลสุขภาพกายและใจที่ดี

หนังสือ The 4 pillars plan เขียนโดยดอคเตอร์รันแกน แชทเทอจี คุณหมอที่เชี่ยวชาญเรื่องการใช้ชีวิตอย่างไรให้อยู่ที่พื้นฐานของความสมดุลในชีวิต เป็นหนังสื่อที่แนะนำแบบแผนการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจอย่างสมบูรณ์ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับ 4 แพลนที่สำคัญของชีวิต คือ Relax การพักผ่อน / Eat การกิน / Move การเคลื่อนไหวร่างกาย / Sleep การนอนเริ่มจากการอธิบายเรื่องการพักผ่อน โดยเน้นย้ำในเรื่องของการให้เวลากับตัวเองในการได้คิดทบทวนสิ่งที่ทำไปในวันนั้นๆ  หรือแม้แต่การอยู่นิ่งๆแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย ซึ่งเป็นวิธีนึงในหลายๆวิธีในการอยู่กับปัจจุบัน ในหนังสือจะแนะนำให้เขียนบันทึกประจำวัน การเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นนแต่ละวันก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้เราได้คิดและทบทวนสิ่งที่เราทำไป นอกจากนั้น ในยุคที่วนเวีนยอยู่กับโซเชียวมีเดีย การวางมือถือลงบ้างแล้วไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่นการอ่านหนังสือ หรือพูดคุยกับคนรอบข้างก็เป็นอีกทางหนึ่งในการสร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับทั้งตัวเองและคนรอบข้างแพลนถัดไปคือการกิน ในบทนี้จะเน้นเรื่องอาหารเป็นหลัก โดยเริ่มจากการอธิบายของร่างกายเราที่มีต่ออาหารที่มีประโยชน์และโทษจากการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เช่นแหล่งเกิดของเบาหวาน มะเร็งลำใส้ โรคหัวใจอุดตัน มาจนถึงประโยชน์ของการดื่มน้ำเยอะๆในแต่ละวันภาพจาก pixabayแพลนถัดไปคือการเคลื่อนไหว หรือการออกกำลังกายนั่นเอง โดยมีการแนะนำการออกกำลังกายอย่างถูกวิธีเพื่อให้ได้ผลที่ดีต่อสุขภาพ เพราะถ้าออกกำลังกายมากจนเกินไปก็จะเกิดผลเสียมากกว่าสุขภาพเป็นต้นและแพลนสุดท้ายคือการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ โดยจะเริ่มอธิบายถึงความสำคัญของการนอนที่คนส่วนมากมักจะละเลยและคิดว่าไม่สำคัญ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วการนอนคือการที่ร่างกายได้ใช้เวลาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอทั้งทางกายและทางใจ จากนั้นในหนังสือก็มีแนะนำเรื่องการสร้างนิสัยการนอนให้เป็นเวลา จัดห้องนอนอย่างไรที่จะช่วยให้เรานอนหลับได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากที่สุด การบริโภคคาเฟอีนมีผมมากน้อยแค่ไหนกับการนอน เป็นต้นดอคเตอร์รันแกน แชทเทอจีได้เกริ่นไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า ท้ายที่สุดแล้วการสร้างความสมดุลของ 4 แพลนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนเข็มทิศชี้ทางให้ผู้อ่านได้นำความรู้ที่ได้จาก 4 แพลนนี้มาปรับใช้ให้เข้ากับชีวิตประจำวันของตนเอง เพื่อสร้างความสมดุลของชีวิตในแต่ละวันนั่นเอง          

แอปฯ Plants for U คู่ใจเกษตรกรมืออาชีพ
อ่าน

แอปฯ Plants for U คู่ใจเกษตรกรมืออาชีพ

เมืองไทยได้ชื่อว่าเป็นเมืองเกษตร เพราะว่ามีอาชีพเกษตรกรรมมากกว่า 50 % ของประเทศ รวมถึงครอบครัวของผู้เขียนเองก็เช่นเดียวกัน ซึ่งการทำเกษตรสมัยก่อน อาศัยความรู้ลองผิด ลองถูกของรุ่นปู่ย่าตายาย ถ่ายทอดมาจนถึงเรา แต่ถือว่าเรามีโอกาสที่ดีด้วยหน่วยงานราชการ โดยเฉพาะกรมวิชาการเกษตรได้พัฒนาแอปพลิเคชัน ที่ช่วยเหลือเกษตรกรไหนหลาย ๆ ด้าน ทำให้เราพัฒนาในการทำอาชีพของเราได้ดีด้วย ซึ่งวันนี้ทางผู้เขียนขอแบ่งปันแอปฯ Plants for U เอาไว้เป็น คู่ใจเกษตรกรมืออาชีพ กันค่ะ ภาพโดย Kampong (ผู้เขียน)  จากแอปฯ Plants for Uการติดตั้งแอปฯ ก็แสนง่ายเพียงแค่เข้าไปที่ Play Store หรือ App Store แล้วค้นคำว่า Plants for U แล้วเจอไอคอนรูปใบไม้ 2 ใบละใช่เลย จัดลงเครื่องมือถือ หรือแทบเลตของเราได้เลย โดยแอปฯ นี้ถูกพัฒนาโดยทีมงานของกรมวิชาการเกษตร เพื่อรวมรวบข้อมูลสำคัญเพื่อให้เกษตรกรได้เรียนรู้ ผ่านทางมือถือได้โดยตรง ไม่ต้องไปเข้าอบรมหรือศึกษาตามศูนย์เหมือนเดิม ทำให้กระจายข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ไปได้อย่างรวดเร็วจริง ๆภาพโดย Kampong (ผู้เขียน)  จากแอปฯ Plants for Uแอปฯ Plants for U รู้จริงเรื่องพืชกับกรมวิชาการเกษตร ได้มีการรวบรวมข้อมูลที่สำคัญไว้หลายหมวด เช่น หมวดเรื่องของการปลูกพืชต่าง ๆ , นโยบายและมาตรการของทางภาครัฐ , เทคโนโลยีในการปลูกพืช , การให้ปุ๋ยและการให้น้ำที่เหมาะสมและถูกต้อง , การปลูกพืชหลังนา , ศัตรูพืช , สารคดีและการเตือนภัยเกษตรกรในช่วงที่สำคัญอีกด้วยภาพโดย Kampong (ผู้เขียน)  จากแอปฯ Plants for Uหมวดของ นโยบายการเกษตร ก็จะเป็นการแจ้งมาตรการต่าง ๆ เช่นการจำกัดการใช้ 3 สารอันตราย ที่กำลังเป็นกระแสในตอนนี้ และในหมวดของเทคโนโลยีการผลิตพืช ก็มี VDO เรื่องการทำปุ๋ยหมัก , การผลิตพืชอินทรีย์ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ทำให้เกษตรกรมีการปรับตัว พึ่งพาอาศัยตนเองมากขึ้น ไม่ต้องพึ่งปุ๋ยหรือสารเคมีอันตราย ที่มีผลโดยตรงกับผู้ผลิต และผู้บริโภคได้อีกด้วยหมวดของการให้ปุ๋ยและการให้น้ำพืช ส่วนนี้จะมีข้อมูลเลือกใช้ปุ๋ยให้เหมะสมและถูกสูตรกับพืชแต่ละประเภท รวมถึงในแต่ละช่วงอายุก็ใช้ปุ๋ยที่แตกต่างกัน ตั้งแต่เริ่มลองพื้นปลูก , การบำรุงช่วงต้นเล็ก , ช่วงเริ่มให้ผลผลิต ล้วนต่างใช้แตกต่างกันไป หากเลือกได้ถูกต้องก็จะทำให้ลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิตของพืชพันธุ์ของเราได้อีกด้วย รวมถึงการให้น้ำก็เช่นเดียวกัน บางพืชบางช่วง ต้องมีการให้โศก ต้องอดน้ำ เพื่อช่วยกระบวนการ การติดดอกออกผล ซึ่งหากไม่ทราบเทคนิคเหล่านี้ก็อาจจะทำให้ได้ผลผลิตไม่ดีอย่างที่ควรเป็นภาพโดย Kampong (ผู้เขียน)  จากแอปฯ Plants for Uภาพโดย Kampong (ผู้เขียน)  จากแอปฯ Plants for Uอีกหมวดที่สำคัญมากสำหรับเกษตรกร นั่นก็คือ หมวดศัตรูพืช โดยจะมีการให้ความรู้เรื่องโรคพืช และแมลงศัตรูพืช ในพืชแต่ละชนิด อาจจะมีความแตกต่างกัน โดยจะให้แนวทางการป้องกันโรคและแมลงเหล่านั้น รวมถึงแนวทางว่าหากมีการระบาดแล้วควรจะต้องจัดการอย่างไร ทำให้เราลดความสูญเสียในการเปิดโรคหรือแมลงทำลายได้มากเลยภาพโดย Kampong (ผู้เขียน)  จากแอปฯ Plants for Uนอกจากพื้นฐานที่เกษตรกรควรจะทราบแล้วยังมี หมวดสารคดี และการเตือนภัย ให้เกษตรกรได้เปิดมุมมองให้เห็นถึงการทำเกษตรในยุคใหม่ควรจะต้องทำอย่างไรบ้าง รวมถึงมีการแจ้งเตือนภัยในแต่ละช่วยในการทำการเกษตร ซึ่งอาจจะมีแมลง หรือโรคระบาด รวมทั้งภัยแล้ง และน้ำท่วมอีกด้วยซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่เราได้ทราบก็จะลดความเสี่ยงในการเสียหายของผลผลิตได้อีกด้วยภาพโดย Kampong (ผู้เขียน)  จากแอปฯ Plants for Uหมวดสุดท้ายก็คือ เครื่องจักรกล ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องมือที่เข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งช่วยลดเรื่องต้นทุนการผลผลิต ลดการใช้แรงงานซึ่งมีต้นทุนที่สูง รวมไปถึงข้อจำกัดของการใช้คนเช่นการตัดอ้อย ซึ่งหากเป็นคนอาจจะต้องเผา ซึ่งทำให้เกิดมลภาวะเป็นพิษ แต่หากใช้เครื่องจักรสามารถทำการเก็บเกี่ยวได้ทันทีไม่ต้องเผาโดยรวมแล้วทางแอปฯ ออกแบบมาได้น่าสนใจใช้งานง่าย แบ่งหมวดหมู่ชัดเจน มีเสียงเพลงประกอบระหว่างการเข้าในแต่ละเมนู และนำเสนอข้อมูลในรูปแบบ VDO ทำให้เกษตรกรสามารถเปิดฟังและเรียนรู้ไปควบคู่กับการทำงานในไร่ สวน นา ได้อีกด้วย ถือว่าเป็นตัวช่วยสำคัญของเกษตรกรเลย อย่าลืมแบ่งปันบทความดี ๆ นี้ให้กับเพื่อนพี่น้อง ที่ทำการเกษตรกันด้วยนะคะ  

รีวิว The Devil’s Plan ซีซั่น 2 เกมวัดกึ๋นที่เข้มข้นกว่าเดิม
อ่าน

รีวิว The Devil’s Plan ซีซั่น 2 เกมวัดกึ๋นที่เข้มข้นกว่าเดิม

กระแสตอบรับจากซีซั่น 1 เป็นไปในทิศทางที่ดี จนได้งอกซีซั่น 2 ขึ้นมา ทางเราเพิ่งได้ดูจบเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ขอบอกเลยว่ามันเดือดกว่าซีซั่น 1 หลายเท่า แถมผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนขอบอกเลยว่าหลากหลายมาก ทั้งนิสัย อาชีพ และอายุ เรียกได้ว่าพูดจบได้ครบทุกอารมณ์เลย ใครที่เป็นแฟนคลับรายการวาไรตี้แนวแข่งขัน แต่อันนี้จะเป็นเชิงการคิดวิเคราะห์ การคำนวณ ง่าย ๆ ก็คือมีการงัดความฉลาดของแต่ละคนออกมา ใครที่คิดว่ากลัวจะดูไม่รู้เรื่องเพราะไม่ได้ฉลาดเท่าพวกเขา ไม่เป็นไรนะ เราเองก็ไม่ได้ฉลาดเท่าผู้เข้าแข่งขัน แต่เราก็สามารถเอ็นจอยได้ตลอดทั้งรายการเลย ฮ่า ๆ ๆ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ซีรีส์ The Devil’s Plan ซีซั่น 2 ประเภท :  ซีรีส์ ความยาว : 12 ตอน (เฉลี่ยตอนละ 1 ชม.กว่า ๆ) ผู้กำกับ : จอง จงยอน แนว : วาไรตี้ , แข่งขัน , ใช้กลยุทธ์ รูปแบบรายการ สำหรับใครไม่เคยดูรายการ The Devil’s Plan ตั้งแต่ซีซั่น 1 เลย รูปแบบรายการจะเป็นการนำผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 12 คน (ซีซั่น 2 มีผู้เข้าแข่งขัน 14 คน) ซึ่งแต่ละคนจะมีอาชีพต่างกัน อายุที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ความฉลาด ความกึ๋น ของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป เพราะรายการนี้เป็นพื้นที่สำหรับคนฉลาดเท่านั้น ถ้าไม่ฉลาดก็ต้องมีไหวพริบที่ดี ตลอดทั้งรายการจะมีการเล่นเกมสลับกันไป แต่ละเกมจะไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะเป็นแนวการใช้กลยุทธ์ซะมากกว่า  แน่นอนว่าการเล่นเกมแต่ละเกม จะมีการคัดผู้เข้าแข่งขันออก 1 คน ซึ่งทางผู้เข้าแข่งขันจะมี “พีซ” หรือ “ตัวต่อ” คล้ายกับพลังชีวิตของตัวเอง หากไม่มีตัวต่อเหลืออยู่เลย จะต้องออกจากเกมไป แล้วถ้าใครมีตัวต่อน้อยที่สุดในแต่ละวัน จะโดนไปใช้ชีวิตในคุก 1 คืน ผู้เข้าแข่งขันในซีรีส์ The Devil’s Plan ซีซั่น 2 ผู้เข้าแข่งขันคนที่ 1 อีเซดล ผู้เข้าแข่งขันคนที่ 2 คยอนฮุน ผู้เข้าแข่งขันคนที่ 3 คังจีวอน ผู้เข้าแข่งขันคนที่ 4 ยุนโซฮี ผู้เข้าแข่งขันคนที่ 5 เซเว่นไฮ ผู้เข้าแข่งขันคนที่ 6 จองฮยอนกยู ผู้เข้าแข่งขันคนที่ 7 ชเวฮยอนจุน ผู้เข้าแข่งขันคนที่ 8 คิมจีอู หรือ ชยู ผู้เข้าแข่งขันคนที่ 9 อีซึงฮยอน ผู้เข้าแข่งขันคนที่ 10 ทีโน่ ผู้เข้าแข่งขันคนที่ 11 ซอนอึนอู ผู้เข้าแข่งขันคนที่ 12 คิมฮาริน ผู้เข้าแข่งขันคนที่ 13 พัคซังยอน ผู้เข้าแข่งขันคนที่ 14 จัสตินมิน รีวิวหลังจากดูจบ ต้องขอบอกว่าซีซั่น 2 ขนผู้เข้าแข่งขันที่ “เก่ง” ทุกคนจริง ๆ ถ้าให้เทียบกับซีซั่นแรก แต่ละคนมีความสามารถที่หลากหลายมาก มีความเก่งเฉพาะด้านที่ไม่เหมือนกัน บางคนก็ฉลาดมาก บางคนก็ใช้ความไหวพริบ บางคนก็ใช้การเจรจา เรียกได้ว่าเห็นกลยุทธ์ที่หลากหลายมานิดนึง แถมผู้เข้าแข่งขันเพิ่มขึ้นมาอีก 2 คน จากซีซั่น 1 มีแค่ 12 คน ซีซั่นนี้มาทั้งหมด 14 คน แถมมีเซอร์ไพร์สที่ “จัสตินมิน” นักแสดงจากบทบาท “เบน” เรื่อง The Umbrella Academy มาร่วมการแข่งขันในซีซั่นนี้ด้วย สำหรับเกมต่าง ๆ ในซีซั่นนี้จะไม่ซ้ำกับซีซั่นแรก (ที่จริงก็จำเกมจากซีซั่นแรกไม่ได้แล้วล่ะ แต่เท่าที่ดูก็ไม่ค่อยคุ้นเคยแต่ละเกมในซีซั่นนี้เลย) สำหรับความคิดเห็นของเรา เรื่องระดับความยากง่ายของเกมมีความปะปนกันไปในแต่ละวัน แต่โดยรวมมันก็ยากและก็สร้างความกดดันหมดทุกเกมนั้นแหละ ใครที่กลัวว่าเกมมันจะเข้าใจยาก กลัวดูแล้วจะไม่เข้าใจ ทางนี้เองก็เป็นเหมือนกัน ตอนอธิบายกติกาคือไม่เข้าใจเลย ต้องอาศัยจังหวะช่วงผู้เข้าแข่งขันเล่นไปประมาณ 4-5 ตา ถึงจะเริ่มเข้าใจ โดยรวมแต่ละเกมมีความสนุก และชวนลุ้นแทบทุกเกมเลย แค่ได้เห็นผู้เข้าแข่งขันปวดหัวไปกับเกม ก็รู้สึกสนุกแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ทางรายการได้มีการปรับเปลี่ยนการเข้าคุกแบบใหม่ จากเดิมที่คนเข้าคุกจะเข้าเพียงแค่ 1-2 คน สำหรับคนที่มีตัวต่อน้อยที่สุด แต่ซีซั่น 2 จะแบ่งครึ่งหนึ่งไปอยู่ในคุก และอีกครึ่งหนึ่งไปอยู่ในบ้านพัก แล้วที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ใครที่อยู่ในคุกจะมีการเล่นเกมตัดสินชีวิตตัวเองอีกรอบหนึ่ง ใครแพ้ต้องโดนออกจากรายการไป นั่นหมายความว่าคนที่อยู่ในคุกต้องโดนเล่นเกมถึง 2 รอบเลย เรียกได้ว่าสร้างความกดดันและความเครียดให้กับผู้เข้าแข่งขันอย่างมาก รวมถึงคนดูอย่างเราด้วย ในซีซั่น 1 นอกเหนือจากการเล่นเกมแล้ว ทางรายการมักจะมีปริศนาแยกออกมาให้ผู้เข้าแข่งร่วมกันแก้ไขปริศนา ถ้าหากแก้ปริศนาสำเร็จก็จะได้รับรางวัลที่เป็นผลดีต่อตัวเอง แน่นอนว่าซีซั่น 2 ก็คงมีรูปแบบดังกล่าวอยู่ เพียงแต่ว่ามันไม่มีแค่ 1 ปริศนา แต่มาถึง 2 ปริศนาเลยทีเดียว นั่นก็คือที่บ้านพัก 1 ปริศนาและที่คุกอีก 1 ปริศนา เมื่อแก้ปริศนาได้สำเร็จก็จะเริ่มเข้าสู่ “ด่านลับ” ของทางรายการ ถ้าหากผ่านก็ได้รางวัล แต่ถ้าหากล้มเหลวก็โดนออกจากรายการไป ถ้าให้ถามถึงความชอบส่วนตัวระหว่างซีซั่น 1 กับ ซีซั่น 2 ทางนี้ชื่นชอบซีซั่น 2 มากกว่า เหตุผลอย่างแรกเลยก็คือผู้เข้าแข่งขันมีความหลากหลาย และมีความเก่งเฉพาะด้านในแต่ละคน ทุกคนมีความโดดเด่นเป็นของตัวเองมาก คาแรคเตอร์ที่ชัดเจน มีความรู้สึกอยากดูจนจบมากกว่าซีซั่นแรก ถ้าทางรายการมีการเขียนสคริปต์กัน ก็เป็นการแสดงตามสคริปต์ที่แนบเนียนมาก ดูแล้วไม่รู้สึกขัดหูขัดตาเลย รับรู้ได้ถึงความกดดัน ความปวดสมอง และความเก่งของผู้เข้าแข่งขันจริง ๆ ตอนที่ดูยังรู้สึกเสียดายผู้เข้าแข่งขันบางคนที่ตกรอบไปเลย เพราะเก่งกันมาก อยากให้ไปรอบลึก ๆ  อีกทั้งการเล่นเกมแต่ละอัน มีความสนุกและความลุ้นไปพร้อม ๆ กัน ไม่รู้สึกถึงความเข้าใจยากเลยแม้แต่น้อย  สรุปคะแนน องค์ประกอบโดยรวม : ⭐⭐⭐⭐ การดำเนินรายการ : ⭐⭐⭐⭐ งานภาพ : ⭐⭐⭐⭐ การแคสติ้ง : ⭐⭐⭐⭐ ความรู้สึกร่วมในการรับชม ⭐⭐⭐⭐ รวม : 4⭐ สนุก เข้มข้นมากกว่าซีซั่นแรก ผู้เข้าแข่งขันที่คัดมาแต่ตัวตึง เกมก็ชวนลุ้นไปพร้อมกัน ถือว่าเป็นซีซั่นต่อที่ทำออกมาได้ดีเลย   เครดิตรูปภาพ ภาพหน้าปก มีรูปภาพที่ 1 จาก netflixkr รูปภาพประกอบที่ 1 , 2 , 17 , 18 , 19 , 20 , 21 , 22 จาก netflixkr รูปภาพประกอบที่ 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 , 9 , 10 , 11 , 12 , 13 , 14 , 15 จาก saedollee รูปภาพประกอบที่ 16 จาก justinmin จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

เปิดสเปค ส่องราคา G-Shock ซีรีส์ MRG-B2100 MRG-B2100B-1A รุ่นล่าสุด
อ่าน

เปิดสเปค ส่องราคา G-Shock ซีรีส์ MRG-B2100 MRG-B2100B-1A รุ่นล่าสุด

G-SHOCK ได้เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ MRG-B2100 MRG-B2100B-1A ด้วยนวัตกรรมวัสดุชั้นเลิศ ผสานกับงานฝีมืออันประณีต ผสานการตกแต่งด้วยมือจากช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญจาก G-SHOCK ความน่าสนใจของนาฬิกา G-SHOCKรุ่น MRG-B2100 MRG-B2100B-1A นั้น มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ฟังค์ชั่นจะเป็นอย่างไร สนนราคาที่เท่าไหร่มาดูกัน เปิดสเปค ส่องราคา G-Shock ซีรีส์ MRG-B2100 MRG-B2100B-1A รุ่นล่าสุด แรงบันดาลใจในการออกแบบ หน้าปัดนาฬิกาได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะงานไม้ของของญี่ปุ่นที่ชื่อว่า kigumi ซึ่งเป็นงานต่อไม้แบบญี่ปุ่นโบราณซึ่งใช้สำหรับงานไม้ต่อไม้โดยไม่ต้องใช้ตะปูหรืออุปกรณ์โลหะอื่นๆ มีการใช้มาตั้งแต่สมัยเฮอัน (ค.ศ. 7941185) มีทั้งความงดงามและแม่นยำอันน่าทึ่ง สะท้อนถึงความหลงใหลในสุนทรียศาสตร์ และงานฝีมืออันเป็นหัวใจของชาวญี่ปุ่น ทำให้ MRG-B2100 MRG-B2100B-1A รุ่นนี้จึงมาพร้อมกับตัวเรือนโลหะทั้งเรือน ผลิตจากวัสดุล้ำสมัย ผสานการตกแต่งด้วยมือจากช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ ทุกชิ้นส่วนของโครงสร้างอันซับซ้อนนี้ผ่านการขัดเงาอย่างพิถีพิถันก่อนการประกอบ เพื่อให้ได้นาฬิกาที่สวยงาม หรูหรา และแข็งแกร่งในทุกๆ รายละเอียด วัสดุในการผลิต เรือนนาฬิกา MRG-B2100 คือผลงานศิลปะอันทรงคุณค่าที่เกิดจากความเชี่ยวชาญด้านโลหะกรรม ของ Casio ตัวเรือนและขอบตัวเรือน ผลิตจากไทเทเนียมอัลลอยด์สุดแข็งแกร่ง "Ti64" ประกายแวววาวดุจแพลทินัม ส่วนขอบตัวเรือนด้านบนนั้น รังสรรค์ขึ้นจาก "COBARION" อัลลอยด์ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าไทเทเนียมบริสุทธิ์ถึง 4 เท่า สายนาฬิกาผลิตจาก "DAT55G" อีกหนึ่งสุดยอดไทเทเนียมอัลลอยด์ที่มีทั้งความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นสูง ประกอบด้วยชิ้นส่วนย่อยถึง 27 ชิ้น แต่ละชิ้นผ่านการขัดเงาอย่างพิถีพิถันจนเกิดเป็นลวดลายอันประณีตงดงาม ด้วยคุณสมบัติพิเศษของอัลลอยด์เหล่านี้ นาฬิกาจึงมีความทนทานต่อรอยขีดข่วน การขัดเงาตัวเรือนผ่านกระบวนการพิเศษจึงทำให้ ตัวนาฬิกาเป็นประกาย แวววับดุจกระจกเงา โครงสร้าง Multi-Guard อันล้ำสมัย เสริมความแข็งแกร่งด้วยบั๊ฟเฟอร์กันกระแทก ระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ ของขอบตัวเรือนและตัวเรือน ช่วยปกป้องโมดูล MR-G พิเศษภายในด้วยแผ่นยึดเคลือบทองคำ ข้อมูลพื้นฐาน MRG-B2100 Series MRG-B2100B-1A ราคาประมาณ 175,000 บาท ขนาด (ยาวกว้างสูง) 49.5 44.4 13.6 มม น้ำหนัก 122 กรัม วัสดุตัวเรือนและกรอบ ไทเทเนียม / โคบาเรี่ยน ทนต่อแรงกระแทก ทนต่อแม่เหล็ก กันน้ำลึก 200 เมตร การปรับเวลา นาฬิกาที่ควบคุมด้วยวิทยุ มัลติแบนด์ 6 Bluetooth: เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและปรับเวลาอัตโนมัติ แหล่งจ่ายไฟและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ Tough Solar (พลังงานแสงอาทิตย์) คุณสมบัติการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน/แอพนาฬิกาคาสิโอ กระจกคริสตัลแซฟไฟร์พร้อมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน แสงสว่าง ไฟ LED สีขาว (ตัวเรืองแสงโดดเด่น) ปฏิทินแบบเต็มอัตโนมัติ (ถึงปี 2099) คุณสมบัติการแก้ไขตำแหน่งบ้านของเข็มนาฬิกา การแก้ไขตำแหน่งบ้านของเข็มอัตโนมัติ คุณสมบัติประหยัดพลังงาน ประหยัดพลังงาน (เข็มนาฬิกาหยุดเพื่อประหยัดพลังงานเมื่อนาฬิกาถูกปล่อยทิ้งไว้ในความมืด) เวลาใช้งานของแบตเตอรี่: 5 เดือนกับแบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ (ซึ่งเป็นระยะเวลาการทำงานปกติโดยที่แบตเตอรี่ไม่โดนแสงหลังจากการชาร์จ) 18 เดือนกับแบตเตอรี่แบบชาร์จได้ (ซึ่งเป็นระยะเวลาการใช้งานเมื่อเก็บในที่มืดสนิทพร้อมกับเปิดฟังก์ชันประหยัดพลังงานหลังจากชาร์จเต็มแล้ว) ความแม่นยำ: 15 วินาทีต่อเดือน (โดยไม่มีการปรับเทียบสัญญาณและฟังก์ชันการเชื่อมต่อมือถือ) การบอกเวลาปกติ: อะนาล็อก: 3 เข็มนาฬิกา (ชั่วโมง นาที (เข็มเดินทุกๆ 10 วินาที) วินาที) 1 หน้าปัด (โหมด) การรับสัญญาณเทียบเวลามาตรฐาน รับอัตโนมัติสูงสุดหก* ครั้งต่อวัน (การรับอัตโนมัติที่เหลือจะถูกยกเลิกทันทีที่สำเร็จ) บทความที่คุณอาจสนใจ นาฬิกา Casio ผู้ชาย สายเหล็ก รุ่นไหนดี 2024 นาฬิกา G-Shock ผู้ชาย สีขาว รุ่นไหนดี 2024 ใส่แล้วดูดีแบบมินิมอล รวมนาฬิกาผู้ชายสไตล์มินิมอลยี่ห้อไหนดี ดีไซน์สวยใส่ได้บ่อย ราคาเท่าไหร่ รวมนาฬิกาสาย Nato ยี่ห้อไหนดี สวยทนลุย เปลี่ยนลุคได้บ่อย ราคาเท่าไหร่ รวมนาฬิกา Luxury Smart Watch สำหรับผู้ชาย สมาร์ทวอทช์หรูหราสุดล้ำ ยี่ห้อไหนดี ราคาเท่าไหร่ นาฬิกา SEIKO ผู้ชาย ราคาไม่เกิน 30,000 บาท รุ่นไหนดี 2024 นาฬิกาคาสิโอผู้ชาย ราคาไม่เกิน 10,000 บาท รุ่นไหนดี นาฬิกาสายเหล็ก แบรนด์ CASIO นาฬิกาผู้ชาย ราคาไม่เกิน 2,000 บาท รุ่นไหนดี รวมนาฬิกา Rado ผู้ชายปี 2024 รุ่นไหนดี ดีไซน์สวย ราคาเท่าไหร่ ------------------------------------------------- วิธีการดูบอลพรีเมียร์ลีก 2023/24 ที่ TrueID : แพ็กเกจชมครบทุกคู่!

รีวิว Wedding Plan The Series แผนการ(รัก)ร้ายของนายเจ้าบ่าว ซีรีส์น่าดูที่ iQIYI #iQIYIซีรีส์ฮีลใจ
อ่าน

รีวิว Wedding Plan The Series แผนการ(รัก)ร้ายของนายเจ้าบ่าว ซีรีส์น่าดูที่ iQIYI #iQIYIซีรีส์ฮีลใจ

​​​​​​Wedding Plan The Series หรือ แผนการ (รัก) ร้าย ของนายเจ้าบ่าว เป็นผลงานจากทางค่าย Me Mind Y แน่นอนว่าทางค่ายนี้ผลิตซีรี่ย์วายปังๆ หลายเรื่อง เรื่องล่าสุดที่พึ่งจบไปไม่นานกับ Love in The Air The Series หรือ บรรยากาศรัก ทำเอาแฟนๆจิ้นกับคู่ของเรนพายุ และคู่ของพระพายสกายไปตามๆกัน ยิ่งฉาก nc ของทางค่ายนี้ทำไว้ดีไม่มีแผ่ว พอมาถึงคิวของ Wedding Plan The Series แฟนๆต่างรอชมฉากจิ้นๆฟินจิกหมอนขาดกันอย่างตาตั้งเลยทีเดียว เรื่องย่อน้ำเหนือ (รับบทโดย ปลั๊ก ณภัทร ) เป็น Wedding Planner ที่จะต้องมาจัดงานแต่งให้กับคุณสายลม (รับบทโดย ซันนี่ วรรณรัตน์) และคุณยี่หวา (รับบทโดย เอญ่า อรพรรณ) แต่การจัดงานแต่งครั้งนี้ไม่ง่ายเลย แม้เจ้าสาวและเจ้าบ่าวจะมีงบไม่จำกัดในการจัดงาน แต่ก็ทำเอา Wdding Planner อย่างน้ำเหนือปวดหัวไม่ใช่น้อย เพราะเมื่อถามถึงรูปแบบการจัดงาน น้ำเหนือไม่เคยได้คำตอบจากเจ้าสาวและเจ้าบ่าวเลย  เพราะแท้ที่จริงแล้วการแต่งงานครั้งนี้เป็นการแต่งงานบังหน้า เพื่อที่จะให้พ่อแม่ของสายลมและยี่หวาเลิกยุ่งวุ่นวายกับตนทั้งสองสักที่ ส่วนยี่หวานั้นมีคนรักอย่างมารีน (รับบทโดย เคท ศศิศรัณย์) อยู่แล้ว และคิดกับสายลมแค่พี่น้องเท่านั้นส่วนสายลมแอบชอบน้ำเหนือตั้งแต่ตอนที่น้ำเหนือเคยไปจัดงานแต่งให้กับเพื่อนของตนแล้ว การที่สายลมเลือกน้ำเหนือให้เป็น Wedding Planner ก็เป็นแผนการของสายลมที่หาวิธีจีบน้ำเหนือเมื่อ Weddin Planner โดนว่าที่เจ้าบ่าวรุกจีบ เรื่องราวความรักครั้งนี้จะวุ่นวายแค่ไหนไปติดตามกันได้ที่ ทางช่อง GMM25 ทุกวันพุธ เวลา 23.00 น.หรือรับชมย้อนหลังแบบ UNCUT ได้ทาง iQIYI  ฉากที่ประทับชอบฉากที่น้ำเหนือไปอาละวาดสายลมที่ยิม เพราะแม่ของสายลมจะเพิ่มจำนวนแขกในงาน ทำเอาน้ำเหนือโมโหมาก ถามอะไรไปสายลมไม่ยอมพูดเลย น้ำเหนือจึงเผลอพูดไปว่า หรือต้องให้ผมง้างปากคุณด้วยปากผม คุณถึงจะยอมพูด และสายลมก็เข้าไปจูบน้ำเหนือ งานนี้ทำเอา Wedding Planner อย่างน้ำเหนือไปไม่เป็นเลยที่โดนว่าที่เจ้าบ่าวจูบเข้า ฉากนี้แฟนๆจิ้นและก็ฟินกันสุดๆไปเลยและแน่นอนฉากที่ไม่รีวิวไม่ได้คือ ฉาก nc แซ่บอย่างที่คิดไว้เลย เป็น nc ที่จูโจมแบบเร้าร้อนกันทั้งคู่ สมกับการรอคอยของน้ำเหนือที่อยากจะจูบกล้ามของสายลมตั้งแต่วันแรกที่เจอ ซื้อแพ็กเกจ iQIYI ที่ทรูไอดีคลิก!!!นำแสดงโดยปลั๊ก ณภัทร ลีฬหาทร รับบทเป็น น้ำเหนือNaphat Leelahatorn (Pak)ซันนี่ วรรณรัตน์ วัฒดาลิมมา รับบทเป็น สายลมWannarat Wattadalimma (Sunny)เอญ่า อรพรรณ ผ่องเมฆินทร์ รับบทเป็น ยี่หวาOrapan Phongmaykin (Aya)เคท ศศิศรัณย์ พิบูลรัตพงศ์ รับบทเป็น มารีนSasisarun Phiboonrattapong (Kate)โฟร์ท คเชนทร์ พิเชฐโสภณ รับบทเป็น ซันKashane Pichetsopon (Forth)โดนัท ศุภวิชญ์ ทองยืน รับบทเป็น ริวSuppawit Thongyuen (Donut)  อ้างอิงขอขอบคุณข้อมูลจาก :  Me Mind Y , iqiyithailand , ภาพปก/ภาพที่ 1/ภาพที่ 2/ภาพที่ 3/ภาพที่ 4/ภาพที่ 5/ภาพที่ 6/ภาพที่ 7/ภาพที่ 8/ภาพที่ 9/ภาพ 10/ภาพที่ 11/ภาพที่ 12/ภาพที่ 13เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี ! 

หุ้น U, U-P ควรซื้อตัวไหน? ... วันนี้มีคําตอบ
อ่าน

หุ้น U, U-P ควรซื้อตัวไหน? ... วันนี้มีคําตอบ

ทันหุ้น - บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS มองหุ้น U, U-P ควรซื้อตัวไหน? เริ่มต้นจากความแตกต่าง U คือ หุ้นสามัญปกติ ส่วน U-P คือ หุ้นบุริมสิทธิ ที่บริษัทเริ่มมีการระดมทุนในวันที่ 5 มี.ค. 61 และให้สิทธิผู้ถือหุ้น U-P ได้รับเงินปันผลต่อปี 0.22 สตางค์ (หลังรวมพาร์) ต่อเนื่อง 5 ปี ซึ่งเงินปันผลนี้ จะจ่ายก่อนที่จะจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นสามัญปกติ และสามารถสะสมต่อไปได้ เช่นหากปีไหนไม่จ่าย หรือว่าจ่ายไม่ครบก็ยกยอดไปเป็นยอดค้างจ่ายในปีถัดไป ราคา U-P ในช่วง 1-2 ปี แรก หลังเข้าตลาด ราคาซื้อขายแพงกว่าหุ้น U (Premium) เนื่องจากมีการการันตีผลตอบแทนต่อปี ให้แก่ผู้ถือหุ้น U-P ซึ่งถ้านับเงินปันผลสะสมตลอดระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2561 - 2565 มีมูลค่ารวม 1.10 บาท/หุ้น แต่ระดับ Premium ของ U-P เริ่มลดลง ตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. 2563 เป็นต้นมาจนราคาอยู่ใกล้เคียงกับหุ้น U ส่วนหนึ่งเกิดจากความกังวลผลกระทบโควิดต่อผลประกอบการ รวมถึงความสามารถในการจ่ายปันผลที่ลดลง สะท้อนได้จากกำไรปี 2563 ของ U พลิกมาขาดทุน 6.6 พันล้านบาท และ CFO -337 ล้านบาท U-P เริ่ม Discount หรือ ราคาต่ำกว่าหุ้น U อย่างเห็นได้ชัด ในช่วงเดือน ก.ย. 64 เป็นต้นมา มาจาก 3 ส่วนดังนี้ 1. เป็นผลพวงมาจากความกังวลต่อความสามารถในการจ่ายปันผล หลังบริษัทมีการประกาศเพิ่มทุน U-P 2.9 หมื่นล้านหุ้น (1 หุ้นเดิม : 3 หุ้นใหม่) ที่ราคา 0.7 บาท ในช่วงกลางเดือน ก.พ. 64 รวมถึง U-P ยังไม่เคยจ่ายปันผลเลยซักครั้ง รวมถึงกำไร 9M64 ยังขาดทุนต่อเนื่อง 811 ล้านบาท และมีสถานะเงินสด 5.2 พันล้านบาท 2. มีการเก็งกำไรในหุ้น U ที่มีสภาพคล่องสูงกว่า U-P หลัง U ประกาศเข้าซื้อหุ้น JMART และ SINGER 3. จนถึงล่าสุดราคาหุ้น U-P Discount ราคาหุ้น U กว่า 0.88 บาท เทียบเท่าปันผลที่ต้องได้รับในปี 2561 -2564 สรุป คือ ปัจจัยภายนอกมีโอกาสที่กดดันให้ราคาหุ้น U กับหุ้นบุริมสิทธิ U-P แตกต่างกัน แต่ตามทฤษฎีช่วงใกล้ใช้สิทธิราคา U กับ U-P ควรลู่เข้าหากัน ทำให้ปัจจุบันราคา U-P ยังมีความน่าสนใจกว่า U ในมุมของนักลงทุนระยะยาว จากราคาที่ Discount กว่า 0.88 บาท ใกล้เคียงกับเงินปันผลที่ต้องได้รับปี 2561 2564 แต่สำหรับนักเก็งกำไรสั้นๆ ตามกระแส แนะนำหุ้น U เนื่องจากมีสภาพคล่องที่สูงกว่า จึงเป็นที่เพ่งเล็งมากกว่า U-P