TrueID
TH
รีเซต
ผลการค้นหา “Never Too Late” - ทรูไอดี
ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
อ่าน
เหนื่อยนัก...ก็นับหนึ่ง (It’s never too late) | รีวิว หนังสือ
เหนื่อยนัก...ก็นับหนึ่ง (It’s never too late) หนังสือ “เหนื่อยนัก...ก็นับหนึ่ง” (It’s never too late) เป็นหนังสือชุดสาระสำหรับชีวิต ผลงานของคุณต้นกล้า นัยนา จัดพิมพ์ครั้งแรกโดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้า ปี พ.ศ. 2547 ผู้เขียนซื้อหนังสือเล่มนี้มาจากร้านขายหนังสือเก่า ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่จังหวัดอุดรธานี ในปี พ.ศ. 2558 โดยซื้อในราคาเพียงเล่มละ 20 บาท นับว่าเป็นความโชคดีที่ผู้เขียนได้พบกับหนังสือดี ราคาถูก และได้ข้อคิดในการใช้ชีวิตที่เป็นประโยชน์อย่างมากภาพถ่ายโดย พรประภา คุณต้นกล้า นัยนา เริ่มเขียนเป็นครั้งแรกจากการเขียนไดอารี่ของตัวเอง นอกจากนั้นก็เคยเขียนเรื่องส่งไปตามคอลัมน์ในสตรีสารช่วงที่เป็นวัยรุ่นและเคยได้รับคัดเลือกเพื่อตีพิมพ์ ส่วนหนังสือเล่มแรกเริ่มต้นเขียนเมื่อปลายปี พ.ศ. 2543 กับผลงาน รักแรกพบ หัวใจก้าวเดิน ฉันมีความสุข อยากเห็นเธอสบายดี และได้เขียนหนังสือเพื่อสร้างกำลังใจให้กับผู้อ่านอีกหลายเล่ม เธอย้ำอยู่เสมอว่า “ชีวิตต้องเดินตามกำลังใจตลอด เพราะเส้นทางชีวิต มีบทพิสูจน์ทดสอบมากมาย” ทุกวันนี้เธอมีกำลังใจจากตัวเองและเด็กชายเกื้อ ต้นไม้กำลังใจต้นใหญ่ ที่ฝังรากลึกลงไปในหัวใจเธอ ลึกขึ้นทุกวัน ... เหนื่อยนัก...ก็นับหนึ่ง (It’s never too late) เป็นหนังสือประเภททั่วไป เขียนในรูปแบบพ็อกเก็ตบุ๊ค จิตวิทยา พัฒนาตนเอง ขนาดรูปเล่ม 131 x 171 x 11 มิลลิเมตร จำนวน 200 หน้า พร้อมด้วยภาพประกอบลายเส้นน่ารักชวนให้เปิดอ่านเรื่อย ๆ ตลอดทั้งเล่ม เนื้อหาในเรื่องเป็นการรวบรวมข้อคิดดี ๆ ในการใช้ชีวิต ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกำลังใจ ถ่ายทอดผ่านการใช้ภาษาที่นุ่มลึกละมุนละไม ถูกเรียบเรียงและกลั่นกรองมาเป็นอย่างดี หลากหลายข้อคิดในเล่มจะเติมเต็มพลังแห่งการเชื่อมั่น การมองโลกในแง่ดี และเสริมสร้างพลังใจในการดำเนินชีวิต ให้ดำเนินไปอย่างมีความสุขภาพถ่ายโดย พรประภา “...ความสุขจะหลั่งสารมากมาย ให้เราสร้างสรรค์สรรพสิ่งที่งดงาม ความสุขจะทำให้เรามีกำลังใจ และกล้าที่จะทำในเรื่องที่ดี เรื่องที่ทำให้เราหัวเราะได้ ความสุขจะทำให้เรายอมเปิดประตูทุกบานและเดินไปข้างหน้า ความสุขจะทำให้เรามีลมหายใจเสรี ยังไม่สายเกินไปที่จะขจัดความทุกข์ออกไปจากใจ ยังไม่สายเกินไปที่จะมีลมหายใจอยู่อย่างมีความสุข…” ข้อความจากปกหลัง โดย คุณต้นกล้า นัยนา โดยรวมแล้วหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือดีที่ทรงคุณค่า ทำให้ผู้อ่านได้รับกำลังใจและแรงบรรดาลใจในการก้าวผ่านความรู้สึกที่ผิดหวัง ท้อใจ หรือล้มเหลว ทำให้เรารู้จักให้โอกาสตัวเอง เติบโต และก้าวไปข้างหน้า กำลังใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะกำลังใจที่สร้างขึ้นมาจากตัวเราเอง เหนื่อยนัก...ก็นับหนึ่ง It’s never too late.ภาพถ่ายโดย https://www.pexels.com/th-th/photo/3781560/ภาพถ่ายโดย https://www.pexels.com/th-th/photo/2156416/
พรประภา • 11 มี.ค. 63
อ่าน
รีวิวซีรีส์จีน ผู้ช่วยของฉันอายุ 60 (2023) Never Too Late ทาง iQIYI
สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิวซีรีส์จีนของทาง iQIYI เรื่อง ผู้ช่วยของฉันอายุ 60 หรือ Never Too Late มีทั้งหมด 37 ตอน ตอนละ 45 นาที ออกอากาศทุกวันวันละตอน สมาชิกทุกวันวันละ 2 ตอน นำแสดงโดยหวังจื่อเหวิน รับบท เจียงเถียน และไป๋จิ้งถิง รับบท โจวเยว่เหวินเป็นเรื่องราวของเจียงเถียนนางเอกของเรื่องที่เดิมเธอทำงานในบริษัทออกแบบในสำนักงานใหญ่กรุงปักกิ่ง แต่เพราะไปทำให้หัวหน้าในบริษัทไม่พอใจเธอจึงโดนย้ายมาทำงานที่ซูโจวบ้านเกิดของเธอ ตอนเธอกลับมาที่บ้านเกิดก็ได้ไปที่บ้านเก่าของตน เธอวางแผนว่าระหว่างทำงานที่นี่จะมาพักที่บ้านเก่าตน แต่กลับพบว่าพ่อของเธอได้ให้อู๋จิ้งฟางคุณป้าของโจวเยว่เหวินพระเอกของเรื่องเช่าไปแล้วเพราะเธอไม่ได้บอกพ่อก่อนว่าจะกลับมาอยู่ ตอนแรกนางเอกก็ไม่ยอมจะจ่ายเงินชดเชยให้ป้าพระเอกย้ายออกแต่ป้าพระเอกก็เสนอให้นางเอกมาอยู่ด้วยกัน ป้าของพระเอกนั้นอายุ 60 แล้วแต่ยังพยายามหางานทำเธอได้ไปสมัครงานตามที่ต่างๆมากมายแต่ด้วยอายุที่มากแล้วจึงไม่มีใครรับเข้าทำงาน สุดท้ายเธอได้มาสมัครงานเป็นผู้ช่วยนักออกแบบบริษัทนางเอก เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ต้องไปดูกันนางเอกเป็นคนบ้างาน ขยันทำงานแม้ไม่ใช่เวลางาน ดูเป็นคนกระตือรือร้น แต่เพราะไปขัดผลประโยชน์ของหัวหน้าในบริษัทจึงถูกย้ายมาที่บ้านเกิด เป็นคนตรงๆ ไม่ยอมคน ดูออกแนวสาวมั่น สามารถยืนหยัดด้วยตนเองได้ ไม่ต้องพึ่งใคร นักแสดงแสดงได้ดูมั่นใจ ทำงานเก่งพระเอกเปิดร้านอยู่ใกล้บ้านนางเอก ดูเป็นคนสบายๆ ติดขี้เล่นนิดๆ แต่พอเจอนางเอกกลับดูอึกอัก ไม่กล้าทักทาย ความจริงแล้วพระเอกกับนางเอกเคยรู้จักกันตอนเด็กๆแต่มีเรื่องบางอย่างทำให้ดูไม่สนิทใจกัน นักแสดงแสดงได้ดูหล่อ น่ารักป้าพระเอกดูเป็นคนแก่ใจเย็นและดูใจดี แต่ก็ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบ ถึงจะแก่แล้วแต่กลับมีบุคลิกที่ดูสดใส อารมณ์ดี นักแสดงแสดงได้ดูใจดีเสื้อผ้าไม่ได้หรูหรามากมาย ดูเป็นชุดธรรมดาๆแต่ทำออกมาได้เข้ากับนักแสดง ดูสวยงาม ชุดนางเอกดูสบายๆแต่ใส่ออกมาก็จัดว่าดูดี ชุดพระเอกก็ดูหล่อเหลา ฉากออกแนวโบราณหน่อยๆ ไม่ได้ดูโบราณเหมือนซีรีส์ย้อนยุค แต่ดูเป็นบ้านสมัยเก่าที่ถึงจะดูเก่าก็จริงแต่กลับดูสวยงามลงตัว แสงก็ทำออกมาได้ดูละมุนเข้ากับมูสและโทนของเรื่องพล็อตเรื่องคือนางเอกโดนย้ายให้มาทำงานที่บ้านเกิดเพราะไปทำให้หัวหน้าเก่าไม่พอใจ พอมาที่ใหม่บังเอิญได้เป็นเพื่อนร่วมงานกับป้าพระเอกโดยไม่คาดคิด ความจริงแล้วเธอกะจะทำงานไปสักพักและขอย้ายกลับแต่เพราะเลิกรากับแฟนหนุ่มที่ปักกิ่งแผนการจึงหยุดชะงัก ระหว่างที่ทำงานที่ใหม่ป้าพระเอกก็เรียนรู้งานจากนางเอกเพื่อจะได้เป็นผู้ช่วยของนางเอกตามที่หวัง นางเอกนั้นด้วยความที่เพิ่งย้ายมาทำให้ยังปรับตัวไม่ค่อยได้ จึงได้ป้าพระเอกช่วยให้ปรับตัวเข้ากับที่ทำงานใหม่ ทั้งคู่ต่างช่วยเหลือกันฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน อยากให้ดูเรื่องนี้เพราะเป็นแนวผู้หญิงสู้ชีวิต ที่ดูสนุก เดินเรื่องได้ดูเรื่อยๆ ดูสบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก อยากให้ไปดูค่ะเครดิตภาพปก1, ภาพปก2-3 ตกแต่งโดย canvaภาพที่1-3, ภาพที่4-5 ขอบคุณภาพจาก weibo: 我的助理不简单คอมมูนิตี้ “โลกคนรักหนัง” ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน
Faifun • 16 ต.ค. 66
อ่าน
รีวิวซีรีส์ 55:15 NEVER TOO LATE ซีรีส์ไทยที่จะมอบความอบอุ่นให้กับคุณ (ไม่สปอยล์)
สวัสดีครับทุก ๆ ท่าน ก่อนอื่นผมขอเดาว่าทุกท่านเวลานึกถึงซีรีส์แนวอบอุ่นหัวใจ หรือที่เป็นแนวการย้อนกลับไปเป็นเด็กหรือวัยรุ่นคงนึกถึงซีรีส์เกาหลีอย่าง 18 Again กันใช่ไหมครับ แต่วันนี้ผมขอเสนอซีรีส์ไทย 55:15 NEVER TOO LATE ซึ่งเนื้อเรื่องเกี่ยวกับตัวละครหลัก 5 คนอยู่ที่ในช่วงวัย 55 ปี แต่อยู่มาวันหนึ่งร่างกายได้กลับไปอายุ 15 ปีซะอย่างนั้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้นก่อนอื่นต้องมาอ่านรีวิวของผมก่อนที่จะตัดสินใจดูกันดีกว่าครับ!ตัวอย่าง (Trailer)https://youtu.be/hn1hBNED8Twเนื้อเรื่องย่อ เรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มคนอายุ 55 ทั้งหมด 5 คน ที่ในวัย 55 ปีแต่ละคนมักจะมีเรื่องราวที่อยากกลับไปแก้ไข หรือเรื่องราวบางอย่างในวัย 55 ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้แล้ว บางคนเป็นเรื่องราวของความรัก บางคนเป็นเรื่องเกี่ยวกับความฝันของตัวเอง แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตากลับเล่นตลก หรือไม่ก็ให้โอกาสกับพวกเขา เพราะร่างกายทั้ง 5 คนได้กลับไปอยู่ในวัย 15 ปี ซึ่งนำโดย1) สันต์ (แสดงโดย จิ๊บ-วสุ และ นนน-กรภัทร์) นักพากย์ที่ในยุคปัจจุบันอาชีพการพากย์ของเขากำลังจะจบลง เนื่องจากทั้งเรื่องของอายุ และทั้งการพากย์ในปัจจุบันที่มักจะใช้ดารา-คนดังมาพากย์แทน นอกจากนั้นยังมีเรื่องของความรักที่ได้พบกับปริม แสดงโดย เกรซ-มหาดํารงค์กุล (55 ปี) และปุยเมฆ-นภสร (15 ปี) ซึ่งเป็นรักของเขาตั้งแต่วัยเรียน 2) ทรงพล (แสดงโดย กบ-ทรงสิทธิ์ และข้าวตัง-ธนวัฒน์ ) เจ้าของร้านอาหารและเป็นพี่คนโตสุดในครอบครัวคนจีนที่รู้ว่าตัวเองเป็นเกย์ชอบผู้ชาย และนอกจากนั้นยังเป็นแฟนคลับนักร้องดังยุค 80s อย่างเจย่า เจณิญาอีกด้วย 3) เจย่า (แสดงโดย นก-สินจัย และพิพลอย-กัญญรัตน์ ) นักร้องดังในยุค 80s ที่กำลังจะตกอับเพราะทั้งวัยและฝีมือ รวมถึงมีนักร้องไฟแรงรุ่นใหม่ที่กำลังเข้ามาแทนที่ซึ่งทำให้กระแสเจย่ามีแต่คนในยุค 80s เท่านั้นที่ยังสนับสนุนเธอ 4) อมรเทพ (แสดงโดย อ่ำ-อัมรินทร์ และเค-เลิศสิทธิชัย) นักมวยเจ้าของค่ายมวยเจริญพรที่ไม่สามารถกลับไปชกมวยได้อีกแล้ว และค่ายมวยของเขากำลังตกอยู่ในสถานะที่ยากลำบาก 5) จารุณี (แสดงโดย คาร่า-พลสิทธิ์ และวิว เบญญาภา) คุณครูเจ้าระเบียบที่กำลังตั้งคำถามกับตัวเองในทั้งเรื่องของความรัก และเรื่องในอายุวัย 55 ปีของเธอ นี่ก็เป็นเรื่องราวของตัวละครคร่าว ๆ นะครับซึ่งความจริงแล้วรายละเอียดแต่ละตัวละครมีมากกว่านี้ครับ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการสปอยล์ไปมากกว่านี้ผมไม่อาจใส่ไปเพิ่มจากนี้ได้ครับการนำเสนอประเด็นทางสังคมไทยของซีรีส์ ในซีรีส์เรื่องนี้มีการนำเสนอประเด็นทางสังคมไทยอย่างเช่น เรื่องของ LGBTQ , รักต่างวัย , กฎระเบียบของโรงเรียน , การฉ้อโกง , การทำร้ายกันในครอบครัว ซึ่งบางคนหากอ่านมาถึงตรงนี้ก็อาจจะมองว่ามีแต่ประเด็นเครียด ๆ แล้วไม่อยากดูแล้ว แต่อย่าเพิ่งเลยครับ เพราะประเด็นที่ซีรีส์นำเสนอมาไม่ได้ใช่ทั้งหมดของซีรีส์ แต่ที่ผมอยากนำเสนอเพราะว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันทำให้ซีรีส์สะท้อนประเด็นทางสังคมออกมาได้ดี และมีการตั้งคำถามกับประเด็นนั้นๆ ซึ่งผมมองว่าทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ดูคล้ายกับความเป็นจริงในสังคม ณ ปัจจุบันการแสดงของนักแสดงในสองช่วงวัย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของการที่ร่างกายของคนอายุ 55 กลับกลายเป็นร่างอายุ 15 แน่นอนว่าต้องใช้นักแสดง 2 คนในตัวละครเดียวกัน คือทั้งนักแสดงวัย 15 และวัย 55 ซึ่งจะแสดงเป็นในแบบบุคลิกของคนอายุ 55 (ยุคปัจจุบัน) ผมต้องบอกเลยครับว่าการแสดงของนักแสดงทั้งสองวัยสามารถทำบุคลิกและการแสดงให้เหมือนคน ๆ เดียวกันแสดงได้อย่างดีมาก ๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงของคนในร่างอายุ 15 ที่คุยกับเด็กในยุคปัจจุบัน ที่การพูดคุยเหมือนกับคนอายุ 55 จริง ๆ คุยกับเด็กในยุคปัจจุบันทั้ง ๆ ที่ร่างกายของทั้งสองคนยังอยู่ในวัยเดียวกัน หรือไม่ก็การแสดงของคนในอายุ 55 ที่คุยกันเอง ไม่ว่าจะอยู่ในร่างเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ทำให้ผมรู้ได้ว่าคน ๆ นี้คือตัวละครนี้ อันนี้ต้องชื่นชมนักแสดงทุก ๆ คนอย่างมาก ๆๆ ครับเรื่องราวความรักที่ชวนให้น่าติดตาม และลุ้นตอนจบ การนำเสนอเรื่องราวความรักในซีรีส์เรื่องนี้ผมบอกเลยว่าการนำเสนอไม่ได้มีแค่คู่เดียวให้ติดตามกันนะครับ เพราะในซีรีส์เรื่องนี้มีหลายคู่ (ไม่ขอบอกว่ากี่คู่นะครับ55)ให้ติดตามกัน และแต่ละคู่เป็นเรื่องราวความรักในแบบที่แตกต่างกันด้วย (ซึ่งจะเป็นยังไงต้องไปดูกันเอาเองในซีรีส์นะครับ) และที่ผมชอบคือการนำเสนอเป็นไปในรูปแบบที่สามารถจะผิดหวัง หรือสมหวังก็ได้ซึ่งมันสามารถเป็นได้ทั้งสองรูปแบบเลยนะครับ จุดนี้แหละที่ผมคิดว่าเป็นจุดแข็งที่ทำให้ซีรีส์น่าติดตามอย่างมาก ๆๆ และสิ่งที่ผมชอบอย่างมากคือ ความรักในเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ความรักแบบหนุ่ม-สาวเท่านั้น แต่ยังมีความรักแบบอื่น ๆ ด้วย เช่น ความรักของศิลปินกับแฟนคลับ , ความรักระหว่างพ่อกับลูก , ความรักระหว่างเพื่อนกับเพื่อน , ความรักระหว่างลูกศิษย์กับครู , ความรักระหว่างคนใกล้ชิดที่สนิทกันถึงแม้ไม่ได้มีสายสัมพันธ์ทางเลือดเนื้อใด ๆ หรือจะเป็นความรักที่เราไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนหรือการครอบครองใด ๆ แน่นอนว่ามันยิ่งทำให้ตัวซีรีส์มีเรื่องราวที่น่าติดตามมากขึ้นครับ และรวมถึงข้อคิดที่เราจะได้จากซีรีส์เรื่องนี้ด้านความรักก็จะสอนเราด้านความรักในหลาย ๆ ความสัมพันธ์ ในหลาย ๆ มุมมองครับสุดท้ายสิ่งที่จะได้รับจากในซีรีส์ แน่นอนครับว่าสิ่งที่ได้จะรับอย่างแน่นอนเลยคือความสนุก (แต่ก็อย่าเชื่อผมนะครับ ต้องไปดูเอง!) แต่สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าได้คือ ได้ความอบอุ่นหัวใจกลับไป ได้ข้อคิดบางอย่างที่อาจทำให้คุณได้กลับมาตระหนักกับตัวเองว่าเราใช้โอกาสที่มีอย่างคุ้มค่าหรือยังหรือได้ข้อคิดในความรักบางอย่าง ข้อคิดในการใช้ชีวิตซึ่งมันเป็นเรื่องราวที่ดีอย่างมาก ๆๆ ครับ ผมว่าซีรีส์เรื่องมันอาจทำให้เราได้เข้าใจคำว่ามิตรภาพที่แท้จริง ได้เข้าใจความรักมากขึ้นถึงแม้ความรักนั้นจะเป็นรูปแบบไหน หรือจะสมหวังหรือไม่สมหวังก็ตาม สิ่งที่ได้อีกอย่างคือซีรีส์เรื่องนี้อาจเป็นตัวเตือนสติคุณได้เห็นคุณค่าของเวลา คุณค่าของโอกาสที่มีอยู่ ถึงแม้โอกาสนั้นจะมากหรือน้อยก็ตาม เพราะฉะนั้นคุณมีโอกาสได้อ่านบทความนี้แล้วผมหวังว่าคุณจะได้ไปดูซีรีส์เรื่องนี้นะครับ แล้วจะคุณจะได้สัมผัสสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนกับซีรีส์ไทยเรื่องใด ๆ...และสุดท้ายนี้ผมขอปิดท้ายไปกับคำในซีรีส์ที่กล่าวว่าคุณใช้โอกาสที่มีได้อย่างดีที่สุดแล้วหรือยังชื่อเรื่อง : 55:15 NEVER TOO LATEประเภทของซีรีส์ : ดราม่า ,ไซไฟกำกับซีรีส์ : ษรัณยู จิราลักษม์ปีที่ออกอากาศ : ค.ศ. 2021-2022ประเทศ : ไทยภาษาในการรับชม : ไทยจำนวนตอน : 16 ตอน (ตอนละประมาณ 40-50 นาที)คะแนน : IMDb 9.3/10 | Google users / 97% (ณ วันที่เขียน) | คะแนนจากผู้เขียน 9.5/10ออกอากาศทาง : GMMTV , Youtube GMMTV OFFICIAL ----- Playlist GMMTV OFFICIAL (ชมฟรี)เครดิตภาพและวิดีโอวิดีโอ Trailer สันต์ /ทรงพล/เจย่า/อมรเทพ/จารุณีภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 /ภาพที่ 4 /ภาพที่ 5 และ 6 /ภาพที่ 7 Twitter : GMMTV (ภาพปก/สันต์/ทรงพล/เจย่า/อมรเทพ/จารุณี/ภาพที่ 1 และ 7)Youtube : GMMTV OFFICIAL (วิดีโอ Trailer)Facebook : GMMTV (ภาพที่ 2,3,4,5 และ 6)เกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !
MAJOKER • 28 มี.ค. 65
อ่าน
รีวิว Never Too Late (2023) ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก ซีรีส์โรแมนติก วัยรุ่น จากช่อง TrueID โดยเฉาเอินฉี และ เซียวอวี่
Never Too Late (2023) ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก สวัสดีค่ะวันนี้มาพบกับดิฉันอีกแล้วเช่นเคยค่ะ วันนี้ดิฉันอยากจะมาป้ายยาซีรีส์ "Never Too Late (2023) ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก" ซีรีส์โรแมนติก วัยรุ่น ผสมผสานคอมเมดี้ ได้นักแสดงหนุ่มหล่อหน้าหวานอย่าง เฉาเอินฉี จากซีรีส์ When You Be Me ลับรักพลิกชะตา When You Be Me และสาวสวย เซียวอวี่ มารับบทพระ-นาง พร้อมนักแสดงสมทบอย่าง เซียวหรานซิน หวังจุนห่าว หวังย่าติง และ โต้วอี้คุน เรื่องราวความรักสุดฟินของคู่รักวัยรุ่นที่จากกัน 10 ปี ไม่คิดว่าจะกลับมาเจอกันอีกครั้งในสถานะครอบครอบเดียวกัน ความสัมพันธ์อลเวงจึงเกิดขึ้น ออนแอร์ทางช่อง TrueID มีจำนวน 22 ตอนจบ......ถือเป็นซีรีส์น้ำดีอีกเรื่องที่บอกเลยว่าคอซีรีสต้องห้ามพลาด มาค่ะมาดูกันว่าซีรีส์จะสนุกขนาดไหน...https://www.youtube.com/watch?v=0EcsVYaB1vMเมื่อบังเอิญกลับมาเจอกับคนที่แอบชอบเมื่อ 10 ปีก่อน | Never Too Late ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรักเรื่องย่อ Never Too Late (2023) ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก ในเรื่องเล่าถึง เจียงซีเล่อ นางเอก และติงหร่าน พระเอก ในตอนเรียนทั้งคู่สนิทสนมกันจนเพื่อนร่วมรุ่นต่างแซวว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน แต่เมื่อเรียนจบต่างคนต่างแยกทาง นางเอกเรียนจบทำงานเป็นดีไซเนอร์ชุดชั้นใน ส่วนพระเอกเป็นแพทย์ ทั้งคู่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งเพราะนางเอกมีปัญหาสุขภาพต้องมาตรวจที่โรงพยายามและแพทย์ที่ตรวจดันกลายเป็นพระเอก เท่านั้นยังไม่พอเมื่อนางเอกกลับไปบ้านยังพบว่าพ่อของพระเอกและเเม่ของเธอกำลังจะแต่งงานกัน ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นครอบครัวเดียวกัน ความสัมพันธ์ซับซ้อนซ้อนเงื่อนที่ต่างฝ่ายต่างต้องปิดบังพ่อและแม่ของตนเอง บทสรุปเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต้องไปติดตามดูกันค่ะรีวิว Never Too Late (2023) ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรักเนื้อเรื่อง อันดับแรกเรามาดูในส่วนของเนื้อเรื่องหลังได้ดูจนจบ ดิฉันรู้สึกว่าเนื้อเรื่องโดยรวมดูแล้วน่าติดตาม ดูได้เรื่อยๆไม่น่าเบื่อ โดยพล็อตเรื่องเล่าผ่านตัวละครพระ-นางที่เจอกันตั้งแต่สมัยเรียน ต่างคนต่างตกหลุมรักกันและกัน ผ่านไป 10 ปี ดันมาพบกันอีกครั้งเมื่อนางเอกมาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล แต่แล้วเมื่อกลับไปบ้านเธอก็พบว่าพ่อและเเม่ของพวกเขากำลังจะแต่งงานกันทั้งคู่ต้องใช้ชีวิตเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่เพราะความรักตั้งแต่สมัยวัยรุ่นยังคงอยู่ เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ลืมความรักครั้งเก่าก่อเกิดเป็นเรื่องราวความรักที่ซับซ้อนจากสถานะครอบครัวเดียวกันจึงต้องปกปิดเป็นความลับไม่ให้พ่อและเเม่รู้ ซึ่งเนื้อเรื่องวางปมต่างๆ และดำเนินเรื่องระหว่างความรัก มิตรภาพ ครอบคัว ออกมาได้อย่างลงตัว ความสัมพันธ์ของคู่รักในวัยทำงาน บทพระ-นางมีความน่ารัก ทำให้ซีรีส์ชวนน่าติดตามได้ตลอด บอกเลยว่ามีครบทุกรส โดยส่วนตัวชอบเนื้อเรื่องตรงส่วนที่มีฉากน่ารัก หวานๆ ของคู่รักให้ได้ฟินกันตลอดทั้งเรื่องค่ะนักแสดง เฉาเอินฉี รับบท ติงหร่าน เซียวอวี่ รับบท เจียงซีเล่อนักแสดง ต่อมาในส่วนของนักแสดงได้นักแสดงหนุ่มหล่อหน้าหวานอย่าง เฉาเอินฉี และสาวสวย เซียวอวี่ มารับบทพระ-นาง พร้อมนักแสดงอาทิ เซียวหรานซิน หวังจุนห่าว หวังย่าติง และ โต้วอี้คุน มาร่วมทัพนักแสดง ทำให้ซีรีส์ น่าติดตามและมีเสน่ห์มากขึ้น เพราะแต่ละคนแสดงได้ตามบทบาทและคาแรคเตอร์ที่ได้รับ ยิ่งพระ-นางบอกได้คำเดียวว่าน่ารัก เคมีดีต่อใจเวอร์วังค่ะ และในเรื่องยังมีคู่รองอีก1 ที่จะมาเติมความหวาน เรียกว่าเป็นซีรี่ย์ที่ต้องไม่พลาดค่ะ ส่วนตัวชอบคาแรกเตอร์ของพระเอกค่ะ ดูฉลาด และยังเจ้าเลห์ในบางเวลาค่ะเขาและเธอ คู่จิ้นที่เพื่อนๆแซวฉาก เสื้อผ้า คอสตูม อันดับที่สามเรามาดูในส่วนฉาก เสื้อผ้า คอสตูมเรียกได้ว่าทั้งภาพ แสง สี เสียง ดูดีเกินคาด ในเรื่องส่วนใหญ่เป็นฉากที่โรงพยาบาล ที่บ้านและที่ทำงาน ชุดแต่ละชุดเหมาะสมตามคาแรคเตอร์ที่นักแสดงได้รับ สวย หล่อ เท่ ตามบท ฉากและโลเคชั่นต่าง ๆ เลือกออกมาได้ดี การถ่ายทำภาพมุมกล้องสวยดูดีทุกตอน ส่วนตัวชอบตั้งแต่เปิดตัวฉากเเรกที่พระเอกและนางเอกเจอกันที่โรงพยาบาลค่ะหวานกว่านี้ก็น้ำตาลแล้วล่ะเพลงประกอบ อันดับสุดท้ายมาดูในส่วนของเพลงประกอบกันค่ะ แต่ละเพลงส่วนใหญ่มีความหมายดี เสียงร้องก็ไพเราะ ฟังได้ตลอดจนจบ ส่วนตัวชอบเพลง การเดินทางของดวงดาว และปีที่เงียบหายไปค่ะรู้ว่าอ่อยแล้วสนหรือเปล่าฉากที่ชอบ: ชอบฉากที่พระ-นางเจอกันที่โรงพยาบาลและนางเอกต้องเปิดเสื้อให้พระเอกตรวจ ตลกและอดเขินเเทนไม่ได้ค่ะ หน้าพระเอกนิ่งมาก จบไปแล้วนะคะสำหรับการรีวิว Never Too Late (2023) ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก ซีรีส์โรแมนติก วัยรุ่น จากช่อง TrueID โดยเฉาเอินฉี และ เซียวอวี่ หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ณ ที่นี่ด้วยค่ะ หวังว่าทุกท่านจะไปสนุกกับการรับชมซีรีส์กันนะคะ รับรองจะสนุกอบอุ่นและซาบซึ้งใจกับความรักของพวกเขาทั้งคู่ฮอต อย่าลืมไปรับชมกันนะค่ะรับรองจะไม่ผิดหวัง ขอบคุณค่ะเครดิตภาพและวิดิโอfacebook:TrueID:หน้าปกตัดต่อโดยผู้แต่ง KramboYoutube :TrueID :รูปที่ 1Facebook : TrueID:รูปที่ 2/14Weibo:我迟到了那么多年官微:รูปที่ 3-5/6/7/8/9/10/11/12-13 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !
Krambo • 24 พ.ย. 66
อ่าน
รีวิวมินิซีรีส์จีน “ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก – Never Too Late” แนวโรแมนติก น่ารัก ฟีลกู๊ด ที่แสนดีต่อใจ คนชอบดูแนวความรักใส ๆ ต้องห้ามพลาด!!
สวัสดีค่ะทุกคน ตอนนี้กำลังติดซีรีส์เรื่องอะไรกันอยู่บ้างคะ ช่วงนี้เราชอบดูแนวน่ารัก ๆ ใส ๆ ไม่ดราม่าเยอะมาก ๆ เลยค่ะ เพราะรู้สึกว่าดูแล้วผ่อนคลาย ไม่เครียด แถมบางเรื่องฟินจิกหมอนสุด ๆ และในบทความนี้ค่ะเรามีมินิซีรีส์จีนเรื่องหนึ่งที่บังเอิญหลงเข้าไปดูมา และชอบมาก เรื่องนี้ชื่อว่า “ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก” หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ “Never Too Late” เป็นแนวโรแมนติกที่บังเอิญได้กลับมาเจอกับรักแรกตั้งแต่สมัยเรียนอีกครั้งค่ะ เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก ดูพระนางหยอกกัน จีบกันไปวัน ๆ ใครที่ชอบดูแนวนี้ต้องห้ามพลาดเลยนะคะ เฉาเอินฉี รับบทเป็น ติงหร่านแพทย์หนุ่มแผนกทรวงอก ที่มีท่าทางนิ่ง ๆ เย็นชานิด ๆ ดูมีเสน่ห์และหล่อเหลา เขาอาศัยอยู่กับพ่อสองคน และเขาก็ไม่ได้สนิทกับพ่อมากนัก เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างขั้นกลางความสัมพันธ์ของพวกเขาอยู่ ติงหร่านเป็นคนที่ค่อนข้างดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวังอย่างมาก และมีการวางแผนในเรื่องที่สำคัญเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาคิดว่าเขาทำผิดพลาดมากที่สุดนชีวิตและเขาก็เสียใจมาตลอด คือการไม่ได้สารภาพรักกับเจียงสี่เล่อให้ไวกว่านี้ ทำให้เขาและเธอต้องพรากจากกันถึง 10 ปี เซียวอวี่ รับบทเป็น เจียงสี่เล่อสาวนักออกแบบชุดชั้นใน ที่มีพรสวรรค์มาก ๆ เธอเก่ง และเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองพอสมควร เธออาศัยอยู่กับแม่เพียงสองคนเท่านั้น ชีวิตช่วงวัยเด็กที่พ่อของเธอจากไป แม่ของเธอลำบากเพื่อเธออย่างมาก และเธอหวังว่าอยากให้แม่ได้มีความสุขและได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเต็มที่ เจียงสี่เล่อมีรักแรกที่ฝังใจก็คือติงหร่าน แม้ว่าเธอจะถูกเขาปฏิเสธมาตลอด และไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน เธอก็ไม่เคยรักคนอื่นเลย เรื่องย่อเรื่องราวของ “เจียงสี่เล่อ” สาวนักออกแบบชุดชั้นใน เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับทรวงอกของเธอ เธอจึงไปตรวจที่โรงพยาบาล แต่บังเอิญกลับมาเจอกับ “ติงหร่าน” รักแรกเมื่อ 10 ปีก่อน แถมเขายังเป็นหมอตรวจทรวงอกให้เธออีกด้วย จากความอับอายในครั้งนี้เจียงสี่เล่อนึกว่าจะหลุดพ้นจากติงหร่านแล้ว แต่เมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าแม่ของเธอได้ทำการย้ายบ้านไปโดยไม่ได้บอกเธอ และบ้านใหม่ก็อยู่ติดกับบ้านของว่าที่พ่อเลี้ยงที่กำลังจะแต่งงานกับแม่ขอเธอ เจียงสี่เล่อรู้สึกยินดีอย่างมากที่แม่ของเธอมีความสุขและได้พบกับความรักที่ดีอีกครั้ง แต่ว่าตัวเจียงสี่เล่อเองนั้น กลับต้องตกใจและรู้สึกอับอายอีกครั้ง เมื่อได้รู้ว่าลูกชายของว่าที่พ่อเลี้ยงคือ ติงหร่าน จากนั้นเรื่องราวว้าวุ่นภายในจิตใจจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ความรักของเจียงสี่เล่อและติงหร่านจะเป็นอย่างไรต่อไป จะหวานเยิ้มแค่ไหน ต้องไปติดตามต่อกันในซีรีส์นะคะ ความรู้สึกหลังรับชมก่อนอื่นเลยเราต้องขอยอมรับก่อนเลยค่ะว่า เราหลงไปดูเรื่องนี้ เนื่องจากว่าต้องการหาซีรีส์เบา ๆ ดูเพลิน ๆ และเป็นพากย์ไทยดูสักเรื่อง เลยเขาไปหาในแอป TrueID ค่ะ แล้วก็เจอเรื่องนี้เข้า “ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก” พอเห็นชื่อกับรูปหน้าปกรับรู้ได้เลยว่าจะต้องดีแน่ ๆ แถมยังเป็นมินิซีรีส์อีกด้วย ตอนหนึ่งจะมีความยาวประมาณ 20 นาที บอกเลยว่าเราดูวันเดียวจบ เพราะว่าสนุกมากการเปิดเรื่อง เนื่องจากเป็นซีรีส์เบาสมอง จึงเปิดเรื่องเรื่องแบบติดตลกนิดนึงค่ะ เป็นตอนที่นางเอกไปตรวจหน้าอก และไปเจอพระเอก บอกเลยว่าฉากเหล่านี้เป็นฉากที่โบ๊ะบ๊ะมาก ใจนึงเราก็สงสารนางเอกนะคะ แต่อีกใจหนึ่งก็ขำมากกว่า เพราะด้วยความเขินอายของนางเอก ตอนที่ตรวจหน้าอก จะต้องถอดชุดชั้นใน และมีจังหวะหนึ่งที่นางเอกอายหนักมาก เลยวิ่งหนีออกมาจากห้องตรวจ และทิ้งชุดชั้นในไว้ให้พระเอกดูต่างหน้าค่ะ 55555 การดำเนินเรื่อง เรื่องนี้ดำเนินเรื่องค่อนข้างเร็วมากค่ะ อาจจะเพราะว่าเป็นมินิซีรีส์ด้วย เลยไม่ได้ยืดเยื้อมาก และด้วยความกระชับฉับไวเนื้อเรื่องและตัวบทก็จะมีการก้าวกระโดดบ้างบางตอนค่ะ แต่ว่าก็ไม่ได้เป็นผลไม่ดีอะไรมากกับเนื้อเรื่อง เพียงแต่เราอาจจะมีอาการ “เอ๊ะ” นิดหน่อยเท่านั้น แต่รับรองว่าอรรถรสไม่เสีย และยังสนุกอยู่ค่ะในส่วนของเนื้อเรื่อง เน้นไปทางความรักที่เป็นรักแรก และเรื่องครอบครัว พ่อของพระเอกและแม่ของนางเอกเป็นรักแรกของกันและกันเมื่อหลายสิบปีก่อน จนวันหนึ่งที่คู่ครองของทั้งสองคนจากไปและเขาได้มีโอกาสได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เขาก็เลยตกลงคบหากันและจะแต่งงานกันในที่สุด ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าความรักของพ่อพระเอกและแม่นางเอกสวยงามมาก ๆ ค่ะ เขาทั้งสองคนคบหากันแบบผู้ใหญ่ แบบคนที่มีประสบการณ์แล้ว และพร้อมที่จะซัพพอร์ตและอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า ซึ่งดีต่อใจและน่าประทับใจมากซึ่งความรักของพระเอกนางเอกก็เป็นรักแรกเหมือนกันค่ะ ตอนสมัยเรียนมัธยมจริง ๆ ทั้งสองคนรักกันมีใจตรงกัน และนางเอกก็แสดงออกอย่างชัดเจน แถมสารภาพรักหลายรอบมาก แต่พระเอกรับบทเป็นนายเย็นชา ปฏิเสธนางเอกหลายครั้ง เพราะความอยากวางแผนชีวิตรักครั้งนี้ให้ดีที่สุด แต่ความล่าช้าของพระเอกทำให้นางเอกท้อแท้ค่ะทุกคน นางเอกก็คิดว่าพระเอกไม่ได้ชอบ ทำให้ในตอนนั้นทั้งสองคนจากกันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พอมาถึงเนื้อเรื่องในปัจจุบัน ซึ่งผ่านเวลาที่พระนางเรียนจบมัธยมมาแล้ว 10 ปี การเจอกันครั้งนี้ก็เหมือนให้ทั้งสองจีบกันใหม่ค่ะ โดยการได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะพระเอกเป็นหมอที่รักษานางเอก และยังเป็นลูกติดว่าที่พ่อเลี้ยงนางเอกด้วย ช่วงแรกของเรื่องพระนางก็จะจิกกัดกันตลอด พ่อแม่ก็ไม่สบายใจเลยวางแผนให้ลูกทั้งสองคนได้ไปใช้ชีวิตในต่างเมืองด้วยกัน ตรงจุดนี้แหละค่ะที่พระนางรู้ใจตัวเองว่าทั้งสองคนยังรักกันมาก ๆ อยู่ บอกเลยนะคะว่ายิ่งดูก็ยิ่งใจฟูค่ะ เพราะมันมีฉากน่ารัก ๆ ฉากดีต่อใจให้เราฟินจิกหมอนเยอะมาก และใครที่ชอบดูฉากเลิกซีน คิสซีน ในเรื่องนี้จัดเต็มค่ะ แซ่บมาก และไม่ใช่แค่คู่พระนางด้วยนะ คู่รองก็แซ่บไม่แพ้กันค่ะและอย่างที่บอกไปตอนแรก ว่าเรื่องนี้เน้นความรักและครอบครัว ดังนั้นตัวบทที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัวถึงดีมาก ๆ เรียกได้ว่าครอบครัวของพระนางรวมกันได้อย่างลงตัว พ่อพระเอก แม่นางเอกน่ารักมาก และเป็นพ่อแม่สมัยใหม่สุด ๆ ซึ่งส่วนตัวเราชอบฉากที่พ่อพระเอกทำกับข้าว และเรียกทุกคนมากินข้าวพร้อมกันมาก ๆ ซึ่งต่อให้ตอนแรกพระนางจะไม่ถูกกัน แต่ทั้งสองคนก็กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่เสมอ และก็ยังมีโมเมนต์ร่วมกันอื่น ๆ อีก ซึ่งดูแล้วเป็นครอบครัวที่มีความสุขและอบอุ่น ใจฟูมาก ๆ ค่ะสำหรับใครที่ชอบซีรีส์แนวน่ารัก ใจฟู ไม่มีดราม่า เราขอแนะนำเรื่องนี้อีกหนึ่งเรื่องค่ะ ที่ดีมาก ๆ แถมเป็นมินิซีรีส์ด้วย ไม่ต้องใช้เวลานานในการดูจบ รับรองว่าดูแล้วไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ชื่อไทย: ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก ชื่ออังกฤษ: Never Too Late ชื่อจีน: 我迟到了那么多年 ช่องทางการรับชม: TrueID จำนวนตอน: 22 ตอน ปีที่ออกอากาศ: 2023 ตัวอย่างซีรีส์ ขอบคุณรูปภาพ จาก Weibo@我迟到了那么多年官微 / รูปหน้าปก/ รูปประกอบ1/ รูปประกอบ2/ รูปประกอบ3/ รูปประกอบ4/ รูปประกอบ5/ รูปประกอบ6/ รูปประกอบ7/ รูปประกอบ8 ขอบคุณวีดีโอ เมื่อบังเอิญกลับมาเจอกับคนที่แอบชอบเมื่อ 10 ปีก่อน | Never Too Late ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก จาก Youtube: TrueID คอมมูนิตี้ “โลกคนรักหนัง” ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน
KorK • 17 ธ.ค. 66
อ่าน
55:15 Never Too Late ช่อง GMM25
เรื่องย่อ 55:15 Never Too Late ช่อง GMM25 ทุกวันอาทิตย์ 5 มกราคม 2565 นำโดย นก สินจัย เปล่งพานิช, คาร่า พลสิทธิ์, กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี, จิ๊บ วสุ แสงสิงแก้ว, อ่ำ อัมรินทร์ นิติพน ร่วมด้วยนักแสดงดาวรุ่งมากฝีมืออย่าง นนน กรภัทร์ เกิดพันธุ์, เค เลิศสิทธิชัย, พิพลอย กัญญรัตน์ เรืองรุ่ง, วิว เบญญาภา จีนประสม, ข้าวตัง ธนวัฒน์ รัตนกิจไพศาล มาประกบกับรุ่นใหญ่เพื่อเพิ่มสีสันและความน่าสนใจอีกด้วย
เรื่องย่อละคร • 25 พ.ย. 64
อ่าน
รีวิว Never Too Late ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก มินิซีรีส์แนวโรแมนติกดราม่า รักแรกกลับมาเจอกันอีกครั้ง พากย์ไทยทาง TrueID
วันนี้มีมินิซีรีส์แนวโรแมนติกรักแรก เรื่อง Never Too Late ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก ทาง TrueID มาฝากกันค่ะ เรื่องราวความรักของหนุ่มสาวที่เคยเป็นรักแรกของกันและกัน แต่ไม่สมหวัง เมื่อเวลาผ่านไปสิบปีพวกเขาได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ผลงานของนักแสดงหนุ่มหล่อ เฉาเอินฉี ประกบคู่สาวสวยเซียวอวี่ สนุกเข้มข้น น่าติดตามแค่ไหนไปติดตามกับรีวิวนี้กันค่ะ เรื่องย่อ Never Too Late ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก (2022)ซีรีส์ Never Too Late | ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก | 我迟到了那么多年 (2022) บอกเล่าเรื่องราวของเจียงสี่เล่อ (เซียวอวี่) สาวสวยนักออกแบบเสื้อชั้นใน ที่วันหนึ่งพบความผิดปกติที่เต้านมจำเป็นต้องไปตรวจที่โรงพยาบาล และที่นั่นเธอได้พบกับคุณหมอติงหร่าน (เฉาเอินฉี) หนุ่มหล่อที่ครั้งหนึ่งเธอเคยแอบชอบเขาหมดหัวใจ การได้กลับมาพบกันอีกครั้งในรอบ 10 ปีในสถานการณ์แบบนี้ทำให้เจียงสีเล่ออายแบบพูดไม่ออก หนำซ้ำโชคชะตายังเล่นตลกส่งให้ติงหร่านคือลูกชายของคู่หมั้นของแม่ของสี่เล่อ โลกกลมแสนกลม แต่ความรักของเธอช่างตรงกันข้ามเพราะมันเป็นเหมือนเส้นขนาน สุดท้ายแล้วเจียงสี่เล่อจะสมหวังในความรักหรือไม่โปรดติดตาม ทาง TrueID มี 22 ตอน ทั้งพากย์ไทยและซับไทยพล็อตรักแรกกลับมาเจอกันอีกครั้ง น่าลุ้นพล็อตรักแรกกลับมาเจอกันอีกครั้ง ดูกี่ครั้งก็ฟิน ชวนลุ้นชวนจิ้น ซีรีส์ผูกปมให้มาเจอกันในสถานการณ์อึดอัด คนหนึ่งเป็นคุณหมอทรวงอก อีกคนเป็นผู้ป่วย แถมยังบังเอิญมาเป็นพี่น้องต่างพ่อต่างแม่กันอีก โอ้ย! แค่นี้ก็ลุ้นมันส์หยดติ๋งแล้ว เล่าเรื่องสนุกนะ ค่อยๆ ปูเรื่องเริ่มจากความอึดอัดแล้วค่อยๆ คลายความอึดอัดผ่านการพึ่งพากันและกันยามเจ็บไข้ แต่กระนั้นพอทุกอย่างลงตัวก็ใส่ปมอุปสรรคมาเล็กๆ น้อยให้คอยลุ้นตลอด จากคนเคยตื้อการเป็นคนถูกตื้อ จิ้นฟินจิกหมอนเลยล่ะ ดำเนินเรื่องสลับปมในอดีตกับปัจจุบัน น่าติดตาม ถึงเป็นมินิซีรีส์ แต่ความดราม่าก็มีแน่นไม่แผ่ว ผสมผสานความโรแมนติก อบอุ่น ได้ลงตัวนักแสดงนำงานดี เคมีเข้ากันน่ารักเรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติกที่เล่าเรื่องสนุกมีทั้งความสมจริงและความโอเว่อร์ เว่อร์จนบางที โอ้ย!! เป็นไปได้ไหมเนี่ย แต่นักแสดงนำงานดีนะ ทั้งพระเอก เฉาเอินฉี ที่มารับบทคุณหมอ ติงหร่าน หล่อเท่สมบทบาทคุณหมอ แต่ที่ชอบสุดๆ ก็ความอบอุ่นอ่อนโยนเกินบรรยายของคุณหมอ น่ารักถูกใจ ส่วนนางเอก เซี่ยวอวี่ มารับบท เจียงสี่เล่อ สาวเก่งที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เจ็บแล้วจำ เซียวอวี่ สาวสวยสูงยาวเข่าดี แสดงดีเหมาะกับคาแรกเตอร์เจียงสี่เล่อ เคมีพระนางน่ารัก ช่วงแรกเปรี้ยวหน่อย ช่วงหลังหวานจิ้นชวนจิกหมอนมาก พระเอกจูบเก่งเว่อร์ มินิซีรีส์ แต่ทำออกมาดูเหมือนซีรีส์เต็ม เรื่องนี้เป็นมินิซีรีส์ ที่แต่ละตอนยาวประมาณ 15 นาทีเท่านั้นเอง แต่พล็อตจัดแน่นจัดเต็ม มีคู่เอก และคู่รองถึงสองคู่ โปรดักชั่นไม่ไก่กา ภาพแสงสีเสียงสวย เพลงประกอบก็เพราะ แถมออกอากาศทางทรูไอดี มีพากย์ไทยอีกด้วย ใครกำลังหาซีรีส์จีนดูให้คุ้มค่าสมาชิก ก็แนะนำเรื่องนี้เลย นอกจากระยะเวลาการรับชมที่ไม่นาน บวกกับการมีพากย์ไทย ช่างเป็นซีรีส์ที่เหมาะกับการรับชมคั่นเวลาจริงๆ ดูเพลินตามสไตล์ปุ๊บปั๊บรับความฟินจ้า ให้คะแนน 7.5/10ใครกำลังหาซีรีส์จีนแนวโรแมนติกรักแรก แนะนำมินิซีรีส์ Never Too Late ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก พล็อตรักแรกกลับมาเจอกันอีกครั้ง หน่วงตึงๆ บ้างบางช่วง แต่โดยรวมสนุกฟินจิ้นจิกหมอน ดูเพลินๆ พระนาง เฉาเอินฉี x เซี่ยวอวี่ สวยหล่อเคมีจิ้นฟินลงตัว ให้คะแนน 7.5/10 รับชมทั้งหมด 22 ตอนๆ ละ 15 นาที ทาง TrueID ซีรีส์เรื่อง : Never Too Late | ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก | 我迟到了那么多年 (2022) แนว : โรแมนติด ดราม่า รักแรกนักแสดง เฉินเอินฉี เซียวอวี่ เซียวหรันซิน หวังจวิ้นเฮาจำนวนตอน : 22 ตอนๆ ละ 15 นาทีช่องทางรับชม : TrueID มีพากย์ไทยให้คะแนน : 7.5/10 ตัวอย่างความฟินจากซีรีส์เครดิตภาพ : 我迟到了那么多年官微 : TrueID : ภาพ1 / ภาพ6 / ภาพ2 / ภาพ3 / ภาพ4 / ภาพ5บทความที่น่าสนใจ :5 เหตุผลไม่ควรพลาด Only for Love จีบให้วุ่นลงทุนด้วยรักรีวิว Only for Love จีบให้วุ่นลงทุนด้วยรัก ซีรีส์จีนโรแมนติกคอมเมดี้มัดรวม 10 ผลงาน หวังเฮ่อตี้ (ดีแลนหวัง) สุดหล่อพระเอกซีรีส์ รีวิว 17 อีกครั้งก็ยังแจ๋ว Back To Seventeen 2023 มินิซีรีส์รีวิวซีรีส์จีน วาสนารักมิอาจเร้น The Inextricable Destiny (2023) ติดตามข่าวสาร คอนเทนต์เด็ด ๆ ก่อนใคร อย่าช้า โหลดเลยที่ TrueID !!
dailyjourney • 17 พ.ย. 66
อ่าน
ซีรีส์จีน Never Too Late ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก ที่ TrueID
Never Too Late ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก เป็นมินิซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ที่จะมาจู่โจมเติมความฟินให้กับหัวใจของผู้ชม กับหนุ่มสาวที่เคยเป็นคู่จิ้นกันสมัยเด็ก ๆ กลับมาเจออีกครั้งในสถานการณ์ที่ชวนอึดอัดใจ เมื่อพ่อแม่ของพวกเขากำลังจะแต่งงานกันใหม่ พบการโคจรมาเจอกันของ "เฉาเอินฉี" กับ "เซียวอวี่" โดยคุณสามารถรับชมได้แบบครบทุกตอน ในรูปแบบซับไทยและพากย์ไทย เริ่มวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ ที่ทรูไอดี
เรื่องย่อละคร • 13 พ.ย. 66
ดู
ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก
China Huace • 13 พ.ย. 66
ดู
ตัวอย่าง: ไม่สายเกินไปถ้าใจยังรัก
China Huace • 19 ต.ค. 66
อ่าน
ซิงเกิ้ลแรกในชีวิต! ข้าวตัง ธนวัฒน์ โชว์เสียงร้อง Never Too Late ทุ่มสุดตัวถึงกับไปเรียนร้องเพลงเพิ่ม (มีคลิป)
เป็นนักแสดงวัยรุ่นดาวรุ่งมากฝีมือที่มีใจรักในเสียงดนตรี สำหรับ ข้าวตัง ธนวัฒน์ รัตนกิจไพศาล ที่ล่าสุดปล่อยซิงเกิ้ลแรกในชีวิต Never Too Late ให้แฟนๆ ทุกคนได้ฟัง ประกอบซีรีส์คุณภาพกระแสปัง 55:15 NEVER TOO LATE ผลิตโดย GMMTV ที่เจ้าตัวควบ 2 ตำแหน่งทั้งร้องและเล่นซีรีส์ ถ่ายทอดอารมณ์เพลงได้โดนใจสุดๆ บวกกับโชว์เสียงร้องนุ่มๆ ส่งพลังความรู้สึกให้กล้าบอกรัก เพราะไม่มีคำว่าสายในพจนานุกรมของหัวใจเรา สไตล์แนวเพลง City Pop ซึ่งได้นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์มืออาชีพ อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์ และ ชลทัศน์ ชาญศิริเจริญกุล แท็คทีมสร้างสรรค์ผลงานเพลงนี้ให้ได้อย่างไพเราะลงตัวสุดๆ และได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากแฟนๆ พร้อมทั้งเจ้าตัวยังออกสเต็ปแดนซ์ครั้งแรกลงมิวสิกวีดิโอเพลงนี้อีกด้วย ข้าวตัง เผยว่า โดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบร้องเพลงและเล่นกีตาร์อยู่แล้ว ผมรู้สึกดีใจมากๆ เลยครับ ที่ได้รับโอกาสที่ดีมากๆ จากผู้ใหญ่ ให้ผมได้ถ่ายทอดเพลง Never Too Late ประกอบซีรีส์ 55:15 NEVER TOO LATE ที่ผมเล่นเรื่องนี้ด้วย และถือเป็นซิงเกิ้ลแรกในชีวิตของผม ก็รู้สึกตื่นเต้นกับการทำงานครั้งนี้มากครับ สำหรับเนื้อหาเพลงนี้เรียกว่าโดนใจสุดๆ ซึ่งจะพูดถึงความรู้สึกที่อย่ามัวแต่คิดให้วุ่นวายใจ ให้กล้าทำสิ่งต่างๆ ลงไปหรือกล้าที่จะบอกรัก เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดเสียใจและเสียดายภายหลัง ให้รีบลงมือทำไปเลยเพราะมันไม่มีคำว่าสายเกินไปในพจนานุกรมของหัวใจเราอย่างแน่นอน และแม้ว่าเพลงนี้ค่อนข้างจะร้องยาก เป็นสไตล์แนวดนตรี ซิตี้ ป๊อป แต่ผมก็ตั้งใจทำเต็มที่และทุ่มเทมากๆ รวมถึงได้ไปเรียนร้องเพลง เพิ่มทักษะ เทคนิคการร้องต่างๆ เพื่อให้เพลงแรกในชีวิตของผมออกมาดีที่สุด โดยก่อนเข้าห้องอัดผมยอมรับเลยว่ารู้สึกกังวลและตื่นเต้นมาก แต่ พี่แอ้ม โปรดิวเซอร์ (อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์) ได้ช่วยแนะนำผม ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสามารถทำได้ครับ พร้อมมีเซอร์ไพรส์แฟนๆ ด้วยการโชว์ สเต็ปแดนซ์ครั้งแรกของผมที่ทุกคนจะได้เห็นในมิวสิกวีดิโอเพลงนี้ด้วย ซึ่งผมไม่เคยเต้นมาก่อน หวังว่าแฟนๆ จะชอบและฟังกันเยอะๆ นะครับ ยังไงผมก็ขอฝากเพลง Never Too Late และซีรีส์ 55:15 NEVER TOO LATE ด้วยนะครับ ขอขอบคุณคลิปจาก Youtube Channel : GMMTV RECORDS กดเลย community แห่งความบันเทิง📸เมาท์ข่าวดารา กับเจ๊รุงรังขังรวมทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ 🍿ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล😍ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี ฟังเพลงออนไลน์ เพลงใหม่ ได้แล้ววันนี้บน TrueID ทั้ง เว็บไซต์ และ แอปพลิเคชัน
ข่าวเพลงไทย • 13 ธ.ค. 64
อ่าน
รีวิว Never Have I Ever (ไม่สปอยล์)
Never Have I Ever (ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย) รีวิวซีรีส์จากNetflix (เพลินดี) (ไม่สปอยล์)ความยาว: 30 นาทีต่อตอน (10 ตอน)ประเภท: คอเมดี้/ ดราม่าโชว์รันเนอร์: มินดี้ คาร์ลิง/ เเลง ฟิชเชอร์มินดี้ คาร์ลิงคือหนึ่งในดาราตลกที่มีสายเลือดอินเดียที่เฉิดฉายมาจากซีรีส์The Mindy Project (2012-2017) เเต่เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเธอมาจากภาพยนตร์เรื่อง Ocean's 8 เเล้วในปีนี้เธอขอมาถ่ายทอดประสบการณ์ในชีวิตของเธอที่ได้พบเจอมาเป็นซีรีส์ที่ฉายทาง Netflix ในตอนนี้เรื่องย่อ: หลังจากผ่านปีเเห่งความโศกเศร้า สาวน้อยวัยรุ่นอินเดียนอเมริกันเปลี่ยนชีวิตของเธอให้มาดูเฉิดฉายมากขึ้น เเต่ทั้งเพื่อน ครอบครัวเเละความรู้สึกในใจก็มาเป็นอุปสรรครีวิว: หากใครดูเเล้วไม่คิดอะไรเรื่องประเด็นเล็กๆน้อยๆมากจะสนุกเลย ขอการันตีเลยว่า ดูซีรีส์นี้เพลินมาก เพลินตั้งเเต่ตอนเเรกจนถึงตอนจบเลย ถือว่าสอบผ่านในเรื่องการทำเรื่องราวให้น่าติดตาม เเต่ปัญหาก็กลับอยู่ที่ช่องโหว่บางอย่าง ความสมเหตุสมผลเเละประเด็นน่ารำคาญเเละขัดใจที่มีค่อนข้างมาก เเต่ถ้าก้าวผ่านจุดนี้หรือไม่สนใจกับจุดนี้คุณจะสนุกไปเลย สิ่งที่ชอบเลยคือฉากดราม่าเเละฉากตลกที่ไม่ดูยัดเยียดเกินไป ตลกก็ตลกเลย ดราม่าก็ดี ส่วนประเด็นเสียดสีสังคมก็ใส่มาได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว เเทบจะไม่มีอะไรติสำหรับจุดนี้เลย ส่วนนักเเสดงที่หลายคนอาจจะเป็นห่วงเพราะว่าเป็นหน้าใหม่ซะส่วนใหญ่ บอกเลยว่าเอาอยู่ครับ จะมีบางคนที่เเสดงเเข็งๆไปบ้าง เเต่ถือว่าเป็นเเค่ส่วนน้อย ลงตัวเเละไม่ดูยัดเยียดเกินไป รวมเเล้ว นี่คือซีรีส์วัยรุ่นอีกเรื่องที่มีเรื่องราวเเละนักเเสดงหน้าใหม่ที่ร่วมมือเเละไปด้วยกันได้ลงตัวเลยทีเดียวครับ+:- นักเเสดงเเม้จะเป็นหน้าใหม่เกือบหมด เเต่เเสดงดีทุกคน อย่างตัวละครหลักของเรื่องทั้งนางเอกเเละเพื่อนนางเอกเข้ากับบทบาทที่ตนเองได้รับมาก- ฉากตลกเเละฉากดราม่าไปด้วยกันได้ลงตัว ในฉากตลกก็ฮาเเละบางมุกก็ฮามากๆด้วย เเต่พอถึงจุดที่จริงจังก็ไม่หลุดโทนเเละทำได้ดีตามมาตรฐาน- ดนตรีประกอบเเละป็อปคัลเจอร์ที่ใส่มาเข้ากันดี อย่างป็อปคัลเจอร์บางอย่างที่ถูกพูดถึงเข้าถึงได้ง่าย เเต่อาจจะดูเฉพาะกลุ่มไปบ้างในบางจุด- ใส่ประเด็นเสียดสีสังคมได้ค่อนข้างดี อย่างความเชื่อของเเต่ละเชื้อชาติที่เเตกต่างกัน เเละก็การเป็นวัยรุ่นในยุคปัจจบุันนั้นเป็นอย่างไร- บทน่าติดตามตั้งเเต่ต้นยันจบ ตั้งเเต่ตอนเเรกจนถึงตอนที่ 10 ดูเพลินมากๆ ไม่ค่อยมีจุดไหนที่รู้สึกน่าเบื่อเลย ดูไป 5 ชั่วโมงรวดได้เลยครับ -:- มีจุดขัดใจเเละน่ารำคาญหลายจุด อย่างตัวละครหลักของเรื่องที่พฤติกรรมบางอย่างอาจจะทำให้คนดูนั้นรำคาญบ้าง เเต่อยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้- ไม่ค่อยชอบเเละอินกับบทสรุปเท่าไหร่ สำหรับคนที่ชอบซีรีส์เเนวนี้ ก็อาจจะชอบก็ได้ เเต่ทว่าบางคนอาจจะไม่ค่อยอินกับตอนจบของเรื่องเท่าไหร่- ยังมีบางปมที่ถูกทิ้งค้างไว้เเละทำไม่ค่อยสุดเท่าไหร่ อย่างการที่บางจุดของซีรีส์ทิ้งไว้ให้ไปคิดต่อได้อีกเเละบางอย่างก็เหมือนจะรอเฉลยในภาคต่อ- มีช่องโหว่ที่ลืมปิด อย่างการที่ตัวละครหลักของเรื่องนั้นลืมที่จะทำอะไรไป หรือตัวละครอื่นที่พูดถึงตั้งเเต่ตอนเเรกๆ เเต่หายไปช่วงตอนหลังๆครับสำหรับใครที่รอคอยซีซั่นที่ 2 อยู่ ทาง Netflix ยังไม่มีการประกาศสร้างนะครับ อดใจรอกันนิดนึง ตอนนี้กระเเสจากนักวิจารณ์ออกมาค่อนข้างดีเลยทีเดียวครับเอาไป 7.5/10 (คะเเนนเฉลี่ย) เขียนโดย เเอดมินจากเพจหมาโรงหนัง หรือชื่ออังกฤษ Doggywatch ครับ เครดิตภาพ1. เครดิตภาพปกจาก Official Trailer บน Youtube2. เครดิตภาพที่ 1 จาก Official Trailer บน Youtube3. เครดิตภาพที่ 2 จาก Official Trailer บน Youtube4. เครดิตภาพที่ 3 จาก Official Trailer บน Youtube
Doggywatch (หมาโรงหนัง) • 8 พ.ค. 63
อ่าน
รีวิว Never Have I Ever ซีรีย์ใหม่จาก Netflix
ซีรีย์แนว comedy-dramaเรื่องใหม่จาก Netflix ที่พึ่งปล่อยออกมาเมื่อปลายเดือนเมษา 2020 นี้ เกี่ยวกับเดวี่ เด็กหญิงชาวอินเดียที่ครอบครัวย้ายมาอยู่ที่อเมริกา พ่อแม่ของเธอยังคงวัฒนธรรมดั้งเดิมอยู่แม้จะย้ายถิ่นฐานแล้ว ในทางกลับกัน เดวี่มีความเป็นชาวอเมริกันอย่างมากเมื่อเทียบกับครอบครัว เพราะเธอย้ายมาที่นี่ตั้งแต่เด็กและเข้าโรงเรียนเดียวกับเด็กอเมริกันคนอื่น เธอเป็นคนมีความคิดของตัวเองและไม่ชอบให้ถูกบงการว่าควรทำอะไร วันหนึ่งพ่อเธอหัวใจวายและเสียชีวิตกระทันหัน เธอเสียใจมากจนอยู่ดีๆ ขาของเธอก็ใช้การไม่ได้ ทำให้เดวี่ต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา โชคดีที่เธอมีเพื่อนสนิทคอยช่วยเหลือ แม่และคนรอบตัวเธอก็หวังให้เดวี่กลับมาเดินได้ในซักวันหนึ่งและวันนั้นก็เป็นจริงแต่เธอไม่ได้กลับมาเดินได้เพราะหายเสียใจ แต่กลับเป็นเพราะผู้ชายในโรงเรียนที่ชื่อ Paxton วันนั้นเธอไปซื้อของกับแม่และเห็น Paxton อยู่กับเพื่อนๆของเขา และนั่นก็เพียงพอให้เดวี่มีแรงลุกขึ้นยืนและเดินได้อีกครั้งหนึ่ง เดวี่จึงตั้งเป้าหมายว่าปีต่อไปในโรงเรียนซึ่งเธอกำลังจะขึ้นชั้น Sophomore จะต้องดีเยี่ยม เดวี่มีแพลนให้เธอและเพื่อนสนิททั้งสองคนมีแฟนจะได้เป็นกลุ่มที่เจ๋งชื่อตอนในแต่ละตอนจะมีความหมายเล็กๆ บ่งบอกว่าเรื่องตอนนั้นจะมีเนื้อหาประมาณไหน ชื่อตอนจะเริ่มต้นด้วย “Never Have I Ever……” เรื่องนี้อาจจะดูเหมือนเป็นซีรีย์เกี่ยวกับโรงเรียนในอเมริกาทั่วๆ ไป แต่เนื้อเรื่องก็มีปมหลายเรื่องทั้งเรื่องความเศร้าของเดวี่ที่ต้องเสียพ่อไป บางครั้งที่เธอกับแม่ไม่ลงรอยกัน อีกทั้งยังมีญาติของเธอ กมลา ที่สวย หุ่นดี เรียกได้ว่า perfect ในสายตาเธอ และเดวี่ก็รู้สึกอิจฉาโดยที่ไม่รู้ว่ากมลาก็มีปัญหาของเธอเหมือนกัน ไม่เพียงแค่นั้น ในซีรีย์ยังมีเรื่องเพื่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง และยังมีตัวละครที่เป็น LGBT อีกด้วย ในเรื่องเดวี่ยังมีคู่แข่งที่ไม่ถูกกันมานานอย่าง Ben ที่ทั้งสองพยายามจะเป็นที่ 1 และเอาชนะอีกคนอยู่เสมอ เรื่องราวของเดวี่ ครอบครัว และมิตรภาพของตัวละครแต่ละตัวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้บน Netflixตัวละคร Devi Vishwakuma รับบทโดย Maitreyi Ramakrishnan เด็กหญิงชาวอินเดีย-อเมริกาอายุ 15 ปีที่ต้องการให้ชีวิตในปีนี้ดีขึ้นซ้าย: Kamala รับบทโดย Richa Moorjani ญาติของ Devi ที่ดูเหมือนจะมีชีวิตที่ perfect ไปหมดทุกอย่างขวา: Dr. Nalini Vishwakumar รับบทโดย Poorna Jagannathan แม่ของ Devi เป็นหมอผิวหนัง นักเรียนในโรงเรียนหลายคนไปเข้ารับการรักษากับเธอซ้าย: Fabiola Torres รับบทโดย Lee Rodriguez ขวา: Eleanor Wong รับบทโดย Ramona Youngเพื่อนสนิทของ Devi ทั้งสองคน Paxton Hall-Yoshida รับบทโดย Darren Barnet ลูกครึ่งญี่ปุ่นอายุ 16 ปี เป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียน จริงๆอยู่ชั้น junior แต่มีวิชาที่สอบตกทำให้มาเรียน class เดียวกันกับ DeviBen Gross รับบทโดย Jaren Lewison เพื่อนร่วมชั้นและคู่แข่งของ Devi Review: สำหรับเราเรื่องนี้สนุกมาก ตัวละครทุกตัวมีเรื่องราวของตัวเองทำให้แต่ละตอนน่าติดตาม มีบางตอนที่เดวี่กับเพื่อนหรือครอบครัวมีปัญหาก็น่าติดตามว่าจะปรับความเข้าใจกันได้ยังไง นักแสดงแต่ละคนแสดงบทบาทของตัวเองออกมาได้ดีมากๆ สามารถสื่อสารกับคนดูผ่านตัวละครนั้นๆ เรารู้สึกว่าทุกๆคนในเรื่องมีความสำคัญเท่ากันหมดเลย ทุกตัวละครสามารถเดินเรื่องได้ดี ถึงแม้ว่าเรื่องราวหลักจะเป็นเรื่องของเดวี่ แต่ตัวละครอื่นก็ถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินเรื่องในแต่ละตอน และหลายๆครั้งก็รู้สึกว่าพวกเค้าก็ต้องพึ่งพากันเพื่อผ่านปัญหาไปให้ได้ เนื้อหาทั้งเรื่องแยกย่อยออกมาแต่ละตอนทำให้ไม่น่าเบื่อแล้วยังน่าติดตามอีกด้วย พอดูจบแล้วก็โยงชื่อตอนเข้ากับเนื้อเรื่องได้ เป็นเรื่องที่ถือว่าดูง่าย ไม่หนักสมองจนเกินไป มีบางช่วงเหมือนกันค่ะที่รู้สึกว่าเดวี่ทำตัวไม่ดีเลย เธอสนใจตัวเองก่อนและลืมคิดถึงเพื่อนที่อยู่เคียงข้างเธอมาตลอด ในช่วงที่เพื่อนสนิทของเธอทั้งสองคนมีปัญหา เธอไม่ได้รับฟังและคิดว่าตัวเองมีปัญหาที่ใหญ่กว่าใครทั้งหมด นอกจากนั้นเดวี่กลับไปสนใจสิ่งที่ Paxton ไปขอให้เธอช่วยมากกว่า เธอยังผิดคำพูดกับเพื่อนอีกด้วย แต่สุดท้ายแล้วก็ทำความเข้าใจกันได้ แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพของเธอและเพื่อนๆ แล้วยังมี Ben ที่ตอนแรกเป็นศัตรูกันแต่ก็มีเรื่องที่ทำให้สองคนนี้ต้องมาคุยกันดีๆในเรื่องยังมีการสอดแทรกวัฒนธรรมเข้ามาด้วย อย่างเรื่องครอบครัวของเดวี่ และเทศกาลที่ต้องไปเข้าร่วม แต่ก็ทำออกมาให้เนื้อเรื่องดูเข้าใจง่ายเลยค่ะ นอกจากนี้แต่ละตัวละครยังมีปมปัญหาส่วนตัวของตัวเอง ทำให้เรารู้ว่าทุกคนก็มีเรื่องให้ต้องเผชิญและแก้ไขปัญหาในแบบของตัวเอง อย่าคิดว่าปัญหาของเรายิ่งใหญ่ที่สุดเหมือนที่เดวี่ตะโกนใส่เพื่อนเพราะคิดว่าปัญหาของตัวเองนั้นยิ่งใหญ่ละก็สำคัญสุดๆ และคิดว่าคนอื่นไม่ได้มีปัญหาอะไร เพื่อนของเดวี่ที่ชื่อ Fabiola เธอค้นพบตัวเองทีหลังว่าชอบผู้หญิงและใช้เวลาอยู่ซักพักกว่าจะบอกกับคนอื่นๆ ได้ ในจุดนี้ยอมรับว่าซีรีย์ทำออกมาได้ดีเลยค่ะ แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความมั่นใจที่จะ come out ตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้ตัว ไหนจะต้องกลัวว่าพ่อแม่ และคนรอบตัวจะไม่ยอมรับ แต่ตัวละครในเรื่องนี้มี character ที่ดีมากๆ ทุกคนพร้อมสนับสนุนกันและกัน อาจจะมีบางช่วงที่มีเรื่องกันบ้าง แต่สุดท้ายก็กลับมาช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างกัน ก็ถือว่าแสดงให้เห็นว่าชีวิตบางทีก็เป็นแบบนั้น เราอาจจะมีเรื่องกับเพื่อนหรือคนในครอบครัว แต่สุดท้ายแล้วคนพวกนี้ก็ยังพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างกันเสมอ ตอนแรกดูเรื่องนี้เพราะเห็น Netflix แนะนำขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่หลังจากเปิดดูตอนแรกแล้ว ก็ดูจบภายในวันเดียวกันเลยค่ะ เรียกได้ว่าไม่ได้หยุดดูเลย ด้วยความที่ตอนนึงไม่ยาวมากยิ่งทำให้รู้สึกว่าดูจบเร็วขึ้นไปอีก มีแค่ 10 ตอน ตอนละ 30 นาทีเท่านั้นค่ะ ถ้าหากใครว่างๆ ไม่รู้จะดูอะไรดี ลองดูเรื่องนี้เลยค่ะ ดีมากๆ มีเรื่องราวหลากหลาย แต่ละตัวละครมี character ที่ต่างกัน ไม่ยากเลยที่จะตกหลุมรักในตัวละครนั้น หลังจากดูจบแล้วต้องได้ตั้งตารอ season 2 แน่นอนค่ะCredit: Netflix, (1)
Pinky • 8 มิ.ย. 63
อ่าน
รีวิว Never Have I Ever (ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย) ใน Netflix (No Spoil!)
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกท่าน เนื่องจากอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นเป็นวันหยุดยาว ทางเราก็ได้มีโอกาสได้ดูซีรีย์เรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องใหม่ของทาง Netflix นั้นคือ 'Never Have I Ever (ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย)' แค่ชื่อเรื่องก็น่าดูแล้วใช่มั้ยหล่ะค่ะ ถึงกับทำให้เราดูจบรวดเดียวภายในวันเดียวเลยหล่ะ วันนี้เลยถือโอกาสจะมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกันแบบสั้น ๆ กัน สำหรับใครที่กำลังสนใจซีรีย์เรื่องนี้หรือกำลังหาซีรีย์จากทาง Netflix ดูกัน ไปดูกันเลยว่าจะเป็นเรื่องราวอะไร ลุย😆เรื่องย่อ เป็นเรื่องราวของสาวน้อยวัยรุ่นที่ชื่อว่า 'เดวี่ วิศวกุมาร' เธอเป็นหญิงสาววัย 15 ปีเชื้อสายอินเดียโดยกำเนิด แต่เกิดและเติบโตในอเมริกา ซึ่งวันหนึ่งชีวิตของเธอก็พลิกผลันหลังจากที่เธอได้แสดงโชว์ดนตรีอยู่ พ่อของเธอก็ได้เสียชีวิตระหว่างที่เธอแสดง หนำซ้ำเธอยังล้มและทำให้เธอเดินไม่ได้ ทำให้ต้องนั่งวีลแชร์มากว่าหนึ่งปีเต็ม ๆ แต่แล้วก็มีปฏิหารเกิดขึ้นกับเธอ เพราะเธออยากจะเห็นหน้าผู้ชายคนหนึ่ง แค่นั้นเลยค่ะเธอก็กลับมายืนได้เลย ฮ่า ๆ ทำให้เธอกลับมาเดินได้อีกครั้ง! วันแรกหลังจากขึ้นม.4 เธอกับเพื่อนซี้อีกสองคนคืออีลีเนอร์ หว่อง และ ฟาร์บิโอล่า ได้ตัดสินใจร่วมกันว่าพวกเขาทั้งสามจะต้องมีแฟนให้ได้ แต่แล้วเธอกลับพบว่าอีลีเนอร์นั้นมีแฟนอยู่แล้วในชมรมการแสดงและต่อมาฟาร์บิโอล่าก็ค้นพบว่าเธอนั้นไม่ได้ชอบผู้ชายและเป็น LGBT หรือการรักข้ามเพศ และจริง ๆ แล้วเดวี่ก็มีคนแอบชอบในโรงเรียนอยู่คนหนึ่งซึ่งก็คือหนุ่มฮอตนีกกีฬาประจำโรงเรียนอย่าง 'แพ็กตั้น' และในปีนั้นเขาก็ดันซ้ำชั้นจะต้องเรียนพอดิบพอดี ทำให้เดวี่ได้เจอกับเขาบ่อย ๆ ซึ่งในวันหนึ่งเธอรวบรวมความกล้าขอตกลงให้เขานั้นมี sex กับเธอ! แต่มันเหนือความคาดหมายเขากลับตอบตกลงเธออีกด้วย และในคลาสเรียนเดวี่ได้มีคู่ปรับอย่าง 'เบน' เพื่อนชายที่มักจะชอบแข่งขันกันเรื่องการเรียนอยู่เสมอ ตั้งแต่เด็ก ๆ เลย ทำให้ทั้งสองค่อนข้างเกลียดขี้หน้ากัน แต่แล้วทำให้มีหลาย ๆ เหตุการณ์ที่ทำให้ความรู้สึกของทั้งสองเกิดความพลิกจากเกลียดเป็นความรู้สึกดี ๆ กันเฉยเลย! สุดท้ายเรื่องก็ได้ทิ้งปมทำให้เราขบคิดกันไป จนกว่าจะเจอกันใหม่ Season 2เรื่อง Never Have I Ever (ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย) มีทั้งหมด 1 Season 10 episodes แต่ละตอนมีประมาณ 30 นาทีความประทับใจและเรื่องนี้ให้อะไรกับเราบ้าง? เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนอาจจะเห็นหน้าปกแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้คงไม่สนใจและคงไม่พ้นในเรื่องแนวความรัก teenager ใส ๆ ซึ่งขอบอกว่าเรื่องนี้ให้อะไรกับเรามากกว่าที่คิดมากค่ะ เป็นเรื่องแนว Comedy ตลกแบบเบาสมอง และ Drama หน่อย ๆ เป็น Plot เรื่องที่ไม่ได้มีความหวือหวาอะไรสามารถเดาได้ แต่ดูแล้วมีความน่ารีก รู้สึกหัวใจฟู และเรื่องนี้ยังมีวัฒนธรรม วิถีชีวิต ของอินเดียสอดแทรกเข้ามาให้เราเห็นเรื่อย ๆ อาทิเช่น การทานอาหารที่แตกต่างกัน การคลุมถุงชน การเข้าพิธีบูชาพระพิฆเนศโดยผ่านตัวละคร เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ก็มีเรื่องของ'ครอบครัว'เข้ามาเกี่ยว เพราะด้วยความที่เดวี่มีหัวแบบคนสมัยใหม่ แต่แม่ของเดวี่ยังชอบยึดติดกับอะไรเดิม ๆ ตามขนบธรรมเนียม ยังเป็นหัวคิดแบบคนสมัยเก่า ทำให้ทั้งสองนั้นชอบทะเลาะกันอยู่เสมอ และมีการทะเลาะกันแบบรุนแรงอีกด้วย และทั้งสองยังต้องแบกรับความรู้สึกของการสูญเสียหัวหน้าครอบครัว พ่อ สามีอีกด้วย ขอบอกว่าเรายังแอบน้ำตาซึมอยูาหน่อย ๆ เลยหล่ะค่ะ และเรื่องราวไฮสคูลแบบนี้ก็ไม่พ้นเรื่องของ 'ความสัมพันธ์และเพื่อน' สื่อถึงเรื่องความสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ และในเรื่องยังมีการเล่นเรื่อง LGBT หรือการรักข้ามเพศของฟาร์บิโอล่า การเปิดเผยตัวตนของเธอให้คนรอบข้างและครอบครัวของเธอรู้ เพราะในสังคมเรื่องรักข้ามเพศก็ยังเป็นอะไรที่ค่อนข้างพูดยากอยู่ (ต้องมาตามลุ้นกันว่าฟาร์บิโอล่าเธอจะจัดการได้อย่างไร) และเรื่องของความสัมพันธ์ของเพื่อนที่อาจจะมีการนอยด์น้อยใจเกิดขึ้น ที่สำคัญเรื่องนี้จะมีเสียงการเสียงพากย์ของ 'จอห์น แม็คเอนโร' ซึ่งหากใครเล่นเทนนิสคงรู้จักเขาเป็นอย่างดี เพราะว่าเขาเป็นนักเทนนิสชายชาวอเมริกัน อดีตมือวางอันดับหนึ่งของโลก จัดอันดับโดยเอทีพีติดต่อกัน 4 ปี ซึ่งเขามักจะมีหัวร้อนและทะเลาะกับคู่แข่งและคณะกรรมการอยู่เสมอ โดยเขามีนิสัยที่ค่อนข้างคล้ายกับเดวี่ในเรื่องมาก ๆ ทำให้จับมาพากย์เป็นเสียงในใจของเดวี่ซะเลยตัวละครที่โดดเด่นของเรื่องนี้ ตัวเอกของเรื่อง เป็นเด็กสาวชาวอินเดียวัย 15 ปีที่มีความฉลาดมาก ๆ ในเรื่องการเรียน แต่นิสัยจะออกแนวโก๊ะ ๆ เปิ่น ๆ หน่อย แต่ยังจัดว่าอยู่ในกลุ่มเนิร์ดของโรงเรียน เป็นคนที่เรียกว่า 'หัวสมัยใหม่' เลยก็ว่าได้ ทำให้เธอมักจะทะเลาะกับแม่อยู่เป็นประจำ แถมยังเป็นคนที่เรียกว่ากล้ามาก ๆ กล้าเผชิญกับทุกอย่าง พูดอะไรตรงไปตรงมา หนุ่มนักกีฬาประจำโรงเรียน ดีกรีหนุ่มฮอตเลยก็ว่าได้ เป็นรักแรกพบของเดวี่เลยก็ว่า ซึ่งในหลาย ๆ ครั้งเราก็อาจความคิดของเขาไม่ออกเหมือนกันนะ ฮ่า ๆ แบบเป็นคนที่น่าสนใจมาก ๆ ทำให้เรารู้สึกว่าเขาคิดอะไรอยู่ตลอด และในคราวเดียวกันก็เป็นคนอ่อนโยนชอบช่วยเหลือคนอื่น ใน season นี้เราคิดว่ายังไม่ค่อยเห็นมุมมองของหนุ่มหล่อแพ็กตั้นสักเท่าไหร่ แต่ Season ต่อไปคิดว่าต้องมีอย่างแน่นอน และขอบอกว่าเป็นหนุ่มหล่อที่ชวนมองจริง ๆ ค่ะ🥰 ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมาของสาวน้อยเดวี่ ทั้งสองเติบโตและเรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก มีความสูสีในเรื่องของการเรียนอยู่ตลอด มักจะชอบเถียงทะเลาะกัน แต่แม้ว่าเบนจะเป็นเด็กฉลาด ชอบเถียง รวย แต่จริง ๆ แล้วในมุมของเขาก็ยังเป็นคนที่อ่อนไหว sensitive มาก ๆ ในเรื่องของครอบครัว เพราะเขามักจะโดนพ่อแม่ทิ้งให้อยู่บ้านกับแม่บ้านตลอดเวลา เป็นอีกตัวละครที่รู้สึกสงสาร อินสุด ๆ อีกตัวหนึ่งเลยค่ะก็จบกันไปแล้วนะคะสำหรับ 'รีวิว Never Have I Ever (ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย) ใน Netflix (No Spoil!)' ซึ่งเป็นซีรีย์สั้น ๆ ที่น่ารัก อบอุ่นหัวใจค่ะ แถมความพิเศษคือนำเอาตัวละครที่เป็นคนผิวสีคนอินเดียมาเพิ่มความสนุกให้กับเนื้อเรื่องอีกด้วย เป็นอีกเรื่องที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนดูเลยหล่ะค่ะ เพื่อน ๆ สามารถรับชม Never Have I Ever ได้ที่ Netflix ซึ่งในปัจจุบันสามารถรับชม Netflix ผ่านทางกล่อง True ID TV ได้แล้ววันนี้ สำหรับวันนี้เราก็ขอตัวลาไปก่อนนะคะ พบกันใหม่บทความหน้าค่ะ 🙂เครดิตภาพหน้าปก :Never Have I Ever (2020– )เครดิตภาพประกอบบทความ :ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย (Never Have I Ever) | ตัวอย่างซีรีส์อย่างเป็นทางการ | Netflix
nowadays girl☀︎︎ • 18 พ.ค. 63
อ่าน
รีวิว "Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย" 10 นาทีแรก น่าดูหรือน่าเบื่อ?
กรี๊ดกร๊าดกันจัง! เขาว่าพระเอกฮ๊อตมาก "Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย" ซีรีย์ฝรั่งเรื่องใหม่ที่พึ่งลง Netflix เพื่อนแนะนำมาว่าดีมาก ดูกันหมดแล้ว เหลือเราคนเดียวตกเทรนด์ ไม่รอช้าไปรีวิวกันเลยดีกว่า!เริ่มเรื่อง 10 นาทีแรกเดวี่ วิศวกุมาร เด็กสาวอินเดียนอเมริกันกำลังสวดภาวนากับเทพเจ้าของเธอ ขอให้เธอได้พบกับแฟนหนุ่มหล่อ ๆ สักที หลังจากผ่านปีอันย่ำแย่มา ตัดภาพไปเล่าอดีตตอนที่ครอบครัวเธอย้ายมาอเมริกาใหม่ ๆ เจอกับปัญหาเพราะพวกเขาเป็นชาวสีผิวน้ำตาล และวันหนึ่งพ่อของ เดวี่ ก็หัวใจวายกระทันหัน ส่วนเธอเองก็ประสบปัญหาระหว่างว่ายน้ำ ทำให้เดินไม่ได้ จนกระทั่งเกิดปาฏิหาริย์ขึ้น เมื่อเธออยากลุกขึ้นจากรถเข็นเพื่อแอบมองหนุ่มที่เธอปิ๊ง เธอจึงกลับมาเดินได้ และแล้ววันนี้ก็เป็นวันแรกของการเรียนม.4 เธอจะปฏิวัติชีวิตตัวเองใหม่ เริ่มจากเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวของเธอและเพื่อน ๆ ต้องหาแฟนสุดฮ๊อตสักคน แต่แค่เริ่มต้น เธอก็พลาดไปจีบหนุ่มเจ้าสำอางค์ ที่เพื่อนบอกว่าเขาเป็นเกย์ซะแล้ว อยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องติดตามรับชมต่อความประทับใจแรก• เลือดกำเดาพุ่งเลย! ใช้ความคับจอของ...พระเอกมาสะกดจิตกันชัด ๆ แน่นทั้งแผงอก กล้ามหน้าท้อง กล้ามแขน และแววตาหวานเยิ้ม เขาเป็นนักแสดงที่เอาอยู่จริง ๆ เป็นทั้งไทป์ของฝรั่งและเอเชีย ออกอินเดียนิด ๆ ถ้าจะต้องแนะนำหนังสักเรื่องที่พระเอกหล่อ ก็คงบอกให้ไปดูเรื่องนี้เลย• ดำเนินเรื่องไวดี ไม่เสียเวลา แค่ 5 นาทีแรก ก็ลากเราไปผูกกับชีวิตตัวเอกได้ เล่าความเป็นมาชีวิตของ เดวี่ เธอน่าเห็นใจมาก และเหมือนกับชีวิตพวกเราทุกคน มีเรื่องดราม่าปัญหาครอบครัว เป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่ง ที่ใันใจก็ฝันอยากมีแฟนหล่อ ๆ กับเขาบ้าง ดูแล้วก็ลุ้นเอาใจช่วยไปกับเธอ ทั้งตลก คลายเครียด และทำให้หัวใจพองโต!• ชอบฉากและบรรยากาศ คิดถึงไฮสคูลและรักแรกแย้ม! ทำให้เหมือนย้อนวัยกลับไปเรียนอีกครั้งเลย (ถึงแม้จะเป็นมัธยมปลายมาก็เถอะ) เป็นภาพแบบที่คนไทยอย่างเราหลายคน คงเฝ้าฝันอยากจะลองใช้ชีวิตแบบนั้นสักครั้ง แต่งตัวอะไรก็ได้ไปโรงเรียน เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องมีกฏเกณฑ์ และได้แอบเฝ้ามองหนุ่ม ๆ ที่เราแอบปิ๊ง ไม่ต้องคิดมาก ทำงานปวดหัว วัยเรียนสนุกสุดแล้วจริง ๆประเด็นที่น่าจับตา• ตัวละครในเรื่องสะท้อนชีวิต ความเป็นอยู่ของชาวชาติพันธุ์ในอเมริกา นอกจาก เดวี่ วิศวกุมาร ที่เป็นภาพแทนชาวอินเดียนอเมริกันแล้ว (ผิวน้ำตาล ผมดำ) เพื่อน ๆ ของเธอก็ยังเป็นภาพแทนคนชาติต่าง ๆ ด้วย เช่น ฟาบิโอรา ทอร์เรส - เชื้อชาติแอฟริกัน (ผมหยิก ผิวสี), เอเลนอร์ หว่อง - เชื้อชาติจีนอเมริกัน (ผิวเหลือง ตาตี่) หรือแม้แต่พระเอกอย่าง แพกซ์ตัน ฮอลล์ โยชิดะ เขาเองก็มีเชื้อสายมาจากญี่ปุ่นอย่างแน่นอน แสดงให้เห็นถึงคนในสังคมอเมริกา ปะปนด้วยเชื้อชาติต่าง ๆ นอกจากฝรั่งผิวขาว หนังจะแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรม ความเชื่อ และการดำรงชีวิตอยู่ของพวกเขา• ชาวชาติพันธุ์ที่อาศัยในประเทศเจ้าอาณานิคม (อเมริกา) ล้วนถูกหล่อหลอมวัฒนธรรมโดยที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ในกรณีที่ถูกหล่อหลอมแบบรู้ตัว เช่น พ่อแม่ของ เดวี่ เลือกต่อต้านจะกินแต่อาหารมังสวิรัติ แต่ เดวี่ เลือกที่จะกินเนื้อสเต๊กตามแบบชาวอเมริกัน เธอรู้ตัวว่ากำลังถูกวัฒนธรรมหล่อหลอมแต่เธอเลือกที่จะยอมรับ ส่วนกรณีที่ไม่รู้ตัว อย่างเช่น การที่ เดวี่ พูดคุย ภาวนากับเทพเจ้าฮินดูเหมือนคุยกับเพื่อน ก็เหมือนกับวัฒนธรรมของฝรั่ง ที่เขาพูดคุยกับพระเจ้าของเขาเหมือนคุยกับพ่อ เดวี่ถูกเปลี่ยนวิธีคิดการปฏิบัติโดยไม่รู้ตัว สรุปคือ การที่คนเราใช้ชีวิตอต่างแดนเป็นเวลานาน เราจะถูกหล่อหลอมวัฒนธรรม ความเชื่อ และค่อย ๆ เปลี่ยนไป โดยที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว• การล้อเลียน เหยียดหยาม และแบ่งแยกเชื้อชาติ (Racism) ยังมีอยู่ให้เห็นอยู่ ถึงแม้จะผ่านไปนานแค่ไหน เพราะมันเป็นคุณลักษณะร่วมของมนุษย์ที่มีเหมือนกัน มนุษย์เราจะแบ่งแยกและเข้าหากลุ่มคนที่เหมือนเราเพื่อต้องการการยอมรับ และต่อต้านคนที่ดูแตกต่าง จึงเกิดเป็นการเหยียดเชื้อชาติขึ้น ในหนังเรื่องนี้ก็มีอยู่ เกิดขึ้นแม้แต่กับนางเอกเอง ทั้ง ๆ ที่ เดวี่ วิศวกุล เธอก็ไม่ใช่ชาวอเมริกันแท้ แต่เธอเองก็ยังดูถูกภาษาอังกฤษ ของญาติตัวเองที่มาจากอินเดีย ที่พูดคำว่า "เปิดทีวี" ผิด แต่กระนั้น เดวี่ ก็ถูกเหยียดหยามและล้อเลียนโดยเพื่อนฝรั่งที่โรงเรียนเช่นกันปมที่น่าติดตาม• คำอธิษฐานของ เดวี่ ขอแฟนหล่อ ๆ สักคน จะเป็นจริงไหม? คิดว่าเป็นจริงนะ แต่จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ทั้งสองจะตกหลุมรักกันอย่างไร น่าตามลุ้นจริง ๆ จิกหมอนรอแปปนึงนะ• ทำไมต้องเอานักเทนนิสมาบรรยายเรื่องราวของ เดวี่ ต้องมีความสำคัญบางอย่างแน่นอน นอกจากเป็นเสียงพากษ์ที่ตลกแล้ว ก็น่าจะมีนัยแอบแฝงบางอย่าง แต่หนังยังไม่เฉลยตอนต้นแน่ ๆ หนังบอกให้ดูต่อไปเรื่อย ๆ แล้วจะพบคำตอบ• หนังเรื่องนี้จะมีบทสรุปแง่มุมความรักแบบไหน เด็กเนิร์ดกับนักกีฬาหนุ่มสุดฮ๊อตจะสมหวังยังไง ต้องติดตามชม เพราะเดาทางผู้แต่งไม่ออกจริง ๆ บทสรุปและข้อคิดที่ได้มักจะปรากฏในท้ายเรื่อง ดังนั้นต้องติดตามชมกันต่อไปหลังจากดู 10 นาที การันตีเลย "Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย" เป็นซีรีย์เรื่องเดียวที่อยากดูให้จบ ณ ตอนนี้ น่าดูต่อมาก ๆ ด้วยโครงเรื่องที่สนุก คลายเครียด ย้อนให้คิดถึงวัยเรียนและการแอบรักหนุ่มหล่อข้างห้อง อีกทั้งยังสร้างกำลังใจให้เราหันมาเปลี่ยนตัวเอง เพื่อรับสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตอีกด้วย คลิกไปดูได้เลยที่ netflix ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมการเหยียดสีผิวจาก :https://www.posttoday.com/sports/183529ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องธรรมชาติมนุษย์จาก : https://www.siamturakij.comขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Racism จาก : https://itstopswithme.humanrights.gov.au/about-racismขอบคุณภาพประกอบบทความจาก : netflix.com ผู้เขียนบทความบันทึกภาพจากตัวอย่างหนัง Official ของ Netflixขอบคุณภาพหน้าปกจาก : netflix.com ผู้เขียนบทความดัดแปลงจากภาพในตัวอย่างหนัง Official ของ Netflix
TubThong • 27 พ.ค. 63
อ่าน
never have i ever ซีรีส์วัยรุ่น สุดฟิลกู๊ด
ผู้กำกับ: Mindy Kaling , Lang Fisherช่องทางรับชม : Netflix เรื่องนี้เป็นผลงานล่าสุดของ มินดี้ คาร์ลิ่ง นักแสดง-นักเขียน ชาวอินเดียฝีมือเยี่ยม ที่มีผลงานดังมากมาย เธอได้หยิบเอาเรื่องราวสมัยไฮสคูล มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างซีรีส์เรื่องนี้ออกมาเรื่องย่อ ครอบครัวของ เดวี่ ย้ายมาอยู่ที่อเมริกาจนตอนนี้เดวี่อายุ 15 ปี ที่มีความเป็นอเมริกันมากกว่าพ่อและแม่ที่ยังยึดขนบแบบชาวฮินดูอย่างเหนียวแน่น เป็นธรรมดาเพราะเธออยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก ๆ คำพูดคำจาก็เหมือนเด็กวัยรุ่นอเมริกันทั่วไป เดวี่มีปมในใจอยู่เรื่องหนึ่งก็คือ พ่อของเธอเสียชีวิตกลางงานแสดงดนตรีของเธออย่างกะทันหัน เหตุการณ์นั้นมันทำให้เธอเสียใจหนักมาก อยู่ ๆ เธอก็เดินไม่ได้แต่ก็มีสิ่งหนึ่งทำให้เธอลุกขึ้นมายืนได้แบบไม่รู้ตัวนั้นก็คือผู้ชายที่เธอชอบเหมือนเธอจะนั่งอยู่บนรถเข็นเธอสบตาก็เขาแล้วเธอก็ลุกขึ้นยืนได้เฉยเลย แพ็กตั้นคือผู้ชายที่เธอแอบชอบ เขาเป็นหนุ่มนักกีฬาสุดฮอตประจำโรงเรียน หลังจากนั้นเธอก็ได้ตั้งเป้าว่าฉันจะเปลี่ยนตัวเองมาเป็นสาวสวยที่เฉิดฉายและมี sex กับผู้ชายแบบที่ผู้หญิง ๆ คนอื่น ๆ เขาทำกัน เดมี่ยังชวนเพื่อนซี้ทำภารกิจว่าก่อนขึ้นม.4 คราวนี้พวกเราจะมีแฟนกันทุกคน แต่นี่ไม่ใช่แค่ซีรีส์แนววัยรุ่นทั่วไปแต่ยังเล่าถึงการเติบโตขึ้นของตัวละครแล้ว มันยังเป็นเรื่องราวโรแมนติกเบาสมองมากดูแล้วผ่อนคลาย แต่ยังสอดแทรกการเสียดสีสังคมอย่างร้ายกาจซ่อนปมได้อย่างแนบเนียนแถมยังมีประเด็นดราม่าที่บีบหัวใจมาก เช่น การเผชิญหน้ากับความเศร้า การรับมือกับความสูญเสีย และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดค่ะ ถ้าอยากรู้ว่าสนุกแค่ไหนอย่าลืมไปติดตามชมทาง Netflix นะคะความรู้สึกหลังที่ดูเรื่องนี้จบซีรีส์เรื่องนี้ทำให้เราชอบเรื่องนี้มากคือองค์ประกอบในเรื่องดีมาก ค่อนข้างลงตัวทำให้เราเชื่อมโยงตัวเองเข้าไปในเรื่องได้ง่ายเพราะเนื้อเรื่องหลักพยายามที่จะเล่าเรื่องการเข้าสังคมของตัวหลัก เธอต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเป็นที่ยอมรับในสังคม สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในโรงเรียน ที่แม้แต่ทำงาน เรื่องนี้ล้วนทำให้รู้ว่าทุกคนล้วนมีปัญหา เราต้องรู้จักเผชิญกับปัญหาและแก้ไขมันNever Have I Ever ที่เข้าถึงได้อย่างไม่ยากแล้ว และสิ่งที่ทำให้ซีรีส์มีเสน่ห์ที่สุดคือบทที่ชาญฉลาด สร้างสรรค์ฉากต่าง ๆ ออกมาได้อย่างสนุกสนานความอลวนอลเวงในปมความรักของนางเอกทำให้เรายิ่งอยากติดตามเอาใจช่วยนางเอกมากขึ้นไปด้วยค่ะข้อคิดต่าง ๆ ที่ได้จากเรื่อง1. ความสูญเสียที่เป็นปมภายในใจที่ปลดปล่อยไม่ได้ของนางเอก เธอต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับและเดินหน้าต่อไป2. การเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ สีผิว คนเราทุกคนต้องได้รับการยอมรับ ในซีรีส์เรื่องนี้ได้เล่าเรื่อง LGBT ที่ไม่ได้โฉ่งฉ่างแต่กลับเล่าให้กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมและทำให้มันเป็นที่ยอมรับเพราะนี่คือตัวตนของคนทุกคน3. ทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมของอเมริกา ความเป็นอยู่ของเขาเหมือนว่าเราได้เรียนรู้ทีละเล็กทีละน้อยจุดเด่น1. สิ่งที่ซีรีส์นี้ทำได้ดีคือการใส่เรื่องราวตัวละครสมทบมาได้น่าติดตามทุกคน2. องค์ประกอบทุกอย่างในเรื่องลงตัวมาก3. มีข้อคิดมากมายจากเรื่องนี้จุดด้อย1. พล็อตเรื่องเดิม ๆ แนวหนังรักวัยรุ่น ซึ่งแม้เรื่องจะฉีกให้นางเอกเป็นคนอินเดียที่มีความเก่งในตัวเองสูงเท่านั้น และก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจมากค่ะ เราให้คะแนนที่8.5/10 เพราะมีเนื้อหาที่สนุกทุกอย่างลงตัว ในเรื่องแฝงไปด้วยข้อคิดเยอะแยะมากมาย เช่น การเป็นที่ยอมรับในสังคมและได้แทรกเรื่องLGTB เข้ามาในเรื่องได้อย่างน่าสนใจแต่ไม่ได้มีความรุนแรงทางเพศมาเกี่ยวข้องเลยสักนิด มีการผสมผสานวัฒนธรรมสองฝั่งไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เป็นเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องค่ะ ทุกคนต้องไปดูให้ได้นะคะ รูปภาพหน้าปกจาก : Netflix Thailandรูปภาพในเนื้อหาจาก : Official Trailer
hotchocolate • 14 ส.ค. 63
อ่าน
[รีวิว] Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย ซีรี่ย์มัธยมไฮสคูลสุดเฟี้ยวของ Netflix
สำหรับใครที่กำลังเบื่อกับซีรี่ย์แนวเดิมๆ เรื่องเดิมๆ กำลังหาซีรี่ย์เรื่องใหม่แต่ไม่มีเรื่องไหนที่ถูกใจเลย เราขอเชิญทางนี้ค่ะ วันนี้เราจะมาแนะนำซีรี่ย์เรื่องใหม่ของ Netflix ที่มีชื่อว่า "Never Have I Ever" (Cr.Netflix) Never Have I Ever เป็นซีรี่ย์รักวัยใสของเด็กสาวอเมริกันอินเดียสายเนิร์ดนามว่า “เดวี่” ที่ต้องการมีเซ็กส์กับแพ็กซ์ตันหนุ่มสุดฮอตประจำโรงเรียน เธอจะทำอย่างไรต่อไปในเมื่อ 'ก็คนมันไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อน'... ภารกิจนี้จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีหรือไม่ มาช่วยเป็นกำลังใจให้กับเธอได้ใน Netflix แล้ววันนี้ค่ะ (โดยซีรี่ย์จะมีทั้งหมด 10 ตอน ตอนละประมาณ 30 นาที ใช้เวลาทั้งหมด 5 ชม. เอาใจคนมีเวลาน้อยดูคืนเดียวก็สู้ไหวค่ะ)Trailer : https://www.youtube.com/watch?v=HyOCCCbxwMQ(Cr.Netflix)[มีสปอยเนื้อเรื่องเริ่มต้นนิดหน่อย]เนื้อเรื่องจะถูกนำเสนอในมุมของชาวอินเดียที่มาอาศัยอยู่ในประเทศอเมริกา แสดงให้เห็นถึงความเชื่อและวัฒนธรรมแตกต่างออกไป อาจจะเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของซีรี่ย์เรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งเล่าเรื่องผ่านเดวี่ที่หลังจากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอ ทำให้เธอเดินไม่ได้ไป 3 เดือน และเมื่อกลับมาเดินได้อีกครั้งเธอตั้งใจจะปฏิวัติตัวเองให้เป็นสาวสุดเจ๋งที่มีความรักสุดเร่าร้อนกับแพ็กซ์ตัน! โดยมีเพื่อนซี้หลากหลายเชื้อชาติของเธอเข้ามาร่วมขบวนการด้วย(Cr.Netflix) เรื่องราวดำเนินไปคล้ายกับภารกิจพิชิตรักที่มีเรื่องราวต่างๆ มากมายมาทำให้คุณสนุกสนานและปวดหัวไปพร้อมกันๆ นอกจากนี้ ด้วยความซ่าสุดทีนของเดวี่ และพฤติกรรมแปลกๆ ของเธอ ทำให้ซีรี่ย์เรื่องนี้มีสีสันมากขึ้นเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันเนื้อเรื่องยังคงสอดแทรกปมปัญหาทางครอบครัวเรื่องของความแตกต่างทางความคิดของเด็กและผู้ใหญ่ มีการกล่าวถึง LGBT เล็กน้อย รวมถึงปัญหาระหว่างแก๊งเพื่อน และวัฒนธรรมที่แตกต่างอย่างลงตัว ซึ่งทั้งหมดนี้เรียบเรียงออกมาได้กลมกล่อมและน่าชื่นชมทีเดียว (Cr.Netflix)โดยรวมแล้ว Never Have I Ever เป็นซีรี่ย์ที่ผ่อนคลาย เบาสมอง ดูได้เรื่อยๆ แม้ว่า Netflix จะทำซีรี่ย์แนวนี้ออกมามากแล้วก็ตาม แต่ซีรี่ย์เรื่องนี้ก็สามารถครองใจผู้ชมได้ด้วยเนื้อเรื่องที่ตลก การเดินเรื่องที่ไม่น่าเบื่อ มีจุดหักมุมที่น่าสนใจ และนักแสดงของเรื่องก็เลือกเฟ้นออกมาได้เป็นอย่างดีตามคาแรคเตอร์ของตัวละคร ซึ่งจะทำให้หัวใจของคุณเต้นรัวอย่างคาดไม่ถึงแน่นอนค่ะ ยังไงก็ไปเป็นกำลังให้กับเดวี่ได้ใน Netflix สามารถรับชมผ่านกล่อง trueID TV ได้แล้ววันนี้นะคะ ✌✌
ppaloy • 17 มิ.ย. 63
อ่าน
รีวิวซีรีส์ Never Have I Ever (SPOIL)
เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของวัยว้าวุ่นเป็นสิ่งที่ยากเกินจะห้ามไว้ได้ ซีรีส์วัยรุ่นที่กำลังมาแรงอย่าง Never Have I Ever นั้นสามารถตอบโจทย์ความตลกและเนื้อหาสาระได้อย่างแน่นอนเป็นผลงานการกำกับของ Lang Fisher และ Mindy Kaling โดยเนื้อหาภายในซีรีส์ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนตัวอย่างที่ปล่อยออกมา เป็นเรื่องราวของสาวเชื้อสายอินเดียมัธยมปลายอย่าง Devi (เดวี่) รับบทโดย Maitreyi Ramakrishnan เธอต้องการเปลี่ยนตัวเองจากเด็กเฉิ่มให้กลายเป็นดาวเด่นและมีแฟน แต่อะไรคือสาเหตุของการปฏิวัติตัวเองครั้งนี้ของเดวี่ต้องติดตามต่อในซีรีส์รีวิวสปอยล์เนื้อหาบางส่วนเดวี่เป็นเด็กมัธยมปลายที่สูญเสียพ่อ เธอต้องอยู่กับแม่ผู้เคร่งครัดศาสนา เธอต้องการที่จะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นสาวสไตล์อเมริกันเพราะเธอไม่ได้สนใจความเป็นอินเดียเลย สิ่งที่ทำให้เดวี่ยังต้องนับถือศาสนาพรหมฮินดูคือแม่จึงทำให้เธอต้องปฏิวัติตัวเอง จากตัวอย่างและเรื่องย่อของซีรีส์คงเดาไม่ยากว่าการดำเนินเรื่องต้องเกี่ยวกับความรัก เดวี่และกลุ่มเพื่อนต้องทำภารกิจเปลี่ยนจากกลุ่มเด็กเฉิ่มให้กลายเป็นกลุ่มเด็กฮอตให้ได้เดวี่ได้พบกับแพ็กสัน (Paxton) รับบทโดย Darren Barnet หนุ่มนักกีฬาสุดฮอตบทนิยายขายฝันสุด ๆ เดวี่ทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้คบกับแพ็กสัน แต่ระหว่างทางก็ไม่ได้มีอุปสรรคเข้ามาทดสอบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ครอบครัว และตัวเธอเองที่มีบาดแผลในใจต้องพบจิตแพทย์เป็นประจำบาดแผลที่อยู่ในใจของเดวี่คือปัญหาใหญ่ที่ทำให้เธอโหยหาความรักจากที่อื่น จากการวิเคราะห์ของผมแล้ว สาเหตุที่ทำให้เดวี่โหยหาความรักแบบฉบับวัยรุ่น หรือต้องการให้เพื่อนมองเห็นปัญหาของเธอใหญ่กว่าใครอื่นเพราะหนึ่งเธอสูญเสียพ่ออันเป็นที่รัก บุคคลผู้เข้าใจและรับฟังความเห็นของเดวี่ สองเธอต้องอยู่กับแม่ชาวอินเดียที่เคร่งครัด บังคับเธอทุกอย่างขัดกับสังคมเสรีภาพอย่างอเมริกันและแม่ของเดวี่มักพูดทำร้ายจิตใจตลอด ทำให้พฤติกรรมของเธอกลายเป็นเด็กขาดความรักซีรีส์สะท้อนสังคมมาก ๆ ถ้าได้นั่งรับชมกับครอบครัวต้องดีอย่างแน่นอน ได้เรียนรู้จากซีรีส์เกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กว่าเกิดมาจากการเลี้ยงดูและสังคมที่อยู่ เช่น กรณีของเดวี่ จริงอยู่ที่พ่อแม่ของเธอเป็นชาวอินเดียแต่สังคมที่อยู่คืออเมริกัน ฉะนั้นโรงเรียนจึงสอนเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพเป็นเรื่องธรรมดาซึ่งขัดกับขนบธรรมเนียบของบ้าน พฤติกรรมของเดวี่จึงก้าวร้าวอย่างที่เห็น แต่ผลสุดท้ายซีรีส์ก็จบแบบมีความสุขความรู้สึกหลังรับชม ซีรีส์สร้างปมขึ้นมาได้น่าสนใจเป็นประเด็นเกี่ยวกับเด็กขาดความรักเพราะอยู่กับผู้ปกครองที่เคร่งครัดมากเกินไป จึงส่งผลทำให้เดวี่ต้องพบจิตแพทย์เนื้อเรื่องก็เชื่อมโยงไปถึงการโหยหาความรักของเหล่าวัยรุ่น ซึ่งที่กล่าวมาทำให้น่าสนใจมากแต่ตอนจบผู้กำกับตัดจบง่ายมากเกินไปผมมองว่าไม่สมเหตุสมผล ผู้รับชมอย่างผมคาดหวังอยากให้ seasons 2 เล่นประเด็นต่าง ๆ ให้กระจ่างและขยายมุมมองของตัวละครให้เด่นชัด และถ้าไม่ชมไม่ได้เลยคือซีรีส์ตลกมาก เดวี่เธอเป็นผู้หญิงอารมณ์แปรปรวนจุดนี้ช่วยสร้างเสน่ห์ให้ตัวละครมาก ๆ ครับ สำหรับคุณผู้อ่านท่านใดสนใจ สามารถรับชมได้ผ่านทาง Netflix นะครับขอบคุณรูปภาพทั้งหมดจาก Never Have I Ever | Official Trailer | Netflix
HOMOSICK • 5 มิ.ย. 63
อ่าน
แนะนำ: Never Have I Ever สักครั้งในชีวิตที่แม่ไม่เข้าใจ!
ในที่สุด! ก็มีโอกาสได้รีวิวซีรีย์วัยรุ่นเนื้อหาปังสุดฉุดไม่อยู่อย่างเรื่อง Never Have I Ever ซึ่งเป็นซีรีย์ของทาง Netflix นั่นเอง ในตอนแรกก็คิดว่าคงเป็นหนึ่งในซีรีย์วัยรุ่นที่มีพล็อตเรื่องเดิมๆไม่ได้แตกต่างอะไร ประมาณว่าเด็กเนิร์ดอยากเทิร์นเป็น Gossip girl ซึ่งในตอนแรกมันก็ใช่อ่ะนะ ฮ่าๆๆ แต่พอดูไปเรื่อยๆก็ถึงกับร้องว้าวออกมาพร้อมอ้าปากค้างเหวอในรายละเอียดที่ทางซีรีย์ได้สอดแทรดเอาไว้ให้คิด ซึ่งข้อแตกต่างของเรื่องนี้คือความยากลำบากของเด็กวัยรุ่นแรกแย้มที่ต้องการมีชีวิตเหมือนเพื่อนอเมริกันรอบๆตัว แต่กลายเป็นว่าเพราะศาสนาและวัฒนธรรมของชนชาติเดิมเธอนั้นทำให้ความยากลำบากเกิดขึ้น ซึ่งก็ตรงกับชื่อเรื่องที่ว่า ก็คนมันไม่เคย...เป็นวัยวรุ่นปกตินี่หน่า เนื้อเรื่องจะน่าติดตามขนาดไหนไปติดตามกันเลย ***ไม่มีเนื้อหาที่เป็นการสปอยแน่นอน ไว้ใจไรต์ได้เลย*** เนื้อเรื่องย่อ: Devi เด็กสาววัย 16 ที่พึ่งหายจากการเดินไม่ได้และจำเป็นต้องโตมากับแม่เพียงสองคนเพราะพ่อเสียได้ไม่นาน กำลังจะเป็นวัยรุ่นและวัยรุ่นในนิยามของเธอคือ ต้องได้ปาร์ตี้ มีชีวิตที่เป็น somebody ไม่ใช่ Nobody แบบนี้ ซึ่งเมื่ออาการเดินไม่ได้ก็หายแล้ว ทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทางไปหมด ฉะนั้นมิชชั่นแรกที่ต้องทำให้สำเร็จประเดิมช่วงวัยรุ่นก็คือได่นอนกับคนที่เธอชอบและป๊อบระดับดังข้ามโรงเรียนอย่าง Paxton แต่แค่อย่างแรกก็ขัดกับความเชื่อของชาวฮินดูของเธออย่างมหันต์ขนาดนี้ จะทำยังไงให้แม่เข้าใจหรือจะทำลับหลังแม่ดี คุณพระ! นั่นแหละค่ะเรื่องย่อที่เกี่ยวกับเด็กสาวชาวอินเดียที่เกิดและโตที่อเมริกา ภายใต้สภาพแวดล้อมที่อิสระ เธอยังคงต้องปฏิบัติตามคำสั่งสอนที่ขัดกับความเป็นอยู่รอบๆตัวนั่นเอง เรื่องวุ่นมันก็เลยเกิดขึ้นเมื่อเธออยากจะมีชีวิตเป็นของตัวเองสักที แต่แม่ก็ดูเหมือนจะไม่เข้าใจและไม่ปล่อยให้เธอได้โผบินด้วยตัวเองเลยนี่สิ เอาล่ะค่ะคุณผู้อ่าน การขัดใจแม่นี่แหละที่มันส์ไม่ไหว ฮ่าๆๆ แนะนำตัวละคร Devi '16 แล้วพี่แต่มามี้ไม่ยอมให้เป็นวัยรุ่น!' หญิงสาวที่มีบุคลิกเปรี้ยวซ่าก๋ากั่นแต่ขัดกับความเชื่อที่บ้านที่ต้องเป็นเด็กเรียบร้อย รักนวลสงวนตัว ซึ่งนั่นทำให้ชีวิตของเธอค่อนข้างยากเพราะความต้องการของเธอดูจะไม่เป็นที่ปลื้มปริ่มของแม่เท่าไหร่ ยากไปกว่านั้นเนื่องจากเป็น 'ลูกรักพ่อ' จึงเดาได้ไม่ยากว่าค่อนข้างจะไม่ถูกกับแม่สักเท่าไหร่แต่เมื่อจู่ๆพ่อที่มักจะเข้าข้างเดวี่กลับเสียชีวิตไปซะงั้น ใครล่ะจะเป็นคนประนีประนอมเวลาที่เดวี่กับแม่ทะเลาะกัน ชีวิตในโรงเรียนของเดวี่ที่มีเพื่อนขนาบข้างอย่าง 'Eleanor' และ 'Fabiola' ที่ค่อนข้างจะเป็นเพียงหนึ่งในนักเรียนธรรมดาไม่ได้พิเศษอะไรและนั่นทำให้เดวี่ไม่ยอมและหาทางเปลี่ยนกลุ่มของเธอให้เริ่ดปัง เป็นที่จับจ้องของคนทั้งโรงเรียนซึ่งทุกคนรู้ดีใช่มั้ยคะว่ามันไม่ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เธอต้องเผชิญและพุ่งชนเป้าหมายก็คือการได้นอนกับคนดังของโรงเรียนที่เธอแอบชอบอย่าง 'Paxton' ตอนแรกก็ดูจะง่ายอยู่หรอกจนกระทั่งต้องเผชิญกับความกลัวไม่กล้าของตัวเองด้วยนี่สิ เหนื่อยแทนเลยคุณแม่ Eleanor 'ชีวิตหนูดราม่ากว่าบทละครที่ได้รับอีกค่ะมัม!' สาวเอเชียที่เติบโตในอเมริกาและเป็นลูกไม้ตกไม่ไกลต้นในเรื่องการแสดง เพื่อนในกลุ่มของเดวี่ที่มักจะอยู่ข้างๆและคอยซัพพอร์ตเดวี่เสมอ ซึ่งมิชชั่นของเดวี่ก็ต้องสำเร็จ เธอจะช่วยและคอยเป็นหูเป็นตาเสมอ แต่แท้จริงแล้วนั้นความดราม่าคลุกรุ่นในชีวิตก็เกิดขึ้นกับเอลีนอร์ ซึ่งเธอจะรับมือได้มั้ยนะ Fabiola 'ผู้หญิงสายหวานทาเล็บมันไม่ใช่หนู!' เพื่อนอีกคนของเดวี่ที่มักจะอยู่ข้างๆและเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอหากแต่เรื่องของเธอกลับยังไม่มีใครได้ฟังเพราะหากพูดไปก็กลัวเพื่อนไม่เข้าใจและสังคมรอบข้างเปลี่ยนไป ความแสนดีของเฟบรีโอล่าช่างเป็นดาบสองคมในการพูดความจริงเพราะเธอเป็นห่วงความรู้สึกคนรอบข้างหากได้รู้เรื่องในใจของเธอ Paxton 'คนดังก็มีหัวใจ ผมไม่ได้ชอบใครที่หน้าตา' คนนี้ขอหวีดเพราะหลงไม่ไหวแล้วค่าาา เพกตันคือชายในฝันของเดวี่ (รวมถึงไรต์ด้วย ฮ่าๆๆ) ที่เป็นหนุ่มฮอตนักว่ายน้ำของโรงเรียน ซึ่งคงคอนเซ็ปเบสิคที่ว่า สาวเนิร์ดชอบหนุ่มป๊อบ ประมาณนั้น แต่แท้จริงแล้วนั้นสิ่งที่คนอื่นเห็นเพกตันมันไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นที่เขาเป็นและเขาก็รอว่าสักวันจะมีคนบางคนเข้ามาเข้าใจเขาและพร้อมรับในสิ่งที่เขาเป็นจริงๆให้ได้ โอ้โห อวยกันซะไม่มี ฮ่าๆๆ Ben 'หนุ่มเนิร์ดแสนเพอร์เฟคก็เหงาเป็น' คู่กัดตลอดกาลของเดวี่ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่มีวันญาติดีกัน โดยเบนเป็นหนุ่มเนิร์ดแสนรวยที่มีแฟนแสนสวยแล้ว ทุกอย่างดูครบครันไม่ขาดสิ่งใดอีกหากแต่ใจจริงแล้วนั้น เขากลับเหงาและรู้สึกว่าทุกอย่างมันไม่เห็นมีค่าเลย เขายอมแลกทุกอย่างเพื่อมีเพื่อนสักคนที่จริงใจกับเขา โถๆ อย่าร้องนะลูกกก พ่อแม่ของเดวี่ แก้วตาดวงใจที่ไม่ว่ายังไงก็เป็นแค่เด็กเล็กๆสำหรับพ่อแม่ พ่อแม่ชาวอินเดียของเดวี่ที่ย้ายมาทำงานที่อเมริกาและมีลูกด้วยกันหนึ่งคน การเลี้ยงดูลูกให้ยังคงเป็นสาวอินเดียที่ไม่ลืมวัฒนธรรมชนชาติของตนในสังคมที่ขัดกับคำสอนทุกอย่างช่างเป็นงานหนักของพ่อแม่เสียจริง ยิ่งไปว่านั้นลูกคนนี้ก็แสบใช่ย่อย แต่ให้ทำไงได้ ลูกรักของพ่อแม่ จะต้องเลี้ยงให้ได้ดีให้ได้ น้าของเดวี่ 'สวยดั่งนางฟ้าแต่ว้า...ต้องถูกคลุมถุงชน' ความสวยบางทีก็เป็นอุปสรรคสำหรับเธอในการใช้ชีวิตที่อเมริกาเพราะเมื่อเธอชอบใครและเขาชอบกลับ ยังไงก็คงพัฒนาความสัมพันธ์แบบยืนยาวไม่ได้เพราะเธอรู้อยู่แก่ใจว่ายังไงคนที่ใช่ก็คือคนที่พ่อแม่เลือกไว้ บทบาทของน้ามักจะพยายามคอยรับฟังเดวี่แต่ก็ยังต้องแก้ปัญหาของตนให้ได้ ความลำบากของสาวสวยไม่น่าอิจฉาเลยค่ะซิสสส รีวิว: โดยส่วนตัวชอบเนื้อหาของเรื่องที่ไม่ผูกปมจนเกินไป แต่ละตอนก็จะมีปัญหาในแต่ละครั้งไปเลยหากแต่ยังคงมีเนื้อหาหลักในการดำเนินเรื่องอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกๆปัญหาของเดวี่และเพื่อนๆของเธอทำให้หยุดดูไม่ได้ จนในที่สุดก็ดูจบรวดเดียวแบบไม่มีพักเลยค่ะ ฮ่าๆๆ องค์ประกอบภาพและบรรยากาศภายในเรื่องค่อนข้างดี ไม่ได้เน้นหนักไปทางชีวิตในโรงเรียนอย่างเดียวแต่ยังคงมีการพูดถึงครอบครัวของแต่ละบ้านของเด็กๆภายในเรื่อง และเบื้องหลังที่สร้างให้ตัวละครเป็นแบบนี้ก็ค่อนข้าง make sense ทำให้เราเข้าใจวัยรุ่นทุกคนในเรื่องจริงๆ ที่ชอบที่สุดคือเนื้อเรื่องไม่เน้นหนักไปทาง sex และความต้องการของวัยรุ่นเหมือนซีรีย์วัยรุ่นหลายๆเรื่องเลยทำให้เราสามารถดูซีรีย์เรื่องนี้ไปพร้อมๆกับคนในครอบครัวได้แน่นอนค่ะ Never Have I Ever ซีรีย์สะท้อนชีวิตวัยรุ่นที่ไม่เคยได้ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่น เป็นอีกหนึ่งในซีรีย์ที่อยากแนะนำคุณผู้อ่านไปตำ ไปเสพมากๆเลยค่ะและไรต์รับประกันว่าทุกคนจะต้องหลงรักตัวละครทุกตัวแน่นอน คลายเครียดละหนึ่ง ฟินละหนึ่ง ซึ้งละหนึ่ง ครบรสขนาดนี้พลาดไม่ได้แล้วนะคะ อีกทั้งซีรีย์เรื่องนี้ยังสามารถรับชมผ่านกล่อง True ID TV ได้แล้ววันนี้นะคะ เริ่ดที่สุด! สำหรับครั้งนี้ก็ต้องขอลากันไปก่อน แต่อย่างที่บอกว่าหนังดีซีรีย์ปังมีอีกเป็นร้อยล้านแปดเรื่อง ฉะนั้นครั้งหน้าไรต์จะเอาเรื่องอะไรมาฝากนั้น ปูเสื่อรอได้เลยเจ้าค่ะ ขอบคุณรูปภาพจาก เครดิตภาพปกและภาพทั้งหมดในบทความ
mikella • 18 มิ.ย. 63
อ่าน
รู้จัก หลิงหลิง ศิริลักษณ์ นางเอก Mv ไม่ได้ทันได้บอกเธอ (Too Late) ของหนุ่มวิน
เรียกว่าวันนี้ดีเดย์ เป็นวันที่หนุ่มหล่อวิน เมธวิน ได้ปล่อยเพลงซิงเกิ้ลใหม่ออกมา อย่างเพลง ไม่ได้ทันได้บอกเธอ (Too Late) ที่นอกจากเพลงเพราะ ๆ แล้วนั้น ยังได้นักแสดงมากความสามารถอย่างสาว “หลิงหลิง ศิริลักษณ์” มาแสดงเป็นนางเอกให้กับ Mv เพลงนี้อีกด้วย เรียกว่าเป็นสาวสวยที่มีความน่ารัก หน้าสวยเก๋แถมเรื่องความสามารถบอกเลยว่าขออวยแรง ๆ ! โดยวันนี้เราจะชวนเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักสาวสวยคนนี้กันผ่านทาง ‘รู้จัก หลิงหลิง ศิริลักษณ์ นางเอก Mv ไม่ได้ทันได้บอกเธอ (Too Late) ของหนุ่มวิน’ มาดูกันว่าเธอคนนี้เป็นใครคาแรคเตอร์ความน่ารัก หากพร้อมแล้วนั้นก็ตามมาลุยกันเลยค่า ^^ หลิงหลิง ศิริลักษณ์ ชื่อของสาวคนนี้คือ “หลิงหลิง ศิริลักษณ์ คอง” เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 ปัจจุบันอายุ 28 ปี โดยเธอนั้นเป็นลูกครึ่งไทย - ฮ่องกง เธอเกิดและเติบโตอยู่ที่ฮ่องกง ต่อมาเมื่อเธออายุ 17 ปี หลิงหลิงก็ย้ายกลับมาอยู่ที่ประเทศไทย ด้านการศึกษา ระดับปริญญาตรีในคณะวิทยาลัยนานาชาติ สาขาการจัดการการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปัจจุบันเป็นนักแสดงและนางแบบสังกัดช่อง3https://www.instagram.com/p/CzJCwTfREMW/?igshid=NGt2Z2pzOXd1d3lq สาวหลิงหลิงเริ่มเป็นที่รู้จักจากการที่เธอคว้ามงจากเวทีการประกวด นางงามเขาสวนกวาง 2561 ต่อมาสาวหลิงหลิงได้มีโอกาสได้ไปทดสอบหน้ากล้องและเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 https://www.instagram.com/p/Cx-uIj6Rdfl/?igshid=ejl5MjdocWV3OGk5 ต่อมาสาวหลิงหลิง ก็ได้มีผลงานการแสดงเรื่องแรกในปี 2563 ในคาแรคเตอร์ของ หลิง ในละครเรื่อง ตราบฟ้ามีตะวัน และสาวหลิงหลิงก็ได้แสดงละครในฐานะนางเอกเรื่องแรกในปี 2565 กับละครเรื่อง มักกะลีที่รัก ประกอบคู่พระเอกแม็ค วีรคณิศร์ และผลงานล่าสุดการแสดงเรื่องล่าสุดของเธอคือ ละครเรื่อง หมอหลวงhttps://www.instagram.com/p/CuI_FE4xQij/?igshid=dzE0YXMxdjBydWpu โดยผลงานล่าสุดของสาวหลิงหลิงก็คือนางเอก Mv เพลง ไม่ได้ทันได้บอกเธอ (Too Late) ของหนุ่มวิน ซึ่งสาวหลิงหลิงก็แสดงออกมาได้ดีมาก มีความน่ารัก แสดงออกมาได้อย่างธรรมชาติสุด แถมเคมีเคใจของเธอกับหนุ่มวินก็บอกเลยว่าดีงามสุด ๆ ดูแล้วชวนเขินไปด้วยเลย อีกทั้งใน Mv เพลงนี้ยังมีฉากดราม่าอีกด้วย ซึ่งสาวหลิงหลิงก็ตีบทแตก สื่ออารมณ์ได้แบบจึ้งมาก ดูแล้วทำให้คนดูแบบเราอินและคล้อยตามกับสิ่งที่เธอแสดงไม่ได้ทันได้บอกเธอ (TOO LATE) - WIN METAWIN Prod. by THE TOYS [ OFFICIAL MV ]https://m.youtube.com/watch?v=v2tE-B_EHXshttps://www.instagram.com/p/CzTPbNfRPwJ/?igshid=cGdxcGl4aWZmaWhxhttps://www.instagram.com/p/CzVnC9trguk/?igshid=OHQzZXNtaGxoendq อุปนิสัยและคาแรคเตอร์ของสาวหลิงหลิง เธอนั้นเป็นสาวสวยหน้าตาน่ารัก เป็นคนที่หน้าสวย มีจุดเด่นคือไฝบริเวณใบหน้า มีความเป็นตัวของตัวเอง อารมณ์ดี เฮฮา เฟรนลี่ ทำให้คนรอบข้างนั้นแฮปปี้ไปด้วยเลย ยิ้มสวยมาก ในด้านการทำงานเรียกว่าเป๊ะ แม้ว่าเธอจะผ่านผลงานมาไม่เยอะมาก แต่เห็นได้ถึงศักยภาพและการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอของเธอhttps://www.instagram.com/p/CsFXj-avEmC/?igshid=ZzNreXg0Z3U3Mmdiก็จบลงไปแล้วนะคะสำหรับ รู้จัก หลิงหลิง ศิริลักษณ์ นางเอก Mv ไม่ได้ทันได้บอกเธอ (Too Late) ของหนุ่มวิน ต้องบอกเลยว่าสาวหลิงหลิงนั้นเป็นหนึ่งในนักแสดงมากความสามารถอีกหนึ่งคนที่สวย เก่ง แสดงดีมาก เป็นคนที่มีความธรรมชาติ ดูมุมไหนก็คือเสน่ห์ไม่ไหว! โดยเพื่อน ๆ สามารถติดตามซัพพอร์ตสาวหลิงหลิงได้ทาง Instagram : @linglingkwong เลยค่า ^^เครดิตภาพหน้าปกโดย @linglingkwongภาพหน้าปก1 / ภาพหน้าปก2 / ภาพหน้าปก3 เครดิตภาพประกอบบทความโดย @linglingkwongภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่3 / ภาพที่4 / ภาพที่5 / ภาพที่6 เครดิตวิดีโอประกอบบทความโดย RISER MUSICไม่ได้ทันได้บอกเธอ (TOO LATE) - WIN METAWIN Prod. by THE TOYS [ OFFICIAL MV ]เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
nowadays girl☀︎︎ • 9 พ.ย. 66
อ่าน
10 ข้อที่ควรดูซีรีส์อินเดีย-อเมริกัน Never Have I Ever (2020) จาก NETFLIX Original
ซีรีส์ที่ผสมผสานความเป็นเอเชียท่ามกลางสังคมวัยรุ่นอเมริกัน การใช้ชีวิตของเดวี่ วิศวกุมาร สาวน้อยเชื้อสายอินเดีย 100% ที่เติบโตในอเมริกา มองเผิน ๆ ก็เหมือนคนอินเดียทั่ว ๆ ไป แท้จริงเธอไม่มีความเป็นอินเดียเลยต่างหาก ซีรีส์ถ่ายทอดการใช้ชีวิตไฮสคูลที่มีทั้งความรัก มิตรภาพ ครอบครัว เป็นหนัง Coming of Age ที่มีสีสันของความเป็นอินเดียเข้ามาทำให้มีความสับสันปะปนกันไป ทำไมเราจึงแนะนำให้ไปดูเพราะ 10 ข้อที่ควรดูของ Never Have I Ever ภารกิจแสนซน ของคนไม่เคยของเดวี่ ที่ต้องลองทำบางอย่างเป็นครั้งแรกก่อนก้าวข้ามความเป็นวัยรุ่นไปก็น่าจะโดนใจหลาย ๆ คนที่ผ่านช่วงเวลานั้นมา01 รู้จักวัฒนธรรมอินเดียผ่านครอบครัวของเดวี่ เราจะเห็นว่าครอบครัวนี้มาอยู่ที่อเมริกาเพราะหน้าที่การงานที่เติบโต ประชาชนส่วนใหญ่ในอินเดียนับถือศาสนาฮินดู รวมถึงครอบครัวนี้ด้วย สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เห็นคือ พ่อแม่ไม่ทานเนื้อวัว แต่เดวี่เองทาน แม่ที่บังคับลูกให้เป็นไปตามวิถีของคนเอเชีย ตั้งใจเรียนอย่างเคร่งครัด ห้ามคบเพื่อนต่างเพศ มองภาพการศึกษาต้องควบคุมเด็ก การศึกษาแบบอเมริกาไม่สร้างคนคุณภาพ02 มิตรภาพภายในกลุ่มเพื่อนที่รวมตัวกันหลายชาติพันธุ์ทั้งอินเดีย จีน และเม็กซิกัน ที่เหล่าเพื่อนในโรงเรียนในฉายากลุ่มนี้ว่า UN เป็นการรวมตัวของคนที่ไม่โดดเด่น แต่ก็มีความอบอุ่นและจริงใจภายในแก้งค์เพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ03 Stereotype ที่มองคนเอเชียว่าฉลาด แบบที่เพื่อน ๆ ในห้องให้ฉายาว่ากลุ่มเนิร์ด ที่สำคัญซีรีส์ก็ทำให้เห็นว่าเดวี่เป็นเด็กที่เรียนเก่ง04 ธรรมเนียมปฎิบัติของอินเดีย ในเรื่องครอบครัวของเดวี่ที่อาศัยอยู่กับแม่และลูกพี่ลูกน้องของเธอ ที่กำลังเรียนปริญญาเอก มหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่ต้องถูกคลุมถุงชนที่ครอบครัวเลือกให้ เธอพยายามหาทางออกว่าคู่ครองเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง แน่นอนว่าจะต้องปัญหากับครอบครัวอย่างแน่นอนหรือให้เป็นหน้าที่ของครอบครัวจะดีกว่า05 ความเจ็บปวดของวัยรุ่นผ่านตัวละคร ประเด็น LGBTQ ผ่าน ฟาร์บิโอล่า เพื่อนสาวชาวเม็กซิกัน ที่ต้องยอมรับความเป็นตัวเองและทำอย่างไรให้ครอบครัวได้รับรู้ ประเด็นความขัดแย้งระหว่างครอบครัวผ่าน อีลีเนอร์ หว่อง ที่แม่ยังไล่ล่าความฝัน ซึ่งการทำเช่นนี้ย่อมทำให้เธอห่างจากลูกไปเรื่อย ๆ จนลูกที่เคยเห็นว่าแม่เป็นไอดอล ไม่คิดเช่นนั้นอีกต่อไป ประเด็นพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ลูกผ่าน เบน เพื่อนคู่ปรับกับเดวี่ทางการศึกษา ทำให้เห็นว่าจิตใจของเด็กที่พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ ภายในใจเขาเป็นเช่นไร06 มุมมองด้านความรัก เราได้เห็นความรักในวัยรุ่นที่เป็นทั้งแรงบันดาลใจ ความโรแมนติก หรือความรักแบบเพื่อนที่เดวี่ต้องตัดสินใจว่าเธอจะนิยามความรักแบบใด และมอบความรักให้ใครระหว่าง เบน ที่เปลี่ยนจากคู่ปรับมาเป็นคนที่เข้าใจหรือ แพ็กตั้น หนุ่มหล่อในฝันที่มอบปาฏิหาริย์ในชีวิต07 แม่เลี้ยงเดี่ยว ผู้ที่ไม่ค่อยลงรอยกับลูก เราจะได้เห็นประเด็นครอบครัวที่แม่ของเดวี่ ที่ควยควบคุม ไม่ให้อิสระกับลูกเป็นเพราะเธอรักลูกน้อย หรือรักตามแบบฉบับของคุณแม่สไตล์เอเชียกันแน่08 วันสำคัญทางศาสนาฮินดูก็คือวันรวมญาติแบบเอเชีย การอนุญาตให้บรรดาญาติ ๆ เข้ามาติฉินนินทา โอ้อวดลูกหลานอย่างเปิดเผย ในมุมนี้ใคร ๆ ที่ดูก็น่าจะเชื่อมโยงกับประเทศไทยที่มีวัฒนธรรมการรวมญาติคล้าย ๆ กัน09 ใครที่ชื่นชอบ จอห์น แม็คเอนโร นักเทนนิสชายชาวอเมริกัน อดีตมือวางอันดับหนึ่งของโลก ที่พากย์ดำเนินเรื่องให้เนื้อเรื่องกลมกล่อมเพราะอุปนิสัยที่คล้ายกับ "เดวี่" ที่อารมณ์ร้อน พอ ๆ กัน ในภาคแรก แม็คเอนโร ได้ปรากฎตัวด้วยแต่ไม่บอกหรอกว่าตอนไหนต้องไปหาดูกันเอง10 เราจะผ่านมันไปด้วยกัน Coming of Age บทสรุปในซีซั่น 1 ทำให้ตัวละครทุกคนเติบโตขึ้น ผ่านครั้งแรก... ในหลาย ๆ อย่างที่ชวนให้ย้อมมองที่ชีวิตของเรา ในวัยเดียวกันนี้ เรามีมีหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นเหมือนกับเด็กวัยรุ่นในเรื่อง เพื่อน ๆ สามารถรับชม Never Have I Ever ได้ที่ Netflix ซึ่งในปัจจุบันสามารถรับชม Netflix ผ่านทางกล่อง True ID TV ได้แล้ววันนี้ อย่าพลาดที่รับชมเชียวล่ะ หลังดูจบแล้วก็คงอยากดูซีซั่นต่อไปอย่างแน่นอน ซีรีส์ภาคต่ออาจจะเล่นประเด็นของแพ็กตั้น หนุ่มหล่อลูกเสี้ยวญี่ปุ่น ต้องติดตามชมไปด้วยกันนะ ภาพหน้าปกและภาพประกอบจาก Never Have I Ever | Official Trailer | Netflix
แมวน้อยด้อยปัญญา • 4 มิ.ย. 63
อ่าน
รู้จัก 8 นักแสดง ซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย
และแล้วก็เดินทางมาถึง Season4 ซึ่งถือว่าเป็น Season สุดท้ายแล้วสำหรับซีรีส์ original ของทาง Netflix อย่าง “Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย” ที่เป็นการบอกเล่าของวัยรุ่นชาวอินเดียอย่าง เดวี่ ที่ในแต่ละวันของเธอนั้นมีเรื่องวุ่นวายอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว ความสัมพันธ์กับเพื่อน หรือเรื่องราวของความรักของเธอนอกจากพล็อตเรื่องจะสนุกเฮฮาไม่เครียดแล้วนั้น ก็ยังได้เหล่านักแสดงมากฝีมือในเรื่องอีกด้วย วันนี้เราเลยอยากจะชวนเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับนักแสดงในเรื่องนี้กันผ่านทาง ‘รู้จัก 8 นักแสดง ซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย’ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย (Never Have I Ever) ซีซั่นสุดท้าย | ตัวอย่างอย่างเป็นทางการ | Netflixhttps://youtu.be/RJljOsqFqvIhttps://www.instagram.com/p/Cs1iGrZJy1w/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==https://www.instagram.com/p/CsBpqOWNdhy/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==1.) ไมท์เรยิ รามากริชนาน (Maitreyi Ramakrishnan) นางเอกในซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย มีชื่อว่า “ไมท์เรยิ รามากริชนาน (Maitreyi Ramakrishnan)” เธอเกิดเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ2001 ปัจจุบันอายุ 21 ปี เธอนั้นเกิดและเติบโตในเมือง Mississauga, Ontario ประเทศแคนาดา สัญชาติแคนาดา ในพาร์ทของการศึกษา York University ในสาขาการละครhttps://www.instagram.com/p/CtcPzMQO407/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ไมท์เรยิ รามากริชนาน รับบท เดวี่ วิชวากุมาร โดยในซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย สาวไมท์เรยิ รามากริชนาน แสดงในบทบาทของ “เดวี่ วิชวากุมาร (Devi Vishwakumar)” ซึ่งเป็นนางเอกหรือตัวเองของเรื่อง เธอนั้นเป็นสาวสวยชาวอินเดียที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 6 และกำลังเข้ามหาลัยในอีกไม่ช้า เธอเป็นเด็กเนิร์ด เรียนเก่ง และเป็นคู่แข่งและคู่กัดตีคู่กันกับเบนในเรื่องของการเรียนเสมอ มีนิสัยเฮฮา ทะเล้น แต่จะเป็นคนที่พูดมากพูดเยอะเวลาตื่นเต้น ทำให้ในหลาย ๆ ครั้งเธอทำทุกอย่างพังไม่เป็นชิ้นดี ซึ่งเรียกว่าสาวไมท์เรยิแสดงออกมาได้ดีเยี่ยมมาก เหมือนเธอแสดงเป็นเดวี่จริง ๆ ดึงและคีพคาแรคเตอร์ได้ปังมาก ชอบตอนเดวี่คลั่งรัก ดูแล้วแบบอินสุดอะไรสุดจริง ๆ ค่ะ เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่การันตีว่าเพื่อน ๆ จะต้องหลงรักแน่นอนhttps://www.instagram.com/p/CsRfsrNJV8N/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==https://www.instagram.com/p/CtKJZFcJpPz/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==https://www.instagram.com/p/CtSE57GPOxs/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ช่องทางการติดตามไมท์เรยิ รามากริชนานInstagram : @maitreyiramakrishnan2.) จาเรน เลวิสัน (Jaren Lewison) นักแสดงคนต่อมาในเรื่องนี้ก็คือหนุ่ม “จาเรน เลวิสัน (Jaren Lewison)” เขาเกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ 2000 เกิดและเติบโตที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส จบการศึกษาจากวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ด้วยปริญญาตรีสาขาจิตวิทยา พร้อมวิชาโทด้านนิติวิทยาศาสตร์และอาชญวิทยา โดยเขาเคยเป็นนักแสดงเด็กที่แสดงในละครเรื่อง Barney Friends และบทบาทที่โดดเด่นที่สุดของเขาคือ Lang Fisher และ Mindy Kaling และซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever ทาง Netflixhttps://www.instagram.com/p/Cikw9wDpHs1/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==จาเรน เลวิสัน รับบท เบ็น กรอส โดยในซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย หนุ่มจาเรนแสดงเป็น “เบ็น กรอส (Ben Gross)” เป็นหนุ่มเนิร์ดเรียนเก่งที่เป็นคู่ปรับกับเดวี่ แต่แล้วพวกเขาทั้งสองก็ดันตกหลุมรักกันและกันแบบงง ๆ ซึ่งเบ็นเป็นคนที่รวย เพอร์เฟค เกิดมาในกองเงินกองทอง เป็นคนที่ค่อนข้างปากเก่ง ชอบเอาชนะทำให้บางครั้งเขาเผลอขิงและดูถูกคนอื่นแต่ลึก ๆ แล้วเขาเป็นคนที่มีจิตใจดี อีกทั้งเขายังเป็นหนุ่มที่ Perfectionist พอตัวเลย ซึ่งหนุ่มจาเรนก็แสดงในบทบาทของเบ็นได้ดีมาก มีความเป็นเบ็นจริง ๆ แสดงอินเนอร์ผ่านสีหน้า แววตา และท่าทางได้ดีมาก จนบางครั้งทางเราดูไปก็หมั่นไส้ไปเลยละค่ะ ฮ่า ๆ https://www.instagram.com/p/Cs9kWFmviF9/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==https://www.instagram.com/p/Ch2d0Lpsyf-/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ช่องทางการติดตามจาเรน เลวิสันInstagram : @jarenlewison3.) ดาร์เรน บาร์เน็ต (Darren Barnet) หนุ่มฮอตในเรื่อง Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย ที่บอกเลยว่าใครต่อใครเป็นต้องหลง!♥️หนุ่มคนนั้นคือ “ดาร์เรน บาร์เน็ต (Darren Barnet)” เขาเกิดเมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ.1991 ในลอสแองเจลิส โดยเขานั้นแสดงละครและภาพยนตร์สั้นตั้งแต่อายุได้ 5 ขวบ และในปี 2018 หนุ่มดาร์เรน รับบทบาท เป็นฮอต เซธในซีรีส์เรื่อง Turnt แลเได้แสดงตัวประกอบในภาพยนตร์โทรทัศน์ Lifetime Instakiller ซึ่งเป็นการเปิดตัวในพาร์ทของการแสดงภาพยนตร์ของเขาเลยhttps://www.instagram.com/p/CidQFGZOyPC/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ดาร์เรน บาร์เน็ต รับบท แพ็กซ์ตัน ฮอลล์-โยชิดะ หนุ่มดาร์เรน บาร์เน็ต รับบทบาทเป็น “แพ็กซ์ตัน ฮอลล์-โยชิดะ (Paxton Hall-Yoshida)” โดยเขานั้นเป็นหนุ่มหล่อสุดฮอตประจำโรงเรียนที่สาวมๆ ทุกคนต่างชื่นชอบ โดยใน Season4 นั้นเขาก็ได้ขึ้นมหาวิทยาลัยที่ ASU แต่แล้วก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นกับเขา ทำให้เขาจะต้องกลับมาอยู่ที่เดิม!? โดยแพ็กซ์ตันนั้นเป็นเหมือนรักแรกของเดวี่เลย เป็นหนุ่มที่เดวี่ไฝ่ฝันอยากเป็นแฟนกับเขามาก ๆ แพ็กซ์ตันเป็นคนที่มีนิสัยดี เป็นหนุ่มสายชิล แอบมีความเจ้าชู้ไม่ใช่เล่น เขาเป็นคนที่รักครอบครัว รักเพื่อนมาก ซึ่งหนุ่มดาร์เรนนั้นเรียกว่าฟิตติ้งกับบทบาทที่ได้รับเป็นอย่างมาก เป็นหนุ่มที่หล่อ นัยต์ตาสวยมีเสน่ห์ หุ่นคือแซ่บเบอร์สิบมาก เป็นหนึ่งบทบาทที่ชวนหวีดมากค่า https://www.instagram.com/p/CsrX9eHPZnx/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==https://www.instagram.com/p/CrAFg7DLACx/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ช่องทางการติดตามดาร์เรน บาร์เน็ตInstagram : @darrenbarnet4.) ไมเคิล ซิมิโน (Michael Cimino) หนุ่มหล่อคนต่อมา เป็นหนุ่มที่เรียกว่ามาใหม่ใน Season เป็นหนึ่งในตัวละคนที่หล่อเท่กร้าวใจมาก นั่นคือหนุ่ม“ไมเคิล ซิมิโน (Michael Cimino)” เขาเกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ1999 ปัจจุบันอายุ 23 ปี ที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา โดยหนุ่มไมเคิล ซิมิโนเป็นหนุ่มที่หลายคนรู้จักเขาในบทบาทของ Bob Palmeri จากเรื่อง Annabelle Comes Home และ Victor Salazar ใน Hulu series Love, Victorhttps://www.instagram.com/p/CTniAeKvcBB/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ไมเคิล ซิมิโน รับบท อีธาน โมราเลส โดยในซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย หนุ่มไมเคิล ซิมิโน แสดงเป็น “อีธาน โมราเลส (Ethan Morales)” โดยเขานั้นเป็นเด็กชั้นมัธยมปีที่ 5 เป็นรุ่นน้องในโรงเรียนที่หล่อคมเข้ม แถมฮอตสาวกรี๊ดมาก แต่เขาเป็นคนที่นิสัยไม่ดี เกเร แถมยังมีความเป็นตัวของตัวเองสูง เจ้าชู้มาก แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาและเดวี่เกิดปิ๊งกันเรื่องราววุ่น ๆ ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ก็ต้องไปติดตามรับชมค่า ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ใหม่ในเรื่องนี้ แต่บอกเลยว่าเป็นบทบาทที่มีเสน่ห์จนแฟนคลับของซีรีส์เรื่องนี้คือหวีดมาก หนุ่มไมเคิลแสดงคาแรคเตอร์ของอีธานออกมาได้ดี ดูแบดถึงใจ ดูแล้วหลงรักตามเลย😍 แถมขอสปอยด์เลยว่าหนุ่มไมเคิลหนุ่มแซ่บมากแม่!! https://www.instagram.com/p/CtPLgTUJ3xs/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ช่องทางการติดตามไมเคิล ซิมิโนInstagram : @itsmichaelcimino5.) ราโมน่า ยัง (Ramona Young) นักแสดงคนต่อมาในซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever นั่นคือสาวสวยหน้าเฉี่ยวที่บอกเลยว่าเฟี๊ยซตัวแม่มาก เธอคนนั้นก็คือ “ราโมน่า ยัง (Ramona Young)” เกิดวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ.1995 ปัจจุบันอายุ 25 ปี จริง ๆ แล้วเธอเป็นคนฮ่องกง และได้มาใช้ชีวิตที่สหรัฐอเมริกา เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียลอสแองเจลิส และได้ศึกษาการแสดงที่ Playhouse West โดยเธอนั้นได้ปรากฏตัวครั้งแรกในตอนของซิทคอม ABC เรื่องสั้นเรื่อง Super Fun Night ในปี 2014 อีกทั้งเธอยังมีความสนใจและความสามารถในด้านการเขียนบท และการกำกับอีกด้วย เรียกได้ว่าสวยเก่งไม่เกินจริงhttps://www.instagram.com/p/ClG7sw4J4Rv/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ราโมน่า ยัง รับบท เอเลนอร์ หว่อง โดยในซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever สาวราโมน่า ยัง รับบทเป็น “เอเลนอร์ หว่อง” เป็นหนึ่งในเพื่อนซี้ของเดวี่ โดยเธอนั้นเป็นชาวเกาหลีที่เรียกว่าแฟชั่นนิสต้ามาก เป็นคนที่มีนิสัยร่าเริง Alert เป็นคนที่เฮฮา และเป็นพลังบวกของเพื่อน ๆ อยู่เสมอเลย เอเลนอร์ยังมีความฝันอยากเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังในฮอลลีวูดอีกด้วย เรียกว่าเป็นหนึ่งตัวละครที่น่ารัก ช่วยสร้างสีสันและความสนุกให้กับเรื่องราวเป็นอย่างมาก โดยสาวราโมน่านั้นพรีเซ้นท์ออกมาได้ดีมาก ชอบการแต่งตัวของเธอในแต่ละซีนมาก โดดเด่นคัลเลอร์ฟูลสุดแม่ ♥️https://www.instagram.com/p/CsyxK7nOMu5/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==https://www.instagram.com/p/Cq-5gxYL_bM/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ช่องทางการติดตามราโมน่า ยังInstagram : @ramonabishyoung6.) ลี โรดริเกซ (Lee Rodriguez) มาต่อกันที่นักแสดงคนต่อมาในซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever นั่นคือ สาวเท่สุดปังอย่าง “ลี โรดริเกซ (Lee Rodriguez)” เธอเกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ.1999 ปัจจุบันอายุ 23 ปี ในเมืองเฟรสโน รัฐแคลิฟอร์เนีย การแสดงครั้งแรกของเธอคือ บทบาทของ Bea ในซีรีส์เรื่อง Class of Lies ในปี 2018 และในปีเดียวกันนั้น เธอก็ได้แสดงในเรื่อง Grown-ish และปี 2020 กับซีรีส์ทาง Netflix อย่าง Never Have I Ever https://www.instagram.com/p/CtAOnCwSwPI/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ลี โรดริเกซ รับบท ฟาบิโอล่า ตอร์เรส ในซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever สาวลี โรดริเกซ รับบทเป็น “ฟาบิโอล่า ตอร์เรส (Fabiola aka Fab)” หรือจะเรียกเธอสั้น ๆ ว่า Fab (แฟ้บ) โดยเธอก็เป็นเพื่อนรักเพื่อนที่ดีของเดวี่ เป็นคนที่ซัพพอร์ตและใจดีกับเพื่อนมาก อีกทั้แฟ้บยังเป็นคนที่ฉลาด รักความถูกต้อง รักเพื่อน และเธอก็มีทักษะด้านการสร้างหุ่นยนต์ เป็นหัวหน้าชมรมหุ่นยนตร์เลย และแฟ้บก็เป็น LGBTQ อีกด้วย เรียกว่าเธอนั้นเป็นอีกหนึ่งคาแรคเตอร์ที่น่ารัก เป็นคนที่มีความอบอุ่นใจมาก ซึ่งสาวแซ่บอย่างลี โรดริเกซ สลัดภาพสาวเซ็กซี่สาวแซ่บออกมาอย่างสิ้นเชิง แสดงออกมาได้ดีมาก ชอบวิธีการพูด การมองของเธอ ทำให้คนดูอินและหลงรักตัวละครนี้ไปแบบเต็มเปา!😍👏🏻https://www.instagram.com/p/CsZgJvNvLPW/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ช่องทางการติดตามลี โรดริเกซInstagram : @leerodriguez7.) วิคตอเรีย มอโรลส์ (Victoria Moroles) นักแสดงสางสวยในซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย นั่วคือสาวหน้าเก๋อย่าง “วิคตอเรีย มอโรลส์” เกิดเมื่อวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 1996 ปัจจุบันอายุ 26 ปี ที่ Corpus Christi, Texas ส่วนสูง 170 เซนติเมตร โดยเธอนั้นเปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 ในภาพยนตร์ต้นฉบับของดิสนีย์แชนแนลเรื่อง Cloud 9 และต่อมาเธอก็มีผลงานออกมาอีกมากมทย ไม่ว่าจะเป็น Liv and Maddie , Teen Wolf , Down a Dark Hall ถือว่าเธอนั้นเป็นนักแสดงเด็กที่เก่งและมีความสามารถมากจริง ๆ ค่ะhttps://www.instagram.com/p/CRmlunysRk9/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==วิคตอเรีย มอโรลส์ รับบท มาร์โกต์ โดยในซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever สาววิคตอเรีย มอโรลส์ รับบทเป็น “มาร์โกต์ (Margot)” ซึ่งเธอนั้นเป็นแฟนสาวคนใหม่ของเบน ซึ่งเธอนั้นเป็นสาวสวยที่เรียกว่าค่อนข้างมีความเป็นตัวของตัวเอง ดูแรง ๆ แต่จริงใจ ตรงไปตรงมา เธอนั้นชื่นชอบเกี่ยวกับพวกงานศิลป์มาก อีกทั้งเธอยังเป็นคู่ปรับของเดวี่อีกด้วย ซึ่งสาววิคตอเรียก็แสดงคาแรคเตอร์ของมาร์โกต์ออกมาได้เป็นอย่างดีมาก อินเนอร์อินใจคือมาเต็มมากช่องทางการติดตามวิคตอเรีย มอโรลส์Instagram : @victoriamoroles8.) เบนจามิน นอร์ริส (Benjamin Norris) เดินทางมาถึงหนุ่มหล่อคนสุดท้ายท้ายสุดในซีรีส์ Never Have I Ever นั่นคือหนุ่ม “เบนจามิน นอร์ริส” เขาเกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม โดยเกิดในไวต์เพลนส์ นิวยอร์ก โดยเขานั้นเปิดตัวในฐานะของนักแสดงในภาพยนตร์สั้นเรื่อง Mens Rea ในปี 2010 ซึ่งถือว่าเป็นหนุ่มหล่อมาดเท่ที่มีคาแรคเตอร์โดดเด่นมากเลยละค่ะ ^^https://www.instagram.com/p/ChxVPQsJdBH/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==เบนจามิน นอร์ริส รับบท เทรนต์ โดยเบนจามินรับบทบาทเป็น “เทรนต์ (Trent)” เป็นเพื่อนซี้เบสเฟรนของแพ็กซ์ตัน เป็นหนุ่มที่มีความเกเร ชิล ๆ และยังไม่ค่อยชอบเรียนหนังสือ ทำให้เขาซ้ำชั้นมัธยมปีที่ 6 ไม่ได้ขึ้นในมหาลัย สิ่งนี้ทำให้เขาเสียใจเป็นอย่างมาก โดยหนุ่มเบนจามิน นอร์ริสนั้นแสดงออกมาได้ดีมาก คาแรคเตอร์คือโดดเด่น มีความชิลทะเล้นที่ฮามาก เป็นอีกหนึ่งบทบาทสมทบในเรื่องที่สร้างสีสันมากค่ะ🫶🏻ช่องทางการติดตามเบนจามิน นอร์ริสInstagram : @benanorrisก็จบลงไปแล้วนะคะสำหรับ รู้จัก 8 นักแสดง ซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย ต้องบอกเลยว่านักแสดงแต่ละคนในเรื่องนั้นล้วนแล้วแต่มีความน่ารัก คาแรคเตอร์โดดเด่นมาก แถมยังแสดงออกมาได้ดี มีความธรรมชาติ โบ๊ะบ๊ะแบบสุด! ทำให้เรื่องราวสนุกสนานและคนดูอินตามเลยละค่ะ และสุดท้ายนี้เพื่อน ๆ สามารถติดตามซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย ทั้ง Season 1-4 ได้แล้ววันนี้ทาง Netflix ค่า ^^เครดิตภาพหน้าปกโดย@neverhaveiever : ภาพหน้าปก1 / ภาพหน้าปก2 / ภาพหน้าปก3 / ภาพหน้าปก4 / ภาพหน้าปก5 / ภาพหน้าปก6 / ภาพหน้าปก7 / @benanorris : ภาพหน้าปก8 เครดิตภาพประกอบบทความโดย@neverhaveiever : ภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่4 / ภาพที่5 / ภาพที่6 / ภาพที่8 / ภาพที่9 / ภาพที่11 / ภาพที่17 / ภาพที่20@maitreyiramakrishnan : ภาพที่3 @jarenlewison : ภาพที่7 @darrenbarnet : ภาพที่10 / / ภาพที่12@itsmichaelcimino : ภาพที่13 / ภาพที่14 @neverhaveiever : ภาพที่15 / ภาพที่21 / ภาพที่23 / ภาพที่25@ramonabishyoung : ภาพที่16 / ภาพที่18 @leerodriguez : ภาพที่19 @victoriamoroles : ภาพที่22 @benanorris : ภาพที่24 เครดิตวิดีโอประกอบบทความโดย Netflix Thailandภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย (Never Have I Ever) ซีซั่นสุดท้าย | ตัวอย่างอย่างเป็นทางการ | Netflixบทความที่น่าสนใจ : https://intrend.trueid.net/post/308026จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !
nowadays girl☀︎︎ • 19 มิ.ย. 66
อ่าน
Now or Never! Warrix เปิดตัวชุดแข่งใหม่ทีมชาติไทย ลุยศึก เอเชียน คัพ 2019
วอริกซ์ แบรนด์กีฬาชื่อดังเปิดตัวเสื้อทัพช้างศึกที่จะใช้ในปี 2019 ภายใต้คอนเซ็ป “Now or Never” ประเดิมสู้ศึกเอเชียนคัพที่ยูเออี เมื่อวันอังคารที่ 18 ธันวาคม 2561 ณ สเตเดียม วัน บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด ผู้ถือสิทธิ์การออกแบบ การผลิต และการจัดจำหน่ายชุดแข่งขันและเครื่องแต่งกายนักเตะทีมชาติไทย เปิดตัวชุดแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทยประจำปี 2019 ที่มาในคอนเซ็ปต์ “Now or Never” ปลุกพลังนักเตะและแฟนบอลทีมชาติไทยเตรียมพร้อมสู้ศึกใหญ่แห่งเอเชีย เอเอฟซี เอเชียน คัพ 2019 ศึกแรกแห่งศักราชใหม่ โดยสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการเลือกใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในโลก นำมาออกแบบและผลิตชุดแข่งขันที่ดีที่สุดเท่าที่เคยทำมาเพื่อนักเตะทีมชาติไทย ภายในงานได้รับเกียรติจาก พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมตัวแทนนักฟุตบอลทีมชาติไทย นำโดย ฉัตรชัย บุครพรม, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, สิโรจน์ ฉัตรทอง และธนาสิทธิ์ ศิริผลา รวมทั้งนักฟุตซอลทีมชาติไทย นำโดย คฑาวุธ หาญคำภา และปาณัสม์ กิตติภาณุวงศ์ ร่วมด้วย “เวย์-ไทเทเนี่ยม” มาร่วมสร้างปรากฏการณ์เปิดตัวเพลง Now or Never เรียกพลังใจพลังเชียร์จากคนไทยทั่วประเทศ โดยวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้ถือสิทธิ์การออกแบบ การผลิต และการจัดจำหน่ายชุดแข่งขันและเครื่องแต่งกายฟุตบอลทีมชาติไทย วอริกซ์มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำภารกิจสำคัญนี้ และขอเดินหน้าแสดงพลังศรัทธาในฟุตบอลทีมชาติไทย เปิดตัวชุดแข่งใหม่ปี 2019 ในคอนเซ็ปต์ “Now or Never” ที่เป็นเหมือนกับการประกาศพลังศรัทธาของพวกเราคนไทยว่าเราจะไม่ยอมล้มตลอดไป แต่จะลุกขึ้นสู้ใหม่ไปด้วยกัน โดยชุดแข่งใหม่ปี 2019 จะถูกใช้ครั้งแรกโดยนักเตะทีมชาติไทยชุดใหญ่ในการแข่งขันรายการสำคัญระดับเอเชียซึ่งกำลังจะฟาดแข้งกันต้นเดือนมกราคม ปี 2019” “วอริกซ์มุ่งมั่นขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งส่งพลังให้ทัพนักเตะไทย จึงได้ตัดสินใจสร้างปรากฏการณ์ชุดแข่งขันที่ดีที่สุดเพื่อนักฟุตบอลทีมชาติไทย โดยเป็นครั้งแรกที่ชุดแข่งขันของทีมชาติไทยเลือกใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในโลก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับชุดแข่งขันของทีมฟุตบอลทีมชาติที่ดีที่สุดของโลก และทีมฟุตบอลระดับสโมสรชั้นนำของโลกหลายทีม รวมทั้งการเลือกใช้เฟล็กซ์ (flex) บนชุดแข่งขันก็เป็นเฟล็กซ์ที่มีมาตรฐานเดียวกับชุดแข่งขันทีมชาติระดับโลกเช่นเดียวกัน ผนวกเข้ากับดีไซน์ที่โดดเด่นมากขึ้น ทั้งรูปลักษณ์และสอดรับกับสรีระของนักฟุตบอลมากขึ้นกว่าเดิม เพิ่มความรู้สึกกระชับและคล่องตัวสูงสุดขณะลงแข่งขัน โดยชุดแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทยปี 2019 มีชื่อชุดว่า Changsuek The First Eleven (ช้างศึก เดอะ เฟิร์ส อีเลฟเว่น) สื่อถึง 11 ผู้เล่นตัวจริงที่ดีที่สุด ที่กำลังลงสนามไปปฏิบัติภารกิจสำคัญเพื่อชาติ และเพื่อความสุขของคนไทยทั้งประเทศ” ทั้งนี้ การออกแบบลวดลายของชุด “Changsuek The First Eleven” มีแรงบันดาลใจจาก “The Time Space Lighting” หรือเส้นแสงแห่งการพุ่งทะยานผ่านกาลเวลา จากแนวคิดที่ว่า การจะทำสิ่งใดให้สำเร็จ เราจำเป็นต้องเดินทางก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ซึ่งผู้คนมักจะแสวงหาแสงแห่งพลังที่จะจุดไฟแห่งความหวังและความฝัน ให้ลุกโชนขึ้นมา สร้างสรรค์พลังให้ลุกขึ้นสู้ เพื่อก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ ก่อเกิดเป็นลายเส้นแสงบนเนื้อผ้าคล้ายกับแสงไฟในสีสันที่โดดเด่นด้วยระบบพิมพ์ดิจิทัลขั้นสูง โดยใช้กระบวนการซับลิเมชั่นในการพิมพ์ไล่เฉดเพื่อสร้างลวดลายที่มีมิติเสมือนแสงไฟ ราวกับแสงแห่งห้วงอวกาศและกาลเวลาที่มุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง และนี่คือแสงแห่งการลุกขึ้นสู้เพื่อไปสู่ความสำเร็จที่แท้จริง นายใหญ่วอริกซ์กล่าวต่ออีกว่า “ชุดแข่งขัน Changsuek The First Eleven สรรค์สร้างขึ้นโดยคำนึงถึงการใช้งานของนักเตะเป็นสำคัญ นอกจากจะเลือกนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของโลกเช่นเดียวกับสโมสรชั้นนำของโลกมาใช้ในการผลิตแล้ว วอริกซ์ยังเลือกใช้เนื้อผ้าโพลิเอสเตอร์ผสมเส้นใยสแปนเด็กซ์ ผสานกับนวัตกรรมการตัดเย็บขั้นสูงในทุกรายละเอียด เพื่อทำให้ชุดแข่งขัน Changsuek The First Eleven เป็นชุดแข่งที่ครบถ้วนไปด้วยคุณสมบัติเด่น ทั้งการระบายอากาศและถ่ายเทความร้อนดีเยี่ยม การรักษาสมดุลของอุณหภูมิร่างกาย การดูดซับความชื้น การป้องกันรังสียูวี ช่วยเพิ่มความมั่นใจแก่นักเตะทุกคน เพื่อส่งเสริมให้สามารถโชว์ฟอร์มการเล่นได้อย่างเต็มศักยภาพ” “ส่วนโลโก้เป็นโลโก้ที่สวยงาม น้ำหนักเบา นอกจากนี้ ยังคงเสน่ห์ความสวยงามของงานดีไซน์ที่มีสไตล์ตามแบบฉบับของวอริกซ์ ซึ่งชุดแข่งขันปี 2019 ถือว่ามีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้นในเรื่องของดีไซน์ด้วย โดยออกแบบให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในแนวมินิมอลที่เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความเท่ และความคล่องตัว สามารถสวมใส่ได้หลากหลายโอกาสไม่ว่าจะเป็นการใส่ไปออกกำลังกาย หรือใส่ไปทำกิจกรรมอื่นๆ หลากหลายรูปแบบ เรียกได้ว่าเป็นเสื้อที่เหมาะที่จะใส่ได้บ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน” กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด ปิดท้าย สำหรับชุดแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทยปี 2019 จะใช้สีน้ำเงินเป็นชุดแข่งเหย้า สีแดงเป็นชุดแข่งเยือน สีขาวเป็นชุดแข่งที่ 3 ส่วนชุดผู้รักษาประตู ประกอบไปด้วย สีเขียวเข้ม, สีเขียวอ่อน, สีเทา และสีม่วง นอกจากนี้ วอริกซ์ ยังทำชุดแข่งขันออกมาเป็น 3 แบบได้แก่ ชุดแข่งขันสำหรับนักเตะ (1,999 บาท) ชุดแข่งขันสำหรับแฟนบอล (999 บาท) และ เสื้อเชียร์ทีมชาติไทย (399 บาท) เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสามแบบถูกออกแบบให้มีรูปลักษณ์เดียวกัน เพื่อตอกย้ำการรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งนักเตะและแฟนบอลทั่วประเทศ
ทีมชาติไทย • 18 ธ.ค. 61
อ่าน
รีวิวซีรีส์ Never Have I Ever : ซีรีส์วัยรุ่นเบาสมองจาก Netflix ที่รับประกันความแซ่บ!
พวกเราได้เสพภาพยนตร์หรือซีรีส์กับทาง Netflix กันมาเยอะแล้ว ส่วนใหญ่ก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่าหลังๆนั้น เรามักจะดูอะไรที่เนื้อหาหนักๆ เช่น Stranger Things หรือ Bridgerton แต่วันนี้ผมจะมาป้ายยาซีรีส์วัยรุ่นใสๆ (รึเปล่า?) มาให้ดูอะไรที่เบาสมองกันบ้าง ซีรีส์ที่ผมจะมารีวิววันนี้ก็คือ 'Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย' ซีรีส์วัยรุ่น High School ทั่วๆไป แต่นำเสนอออกมาได้ค่อนข้างแปลกใหม่ และมีประเด็นที่น่าพูดถึงเยอะ แล้วที่สำคัญ ซีซั่น 3 กำลังจะมาแล้ว! โดยที่การรีวิวครั้งนี้ผมจะมีการสปอยเล็กน้อย แต่ก็จะพยายามไม่สปอยจนหมดสนุก ใครที่ยังไม่เคยดู ลองอ่านแล้วตัดสินใจดูนะครับ ส่วนตัวผมนั้นเลื่อนผ่านเรื่องนี้ไปหลายรอบมาก เพราะดูจากหน้าปกแล้วมันก็ไม่เห็นมีอะไรที่น่าสนใจ แต่พอลองกดเข้าไปดู มันดันสนุกกว่าที่คิด ซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever เล่าเรื่องของเด็กสาวชาวอินเดียที่ชื่อ 'เดวี่ วิชวกุมาร์ (Devi Vishwakumar)' ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนอินเดีย แต่ตัวเธอเองนั้นซึมซับความเป็นสาวอเมริกันเข้าไปจนแทบไม่เหลือความเป็นอินเดียเลย รับบทโดยนักแสดงสาวชาวแคนนาดาที่ชื่อ 'Maitreyi Ramakrishnan' เธอนั้นดีบทแตกมากๆ เล่นออกมาได้น่ารักและมีเสน่ห์ เธอสวยมากด้วย ในเรื่องเป็นสาวเนิร์ดที่ยิ่งดูยิ่งหลงรัก ทำให้เราเชื่อได้ว่าจะมีผู้ชายมาติดพันเธอถึง 2 คน โดยเนื้อเรื่องทั้ง 2 ซีซั่นนั้นก็จะวนเวียนอยู่กับผู้ชายทั้ง 2 ที่คาแรคเตอร์แตกต่างกันอย่างสุดขั้วนี่แหละ คนแรกคือ 'แพ็กซ์ตัน' หนุ่มสุดฮ็อตที่เดวี่ชอบมาตั้งแต่เด็ก ส่วนอีกคนคือ 'เบน' หนุ่มเนิร์ดบ้านรวยที่เคยเป็นคู่กัดกับเดวี่ แต่เอาจริงๆเนื้อเรื่องมันก็สอดแทรกประเด็นอื่นๆที่น่าสนใจไว้มากมาย เช่น ประเด็นสังคมในโรงเรียน เรื่องมิตรภาพ และเรื่องครอบครัว แต่ละประเด็นนั้นก็จะมีความดราม่า แต่ว่าตัวซีรีส์นั้นนำเสนอออกมาให้ดูไม่เครียดจนเกินไป ทำให้เราดูได้สบายๆ เสน่ห์ของซีรีส์เรื่องนี้ นอกจากนางเอกและหนุ่มๆของเธอแล้ว ตัวละครรอบตัวของเดวี่นั้นก็มีเสน่ห์เช่นกัน เช่น ตัวละครเพื่อนสนิทของเธออย่าง 'เอเลนอร์' และ 'ฟาบิโอล่า' ทั้งสามคนคือความแตกต่างอย่างลงตัว เอเลนอร์เธอเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีน และเป็นนักแสดงละครเวที ตัวละครนี้จะออกแนวร่าเริงแจ่มใส เรียกเสียงฮาได้ตลอด น่ารักมาก ให้คำแนะนำแต่ละอย่างคือเด็ดๆทั้งนั้น ส่วนฟาบิโอล่าเธอเป็นเด็กเนิร์ด มีงานอดิเรกคือสร้างหุ่นยนต์ ตัวเดวี่เองก็เป็นเด็กเนิร์ด แต่ก็มีความซนตามประสา ส่วนตัวผมชอบความสัมพันธ์ของสามคนนี้มากกว่าหนุ่มๆของเธอเสียอีก มีช่วงทะเลาะกันไม่เข้าใจกันบ้าง แต่สุดท้ายพวกเธอนั้นก็ตัดกันไม่ขาดอยู่ดี นอกจากเพื่อนๆแล้ว ตัวละครในครอบครัวของเดวี่นั้นก็มีเสน่ห์เช่นกัน แม่ของเดวี่เป็นหมอผิวหนัง เธออยู่ตรงกลางระหว่างคนหัวโบราณกับคนหัวสมัยใหม่ ถึงแม้ว่าจะดุจะว่าเดวี่บ่อยแค่ไหน แต่เอาจริงๆเธอก็รักลูกสาวของเธอมาก แม้จะแสดงออกไม่เก่งก็ตาม ส่วนอีกคนคือญาติที่อยู่บ้านหลังเดียวกันชื่อ 'กมลา' เธอเป็นสาวฮ็อตที่มีหนุ่มๆมาตามจีบเยอะ ในช่วงแรกๆเดวี่ดูจะไม่ชอบเธอสักเท่าไหร่ แต่หลังๆนั้นทั้งสองคนก็ปรับตัวเข้าหากันมากขึ้น ซีรีส์เรื่องนี้เล่าประเด็นครอบครัวเยอะมากพอๆกับประเด็นความรักเลย เพราะเปิดเรื่องมาก็เล่นประเด็นที่เดวี่พึ่งจะสูญเสียพ่อไป เธอช็อกมากเพราะเธอนั้นสนิทกับพ่อมากกว่าแม่ เดวี่คิดว่าแม่ของเธอแทบไม่รู้สึกเสียใจอะไรกับการจากไปของสามี เธอจึงมักจะก่อปัญหาหรือพูดอะไรให้แม่เสียใจตลอด แต่บอกเลยว่าประเด็นนี้แอบเรียกน้ำตาได้เหมือนกัน แม่ของเธอต้องทำตัวเข้มแข็งตลอดเวลาจึงทำให้เดวี่คิดว่าแม่ของเธอนั้นไม่เสียใจ แต่จริงๆแล้วกลับกันเลย ถึงแม้ว่าตอนท้ายของซีซั่น 1 จะคลายปมนี้แล้ว แต่พอขึ้นซีซั่น 2 ประเด็นนี้ก็ยังมีพูดถึงอยู่ ซึ่งมันก็ทำออกมาได้ดี ไม่รู้สึกว่ายัดเยียดอะไร ประเด็นความรักของ Never Have I Ever มันก็ไม่ได้ดูหวือหวาอะไร ออกแนวเรื่อยๆ ก็เป็นเรื่องราวรักสามเส้าทั่วๆไปนั่นแหละ แต่ก็พอให้เราได้ลุ้นอยู่บ้างว่าสุดท้ายแล้วเธอจะได้ลงเอยกับใครกันแน่ มีอุปสรรคมาขัดขวางบ้างพอเป็นสีสัน ตัวเดวี่ก็ไม่ได้แสดงออกชัดเจนว่าชอบใครมากกว่ากัน ทั้งเบนและแพ็กซ์ตันก็ดูมีโอกาสได้ลงเอยกับเธอทั้งคู่ ใครที่จะดูก็เตรียมเลือกไว้เลยครับว่าจะเชียร์คนไหน ซึ่งไม่ว่าคุณจะเชียร์คนไหน ตอนจบของทั้ง 2 ซีซั่นจะทำให้คุณถูกใจแน่นอน (แต่จะถูกใจทีมไหนก่อนไปลุ้นกันเอาเอง) แล้วเรื่องนี้ยังมีประเด็นเรื่องเซ็กส์ด้วยนะ แต่ไม่ค่อยพูดถึงเยอะสักเท่าไหร่ มีมุก 18+ เยอะอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่มีฉากวาบหวิว เพราะเรื่องนี้เรทแค่ 13+ ไม่ต้องหลบพ่อแม่ดู ทั้งเบนและแพ็กซ์ตันหลังจากได้ทำความรู้จักกับเดวี่ พวกเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปทางที่ดีขึ้นด้วย เบนที่ตอนแรกเป็นคนปากร้าย หลังๆก็เห็นเขาเป็นคนพูดจาดีมากขึ้น ยอมเข้าสังคมมากขึ้น ส่วนแพ็กซ์ตันที่ตอนแรกใช้ชีวิตสนุกไปวันๆ ไม่คิดถึงอนาคตตัวเอง หลังๆเขาก็เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ตั้งใจเรียนมากขึ้นเพราะอยากเข้ามหาวิทยาลัย ตรงจุดนี้ผมชอบมาก แต่ประเด็นเหล่านี้จะไปเล่าในซีซั่นที่ 2 เป็นส่วนใหญ่ ประเด็นเรื่องเชื้อชาตินั้นกลับไม่ค่อยได้เล่นสักเท่าไหร่ ทั้งๆที่มีอะไรให้เล่นเยอะมาก ประเด็นนี้เป็นแค่ส่วนเสริมเล็กๆเท่านั้น มีประเด็นเรื่องเพศที่ 3 เข้ามาด้วย แต่ก็ไม่ได้เล่นให้เป็นประเด็นใหญ่สักเท่าไหร่ เล่าแค่ว่าอยากให้ครอบครัวยอมรับ รวมถึงตัวเองด้วย ส่วนจะเป็นตัวละครไหนผมขอไม่บอก อยากให้ไปดูกันเอาเอง อีกส่วนประกอบที่ผมรู้สึกว่าซีรีส์ Never Have I Ever ทำออกมาได้ดีมาก ก็คือเหล่าตัวประกอบต่างๆที่คอยเข้ามาสร้างสีสันได้ตลอด เช่น เพื่อนสนิทของแพ็กซ์ตัน ที่ชอบกวนประสาทเดวี่ แถมยังชอบเล่นมุก 18+ อีก แต่ก็ไม่ได้น่ารำคาญนะ อีกคนก็คือจิตแพทย์ที่เดวี่ชอบไปขอคำปรึกษา ตัวละครนี้ให้คำปรึกษาและกำลังใจกับเดวี่ตลอดแทบทั้งเรื่อง เธอมักจะมีคำพูดที่ทำให้เดวี่คิดได้ มีประโยคนึงในซีซั่น 2 ที่ผมชอบมาก เธอบอกประมาณว่า "เธอไม่ใช่คนบ้า แต่เธอแค่มีความเป็นมนุษย์มากกว่าคนอื่น" อีกคนที่ผมชอบเป็นพิเศษคือครูสอนประวัติศาสตร์ ที่ออกมาแต่ละครั้งคือสุดมาก สไตล์การสอนเก๋สุดๆ จนผมแอบคิดว่าถ้าสมัยเรียนม.ปลายมีครูประวัติศาสตร์แบบนี้ ผมคงตั้งใจเรียนวิชานี้มากกว่าเดิมหลายเท่า ความจริงแล้ว Never Have I Ever ยังสอดแทรกประเด็นที่น่าสนใจไว้อีกหลายประเด็น แต่ผมเอามาบอกไม่หมด อยากให้คุณไปดูกันเอง แต่ผมรับรองว่าน่าสนใจทุกประเด็น บางประเด็นคุณอาจคาดไม่ถึงว่าเขาจะสอดแทรกมันเข้ามาด้วย อีกคนหนึ่งที่เราไม่พูดถึงไม่ได้ คือ John McEnroe อดีตนักเทนนิสชื่อดัง เขาแทบไม่ได้ปรากฏตัวในเรื่องแบบมาเป็นตัวเป็นตน แต่เราได้อยู่กับเขาตลอดทั้งเรื่อง เพราะเขามารับหน้าที่เป็นคนบรรยายเนื้อเรื่องนั่นเอง คอยบรรยายชีวิตของเดวี่ บางทีก็แอบวิจารณ์ มีแอบเนียนเล่าเรื่องตัวเองพอเป็นสีสัน แอบมา Cameo ในตอนจบของซีซั่นแรกด้วย บอกเลยว่าคนคิดไอเดียนี้สุดยอดมาก ไม่รู้สึกรำคาญเลย เป็นสีสันที่เข้ากันได้อย่างลงตัว แต่ก็จะมีบางตอนนะที่จะเอาคนอื่นมาบรรยาย ซึ่งจะเป็นตอนที่แพ็กซ์ตันกับเบนเป็นตัวเดินเรื่อง ซึ่งจะมีแค่ซีซั่นละตอนเท่านั้น ซีซั่น 1 จะเป็น Andy Samberg มาเล่าในตอนของเบน ส่วนซีซั่น 2 จะเป็น Gigi Hadid มาเล่าในตอนของแพ็กซ์ตันผมขอให้คะแนน Never Have I Ever ไว้ที่ 8.5/10 มีช่วงน่าเบื่อบ้าง บางประเด็นก็ถูกพูดถึงน้อยจนน่าเสียดาย แต่โดยรวมสนุก ตัวละครมีเสน่ห์ เป็นซีรีส์ที่ผมอยากแนะนำให้คุณดู แต่คุณอย่าไปคาดหวังว่ามันจะหวือหวาหรือสนุกจนหยุดดูไม่ได้อะไรทำนองนั้น เป็นซีรีส์ที่คุณดูได้เรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ เพราะมันจะมีตอนที่เอื่อยๆน่าเบื่อบ้าง ข้อดีคือมันสั้น ตอนละประมาณ 30 นาทีเท่านั้น มีซีซั่นละ 10 ตอน คุณสามารถดูแบบคั่นเวลาระหว่างรอเรื่องอื่นก็ยังได้ แต่ต้องบอกว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่มีพากย์ไทยนะครับ น่าเสียดายเหมือนกัน ถ้ามีพากย์ไทยอาจจะมีกระแสในประเทศเราได้มากกว่านี้ ซีซั่นที่ 3 ก็จะมาในวันแม่หรือ 12 สิงหานี้พอดี ลองเปิดใจดูนะครับ คุณอาจจะหลงรักซีรีส์เรื่องนี้ไปโดยไม่รู้ตัว ถ้าคุณชอบการรีวิวครั้งนี้ และอยากติดตามงานเขียนของผม สามารถกดติดตามเพจ Alone Time ได้เลยครับ ขอบคุณครับ เครดิตภาพ เครดิตภาพปก Facebook : Netflix เครดิตภาพ 1 Instagram : maitreyiramakrishnan เครดิตภาพ 2 Twitter : Netflix เครดิตภาพ 3 Twitter : Netflix เครดิตภาพ 4 Twitter : Netflix *STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"* ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี` คลิกเลย https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkq อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://bit.ly/3O1cmUQ ร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 11 สิงหาคม 2565
อินเทรนด์หนัง • 11 ส.ค. 65
อ่าน
แนะนำคาเฟ่ที่เดียวจบครบทุกรส AT Too3 cafe'
สวัสดีเพื่อนๆชาว True Trend ทุกคนเลยน๊าาาาาา เป็นไงกันบ้างเอ่ย !? กับวันจันทร์-ศุกร์ ที่หนักหน้าสาหัสที่ผ่านมา เหนื่อยกันมากเลยใช่ไหมม สู้ๆนะคะ ! วันนี้เรามีสถานที่ผักผ่อนมาแนะนำหวังว่าเพื่อนๆคงจะชอบเหมือนเรานะ สถานที่ที่เราจะแนะนำคือร้านคาเฟ่เล็ก บรรยากาศดี เหมาะกับการจิบกาแฟ อ่านหนังสือเพลินๆ ชื่อร้าน Too3 cafe' ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งร้านโปรดของเรามากๆ เพราะว่าอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยของเรา บรรยากาศดี อาหารอร่อย เวลาที่เราเหนื่อยจากการเรียนมีเวลานั่งชิลหรือทำการบ้าน เราก็จะมานั่งที่นี้ โดยส่วนตัวปกติเวลาเรามาที่นี้นะ เราเอาโน๊ตบุ๊คมานั่งทำงานชั้นบน และพอทำงานเสร็จก็ลงไปปริ้นท์ชั้นล่าง เพราะชั้นล่างมีร้านถ่ายเอกสาร ปริ้นท์ ร้านคอมพ์ ครบวงจร ที่เดียวครบจบเลยใช่ไหมล๊าาาาา รูปแรกคือรูปร้านคอมพ์ที่เราบอก โดยจะสังเกตว่าจะมีบันไดเล็กๆ ด้านขวามือ นั้นแหละจ๊ะทางขึ้นคาเฟ่เขาหล่ะะ บรรยากาศข้างในร้านค่อนข้างดีเลยหล่ะ ร้านไม่ใหญ่มาก ที่นั่งเป็นเบาะสบาย เราชอบตรงร้านเขาจะเปิดเพลงเป็นเพลงแนวสบายๆ แต่ทันสมัยมีทั้งเพลงไทย เพลงสากล เป็นเพลงโปรดของเราทั้งนั้นเลย นี่เป็นบรรยากาศรอบๆ ร้านนะคะ เราชอบการตกแต่งของเขามากๆ เลย มีบริการน้ำดื่มฟรีด้วยน้าาาาาาาสิ่งแรกที่เราตรงดิ่งเข้าไปหาก่อนเลยนั้นคืออออ คืออออ อาหารค่ะ ฮ่าๆๆ ที่นี้มีทั้งเครื่องดื่มหลายหลายชนิด มีอาหาร (เมนูอาหารมีทั้งคาวหวานรู้สึกว่าพึ่งเพิ่มเข้ามาเมื่อไม่นานมานี้) ราคาก็ถือว่าไม่สูงมาก เหมาะกับนักเรียนนักศึกษา เมนูที่เราชอบที่สุดสำหรับเครื่องดื่มคือ โกโก้เย็น ราคา 50 บาท เป็นโกโก้ที่ไม่เหมือนใครเพราะเขาแยกชั้นโกโก้และนมสดไว้อย่างชัดเจน เวลาดื่มต้องคนๆก่อน เพื่อให้ได้อรรถรสในการดื่ม เมนูนี้เรายกให้เป็น เดอะเบส ของเราเลยยยยยย สำหรับเมนูที่เราเลือกสั่งวันนี้มี 2 เมนู เป็นอาหารคาวที่เพิ่มมาเมื่อไม่นานมานี้เองงง เมนูเเรกคือ ข้าวไข่เจียวหมูสับ ราคา 39 บาท เราชอบเมนูนี้นะ พนักงานทอดไข่มากำลังพอดี ใช้ข้าวเป็นข่าวหอมมะลิ นุ่มอร่อย ทานร้อนๆ ฟินเฟ่ออออร์ และเมนูที่ 2 คือเฟรนช์ฟรายชีส ราคา 49 บาท เป็นเฟรนช์ฟรายทอด ที่มาพร้อมกัน 2 ซอส เป็นซอสมะเขือเทศและซอสชีสดิบ ตัวเฟรนช์ฟรายมีกรอบนอกนุ่มใน จะไม่เหมือนเฟรนช์ฟรานทั่วๆ ไปเพราะเนื้อข้างในจะแน่นกว่า รวมๆถือว่า ชอบ! ข้างในว่าสวยเหมาะกับการถ่ายรูปแล้ว ข้างนอกสวยยิ่งกว่า !ใครที่ต้องการรับลมชิลๆ ข้างนอกเขาก็มีโต๊ะไว้ให้นั่งพร้อมมุมถ่ายรูปสวยๆ ซึ่งเป็นกำแพงที่เพ้นท์รูปนก และติดไฟเป็นภาษาอังกฤษ ถ่ายตอนกลางคืน(ตอนไฟเปิด) สวยและชิคมากกกกจ้า ขอบอก ! เป็นยังไงบ้างคะกับร้านนี้ Too3 หวังว่าเพื่อนๆคงจะชอบเหมือนกันน้าาาา ไว้พบกันใหม่บทความหน้านะคะ :) ชื่อร้าน : TOO3 เพจ :https://web.facebook.com/TOO3-CAFE-304420627098308/?ref=br_rs โลเคชั่น : ทางออกขวามือ หลังมหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม ซอยรัชดา36 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. ราคา : เครื่องดื่มเริ่มต้น 40 บาท/อาหารราคาเรื่อมต้น 39 บาท เวลาเปิด/ปิด : 07.30-20.00 น. คะแนน : 4.5/5
ครูอิ้งลิชอิสมี • 28 ส.ค. 62
อ่าน
400 ลำรอลุ้นคิวเดินเรือ! หลัง'Ever Given'ลอยลำ หลุดขวางคลองสุเอซ
ข่าววันนี้ ในที่สุด เรือยักษ์ Ever Given ที่เกยตื้นขวางคลองสุเอซ ก็ได้รับการปลดปล่อย และลอยลำได้เป็นอิสระแล้ว หลังขวางคลองมานานเกือบ 1 สัปดาห์ เรือบรรทุกสินค้าขนาดความยาว 400 เมตร ชื่อ Ever Given ได้รับการปลดปล่อย และลอยลำเหนือผิวน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังประสบเหตุเกยตื้น และขวางคลองสุเอซ มานานเกือบ 1 สัปดาห์ วิกฤตคลองสุเอซ ที่เกิดจากการเกยตื้นของเรือลำนี้ ทำให้เรือสินค้าลำอื่น ๆ หลายร้อยลำ ไม่สามารถสัญจรผ่านคลอง ซึ่งถือเป็นเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าที่พลุกพล่านมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งนี้ BBC รายงานว่า ยังไม่แน่ชัดว่า องค์การบริหารคลองสุเอซของอียิปต์จะเปิดให้เรือบรรทุกสินค้า เคลื่อนผ่านคลองสุเอซได้เลยในทันทีหรือไม่ แต่ทางการอียิปต์ระบุว่า จะเร่งระบายเรือสินค้าและเรือน้ำมันรวมกว่า 400 ลำ ที่ยังจอดรออยู่ทั้งสองด้านของคลอง ให้เดินทางไปยังจุดหมายต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาราว 3-4 วันเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท Boskalis ซึ่งเป็นบริษัทกู้เรือของเนเธอร์แลนด์ ระบุว่า เมื่อเวลา 20.05 น. ตามเวลาในไทย เส้นทางผ่านคลองสุเอซได้เปิดออกอีกครั้งแล้ว ส่วนเรือ Ever Given ได้ถูกลากจูงออกไปยังส่วนอื่นของคลอง เพื่อตรวจสอบสภาพเรืออีกครั้งว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป การทำให้เรือ Ever Given กลับมาลอยลำได้อีกครั้งนั้น ทางการต้องขุดลอกทรายออกไปถึง 30,000 ลูกบาศก์เมตร พร้อมกับใช้เรือลากจูง 11 ลำ เพื่อลากจูงเรือที่เกยตื้น ให้กลับมาลอยลำได้อีกครั้ง ประธานาธิบดี อับดุล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ของอียิปต์ แถลงขอบคุณชาวอียิปต์ทุกคน ที่ร่วมด้วยช่วยกัน ยุติวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ภาพ: Reuters เรื่อง : ธันย์ชนก จงยศยิ่งภาพ : Chris Pagan ข่าวเกี่ยวข้อง : คาดใช้เวลากู้หลายสัปดาห์ เรือยักษ์ขวางคลองสุเอซ เรือ150 ลำกระทบ-ต้องรอผ่าน เรือยักษ์ขวางคลองสุเอซ ชี้ลมพัดจนหมุน การขนส่งอลหม่านโลก เรือสินค้า ในโลกนี้มีกี่ชนิด คลองสุเอซ เส้นทางขนส่งเชื่อมยุโรป-เอเชีย กับวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายที่สุด "คลองสุเอซ" อัมพาต เรือสินค้าขวางคลอง โลกสูญเงินชั่วโมงละหมื่นล้าน! รู้จัก 'คลองสุเอซ' เส้นทางเดินเรือประวัติศาสตร์ 151 ปี เรือสินค้ายักษ์ขวาง คลองสุเอซ อาจลอยลำได้ในวันนี้ ต้นเหตุเรือยักษ์ขวางคลองสุเอซ คาดเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ ส่งสัญญาณข่าวดี เมื่อเรือขวางคลองสุเอซ เริ่มขยับได้ในมุม30องศา เรือยักษ์ปิดคลองสุเอซ กระทบต่อหุ้นอะไร ได้หรือเสีย ? รู้จัก! พายุทราย ปัจจัยหนึ่งพัดหอบเรือ Ever Given ขวางคลองสุเอซ รวม ตัวเลข Ever Given เรือขวางคลองสุเอซ สำคัญอย่างไร ? เปิดคลองสุเอซเดินเรือสินค้าได้อีกครั้ง หลังกู้เรือยักษ์จากจุดเกยตื้นสำเร็จ เปิดประวัติ "คลองสุเอซ" คลองสำคัญของโลก ที่ไทยเกือบจะมีบ้าง เปิดประวัติ คลองสุเอซ Suez Canal อียิปต์ ทางลัดเชื่อมเอเชียสู่ยุโรป ซุปเปอร์ฟูลมูน ช่วยเรือยักษ์ขยับพ้นคลองสุเอซ ใครเป็นเจ้าของเรือยักษ์ Ever Given ขวางคลองสุเอซ ?
TNN World • 30 มี.ค. 64
อ่าน
สงบ ร่มรื่น สดชื่น ที่ later on
หากกำลังมองหาร้านคาเฟ่ที่มีความเรียบง่าย อยู่ในเมือง ไม่วุ่นวาย และรสชาติดี ขอแนะนำร้านนี้เลยค่ะ later on cafe ด้วยความที่เป็นคนชอบลองคาเฟ่เปิดใหม่ แล้วที่เชียงใหม่ก็มีร้านเปิดใหม่ทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้ค่ะ แล้วเราเนี่ยะเป็นคนที่ต้องหาซื้อชา กาแฟกินอยู่ทุกวันอยู่แล้ว ไปลองร้านใหม่มาทุกอาทิตย์เลยก็ว่าได้ เพื่อความไม่จำเจในชีวิต คนอื่นเค้าไปเที่ยวป่าเขา ทะเล แต่สำหรับเราไม่ค่อยได้มีโอกาสไปค่ะ ก็เลยเน้นเที่ยวคาเฟ่แทน แล้วถ้าเจอร้านไหนที่ถูกใจ ก็เลยอยากจะมาแนะนำบอกต่อ ๆ กันไป ร้าน later on อยู่ในย่านวัดเกตุ ตั้งอยู่ในมุมที่ค่อนข้างลึกลับหน่อยค่ะ เค้าบอกว่าอยู่ติดร้านอาหาร Arcobaleno ซึ่งเราขับผ่านวนประมาณ 2 รอบ หาไม่เจอ ร้านอยู่ไหน แต่แล้ววนรอบที่ 3 เห็นป้ายเล็ก ๆ ติดว่า later on ด้านหน้า ก็เลยรีบเลี้ยวเข้าไปจอดเลยค่ะ ในที่สุดก็หาเจอแล้ว ทางเข้าร้านเป็นแบบทางเข้าบ้านเลยนะคะ ถ้าไม่สังเกตให้ดี คือขับผ่านแน่นอน ฮ่า ๆ หน้าร้านจอดรถได้ประมาณ 3 - 4 คัน ลักษณะร้านเป็นบ้านหลังเล็กแล้วตกแต่งเป็นคาเฟ่นั่นเองค่ะ แค่มองแบบนี้ก็รู้สึกสดชื่นแล้ว เพราะด้านหน้าร้านนั้นมีต้นไม้ใหญ่และมีต้นน้อย ๆ วางอยู่ล้อมรอบ สัมผัสได้ถึงความร่มรื่น ที่นั่งมีทั้งแบบด้านนอกรับอากาศธรรมชาติ หรือจะเลือกนั่งด้านในแอร์เย็น ๆ ก็ได้ค่ะ แต่ที่นั่งด้านในจะมีไม่ค่อยเยอะ เป็นแบบโต๊ะบาร์ และโต๊ะเดี่ยว 1 ตัว เราเลยเลือกที่นั่งด้านนอก โปร่ง สบายกว่า น้องคนขายผู้หญิง 2 คนน่ารักมากเลยค่ะ ยิ้มแย้ม ต้อนรับอย่างดี เครื่องดื่มมีทั้งกาแฟ ชา แล้วเมนูพิเศษของร้านก็มีค่อนข้างหลายเมนู อย่างเช่น waan – on เป็นกาแฟเย็นโบราณ , มันม่วงลาเต้ , ครีมครอฟต์ อเมริกาโน่ท็อปด้วยครีมวนิลา , Sunday morning โซดาเลม่อนกับเอสเพรสโซช็อต , สตรอเบอรี่ลาเต้ ชอบในการอธิบายและมีรูปประกอบของเมนูพิเศษแต่ละเมนูทำให้เราตัดสินใจเลือกง่ายขึ้น บางร้านเค้าก็จะเขียนแค่ชื่อเมนูเฉย ๆ ทำให้เราต้องจินตนาการไปด้วย ว่าหน้าตาเป็นยังไงหนอ สำหรับขนมเป็นโฮมเมด เบเกอรี่ มีไม่เยอะค่ะ เค้าทำใหม่ทุกวัน แล้วขนมก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ด้วย มีตัวใหม่ ๆ มาอยู่เสมอ ใส่ตู้กระจกโชว์ไว้ ดูสะอาดและน่าเลือกทีเดียว มาชมวิวด้านนอกกัน จะมีโต๊ะเยอะกว่าด้านในค่ะ ถ้าเลือกโต๊ะใหญ่ก็จะนั่งได้สบายหน่อย แต่ถ้าเป็นโต๊ะเล็กก็อาจจะนั่งไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เก้าอี้ค่อนข้างตัวเล็ก โชคดีที่ตอนไปยังไม่ค่อยมีคน ก็เลยเลือกนั่งเก้าอี้แบบมีเบาะนั่งมีหมอนพิงนุ่ม นั่งสบายเลย มีร่มใหญ่สีขาวบังให้ แล้วก็มีม่านช่วยบังแสงอีกด้วยค่ะ ไม่ต้องกลัวร้อน แต่ก็จะอาจจะมีแสงแดดรำไรนิดหน่อยส่องเข้ามา ช่วยให้ถ่ายรูปสวยขึ้นมาอีกแบบค่ะ เครื่องดื่มที่สั่ง Waan – on กาแฟเย็นโบราณ เอสเพรสโซ่ช็อตผสมนมสูตรพิเศษของร้าน 60 บาท ลองชิมนมอย่างเดียวก่อน รสชาติโอเคเลยค่ะ มัน ๆ ตัวนมจะไม่ค่อยหวานเท่าไหร่ แต่จะได้ความหวานจากไซรัปที่ใส่มาด้วยนิด ๆ พอเทเอสเพรสโซ่ลงไปผสมกับนม สีก็สวยงามแยกชั้น แค่มองก็ละมุนแล้วค่ะ กลิ่นกาแฟหอมมากผสมกับนมก็ยังมีความเข้มข้นอยู่ ได้ความขมของกาแฟผสมกับความกลมกล่อมของนม แก้วนี้รสดีเยี่ยมเลย ได้กลิ่นอายความโบราณ Strawberry latte 80 บาท ใช้สตรอเบอรี่ซอสสูตรที่ร้านทำขึ้นมาเองผสมกับนม เมนูนี้จะเห็นฮิตมากที่เกาหลี ถ้าได้ไปเที่ยวช่วงหน้าสตรอเบอรี่ของบ้านเค้า ไปคาเฟ่ร้านไหนก็จะเจอแต่เมนูนี้ค่ะ ซึ่งคาเฟ่แถวบ้านเรา ยังมีเมนูนี้ไม่เยอะ แก้วใหญ่มากเลยค่ะ แล้วซอสสตรอเบอรี่กระจายไปทั่วแก้ว บางร้านจะเน้นนมมากไปทำให้ไม่ค่อยได้รสตรอเบอรี่ แต่ที่ร้านนี้ ซอสเข้มข้น เปรี้ยวหวาน ลงตัวมาก มีเนื้อสตรอเบอรี่ให้กินด้วยค่ะ พอผสมกับนมแล้วละมุนมาก กินไปด้วยเคี้ยวสตรอเบอรี่หนุบหนับ อร่อยเพลิน แล้วเครื่องดื่ม 1 แก้ว จะเสิร์ฟให้พร้อมกับขนมเพรทเซล 2 ชิ้น ก็ยิ่งเคี้ยวเพลิน เค็ม ๆ มัน ๆ Chocolate fudge with strawberry 95 บาท เค้กช็อกโกแลตเนื้อนุ่มสอดแทรกด้วยครีมและเนื้อสตรอเบอรี่เยอะมาก โปะด้วยลูกโตอีก 1 ลูกด้านบน เป็นเค้กที่อร่อยมาก ตัวช็อกโกแลตเข้มข้นแล้วครีมจะออกมัน ๆ ผสมกับความเปรี้ยวหวานของตัวสตรอเบอรี่ ลงตัวสุด ๆ ไม่เลี่ยนเลยค่ะ การมาเที่ยวคาเฟ่ในวันนี้ได้ความประทับใจกลับบ้านไป ความสุขเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องไปไหนไกล แค่นั่งกินของอร่อย มองบรรยากาศในร้าน ก็มีความสุขแล้ว later on cafe 60/1 ถ.หน้าวัดเกต ต.วัดเกต อ.เมือง เชียงใหม่ เวลาเปิด 9.00 - 17.00 น. หยุดทุกวันอังคาร
missmedissme • 2 มี.ค. 63
อ่าน
เพื่อนายแค่หนึ่งเดียว Never Let Me Go ช่อง GMM25 (ตอนจบ)
เรื่องย่อซีรีส์ เพื่อนายแค่หนึ่งเดียว Never Let Me Go ช่อง GMM25 ทุกวันอังคาร เวลา 20.30 น. เริ่มตอนแรกวันอังคารที่ 13 ธันวาคมนี้ นำแสดงโดย คู่จิ้นคู่ฮอต ปอนด์ ณราวิชญ์ เลิศรัตน์โกสุมภ์ และ ภูวิน ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน ที่กลับมาประกบคู่กันอีกครั้ง ในซีรีส์เรื่องใหม่ล่าสุด แนวโรแมนติกดราม่าเข้มข้น
เรื่องย่อละคร • 27 ก.พ. 66
อ่าน
ใช้ดีบอกต่อ Cute Press รุ่น Never Too Matte
ลิปสติกกับผู้หญิงลิปสติกเป็นเครื่องสำอางชิ้นหนึ่งที่สาวๆต้องมีติดกระเป๋าไว้เสมอ เพราะนอกจากจะแต่งเติมเรียวปากให้สวยงาม ยังเสริมบุคลิกภาพเสริมความมั่นใจให้กับผู้หญิงอีกด้วย การมีลิปสติกคู่ใจ สัก 1 แท่งหรือหลายๆแท่งจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ทำให้บรรดาแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำทั้งหลายต่างขยันออกลิปสติก รุ่นใหม่มาให้สาวๆได้ลอง Cute Press Never Too Matteวันนี้เราจะมาลองลิปสติก cute press รุ่นนี้กันค่ะ Never too matte เรามีอยู่ 4 สีค่ะ ก่อนจะไปดูรีวิวของเรามาดู ข้อดีของลิปสติก cute press รุ่น Never too matte นี้กันก่อนนะคะลิปสติก รุ่นนี้ออกมาทั้งหมด 19 เฉดสีนะคะ เพื่อให้ครอบคลุมชีวิตความสนุกของผู้หญิงทุกไลฟ์สไตล์ มีทั้งโทนคลาสสิคใช้ได้ทุกงาน โทนปาร์ตี้สีสันความสนุก และโทนแฟชั่นเนื้อลิปสติกเป็นเนื้อแมทที่นุ่มลื่นช่วยให้ปากเราเรียบเนียนไม่ตกร่อง สามารถทาปากแบบเบลอๆก็ได้ สวยไปอีกแบบ แถมปากไม่แห้งอีกด้วยหัวลิปสติกทรง Modern shape ที่เป็นเหมือนลิปไลเนอร์ในตัวช่วยทำให้การทาลิปสติกง่ายขึ้น แถมยังตัดขอบปากให้สวยคมชัดเลยค่ะที่สำคัญเทคโนโลยี Melting Matte ช่วยกลบร่องปากให้เนียนเรียบ เราเป็นคนแต่งตัวธรรมดา แต่ชอบทาลิปสติกสีเข้มๆ ทาได้ทุกแนวตั้งแต่ชมพูเข้ม แดงเข้ม หรือออกม่วงเข้มๆ แดงก่ำๆ ทาได้หมด ออกแนวปากไม่แดง ไม่มีแรงเดินนั่นแหละ สีที่เรามี ต่อไปนี้เลยNo.06 สี preppy สีน้ำตาลอมส้ม ที่สวยมากทาได้ทุกโอกาส เป็นโทนสีที่เข้ากับผิวเข้มของเรามาก ทาแล้วไม่ป่วย คนผิวน้ำผึ้งทาสวยสุดๆ แนะนำเลยสีนี้No.13 สี have fun สีชมพูเข้ม cool toneให้อารมณ์อยากเป็นสาวหวานแต่ไม่อยากหน้าหมอง ต้องสีนี้เลย ชอบที่เนื้อลิปแมทแต่ทาแล้วปากไม่แห้ง สาวแจ่มต้องมี No. 16 สี Cutting Edgeสาวๆที่ชอบแนวสี burgundy ต้องมี คนที่เป็นสาวกสี Diva ของ mac ต้องถูกใจสิ่งนี้ มาในราคาที่ถูกกว่ามาก รูปถ่ายสีออกแดงไปนิดนึงแต่สีจริงถูกใจสายดาร์กแน่นอน ไปปาร์ตี้ต่อได้เลยNo.19 สี Muse ชมพูเข้มปรี๊ดอมม่วงเวลาทาต้องแต่งหน้าให้ดูแฟชั่นจัดเต็มนิดนึง แต่ไม่ซ้ำซากจำเจแน่นอน คนผิวเข้มทาแล้วหน้าไม่หมอง พกความมั่นใจแล้วไปต่อเลยจ้าจบไปแล้วสําหรับลิปสติก cute press ทั้ง 4 แท่งของเรา มาในราคาแท่งละ 179 บาท เหมาะมากสำหรับเพื่อนๆ ที่อยากลองลิปสติก สีที่ดูแฟชั่นสีแปลกๆนิดนึง แต่ไม่อยากซื้อของแพงๆ มาลองใช้ cute press รุ่นนี้ได้เลยจ้า สีสวยแถมช่วยกลบร่องปากได้ดีหาซื้อได้ที่ร้าน cute press หรือตัวแทนจำหน่ายส่วนเราซื้อที่ร้าน cute press สาขาเซ็นจูรี่เดอะมูฟวี่พลาซ่าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เครดิตภาพ : ทุกภาพถ่ายโดยผู้เขียนภาพปก : ถ่ายโดยผู้เขียน
ใบตั้งโอ๋ • 7 มิ.ย. 63
อ่าน
รู้จัก ไมท์เรยิ รามากริชนาน หรือ เดวี่ จากซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย (2022) ทาง Netflix💓
ซีรีส์ ‘Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย (2022)’ เรียกว่าเป็นหนึ่งซีรีส์ Original จากทาง Netflix ที่เป็นแนววัยรุ่นป๊อปปี้เลิฟแบบสนุก ๆ โดยได้นักแสดงนำในบทบาทของ เดวี่ อย่างสาวสวย “Maitreyi Ramakrishnan (ไมท์เรยิ รามากริชนาน)” ที่เรียกว่าเธอเล่นได้ดี ฟิตติ้งกับบทบาทมาก! วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับเธอคนนี้กันให้มากขึ้นผ่านทาง ‘รู้จัก ไมท์เรยิ รามากริชนาน หรือ เดวี่จากซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย (2022) ทาง Netflix’ หากเพื่อน ๆ พร้อมกันแล้วนั้น ก็ตามมาดูกันเลยค่า~ Maitreyi Ramakrishnan (ไมท์เรยิ รามากริชนาน) ชื่อของเธอคือ “Maitreyi Ramakrishnan (ไมท์เรยิ รามากริชนาน)” เกิดเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2544 ปัจจุบันอายุ 20 ปี โดยเกิดและเติบโตในเมือง Mississauga, Ontario ประเทศแคนาดา สัญชาติแคนาดา เธอจบการศึกษาระดับมัธยมจาก Meadowvale Secondary School และเธอได้เรียนมหาวิทยาลัยที่ York University ในสาขาการละครhttps://www.instagram.com/p/Cha0ZLcOzrl/?igshid=YmMyMTA2M2Y=https://www.instagram.com/p/CbIVtGeLaSP/?igshid=YmMyMTA2M2Y=เส้นทางการเข้าสู่วงการของไมท์เรยิ รามากริชนาน ไมท์เรยิเปิดตัวการแสดงปี 2019 ในบทบาทของ ‘Devi Vishwakumar’ ซึ่งเป็รตัวเอกในซีรีส์วัยรุ่นของทาง Netflix อย่างในเรื่อง “Never Have I Ever ภารกิจสาวซนก็คนมันไม่เคย” โดยเธอได้ถูกรับเลือกจากผู้สมัคร 15,000 คนจากการที่เธออัดคลิปส่งไปแคสติ้ง ด้วยหน้าตาที่โดดเด่นนและการแสดงธรรมชาติของเธอ และจากบทบาทนี้ทำให้เธอเป็นที่รู้จัก เรียกได้ว่าเป็นบทบาทที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปอย่างสิ้นเชิงSeason1Never Have I Ever | Official Trailer | Netflixhttps://youtu.be/HyOCCCbxwMQhttps://www.instagram.com/p/B_A7BZ7h1VG/?igshid=YmMyMTA2M2Y=https://www.instagram.com/p/B_0hpQhlGrt/?igshid=YmMyMTA2M2Y=Season2NEVER HAVE I EVER Season 2 Trailer (2021)https://youtu.be/YViatm4jTYchttps://www.instagram.com/p/CQRwj3XB7-o/?igshid=YmMyMTA2M2Y=https://www.instagram.com/p/CRgqFYLBzXL/?igshid=YmMyMTA2M2Y=Season3Never Have I Ever: Season 3 | Official Trailer | Netflixhttps://youtu.be/d_N99x0gAAkhttps://www.instagram.com/p/ChLeWiEpI6P/?igshid=YmMyMTA2M2Y=https://www.instagram.com/p/ChLWKopP6vi/?igshid=YmMyMTA2M2Y=https://www.instagram.com/p/CdTmweiJlV9/?igshid=YmMyMTA2M2Y=ไมท์เรยิ รามากริชนาน รับบท Devi Vishwakumar สาวไมท์เรยินั้นมีผลงานเรื่องแรกและเรื่องเดียวในตอนนี้นั่นคือผลงานซีรีส์เรื่อง “Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย” ในบทบาทของ “Devi Vishwakumar” นั่นเองค่ะ ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ของสาวสวยชาวอินเดียที่เรียนอยู่ในชั้นมัธยมปลาย เธอเป็นเด็กเนิร์ด ที่เรียนเก่ง และยังมีเพื่อนสนิทแค่เพียง 2 คน ซึ่งเธอเป็นคนที่อ่อนหัดเรื่องของความรักสุด ๆไม่เคยมีความรักหรือแฟนเลย แต่แล้วเธอก็ดันได้คบกับหนุ่มฮอตที่สุดในโรงเรียนอย่าง Paxton เรื่องราวความรักของเธอจะเป็นอย่างไรต้องไปติดตามกัน!? โดยในเรื่องนี้สาวไมท์เรยินั้นแสดงออกมาได้ดีมาก คาแรคเตอร์ชัดเจน แถมเราชอบวิธีการพูดนำเสนอของเธอมาก ๆ มันดูน่าสนใจ ดึงดูดสายตาสุด ๆ เรียกว่าเป็นบทบาทที่เกิดมาคู่กับเธอคนนี้จริง ๆ ค่ะ ^^ https://www.instagram.com/reel/Chfd4zEJgP3/?igshid=YmMyMTA2M2Y=https://www.instagram.com/reel/ChKp7RCgkkZ/?igshid=YmMyMTA2M2Y=https://www.instagram.com/p/Ch5QS_asLC4/?igshid=YmMyMTA2M2Y= และนอกเหนือจากความเก่งในเรื่องของการแสดงแล้วนั้น ความสามารถอีกหนึ่งอย่างของเธอที่ขออวยเลยนั่นก็คือการ ‘พากย์เสียง’ ด้วยความที่สาวไมท์เรยิมีเสียงที่มีน้ำเสียงที่เพราะ น่าฟัง แหบแบบมีเสน่ห์ ทำให้เธอยังได้รับโอกาสและมีสกิลในการทำหน้าที่พากย์เสียงอีกด้วย ซึ่งเธอได้พากย์เสียงในซีรีส์การ์ตูนเด็กชื่อดังอย่าง “My Little Pony” ในบทบาทของ “Zipp Storm” เป็นคาแรคเตอร์ของโพนี่ที่เป็นเหมือนกับสาวหล่อมีความเท่ ฉลาด และไหวพริบดีมากโดยเธอก็สามารถพากย์เสียงนี้ออกมาได้ดีมากกกก อินเนอร์ออกมาจากโทนเสียงจริง ๆ ค่ะ👏🏻Zipp the Unicorn's Most Magical Moments | My Little Pony: A New Generation | Netflixhttps://youtu.be/9enkveXJUwshttps://www.instagram.com/p/CeCe38svZ1M/?igshid=YmMyMTA2M2Y=https://www.instagram.com/p/CaFvl5cvAw4/?igshid=YmMyMTA2M2Y=ผลงานการแสดงของไมท์เรยิ รามากริชนาน 2020 :- Never Have I Ever รับบท Devi Vishwakumar (Season 1-3) 2022 :- My Little Pony: Tell Your Tale Zipp Storm พากย์เสียง- My Little Pony: Make Your Mark (special) พากย์เสียง- My Little Pony: Make Your Mark (series) dagger พากย์เสียง- My Little Pony: Winter Wishdaydagger ( พากย์เสียง) - Turning Red (พากย์เสียง Priya Mangal) อุปนิสัยและคาแรคเตอร์ของสาวไมท์เรยิ รามากริชนาน ที่หลสยคนจะต้องหลงรัก โดยเธอนั้นเป็นสาวสวยสุดน่ารักที่มีความสดใส ร่าเริง อารมณ์ดีและยังมีความทะเล้นมาก ๆ ยิ้มง่ายหัวเราะเก่งสุด ๆ ใครอยู่ใกล้แล้วเป็นจะต้องยิ้มและหัวเราะ อารมณ์ดีกันหลงรักเธออย่างแน่นอนค่ะ อีกทั้งแม้ว่าเธออายุยังน้อย แต่มีความคิดและทัศนคติที่เป็นผู้ใหญ่ และในเรื่องของความสามารถบอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ ค่ะ ทั้งพาร์ทของการแสดงและพาร์ทของการพากย์เสียง บอกเลยว่าสุดยอด!🫶🏻💗⭐️https://www.instagram.com/p/Caphoo3JWNU/?igshid=YmMyMTA2M2Y=https://www.instagram.com/p/Cd6lrZxOhaB/?igshid=YmMyMTA2M2Y=ก็จบลงไปแล้วนะคะสำหรับ รู้จัก ไมท์เรยิ รามากริชนาน หรือ เดวี่ จากซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย (2022) ทาง Netflix เรียกได้ว่าสาวสวยไมท์เรยิ เธอนั้นเป็นคนที่สวย น่ารัก คาแรคเตอร์มีความโดดเด่นมาก ยิ่งในบทบาทของ เดวี่ แล้วนั้น ไม่ว่าจะฉากไหนซีนใดคือฟิตติ้งกับบทบาท เอาอยู่หมัดมาก! เพื่อน ๆ สามารถติดตามเธอได้ที่ Instagram : @maitreyiramakrishnan และสุดท้ายนี้เพื่อน ๆ สามารถติดตามซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย ทั้ง Season 1-3 ได้แล้ววันนี้ทาง Netflix ค่า��💓👏🏻เครดิตภาพหน้าปกโดย @maitreyiramakrishnanภาพหน้าปก1 / ภาพหน้าปก2 / ภาพหน้าปก3 เครดิตภาพและวิดีโอประกอบบทความโดย @maitreyiramakrishnan : ภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่3 / ภาพที่4 / ภาพที่5 / ภาพที่6 / ภาพที่7 / ภาพที่8 / ภาพที่9 / ภาพที่11 / วิดีโอที่3 / ภาพที่12 / ภาพที่13 @netflix : วิดีโอที่1 / วิดีโอที่2 / ภาพที่10 เครดิตวิดีโอประกอบบทความโดยNetflix : Never Have I Ever | Official Trailer | NetflixNever Have I Ever: Season 3 | Official Trailer | NetflixONE Media : NEVER HAVE I EVER Season 2 Trailer (2021)Netflix Film : Zipp the Unicorn's Most Magical Moments | My Little Pony: A New Generation | Netflixบทความที่น่าสนใจ :https://intrend.trueid.net/post/83244 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !
nowadays girl☀︎︎ • 1 ก.ย. 65
ดูเพิ่มเติม