รีเซต

ผลการค้นหา “Love Syndrome” - ทรูไอดี

ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
"หล่ง-แฟรงค์" เจอกันครั้งแรกในซีรีส์ "Love syndrome" การันตีความสนุกโดย "ต้อ มารุต"
อ่าน

"หล่ง-แฟรงค์" เจอกันครั้งแรกในซีรีส์ "Love syndrome" การันตีความสนุกโดย "ต้อ มารุต"

กระแสแรงตั้งแต่ยังไม่ลงจอออนแอร์ สำหรับซีรีส์วายรักสุดฟินที่ทุกคนรอคอย "Love syndrome รักโคตรๆ โหดอย่างมึง" ที่ถูกสร้างมาจากนวนิยายเรื่องดังของ ยอนิม การันตีด้วยยอดผู้อ่านมากถึง 100 ล้านคน และยังได้ผู้กำกับมือทองแห่งวงการละครไทยอย่าง "ต้อ มารุต สาโรวาท" มาโชว์ฝีมือนั่งแท่นกำกับซีรีส์วายเรื่องนี้ด้วย เปิดผัง "อมรินทร์ทีวี 2023" เสิร์ฟละคร ซีรีส์ รายการ สุดปังพร้อมเซอร์ไพรส์เพียบ "ต้อ มารุต"การันตีความสนุกซีรีส์ "Love syndrome" สำหรับ "Love syndrome รักโคตรๆ โหดอย่างมึง" ถือได้ว่าเป็นซีรีส์ที่แฟนด้อม (Fandom) หลายประเทศรอคอย เป็นการร่วมผลิตโดย 2 บริษัทคุณภาพ ได้แก่ บริษัท ไอ เซ็นเตอร์ จำกัด และ บริษัท โกลเด้น อายส์ วิว จำกัด โดย ต้อ มารุต ได้คว้าตัว "แฟรงค์ ธนัตถ์ศรันย์ ซำทองไหล" และ "หล่งซื่อ ลี" คู่จิ้นที่หลายคนกำลังให้ความสนใจในขณะนี้ เนื่องจากมีเคมี และฝีมือการแสดงที่เข้าขากัน ทำให้คนดูแอบเชียร์ว่าอยากให้กลายเป็นคู่รักนอกจอ ทั้งที่เห็นเพียงแค่ตัวอย่างทีเซอร์ไม่กี่วินาที นอกจากนี้ยังมี นักแสดงคุณภาพ ร่วมแสดงมากมาย อาทิ เอ พศิน, รัญ นัฐมนกาญจณ์, ปุ๋ย นิทัศน์, โหน่ง วสันต์ และนายแพทย์ชื่อดัง "หมอสอง นพ.นพรัตน์ รัตนวราห" ที่มาร่วมแสดงในเรื่องนี้ด้วย "Love syndrome รักโคตรๆ โหดอย่างมึง" เป็นบทประพันธ์ขึ้นหิ้งของ ยอนิม ถือเป็นนวนิยายชื่อดังที่มียอดผู้อ่านในโลกออนไลน์กว่า 100 ล้านวิว มีทั้งหมด 5 ภาค ซึ่งเรื่องนี้ทางผู้กำกับ ต้อ มารุต ได้นำภาคที่ 3 ของนวนิยาย ซึ่งเป็นภาคที่มีเนื้อหาที่แสดงถึงความทรงจำเกี่ยวกับความรัก ความผูกพันธ์และสัญญา ที่ทั้งคู่มีให้กัน จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ความทรงจำเหล่านั้นหายไป เหลือไว้เพียง ความจำที่แสนเจ็บปวด เปลี่ยนจากคนที่รัก กลายเป็นคนที่เกลียด สุดท้ายแล้วทั้งคู่จะกลับมารักกัน เหมือนเดิมได้มั้ย? แล้วผ่านเรื่องเลวร้ายนี้ไปได้หรือไม่? และพวกเขาจะจำสัญญาที่มีต่อกันได้หรือเปล่า? ติดตามได้ใน "Love syndrome รักโคตรๆ โหดอย่างมึง" เริ่มออนแอร์ทุกวันเสาร์ เวลา 22.30 ทางช่องอมรินทร์ทีวี หมายเลข 34 เริ่มตอนแรกวันเสาร์ ที่ 4 มีนาคม 2566 อ่านข่าวบันเทิงวันนี้ที่เกี่ยวข้อง : เปิดผัง "อมรินทร์ทีวี 2023" เสิร์ฟละคร ซีรีส์ รายการ สุดปังพร้อมเซอร์ไพรส์เพียบ

OFFICE SYNDROME คืออะไร?
อ่าน

OFFICE SYNDROME คืออะไร?

     ส่วนใหญ่คนทำงาน office ในลักษณะงานที่ต้องนั่งทำงานติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ มักจะมีอาการปวดตึงคอบ่าเป็นประจำ โดยอาการปวดตึงคอบ่ามักจะมีอาการเป็นๆหายๆ หรือมีอาการปวดสลับข้างกัน เช่น วันนี้มีอาการปวดตึงคอบ่าข้างขวาผิดปกติ แต่ในวันรุ่งขึ้นกลับมีอาการปวดตึงคอบ่าข้างซ้ายแทนอาการปวดข้างขวา ซึ่งสาเหตุการปวดส่วนใหญ่มาจากการที่กล้ามเนื้อทำงานมากเกินไปในท่าใดท่าหนึ่งติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน หรือที่เรียกว่า "overuse" นั่นเอง ทำให้โรค office syndrome พบได้ง่ายและพบได้ทั่วไปในกลุ่มพนักงานที่นั่งทำงาน office จนถือว่าเป็นโรคยอดฮิตสำหรับพนักงาน office กันเลยทีเดียว (ภาพประกอบโดย : https://www.lifeofpix.com/photo/275-ake99582-ae-jpg/)        "สาเหตุหลัก" ที่ทำให้พนักงาน office ส่วนใหญ่เป็นโรค office syndrome กันเยอะมาจากการนั่งทำงานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ร่วมกับท่าทางหรือลักษณะในการนั่งทำงานที่ไม่ถูกต้อง เช่น      1.นั่งไหล่ห่อหลังค่อม      2.ลักษณะโต๊ะหรือเก้าอี้ที่นั่งทำงานสูงหรือต่ำเกินไป      3.คอมพิวเตอร์ หรือโน๊ตบุ๊คอยู่ห่างจากระดับสายตามากเกินไป      4.นั่งทำงานท่าเดิมติดต่อกันเป็นระยะเวลานานโดยไม่มีช่วงพัก (ภาพประกอบโดย : https://www.lifeofpix.com/photo/woman-checking-email-meeting/)        อาการโดยทั่วไปของ "office syndrome" คือ      1.ปวดตึงคอบ่า      2.ปวดคอบ่าร้าวลงแขน      3.ปวดคอบ่าร้าวไปกระบอกตา      4.ปวดคอบ่าร้าวไปกกหู      **อาจจะมีอาการทั้ง 2 ข้าง หรือข้างใดข้างหนึ่งสลับกัน โดยมักจะมีอาการเป็นๆหายๆ        แนวทางการดูแลตนเองสำหรับหนุ่มสาวชาว office (ภาพประกอบโดย : https://www.lifeofpix.com/photo/team-business-people-stacking-hands/)        1.นั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิง โดยพยายามนั่งหลังตรงมองตรงไปข้างหน้า      2.ปรับโต๊ะและเก้าอี้ให้อยู่ในความสูงที่เหมาะสมกับตนเองให้มากที่สุด โดยลักษณะความสูงต่ำของโต๊ะที่ถูกต้องคือ ขณะที่นั่งทำงานบนโต๊ะไหล่ทั้งสองข้างต้องวางอยู่ในระดับปกติค คือไม่นั่งยักไหล่ในกรณีที่โต๊ะสูงเกินไป หรือไม่นั่งก้มหลังไหล่ห่อในกรณีที่โต๊ะต่ำเกินไป ข้อศอกงอประมาณ 90 องศา ส่วนลักษณะความสูงต่ำของเก้าอี้ที่ถูกต้องคือ ขณะที่นั่งบนเก้าอี้เท้าควรจะวางแนบกับพื้นพอดีโดยที่เข่าและสะโพกงอประมาณ 90 องศา (ความสูงต่ำของโต๊ะและเก้าอี้ต้องสัมพันธ์กัน)      3.จัดให้หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือโน๊ตบุ๊คอยู่ห่างจากระดับสายตาพอดี ไม่ให้ก้มหรือเงยมากเกินไป      4.ควรมีช่วงพักระหว่างนั่งทำงาน เช่น ลุกขึ้นไปห้องน้ำ หรือลุกขึ้นไปกินน้ำ หลังจากทำงานติดต่อกันมากกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ทำงานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน      การดูแลตนเองเบื้องต้นที่ได้กล่าวไว้ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยลดอาการปวดเนื้อปวดตัวหลังจากทำงานมาทั้งวันให้กับหนุ่มสาวชาว office และช่วยให้ทำงานได้โดยไม่มีอาการปวดให้รำคาญใจ หวังว่าบทความสั้นๆบทนี้จะมีประโยชน์กับชาว office ทุกคนค่ะ (ภาพหน้าปกโดย : https://www.lifeofpix.com/photo/270-niwat6121-jj-jpg/)                    

Burn Out Syndrome ในนักกีฬา
อ่าน

Burn Out Syndrome ในนักกีฬา

     จากประสบการณ์ของผู้เขียนเองได้มาสัมผัสกับงานในวงการกีฬา ของสมาคมกีฬาแห่งหนึ่ง ทำให้นึกถึงนักกีฬาท่านหนึ่งซึ่งเลิกเล่นไปเนื่องด้วยเหตุบางประการ ซึ่งได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่อธิบายทางด้านจิตวิทยาการกีฬาของกรมพลศึกษา ซึ่งได้อธิบายเรื่องราวของภาวะนี้ที่เกิดขึ้นในนักกีฬาชัดเจน คำว่า Burn Out คงมองในมุมของการทำงาน แต่ก็มีภาวะนี้ในทางจิตวิทยาทางการกีฬาเช่นกัน หลายคนคงทราบกันดีว่า ภาวะหมดไฟในนักกีฬานั้น ถ้ามีสะสมมาก ๆ ก็อาจจะทำให้ถอดใจได้ง่ายมาก จนในที่สุดก็ล้มเลิกความตั้งใจไปโดยปริยาย Credit pic : https://www.pexels.com/photo/martial-arts-training-3340319/      ในการฝึกซ้อมที่เข้มงวด ต้องแข่งขันกับตัวเองและคนที่จะมาท้าชิงกับเราด้วย และการแข่งขันเพียงเสี้ยวนาทีที่ต้องทำให้รวดเร็ว ทันควันของแต่ละทัวร์นาเมนท์ในแต่ละชนิดกีฬา นักกีฬาหลายคนอาจเผชิญกับภาวะทางจิตใจไม่มากก็น้อย ซึ่งภาวะนี้ก็มีอีกความหมายหนึ่งว่า "หมดไฟ" ซึ่งภาวะนี้ไม่ว่าจะนักกีฬามือใหม่หรือนักกีฬาสมัครเล่นที่อยู่ในแวดวงนี้มานาน รวมทั้งนักกีฬาอาชีพก็มีโอกาสที่จะเกิดภาวะหมดไฟได้เช่นกัน Credit pic : https://www.pexels.com/photo/men-fighting-in-the-ring-2581662/ ประเภทภาวะหมดไฟในนักกีฬา ภาวะหมดไฟในนักกีฬาจะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทก็คือ ภาวะหมดไฟแบบชั่วคราว และภาวะหมดไฟแบบถาวร 1. ภาวะหมดไฟแบบชั่วคราว ภาวะหมดไฟแบบชั่วคราว เป็นภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดซึมเศร้ามากที่สุด เพราะจะมีโอกาสที่มองคุณค่าในตัวเองต่ำลงได้ง่าย ซึ่งในประเภทนี้จะเป็นการแสดงภาวะทางจิตใจเนื่องจากความล้า หรือสภาวะอารมณ์ที่มองในทางลบ หากมีใครเข้ามาช่วย หรือเข้ามาพูดคุยในเวลานั้น นักกีฬาจะมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น สามารถกลับไปเล่นได้อีก 2. ภาวะหมดไฟแบบถาวร ภาวะในประเภทนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะนี่คือใกล้ถึง "จุดอิ่มตัว" ของการเป็นนักกีฬา อีกทั้งนักกีฬาจะรู้สึกไม่อยากเล่นเพราะหมดสนุก หรือเล่นไปเพียงเพราะหน้าที่ที่ยังค้ำคออยู่ เช่น เป้าหมาย เงินรางวัล ความคิดเห็นโค้ชที่อยากให้อยู่ต่อ ความกดดันในตัวเองเพิ่มขึ้น รวมทั้งนักกีฬานึกถึงคนข้างหลัง เช่น พ่อแม่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความอดทน และประสบการณ์แต่ละบุคคล แต่ที่แน่นอนก็คือ ภาวะแบบถาวรจะเล่นเพียงความจำเป็นมากกว่า อาจจะเป็นการนับถอยหลังในตัวว่า...ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเลิกเล่นอยู่ดี Credit pic : https://www.pexels.com/photo/photography-of-person-riding-brown-horse-1125060/ ปัจจัยที่ทำให้เกิด "Burn Out" ในนักกีฬา 1. สถานการณ์ หรือปัจจัยแวดล้อม - ทางด้านจิตใจ เช่น ความเครียด มีเรื่องรบกวนจิตใจ ความรู้สึกไม่ดีในเรื่องต่าง ๆ หรือเรื่องที่ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้ จนขาดสมาธิ และไม่สามารถโฟกัสสิ่งที่ทำ ณ ตรงนั่นได้ - ทางด้านร่างกาย เช่น มีอาการบาดเจ็บเรื้อรัง (Chronic Injury) การได้รับการฝึกแบบหนักเกินไป (Overtraining) โปรแกรมซ้อมจำเจ หรืออุปสรรคอื่น ๆ ทางกายที่ทำให้ไม่สามารถเล่นได้เต็มที่เท่าที่ควร - ทางด้านสภาพแวดล้อม เช่น พฤติกรรมที่โค้ชแสดงออก การไม่ได้รับการสนับสนุนทางด้านจิตใจหรือไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดีเท่าที่ควร 2. ปัจจัยด้านบุคคล - ปัจจัยทางด้านนิสัย เช่น การหล่อหลอมแบบมุ่งงาน การหล่อหลอมแบบมุ่งตัวเอง และความวิตกกังวล เช่น รู้สึกว่าไม่มีความสามารถเพียงพอ หรือรู้สึกเหมือนไม่มีน้ำยาพอที่จะแข่งได้ รู้สึกไร้ตัวตน - ปัจจัยทางสังคม ยิ่งได้รับอิทธิพลทางสังคมมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะหมดไฟก็มากเท่านั้น เช่น มีปัญหากับเพื่อนในทีมไม่ว่าจะกีฬาบุคคลหรือกีฬาทีม หรือไม่อยากลงเรือลำเดียวกันกับทีมเลย หรือไม่พอใจในทีม Staff Credit pic : https://www.pexels.com/photo/group-of-people-doing-marathon-1571939/ ใครจะมีบทบาทเข้ามา - โค้ช เพราะโค้ชจะใกล้ชิดนักกีฬาที่สุด เป็นได้ทั้งผู้สร้างนักกีฬาและทำลายนักกีฬา (ด้วยความไม่ตั้งใจ) ในขณะเดียวกัน ฉะนั้น โค้ชจะต้องมีส่วนช่วยสร้างแรงจูงใจให้นักกีฬารู้สึกดีขึ้น หรือรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อได้คุยกับโค้ช - นักจิตวิทยา นอกจากโค้ชแล้ว นักจิตวิทยาจะช่วย Guideline ให้นักกีฬา อาจจะมีการฟื้นฟูสภาพจิตใจ จิตบำบัดวิธีที่เหมาะสมให้นักกีฬา สามารถกลับไปเล่นได้ปกติ และมีนักจิตวิทยาจะต้องเข้ามามีบทบาทมากในกรณีที่หมดไฟแบบชั่วคราว เพราะช่วงนี้จะได้ผลและกลับมาเร็วที่สุด - จิตแพทย์ จะช่วยรักษาสภาพจิตใจให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และต้องเข้าใจว่าจิตแพทย์ไม่ได้พบแค่ตอนเป็นบ้าเท่านั้น Credit pic ภาพปก : https://pixabay.com/photos/tennis-racket-tennis-ball-sport-3552164/

สำรวจอาการ Post COVID-19 Syndrome หายป่วยโควิด ชีวิตเปลี่ยน
อ่าน

สำรวจอาการ Post COVID-19 Syndrome หายป่วยโควิด ชีวิตเปลี่ยน

หายป่วยจากโรคโควิด ใครจะคิดว่ามันไม่ได้หายไปหมดเหมือนเวลาหายเป็นหวัด ซึ่งอาการป่วยโควิดที่หลงเหลืออยู่เป็นเวลานาน ยาวนานมากกว่า 1 เดือนหรือมากกว่า 4-6 สัปดาห์เสียอีก สิ่งที่เกิดขึ้นเราเรียกมันว่า Post COVID-19 Syndrome หรือที่เราคุ้นเคยกับคำว่า Long COVID คือ อาการหลงเหลือหลังติดเชื้อโควิด-19 ภาวะ Long COVID หรือ อาการหลงเหลือหลังติดเชื้อโควิด-19 ในระยะยาว เป็นอาการเจ็บป่วยที่ไม่มีลักษณะตายตัว อาจเหมือนหรือต่างกันได้แล้วแต่คน ซึ่งผลกระทบของ Long COVID สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย ตั้งแต่ระบบหายใจ, ระบบประสาท,ระบบทางเดินอาหาร,หัวใจและหลอดเลือด ทำให้ผู้ที่หายป่วยบางรายยังไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างเดิม ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ 30-50% จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่รักษาหายแล้ว แต่ Post COVID-19 Syndrome นพ.วินัย โบเวจา หัวหน้าศูนย์สุขภาพปอด อายุรแพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบทางเดินหายใจ และภาวะวิกฤตทางเดินหายใจ โรงพยาบาลพญาไท 3 กล่าวว่า อาจเกิดจากผลข้างเคียงของการรักษาที่ไม่ได้เกิดจากโควิด-19 เนื่องจากเชื้อโควิด-19 ให้ปอดอักเสบ และทำให้การนำออกซิเจนเข้าสู่เลือดไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ส่งผลให้การทำงานของระบบต่างๆ ล้มเหลวลง เมื่อร่างกายต้องต้านเชื้อโควิดที่ลงปอด จึงต้องรับประทานยามากขึ้นเพื่อลดการอักเสบของปอด ทำให้ผู้ป่วยโควิดต้องรับประทานยาเป็นจำนวนมาก อาจส่งผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด หากมีโรคเบาหวาน และในคนที่มีอาการหอบเหนื่อยมาก เคลื่อนไหวลำบาก ก็อาจเกิดภาวะปอดแฟ่บ เนื่องจากการกดทับบริเวณเดิมติดต่อกันนานๆ ทำให้ออกซิเจนหมุนเวียนในปอดได้น้อยลง และอาจมีภาวะกล้ามเนื้อลีบ หรือเกิดแผลกดทับได้ ซึ่งเมื่อรักษาหายก็ต้องอาศัยระยะเวลาให้ปอดและระบบภูมิคุ้มกันได้ฟื้นตัว อาการที่พบในผู้ป่วย Post COVID-19 Syndrome หรือ Long COVID อาการที่พบบ่อย รู้สึกเหนื่อยล้ามาก อ่อนเพลีย, หายใจถี่, แน่นเจ็บหน้าอก และปวดข้อเข่า หรือในบางรายอาจมีอาการ อย่าง ปวดตามกล้ามเนื้อ, ปวดหัว, มีไข้เป็นๆ หายๆ, ใจสั่น และอาจมีภาวะซึมเศร้าได้ หากอาการหลังหายป่วยยังยาวนานต่อเนื่อง อาจส่งผลข้างเคียงต่ออวัยวะร่างกายส่วนอื่นๆ ได้ เช่น ปอดทำงานผิดปกติ, ผมร่วง, ผื่นขึ้น, มีปัญหาเกี่ยวกับการได้กลิ่นและการรับรสชาติ, นอนไม่หลับ, มีปัญหาด้านความจำ ขาดสมาธิ และอารมณ์แปรปรวน ไม่เพียงแค่นั้น หากเริ่มสังเกตว่าตนเองมีอาการผิดปกติรุนแรง เช่น อาการหายใจไม่ออกแย่ลงกว่าเดิม, เริ่มมีภาวะสับสน มีปัญหาการรับรู้ ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติทางกายส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมอง หรือมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการได้ยิน การมองเห็น หรือการพูด นี่เป็นสัญญาณว่าควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว กลุ่มเสี่ยงผู้ป่วย Post COVID-19 Syndrome หรือ Long COVID 1.ผู้สูงอายุ 2.ผู้ทีมีภาวะอ้วน 3.ผู้ที่มีโรคประจำตัว 4.ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ 5.ผู้มีในขณะติดเชื้อโควิด-19 มีอาการรุนแรง จะมีความเสี่ยง ได้มากกว่ากลุ่มที่ติดเชื้อและไม่มีอาการ ดังนั้นผู้ป่วยจึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลตนเองหลังออกจากโรงพยาบาล โดยเลือกกินอาหารดีต่อสุขภาพ นอนหลับให้เพียงพอ งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ จำกัดปริมาณคาเฟอีน สำหรับคนที่หายป่วยจากโควิด-19 ยังไม่แนะนำให้ออกกำลังกายมากเกินไปและออกกำลังกายจนเหนื่อยเกินไป ควรปรับให้เป็นการออกกำลังแบบเบา ๆ เพื่อให้ปอดไม่ทำงานหนักจนเกินไปและร่างกายค่อย ๆ ฟื้นตัวและปรับตัวกลับสู่สภาวะที่แข็งแรง และหากสังเกตเห็นว่ามีอาการผิดปกติรุนแรง ควรมาพบแพทย์เพื่อรับการรักษาให้ตรงกับสาเหตุของอาการที่เป็นอยู่ เพราะอาการลองโควิด (Long COVID) หรือ Post COVID-19 Syndrome ไม่ใช่แค่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน แต่อาจส่งผลกระทบรุนแรงถึงชีวิตได้ นอกจากนั้นยังมีการวิจัยจากมหาวิทยาลัย Kings College London ที่ชี้ว่า วัคซีนโควิด-19 ยังช่วยป้องกันการเกิดภาวะอาการหลงเหลือหลังติดเชื้อโควิดในระยะยาว หรือ Long COVID นอกเหนือจากการป้องกันการติดเชื้อและเจ็บป่วยรุนแรงจากโควิด-19 เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่สุดในการดูแลตัวเองในช่วงโควิด-19 ระบาดเลยทีเดียว ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลพญาไท , โรงพยาบาลวิชัยเวชฯ หนองแขม , healthaddict , voathai -------------------- เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณคลิกเลย!! รู้ทันกันโควิด หรือกด*301*35# โทรออก ข่าวที่เกี่ยวข้อง แนวทางการพักฟื้นหลังจากหายป่วยโควิด-19

มาทำความรู้จักกับ "Impostor Syndrome" กันเถอะ
อ่าน

มาทำความรู้จักกับ "Impostor Syndrome" กันเถอะ

มาทำความรู้จักกับ "Impostor Syndrome" กันเถอะ"Impostor Syndrome" เป็นโรคชนิดหนึ่งที่ทุก ๆ คนต้องเคยเป็นนั้นก็คือ โรคที่คิดว่าตัวเองนั้นเก่งไม่พอหรืออาจจะเก่งแล้วในระดับหนึ่งแต่ยังมีความคิดที่ว่าตัวเองนั้นเก่งไม่พอจนเสียความมั่นใจ จากที่นักเขียนได้ลองไปหาข้อมูลมาแม้แต่คนที่ประสบความสำเร็จแล้วยังมีอาการของ "Impostor Syndrome" อยู่เลย โรคนี้เกิดจากการเปรียบเทียบสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การเรียน การงาน ฝีมือ ทักษะ มันจะเกิดขึ้นกับสถานการณ์ที่มีเรื่องของการแข่งขันมาเป็นตัววัด และสาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองนั้นเก่งไม่พอนั้นก็คือ1.เราพยายามทำมันอย่างเต็มที่แล้ว แต่ผลลัพธ์ที่มันออกมากลับไม่ตรงดั่งใจหวังเมื่อเทียบกับคนข้าง ๆ2.ประเมินความสามารถของตัวเองต่ำเมื่อได้เห็นผลงานของคนอื่น3.รู้สึกว่าสิ่งที่เราพยายามมันยังดีไม่พอหรือว่าสิ่งที่เรากำลังพยายามทำอยู่อาจจะไม่ใช่ทางของเรา4.ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาในใจว่า ทำไมคนนั้นทำเรียนรู้แค่เวลาสั้น ๆ กลับทำได้ดีกว่าเราที่เรียนรู้มานาน5.เกิดจากการโดนติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การเรียน การงานหรืออื่น ๆ ที่มาจากความผิดพลาด6.ชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่ประสบความสำเร็จแล้วทั้งหมดนี้เป็นความรู้สึกที่ทำให้เรานั้น ตัดท้อ พอเราเริ่มมีความคิดแบบนี้แล้วมันจะทำให้เราเริ่มไม่อยากพัฒนาตัวเองเพราะเราคิดว่าเราเก่งไม่พอ ความรู้สึกด้านลบมันจะดึงเราให้เราทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม แต่ก็ใช่ว่า โรค "Impostor Syndrome" จะไม่มีทางแก้ไขหรอกนะ มาดูกันเลย1.เปลี่ยน Mindset ใหม่บอกตัวเองว่า คนเรานั้นไม่เหมือนกันจริง ๆ แล้วโรคที่เกี่ยวข้องกับความคิดล้วนเกิดจาก Mindset ทั้งนั้นเพราะสิ่งที่มองเห็นมันส่งผลมายังความรู้สึกของเรามันเป็นตัวที่ทำให้เราคิด ตัวอย่างเช่นA : วาดรูปดอกไม้ได้สวยมาก ๆ ภายในเวลา 10 นาที ไม่เคยเรียนวาดภาพมาก่อนB : มองผลงานของ A และมาเปรียบเทียบกับของตัวเอง ทำให้เกิดคำถามในใจว่า ทำไม A ถึงว่ารูปดอกไม้ได้สวยขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ A ไม่เคยเรียนภาพมาก่อนแต่เราทั้งเรียน ทั้งทบทวน ทำไมถึงไม่สวยเท่ากับของ  Aนี้เป็นความรู้สึกเชิงเปรียบเทียบอย่างแท้สมบูรณ์ มันบงบอกเลยว่า B กำลังตัดท้อตัวเองและน้อยใจตัวเองที่ว่าทำไมมันเก่งไม่พอวิธีแก้ไข เลิกเปรียบเทียบและคิดว่า ทุก ๆ  งานมันจะเหมือนกันได้อย่างไร มันจะต้องมีแตกต่างกันบ้างสิ พยามให้กำลังใจตัวเองและบอกตัวเองว่า เราขอโตเติบไปในแบบของเราดีกว่า2.พยายามชื่นชมความสำเร็จเล็ก ๆ บ้างบางทีการชื่นชมความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็ทำให้เรามีกำลังใจเหมือนกันนะ อย่างเช่นA : สอบได้คะแนนเกือบเต็มB : สอบได้คะแนนผ่านครึ่งพอดี และดีใจมากที่ไม่ต้องมารอแก้ ซึ่งนี้ก็ถือว่าเป็นการประสบผลสำเร็จอย่างหนึ่งเหมือนกันในเรื่องเล็ก ๆ มันทำให้เราคิดว่า เราก็ทำได้เหมือนกันนะ 3.อย่าเอาคำว่าเก่งไม่พอ มาเป็นตัวหยุดพัฒนาบางคนพอคิดว่าตัวเองนั้นเก่งไม่พอ ก็อยากจะหยุดไปทำอย่างอื่นต่อ แต่คุณรู้ไหมการกระทำแบบนี้มันเป็นการกระทำที่สิ้นเปล่า พอคุณเปลี่ยน  คุณได้ทำสักพักและคุณก็จะกลับมาคิดเหมือนเดิมเพราะว่าคุณไม่ได้ทำสิ่ง ๆ นั้นแบบสุดจริง ๆ แล้วคุณเอาคำว่าเก่งไม่พอมาบังหน้าทำให้ไม่อยากจะทำต่อแล้ววิธีแก้ไข ร่างภาพความสำเร็จของสิ่งที่กำลังทำอยู่ไว้ก่อนว่าเรา  อยากจะเห็นความสำเร็จนั้นเป็นแบบไหนและพยามคิดว่านี้คือการเรียนรู้ เฉพาะนั้นผู้เขียนอยากให้ใครที่กำลังตกอยู่ในโรค Impostor Syndrome" โปรดเปลี่ยนความคิดใหม่ อย่าเอาคำพูดลบ ๆ มันกักกันตัวเองไม่ให้ไปต่อและท้ายที่สุด สิ่งที่มันจะทำให้เราเริ่มความคิดแบบนี้ได้ก็คือ ความพยายาม สำหรับบทความนี้ก็ได้จบลงไปแล้ว เราหวังผู้อ่านจะต้องได้อะไรกลับไปบ้างอย่างแน่นอน วันนี้จะต้องขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ ขอบคุณค่ะบทความที่เกี่ยวข้อง"Be Creative" ในวันที่ต้องกักตัว4 วิธี ปรับตัวเองให้มี "Growth Mindset"ข้อมูลอ้างอิงPodcast Imposter syndrome ทำไมคนเราชอบคิดว่าตัวเองเก่งไม่จริง? I MOODY EP. 02ภาพทั้งหมดโดย Pixabayภาพปกจาก PixabayPixabay 1 / Pixabay 2 / Pixabay 3 / Pixabay 4 /  

คุณจะเป็นไหม? Karoshi Syndrome ทำงานหนักจนตาย
อ่าน

คุณจะเป็นไหม? Karoshi Syndrome ทำงานหนักจนตาย

งานหนักไม่เคยฆ่าใคร เห็นทีจะเสื่อความขลังลงเรื่อย ๆ หลังจากที่ข่าวคนทำงานหนักจนตายถูกนำเสนอออกมาอยู่เสมอ ที่สะเทือนใจในวงกว้างเห็นจะเป็นหมอ! ข่าวแพทย์ประจำโรงพยาบาลลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ดูแลคนไข้ไม่ได้พักจนล้มป่วย ปอดติดเชื้อ เสียชีวิต ทำเอาชาวบ้านใจหายไม่น้อย จากนั้นในโรงพยาบาลชนบทแห่งหนึ่งแพทย์หญิงวัย 25 ก็ทำงานติดต่อกัน 72 ชั่วโมง ไม่มีพัก กระทั่งภูมิต้านทานอ่อนแอ ติดเชื้อจากคนไข้ และเสียชีวิตในที่สุด ทราบไหมว่า การทำงานหนักจนเสียชีวิตก็เป็นอีกโรคหนึ่งเช่นกัน นั่นคือ Karoshi Syndrome ทำงานหนักจนตายภาพโดย Pexels จาก Pixabay Karoshi Syndrome ทำงานหนักจนตาย Karoshi อ่านว่า “คาโรชิ” เป็นคำญี่ปุ่น แน่นอน ต้นเหตุมาจากญี่ปุ่น แต่ไม่ใช่โรคติดต่ออย่างโควิด-19 เพราะโรคนี้ไม่ได้ติดต่อทางไวรัส แต่ติดต่อทางภาวะตึงเครียด และบ้างาน บางคนจึงเรียก Karoshi Syndrome ว่า “โรคบ้างาน”Karoshi Syndrome ทำงานหนักจนตาย เริ่มรู้จักกันมากขึ้นหลังจากที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง ญี่ปุ่นแพ้สงคราม และเสียเงินจำนวนมาก ฉะนั้นต้องฟื้นฟูประเทศอย่างหนักหน่วง คนญี่ปุ่นจึงมีค่านิยมทำงานหนักเพื่อชาติ ทำงานหนักจนตายหลายคน กรณีที่ฮือฮา คือ มิวะ ซาโดะ ผู้สื่อข่าวสาววัย 31 หัวใจล้มเหลวตาย เพราะทำงานหนักราว 159 ชั่วโมงKaroshi Syndrome ทำงานหนักจนตาย ไม่ได้มีเพียงเสียชีวิตเพราะอดหลับอดนอนเท่านั้น แต่ยังมาจากการฆ่าตัวตาย เพราะเครียดและจริงจังกับงานจนเกินไปด้วย ฉะนั้นจึงมีถูกแบ่งเป็น 2 แบบทำงานจนหัวใจวายตายฆ่าตัวตายเพราะเครียด เพราะกดดัน เพราะจริงจังกับงานเกินไปภาพโดย StartupStockPhotos จาก Pixabay Karoshi Syndrome กับทางสายกลางKaroshi Syndrome ทำงานหนักจนตาย นับวันจะขยายไปทั่วทุกส่วนของโลก และทุกอาชีพ ไม่เว้นแม้แต่อาชีพที่หลายคนคิดว่าน่าจะทำอย่างมีความสุขอย่างดนตรี มีตัวอย่างการเสียชีวิตของนักดนตรีเช่นกัน เป็นชายไทยวัย 62 เป่าปี่พาทย์ ในงานศพ 5 วันติดกันจนล้มลงหมดสติ และเสียชีวิตจากทั้งข่าวของแพทย์ ของนักข่าว กระทั่งคุณลุงนักดนตรี เราจะเห็นว่า Karoshi Syndrome เป็นผลมาจากสุขภาพร่างกายเป็นหลัก ลุงนักเป่าปี่อาจมีเรื่องชราเข้ามาผสม คนหนุ่ม ๆ อย่างหมอและผู้สื่อข่าว แน่นอนว่าโหมงานหนักเกินไป จนร่างกายอ่อนแอ เมื่อร่างกายอ่อนแอย่อมเปรียบเหมือนกำแพงต้านเชื้อโรคพังทลาย โรคต่าง ๆ จึงเข้าจู่โจมได้โดยง่ายนอกจากส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอ และจิตใจตึงเครียดจนลามไปสู่การฆ่าตัวตายแล้ว Karoshi Syndrome ยังทำให้เกิดโรคนอนน้อยตามมาด้วย ก็คุณเล่นบ้างานไม่หลับไม่นอนนี่ ฉะนั้นไม่ว่าอาชีพใดหากทำงานไม่พักละก็ มีสิทธิ์ตายเพราะงานหนักเท่าเทียมกัน ไม่เว้นแม้แต่ฟรีแลนซ์ไส้แห้งภาพโดย Pexels จาก Pixabay ฟรีแลนซ์ไส้แห้ง หมายถึง คนทำงานอิสระที่งานไม่เข้าวิ่งชน แต่คนเราไม่มีงานเลยย่อมไม่ถูก ฉะนั้นกลุ่มเหล่านี้จะมีงานมานาน ๆ ครั้ง มาแล้วก็ตะบี้ตะบันสะสาง เพื่อแสดงศักยภาพ ไม่หลับไม่นอน ช่วงเวลานี้แหละที่จะเป็น Karoshi Syndrome ได้ผลกระทบของการนอนน้อย ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า มี โรคมะเร็งลำไส้, โรคหลอดเลือดหัวใจ, โรคเบาหวาน, ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ, นอนไม่หลับเรื้อรัง, สมรรถภาพทางเพศเสื่อมลง และ อารมณ์แปรปรวนง่ายด้วยภาวะการแข่งขันสูงของยุค 4.0 อาจจะเลี่ยงความเข้มงวดทุ่มเทหนัก ๆ ไม่ได้ มามัวทำงานแบบเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ คงตกขบวน แต่ Karoshi Syndrome ทำงานหนักจนตายนั้นไม่สนหรอกว่า เราจะทำงานหนักเพราะเหตุใด ฉะนั้น ต่อให้ทำงานหนักเพียงไร ต้องยึดหลักทางสายกลางเข้าไว้ ทางสายกลางในที่นี้ ไม่ใช่นั่งสมาธิ แต่ต้องเป็นกลาง ทำงานมาก ต้องพักให้พอ, งานยังต้องเครียร์ เดี๋ยวไม่ทันส่ง จะพักอย่างไร ทำได้โดยกำหนดตารางในแต่ละวันขึ้นมา งาน A ส่งเวลานี้ / เวลานี้พัก / แล้วมาทำงาน B ต่อ รักษาวินัยให้ตัวเอง เราจะมีเวลาพักผ่อนระหว่างงาน และที่สำคัญอย่าเครียดกับงานมาก หากสมองตัน ให้พักทันที ขอให้ยึดคติว่า เครียด นั่งหน้ากองงานไปก็ไม่ช่วยให้คิดออก นั่ง 3 ชั่วโมงไม่เกิดผล สู้เดินเล่น 1 ชั่วโมง แล้วคิดวิธีแก้ไขออกไม่ได้ภาพโดย kaboompics  จาก Pixabay Karoshi Syndrome ทำงานหนักจนตาย ไม่ใช่โรคเล่น ๆ ขำ ๆ ทุกท่านมีสิทธิ์เป็นได้ แม้จะนั่งเล่นเกมก็มีโอกาสปะทะกับโรคนี้ ฉะนั้นงานหนักแค่ไหน ก็อย่าลืมพักผ่อนกันให้พอนะภาพปกโดย Pexels จาก Pixabay อ้างอิงmatichon.co.thnews.mthai.combrighttv.co.thworkpointnews.com

love is love!
อ่าน

love is love!

ผมเชื่อเหลือเกินว่าแทบจะทุกคนจะรู้จักคำว่า “รัก” เป็นอย่างดี แต่อาจจะมีที่มา หรือความเข้าใจความหมายของคำดังกล่าวต่างกัน หากเรานำคำนี้ไปถามคนบางกลุ่ม เราอาจจะได้คำตอบที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า กลุ่มคนเหล่านั้นมีผลประโยชน์ (มากน้อย) อย่างไร  หากเรามอง ความรักเป็นเรื่องของคนสองคน อาจมีบางท่านให้คำนิยามว่า ความรักคือความปรารถนาดีต่อกันและกัน ตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๖๐๘๓/๒๕๔๖ ที่กล่าวว่า “.. ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริงคือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรักความยินดีที่คนที่ตนรักมีความสุข การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิด และการเสียสละความสุขของตนเพื่อความสุขของคนที่ตนรัก จำเลยปรารถนาจะยึดครองผู้ตายเพื่อความสุขของจำเลยเอง เมื่อไม่สมหวังจำเลยก็ฆ่าผู้ตาย เป็นความผิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของจำเลยโดยฝ่ายเดียว มิได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของผู้ตาย หาใช่ความรักไม่ ..." นอกจากนี้ในเชิงความสัมพันธ์ของมนุษย์ เราอาจวิเคราะห์ในอีกนัยหนึ่ง คือ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นรวมถึงสิ่งไม่มีชีวิตได้ เหล่านี้ล้วนสะท้อนจาก มิติทางกฎหมาย เช่น กฎหมายอาญา ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ หรือ กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วย ละเมิด และ/หรือทรัพย์ เป็นต้น ทั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์อาจสะท้อนจากการประกาศใช้กฎหมายเป็นการเฉพาะ อาทิ พรบ. พรบ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ฯ พ.ศ.2557 เหล่านี้ย่อมสะท้อนถึงความรักที่เรามีต่อสิ่งของ และสัตว์ ตามลำดับ อนึ่ง ในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์นั้น อาจไปได้ไกลถึงสถาบันครอบครัวที่ประกอบด้วย พ่อ-แม่-ลูก ซึ่งรับรองโดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ:ครอบครัว กล่าวคือ กฎหมาบรับรองสถานะความเป็นบิดา มารดาและบุตร รวมถึงส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวให้มีอยู่ตราบนานเท่านาน โดยเปิดโอกาสให้บุคคลใดก็ตาม (ไม่จำกัดเพศ) ที่หาญกล้ามาทำให้สถาบันครอบครัวสั่นคลอนจำต้องรับโทษทางกฎหมาย ตามมาตรา 1516 ที่บัญญัติว่า “เหตุฟ้องหย่า มีดังต่อไปนี้                     (๑)* สามีหรือภริยา อุปการะเลี้ยงดู หรือ ยกย่อง ผู้อื่น ฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้ หรือ มีชู้ หรือ ร่วมประเวณีกับ ผู้อื่น เป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่ง ฟ้องหย่าได้...” ซึ่งโปรดสังเกตคำว่า “ผู้อื่น” นั้นแปลว่ากฎหมายไม่คำนึงถึงเพศในลักษณะเฉพาะ แม้ว่าสามีหรือภริยา จะมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเพศเดียวกัน เขาหรือเธออาจถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ และอาจถือเป็นเหตุแห่งการฟ้องหย่าได้และในทางกลับกันหากมองในมุมกฎหมายอาญานั้น มีการการเปลี่ยนแปลง/แก้ไขกฎหมายเพื่อลงโทษการข่มขืนเพศเดียวกันได้ เช่น มาตรา “มาตรา ๒๗๖ (ที่ว่า) “ผู้ใดข่มขืนกระทำาชำาเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำ ให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่นต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทถึงสี่แสนบาท ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง (ที่กล่าวก่อนหน้านี้) ได้กระทำโดยทำให้ผู้ถูกกระทำเข้าใจว่าผู้กระทำมีอาวุธปืน หรือวัตถุระเบิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถึงสี่แสนบาท ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง ได้กระทำโดยมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้อาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงหรือกระทำกับชายในลักษณะเดียวกัน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สามแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำความผิดระหว่างคู่สมรส และคู่สมรสนั้นยังประสงค์จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติแทนการลงโทษก็ได้ ในกรณีที่ศาลมีคำ พิพากษาให้ลงโทษจำคุก และคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ประสงค์จะอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาต่อไป และประสงค์จะหย่า ให้คู่สมรสฝ่ายนั้นแจ้งให้ศาลทราบ และให้ศาลแจ้งพนักงานอัยการให้ดำเนินการฟ้องหย่าให้” โปรดอ่านอีกครั้งและ ผมขออนุญาตกล่าวเหตุผลเดิมคือ กฎหมายอาญามุ่งจะลงโทษการกระทำความผิดทางอาญาในความผิดเดิมที่เคยกำหนดให้เฉพาะบุคคลต่างเพศกระทำได้เท่านั้นส่งผลให้ผมมานั่งใคร่ครวญว่า การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายดังกล่าวนั้นพยายามลงโทษบุคคลอย่างเสมอภาคกัน (หรือไม่?) โดยไม่เปิดช่องโหว่ทางกฎหมายให้บุคคลเพศเดียวกันสามารถรอดพ้นเงื้อมมือทางกฎหมายได้หากกระทำความผิด การแก้ไขทางกฎหมายจึงน่าจะสะท้อนหรือสอดคล้องกับความเป็นไปทางสังคมได้อย่างลงตัว แต่ในขณะเดียวกันผมกลับมองว่า คนในกลุ่ม LGBTQ อาจต้องรับผิดรับโทษดังที่ผมกล่าวมาข้างต้น กลับกันสิทธิที่คนกลุ่มดังกล่าวพึงมีพึงได้กฎหมายยังหาได้รับรองไม่ ด้วยเหตุนี้ผมจึงอยากจะสะท้อนว่า “เรา (กฎหมาย)เป็นธรรม แล้วหรือ?” กล่าวในอีกนัยหนึ่งคือ หากเป็นการลงโทษคนกลุ่ม LGBTQ อาจต้องรับผิดตามกฎหมายเฉกเช่นเดียวกับ straight แต่ในขณะเดียวกัน คนกลุ่ม LGBTQ หาได้มีสิทธิเสมอ straight ไม่                   ด้วยเหตุนี้ ผมจึงอยากสร้างแรงกระเพื่อมเชิงสังคมและกฎหมายว่า “เราควรให้การรับรองสิทธิขั้นพื้นฐานแก่คนกลุ่มนี้แล้วหรือยัง” สิทธิขั้นพื้นฐานในกรณีนี้ คือ “ความรัก” ที่ทุกคนทราบความหมายแต่ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม                 นอกจากนี้ผมยังไม่ทราบเหตุผลที่แท้จริงว่า คนกลุ่มความหลากหลายทางเพศไม่สมควรได้รับการรับรองทางกฎหมาย โดยเฉพาะกลุ่มฝ่ายคัดค้านที่อ้างเรื่อง แนวคิดอนุรักษ์นิยมที่มุ่งคุ้มครองความรักเฉพาะ ชาย-หญิงเท่านั้น ไม่คุ้มครองเพศเดียวกัน แต่ผมขออนุญาตตั้งข้อสังเกตว่า ประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ ถูกร่างในสมัยที่การเรียกร้องสิทธิในกลุ่ม LGBTQ ยังไม่ได้รับความสนใจเฉกเช่นปัจจุบัน การคุ้มครองความสัมพันธ์เฉพาะชาย-หญิงในสมัยดังกล่าวย่อมคาดหมายได้ แต่กลับไม่สอดคล้องกับกระแสในยุคปัจจุบัน   ด้วยเหตุนี้ในเมื่อกฎหมายทั้งสองฉบับได้แก้ไขบทลงโทษแก่เพศเดียวกันแล้ว เพราะเหตุใดจึงยังไม่ยอมรับรองสิทธิบุคลในกลุ่มดังกล่าวเสียที                   หลายท่านอาจจะเห็นแย้งว่า ครม.อนุมัติหลักการในร่าง พรบ.คู่ชีวิตแล้ว จึงน่าจะถือเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อคนในกลุ่ม LGBTQ ... ก็จริงอย่างที่ท่านว่า แต่การแก้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ง่ายกว่าหรือครับ? ทั้งนี้เพื่อรับรองสิทธิในความเป็นพลเมือง (Civil right) ในส่วนของการสร้างครอบครัวระหว่างคู่รักเพศเดียวกัน เฉกเช่นเดียวกับ คู่รักต่างเพศ ยิ่งเราพยายามสร้างกฎหมายที่มีลักษณะเฉพาะบังคับความรักไม่ว่าจะเพศ และ/หรือ สถานะภาพใด ย่อมเป็นการยากที่เราจะกล้าบอกกับสังคมโลกว่า เราปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม ... รักก็ คือ รัก ครับ อย่าทำให้เรื่องมันยากไปกว่านี้ ฝากไว้ให้คิดครับ ผมเรียนสอบถามผู้ใหญ่ในบ้านเมืองครับว่า เมื่อไหร่จะเลิกมอง LGBTQ เป็นผู้ถูกกระทำเสียที โลกเขาไปถึงไหนแล้วครับ การที่กฎหมายรับรองไม่ได้ทำให้ให้ประเทศดูไร้อารยธรรม กลับกันประเทศไทยจะน่าอยู่มากขึ้นเป็นกอง อย่างน้อยเศรษฐกิจหลายต่อหลายประเทศก็ถูกขับเคลื่อนโดย LGBTQ นะครับ อย่าให้ต้องถึงขนาดกฎหมายรับรองสถานะทางกฏหมายของ AI ก่อน  ภาพโดย https://images.app.goo.gl/PCvqJqQjLd5d3m3HA) เลยครับ (เรียนตามตรงผมละอาย)! (ภาพโดย https://conservativememes.com/i/lgbt-straight-comment-like-none-20939290) ท้ายนี้นะครับ หากสนใจเรื่อง ความหลกหลายทางเพศจะมีการจัดประชุมสัมนาที่ คณะนิติศาสาตร์จุฬา  “คู่ชีวิต = คู่สมรส ?” วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2562 เวลา 13.00-16.00 น.ณ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (http://www.law.chula.ac.th/event/7168/?fbclid=IwAR0hfL6zfcOoc5R9tNUBa8WwsMVGrANlFvGnVcpoI1hZ4nGT6P6XaaDA0Bw) 

“อุ๊งอิ๊ง” ร่วมงานแถลงข่าว “The Celebration : Right to Love”
อ่าน

“อุ๊งอิ๊ง” ร่วมงานแถลงข่าว “The Celebration : Right to Love”

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธานในงานแถลงข่าวการจัดกิจกรรมภายใต้แคมเปญ The Celebration : Right to Love เพื่อร่วมฉลองในโอกาสที่ประเทศไทยมีกฏหมายสมรสเท่าเทียมนับเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมด้วยผู้แทนจากองค์กรภาครัฐและเอกชนร่วมจัดงานเฉลิมฉลองด้วยมหกรรมอีเว้นท์ตลอดเดือนแห่ง Pride อย่างยิ่งใหญ่สำหรับงาน Pride Month ซึ่งผู้คนทั่วโลกให้ความสำคัญและจัดกิจกรรมในเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วโลก เป็นโอกาสอันดี ที่กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเดสติเนชั่นในดวงใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลก จะร่วมกันจัดงานฉลอง Pride Month กรุงเทพมหานครมีศักยภาพในทุกมิติ มีความหลายหลายที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทุกไลฟ์สไตล์และความสนใจ และหนึ่งในโกลบอลคอมมูนิตี้ที่สำคัญ คือกลุ่ม LGBTQ+ การจัดงาน Pride Month จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในทุกมิติ ที่ สยามดิสคัฟเวอรี่(เมื่อวันที่ 14 พ.ค.67)ภาพโดย: ธนาชัย ประมาณพาณิชย์

รู้จักอาการของแอสเพอร์เกอร์ซินโดรม Asperger's Syndrome ก่อนดูซีรีส์ Move to Heaven
อ่าน

รู้จักอาการของแอสเพอร์เกอร์ซินโดรม Asperger's Syndrome ก่อนดูซีรีส์ Move to Heaven

ถ้าใครเคยดูหรือผ่านตากับซีรีส์สุดฮิตอย่าง Move to Heaven ไปบ้างแล้ว ก็คงจะเคยได้ยิน แอสเพอร์เกอร์ซินโดรม ที่ตัวหลักอย่าง ฮันกือรู เป็นอยู่ตั้งแต่เด็ก และก็คงจะสงสัยและอยากรู้กันใช่ไหมว่าอาการของแอสเพอร์เกอร์ซินโดรมจริงๆแล้วเป็นอย่างไร วันนี้บทความของเรานำคำตอบมาฝากค่ะทำความรู้จัก "แอสเพอร์เกอร์ซินโดรมคืออะไร"แอสเพอร์เกอร์ซินโดรม เป็นอาการผิดปกติทางระบบประสาท จัดอยู่ในกลุ่มออทิสติก มีความผิดปกติทั้งทางพฤติกรรมและพัฒนาการ ถูกค้นพบในปีค.ศ. 1940 โดยคุณหมอฮานส์ แอสเพอร์เกอร์ (Hans Asperger) กุมารแพทย์ชาวออสเตรีย ชื่อโรคนี้จึงได้ตั้งตามชื่อสกุลของคุณหมอนั่นเองสิ่งที่หมอฮานส์สังเกตและพบคือคนไข้ของเขาส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้ชายมีความเฉลียวฉลาด ทักษะความจำเป็นเลิศ สติปัญญาอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่กลับมีปัญหาเรื่องทักษะการเข้าสังคม มีพฤติกรรมหมกมุ่น ชอบทำอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่รู้จะอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างไร ทั้งที่เขาสามารถพูดคุยสื่อสารกับคนทั่วไปได้ปกติสาเหตุของโรค "แอสเพอร์เกร์ซินโดรม"แอสเพอร์เกอร์ซินโดรม เกิดจากการทำงานของสมองบางตำแหน่งผิดปกติ แต่ในปัจจุบันยังไม่สามารถบอกได้ว่าสาเหตุที่ทำให้สมองทำงานผิดปกตินั้นคืออะไร แม้ว่าจะมีงานวิจัยออกมาหลายชิ้น แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันได้อย่างชัดเจน อาจจะจะเกิดความบกพร่องของสารพันธุกรรม ซึ่งความผิดปกติทางพันธุกรรมก็ยังบอกไม่ได้อีกเหมือนกันว่าเกิดจากการถ่ายทอดจากรุ่นต่อรุ่นค่อย ๆ สะสมความผิดปกติมาจนแสดงออกในรุ่นหนึ่ง หรืออาจจะเป็นเป็นการกลายพันธุ์ของยีน ขณะที่อีกความเชื่อหนึ่งก็คือ น่าจะเกิดจากสิ่งแวดล้อม แต่ก็ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดการดูแลรักษา "แอสเพอร์เกร์ซินโดรม"ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาที่จำเพาะเจาะจงให้หายขาดได้ แต่ก็สามารถทำให้มีพัฒนาการทางด้านสังคมดีขึ้นได้มาก ช่วยให้เด็กเรียนรู้ และใช้ชีวิตอยู่ร่วมในสังคมได้ตามปกติ สำหรับแนวทางในการดูแลรักษาจะเหมือนกับการดูแลรักษาผู้ที่เป็นออทิสติก โดยเน้นแก้ไขในด้านที่เป็นปัญหา ควบคู่ไปกับการส่งเสริมในด้านที่เป็นความสามารถของเด็กเป็นสำคัญ อีกทั้งครอบครัวก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลเด็กที่เป็นโรคนี้อีกด้วยหวังว่าบทความนี้จะทำให้เข้าใจในตัวโรคนี้ และสนุกกับการดูซีรีส์มากขึ้นค่ะ พฤติกรรมส่วนใหญ่ของผู้ป่วยกลุ่มนี้ก็จะเป็นตามที่เห็นในซีรีส์เลย ซึ่งทังจุนซังแสดงออกจากได้อย่างชัดเจนและสมบทบาทมาก ถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ทำให้ใครหลายๆคนจดจำทังจุนซังได้อย่างแน่นอน หลังจากที่เขาได้ฝากผลงานอันโด่งดังอย่างบทสหายทหารน้องเล็กจากเรื่อง Crash Landing on Youซีรีส์ Move to Heaven เป็นซีรีส์ออริจินัลของ Netflix มีความยาวเพียง 10 ตอน ตอนละประมาณ 45-60 นาที เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ต้องสร้างความประทับใจให้ใครหลายๆคนอย่างแน่นอน ตีแผ่เรื่องความสำคัญของชีวิตและช่วงเวลาได้อย่างดีเยี่ยมเลย แถมยังดำเนินเรื่องได้ไว กระฉับ รวดเร็ว ไม่ยืดเยื้อ มีทั้งความซึ้ง ความเศร้า ดราม่าครบรส และถือเป็นอีกเรื่องที่ตลบอบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่น ดูแล้วฟีลกู้ดแน่นอนhttps://www.youtube.com/watch?v=_GC_Nlw5O94t=1s ขอบคุณข้อมูลจาก: สถาบันราชานุกูลเครดิตภาพ:ภาพหน้าปก Facebook NetflixTH : 1 , 2 , 3ภาพประกอบบทความ : ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 3, ภาพที่ 4วิดีโอ Move to Heaven | ตัวอย่างหลัก | Netflix จาก Netflix Thailand อัปเดตข่าว ดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี!

LOXLEY จัดกิจกรรม “Pay the Love forward” ครั้งที่ 4
อ่าน

LOXLEY จัดกิจกรรม “Pay the Love forward” ครั้งที่ 4

บมจ.ล็อกซเล่ย์ นำโดย รัตนา วัชรเสถียร ผู้อำนวยการฝ่าย และ บจก.รักษาความปลอดภัย เอเอสเอ็ม แมเนจเมนท์  (ASM) จัดกิจกรรม “Pay the Love forward” ครั้งที่ 4 ชวนทีมโค้ชจิตอาสาจาก สมาพันธ์โค้ชนานาชาติ กรุงเทพฯ (ICF Bangkok Chapter) พร้อมด้วย นักกีฬาฟุตบอลคนตาบอดทีมชาติไทย สังกัดโครงการ "ล็อกซเล่ย์-เอเอสเอ็ม สปอร์ต ฮีโร่" ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ เพิ่มพลังบวกให้กับน้องๆ เยาวชนชายจาก ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านมุทิตา สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.ปทุมธานี และสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.นครปฐม

ซีรีส์จีน Fall in Love with a Fox บ่วงเสน่ห์เล่ห์สิคาล ที่ TrueID
อ่าน

ซีรีส์จีน Fall in Love with a Fox บ่วงเสน่ห์เล่ห์สิคาล ที่ TrueID

ซีรีส์จีน Fall in Love with a Fox บ่วงเสน่ห์เล่ห์สิคาล มาพบกับภารกิจกอบกู้ทวงคืนความยุติธรรมของเธอกับเขา มือสังหารสาวที่ความจำเลือนหายไป กับนักดนตรีกู่ฉินที่แอบซ่อนแผนการบางอย่างเอาไว้ กลายเป็นปฏิบัติการที่คลุกเคล้าไปด้วยความสัมผัสใกล้ชิดแห่งหัวใจ ซีรีส์ที่ดัดแปลงสร้างมาจากนิยายดังของ หนานเจี่ยนฉิ่วถ่วน มาพร้อมกับทัพนักแสดงเพียบ นำโดย "หวันเหยียนลั่วหรง" ประกบ "สวีห่าว" ติดตามรับชมตอนใหม่ได้ทุกวัน เวลาประมาณ 17.00 น. ในรูปแบบซับไทย เริ่มตอนแรก 20 กันยายนนี้ ดูได้ดูฟรีที่ทรูไอดี

"ฮาร์ธ–นนท์" โคจรส่งความฟิน ในซีรีส์  ‘Live in Love รักผ่านไลฟ์’
อ่าน

"ฮาร์ธ–นนท์" โคจรส่งความฟิน ในซีรีส์  ‘Live in Love รักผ่านไลฟ์’

ประเดิมเป็นผู้ผลิตซีรีส์เรื่องแรก สำหรับ STUDIO ON FIRE (สตูดิโอ ออน ไฟเยอร์) ใน "Live in Love รักผ่านไลฟ์ The Series" นำแสดงโดย "ฮาร์ธ ชินดนัย เดชะวลีกุล" และ "นนท์ รัชชานนท์ กันเพรียง" จากหนังสือนิยายของนักเขียนนิยายวายชื่อดังในนามปากกา ยอนิม สู่ซีรีส์สุดอบอุ่นหัวใจ Studio On Fire ( สตูดิโอ ออน ไฟเยอร์ ) สตูดิโอน้องใหม่ประเดิมจัดสร้างผลงานภาพยนตร์ ด้วยมินิซีรีส์เรื่องแรก Live in Love รักผ่านไลฟ์ The Series บทประพันธ์ของนักเขียนขวัญใจผู้อ่านสายวาย ยอนิม เจ้าของนิยายเรื่อง Love Syndrome รักโคตรๆโหดอย่างมึง , Why? ทำไมต้องร้าย ทำไมต้องรัก และเรื่องอื่นๆอีกมากมาย ทางสตูดิโอ ออน ไฟเยอร์ นำลิขสิทธิ์บทประพันธ์เรื่อง Live in Love รักผ่านไลฟ์ ของ ยอนิม สไตล์ค่อนข้างแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ เต็มไปด้วยความฟิน จิ้น ละมุน ใจฟู และอบอุ่น มาสร้างเป็นมินิซีรีส์ Live in Love รักผ่านไลฟ์ เดอะซีรีส์ เป็นเรื่องราวในช่วงเวลาโควิดที่ทุกคนต้องกักตัวอยู่บ้านกันเป็นส่วนใหญ่ รวมไปถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ต้องเรียนออนไลน์และทำกิจกรรมส่วนใหญ่ที่บ้าน โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่ ถูกเล่าผ่านสองตัวละครหลักอย่าง กล้า ชายหนุ่มผู้เย็นชาที่ใจแข็งดั่งหินผา ที่ได้บังเอิญได้มาพบกับ เค้ก รุ่นน้องต่างมหาวิทยาลัยผ่านการ ไลฟ์ ทางสื่อโซเชียลของเพื่อนสนิท จากหัวใจที่ไม่เคยมองหรือแม้แต่ให้ความหวังใคร ก็เริ่มสนใจในรอยยิ้มสดใสแสนซื่อนั้นขึ้นมา ใครจะไปรู้ว่าเพียงหนึ่งคำพูดที่แซวกันเล่นๆ ชื่อน่ากินหว่ะ จากปากของกล้าต่อเค้กนั้น ได้กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์เพียงชั่วข้ามคืนกับแฮชแท็ก #กล้ากินเค้กไหม จนต่อยอดเป็นเรื่องราวความรักให้พวกเราได้อ่าน และกำลังจะได้รับชมกัน เร็วๆนี้ คู่จิ้นคู่ซี้อย่าง #ฮาร์ธนนท์ ฮาร์ธ ชินดนัย เดชะวลีกุล และ นนท์ รัชชานนท์ กันเพรียง มารับบท #กล้าเค้ก หลังจากได้ร่วมงานกันไปเล็กๆน้อยๆในบทบาทของ #นันแม็ค เรื่อง #LoveSyndrome #รักโคตรๆโหดอย่างมึง3 จนแฟนๆตกหลุมรักตามกันไปก่อนหน้านี้ ยอนิม เจ้าของบทประพันธ์เรื่อง Live in Love รักผ่านไลฟ์ มีการพูดถึงแรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องนี้ไว้ว่า... แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องนี้ เริ่มมาจากช่วงโควิด ช่วงแรกๆที่มีการกักตัว มีเคอร์ฟิว ก็เลยลองเข้าโซเชียลไปดูอะไรแก้เบื่อ แล้วบังเอิญไปเจอคลิปที่มีน้องๆ เค้าไลฟ์สดคุยกันกับเพื่อนแล้วมีคนตัดมาลง ก็เลยลองเข้าไปดู แล้วเห็นว่าน้องๆคุยกันน่ารักดี แก้เครียดให้เราได้ บางคนมารู้จักกันทางไลฟ์สดก็มี ก็เลยเกิดความคิดที่ว่า บางครั้งความรู้สึกดีๆ มิตรภาพดีๆ ก็มีให้กันผ่านโซเชียลได้นะเลยจุดประกาย อยากแต่งเรื่องราวที่เริ่มต้นจากการ พบเจอทางโลกโซเชียลบ้าง เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นสไตล์การแต่งนิยายที่แตกต่างจากเรื่องที่ผ่านๆมาของ #ยอนิม โดยสิ้นเชิง เพราะในช่วงโควิดได้งานเขียนน่ารักๆที่ฮีลใจตัวเองบ้างก็คงจะดียอนิมกล่าว คู่จิ้นคู่ซี้ที่รับบทนำอย่าง ฮาร์ธ-นนท์ เผยความรู้สึกว่า ดีใจที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้งตื่นเต้นที่ได้เป็นนักแสดงนำซีรีส์เรื่องนี้หลังจากทั้งสองคนได้อ่านหนังสือนิยายไปแล้วก็มีความคิดเห็นมาบอกเล่าให้ฟังดังนี้ ฮาร์ธ-ชินดนัย เดชะวลีกุล แสดงความคิดเห็นว่า รู้สึกชื่นชอบนิยายเรื่องรักผ่านไลฟ์มากๆครับ ตั้งแต่ขณะที่กำลังอ่านอยู่ก็ได้แต่อมยิ้มไป บางทีก็หลุดเขินขึ้นมาเมื่อเห็นภาพว่าเป็นตัวเองเล่น มันเป็นความรัก ความโรแมนติก ที่อยู่ในระดับชีวิตจริงมากๆครับ เลยทำให้เชื่อมั่นได้ว่าทุกคนจะสามารถเข้าถึงตัวละครเหล่านี้ และฟินไปกับซีรีส์เรื่องนี้ได้แน่นอน ผมว่าทุกคนสามารถมีพี่กล้า หรือน้องเค้ก เป็นของตัวเองในชีวิตจริง คือมันจับต้องได้ บวกกับคาแรคเตอร์อื่นๆที่มาเติมเต็มความครบรสสมดุลให้กับเนื้อเรื่อง ยกให้เป็นหนังสืออีกเล่ม ที่อยากให้ทุกคนได้อ่านเลยครับ พร้อมมากที่จะเริ่มทำงานกับตัวละคร กล้า อย่างสุดกำลังไปเลยครับ นนท์ -รัชชานนท์ กันเพรียง ก็ได้กล่าวไว้ดังนี้ รู้สึกตื่นเต้นมากๆที่ได้รับบทบาท ตัวละคร เค้ก เพราะว่าคาแร็คเตอร์ของเค้กค่อนข้างแตกต่างจากตัวผมพอสมควรในเรื่องของบุคลิก ที่เป็นคนซื่อๆ มึนๆ ดูไม่มีพิษมีภัย (แต่ไม่ได้หมายความว่าตัวผมจริงๆดูมีพิษมีภัยนะครับ 555+) แต่ในขณะเดียวกันก็ตามคนทัน ดูคนออก แต่ทำเป็นไม่รู้เท่านั้นเอง ซึ่งแตกต่างจากตัวผมเองพอสมควร แต่ก็จะมีสิ่งที่เหมือนกันคือ ชอบ ดนตรี และ เล่นเกมส์ จึงเข้าใจในบางสิ่งที่เค้กต้องการจะสื่อและรู้สึกผูกพันได้ง่าย โดยรวมคือชอบตัวละครนี้เลยครับ อยากรู้แล้วว่าตอนได้เข้าฉาก จะเป็นยังไง สนุกแค่ไหน รอติดตามรับชมกันเลยครับ ร่วมลุ้นไปพร้อมๆกันว่า กล้า กับ เค้ก จะได้พบกันในชีวิตจริงเมื่อไหร่ และเขาทั้งสองจะผ่านอุปสรรค ทั้งสถานการณ์ที่ต้องรักษาระยะห่าง และอุปสรรคความรักไปได้อย่างไร แล้วสุดท้าย #กล้ากินเค้กไหม มาหาคำตอบ และ ร่วมเสพความอบอุ่นใจฟูไปพร้อมๆกันเร็วๆนี้ ใน Live in Love รักผ่านไลฟ์ The Series

รักคือ? Love is?♥️
อ่าน

รักคือ? Love is?♥️

♥️ความรัก♥️คืออะไร...? 🤔หลายคนคงจะได้ยินกันบ่อยจนชินหูว่า "รักคืออะไร?" ได้ยินกันจนเบื่อที่จะตอบกันเลยทีเดียว😆 ว่าแต่ อืม...นั่นสิ...รักคืออะไร?และใครสามารถนิยามหรือบ่งบอกตัวตนของมันได้ไหม? ..แน่นอนครับ ความคิดและมุมมองของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน ไม่สามารถกำหนดให้มันเป็นหลักสากลได้ ซึ่งผมอยากจะแชร์มุมมองการนิยามความรักในแบบของผมให้ท่านผู้ฟัง ได้ฟังกันครับ.....👇---ถ้าจะให้เปรียบความรักเป็นดั่งเช่นสิ่งของหรือทรัพยากรต่างๆ ตัวผมจะเปรียบให้เป็นดั่งเช่น "น้ำเปล่า" ใช่แล้วครับ น้ำเปล่าที่เราใช้ดื่มในทุกๆวันนี่แหละครับ เพราะว่า...ถ้าเราดื่มน้ำมากจนเกินไป = มันก็จะจุกถ้าเราดื่มน้ำน้อยจนเกินไป = มันก็จะกระหายแล้วทำยังไงดีล่ะ ...เราควรดื่มมันอย่างพอดี บริโภคอย่างพอเหมาะ ไม่เยอะเกินไป ไม่น้อยเกินไป  เพราะเราจะไม่ดื่มเลยก็ไม่ได้ เพราะน้ำเป็นสิ่งที่มนุษย์ "ขาดไม่ได้" นั่นเองครับ 😊ความรักก็เช่นกัน รักเขามาก สุดท้ายไม่เป็นดั่งที่เราหวัง เราก็เจ็บมากรักน้อยไป สุดท้าย เขาก็ไปมีคนใหม่ที่ดีกว่าเราควรรักแบบพอดีๆ รักแบบไม่ให้ขาด และไม่มากจนเราต้องเจ็บเอง การเผื่อใจไว้บ้าง ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผิดหรือเห็นแก่ตัว มันเป็นการรักแบบอยู่ในเซฟโซน โดยที่เค้าก็ได้ความรักจากเรา และเราก็ไม่เสี่ยงกับความรัก  ก็..วินๆกันไปคำว่าชั่วฟ้าดินสลายมันไม่มีอยู่จริง มันอาจจะเปรียบได้แค่เลเวลของรัก แต่ไม่สามารถการันตีคำว่า นิจนิรันดร์ได้เลย ถ้าจะให้เปรียบเป็นวงกว้าง ผมคิดว่ารักคือ "บ้านหลังใหญ่" หรือหัวข้อใหญ่ ที่แตกเป็นหัวข้อย่อยหลายๆองค์ประกอบ เช่น ความห่วงใย,ความคิดถึง,แคร์,ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน,ความเข้าใจ และอีกหลายๆข้อมารวมกันการมีแค่ความรักที่เปรียบดังหัวข้อใหญ่อย่างเดียว แต่ปราศจากหัวข้อย่อยต่างๆ นั่น คำว่ารักมันก็ไร้ความหมาย เพราะมันไร้ซึ่งความรู้สึกและความชุ่มชื่นหัวใจดังนั้น ความรักจึงเป็นเหมือนบ้านหลังใหญ่ ที่มีสิ่งต่างๆมารวมกัน พ่อ แม่ ลูก และคนอื่นๆ ก่อเกิดความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ และกำลังใจ♥️💪 แล้วความรักนั้นมีรูปแบบไหนบ้างล่ะ?ถ้าจะให้ตอบมันก็มีหลากหลายรูปแบบ แบบชายรักหญิง ชายรักชาย หญิงรักหญิง กะเทยรักทอม และอีกเยอะแยะมากมายที่เราอาจจะไม่รู้จัก บางทีคำตอบที่ดีที่สุดอาจจะเป็นที่ว่า "รักไร้รูปแบบ" "รักไม่จำกัดเพศ" "รักไม่จำกัดอายุ"และ"รักไม่จำกัดรูปร่างหน้าตา"สุดท้ายนี้ความรักจะเป็นเช่นไร อยู่ที่เราจะปรุงแต่งให้มันเป็น คนที่ใช่ไม่จำเป็นต้องพยายาม ยังไงก็ใช่ ส่วนคนที่ไม่ใช่ ต่อให้พยายามเท่าไหร่ ก็ไม่ใช่อยู่ดี  ขอบคุณท่านผู้อ่านที่อ่านจบนะครับ ฝากติดตามผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ เครดิตภาพภาพที่1. Ben_Kerckx/pixabayภาพที่2. cocoparisienne/pixabayภาพที่3. FrankWinkler/pixabayภาพที่4. GDj/pixabayภาพปกแต่งโดยผู้เขียน จากแอป Canvaเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

BETTER LOVE THE CAT THAT LOVES US
อ่าน

BETTER LOVE THE CAT THAT LOVES US

BETTER LOVE THE CAT THAT LOVES US อรุณสวัสดิ์เช้าวันหยุดพักผ่อนครับ ผมนั่งจิบกาแฟไปแบบชิลล์ ๆ พร้อม WAFFLE CRISP กรอบอร่อย อากาศค่อนข้างดี ลมพัดเย็น ๆ ยังคงได้สัมผัสลมหนาวในยามเช้าของวัน อ้าว ! ตัวอะไรอยู่ใต้ท้องรถ มีทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ นอนหลบแดดกันอย่างสบายใจ ส่วนใหญ่เป็นแมวสีดำ หน้าตาขี้เหร่ ทั้งนั้น  มีตัวหนึ่งเป็นลายสีขาว-ดำ ตลอดทั้งตัว จัดว่าหล่อกว่าพวก และตัวใหญ่ที่สุด อีกตัวหนึ่งเป็นแมวสีดำดวงตาสีเหลือง ตัวขนาดเท่ากับเจ้าลายขาว-ดำ ผมทักทาย พวกมัน ส่งเสียงร้องทัก เมี๊ยว เมี๊ยว  มานี่ซิ  ไม่มีตัวไหนมาหาสักตัว ฮ่า ๆ ๆ ผมเลยลุกขึ้นไปหยิบกระจาดพลาสติคเล็ก ๆ แล้วเทอาหารเม็ดใส่ในกระจาด เอาไปวางให้พวกมันกิน โดยแกล้งทำเป็นไม่สนใจพวกมัน เท่านั้นล่ะ ออกมากินกันใหญ่ ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ พวกมันคงกลัวคน ไม่มั่นใจเมื่อเจอคนแปลกหน้า ผมค่อย ๆ เดินเข้าไปหาพวกมันใกล้ ๆ พวกมันวิ่งหนีกระเจิง ฮ่า ๆ ๆ แสดงว่ายังกลัวคน และยังไม่ไว้ใจ มีเจ้าดำสุดหล่อตัวเดียวที่ยังแอบอยู่ใต้ท้องรถ ผมกวักมือเรียก แล้วส่งเสียงร้องทักทาย เมี๊ยว เมี๊ยว  ได้ยินเสียงมันร้องตอบกลับ  มี้  มี้   ห๊ะ ! นี่แกร้องเสียง  มี้  มี้  เหรอภาพโดย : สมภัสสรผมไม่รู้ว่าเจ้าเหมียวดำสุดหล่อ นั้นชื่ออะไร จากที่ได้ยินเสียงมันร้องในวันนั้น ผมเลยตั้งชื่อให้มันว่า มีมี้ เพราะมันชอบร้องเสียง มี้ ๆ ซึ่งต่างจากแมวตัวอื่น เกือบหนึ่งสัปดาห์เราถึงสนิทกัน ต่างคนต่างแมว ยังหวาดระแวง แมวก็กลัวคนทำร้าย ผมจะอุ้มมัน หรือจะลูบหัวมัน ก็กลัวมันแว้งกัดเอา ฮ่า ๆ ๆ ผมเห็นเจ้า มีมี้ ดูแล้วน่าจะเป็นแมวที่มีมนุษย์สัมพันธ์ ดีกว่าแมวตัวอื่น ๆ จะเห็นว่า เมื่อเวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์  มีมี้ เริ่มจะเข้ามาหาผม เอาตัว เอาหน้า เข้ามาถูไถตามหน้าแข้ง ผมเริ่มลูบหัว และเกาคางเจ้า มีมี้ ได้ภาพโดย : สมภัสสรการที่แมวเอาตัวของมันมาถูกับตัวเรา ก็เพื่อสร้างกลิ่นประจำกลุ่ม มันจะทำเช่นนี้กับมนุษย์ที่มันคุ้นเคยและเป็นมิตรกับมัน รวมถึงสัตว์อื่น ๆ ที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน กลิ่นประจำกลุ่มจะทำให้มันรู้สึกมั่นใจ เป็นกลิ่นที่แสดงถึงบ้าน และเป็นเครื่องหมายของความปลอดภัย ต่อมที่อยู่ข้างปาก รอบใบหน้า บนหัว ตลอดความยาวของหาง และที่โคนหาง จะช่วยกันสร้างส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นกลิ่นเฉพาะตัวของแมวตัวนั้น การผสมกลิ่นของมันเข้ากับเรามีความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับการเข้าสังคมของมัน แมวจึงชอบถูตัวเราบ่อย ๆภาพโดย : สมภัสสรนั่นปะไร เจ้า มีมี้ มันถึงชอบเอาตัวเอาหน้ามันถูหน้าแข้งผมเป็นประจำ ด้วยความคุ้นเคยและรู้สึกปลอดภัย ตอนนี้เรียก มีมี้ ก็วิ่งจู๊ดเข้ามาหาเลย เข้ามาหาวะขนาดนี้ ต้องรีบหาอาหารเม็ดให้มันกิน ช่วงที่ผมนั่งจิบกาแฟ มีมี้ เอาหัวเอาหน้ามาถูไถหน้าแข้งผมตลอด แล้วแหงนหน้ามองส่งสายตา ผมเลยอุ้มมาไว้ที่ตัก แหม ! นั่งอยู่เฉยเลย ผมเลยเกาคางให้ มีมี้ นี่เคลิ้มเลยประจบเก่งจริงเจ้า มีมี้ อยู่เป็นนะเนี่ยะภาพโดย : สมภัสสรไม่ว่าคน หรือสัตว์ ย่อมต้องการความรัก ความอบอุ่น กันทุกตัวตน มีแมวบางตัวสวยงามกว่า มี มี้ หลายเท่า ผมอยากจะเอามาเลี้ยง แต่แมวตัวนั้นหวาดระแวงมนุษย์มากเกินไป เมื่อเข้าใกล้จะวิ่งหนี หรือขู่จะทำร้ายคนด้วยสัณชาติญาณของการปกป้องตนเอง ฉะนั้น ผมจึงเลือกที่จะ รักแมว ที่รักเราดีกว่า อย่างเจ้า มี มี้  BETTER LOVE THE CAT THAT LOVES US 

ต้นหอม อึ้ง โดนจี้ใจดำ ไม่เคยมีแฟน ใน Love On air 3 อาทิตย์นี้
อ่าน

ต้นหอม อึ้ง โดนจี้ใจดำ ไม่เคยมีแฟน ใน Love On air 3 อาทิตย์นี้

เอาละสิ ความรักระหว่าง พี่ไนซ์ (ต้นหอม ศกุลตลา) กับ ดีเจโบ (ธนากร ชินกูล) ชักจะไปกันใหญ่ เมื่อพี่ไนซ์เริ่มโดนจับตามองจาก พี่ฉิ่ง ว่าชักจะเลยเถิดเอาเรื่องส่วนตัวมาผัวพันเวลาทำงาน งานนี้คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรัก หรือ เรียกง่ายๆว่า ไม่เคยมีแฟน จึงเจ็บจี๊ดไปถึงหัวใจ แถมโดนทุกคนในออฟฟิศจับตามองอีก งานนี้พี่ไนซ์เลยยิ่งงงหัวเข้าไปใหญ่ ถึงกับวางตัวไม่ถูกว่าจะเอายังไงดีกับชีวิต แล้วแบบนี้หัวอกคนเป็นแฟนอย่างดีเจโบจะรู้สึกอย่างไรล่ะ แถมมี ดีเจดาว อดีตแฟนสาวเข้ามาปั่นป่วนผิดที่ผิดเวลาอีก ยิ่งทำให้บรรยากาศมาคุเข้าไปอีก เอ้า!! หรือถึงเวลาที่ความสัมพันธ์ของพี่ไนซ์ กับ ดีเจโบ จะสั่นคลอนซะแล้ว ต้องติดตามลุ้นความรักของคู่นี้ได้ที่ เลิฟ ออน แอร์ 3 รักที่ไม่ได้ออกอากาศ ตอน รักนี้ต้องแยกแยะ ในวันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 15.00 น. ทางช่อง GMM 25 ชมทีวีออนไลน์ช่อง GMM 25 แบบสดๆ ได้ที่นี่ ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง Facebook.com/TVSociety

"ฟลุ้ค ณธัช"  เนรมิตคาเฟ่ ธีม Garden of Love รับวาเลนไทน์ ด้วยดอกไม้จากแฟนคลับ
อ่าน

"ฟลุ้ค ณธัช" เนรมิตคาเฟ่ ธีม Garden of Love รับวาเลนไทน์ ด้วยดอกไม้จากแฟนคลับ

เรียกว่ายกเอาสวนดอกไม้มาไว้ที่ถนนพัฒนาการ ก็ไม่เกินจริงจ้า เมื่อ "ฟลุ้ค ณธัช ศิริพงษ์ธร" ต้อนรับเดือนแห่งความรัก ด้วยการเนรมิต ให้ร้าน THE LITTLE WHITE HOUSE CAFE ของเจ้าตัว กลายเป็นสวนดอกไม้หวานกรุบด้วยฝีมือของฟลุ้คเอง ในธีม Garden of Love เอาใจสายถ่ายรูป ให้ได้มาแชะภาพเช็คอินกันในวันวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึง แล้วความพิเศษก็ว้าวขึ้นไปอีก เพราะดอกไม้สวยๆที่นำมาตกแต่ง มาจากดอกไม้ของเหล่าแฟนคลับที่เคยนำมามอบให้ฟลุ้คในโอกาสต่างๆ ซึ่งฟลุ้คเองเก็บเอาไว้เป็นอย่างดีจ้า "ฟลุ้ค ณธัช" เนรมิตคาเฟ่ ธีม Garden of Love รับวาเลนไทน์ ด้วยดอกไม้จากแฟนคลับ "ฟลุ้ค ณธัช" เผยว่า ปีนี้ถือว่าเป็นการจัดธีมร้านวาเลนไทน์ปีที่สอง เลยจัดในธีมสวนดอกไม้ครับ ชื่อว่า The Garden of Love เพราะถ้านึกถึงวาเลนไทน์ คงนึกถึงดอกไม้ ความสดใสครับ เลยจัดให้เหมือนกับยกสวนดอกไม้ที่เต็มไปด้วยความรักมาไว้ที่ร้าน มีมุมใหม่ๆให้ถ่ายรูป และเมนูใหม่ให้ทุกคนมาลองครับ และนอกจากเราจะหาดอกไม้ที่แตกต่างจากปีก่อนมาจัดแล้ว ยังมีดอกไม้ที่แฟนคลับเคยมอบให้ฟลุ้คมาจัดด้วยของที่แฟนคลับให้เรามา อะไรที่พอเก็บไว้ได้ ฟลุ้คจะพยายามเก็บไว้ให้ได้เยอะที่สุด รวมถึงดอกไม้จากช่อต่าง ๆ หรือที่ห่อมากับของขวัญ ก็เก็บรวบรวมไว้ เพราะคิดว่าสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก เลยเกิดไอเดีย เผื่อแฟนคลับที่เขาเคยให้เรามา มาเที่ยวที่คาเฟ่ จะได้รับรู้ว่าดอกไม้เซ็ตนี้ เขาเป็นคนมอบให้กับเราในโอกาสสำคัญต่างๆที่ผ่านมา และสามารถนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อีก ถือว่าทั้งคนให้และคนได้รับจะได้แฮปปี้กันทั้งสองครับ รอบนี้ใช้เวลาจัดเป็นอาทิตย์เหมือนกันครับ ปีนี้เราพอมีไอเดียในหัวแล้วบ้าง เลยจัดกันเองครับ ก็ได้พี่โน้ต ผู้จัดการ และเด็กที่ร้านคาเฟ่ช่วยกันเตรียมของและช่วยจัดร้านให้ออกมาอย่างที่เห็นครับ ฟลุ้คก็ตั้งใจทำออกมาให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือแฟนคลับ ต้องขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่มอบทั้งดอกไม้ทั้งความสุขให้ฟลุ้คเสมอมา จนเกิดไอเดียนี้ขึ้นมาครับ แวะมาร้าน The little white horse cafe กันเยอะๆ นะครับ ร้านตั้งอยู่บนถนนพัฒนาการตัดใหม่ ระหว่างซอยพัฒนาการ 84 กับ 86 ฟลุ้คเองก็ตั้งใจและหวังว่าทุกคนจะชอบ และมีความสุขกันในเดือนแห่งความรักนี้ครับ" อ่านข่าวบันเทิงวันนี้ที่เกี่ยวข้อง : ประวัติ ฟลุ้ค ณธัช ศิริพงษ์ธร

กลับหลังหันก็ไม่ได้ จะเดินต่อไปก็ไม่ไหว นี่เรากำลังตกอยู่ภาวะ BURNOUT SYNDROME หรือเปล่านะ?
อ่าน

กลับหลังหันก็ไม่ได้ จะเดินต่อไปก็ไม่ไหว นี่เรากำลังตกอยู่ภาวะ BURNOUT SYNDROME หรือเปล่านะ?

เชื่อว่าเหล่ามนุษย์ทำงานหลายคนต้องเคยประสบกับปัญหา ร่างกายอ่อนล้า เหนื่อย เบื่อ เครียด จากการทำงานในแต่ละวัน เมื่อเข็มนาฬิกาหมุนเวียนมาเป็นวันจันทร์ทีไร ใจก็รู้สึกหมดแรง หมดพลังไปดื้อๆ "เมื่อไรจะวันศุกร์" คือวลีสุดฮิตที่เหล่ามนุษย์ทำงานต้องมีบ่นออกมาบ้างแหละแต่อาการเหล่านี้ สำหรับบางคนอาจจะเป็นแค่อารมณ์เซงๆ เบื่อๆ ที่ไม่กี่วันก็กลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม แต่ถ้าหากว่าอาการเริ่มหนักขึ้นจนทำตัวเองเกิดความคิดว่า "ฉันไม่อยากทำงานเลย" "คิดงานไม่ออก" "ทำไมชีวิตมันน่าเบื่อขนาดนี้" ร่างกายเริ่มอ่อนแรง หมดหวัง หมดกำลังใจ จนกระทบต่อชีวิตประจำวันและการทำงาน ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าคุณอาจตกอยู่ในภาวะ BURNOUT SYNDROME BURNOUT SYNDROME หรือ ภาวะหมดไฟจากการทำงาน เป็นภาวะการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่ส่งผลจิตใจ ที่เกิดจากความเครียดจากการทำงานมากเกินไป ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มากจากรูปแบบการทำงานและการใช้ชีวิตที่หักโหมทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น ภาระงานหนักมากเกินจำเป็น ทำงานเกินขอบเขต เจองานที่ไม่ถนัดแล้วต้องทำให้เสร็จอย่างเร่งรีบ อาจพบว่าตนเองไม่เหมาะสมกับงานดังกล่าว ส่งผลให้เกิดการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น กดดันตัวเองว่าทำได้ไม่ดีเท่าเขา ชีวิตไม่มีความสุข สุดท้ายอาจกลายเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเองและหมดกำลังใจในการทำงาน ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ซึ่งหากสะสมความรู้สึกนี้ไว้เรื่อยๆ นานวันเข้าอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้าได้วิธีแก้อาการ BURNOUT SYNDROME มีอะไรบ้างมาดูกันพักผ่อนร่างกายและจิตใจ ดูแลตัวเองให้มากขึ้น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้คิดมาก ลดความเครียดลง หากิจกรรมที่ผ่อนคลายทำ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง วาดรูป ถ่ายรูป ออกไปท่องเที่ยวจัดลำดับความสำคัญให้กับชีวิต ปรับทัศนคติในการทำงานใหม่ เปิดใจคุยกับคนรอบตัว หากคุณยังมีอาการของภาวะ BURNOUT SYNDROME อยู่ การขอคำปรึกษาและคุยกับใครสักคน เป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้คุณสบายใจและลดความเครียดลงได้ หากว่าคุณยังรู้สึกท้อแท้ ผิดหวัง ไม่สามารถจัดการกับความเศร้าได้และมีแนวโน้มที่รุนแรงขึ้น นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคซึมเศร้า ดังนั้นควรรีบพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาโดยเร็ว อย่าปล่อยให้ความรู้สึกนั้นกลืนกินตัวตนของคุณไปภาวะหมดไฟ Burnout Syndrome ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวและสามารถหายได้ หากคุณได้ลุกขึ้นมาจัดการกับความคิดตัวเองใหม่ เลิกกดดันตัวเองและปล่อยให้ตัวเองได้เป็นอิสระทางความคิดมากขึ้น เพียงแค่นี้คุณจะเริ่มดีขึ้นและกลับมาใช้ชีวิตได้สดใส ไร้ความกังวล และอย่าลืมว่า....อะไรที่มันหนักไปก็วางลงบ้าง โฟกัสชีวิตของตัวเอง หาความสมดุลให้กับชีวิต แล้วคุณจะพบกับความสุข  เครดิตภาพประกอบภาพปก โดย bellaluboo (เจ้าของบทความ)ภาพที่ 1 โดย bellaluboo (เจ้าของบทความ)ภาพที่ 2 โดย bellaluboo (เจ้าของบทความ)ภาพที่ 3 โดย bellaluboo (เจ้าของบทความ)ภาพที่ 4 โดย bellaluboo (เจ้าของบทความ) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

“หมาก-คิม” จัดงานแฟนมีตคู่ครั้งแรก “MarKim Garden of Love” พบกัน 14 ก.ค. นี้
อ่าน

“หมาก-คิม” จัดงานแฟนมีตคู่ครั้งแรก “MarKim Garden of Love” พบกัน 14 ก.ค. นี้

หมาก-คิม จัดงานแฟนมีต MarKim Garden of Love 14 ก.ค. นี้ เตรียมตัวมาฟินกับคู่รักสุดฮอต หมาก ปริญและ คิมเบอร์ลี่ ที่ล่าสุดทั้งคู่จัดงานแฟนมีตติ้งที่จัดคู่กันครั้งแรก! กับงานMarKim Garden of Loveที่จะจัดขึ้นในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ โดยในงานยังมีกิจกรรมมากมายที่ทั้งคู่เตรียมมาเซอร์ไพรส์แฟนๆ ให้ได้มาร่วมสนุกแบบเอ็กซ์คลูซีฟ และมาร่วมสัมผัสบรรยากาศสวนในฝัน ที่จะอบอวลไปด้วยความรักของทั้งคู่ งานนี้ทุกคนสามารถมาร่วมเก็บความประทับใจและความทรงจำดีๆ ไปพร้อมกับ หมาก-คิมเบอร์ลี่ กันได้เลย เพียงร่วมกิจกรรมทาง 3Plus ได้ตั้งแต่วันที่ 3- 9 กรกฎาคม 2567 ซึ่งจะประกาศผล ในวันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม2567

นี่แหละความรัก (This is Love) เวอร์ชั่นพิเศษ Voice of Love จาก เป๊ก ผลิตโชค
อ่าน

นี่แหละความรัก (This is Love) เวอร์ชั่นพิเศษ Voice of Love จาก เป๊ก ผลิตโชค

"นี่แหละความรัก (This is Love)" เวอร์ชั่นพิเศษจาก เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร ในฐานะ ‘Voice of Love’ ตัวแทนเสียงแห่งความรัก ปล่อย MV ออกมาให้ได้ชมกันแล้ว เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 โปรเจกต์ที่เป็นความร่วมมือกันของ มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระบรมราชินูปถัมภ์, GMM GRAMMY และ LINE (ประเทศไทย)  เลยอยากพาทุกคนมารู้จักกับโปรเจกต์สุดพิเศษนี้ "นี่แหละความรัก (This is Love) เวอร์ชั่นพิเศษ Voice of Love จาก เป๊ก ผลิตโชค" ตามไปดูกันเลย!✨❤️🤟🦋นี่แหละความรัก (This is Love) - เป๊ก ผลิตโชค Exclusive Version “Voice of Love” [Official MV]https://www.youtube.com/watch?v=l_gAriGh9bQ💙Voice Of Love ความเงียบ...จะได้ยินเสียงของความรัก💙โครงการสุดพิเศษ "Voice Of Love" จัดขึ้นในวาระครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้ง มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมกับ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จํากัด เพื่อสมทบทุนผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียมให้กับเด็กหูหนวก จำนวน 70 คน ผ่านการระดมทุนด้วยการดาวน์โหลดเพลงพิเศษ "นี่แหละความรัก" เวอร์ชั่น Voice Of Love นี้ และ อุดหนุนเสื้อยืดโครงการ Voice Of Loveเด็ก ๆ ที่เกิดใหม่ทุก ๆ 1,000 คน จะมีเด็กที่สูญเสียการได้ยิน 3 คน การผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียมจะช่วยให้พวกเขาสามารถกลับมาได้ยินอีกครั้ง แต่ค่าใช้จ่ายต่อคนก็สูงมากเช่นกัน ใช้งบประมาณสูงถึง 500,000 บาทต่อคนhttps://twitter.com/i/status/1505137004127789057หลังจากได้มีการปล่อย Teaser คลิปบรรยากาศการอัดเพลงออกมาเมื่อวันวาเลนไทน์ (14 ก.พ. 65) ที่ผ่านมา😄 แฟน ๆ ก็ต่างเฝ้ารอกันอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่ง เป๊ก ผลิตโชค เป็นศิลปินที่มีความผูกพันธ์กับน้อง ๆ ผู้พิการทางได้ยิน และมีโครงการทำความดีเพื่อสังคมร่วมกับเหล่านุชes (แฟนคลับของเป๊ก)🦋❤️ อยู่เสมอ เป็นเหตุผลให้ มูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวก ในพระบรมราชินูปถัมภ์ มอบตำแหน่ง ‘Voice of Love’ ตัวแทนเสียงแห่งความรัก ให้กับ เป๊ก ผลิตโชค❤️❤️❤️🦻การผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียม ช่วยให้เด็กหูหนวกแต่กำเนิดมีโอกาสได้ยินเสียง พัฒนาการพูด เรียนรู้ และทำตามความฝันได้เหมือนเด็กคนอื่น ๆ แต่ต้องได้รับการผ่าตัดและฟื้นฟูก่อนวัยเรียน✨https://www.youtube.com/watch?v=wLzmpXjJ66o🎬ความประทับใจใน MV นี่แหละความรัก (This is Love) - เป๊ก ผลิตโชคเพลง นี่แหละความรัก (This is Love) - เป๊ก ผลิตโชค เวอร์ชั่น Voice Of Love ที่มิวสิควิดีโอเพลงนี้ มีน้อง ๆ หูหนวกมาร่วมแสดงกับ เป๊ก ผลิตโชค ด้วย ในเวอร์ชั่นนี้ได้โปรดิวเซอร์คนเดิม แอ้ม - อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์ มาทำเพลงนี้อีกครั้ง ทำซาวด์ใหม่ มีการปรับคีย์ให้ต่ำลงกว่าเดิม ฟังแล้วอบอุ่นหัวใจ แถมยังมีเซอไพรส์เนื้อเพลงภาษาอังกฤษ "I know this is love..." ในท่อนฮุคสุดท้าย และมีน้อง ๆ ที่มาร่วมร้องเพลงประสานเสียง เมื่อรวมกับความละมุนของเสียงร้องของหนุ่มเป๊ก ทำให้เพลงนี้เพราะมาก ๆ เลยละค่ะ🥰❤️❤️❤️MV ถ่ายทำโดยทีมโปรดักชั่น VOICELESS PRODUCTION เกิดขึ้นโดย "น้องหูหนวกกลุ่มหนึ่ง" เปิดฉากมาด้วยน้อง ๆ หูหนวกที่มาสื่อสารด้วยภาษามือว่า "วันนี้พวกเรามาบอกเกี่ยวกับความฝันของพวกเรา บอกสิ่งที่เราอยากทำ ถ้าวันหนึ่ง หูของเราสามารถได้ยิน" ต่อด้วยข้อความภาษามือจาก เป๊ก ผลิตโชค "พวกเขาอยากทำความฝันให้เป็นจริง มาให้กำลังใจพวกเขาด้วยครับ" ซึ่งในงานนี้เจ้าตัวทุ่มเทไปเรียนภาษามืออย่างจริงจังเลยด้วย ทำให้แสดงท่าทางออกมาได้อย่างลื่นไหล MV ดำเนินเรื่องราวด้วยการทำกิจกรรมของน้อง ๆ หูหนวกทั้งการทำงานศิลปะ วาดภาพ ระบายสี ทำงานประดิษฐ์ต่าง ๆ โดยมีหนุ่มเป๊กเข้าไปพูดคุยภาษามือกับน้อง ๆ ด้วย เปิดเผยเรื่องราวว่าน้อง ๆ แต่ละคนมีอาชีพในฝัน เช่น พยาบาล สัตวแพทย์ กัปตัน นักบิน อยากควบคุมและสร้างหุ่นยนต์ ผู้สื่อข่าว ผู้พิพากษา สถาปนิก เป็นต้น ฉากนี้น่ารักมาก ๆ เลย และการส่งข้อความภาษามือจากน้องหูหนวกในตอนท้ายที่ว่า "นี่คือความฝันของเรา...ที่คงไม่ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว แต่ทั้งหมดนี้...เราทำเพื่อใครอีกคน" จากนั้นก็ปรากฏให้เห็นภาพของเด็กทารกที่เกิดมาหูหนวก "เพื่อน้อง ๆ ที่เกิดมาหูหนวก เขาจะมีความฝันเหมือนพวกเรา แม้พวกเราจะไม่มีโอกาสได้ยินอีกแล้ว แต่น้อง ๆ ยังมีโอกาสนั้น และได้ทำตามฝัน เมื่อเขาโตขึ้น ด้วยความรักของพวกคุณทุกคน จะช่วยให้น้อง ๆ ได้ยินเสียง" , "มาช่วยน้อง ๆ ด้วยนะครับ หากคุณได้ยินเสียงนี้จากเรา" ชอบที่ MV มีการเล่าเรื่องหลายวิธี ทั้งผ่านเสียงเพลงที่มีเนื้อร้องที่มีความหมายดีมาก ๆ การสื่อสารด้วยภาษามือ รวมถึงการขึ้นข้อความแปลให้ทุกคนรับรู้ความหมายได้❤️🤟👂เคยสงสัยว่า เสียงของความรักนี่เป็นยังไงกันนะ จนได้ยินเสียงเพลงนี้ ถึงได้รู้ว่า เสียงของความรักเป็นแบบนี้นี่เองงงง😍 เชื่อว่าหลายคนดูจบแล้วจะต้องน้ำตาซึม อบอุ่นหัวใจไปกับการส่งต่อความรักครั้งนี้ เพราะนอกจากจะได้ฟังเพลงเพราะ ๆ แล้ว ยังเป็นโครงการที่ช่วยเด็กจำนวน 70 คนที่หูหนวก ให้ได้ผ่าตัดประสาทหูเทียม เป็นการมอบรอยยิ้มให้น้อง ๆ อยากให้ได้ลองไปฟัง คิดว่าทุกคนคงจะต้องชอบแน่ ๆ เลยค่ะ😄💞https://www.youtube.com/watch?v=IPHn8iuVlDIhttps://www.instagram.com/p/CbZ_MaVr7Te/ สามารถเข้าไปติดตาม เป๊ก ผลิตโชค ได้ที่ Facebook : PecKPaLit / Instagram : @peckpalit และ @peckpalitchokefanclub / Twitter : @peckpalit และ @Palit_Official ได้เลยค่าาา 🤟🎵💙🦋💕 #นี่แหละความรัก #เป๊กผลิตโชค #PeckPaLitChoke #VoiceofLove #70ชีวิตใหม่ได้ยินเสียงความรัก #DeafThaiFoundation #GMMGrammy #LINETHAILAND เครดิตภาพประกอบบทความโดย GMM Grammy จาก Facebookภาพหน้าปกเครดิตภาพประกอบบทความโดย GMM GRAMMY OFFICIAL จาก Youtubeวิดีโอที่ 1 / วิดีโอที่ 3 / วิดีโอที่ 4เครดิตวิดีโอประกอบบทความโดย GMM GRAMMY จาก Twitterวิดีโอที่ 2เครดิตภาพประกอบบทความโดย deafthaifoundation จาก Instagramภาพที่ 1เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

ลิตรเท่าไหร่อ่ะ ! ไวรัลเพลง “No Love” ชาว TikTok แปลงใหม่จำเนื้อเดิมแทบไม่ได้
อ่าน

ลิตรเท่าไหร่อ่ะ ! ไวรัลเพลง “No Love” ชาว TikTok แปลงใหม่จำเนื้อเดิมแทบไม่ได้

วันนี้ ( 23 ส.ค. 66 )เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ติดหูมากๆสำหรับคนที่เล่น TikTok สำหรับประโยคขึ้นต้นเพลงที่ว่า ลิตรเท่าไหร่อ่ะ! เบนซินเต็มถัง ซึ่งจริงๆแล้ว เพลงนี้เป็นเพลงสากล No Love ที่ร้องโดย Queen omega ด้วยท่อนขึ้นต้นที่ Queen omega Little Lion Sound ร้องขึ้นว่า Little Lion ฟังเผินๆเหมือนเธอกำลังตะโกนถามว่า ลิตรเท่าไรอ่ะ กับเด็กปั๊มซึ่งมีหรือที่ชาว TikTok จะพลาดเอาท่อนนี้มา Cover กันอย่างสนุกสนาน ซึ่งจริงๆแล้วเพลง ลิตรเท่าไรอ่ะ มีเนื้อร้องเต็มๆดังนี้" style="height: 792px;">" style="height: 792px;">เนื้อเพลง No Love (ลิตรเท่าไหร่อ่ะ)We want more loveWe got to show loveQueen Omega said show loveYowSome a dem aint got no love(Some of them aint got no love)No love in dem heart(No love in their heart)Mi si dem got no love in dis world(I see they got no love in this world)Many lose dem soul unda mind control(Many lose their soul under mind control)Some a dem leaders got(Some of these leaders got)No love in dem heart(No love in their heart)Mi si dem got no love at all(I see they got no love at all)Dat y dis wicked system it affi fall(Thats why wicked system it have to fall)Yuh cannot deal if yuh not dealing righteousness(You cannot deal if you not dealing righteousness)Equality for the people once peace and justiceFreedom of choices and the right to take a standAgainst the great deception played up on the nationAnd mi nuh need nuh glasses fi si dat dem nuh care(And I dont need any glasses to see that they dont care)Dem waan fi kill mi ambition and spoil mi career(They want to kill my ambition and spoil my career)Luk how dem poison di atmosphere with all dem hatred and greed(Look how they poison the atmosphere with all their hatred and greed)Injustice, unfairLove is di greatest power and it cant be deniedIt is the raindrops that fall from the skyThe very energy we have everytime the sun shineWe cannot live without loveLove is the most highMi seet from a far dem nuh respect master God(I see it from a far they dont respect master God)Dem treat Jah people like Lab Rats and Guinea hog(They threat Jah people like Lab Rats and Guinea hog)Nuff a dem a end up inna body bag(Alot of them end up in body bag)While the elites them a smile and a boast and a brag(While the elites smile and boast and brag)How long will the eden rage greaten mischiefTake away from the people yet nothing dem nuh give(Take away from the people yet nothing they give)Di struggle real wi struggling to stay alive(The struggle real were struggling stay alive)Mi seet some a sell out dem soul to survive(I see it some are selling out their soul to survive)And even a blind man can si dem ave nuh heart(And even a blind man can see they have no heart)Many weapon of destruction to keep us apartYuh can take a doubt and do the math(You can take a doubt and do the math)Mi know seh dem cyaah escape the wrath(I know that they cant escape the wrath)p.p1 {margin: 0.0px 0.0px 0.0px 0.0px; font: 13.0px 'Helvetica Neue'} span.s1 {font: 13.0px Thonburi}ภาพจาก : รวบรวมโดย TNN ONLINE

‘ณเดชน์ ควง ญาญ่า’ พร้อม 3 ศิลปินสาวกมาร์เวล ร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์ Thor: Love and Thunder
อ่าน

‘ณเดชน์ ควง ญาญ่า’ พร้อม 3 ศิลปินสาวกมาร์เวล ร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์ Thor: Love and Thunder

กรุงเทพฯ, 5 กรกฎาคม 2565 ณเดชน์ คูกิมิยะ ควงคู่ ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ ร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์ Marvel Studios Thor: Love and Thunder ธอร์: ด้วยรักและอัสนี ภาพยนตร์ภาคต่อเทพเจ้าสายฟ้าฟอร์มยักษ์ที่ทั่วโลกรอคอย ในฐานะตัวแทน ธอร์ และ เจน ฟอสเตอร์ หรือไมตี้ ธอร์ ของเมืองไทย บอกเล่าเรื่องราวความพิเศษและความตื่นเต้นของภาพยนตร์จากมุมมองสาวกมาร์เวลของทั้งคู่ พร้อมแท็คทีม 3 ศิลปินแฟนมาร์เวลตัวยง น้อย พรู - เป้ อารักษ์ - เฟรม วันเดอร์เฟรม ร่วมเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่องของยุคแห่งมาร์เวลในประเทศไทยอีกด้วยณเดชน์ คูกิมิยะ เผยความรู้สึกว่า ผมในฐานะที่เป็นแฟนมาร์เวล ภาพยนตร์ Marvel Studios Thor: Love and Thunder ธอร์: ด้วยรักและอัสนี ภาคนี้เป็นอีกจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของ MCU ซึ่งธอร์ ถือเป็นเทพเจ้าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวและบททดสอบมามาก สูญเสียคนที่รักทั้ง พ่อแม่ น้องชาย และล่าสุดที่เสียบ้านเกิดอย่างแอสการ์ด จนต้องมาตั้งรกรากบนเกาะเป็นเมืองใหม่ ถือว่าเป็นต้นแบบของเทพเจ้าที่เสียสละต่อสู้เพื่อชาวเมืองและคนของเขาอย่างมาก ผมเชื่อว่าตัวละครนี้จะให้แง่คิดและความตลกแบบกวน ๆ กับผู้ชมได้เสมอ พลาดไม่ได้เลยจริง ๆ ครับ ต้องดูในโรงภาพยนตร์เท่านั้นนะครับด้าน ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ เสริมความรู้สึกที่มีต่อภาพยนตร์ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความครบรส ทั้งตลก ดราม่า และฉากต่อสู้อย่างดุเดือดทะลุจักรวาล และที่สำคัญเป็นการกลับมาของซูเปอร์ฮีโร่หญิง เจน ฟอสเตอร์ ญ่าตื่นเต้นมากที่จะเห็นเจน กลับมาเจอกับธอร์อีกครั้งหนึ่ง และคว้าค้อนโยเนียร์เพื่อต่อกรกับวายร้าย ห้ามพลาด Marvel Studios Thor: Love and Thunder ธอร์: ด้วยรักและอัสนี นะคะ เจอกันในโรงภาพยนตร์ค่ะนอกจาก ณเดชน์ และ ญาญ่า แล้ว ภายในงานยังมีมินิคอนเสริร์ตเพลงร็อค จาก 3 ศิลปิน ที่เป็นแฟนมาร์เวลตัวยงอีกเช่นกัน นั่นก็คือ น้อย กฤษดา สุโกศล แคลปป์ หรือน้อย พรู เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ และ วันเดอร์เฟรม ศุภัคชญา สุขใบเย็น พร้อม เล่าถึงความตื่นเต้นและความคาดหวังการกลับมาของธอร์ในภาคนี้น้อย กฤษดา สุโกศล แคลปป์ หรือน้อย พรู เล่าว่า ตั้งแต่วันที่โปสเตอร์ธอร์ถูกปล่อยออกมาแฟน ๆ ก็ทักว่าผมหน้าคล้าย กอร์ วายร้ายของเรื่องมาก ๆ ครับ ซึ่งผมก็ว่าคล้ายอยู่นะครับ เมื่อมาร์เวลเชิญมาร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์ในฐานะตัวแทนของกอร์ ก็ดีใจมากและตอบรับทันที ความแค้นของนักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่อย่างกอร์ ที่คิดจะล้างบางเทพเจ้านั้น เป็นการต่อสู้ที่เอาความแค้นมาเป็นเดิมพันเลย ต้องไปดูในภาพยนตร์กันครับว่าอะไรคือเบื้องหลังที่ทำให้กอร์มีแผนการที่แสนโหดร้ายแบบนี้ครับเป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ กล่าวเสริมว่า วันนี้มาเป็นตัวแทนของสตาร์ลอร์ด จากแก๊งการ์เดี้ยน ออฟ เดอะ กาแล็กซี่ครับ หลังจากห่างหายไปกว่า 3 ปี ชาวแก๊งก็กลับมาท่องกาแล็กซี่อีกครั้ง ผมดีใจที่จะได้เห็นสมาชิกของแก๊งนี้ ทั้งกรู้ท เนบูล่า ร็อคเก็ต แดร็กซ์ และแมนทิส มาร่วมผจญภัยด้วยกันอีก ผมเชื่อว่าพวกเขาจะมาพร้อมเสียงฮาและเรื่องกวน ๆ อีกแน่นอน รีบดูก่อนโดนสปอยล์นะครับวันเดอร์เฟรม ศุภัคชญา สุขใบเย็น ที่เติบโตมากับภาพยนตร์ของ MCU เล่าว่า ดีใจที่ได้เห็นตัวละครที่เรารักและชื่นชอบกลับมารวมตัวกันเยอะมาก ๆ ในภาคนี้ แล้วยิ่งครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมของธอร์และเพื่อน ๆ เฟรมอดใจไม่ไหวแล้วค่ะ และก็ต้องลุ้นอีกว่ามาร์เวลเค้ามีเซอไพรส์อะไรให้เรากรี๊ดกันอีก เจอกันในโรงภาพยนตร์นะคะMarvel Studios Thor: Love and Thunder ธอร์: ด้วยรักและอัสนี การผจญภัยบทใหม่หลังจากการพักรบเพื่อหาสันติในใจของเทพเจ้าแห่งสายฟ้า ธอร์ กับการต่อสู้เพื่อกำจัดนักฆ่าผู้ยิ่งใหญ่นามกอร์ กำกับภาพยนตร์โดย ไทกา ไวทีที เข้าฉายแล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ รีบดูก่อนโดนสปอยล์ความสนุกยังไม่หมดแค่ในภาพยนตร์! เหล่าศิลปินยังชวนเพิ่มอรรถรสด้วยการเที่ยว เมืองนิวแอสการ์ดจำลอง ซึ่งจะได้พบกับเรือไวกิ้ง Asgard Tours เมืองนิวแอสการ์ด และสินค้า MARVEL ลิขสิทธิ์แท้ ตั้งแต่วันที่ 5 - 17 กรกฎาคมนี้ ที่ลาน Infinicity Hall, พารากอน ซินีเพล็กซ์ ชั้น 5 สยามพารากอน #ธอร์ด้วยรักและอัสนี #ThorTHสื่อมวลชนสามารถดาวน์โหลดภาพเพิ่มเติมได้ ที่นี่ติดตามข่าวสาร และข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่Twitter: @MarvelThailandInstagram: @MarvelThailandFacebook: @MarvelThailand#ThorTH #ธอร์ด้วยรักและอัสนี

แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ไทย - จีน ผ่านศิลปินชาวจีน ซู หวงเฟย ในผลงาน Love in Siam
อ่าน

แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ไทย - จีน ผ่านศิลปินชาวจีน ซู หวงเฟย ในผลงาน Love in Siam

สถาบันประติมากรรมกว่างโจวโดยศิลปินชื่อดังชาวจีนซูหวงเฟยร่วมกับไอคอนสยามจัดนิทรรศการงานประติมากรรมภายใต้ชื่อXu Hongfei Sculpture World Tour Exhibition Thailand : Love in Siamเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทยจีนผ่านงานนิทรรศการระดับโลกและเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมเฉลิมฉลองการครบรอบ5ปีของไอคอนสยามในระหว่างวันที่1ตุลาคมถึงวันที่20ธันวาคมนี้ที่ไอคอนสยาม(1-12ตุลาคมจัดแสดงที่ริเวอร์พาร์คและวันที่13ตุลาคม 20ธันวาคมจัดแสดงที่นภาลัยเทอร์เรซชั้น7)การเดินทางของนิทรรศการงานประติมากรรมระดับโลกของศิลปินชื่อดังชาวจีนซูหวงเฟยประสบความสำเร็จอย่างมากมายในการจัดแสดงงานมาร่วม53ครั้งจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติร่วม20แห่งและจุดแลนด์มาร์คสำคัญทั่วโลกทั้งในฝรั่งเศส,ออสเตรเลีย,อิตาลี,อังกฤษ,สิงคโปร์,ตุรกี,อเมริกา,เยอรมนี,คิวบา,ญี่ปุ่นและอีกมากมายนับตั้งแต่ปี2013และครั้งล่าสุดซึ่งจัดขึ้นในเมืองไทยที่สวนหลวงพระราม8เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาโดยในครั้งนี้นิทรรศการงานประติมากรรมถูกจัดขึ้นภายใต้ชื่อXu Hongfei Sculpture World Tour Exhibition Thailand : Love in Siamด้วยผลงานในชุดChubby Womanซึ่งยังคงนำเสนอความน่ารักของสาวตุ้ยนุ้ยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขอารมณ์ขันการมองโลกในแง่ดีและความมั่นใจสู่การหลอมรวมกับลักษณะพิเศษท้องถิ่นและองค์ประกอบทางวัฒนธรรมของประเทศไทยผลงานเชื่อมโยงระยะห่างทางจิตวิญญาณระหว่างผู้คนของทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นอันนำไปสู่การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนและไทยอย่างสมบูรณ์ภาพโดย:ธนาชัยประมาณพาณิชย์