รีเซต

ผลการค้นหา “KNOT” - ทรูไอดี

ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
Macrame Snake Knot ผูกปมสร้างชิ้นงาน
อ่าน

Macrame Snake Knot ผูกปมสร้างชิ้นงาน

 หากคุณกำลังคิดหารายได้เสริมอยู่ล่ะก็  คราวก่อนไรท์มีวิธีการผลิตโบ ผูกโบด้วยเชือกดิ้น คลิกอ่านดูได้เลยค่ะ มาคราวนี้ไรท์มีการผลิตมาแนะนำอีกหนึ่งอย่าง การผลิตนี้ก็ยังคงจำเป็นต้องใช้เวลาในการผลิตเช่นกันนะคะ โดยการผลิตนั้นเราจะต้องใช้พลังใจ แรงมือและใช้ทุนสักหน่อย แต่ถ้าไม่อยากทำขายก็เอาไว้เป็นของขวัญของฝากได้นะคะในบทความนี้ไรท์จะพาผูกเชือกมัดปมให้เป็นชิ้นงานชิ้นนึงค่ะ ของสิ่งนี้จะผูกห้อยพวงกุญแจหรือจะเสริมความสวยงามให้กระเป๋าใบโปรด หรือจะนำวิธีการมัดไปดัดแปลงเป็นสร้อยข้อมือก็ได้ค่ะ  การมัดปมมาคราเม่ (Macrame) ปมนี้คือ Snake Knot ชื่อตาม ๆ ที่ท่านผู้สอนบอกมาและตัวอย่างจะใช้เชือกเกลียวเส้นใหญ่ ไรท์จะใช้อวบ ๆ หน่อยจะได้เห็นลวดลาย แต่ละคนอาจจะมีหลายวิธีในการผูกปมชนิดนี้นะคะสิ่งที่ต้องเตรียมก็เป็นอุปกรณ์สำหรับทำงานนี้ค่ะ ไม่มากมาย ก็จะมี กรรไกร สายวัดหรือไม้บรรทัดและเชือก จะใช้สีอะไร เบอร์อะไรก็ได้ค่ะ เตรียมอุปกรณ์แล้วไปดูตัวอย่างวิธีการผูกจากภาพได้เลยค่ะ1.อุปกรณ์ 2. ขนาดเชือกตัวอย่าง 0.5 cm 3. ตัดเชือกความยาวตามต้องการ แล้วพับแบ่งครึ่งดังภาพ 4. วนปลายเชือกซ้ายให้เป็นห่วงดังภาพ 5. ลักษณะที่ได้หลังจากวนเชือกทางซ้าย 6. นำปลายเชือกขวาสอดจากบนลงในห่วง 7. ปล่อยปลายเชือกขวาวางไว้ แล้วนำปลายเชือกซ้ายข้ามมา สอดจากบนเข้าในห่วงล่าง 8. ดึงปมให้พอสวยงาม 9. วางเชือกแยกปลายซ้ายและขวา 10. วนปลายเชือกทางซ้ายทิศทางเดิม โดยให้เชือกอยู่ชิดปมซ้าย  11. นำปลายเชือกขวาสอดจากบนลงในห่วง 12. นำปลายเชือกขวานั้นลอดใต้เส้นซ้ายที่วางอยู่ 13. นำปลายเส้นขวานั้นวนขึ้นด้านบนและสอดลงห่วง 14. ดึงเส้นทางซ้าย 15. ขยับเส้นซ้ายขวาเพื่อให้ปมเท่ากัน 16. เริ่มทำซ้ำข้อ 10 ถึง 15 จนได้จำนวนปมที่ต้องการ 17. ลักษณะเมื่อได้จำนวนปมที่ต้องการ 18. คลายเกลียวเชือกปลายซ้ายและขวา เพื่อให้เป็นพู่ (ข้อนี้จะไม่ทำก็ได้นะคะ แล้วแต่คนชอบไม่ชอบ) 19. ลักษณะ Snake Knot ที่เสร็จเรียบร้อย   ไรท์หวังว่าบทความนี้จะเป็นไอเดียหนึ่งในการผลิตชิ้นงานฝีมือที่มีความง่าย ฝึกทำไม่ยาก ลองนำไปทำดูนะคะ หากต้องการดูแบบเคลื่อนไหว ไรท์ก็มี VDO ให้ดูเสริมค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=eQAHQSmfx2M ไรท์เป็นกำลังใจให้ผู้ที่สนใจเริ่มทำงานฝีมือนะคะ อย่าลืมแชร์และติดตามบทความต่อไปนะคะ  ^_^เครดิตภาพ : ภาพปก และ ภาพประกอบทุกภาพ  ถ่ายและจัดทำโดย ผู้เขียนเครดิตคลิปวิดีโอ Youtube : OKPK17เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

▶️คลิป : DIY knot pillow : วิธีทำหมอนถักของตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล
อ่าน

▶️คลิป : DIY knot pillow : วิธีทำหมอนถักของตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล

หมอนถักแบบนี้เป็นหมอนที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้เลยนะคะ มีความน่ารัก minimal สุดๆ ซึ่งวิธีการเย็บนั้นไม่ยากเลยแถมเพื่อนๆ ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการถักแบบอื่นๆ ได้ด้วย โดยหมอนถักแบบนี้ สามารถนำมาใช้ได้ทั้งกอดและตกแต่งบ้านได้เลย⭐ อุปกรณ์ ⭐1. ผ้ายืด2. แกน Tissue3. ไม้บรรทัด4. ใยสังเคราะห์5. อุปกรณ์เย็บผ้า☁️ วิธีทำ ☁️1. วัดและตัดผ้าตามขนาดความกว้างบนผ้าที่พับหลายๆ ทบก่อน2. ก็จะได้ผ้าที่มีความกว้าง 15 ซม. ออกมาหลายๆ ชิ้นแบบนี้3. นำมาเย็บต่อกันให้ได้ความยาว 450 ซม. โดยเริ่มจากเย็บตามแนวกว้าง4. จากนั้นนำมาเย็บตลอดแนวยาว5. แค่นี้ก็เตรียมผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว6. จากนั้นเราจะมากลับผ้าด้านถูกกันด้วยแกน Tissue ที่นำมาต่อกันแบบนี้7. จากนั้นนำผ้าสอดเข้าไปในแกน Tissue จากนั้นพริกผ้าด้านถูกออกมาบนแกน Tissue และรูดกลับด้าน ก็จะได้ผ้าที่กลับด้านถูกออกมาหมดแล้ว8. จากนั้นก็นำแกน Tissue มาใช้อีกครั้งในการช่วยใส่ใยสังเคราะห์ ด้วยการนำผ้ามาหุ้มบนแกน Tissue โดยทำทีละครึ่งของความยาวทั้งหมด ซึ่งก็จะใช้เชือกผูกกั้นกึ่งกลางไว้9. ใส่ใยสังเคราะห์ได้เลย โดยใช้ไม้บรรทัดช่วยดันใยสังเคราะห์10. เมื่อใส่ใยสังเคราะห์จนสุดปลายแล้วให้ทำการมัดปม จากนั้นก็ใส่ใยสังเคราะห์กับผ้าอีกด้านที่เหลือเช่นกัน และอย่าลืมแกะเชือกที่ผูกกั้นไว้ด้วยนะ11 เมื่อเสร็จแล้วจะเป็นแบบนี้เลยจากนั้นเราจะนำไปถักกันต่อเลย12. เริ่มจากขดจากปลาย 3 รอบ13. จากนั้นหมุนรอบขวางจากแนวเดิมจำนวน 3 รอบ14. และนำปลายของอีกด้านมาสอดที่ช่องนี้ 15. และนำมาสอดช่องนี้ทำซ้ำไปจำนวน 3 รอบเช่นกัน16. เก็บปลายทั้งสองข้าง แค่นี้หมอนถักของเราก็เสร็จเรียบร้อยแล้วและหากมีข้อสงสัยหรืออยากให้บีแชร์อะไรเพิ่มเติมก็ Comment มาคุยกันได้เลยนะคะ 🥰และอย่าลืมติดตามบีทางช่องทางอื่นๆ ด้วยนะคะ💖 Let's be friends 💖☁ Youtube☁ Facebook☁ Instagram☁ Tiktok☁ Twitter☁ Pinterest☁ LINE Official Account☁ TrueID In-Trend☁ Blockdit☁ Pantip☁ Dek-D☁ Websiteเครดิตภาพประกอบทั้งหมด / วีดีโอคลิป : ผู้เขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน  App TrueID โหลดเลย ฟรี !

▶️คลิป :  DIY knot pillow: วิธีทำหมอนถักรองนั่งของตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล
อ่าน

▶️คลิป : DIY knot pillow: วิธีทำหมอนถักรองนั่งของตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล

วันนี้เรามาทำหมอนถักแบบที่ 2 แบบนี้กัน ซึ่งสามารถใช้เป็นเบาะรองนั่งบนเก้าอี้หรือบนพื้นได้ด้วย แถมยังนุ่มนิ่มสุดๆ และถ้าวางไว้ในบ้านคือ น่ารักและminimal มากๆ เป็นของตกแต่งบ้านอีกอย่างได้เลย⭐ อุปกรณ์ ⭐1. ผ้ายืด2. แกน Tissue3. ไม้บรรทัด4. ใยสังเคราะห์5. อุปกรณ์เย็บผ้า☁️ วิธีทำ ☁️1. วัดและตัดผ้าตามขนาดความกว้างบนผ้าที่พับหลายๆ ทบก่อน2. ก็จะได้ผ้าที่มีความกว้าง 15 ซม. ออกมาหลายๆ ชิ้นแบบนี้3. นำมาเย็บต่อกันให้ได้ความยาว 450 ซม. โดยเริ่มจากเย็บตามแนวกว้าง4. จากนั้นนำมาเย็บตลอดแนวยาว5. แค่นี้ก็เตรียมผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว6. จากนั้นเราจะมากลับผ้าด้านถูกกันด้วยแกน Tissue ที่นำมาต่อกันแบบนี้7. จากนั้นนำผ้าสอดเข้าไปในแกน Tissue จากนั้นพริกผ้าด้านถูกออกมาบนแกน Tissue และรูดกลับด้าน ก็จะได้ผ้าที่กลับด้านถูกออกมาหมดแล้ว8. จากนั้นก็นำแกน Tissue มาใช้อีกครั้งในการช่วยใส่ใยสังเคราะห์ ด้วยการนำผ้ามาหุ้มบนแกน Tissue โดยทำทีละครึ่งของความยาวทั้งหมด ซึ่งก็จะใช้เชือกผูกกั้นกึ่งกลางไว้9. ใส่ใยสังเคราะห์ได้เลย โดยใช้ไม้บรรทัดช่วยดันใยสังเคราะห์10. เมื่อใส่ใยสังเคราะห์จนสุดปลายแล้วให้ทำการมัดปม จากนั้นก็ใส่ใยสังเคราะห์กับผ้าอีกด้านที่เหลือเช่นกัน และอย่าลืมแกะเชือกที่ผูกกั้นไว้ด้วยนะ11 เมื่อเสร็จแล้วจะเป็นแบบนี้เลยจากนั้นเราจะนำไปถักกันต่อเลย12. โดยทำตามขั้นตอนตามภาพเลย13. เมื่อถักเสร็จเรียบร้อยก็จะมาเก็บปลายสายเข้าด้วยกัน โดยตัดความยาวส่วนเกินออก นำใยสังเคราะห์ส่วนเกินออก14. ตัดปลายอีกด้านให้ความยาวพอดีกันและก็เย็บปลายทั้งสองติดกันได้เลย15. ซ่อนรอยเย็บและจัดตกแต่งให้เรียนร้อยแค่นี้หมอนถักรองนั่งของเราก็เสร็จเรียบร้อยแล้วและหากมีข้อสงสัยหรืออยากให้บีแชร์อะไรเพิ่มเติมก็ Comment มาคุยกันได้เลยนะคะ 🥰และอย่าลืมติดตามบีทางช่องทางอื่นๆ ด้วยนะคะ💖 Let's be friends 💖☁ Youtube☁ Facebook☁ Instagram☁ Tiktok☁ Twitter☁ Pinterest☁ LINE Official Account☁ TrueID In-Trend☁ Blockdit☁ Pantip☁ Dek-D☁ Websiteเครดิตภาพประกอบทั้งหมด / วีดีโอคลิป : ผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน  App TrueID โหลดเลย ฟรี !

ห่วงแรกเริ่ม Slip Knot
อ่าน

ห่วงแรกเริ่ม Slip Knot

      ไรท์เคยเขียนบทความเกี่ยวกับการขึ้นต้นห่วงบนไม้นิตไปแล้ว แต่บทความนี้ไรท์จะพาไปรู้จักกับห่วงแรกเริ่มก่อนที่จะนำไปสู่ห่วงต่อ ๆ ไป บนไม้นิต ซึ่งมีการผูกแบบไม่ตายตัวค่ะ        การเริ่มผูกห่วงแรกเริ่มนี้ ใช้ได้ทั้งการถักนิตติ้ง (Knitting) และการถักโครเชต์ (Crochet) ค่ะ สิ่งที่ต้องเตรียมก็คือไหมพรม ซึ่งเป็นอุปกรณ์หลักในบทความนี้เลยนะ ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มกันเลยค่ะ1. เตรียมเส้นไหม  2. วนไหมปลายสั้นจากขวาไปซ้ายทับบนเส้นยาวเป็นวง 3. จับตรงจุดที่ทับกันไว้ นำปลายเส้นสั้นไปหลังวง 4. ทำมือขวาในท่าจีบ  5. สอดมือจีบเข้าไปในห่วง  6. จับเส้นหลังลอดออกมา ให้เป็นห่วงใหม่  7. ดึงเส้นไหมให้ปมกระชับ  8. ลักษณะห่วง Slip Knot พร้อมใช้งาน  9. นำห่วง Slip Knot สอดไม้ซ้าย  นำไม้เปล่ามาสอดห่วงเพื่อให้แน่ใจว่าห่วงไม่แน่นหรือหลวมเกินไป  10. หากดึงไหมปลายเส้นสั้น ห่วงจะคลายออก  11. ลักษณะเมื่อดึงเส้นสั้นออก ไหมจะคลายออกดังภาพ          เอาล่ะดูภาพประกอบแล้ว ง่ายใช่มั้ยล่ะคะ แต่ถ้าอยากดูแบบเคลื่อนไหวไรท์มี Video มาเพิ่มเติมให้ค่ะhttps://youtu.be/mpvrTqGmvuAวิดีโอ การทำ Slip Knot ห่วงแรกเริ่ม          บางครั้งสิ่งที่เราเรียนจากการเรียนวิชาลูกเสือเนตรนารีนี่ก็ได้ใช้ประโยชน์นะ ไรท์ก็เป็นเนตรนารีมาระยะหนึ่ง เรียนผูกเงื่อนบางเงื่อนด้วย แต่สุดท้ายก็ลืม จนกระทั้งมานึกได้ว่าเงื่อนยังมีอีกหลากหลายแบบ อย่างเช่นที่ผูกปมในงานถัก (อันนี้นี่ก็เงื่อนสินะ นึกแล้วเออก็ใช่)         และในตอนนี้คุณก็เริ่มต้นผูกห่วงแรกเริ่มได้เพิ่มอีกหนึ่งวิธีแล้วนะคะ ไรท์เป็นกำลังใจให้ผู้ที่สนใจเริ่มทำงานฝีมือค่ะ อย่าลืมแชร์และติดตามบทความต่อไปนะคะ  ^_^เครดิตภาพ : ภาพปก และ ภาพประกอบทุกภาพ  ถ่ายและจัดทำโดย ผู้เขียน  เครดิต Youtube : OkPk17  โดย ผู้เขียน  เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

Bottega Veneta เผยโฉมกระเป๋า Knot และ Cabat คอลเลกชั่น Winter 22
อ่าน

Bottega Veneta เผยโฉมกระเป๋า Knot และ Cabat คอลเลกชั่น Winter 22

คอลเลกชั่น Winter 2022 นำโดยครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ Matthieu Blazy เน้นย้ำพื้นฐานของแบรนด์ ที่ได้คำนึงถึงการสร้างสรรค์จากอดีต เพื่อตระหนักถึงปัจจุบัน และ ทำให้เกิดอนาคต โดยสะท้อนผ่านคอลเลกชั่นนี้ ซึ่งรังสรรค์ผ่านกระเป๋า Knot และ Cabat พร้อมยกระดับงานฝีมืออันวิจิตรประณีตออกมาได้อย่างลงตัว กระเป๋า Knot Clutch ถูกนำเสนอครั้งแรกในปี ค.ศ. 2001 โดยชื่อของกระเป๋ารุ่นนี้ได้รับแรงบัลดาลใจมาจาก clasp knot หรือปมที่ถูกตกแต่งไว้ด้านบนของตัวกระเป๋าเป็นเกลียวที่สามารถเปิดปิดกระเป๋าได้ โดยการหวนคืนของกระเป๋ารุ่น Knot Minaudiere ครั้งนี้ใน Winter 22 Show ของ ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ Matthieu Blazy ถูกรังสรรค์ขึ้นโดยนำเสนอตัวเลือกที่นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น และเลือกใช้เทคนิคพิเศษในการยกระดับผลงานชิ้นเอกในขณะที่ยังคงเอกลักษณ์โดดเด่นของ Bottega Veneta อีกทั้งอะไหล่โลหะเปิดปิดกระเป๋า Knot ยังได้รับการออกแบบใหม่เพิ่มความทันสมัย ทางแบรนด์เลือกใช้วัสดุจากทองเหลือง (Muse Brass) มอบสไตล์ใหม่และมีขนาดใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย ชวนให้นึกถึงประวัติศาสตร์และมรดกของแบรนด์อย่างแท้จริง และในครั้งนี้ Knot มาในรูปแบบ foulard intreccio ที่มีการดัดแปลงให้ต่างจากเดิมซึ่งทำมาจากลูกวัวกระดาษ (Paper Calf) อีกหนึ่งใบที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2001 เช่นเดียวกัน นั้นคือกระเป๋า Cabat ซึ่งถือเป็นอีกรุ่นไอคอนิกของ Bottega Veneta อีกทั้งยังถูกรังสรรค์จากช่างฝีมือด้วยหนังสานทั้งสองด้านของตัวกระเป๋า เพิ่มความงดงามให้กับกระเป๋าโดยทำให้มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นการใช้งาน กระเป๋า Cabat เป็นผลงานชิ้นเอกในช่วงสมัยของ Tomas Maier ครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนก่อนหน้า Daniel Lee คอลเลกชั่น Winter 2022 ยังมีไอเท็มที่น่าสนใจอีกมากมาย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Bottega Veneta Store ทุกสาขาหรือ www.bottegaveneta.com

ต้อนรับซัมเมอร์นี้กับรองเท้ารุ่น Knot Mules จาก Bottega Veneta
อ่าน

ต้อนรับซัมเมอร์นี้กับรองเท้ารุ่น Knot Mules จาก Bottega Veneta

ต้อนรับซัมเมอร์นี้กับรองเท้ารุ่น Knot Mules จาก Bottega Veneta ซึ่งเป็นรองเท้าส้นสูงมาพร้อมฮาร์ดแวร์สีทองทรงผูกปมหรือ knot ที่สามารถเห็นได้ผ่านกระเป๋าและ ready-to-wear รุ่นที่ผ่านมาของ Bottega Veneta ซึ่งรองเท้าคู่นี้ถูกรังสรรค์ขึ้นมาให้มีความสมดุลสำหรับการสวมใส่ทุกโอกาส โดยด้านหน้าของรองเท้ามีความเรียบง่ายสะอาดตาและส้นรองเท้าเปรียบเสมือนอัญมณี มีความสูง 11 เซนติเมตร และยังสามารถมองเห็นได้เพียงบางมุมเท่านั้นอีกด้วย หัวรองเท้าทรงเหลี่ยมขอบมนชวนที่ให้นึกถึงกานาลัซโซ (Canalazzo) หรือ คลองใหญ่เส้นสำคัญใจกลางเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี และนอกจากนั้นยังมีพื้นยางชั้นนอกที่ถูกรังสรรค์ออกมาให้สามารถสวมใส่ได้อย่างสบาย แสดงให้เห็นถึงลักษณะที่มีความสปอร์ตตี้ที่สามารถดึงคอนเซปต์การขับเคลื่อนงานฝีมือ หรือ Craft in Motion ออกมาได้เป็นอย่างดี โดยรองเท้ารุ่น Knot Mules มาด้วยกันทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีดำ (Black) สีแดงเข้ม (Merlot) สีขาว (Off-white) และสีเบจ (Cipria)

สิ้น “โรเจอร์ มิเชลล์” ผกก. Notting Hill และ Persuasion
อ่าน

สิ้น “โรเจอร์ มิเชลล์” ผกก. Notting Hill และ Persuasion

ร่วมไว้อาลัยแด่การจากไปของ โรเจอร์ มิเชลล์ (Roger Michell) ผู้กำกับชาวอังกฤษคนดังแห่งหนัง Notting Hill และ Persuasion หลังครอบครัวเปิดมีแถลงว่าสุดยอดผู้กำกับท่านนี้สิ้นลมในวัย 65 ปี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (22 ก.ย. 64) โดยไม่มีการเปิดเผยถึงสถานที่และสาเหตุการเสียชีวิต ทั้งนี้ ตามประวัติระบุว่า เกิดที่แอฟริกาใต้เนื่องจากบิดาไปเป็นทูตอยู่ที่นั่น และเขาเริ่มต้นงานกำกับการแสดงกับงานละครเวที ก่อนจะโด่งดังเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากซีรีส์ The Buddha of Suburbia และภาพยนตร์ทางทีวีเรื่อง Persuasion ดัดแปลงจากนิยายดังของ เจน ออสเตน (Jane Austen) ขณะที่ผลงานภาพยนตร์ซึ่งยังครองใจแฟนหนังรักโรแมนติกสุดละเมียดคือ Notting Hill (1999) นำแสดงโดย จูเลีย โรเบิร์ตส์ (Julia Roberts) และ ฮิวจ์ แกรนท์ (Hugh Grant) ซึ่งทำเงินทั่วโลกกว่า 12,000 ล้านบาท กำไรเกือบ 9 เท่าตัวของทุนสร้าง นอกจากนี้ผลงานดังยังมีหนัง Changing Lanes (2002), The Mother (2003), Enduring Love (2004), Venus (2006), Hyde Park on Hudson (2012), Black Bird (2019) และ The Duke (2020)

สิ้นผู้กำกับหนังรักโรแมนติก 'โรเจอร์ มิทเชลล์' จาก 'Notting Hill' ในวัย 65
อ่าน

สิ้นผู้กำกับหนังรักโรแมนติก 'โรเจอร์ มิทเชลล์' จาก 'Notting Hill' ในวัย 65

สิ้นผู้กำกับหนังรักโรแมนติก โรเจอร์ มิทเชลล์ จาก Notting Hill ในวัย 65 เอเอฟพี รายงาน โรเจอร์ มิทเชลล์ ผู้กำกับจากภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่องดัง Notting Hill เสียชีวิตในวัย 65 ปี ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยสาเหตุการเสียชีวิต ข่าวอ้างตัวแทนของมิทเชลล์ แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายนว่า เป็นความเสียใจอย่างยิ่งที่ครอบครัวของ โรเจอร์ มิทเชลล์ ผู้กำกับ นักเขียนบท และพ่อของแฮร์รี, โรซี, แม็กกี้ และสแปร์โรว์ ขอแจ้งข่าวการเสียชีวิตของเขาในวัย 65 ปีเมื่อวันที่ 22 กันยายน มิทเชลล์ เกิดที่แอฟริกาใต้ มีพ่อเป็นนักการทูตชาวอังกฤษ เคยใช้ชีวิตวัยเด็กอยู่ที่กรุงเบรุต ประเทศเลบานอน, กรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย, กรุงปราก สาธารณรัฐ เช็ก ก่อนจะกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เคยเป็นผู้ช่วยผู้กำกับอยู่ที่โรงละคร Royal Court Theatre เคยร่วมงานกับ แดนนี บอยล์ ผู้กำกับจาก Slumdog Millionaire หลังประสบความสำเร็จจาก Notting Hill ภาพยนตร์รักโรแมนติกปี 2542 นำแสดงโดย ฮิวจ์ แกรนท์ และ จูเลีย โรเบิร์ต ต่อมา มิทเชลล์ มีผลงานกำกับอีกหลายเรื่อง รวมทั้ง Changing Lanes นำแสดงโดย เบน แอฟเฟล็ก และซามูเอล แอล.แจ็กสัน , เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา มิทเชลล์ยังไปร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์ Telluride Film Festival ในสหรัฐอเมริกาเพื่อโปรโมตภาพยนตร์เรื่อง The Duke ที่นำแสดงโดยเฮเลน เมียร์เรน

รีวิว Notting Hill (1999) รักบานฉ่ำที่น็อตติ้งฮิลล์ : หนังรักสุดคลาสสิค
อ่าน

รีวิว Notting Hill (1999) รักบานฉ่ำที่น็อตติ้งฮิลล์ : หนังรักสุดคลาสสิค

                หากพูดถึงภาพยนตร์รักโรแมนติกปนตลกหลาย ๆ คนจะต้องรู้จักกับภาพยนตร์ยุค 90’s เรื่อง รักบานฉ่ำที่น็อตติ้งฮิลล์ อย่างแน่นอน เพราะเรื่องนี้เป็นหนังรักสุดคลาสสิคที่มีครบรสหลากหลายอารมณ์ แถมฉากภายในเรื่องอย่างย่านน็อตติ้งฮิลล์ ยังทำให้หลาย ๆ คนตกหลุมรักเข้าอย่างจัง วันนี้เราเลยอยากจะมาฟื้นคืนชีพหนังภาพยนตร์ดัง ‘รักบานฉ่ำที่น็อตติ้งฮิลล์ (1999)’ ให้เพื่อน ๆ ได้ชมกัน หากพร้อมแล้วก็มาชมกันเลย~ เนื้อเรื่องย่อภาพยนตร์รักบานฉ่ำที่น็อตติ้งฮิลล์ https://youtu.be/4RI0QvaGoiI                  เรื่องราวเริ่มต้นจาก ‘วิลเลียม ธาคเกอร์’ หนุ่มนัยตาหวานเจ้าของร้านหนังสือนำเที่ยวในย่านน็อตติ้งฮิลล์ ซึ่งเขาเป็นคนที่มีชีวิตเรื่อย ๆ เรียบ ๆ แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็นำพาสาวสวยคนหนึ่งเดินผ่านเข้ามาในร้านนั้นคือ ‘แอนนาสก็อตต์’ โดยเธอคนนี้ไม่เหมือนกับลูกค้าธรรมดาคนอื่น ๆ เธอสวยมีเสน่ห์แถมยังมีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ทำให้วิลเลียมตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น จากนั้นก็มีเหตุการณ์บังเอิญหรือพรมลิขิตทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน โดยวิลเลียมเพิ่งมารู้ว่าแอนนาเป็นดาราฮอลลีวูด ทำให้เขาย่อมรู้สถานะของตัวเองว่ามันคงเป็นแค่ฝัน             แต่แล้วด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ ทำให้แอนนาก็เริ่มมีความรู้สึกดีกับสก็อตเช่นเดียวกัน เธอจึงเหมือนเริ่มปูทางและเข้าหาสก็อต แอนนาก็ได้มีการไปกินเลี้ยงงานวันเกิดสก็อต ตรงจุดนี้ทำให้ทั้งคู่ต่างเริ่มรู้สึกดีต่อกันและกันเพิ่มขึ้น ซึ่งเรื่องราวเหมือนจะดีขึ้นแต่แล้ว! เมื่อแอนนาชวนสก็อตขึ้นไปบนห้อง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเจอกับแฟนของแอนนาที่มาเซอร์ไพรส์ทำให้สก็อตรู้สึกแย่และผิดหวังเป็นอย่างมาก                 หลังจากเรื่องราวผ่านไป ต่างคนต่างกลับไปอยู่ที่เดิม ใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ แต่วันหนึ่งแอนนาก็มาเคาะประตูบ้านสก็อตและขอพักในบ้านสก็อตเพราะตอนนี้เธอถูกนักข่าวตามตัวเรื่องที่ภาพนู้ดของเธอถูกปล่อยออกมา ครั้งนี้ก็ถือว่าทั้งสองได้รู้จัก ใช้ชีวิต เห็นกันและกันมากขึ้น ความรู้สึกในใจของทั้งแอนนาและสก็อตชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ครั้งนี้มีอุปสรรคอีกครั้งแต่แล้วแอนนาเธอก็แสดงด้านมืดออกมา เธอโกรธ อารมณ์เสียสก็อตแบบไม่มีสาเหตุ                 ซึ่งสุดท้ายแล้วเมื่อหลายปีผ่านไป สก็อตและแอนนาก็กลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้แอนนาเป็นคนที่รู้สึกผิด กลับมาขอโทษและขอคืนดีสก็อตเพราะเธอเพิ่งจะ Realize ว่าสก็อตนั้นเป็นผู้ชายที่ดีกับเธอมากมายขนาดไหน โดยครั้งนี้สก็อตไม่ใช่ผู้ชายคนเดิมอีกต่อไป เขารู้วึกว่าอยากจะเซฟหัวใจของตนเอง แต่แล้วเขาก็กลับยอมแพ้กับใจตัวเองอีกครั้งกับผู้หญิงที่ชื่อ ‘แอนนา’ รีวิวภาพยนตร์รักบานฉ่ำที่น็อตติ้งฮิลล์                  โดยภาพยนตร์รักบานฉ่ำที่น็อตติ้งฮิลล์นั้นเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดีที่ถูกถ่ายทำที่สถานที่จริงอย่าง น็อตติ้งฮิลล์ กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ซึ่งตัวพล็อตเรื่องเป็นแนวแบบ Simple ไม่มีอะไรซับซ้อน สไตล์ยุค 90’s แถมยังดำเนินเรื่องอย่างไวมาก ๆ ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็มี  First impress ที่ถูกตาต้องใจต่อกัน หลังจากนั้นเรื่องก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ แต่อุปสรรคก็คือพระเอกเป็นเจ้าของร้านหนังสือท่องเที่ยวธรรมดาคนหนึ่งที่พบรักกับดาราสาวฮอลลีวูด ทำให้สังคมที่พบเจอต่างกันมาก แถมดาราสาวคนนี้ก็อารมณ์แปรปรานซะเหลือเกิน หากคิดจริง ๆ มันก็คงเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปได้ยาก แต่หนังก็ Present ออกมาให้มีความกินใจและแสนโรแมนติก              ซึ่งอีกหนึ่งจุดเด่นที่หลาย ๆ คนพูดถึงนั้นคือฉากแต่ละฉากภายในเรื่องนี้นั้นถูกถ่ายทำจากสถานที่จริงทั้งหมด นั้นคือ ‘น็อตติ้งฮิลล์ กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ’ (ณ ปัจจุบันก็ยังมีและคึกคักเหมือนเดิม) โดยหากพูดถึงน็อตติ้งฮิลล์ก็จะคิดถึงหนังเรื่องนี้ทันที โดยเป็นย่านอบอุ่นที่น่าหลงไหล ซึ่งนอกจากจุดที่ทำการแสดงแล้วนั้นก็ยังมีอีกหลายหลายจุดที่น่าสนใจและสีเสน่ห์ โดยภายในเรื่องนั้นจะเป็นตึกราบ้านช่อง ขั้นกลางด้วยตลาด ให้ฟิลแบบอบอุ่นสไตล์อังกฤษ โดยบวกกับความ 90’s style ไปด้วยแล้วนั้นก็ขอบอกได้เลยว่าที่สุดของความดีงาม! เพราะโทนสีต่าง ๆ มีความโดดเด่น ดูตรงไหนก็น่ามองไปซะหมด อย่างฉากท้าย ๆ ที่พระเอกมีการเดินไปตามถนนเรื่อย ๆ และมีฤดูที่เปลี่ยนไป ทำให้เห็นน็อตติ้งฮิลล์ในหลากหลายบริบท และส่วนตัวที่เราชอบที่สุดนั้นคือฤดูหนาว หิมะตกค่ะ ให้ฟิลแบบอบอุ่นหัวใจ แถมยังมี Gimmick เล็ก ๆ ในฉากนั้น ๆ ชวนให้หลงอีกด้วย             ตัวนักแสดงเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่มาเติมเต็มเนื้อเรื่อง ซึ่งพระ-นางในเรื่องนี้นั้นเป็นอะไรที่ Good Combination สุดยอด! นางเอกเรื่องนี้คือ ‘จูเลีย ฟีโอนา โรเบิตส์ (Julia Fiona Roberts)’ ซึ่งจูเลียนั้นได้รับการยกย่องให้เป็นนักแสดงหญิงชั้นนำในวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดเลยทีเดียวละค่ะ เพราะนอกจากหน้าตาที่สวยดูเก๋แล้วนั้นการแสดงของเธอก็ระดับโปรสุด ๆ อย่างในเรื่องภาพยนตร์รักบานฉ่ำที่น็อตติ้งฮิลล์ เธอรับบทเป็น แอนนา สก็อตต์ เป็นดาราสาวสวยดีกรีระดับฮอลลีวูด ซึ่งดูภายนอกเป็นคนนิ่งขรึม ใจเย็นและเก็บความรู้สึกอึดอัดในการเป็นนักแสดงบางอย่างไว้ในใจ โดยหลังจากเรื่องดำเนินไปเรื่อย ๆ กลับไม่เป็นงั้นเธอนิสัยของเธอกลับกลายเป็นหน้ามือเป็นหลังมือซะงั้น ทำเอาคนดูแบบเราค่อนข้างมีความ งง อยู่ไม่น้อยค่ะ แต่ต้องนับถือว่าจูเลียเธอแสดงบทบาท mood อารมณ์ต่าง ๆได้เรียลเลยทีเดียว              แต่ความพิเศษและหลาย ๆ คนชอบมากมากนั้นคือบทบาทของ วิลเลียม ธาคเกอร์ ซึ่งแสดงโดยฮิว แกรนด์ เป็นนักแสดงชาวอังกฤษเจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำ! ส่วนตัวเรานั้นประทับใจในตัวฮิวมาก โดยเป็นบทบาทของหนุ่มเจ้าของร้านหนังสือท่องเที่ยวแสนธรรมดาในย่านน็อตติ้งฮิลล์ เป็นหนุ่มนัยตาสีฟ้ามองแล้วชวนหลง ลุคของเขาดูเป็นคนใจดี ยิ้มง่าย สิ่งนี้เองทำให้เขาดู Shine และมีเสน่ห์อย่างเหลือล้น บวกกับตอนที่เขาอยู่กับแอนนาจะมีความความโรแมนติกและดูสุภาพบุรุษเป็นอย่างมาก ยิ่งตอนเขายิ้มแล้วด้วยนะบอกเลยว่าละมุนมากแม่~ เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับ รีวิวหนังดัง รักบานฉ่ำที่น็อตติ้งฮิลล์ (1999) โดยบอกได้เลยว่าเรื่องนี้ต้องใช้คำว่า Never Die อมตะจริง ๆ ค่ะเพราะไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัยก็ยังคงเป็นหนังที่อยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน อีกทั้งยังสามารถดูได้เรื่อย ๆ ไม่มีเบื่ออีกต่างหาก หากใครอยากจะตามไปดู ก็สามารถรับชมได้ทาง Netflix แล้วนะคะ ^^เครดิตภาพประกอบบทความ IMDb Notting Hill (1999) ภาพหน้าปก1 / ภาพหน้าปก2เครดิตภาพประกอบบทความจาก IMDb Notting Hill (1999) ภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่3 / ภาพที่4 / ภาพที่5 / ภาพที่6 / ภาพที่7 / ภาพที่8เครดิตวิดิโอประกอบบทความโดย MovieclipsNotting Hill Official Trailer #1 - (1999) HD สามารถรับชมได้ที่ Netflix ผ่านกล่อง True ID TV 🎬อัปเดตข่าว ดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี!

รีวิว Notting Hill (1999) รักบานฉ่ำตลกของดาราสาวกับหนุ่มร้านหนังสือ บน Netflix
อ่าน

รีวิว Notting Hill (1999) รักบานฉ่ำตลกของดาราสาวกับหนุ่มร้านหนังสือ บน Netflix

     รีวิว Notting Hill รักบานฉ่ำของดาราสาวกับหนุ่มร้านหนังสือ บน Netflix กระแสวลี "Surreal, but nice" หลากหลายคนคงเคยจะชอบศิลปินชื่อเสียงที่เป็นหน้าเป็นตาในวงการรวมไปถึง "วิลเลี่ยม แธคเกอร์" หรือเรียกว่า "วิลล์" ที่ได้ไปตกหลุมรักดาราสาวสวยชื่อดังอย่าง "แอนนา สก๊อต" แล้วทั้งคู่ก็ได้ตกหลุมรักกันจนได้เกิดเรื่องราวต่างๆตามมา เรื่องย่อ   หนังพูดถึงเรื่องราวของ "วิลเลี่ยม แธคเกอร์" เจ้าของร้านขายหนังสือท่องเที่ยวในย่านหนึ่งแต่แล้วก็ได้พบกับดาราสาวชื่อดัง "แอนนา สก๊อต" ได้เข้ามาเป็นลูกค้าจนเกิดเรื่องราวที่ทำให้สองคนได้ตกหลุมรักกัน แต่เมื่อต้องเผชิญอุปสรรคความรักที่ต้องแอบคบกับดาราจึงเกิดเรื่องราวที่ทำให้ความสัมพันธ์สั่นคลอนแล้วทั้งคู่จะปรับปรุงให้ความสัมพันธ์มันเป็นไปแนวไหนต้องคอยมาลุ้นกันการดำเนินเรื่องราวและโทนสีที่ไม่น่าเบื่อ  สำหรับหนังรักคลาสสิกยุค 1999 แต่ภาพยังสวย น่าดูอยู่เสมอ จัดโทนสีภาพได้อย่างอบอุ่นโรแมนติก แค่เพียงการดำเนินเรื่องตั้งแต่ต้นก็น่าติดตามมากแล้วจุดพีคของเรื่องก็ขึ้นมากๆตรงช่วงกลางเรื่อง ที่เริ่มมีการทะเลาะของตัวเอกทั้งวิลเลี่ยมและแอนนาแถมพร้อมมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ทั้งคู่ต้องแยกจากกันชื่อเสียงไม่ได้มีส่วนสำคัญในความรัก  ภายในเรื่องแอนนา ดาราสาวมักจะมีชื่อเสียง ช่วงแรกก็สามารถตกหลุมรักกันได้แต่เมื่อเกิดข่าวซุบซิบเรื่องดาราสาวมีความรักกับคนนอกวงการ ความสัมพันธ์เริ่มสั่นคลอนขึ้นมา จุดน่าสนใจของเรื่องก็คงจะเป็นความรักที่คนธรรมดานั้นสามารถรักกับคนในวงการที่มีชื่อเสียงได้หรือไม่และแอนนาจะยอมลดชื่อเสียงเพื่อความรักได้หรือป่าว ต้องลองไปรับชมกันมุกตลกสุดคลาสสิกที่โครตขำจนดิ้น   Notting Hill ไม่เพียงเป็นแค่หนังรักแต่ยังเป็นหนังตลกเบาสมองอีกด้วย ทางเรามักจะไม่ได้ให้เพราะเนื้อหาเรื่องราวความรักแต่ทางเราเทใจให้เพราะมีความตลกอยู่ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่อง เป็นมุกคลาสสิกที่ทำให้มีความอมยิ้มเล็กๆและเวลามีฉาก "วิลล์คู่สไปค์" ทางเรานี่ขำไม่หยุดด้วยความตลกซื่อๆแบบไม่รู้เรื่องรู้ความของสไปค์ทำให้หนังมีสีสันและไม่น่าเบื่อจนเกินไป ต้องนับถือ "ผู้กำกับ Roger Michell" ที่สอดแทรกมุกตลกได้อย่างธรรมชาติในหนังรักขนาดนี้ความรู้สึกประทับใจหนังรักเรื่องนี้จนล้น​​​​​​​   Notting Hill หนังรักที่เราให้คะแนนสูงมากและชอบมากจริงๆ คลายเครียดเรื่อยๆ จากเรื่องเครียดที่หนักสมองสามารถเบาได้ทันทีที่ดูเรื่องนี้ ไม่ได้เสนอความดราม่าที่ต้องร้องไห้จนใจจะขาด แต่แอบอมยิ้มและน้ำตาไหลด้วยความปลื้มปริ่มใจในตัวละครมากกว่า    วลีเด็ดของหนังคงไม่พ้น "Surreal, but nice" เหมือนฝันแต่มันดีมากเลย กล่าวโดยวิลเลี่ยม และยังเป็นวลีที่เรารู้สึกชอบอีกด้วยและคำพูด " I'm just a girl, standing in front of a boy, asking him to love her.” ฉันก็แค่ผู้หญิงคนนึงที่กำลังยืนอ้อนวอนขอให้ผู้ชายรัก ซึ่งเป็นคำที่กระแทกใจดังเฮือกสุดๆ ยังจะมีวลีไหนอีกต้องไปรับชมกันนะคะ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ทางเราตกหลุมรักหนังรักตลกนี้แบบไม่รู้ตัวกันเลยทีเดียว  Notting Hill (1999)https://twitter.com/netflix/status/1394048835018649601?s=21t=3jW-dDHh-tYmZRRLdVsisw    Notting Hill รักบานฉ่ำตลกของดาราสาวกับหนุ่มร้านหนังสือ สามารถรับชมได้บน Netflix ซึ่งเป็นหนังที่ควรค่าแก่การดูมากจริงๆ ขอให้ผู้ชมสนุกกับการรับชมขอบคุณภาพหน้าปกNotting Hill : ภาพปกขอบคุณภาพประกอบNetflix : ภาพ 1 / ภาพ 2 / ภาพ 3 / ภาพ 4ขอบคุณวีดีโอNetflix : วีดีโอ#Notinghill #nottinghill1999 #รักบานฉ่ำเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!​​​​​​​

Samsung ขยาย Knox ไปเพิ่มความปลอดภัยให้สมาร์ตทีวีในปี 2024 นี้
อ่าน

Samsung ขยาย Knox ไปเพิ่มความปลอดภัยให้สมาร์ตทีวีในปี 2024 นี้

หลังจากที่ Samsung ได้นำ Samsung Knox ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจัดการและรักษความปลอดภัยข้อมูลที่ Samsung พัฒนาขึ้นเอง มาใช้กับอุปกรณ์หลายรุ่นของแบรนด์มานานนับทศวรรษ โดยล่าสุด Samsung ได้ประกาศขยายการใช้งาน Samsung Knox ไปยังสมาร์ตทีวีในปี 2024 นี้ Samsung ได้เปิดเผยว่า Samsung Knox ได้รับการรับรองความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับสากล Common Criteria (CC) ไปอีกหนึ่งปี ซึ่งเป็นเกณฑ์ความปลอดภัยระดับมาตรฐานสำหรับผลิตภัณฑ์ไอที และเป็นการยืนยันให้ทราบว่า สมาร์ตทีวีจะได้รับการป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ในเร็ว ๆ นี้ด้วย จากการได้รับการรับรอง Common Criteria นั้น แสดงให้เห็นว่า Samsung Knox สามารถใช้งานฟีเจอร์หลัก 3 ตัว บนสมาร์ตทีวีได้เป็นอย่างดี ได้แก่ Tizen OS Monitoring ซึ่งจะช่วยตรวจจับภัยคุกคามจากการแฮกแบบเรียลไทม์สำหรับสมาร์ตทีวีของ Samsung Phishing Website Blocking ซึ่งแพลตฟอร์มจะเว็บไซต์ที่ถูกเปิดขึ้นมานั้นมีความปลอดภัย และไม่มีการคุกคามข้อมูลและความปลอดภัยของผู้ใช้แต่อย่างใด ใช้หน่วยประมวลผลความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เรียกว่า Knox Vault ช่วยยืนยันความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่อง ที่มา : GSMArena

พม. เปิดตัวหนังสือการ์ตูน Know Covid รู้ทันโควิด ให้ความรู้คนไทยฝ่าวิกฤต
อ่าน

พม. เปิดตัวหนังสือการ์ตูน Know Covid รู้ทันโควิด ให้ความรู้คนไทยฝ่าวิกฤต

พม. เปิดตัวหนังสือการ์ตูน Know Covid รู้ทันโควิด ให้ความรู้คนไทยฝ่าวิกฤต รู้ทันโควิด เมื่อเวลา 14.20 น. วันที่ 26 พฤษภาคม นายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานการแถลงข่าวเปิดตัวหนังสือการ์ตูน KnowCovid รู้ทันโควิด โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงพม. องค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข กลุ่ม KnowCovid และกลุ่มบริษัทบันลือกรุ๊ป ในนามหนังสือการ์ตูนไทย ขายหัวเราะ เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ที่ห้องประชุมชั้น 2 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว นายปรเมธี กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วไปในวงกว้าง รวมทั้งกลุ่มเป้าหมายของพม. ตั้งแต่เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และ คนพิการ ที่ผ่านมาพม. ได้ดูแลประชาชนในหลายภารกิจ และการเผยแพร่องค์ความรู้เรื่องโควิด นับเป็นอีกหนึ่งภารกิจ ที่จะสื่อสารกับประชาชนเรื่องการดูแลตัวเอง และผู้อื่น ว่าควรทำอย่างไร โดยได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณะสุข กลุ่ม โนว์โควิด และ องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย จัดทำสื่อการ์ตูนที่เข้าใจง่าย สื่อสารผ่านภาพทำให้จดจำได้ง่าย โดยมีการคัดเลือกเนื้อหาจากทาง WHO ที่ประชาชนควรรู้ อย่างการดูแลตัวเอง การดูแลเด็ก รวมทั้งผู้สูงอายุ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ทั้งนี้ ได้นำหนังสือการ์ตูนดังกล่าว เสนอให้กับนายกรัฐมนตรีดู ท่านก็ชื่นชม ว่าจัดทำได้ดี ควรจะผลิตสื่อที่เข้าใจง่ายเช่นนี้ และควรจัดทำเป็นอีบุ๊กส์ ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนจัดทำต่อไป สำหรับหนังสือการ์ตูนดังกล่าวผลิตขึ้นมา 100,000 เล่ม โดยจะนำไปแจกให้กับกลุ่มต่างๆ ที่พม.ดูแล ทั้งเด็ก สตรี คนพิการ ผู้สนใจสามารถสอบถามได้ที่เบอร์ 1300 เพื่อขอรับหนังสือได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าว กำลังแปลเป็นภาษา พม่า กัมพูชา และลาว มีกลุ่มเป้าหมายแรงงานต่างชาติ เพื่อให้รู้จักป้องกันตัวจากโรคโควิด นอกจากนี้ ยังเปิดเวทีนำเนื้อหาในการ์ตูนมาบอกเล่าให้กับเด็กๆ ที่มาร่วมงาน อาทิ วิธีการป้องกันเด็กเล็กจากโควิด คือ ไม่ควรหอมแก้เด็กเล็ก เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ไม่ควรใส่หน้ากากอนามัย ไม่แนะนำให้พาเด็กเล็กออกนอกบ้าน ยกเว้นไปพบแพทย์ หรือฉีดวัคซีน และควรอยู่ให้ห่างจากผู้อื่น 1.8 เมตร โดยผู้ปกครองควรล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมีวิธีป้องกันผู้สูงอายุจากโควิด คือ ให้เตรียมอาหาร น้ำ และยารักษาโรค ให้เพียงพอกับผู้สูงอายุ ที่ต้องอยู่บ้านในช่วงนี้ ไม่พาผู้สูงอายุออกไปที่แออัด อย่างตลาด ห้างสรรพสินค้า และ รักษาความสะอาดภายในบ้าน แยกสำรับ กินร้อน ช้อนตัวเอง และปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์เสมอ ตัวอย่างภายในเล่ม

ชุดเดรสสุดไฮเทค 4D-Knit Dress ปรับขนาดได้ด้วยความร้อน ลดขยะแฟชั่น
อ่าน

ชุดเดรสสุดไฮเทค 4D-Knit Dress ปรับขนาดได้ด้วยความร้อน ลดขยะแฟชั่น

นักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT ร่วมกับแบรนด์แฟชั่น มินิสทรี ออฟ ซัพพลาย (Ministry of Supply) เปิดตัวผลงาน ชุดเดรสถัก 4 มิติ ที่ถักทอด้วยเส้นด้ายพิเศษที่ตอบสนองต่อความร้อน ช่วยให้สามารถกระตุ้นเนื้อผ้าให้หดตัวปรับขนาดตามรูปร่างผู้ใส่ให้พอดีได้แบบทันทีภาพจาก MITการพัฒนาชุดนี้ต่อยอดมาจากแนวคิดของการถักทอแบบ 3 มิติ หรือ 3D knitting ที่สิ่งทอจะถูกถักเป็นรูปทรงสามมิติ แทนที่จะเป็นแผ่นเรียบที่ต้องตัดและเย็บเข้าด้วยกันเพื่อทำเสื้อผ้า จนกลายมาเป็นชุดแบบ 4 มิติ ที่จะใช้หุ่นยนต์ช่วยในการขึ้นรูปและสานทอเส้นใยออกมาเป็นผ้าสำหรับทำชุดภาพจาก MITโดยตัวชุดจะถักทอจากเส้นใยไนลอน ผสมกับเส้นใยวิสโคส (Viscose) หรือที่เรียกว่าเส้นใยเรยอน ซึ่งผลิตจากเซลลูโลส อันเป็นสารอินทรีย์ที่พบในพืช ได้ออกมาเป็นเส้นใยที่มีคุณสมบัติคือนุ่ม เย็นสบาย และระบายอากาศได้ดี และเส้นใยที่สองคือ โพลีเอสเตอร์ (Polyester) หรือเส้นใยสังเคราะห์ที่ผลิตจากปิโตรเคมี มีคุณสมบัติคือมีความทนทานสูง ยากต่อการฉีกขาดเมื่อนำไปตัดเย็บเป็นชุด จะสามารถปรับแต่งให้เข้ากับรูปร่างของผู้ใส่ได้ ด้วยการให้ความร้อนผ่านแขนหุ่นยนต์ที่ปรับแต่งขึ้น ซึ่งจะคอยเป่าลมร้อนให้ตัวชุดมีการหดเข้าเป็นรูปทรงตามรูปร่างของผู้สวมใส่ได้อย่างพอดีภาพจาก MITทีมพัฒนาเชื่อว่าผลงานนี้จะช่วยให้การออกแบบเสื้อผ้าทำได้อย่างสร้างสรรค์มากขึ้น เช่น เราอาจจะเปลี่ยนชุดเดรสเข้ารูป ให้เป็นชุดเดรสฟูฟ่องขนาดใหญ่ หรืออาจจะทำให้เกิดชุดที่สั่งปรับขนาดได้โดยไม่ต้องใช้กระดุมหรือซิปเข้าช่วย และกระบวนการดังกล่าวยังใช้กับผ้าที่มีการจับจีบได้อีกด้วยนอกจากนี้ ทีมวิจัยยังระบุว่า ชุดเดรสที่ถักทอด้วยเนื้อผ้าแบบพิเศษ ยังคงคุณสมบัติของเนื้อผ้าที่มีความนุ่มนวล ยืดได้ และคืนตัวได้หลังการให้ความร้อน อีกทั้งยังสามารถซักด้วยน้ำเย็นในเครื่องซักผ้าได้ ทำให้สามารถนำไปใช้งานถักทอชุดสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดีภาพจาก MITโดยนักวิจัยจาก MIT ซึ่งอยู่เบื้องหลังโครงการนี้กล่าวว่า ชุดเดรสถัก 4 มิติเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนกว่า เมื่อเทียบกับเสื้อผ้าที่ผลิตแบบดั้งเดิม เนื่องจากมันช่วยลดการใช้เนื้อผ้าสำหรับตัดเย็บชุดต่าง ๆ ทำให้ลดขยะจากเศษผ้า รวมถึงการผลิตชุดหลากหลายไซส์ ที่สุดท้ายอาจจะเหลือเป็นสต็อกส่วนเกินปัจจุบันนี้ชุดเดรสถัก 4 มิติที่ผลิตขึ้นได้นำไปจัดแสดงในร้านของแบรนด์แฟชั่น มินิสทรี ออฟ ซัพพลาย (Ministry of Supply) และตั้งเป้าจะขยายกระบวนการผลิตชุด ร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมสิ่งทอ เพื่อให้สามารถส่งต่อไปยังร้านค้าต่าง ๆ สำหรับวางจำหน่ายในวงกว้างได้มากขึ้นข้อมูลจากdezeen, news.mit.edu

‘Never Try Never Know’ จุดประกายจากสิ่งเล็ก ๆ เพียงแค่เริ่มตั้งคำถาม เรียนรู้ แล้วลองทำ
อ่าน

‘Never Try Never Know’ จุดประกายจากสิ่งเล็ก ๆ เพียงแค่เริ่มตั้งคำถาม เรียนรู้ แล้วลองทำ

การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่สถานการณ์รุนแรงขึ้น หลายหน่วยงานใน กฟผ. จึงร่วมกันรับมือ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตเจลล้างมือเพื่อแจกจ่าย และการนำเทคโนโลยีจากโรงไฟฟ้า มาใช้คัดกรองบุคคลก่อนเข้าสำนักงาน สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิด ในการจุดประกายจากสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว นำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ เช่นเดียวกับเรื่องราวที่นำเสนอ ในภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ของ กฟผ. Never Try Never Know ซึ่งเผยแพร่ให้ได้รับชมกันแล้ว เมื่อ 9 มีนาคม 2563 กฟผ.นำองค์ความรู้จากการผลิตไฟฟ้า มาประยุกต์ใช้ ในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี Thermoscan (เทอร์โมสแกน) ที่ใช้เทคโนโลยีตรวจสอบความผิดปกติของเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า ขณะใช้งานในโรงไฟฟ้า มาประยุกต์ใช้ในการคัดกรองผู้ปฏิบัติงานก่อนการเข้าสำนักงาน รวมถึง เจลอนามัย น้ำใจ กฟผ. ที่ใช้ความรู้ด้านเคมี ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. มาประยุกต์ใช้ ทั้งหมดนี้เกิดจากการสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ นอกเหนือจากขอบเขตเดิม ๆ ที่มีเพียงการผลิตไฟฟ้าเพียงเท่านั้น ที่มาของไอเดียนี้ มาจากโครงการที่ กฟผ. ริเริ่ม ในการแข่งขัน STEM : SOLAR FAST RACING THAPSAKAE รถแข่งพลังงานแสงอาทิตย์ ทับสะแก ครั้งแรกในประเทศไทย ที่ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บอกเล่าเรื่องราวผ่านกลุ่มเพื่อน 3 คน ที่เริ่มต้นจากการตั้งคำถามกับรถของเล่นคันเล็ก เด็ก ๆ มีความอยากรู้และมักตั้งคำถามกับสิ่งรอบ ๆ ตัวอยู่เสมอ จนเด็กกลุ่มนี้ได้มาที่ศูนย์การเรียนรู้ EGAT LEARNING CENTER ความรู้หลาย ๆ สิ่งที่เด็กเหล่านี้ได้มาเห็นและเรียนรู้ โดยเฉพาะเรื่องการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานจากแสงอาทิตย์ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้เด็กทั้ง 3 คน รวมพลังความคิด ลงมือประดิษฐ์รถพลังงานแสงอาทิตย์ได้เป็นผลสำเร็จกฟผ. มีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างสรรค์สังคมแห่งภูมิปัญญาเพื่อชีวิตที่ดีกว่า และพร้อมที่จะส่งต่อความรู้ สร้างแรงบันดาลใจ และสนับสนุนให้เกิดพื้นที่แห่งการเรียนรู้ในสังคม เพื่อเป้าหมายที่จะเป็นองค์การที่คนไทยไว้วางใจและภาคภูมิใจ มุ่งเน้นการดำเนินงานที่โปร่งใส และเป็นที่ยอมรับของสังคม รวมถึงการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบไฟฟ้าและระบบส่งอย่างยั่งยืนต่อไป นอกจากจะสามารถติดตามชมภาพยนตร์โฆษณาผ่านทางโทรทัศน์แล้ว ยังมีในช่องทางโรงภาพยนตร์ สื่อสิ่งพิมพ์ และช่องทางโซเชียลมีเดียของ กฟผ. อาทิ www.egat.co.th, Facebook Fanpage: กฟผ. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ Youtube Channel : กฟผ. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ขอเชิญชวนร่วมกันกดไลค์ กดแชร์ พร้อมติดแฮชแทค #NeverTryNeverKnow เผยแพร่สื่อโฆษณาดังกล่าว เพื่อขยายการรับรู้ในภารกิจของ กฟผ. สู่สาธารณชนในวงกว้างต่อไป

สมาคมฯ จัดงานสัมมนาสื่อมวลชน ในหัวข้อ "Know You Rights"
อ่าน

สมาคมฯ จัดงานสัมมนาสื่อมวลชน ในหัวข้อ "Know You Rights"

วันที่ 4 มิถุนายน 2561 เวลา 09.30 น. ณ ห้อง ลีลาวดี โรงแรม โนโวเทล หัวหิน ชะอำ บีช รีสอร์ทแอนด์สปา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดงานสัมมนา ร่วมกับสื่อมวลชน ในหัวข้อ Know Your Rights การจัดงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้สื่อมวลชนเข้าใจในเรื่องของลิขสิทธิ์และการเข้าถึงสิทธิในภาพลักษณ์ของการแข่งขันรายการต่างๆ ทั้งในระดับสโมสรและในระดับชาติ จากทางสมาคมฯ, ไทยลีก และผู้ถือลิขสิทธิ์เกี่ยวกับคอนเทนต์กีฬาฟุตบอล เพื่อให้สามารถนำเสนอข้อมูลข่าวสารได้อย่างถูกต้องโดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ ภายในงานนำโดย พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ พร้อมด้วย คุณ ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ อุปนายกฝ่ายสื่อสารองค์กร, คุณ เบนจามิน ตัน ผู้อำนวยการฝ่ายคลับไลเซนซิง สมาคมฯ และ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด, คุณ พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และ โฆษกสมาคมฯ, คุณ กรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด และ สื่อมวลชนจำนวนกว่า 90 คน พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้รับเกียรติจากสื่อมวลชนทุกแขนง ทั้งสื่อโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุ และสื่อโซเชียลมีเดีย รวมแล้วประมาณ 90 กว่าคน ต้องขอขอบคุณที่ทุกท่านที่ให้เกียรติเข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการสัมมนา เพื่อให้ทุกท่านเข้าใจในเรื่องของลิขสิทธิ์ จากวิทยากร หรือผู้ถือลิขสิทธิ์เกี่ยวกับคอนเทนต์กีฬาฟุตบอล และสามารถนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ ทั้งภายในประเทศ และระดับสากล เผยแพร่อย่างถูกต้องไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ วิทยากรที่จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์ เป็นตัวแทนจากผู้ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลรายการต่างๆ ที่มีทั้งประสบการณ์และความรู้ อาทิ คุณ ธีรัช โพธิ์พานิช ผู้ช่วยบรรณาธิการข่าวกีฬา จากสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7, คุณ ณฐนนท์ ดนัยพิริยะ ผู้อำนวยการฝ่ายรายการกีฬา ผู้อำนวยการฝ่ายออกอากาศ สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี ช่อง 32, คุณ ธนานุวัฒน์ ศรีระสันต์ ตัวแทนจาก Lagardère Sports และ คุณ ศิริรัตน์ เบ็ญจสมิตโยธิน รองผู้อำนวยการฝ่ายคอนเทนท์กีฬา สถานีโทรทัศน์ทรูโฟร์ยู สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต้องขอขอบคุณท่านวิทยากร สื่อมวลชน ผู้เข้ารับการสัมมนาทุกท่าน ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และหวังว่าท่านจะนำความรู้ที่ได้รับจากการสัมมนาครั้งนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับวงการกีฬาฟุตบอลต่อไป ด้าน คุณ พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และ โฆษกสมาคมฯ กล่าวว่า สมาคมฯ อยากจะดำเนินการตามแผนพัฒนาฟุตบอลไทย 20 ปี ซึ่งในแผนจะมีข้อหนึ่งก็คือการสนับสนุนการทำงานของสื่อมวลชน โดยการสัมมนาครั้งนี้ ก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม หลังจากที่การแข่งขันฟุตบอลลีกภายในประเทศครึ่งฤดูกาลแรกจบลง รวมถึงการแข่งขันทีมชาติก็จบลง ที่ผ่านมา ทางผู้บริหาร หรือ เจ้าหน้าที่สมาคมฯ จะมีโอกาสพบปะกับสื่อมวลชนเพียงแค่ที่สนามบอล หรือ ที่ทำการสมาคมฯ เท่านั้น ครั้งนี้ก็ถือเป็นการพบกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ทันสมัย ซึ่งหัวข้อในวันนี้ คือ Know Your Rights คือเรื่องเกี่ยวกับสิทธิ ซึ่งการแข่งขันที่เกี่ยวข้องกับ ทีมชาติไทย ที่จัดโดย ฟีฟ่า, เอเอฟซี หรือ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ทุกรายการต่างมีลิขสิทธิ์ และผู้ถือสิทธิ์ ซึ่งสิทธิเหล่านั้นจะมีข้อจำกัดบางอย่างที่สื่อมวลชน ไม่สามารถทำได้ ก็ถือเป็นการแบ่งปันข้อมูล เพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ โดยที่ไม่รู้ตัว สมาคมฯ เห็นว่า สื่อมวลชน เป็นส่วนที่สำคัญมากๆ ในการสื่อสารตัวสมาคมฯ ทั้งเรื่องของทีมชาติ ไปสู่แฟนบอล และสู่สาธารณะ ทางสมาคมฯ จึงอยากจะเป็นเจ้าภาพจัดงานสัมมนาครั้งนี้ขึ้นมา โปรแกรมการแข่งขัน พร้อมช่องถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2018 ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID ดูสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก http://bit.ly/2HtYS2N ดูสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี คลิก http://bit.ly/TrueIDSportsLive ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

[รีวิว] She Knows Everything
อ่าน

[รีวิว] She Knows Everything

        She Knows Everything (미쓰리는 알고 있다) เป็นซีรีส์สัญชาติเกาหลี แนวสืบสวน สอบสวน เป็นซีรีส์เรื่องสั้นที่สร้างจากบทละครที่ได้รับรางวัลบทละครยอดเยี่ยมทาง MBC เรื่องราวเกี่ยวกับการหาตัวฆาตกรที่เกิดขึ้นในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งเรื่องย่อ "อีกุงบก" หรือที่ใคร ๆ ก็เรียกเธอว่า "มิสลี" เป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในอพาร์ทเม้นท์ที่เกิดเหตุฆาตกรรมหญิงสาวคนหนึ่ง เธอเป็นผู้พบศพคนแรก และเธอนั้นรู้จักทุกซอกทุกมุมของอพาร์ทเม้นท์แห่งนั้นเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าแม้แต่รหัสผ่านของผู้เช่าเธอยังรู้ และ "อินชอนโฮ" ตำรวจสายลุยที่เป็นเจ้าของคดีนี้ทั้งคู่ต่างไม่ลงรอยกันเท่าไหร่ แต่ต้องมาช่วยกันสืบคดี และหาตัวคนร้ายภายในอพาร์ทเม้นแห่งนี้ตัวละครอีกุงบก รับบทโดย คังซองยอนอีกุงบก หรือ มิสลี ทำงานเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในละแวกอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง เธอคนนี้มีนิสัยที่รู้ทุกเรื่อง รู้ไปหมดเกี่ยวกับคนในอพาร์ทเม้นท์เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นสาวสายเผือกก็ว่าได้อินชอนโฮ รับบทโดย โจฮันซอนอินชอนโฮ ตำรวจนักสืบสายดิบขาลุย ที่มีนิสัยใจร้อน และไม่ถูกกันกับมิสลีเอาซะเลย เขาเป็นเจ้าของคดีและตั้งใจที่จะตามหาตัวฆาตกรมาลงโทษให้จงได้รีวิวความคิดเห็นส่วนตัวในตัวละคร "อีกุงบก" และ "อินชอนโฮ" ในสองตัวละครนำนี้แน่นอนค่ะว่ามีปมที่เราต้องตามลุ้นว่าทั้งสองเคยมีอดีตอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามในช่วงเปิดของซีรีส์ส่วนตัวเราคิดว่าทำได้น่าติดตามดีค่ะ เป็นไม้เด็ดของทางเกาหลีที่ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยเกี่ยวกับการทำให้เราต้องสงสัยและคิดตามไปด้วย ในระหว่างที่ดูเราก็คาดเดาไปเรื่อย ในช่วงแรกก็ดูมีคนที่น่าสงสัยเยอะนะคะ แต่เรามองว่าไม่ต้องไปคิดเยอะค่ะ คนร้ายก็คือคนที่เราเดาไว้นั่นแหละ เพียงแต่ซีรีส์ชอบสับขาหลอกเรา ชอบทำให้เราสับสน บทมีความพลิกไปพลิกมาจนแบบ เอ๊ะ! หรือไม่ใช่นะ! อ่าว! ก็คิดถูกแล้วหนิ! อารมณ์นี้ค่ะส่วนในเรื่องของการดำเนินเรื่องนั้น แรก ๆ ก็ดูเดินเรื่องเร็วดี แต่เราว่าช่วงกลาง ๆ เรื่องจะดูเอื่อย ๆ หน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับแย่หรือว่าน่าเบื่อจนเกินไปค่ะความพีคของซีรีส์ถามว่ามีไหม ก็ไม่เชิงว่าพีคแต่เป็นอารมณ์แบบประหลาดใจมากกว่า เป็นความประหลาดใจในส่วนของความสัมพันธ์ของตัวละครค่ะ ที่มีความเกี่ยวข้องกันที่ในจุดนี้เราก็ไม่ได้คิดไว้เหมือนกัน ในจุดนี้ก็เป็นส่วนที่ทำให้ซีรีส์มีความเข้มข้นขึ้น และน่าติดตามดูต่อจนจบค่ะคะแนนความชอบ 7/10สำหรับใครที่ชื่นชอบซีรีส์แนวสืบสวน สอบสวน ตามหาตัวฆาตกรอะไรแบบนี้ก็อย่าพลาดที่จะตามเก็บเรื่องนี้นะคะ คิดว่าคนที่เป็นสายซีรีส์แนวนี้น่าจะชอบกันค่ะ She Knows Everything เป็นเพียงซีรีส์สั้น ๆ เหมาะกับคนที่มีเวลาน้อย ๆ ติดตามดูได้ยาว ๆ วันเดียวจบ!She Knows Everything มีทั้งหมด 8 ตอน ตอนละ 30 นาทีสามารถรับชมซับไทยได้ทาง VIUขอบคุณรูปประกอบ/หน้าปก MBC 드라마 จาก 1/2/3/4/5/หน้าปก

ถักสาย i-cord ด้วยลาย Knit
อ่าน

ถักสาย i-cord ด้วยลาย Knit

     สายกลม ๆ ในงานฝีมือที่มักจะเห็นทำเป็นสายกระเป๋านั้น มีการถักหลายวิธีค่ะ อย่างเช่นวิธีที่ไรท์นำมาเขียนในบทความนี้ เป็นการถักด้วยไม้นิตปลายแหลม 2 ด้าน (Double Pointed Needles Set (DPNS) ซึ่งจะใช้เป็นอุปกรณ์หลักค่ะ เพราะการใช้ไม้นิตแบบนี้จะสะดวกกับวิธีนี้มาก      การทำสายกลม ๆ (i-cord) สามารถทำได้ตั้งแต่ 2 ห่วง ขึ้นไป แต่ไรท์ถนัด 3 ห่วงขึ้นไปค่ะ ยิ่งเริ่มต้นหลายห่วงความอวบของสายก็จะขยายตามไป ถ้าเส้นไหมหรือเชือกที่นำมาถักเป็นเส้นเล็กและถักหลายห่วง จะทำให้ข้างในของสายนั้นกลวง คุณพอจะนึกออกใช่มั้ยคะ  ดังนั้นปัจจัยที่สำคัญสำหรับชิ้นงานก็อยู่ที่การเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาใช้ด้วยค่ะ วัสดุอุปกรณ์  ตัวอย่างใช้ไม้นิตขนาด 5 mm และไหมพรมเส้นใหญ่ขนาด 3 ply1. ขึ้นห่วง 3 ห่วง 2. ถักนิต (Knit) ทั้ง 3 ห่วง3. ลักษณะเมื่อถักนิต (Knit) แถวแรกเรียบร้อย4. เลื่อนห่วงทั้ง 3 ไปปลายไม้อีกด้าน5. นำปลายไหมเส้นสั้นขึ้นด้านบน เพื่อเก็บหลายไหมส่วนเกินนี้6. เริ่มแถวใหม่ ถักนิต (Knit) ตลอดแถว7. ทำซ้ำตั้งแต่ข้อ 48. เมื่อได้ความยาวตามต้องการแล้ว  จะต้องให้ไหมเส้นยาวอยู่ทางซ้าย9. เลื่อนห่วงทั้งหมดไปปลายไม้อีกทาง10.  ปิดห่วงจบงาน (Cast Off ) ด้วยการถักนิต (Knit)  2 ห่วง11. นำปลายไม้ซ้ายสอดห่วงแรกทางขวาข้ามห่วงซ้าย ของไม้ขวา12. ดึงห่วง 2 ลอดออกมา13. ปลดห่วงที่ยกข้าม จะเหลือห่วงเดียวบนไม้ขวา14. ถักนิต (Knit) ที่ห่วงสุดท้ายของไม้ซ้าย15. ทำซ้ำตั้งแต่ข้อ 1116. เมื่อปลดห่วงที่ยกข้ามจะเหลือห่วงเดียวบนไม้ขวา17. ตัดเส้นไหมปลายยาวออกโดยเหลือปลายไว้เล็กน้อย18. สอดปลายเส้นไหมเข้าห่วงแล้วดึงให้แน่น19. สาย i-cord ที่ถักด้วยลาย นิต (Knit)     ดูภาพประกอบกันไปแล้ว  ไรท์มีวิดีโอเพิ่มเติมให้คุณ ๆ ได้ชมแบบเคลื่อนไหวด้วยนะคะhttps://youtu.be/2gISDBp-2bYVideo การถักสาย i-cord    ไรท์เป็นกำลังใจให้ผู้ที่สนใจเริ่มทำงานฝีมือ และขอให้สนุกกับงานฝีมือค่ะ อย่าลืมแชร์และติดตามบทความต่อไปนะคะ  ^_^เครดิตภาพ : ภาพปก และ ภาพประกอบทุกภาพ  ถ่ายและจัดทำโดย ผู้เขียน เครดิต Youtube : OkPk17 (โดย ผู้เขียน )เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

แฟนๆ แชร์โมเมนต์จากงาน WAR's 1st BD FAN MEET : You Know What I Like แรงขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์
อ่าน

แฟนๆ แชร์โมเมนต์จากงาน WAR's 1st BD FAN MEET : You Know What I Like แรงขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับงานแฟนมีตของหนุ่มฮอต "วอร์ วนรัตน์" ซึ่งงานมีชื่อว่า "WAR's 1st BD FAN MEET : You Know What I Like" โดยจัดขึ้นวานนี้ (6 สิงหาคม 2565) ณ MCC HALL THE MALL LIFESTORE NGAMWONGWAN ซึ่งมีแฟนคลับเข้าร่วมงานแฟนมีตในครั้งนี้กันเป็นจำนวนมาก โดยภายหลังจากจบงานแฟนมีต "WAR's 1st BD FAN MEET : You Know What I Like" ไปแล้วนั้น เหล่าแฟนคลับก็ได้ร่วมแชร์โมเมนต์ความประทับใจต่างๆ ที่เกิดขึ้นในงานฟนมีตครั้งนี้กันอย่างมากมายบนทวิตเตอร์ จนทำให้แฮชแท็ก#Wars1stBDFanmeet มาแรงติดเทรนด์ทวิตเตอร์ไปแล้ว อ่านข่าวบันเทิงวันนี้ที่เกี่ยวข้อง : แรงทั้งเทรนด์ไทยเทรนด์โลก! วอร์ วนรัตน์ กับแฟนมิตครั้งแรก การรอคอยของแฟนคลับ แฟนคลับ "วอร์ วนรัตน์" ตื่นเต้นหลังเปิดขายบัตร #Wars1stBDFanmeet วันแรก เปิดใจ "วอร์ วนรัตน์" หลังเคยคิดลาวงการ ด้าน "หยิ่น อานันท์" เผยความรู้สึกเมื่อรู้เรื่องนี้? กดเลย community แห่งความบันเทิง 📸เมาท์ข่าวดารา กับเจ๊รุงรังขังรวมทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ 🍿ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล 😍ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี

cactus did you know | กระบองเพชรและการรดน้ำ
อ่าน

cactus did you know | กระบองเพชรและการรดน้ำ

วันนี้เราจะมาพูดกันในเรื่องของปัญหาใหญ่อีกอย่างของกระบองเพชรกันนะครับนั้นก็คือเรื่องของการรดน้ำกระบองเพชรนั้นเองครับ  รดมากไปก็เน่าตาย รดน้อยไปก็แห้งขาดน้ำตาย รดเที่ยงก็โดนแดดต้มจนสุก กี่วันถึงจะรดดี รดน้ำได้กี่โมง คำถามมากมายที่เราจะมาตอบกันในวันนี้นะครับ 1. ช่วงเวลาเว้นระยะในการรดน้ำหลายๆท่านสงสัยจังว่าถ้ารดน้ำไปแล้วจะรดอีกรอบหนึ่งต้องเว้นระยะเวลากี่วัน สำหรับคำถามนี้คำตอบไม่มีตายตัวครับคำตอบมันแล้วแต่สภาพอากาศของแต่ละบ้านครับที่คำตอบเป็นแบบนี้ก็เพราะว่าการที่เราจะรดใหม่นั้นควรจะรอให้ดินแห้งไปก่อนถึงจะเริ่มรดใหม่อีกครั้งไม่อย่างนั้นความชื้นจะมากไปแล้วอาจจะทำให้ไม้เน่าตายได้2.ช่วงเวลาที่เหมาะกับการรดน้ำในแต่ละวันโดยปกติแล้วเท่าที่ศึกษามาจะนิยมรดน้ำ 2 ช่วงเวลากัน คือช่วงเช้า และ ช่วงเย็น แต่โดยส่วนตัวของผมแล้วจะรดน้ำประมาณ 19:00 น. เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ต้นไม้เปิดปากใบรับน้ำนั้นเอง และไม่แนะนำให้รดน้ำช่วงเที่ยงวันหรือบ่ายโมงเพราะเป็นเวลาที่ต้องนำไม้ไปตากแดดอาจจะทำให้ไม้สุกตายหรือผิวไม้แดดได้เลยเพราะเวลาได้รับน้ำใหม่ๆผิวไม้จะขยายทำให้ผิวไม้บางลงนั้นเอง3. รดน้ำปริมาณแค่ไหนถึงจะพอการรดน้ำที่ดีนั้น ควรรดในปริมาณที่พอดี เราสามารถดูความพอดีได้ด้วยการที่เวลารดน้ำนั้นให้น้ำไหลออกมาก้นกระถางถ้าไหลออกมาแสดงว่าน้ำนั้นไหลผ่านทั้งกระถางแล้วทั้งกระถางชุ่มน้ำแล้วนั้นเองหรืออีกวิธีคือการจุ่มกระถางนั้นเองเราก็แค่เอากระถางไปวางไว้ในน้ำจะทำให้น้ำซึมขึ้นมานั้นเองสรุปนะครับก็คือการรดน้ำท่ดีนั้นควรรดในตอนเช้าหรือตอนเย็นไม่ควรรดช่วงเที่ยงหรือบ่าย และควรรดให้ชุ่ม ๆ น้ำผ่านออกกระถาง ควรรดก็ต่อเมื่อดินแห้งไปแล้วและเมื่อมีแผลที่ต้นไม่ควรที่จะรดให้โดนแผลเพื่อระวังการที่เชื้อจะติดเชื้อนั้นเองภาพถ่ายโดยนักเขียน : MU 

Learn&Know ปัญหาสุขภาพใจของคนวัยชรา
อ่าน

Learn&Know ปัญหาสุขภาพใจของคนวัยชรา

สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน ทุกๆคนเคยสงสัยกันบ้างไหมคะว่าทำไมญาติผู้ใหญ่ของเราบางท่านถึงชอบมีอาการน้อยอกน้อยใจเรา หรือบางทีก็มีอารมณ์ขึ้นๆลงๆ บางคนชอบเฮฮากับลูกหลาน บางคนก็จะชอบเก็บตัวเงียบ และบางคนชอบไปวัดทำบุญ แน่นอนว่าสาเหตุเหล่านี้มีที่มาที่ไปเสมอ วันนี้ซันจะขอพาทุกคนไปค้นใจในวัยชรา ว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้คนในวัยชรา เกิดพฤติกรรมต่างๆเหล่านั้นค่ะวัยชราหรือวัยสุดท้ายของช่วงชีวิต หากเราลองคิดภาพตามง่ายๆนะคะ การที่เราจะเข้าสู่วัยชราได้ เราต้องผ่านมาตั้งแต่วัยทารก วัยเด็ก วัยรุ่น วัยกลางคน วัยผู้ใหญ่ ช่วงวัยที่กล่าวมาทั้งหมดนี้แหละค่ะเป็นตัวหล่อหลอมให้เกิดพฤติกรรมในวัยชราขึ้น ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมีอิทธิพลต่อสุขภาพจิตใจของทั้งวัยชราทั้งสิ้น วันในเมื่อวานยังหล่อหลอมเราให้เป็นเราในวันปัจุบัน สำหรับคนวัยชราก็เช่นกันค่ะต่อไปซันจะขอพูดถึงปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตใจของคนวัยชรานะคะสิ่งแรกคือการเสื่อมถอยของร่างกายค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสายตาที่พร่ามัวขึ้น หูที่ความสามารถในการได้ยินชัดเจนน้อยลง ระบบความคิดและความจำที่เริ่มเสื่อมประสิทธิ ลองคิดดูนะคะว่าถ้าเป็นเรา หากเราเคยใช้ร่างกายทำสิ่งต่างๆง่ายๆได้ดี แต่พอมาวันหนึ่งเรากลับทำไม่ได้แล้ว เราเองก็คงรู้สึกแย่ไม่ใช่น้อยและสิ่งที่สองจะตามมาคือ การไม่ยอมรับความความเปลี่ยนแปลงของตนเองค่ะ ยกตัวอย่างเช่น การซ่อมแซมของที่เสียหายต่างๆเองภายในบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือการเปลี่ยนหลอดไฟต่างๆ โดยปกติเรามักจะห้ามไม่ให้เขาทำ เพราะเป็นห่วงเรื่องอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นกับเขา แต่คนวัยนี้มักจะชอบแอบทำเองบ่อยๆนั้นเป็นเพราะว่า ในความคิดของคนวัยนี้เขามักจะคิดว่าการซ่อมแซมสิ่งต่างๆที่เขาทำนั้น เขาทำมาโดยตลอด และไม่เคยเป็นอะไรเลยจากประสบการณ์ในชีวิตที่เขาทำมา ซึ่งสิ่งที่เขาคิดมีความถูกต้องอยู่นะคะแต่ไม่ทั้งหมด คนในวัยชราจะมีระบบความจำหนึ่งที่แม่นและไม่เลื่อนหาย ซึ่งส่วนนั้นได้มาจากประสบการณ์ตรงหรือการกระทำโดยชำนาญ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขามั่นใจในการซ่อมแซมของตนแต่เพราะด้วยความเสื่อมถอยทางร่างกาย ซึ่งอาจจะเป็นทางสายตา การวิงเวียนศีรษะเมื่อจ้องหรือทำสิ่งใดนานๆ หรือเรื่องของพละกำลังต่างๆที่ไม่เท่าเดิม จึงมักทำให้เกิดอุบัติเหตุได้บ่อยครั้ง และเมื่อเป็นแบบนั้นเราจึงมักถกเถียงกับท่านทุกทีแต่ถึงอย่างนั้นที่ท่านทำไปทั้งหมดเพราะท่านแค่อยากจะช่วยเราในสิ่งที่ท่านทำได้ก็ ลองหาทางคุยกันดูนะคะแต่ถ้าหากคุยกันไม่ได้จริงๆ เราลองเปลี่ยนเป็นนัดวันกับท่านให้ทำตอนเราอยู่ จะได้ระวังอุบัติเหตุให้และถือเป็นการทำกิจกรรมร่วมกันบ้างสิ่งที่สาม คือการรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า การที่คนเรามีความสามารถหรือมีสิ่งที่ทำได้มาเกือบตลอดชีวิต แต่พอวันหนึ่ง เราต้องหยุดทำไปหรือไม่สามารถทำมันได้อีก อาจส่งผลให้คนวัยนี้รู้สึกว่าตนเองไร้ค่าได้นะคะ ยิ่งบางคนที่ออกจากงานมาแล้วไม่มีเงินเดือนเหมือนเมื่อก่อน หรือคนที่บาดเจ็บจากการทำงานทางร่างกายจนไม่สามารถทำสิ่งต่างๆเองได้ท่านจะยิ่งรู้สึกผิดค่ะ ในเมื่อก่อนเรามักจะได้ยินข่าวว่าคนวัยชรามักถูกหลอกให้เสียเงินต่างๆ เพื่อจำนวนเงินที่มากกว่าในภายหลัง นั้นเป็นเพราะจริงๆแล้วท่านแค่อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้างแค่นั้นเองค่ะ ท่านแค่อยากช่วยเราแบ่งเบาภาระและทำตนให้มีประโยชน์ รวมถึงการไหว้วานคนอื่นทำธุรกรรมการเงินจนเกิดการโดนหลอกนั้นอาจจะเป็นเพราะ ท่านแค่ไม่อยากเพิ่มภาระให้เรา ซันว่าถ้าเรามองถึงเหตุผลในการกระทำของเขามากกว่าผลลัพธ์ เราอาจจะเข้าใจกันมากขึ้นนะคะและสิ่งสุดท้ายที่จะขอพูดถึง คือการสูญเสียค่ะ ขึ้นชื่อว่าการสูญเสียแล้วไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยไหนก็เป็นเรื่องยากที่จะทำใจใช่มั้ยคะ การสูญเสียในที่นี้ อาจจะเป็นหน้าที่การงานที่เคยได้ทำ การสูญเสียทางร่างกายพละกำลัง และการสูญเสียคนที่รัก การที่วัยชราต้องสูญเสียสิ่งเหล่านั้นไปในชีวิตถึงจะเป็นการสูญเสียตามวัย และเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ แต่ใช่ว่าทุกคนจะทำใจได้เสมอไปนะคะ หากญาติผู้ใหญ่ของเรายังยึดติดในการสูญเสียสิ่งต่างๆนั้น ย่อมส่งผลทางลบต่อจิตใจอยู่แล้ว และเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุการแสดงพฤติกรรมต่างๆ เช่น ผู้ที่สูญเสียคนที่รัก ไม่ว่าจะเป็นคู่ครอง หรือลูกหลาน หากไม่สามารถทำใจยอมรับได้อาจส่งผลให้ เกิดอาการโศกเศร้าเสียใจจนไปถึงการซึมเศร้า ท้อแท้ หรือหดหู่ใจได้ค่ะ ปัญหาสุขภาพใจที่กล่าวมาข้างต้น เป็นปัญหาหลักๆ จากปัญหาทั้งหมดที่คนวัยชราต้องพบเจอ เมื่อผู้อ่านทราบดังนี้แล้ว ซันอยากให้ผู้อ่านหมั่นใส่ใจสุขภาพจิตใจของคนวัยชราให้มากขึ้นนะคะ อย่าหลงลืมไปว่าสักวันหนึ่งเราเองก็ต้องเข้าสู่วัยชราเช่นกัน หากเราได้เรียนรู้ปัญหาสุขภาพใจของคนวัยนี้มาก่อน พอถึงคราวของเรา เราก็จะพร้อมปรับตัวและอยู่ในช่วงวัยนี้อย่างมีความสุขค่ะ ภาพถ่ายที่ 1 โดย Andrea Piacquadioภาพถ่ายที่ 2 โดย Matthias Zomer จาก Pexels: ภาพถ่ายที่ 3 โดย Karolina Grabowska จาก Pexels ภาพถ่ายที่ 4 โดย Anna Shvets จาก Pexelsภาพถ่ายปกบทความโดย Andrea Piacquadio จาก Pexels เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

DID YOU KNOW : โมโตจีพี เจ้าความเร็วแห่งโลก 2 ล้อ ล้มครั้งหนึ่งเสียค่าซ่อมเท่าไร?
อ่าน

DID YOU KNOW : โมโตจีพี เจ้าความเร็วแห่งโลก 2 ล้อ ล้มครั้งหนึ่งเสียค่าซ่อมเท่าไร?

ในโลกแห่งการแข่งขันความเร็วนั้น ฟอร์มูล่า 1 หรือรถสูตรหนึ่ง อาจจะเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยความเร็วสูงสุดที่สามารถทำได้ถึง 233 ไมล์/ชั่วโมง หรือประมาณ 375 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ถ้าวัดกันแค่วงการรถสองล้อหรือมอเตอร์ไซค์ แน่นอนว่าตำแหน่งราชาต้องตกเป็นของ โมโตจีพี ที่สามารถบิดหมดปลอกได้เร็วถึง 221 ไมล์/ชั่วโมง หรือประมาณ 356 กิโลเมตร/ชั่วโมง (อันเดร โดวิซิโอโซ่ เคยทำไว้ในการแข่งขัน Italian Grand Prix ที่สนาม มูเจลโล่ ปี 2018) การจะสร้างสรรค์มอเตอร์ไซค์ที่สามารถทำความเร็วได้ขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องใช้เม็ดเงินมหาศาล แต่บ่อยครั้งที่เรานั่งดูถ่ายทอดสดการแข่งขันโมโตจีพี แล้วเห็นนักขับพลาดท่าล้ม พลิกคว่ำกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง จึงเป็นที่มาของคำถามตั้งต้นบทความในครั้งนี้ว่า มอเตอร์ไซค์ระดับสูงอย่างโมโตจีพีนั้น การล้มแต่ละครั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไรเพื่อซ่อมแซมให้มันกลับมาเหมือนเดิม ติดตามคำตอบของคำถามนี้ไปพร้อมกันได้ที่ Main Stand โมโตจีพีคืออะไร? ก่อนจะไปถึงคำตอบของคำถามสำคัญ เรามาเพิ่มเติมความรู้กันก่อนดีกว่า ว่าที่เรียกกันติดปากว่าโมโตจีพีนั้น แท้จริงแล้วความหมายของมันคืออะไรกันแน่ คำว่า โมโตจีพี นั้นมีความหมายอยู่ 2 ความหมาย โดยความหมายแรกคือเป็นชื่อเรียกของการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดย FIM หรือ Fdration Internationale de Motocyclisme (สหพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ) เป็นผู้จัดการแข่งขัน และเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 1949 การแข่งขันนี้มีชื่อเรียกว่า Grand Prix Motorcycle Racing หรือเรียกสั้นๆ ว่า โมโตจีพี Grand Prix Motorcycle Racing ในปัจจุบันนั้นมีรุ่นรถที่ร่วมเข้าแข่งขันด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น ดังนี้ Moto3 : รุ่นเล็กสุดของการแข่งขัน ใช้มอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 250 ซีซี 1 สูบ แรงม้าไม่เกิน 55 แรงม้า รายการนี้เป็นรายการสำหรับผู้เริ่มต้น โดยนักแข่งที่เข้าร่วมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 16 ปี แต่ไม่เกิน 28 ปี และสำหรับผู้ที่เข้ามาแข่งครั้งแรกอายุต้องไม่เกิน 25 ปี ซึ่งทีมต่างๆ จะเช่ารถที่ผู้ผลิตค่ายต่างๆ สร้างไว้มาทำการแข่งขัน โดยปัจจุบันมีรถจากค่าย Honda, KTM และ Husqvarna (ใช้รถที่สร้างโดย KTM บริษัทแม่ แต่ทำการตลาดแยกแบรนด์กัน) Moto2 : เป็นการแข่งขันรุ่นกลาง โดยกฎสำคัญของรุ่นนี้ที่แตกต่างจากรุ่นอื่นคือ รถทุกคันจะต้องใช้เครื่องยนต์เหมือนกัน ซึ่งปัจจุบันใช้เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 3 สูบ 765 ซีซี จากค่าย Triumph แรงม้าไม่เกิน 140 แรงม้า (ในอดีตใช้เครื่องยนต์ Honda 4 สูบ 600 ซีซี) แต่อนุญาตให้โมดิฟายแชสซี (โครงรถ) ได้ไม่จำกัด ทำให้แต่ละทีมก็จะไปเช่าแชสซีของผู้ผลิตที่สร้างเพื่อรุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยปัจจุบันมีค่าย Kalex, MV Agusta, NTS และ Speed Up ที่เป็นผู้ผลิตตัวรถให้ MotoGP : ความหมายที่สองของคำว่าโมโตจีพี เป็นรุ่นการแข่งขันสุดโหดและใหญ่ที่สุด ที่มีนักแข่งระดับปีศาจมากมายอยู่ในรุ่นนี้ ใช้มอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 1,000 ซีซี 4 สูบ ซึ่งจะเป็นแบบแถวเรียง (Inline) หรือสูบวี ก็ได้ แรงม้าจะอยู่ที่ 260 แรงม้า ปัจจุบันการแข่งขันโมโตจีพีนั้นจะแบ่งเป็นฤดูกาลตามปีปฏิทิน แต่ละสนามจะมีคะแนนสะสมเฉพาะ 15 อันดับแรกที่เข้าเส้นชัย แชมป์ได้ 25 คะแนน ลดหลั่นกันไปจนถึงอันดับ 15 ได้ 1 คะแนน โดยนักแข่งต้องทำคะแนนสะสมจากการแข่งขันทุกสนามในฤดูกาลรวมกันให้มากที่สุด เพื่อที่จะกลายเป็นผู้ชนะหรือแชมป์ในฤดูกาลนั้นๆ นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันในประเภททีม (แต่ละทีมจะส่งรถแข่งได้ไม่เกิน 2 คัน นับคะแนนเฉพาะคนที่จบ 15 อันดับแรกเช่นเดียวกับนักแข่ง) และประเภทผู้ผลิต (นับคะแนนเฉพาะรถแข่งคันแรกจากค่ายต่างๆ ที่ทำผลงานดีสุด อิงจาก 15 อันดับแรกของแต่ละสนามเช่นกัน) อีกด้วย เอาล่ะ ขอจบบทเรียน MotoGP 101 ไว้เพียงเท่านี้ สำหรับมือใหม่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตคงพอเห็นภาพแล้วว่าโมโตจีพีคืออะไร แต่สาระสำคัญของเราในครั้งนี้ไม่ได้มาเล่าถึงการแข่งขัน แต่ตัวรถมอเตอร์ไซค์รุ่นโมโตจีพีต่างหากล่ะคือสาระสำคัญ โมโตจีพีคันละเท่าไร? สำหรับมอเตอร์ไซค์ที่ใช้สำหรับการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และสามารถทำความเร็วได้มากกว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วไปที่เห็นตามท้องถนนได้ถึง 3-4 เท่าตัว แน่นอนว่าราคาของมันต้องแพงระยับอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยความปราณีตที่ต้องใช้งานฝีมือระดับสูงในการทำ และอาจมีเพียงคันเดียวในโลก นอกจากนั้นยังมีการใช้เทคโนโลยีสูงที่สุดในเท่าที่อุตสาหกรรมมอเตอร์ไซค์จะมีในขณะนั้น ดังนั้นรถโมโตจีพีแต่ละคันจึงมีราคาสูง โทมัส จูเลี่ยนโฆษกประสานงานของ Ducati Motor กล่าวกับ USA Today แล้วราคาสูงที่ว่ามันเท่าไรกันล่ะ? คำตอบคือประมาณคันละ 2-3 ล้านยูโร (ประมาณ 80-120 ล้านบาท) โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ โมโตจีพีของทีมอิสระ หรือ แซทเทิลไลท์ (Satellite) และโมโตจีพีของทีมโรงงาน โดยทีมแซทเทิลไลท์นั้นพวกเขาจะไม่มีรถเป็นของตัวเอง แต่จะใช้วิธีการเช่ารถมาจากค่ายผู้ผลิตต่างๆ โดยค่าเช่าเพื่อใช้ในการแข่งขัน 1 ฤดูกาลนั้นจะอยู่ที่ประมาณคันละ 2 ล้านยูโร ซึ่งโดยปกติ ทีมแซทเทิลไลท์จะได้รถปีเก่าจากทีมโรงงานมาใช้แต่ง แต่หากนักแข่งในทีมทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ค่ายผู้ผลิต ก็จะส่งรถปีปัจจุบันที่ทีมโรงงานใช้มาให้นักแข่งคนนั้นขี่ หรืออาจะมีการดีลกับทีมโรงงานเป็นกรณีไป ส่วนทีมโรงงาน อธิบายให้เข้าใจโดยง่ายคือทีมการแข่งขันที่จัดตั้งขึ้นโดยแบรนด์รถต่างๆ ที่มีกำลังผลิตเป็นของตัวเองอยู่แล้ว โดยปัจจุบันมี 6 ค่าย ประกอบด้วย Ducati, Honda, Yamaha, Suzuki, KTM และ Aprilia ที่ผลิตรถของตัวเองขึ้นมาเพื่อใช้ในการแข่งขัน ซึ่งงบประมาณในการผลิตโมโตจีพีหนึ่งคันนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านยูโร โดยแบ่งออกเป็นส่วนๆ ดังนี้ เครื่องยนต์ : เครื่องยนต์ที่ใช้ในการเป็นตัวสร้างความเร็วให้กับโมโตจีพีนั้นเป็นเครื่องยนต์ระดับท็อปที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีการผลิตในขณะนั้นจะมี และเพื่อให้ทรงพลัง ทำความเร็วได้เกิน 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง ผู้ผลิตนั้นต้องทุ่มงบกว่า 200,000-250,000 ยูโร (ประมาณ 8-10 ล้านบาท) เลยทีเดียว การประกอบและปรับแต่ง : ถ้าเปรียบโมโตจีพีเป็นเหมือนเพชร ขั้นตอนการประกอบหรือ Built Up ก็เปรียบเสมือนการเจียระไน ซึ่งขั้นตอนนี้คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก็ว่าได้ ต้องใช้ทั้งทรัพยากรเงินและคนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นงบประมาณในส่วนนี้จึงอยู่ที่ 300,000-3,000,000 ยูโร (ประมาณ 12-120 ล้านบาท) แตกต่างกันไปตามกำลังทรัพย์ของแต่ละโรงงาน วัสดุเพิ่มเติม : ไทเทเนียม, แมกนีเซียม, และคาร์บอนไฟเบอร์ คืออีกหนึ่งวัสดุหลักในการใช้ผลิตรถโมโตจีพีแต่ละคัน โดยวัสดุพวกนี้มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 2 ยูโร/100 กรัม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ : หากเครื่องยนต์คือหัวใจ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็เปรียบได้กับสมอง ที่ควบคุมระบบต่างๆ ในรถแข่งโมโตจีพีทั้งหมด ประกอบด้วย เซ็นเซอร์, สายเคเบิล รวมถึงแผงติดตั้งวงจร โดยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้มีราคาอยู่ที่ประมาณ 100,000 ยูโร (ประมาณ 4 ล้านบาท) โดยปัจจุบัน ฝ่ายจัดการแข่งขันได้บังคับให้รถทุกคันในรุ่นโมโตจีพี ต้องใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์กลาง (แม้จะมีบางส่วนที่อนุญาตให้ผลิตเองได้) ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนแล้ว ยังช่วยให้การแข่งขันสูสีมากขึ้น รถทีมแซทเทิลไลท์สามารถชนะรถทีมโรงงานได้ นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา ที่ไม่สามารถคำนวนออกมาเป็นตัวเงินได้อีกด้วย โมโตจีพีที่ใช้ในการแข่งขันนั้นประเมินค่าไม่ได้เลยล่ะ บ็อบ สตาร์ (Bob Starr) โฆษกประสานงานของ Yamaha กล่าว โดยปกติแล้วรถที่ใช้ในการแข่งขันโมโตจีพีจะไม่มีการนำมาวางจำหน่ายในท้องตลาด อย่างไรก็ตาม ทาง Honda เคยผลิต RC213V-S รถที่สืบเชื้อสายมาจาก RC213V ซึ่ง มาร์ค มาร์เกซ (Marc Mrquez) ใช้คว้าแชมป์โลกโมโตจีพีมาตลอดหลายปีหลังสุด ออกมาวางจำหน่ายให้คนทั่วไปสามารถซื้อได้ โดยราคาที่บริษัท Honda นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยนั้นอยู่ที่ 8,700,000 บาท สาเหตุที่ราคามันต่ำกว่าที่กล่าวไปด้านบนมากหลายเท่าตัว เนื่องจากนี่เป็นการผลิตในเชิงอุตสาหกรรม ไม่ใช่งานฝีมือที่ค่อยๆ ปราณีตผลิตขึ้นมาหนึ่งคันเพื่อใช้เข้าร่วมการแข่งขัน และการที่ผลิตในจำนวนมากก็สามารถลดต้นทุนในการผลิตไปได้พอสมควร นอกจากนี้ ยังมีอีกเหตุผลสำคัญ เพราะถึงแม้ชื่อรถแข่งเวอร์ชั่นลงสนามกับบนถนนจะแทบเหมือนกัน (มีแค่ S ต่อท้าย) และมีบางชิ้นส่วนที่หยิบมาจากรถแข่งจริงๆ ถึงกระนั้น รายละเอียดของชิ้นส่วนต่างๆ รวมถึงการปรับจูนของ RC213V-S ก็ต่างจาก RC213V อย่างสิ้นเชิง เพื่อให้นักขับที่อาจจะไม่ได้มีประสบการณ์เท่านักแข่งอาชีพสามารถขี่บนถนนได้นั่นเอง ล้มครั้งหนึ่งซ่อมเท่าไร? มาถึงคำถามสำคัญของบทความนี้แล้ว ซึ่งบอกไว้ก่อนเลยว่าการล้มแต่ละครั้งในการแข่งขันโมโตจีพีนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะผลลัพธ์ที่ตามมาคือค่าใช้จ่ายมหาศาลในการซ่อมแซม ในกรณีความเสียหายเล็กน้อย ที่เกิดขึ้นในบริเวณแผ่นปิดดิสก์เบรก, ที่พักเท้า, คันบิด, เบรกหลัง, หรือองค์ประกอบเล็กน้อยอื่นๆ ที่เรียกว่า Soft Impact ซึ่งเกิดจากการล้มที่ไม่รุนแรงมาก นักแข่งสามารถคว้ารถขึ้นมาแข่งขันต่อไปได้ ต้องใช้งบในการซ่อมแซมอยู่ที่ประมาณ 15,000-20,000 ยูโร (ประมาณ 6-8 แสนบาท) การล้มที่รุนแรงขึ้น โดยความเสียหายเกิดขึ้นที่บริเวณยาง, ดิสก์เบรก, ระบบช่วงล่าง, หม้อน้ำหรือระบบเซ็นเซอร์ภายนอก จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่ประมาณ 100,000 ยูโร (ประมาณ 4 ล้านบาท) ในการล้มกรณีร้ายแรงที่สุด ทำให้รถเกิดความเสียหายที่บริเวณ สวิงอาร์ม, ตัวถัง, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายใน, ถังน้ำมัน อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงสุดถึง 500,000 ยูโร (20 ล้านบาท) เลยทีเดียว แต่ถึงแม้ค่าซ่อมจะแพงระยับแค่ไหน การจะให้บรรดานักแข่งมาขี่แบบ ปลอดภัยไว้ก่อน ก็คงจะไม่ใช่เรื่อง เพราะโมโตจีพีคือสังเวียนประลองความเร็วเพื่อหาผู้ชนะ ดังนั้นถึงแม้การขับขี่ด้วยความเร็ว 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง อาจจะเสี่ยงทำให้เกิดอุบัติเหตุที่นำมาสู่ค่าใช้จ่ายมหาศาล แต่ถ้าผลสุดท้ายสิ่งที่ได้รับคือชัยชนะ มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงเสมอ ... แหล่งอ้างอิง https://www.gpone.com/en/2020/01/06/motogp/how-much-does-a-fall-in-the-motogp-cost-here-is-the-precise-amount-and-its-steephttps://www.sportskeeda.com/moto-gp/what-makes-motogp-bikes-so-expensivehttps://www.usatoday.com/story/money/cars/2015/08/10/why-these-motogp-bikes-cost-2-million/31376337/https://www.boxrepsol.com/en/motogp-en/how-much-does-motogp-cost/

cactus did you know | การเปลี่ยนกระถางต้นไม้
อ่าน

cactus did you know | การเปลี่ยนกระถางต้นไม้

วันนี้เราก็จะมาพูดกันเรื่องของการเปลี่ยนกระถางของกระบองเพชรกันนะครับโดยจะเริ่มต้นกันจากเรื่องของเมื่อไหร่จึงสมควรเปลี่ยนกระถาง ก่อนที่จะเริ่มเปลี่นกระถาง วัสดุที่ใช้ในการเปลี่ยนกระถาง วิธีการเปลี่ยนกระถาง ไปจนถึงการดูแลต่อหลังจากการเปลี่ยนกระถาง พูดง่ายๆก็คือทั้งหมดของการเปลี่ยนกระถางนั้นเอง1.เมื่อไหร่ที่ควรจะเปลี่ยนกระถางการที่เราจะเปลี่ยนกระถางนั้นเราจะสามารถดูได้จากขนาดของต้นไม้โดยดูได้ว่าต้นไม้เริ่มคับกระถางหรือยังต้นเต็มกระถางแล้วหรือยัง2.หลังจากถอดกระถางก่อนที่เราจะถอดต้นไม้ออกจากกระถางนั้นเราควรที่จะต้องรอให้ดินแห้งสนิทเสียก่อน จากนั้นหลังจากที่เราถอดต้นไม้ที่เริ่มคับกระถางของเราออกมาจากกระถางแล้วนั้นเราก็จะทำการเอาดินออกจากรากให้หมดก่อนจากนั้นก็จะทำการตัดรากฝอยออกหรือตัดรากให้สั้นเพื่อให้ต้นไม้นั้นได้ผลิตรากไม้ใหม่ออกมาใช้ จากนั้นเราก็จะนำต้นไม้ไปพักในที่อากาศถ่ายเทเพื่อรอให้แผลแห้งและระวังการโดนแดดที่แรงเพื่อป้องกันอาการต่างๆ3.วัสดุในการใช้เปลี่ยนกระถางในการเปลี่ยนกระถางปกตินั้นก็จะมีวัสดุที่ใช้ในการรองกระถาง เช่นกาบมะพร้าวสับ หินภูเขาไฟขนาดกลางสำหรับการรองกระถาง ต่อมาชั้นกลางก็จะเป็นดินปลูกตามปกติไม่มีสูตรที่ตายตัวแต่จะเน้นไปทางความโปร่งของดินจากนั้นก็เป็นหินโรยหน้าตามปกติแล้วแต่จะใช้ ใช้เป็นดินอาคาดามะ หรือ กรวด หรืออะไรก็ได้เพื่อกันวามชื้นจากดินไม่ให้โดนต้นโดยตรงและเพื่อความสวยงาม4.การดูแลหลังการเปลี่ยนกระถางอย่าพึ่งนำไปออกแดดแรงๆให้อยู่ในที่ร่มหรือโดนแสงรำไรเพื่อให้ต้นไม้ปรับสภาพก่อนสักพักเป็นเวลาประมาณ 3-5 วันเป็นอย่างน้อยจากนั้นก็สามารถนำออกแดดได้ตามปกติส่วนเรื่องรดน้ำก็ให้ไม้ปรับตัวในดินสักพักก่อนแล้วจึงค่อยรดน้ำตามปกติเช่นกันการเปลี่ยนกระถางไม่ควรทำบ่อย ๆ เนื่องจากการเปลี่ยนกระถางบ่อยๆจะทำให้ต้นไม้ชะงักหยุดการเจริญเติบโตหรือโตช้านั้นเองดังนั้นจึงควรเปลี่ยนกระถางเมื่อจำเป็นจริง ๆ หรือต้องการตรวจดูอาการของไม้อยู่เสมอ ๆ  เพื่อสุขภาพที่ดีของกระบองเพชรนะครับ ภาพถ่ายโดยนักเขียน MU  

cactus did you know | ช่องทางการชื้อกระบองเพชร
อ่าน

cactus did you know | ช่องทางการชื้อกระบองเพชร

วันนี้เราก็จะมาบอกถึงช่องทางการชื้อกระบองเพชรกันนะครับ โดยกระบองเพชรนั้นมีช่องทางการชื้อที่มากมายมีทั้งไปชื้อจากร้านจากสวนและชื้อออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆวันนี้เราเลยจะมาแนะนำกันถึงช่องทางการชื้อนั้น ๆ กันนะครับหลาย ๆ ท่านอาจจะเริ่มการชื้อกระบองเพชรมาจากตลาดนัดแถวบ้านแต่บางครั้งไปหาดูก็ไม่มีต้นที่อยากได้บางครั้งก็ไม่มาขายอยากได้ต้นไม้แต่ร้านไม่มาขายวันนี้ผมเลยจะมาเสนอช่องทางจากชื้อกระบองเพชรกันนะครับ1.ไปชื้อที่สวนกระบองเพชรนี่นับเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับการไปชื้อกระบองเพชรเลยก็ว่าได้เพราะว่าเราสามารถไปพบปะกับผู้ชายได้ไปเลือกชื้อต้นไม้ต่าง ๆ สายพันธุ์หลากหลายอีกทั้งยังสามารถชื้อได้ในราคาที่ดีแถมยังได้ความรู้อีกทั้งยังได้วิธีการดูแลรักษาอีกด้วยนับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกสำคัญในการไปชื้อกระบองเพชรเลยก็ว่าได้นอกจากนี้ยังสามารถไปเดินชื้อตลาดต้นไม้ได้ตามแต่ละจังหวัดได้เช่นกัน เช่น ในเชียงรายก็จะมีตลาดไม้พญาเม็งรายบริเวณใกล้ค่ายทหาร ในกรุงเทพก็จะมี ตลาดต้นไม้จตุจัตร ในอังอังคารทุก ๆ สัปดาห์ซึ่งบอกได้เลยว่ามีต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์มากมายไม่ใช่แค่กระบองเพชรเท่านั้นนับว่าเป็นตลาดที่มีต้นไม้ขายมากที่สุดแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้อีกอย่างหนึ่งคืองานแฟร์ ของกระบองเพชรโดยงานจะมีเกือบทุกเดือนไห้ได้ไปเดินเลือกชื้อกันโดยที่ราคานั้นจับต้องได้และมีไม้ต่าง ๆ ให้เลือกชื้อกันจากสวนเกือบทั้งประเทศเลยทีเดียวอีกทั้งในงานยังมีการประกวดไม้อีกด้วยทำให้เราได้ไปดูไม้สวย ๆ จากฟาร์มใหญ่ ๆ จากผู้เลี้ยงมากประสบการณ์ต่าง ๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการปลูกกระบองเพชรให้แก่ผู้เริ่มเลี้ยงใหม่ได้ดีอีกด้วยอีกอย่างหนึ่งคืแเราไม่ต้องไปแย่งชื้อกับใครเลยเนื่องจากมีจำนวนที่มากและมีราคาย่อมเยาอีกทั้งคนไปชื้อก็มีไม่มากทำให้เรามีเวลาเลือกได้เต็มที่ทำให้เราได้ต้นไม้ที่ดีและราคาดีอีกทั้งยังได้คำแนะนำที่ดีกับต้นไม้ของเราจากคนขายอีกด้วย2.ชื้อต้นไม้ออนไลน์นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เป็นที่นิยมขึ้นมาหลังจากเกิดเหตุการณ์ ไวรัส covid - 19 ออกระบาดทำให้ผู้คนหันมาชื้อขายกระบองเพชรกันมากขึ้นจนนับได้ว่าเป็นอาชีพยอดนิยมใหม่ได้เลยโดยช่องทางการชื้อขายนั้นก็มีมากมายหลากหลายช่องทางทั้งทาง facebook instagram หรือแอปชื้อขายของออนไลน์เช่น shopee ก็มีให้เลือกชื้อเช่นกันแต่การชื้อของออนไลน์ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน ทั้งโดนโกง ของไม่ตรงปก ต้นไม้เสียหายจากการขนส่ง หรือเน่าเสียหายได้จากการขนส่งที่ใช้เวลานาน ดังนั้นจึงต้องเลือกผู้ขายที่ดี มีเครดิต มีชื่อเสียงในวงการการขายต้นไม้ และต้องดูให้ละเอียดขอดูรายละเอียดต่าง ๆ ให้ดีก่อนที่จะชื้อ มิเช่นนั้นก็อาจจะโดนโกงหรือได้ต้นไม้ที่เสียหายได้นั้นเองในอินสตราแกรมส่วนมากต้นไม้จะเป็นสวนหรือร้านต่าง ๆ มาเปิดขาย มาอวดไม้กันโดนส่วนมากจะขายเป็นรอบ ๆ หรือขายตามแต่ที่เจ้าของสะดวกจะขายมีไม้ที่หลากหลายมากมายให้ได้เลือกชื้อกัน มีหลาย ๆ ร้านที่เหมาะสำหรับมือใหม่ดังนั้นนี่จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีสำหรับการชื้อกระบองเพชรออนไลน์ ใน facebook นั้นจะมีร้านต่าง ๆ มาเปิดเพจให้ผู้คนเข้าไปดูไปชมเลือกชื้อต้นไม้ได้ แต่ส่วนมากแล้วการชื้อขายกระบองเพชรนั้นจะเกิดขึ้นในกลุ่ม facebook ต่างที่มีมากมายและแต่ละกลุ่มก็อาจจะมีต้นไม้ที่แตกต่างชนิดกันไปตามความชอบตามชื่อกลุ่มที่ตั้งขึ้นมา เช่น ยิมโนด่าง LB2178 แอสโตร แผงคอม้า และอื่น ๆ อีกมากมายดังนั้นเราควรที่จะเลือกกลุ่มที่ตรงกับความชอบของเราและเข้าร่วมกลุ่มนั้น ๆ โดยการชื้อออนไลน์นั้นเราจะต้องเลือกดูพ่อค้า แม่ค้า ว่ามีสินค้าจริงไหม หรือว่าแอบอ้างหลอกนำต้นไม้คนอื่นมาขาย อีกทั้งยังต้องระวังเรื่องการจัดส่งอีก อีกทั้งยังมีค่าจัดส่งที่เพิ่มเข้ามาต่อจากการชื้อต้นไม้อีกก็จบไปแล้วสำหรับเรื่องของช่องทางการชื้อกระบองเพชรที่นำมาเสนอให้กันในวันนี้หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเลี้ยงแต่หาที่ชื้อขายไม่ได้และผู้ที่ต้องการชื้อต้นไม้ใหม่กันไม่มากก็น้อยกันนะครับ เครดิตรูปภาพจากนักเขียน MU 

cactus did you know | กระบองเพชรและแสงแดด
อ่าน

cactus did you know | กระบองเพชรและแสงแดด

กระบองเพชรนั้นเป็นพืชที่ลดรูปของใบให้กลายเป็นหนามทำให้คลอโรฟิลล์นั้นย้ายไปอยู่ที่ลำต้นแทนทำให้การที่ต้นไม้จะได้สังเคราะห์แสงนั้นจะต้องให้แสงโดนลำต้นแทนนั้นเองแต่ปัญหาก็อยู่ที่ว่าแล้วแสงแบบไหนกันถึงจะเหมาะกับกระบองเพชร เนื่องจากบางต้นนั้นเมื่อโดนแสงแดดมากๆผิวของต้นก็ไหม้บางต้นแสงน้อยก็ต้นยืดเป็นโรคต่างๆดังนั้นแสงจึงจำเป็นต่อกระบองเพชรเป็นอย่างมากนั้นเอง1. ความเข้มแสงที่พอดีแสงที่ดีต่อกระบองเพชรนั้นหลายๆท่านอาจคิดว่าแดดแรง ๆ ไปเลยกระบองเพชรพืชทะเลทรายไม่เป็นไรหรอก ผิดเลยนะครับ ถ้าโดนแดดแรงๆไปตรงๆบางชนิดที่ผิวไม่มีอะไรมาปิดบังก็จะโดนแดดเผาผิวได้ทำให้ผิดเสีย ดังนั้นเราจึงต้องทำการพลางแดดให้มีความเข้มแสงที่น้อยลงเพื่อเป็นรักษาผิวนั้นเอง โดยที่การพลางแสงนั้นสามารถทำได้ด้วยการใช้แสลนครับ ใช้แสลนพลางแสงประมาณ 50 เปอเซ็นต์เพื่อทำให้ผิวไม้ไม่เสียหายนั้นเองครับ2. ระยะเวลาที่ต้นไม้ต้องการแสงกระบองเพชรนั้นชอบแสงแดดเป็นอย่างมากทำให้ต้องรับแดดเป็นปริมาณมากต่อวันดังนั้นเราจึงควรให้แดดให้มากที่สุดต่อวันแต่ในสถานที่บางที่อาจจะไม่สามารถรับได้ทั้งวัน แต่อย่างน้อยก็ควรให้แดดให้ได้อย่างน้อย 6 - 10 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำเพื่อให้ต้นไม้สามารถสังเคราะห์แสงได้อย่างเต็มที่เพื่อการเจริญเติบโตที่ดีนั้นเอง3.ปัญหาที่มากับการขาดแสงแดดที่เพียงพอถ้าต้นไม้ของเรานั้นขาดแสงแดดไปจะส่งผลเสียต่อต้นไม้เป็นอย่างมากลักษณะที่แสดงออกมาชัดเจนเลยก็คือ อาการยืดของต้นไม้ โดยต้นไม้ที่ปกติอาจจะมีลักษณะป้อมก็จะเสียทรงของตนเองไปทำให้ไม่สวยงาม อีกอย่างคือในดินอาจจะเป็นเชื้อราเนื่องจากความชื้นในดินที่มาจากแดดไม่พอดินไม่แห้งทำให้เกิดเป็นโรคต่างๆตามมาที่หลังได้นั้นเอง ดังนั้นการให้แดดที่ดีนั้นต้องพลางแสงแดดให้มีความเข้มแสง 50 เปอเซ็นต์ให้ได้ระยะเวลาประมาณ 6 - 10 ชั่วโมงต่อหนึ่งวันเป็นการดีจะทำให้ต้นไม้ได้รับแสงแดดที่เพียงพอต่อวันและมีความสวยงามสมบูรณ์ ถ้าแดดไม่เพียงพอต่อวันจะทำให้ต้นไม้ยืดและอาจเกิดโรคต่างๆได้นั้นเอง ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ ภาพถ่ายโดยนักเขียน MU  

cactus did you know | astrophytum asterias ekubo & kikko
อ่าน

cactus did you know | astrophytum asterias ekubo & kikko

ก็กลับมากันอีกแล้วนะครับกับเรื่องราวของ astrophytum asterias วันนี้เราก็จะมาอ่านมาศึกษากันในเรื่องของ ริ้วรอยที่อยู่บนผิวกันดีกว่านะครับ โดยเราจะมาพูดกันในลักษณะที่เรียกกันว่า ekubo และ kikko กันนะครับ1.astrophytum asterias ekubo ลักษณะของ ekubo นั้นถ้าดูจากรูปอาจจะคล้ายกันกับ nudum ปกติ แต่ถ้าลองมองดี ๆ แล้วจะเห็นรอยขีดเล็ก ๆ ข้างใต้ของดอทที่มีขนาดเล็ก ๆ เป็นรูปคล้ายกับปากที่กำลังยิ้มอยู่ นั้นเอง รอยเล็ก ๆ ที่เป็นรอยยิ้มนี่แหละครับที่เรียกกันว่า ekubo โดยอาจจะเห็นได้ว่าก็ไม่ได้พิเศษอะไรมากมายจากตัว nudum ปกติแต่ว่านี่แหละเป็นลักษณะเริ่มต้นของ kikko แต่ ekubo เองก็มีความสวยงามในตัวเองเช่นกัน2. astrophytum asterias kikko และนี่ก็คือรูปของ astrophytum asterias kikko หรือที่เรียกกันว่า เต่า นั้นเอง โดยที่มาของชื่อ kikko และชื่อ เต่า ก็มาจากลักษะของเขาที่คล้ายกันกับกระดองของเต่านั้นเอง โดยปกติแล้วพูของตัว astrophytum asterias นั้นจะตรงยาวลงไปแต่ astrophytum asterias kikko นั้นต่างออกไปตรงที่พูจะบิด เบี้ยว หรือมีขีดออกมา ทำให้เกิดเป็นความสวยงามอย่างหนึ่งออกมาซึ่งออกมาเป็นเอกลักษณ์ของ kikko นั้นเอง astrophytum asterias kikko นั้นแต่ละต้นจะมีลักษณะแตกต่างกันออกไปตามความสวยงามที่ออกมาจากลักษณะพิเศษของ kikko เองนั้นก็คือรอยหยักต่างๆที่ออกมาอย่างรูปข้างต้นนั้นก็มีลักษณะที่แตกต่างกันกับ kikko ต้นข้างบนและราคาก็แตกต่างกันเช่นกันสำหรับ astrophytum asterias ทั้งสองชนิดที่นำมาเสนอนั้นอาจจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้างแต่ก็มีจุดร่วมกันอยู่ที่ทำให้ทั้งสองมีลักษณะใกล้เคียงกันการเลือกชื้อต้นไม้มีความเสี่ยงเราสามารถชื้อต้นไม้ราคาถูกมาเลี้ยงเพื่อดูฟอร์มต่อไปได้เราควรมีวิจารณญาณในการเลือกชื้อไม้ให้ดีและดูแลเอาใจใส่ต่อไปเพื่อที่จะเล่นเขาเติบโตอย่างสวยงามต่อไป ถ้ามีความผิดพลาดอะไรต่อไปก็ขออภัยด้วยนะครับ ขอบคุณสำหรับการอ่านนะครับเครดิตรูปภาพโดยนักเขียน MU

ถักนิตติ้ง Cast On Knit Purl 2X2
อ่าน

ถักนิตติ้ง Cast On Knit Purl 2X2

     ไรท์เขียนเกี่ยวกับการเริ่มทำ “ห่วงแรกเริ่ม Slip Knot”  และการเริ่ม “Cast On แบบ 1x1”  ไปแล้ว ในคราวนี้สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือถักให้เป็นลวดลาย ซึ่งลายนี้ก็เป็นอีกลายที่นิยมนำไปทำชายขอบเสื้อกันหนาว และปลายแขน เช่นเดียวกับลาย 1x1  แต่จะเพิ่มแถวเคียงข้างให้เป็นคู่ ๆ โดยการถักแบบนี้จะเป็นการถัก Knit 2 ครั้ง และ Purl 2 ครั้ง ค่ะ จึงเรียก การถัก 2 ต่อ 2     เตรียมอุปกรณ์ ไม้นิตติ้ง ไหมพรม กรรไกร ซึ่งเป็นอุปกรณ์หลักค่ะ ในบทความนี้ไรท์ใช้ไม้นิตแบบไม้ปลายแหลม 2 ด้านค่ะ หรือ Double Pointed Needles Set (DPNS)อุปกรณ์1. ทำห่วง Slip Knot ดูได้ในบทความ “ห่วงแรกเริ่ม Slip Knot”2. ขึ้นห่วง Cast On แบบ 1x1 ดูได้ในบทความ " Knitting Cable Cast On ขึ้นห่วงนิตติ้ง" (ตัวอย่างทำ 10 ห่วง ซึ่งการถักแบบ 2x2 จะต้องทำห่วงเป็นเลขคู่ )3. แถวที่ 1 ถัก Knit ตามปกติ 1 ห่วง4.ไม้ขวาสอดข้าม 1 ห่วง5. นิ้วชี้ประคอง 2 ห่วงไว้ แล้วปลดออกจากไม้ซ้าย โดยให้ห่วงว่างอยู่ในลักษณะเดิม6. นำไม้ซ้ายสอดห่วงว่างที่นิ้วชี้7. นำไม้ซ้ายสอดห่วงที่ถอดไปใส่ไม้ขวานั้นกลับคืนมา8. ห่วงกลับคืนไม้ซ้ายเรียบร้อย9. ถัก Knit ปกติ อีก 1 ห่วง10. จะได้ Knit 2 ห่วงที่ไม้ขวา11. ถัก Purl ปกติ 1 ห่วง12. ได้ Purl 1 ห่วงที่ไม้ขวา13. ถัก Purl ปกติ อีก1 ห่วง14. ได้ Purl 2 ห่วงที่ไม้ขวา (ให้สังเกตปมบนห่วง นั่นคือห่วงที่เป็น Purl)15. ทำซ้ำตั้งแต่ข้อ 3 (สรุป ถัก Knit 1ครั้ง ก่อนถอด 2 ห่วงสลับกัน จากนั้น ถักKnit อีก 1 ห่วง และถัก Purl 2 ห่วง)16. เมื่อแถวที่ 1 ถักครบทุกห่วงแล้ว จะได้ Knit 2 ห่วง สลับ Purl 2 ห่วง17. พลิกไม้มาทางซ้ายเพื่อเริ่มแถวที่ 218. แถวที่ 2 สังเกตปมห่วงแรก ดังนั้นจะเริ่มถักด้วย Purl19. เมื่อได้ Purl 2 ห่วง20. ตามด้วยถัก Knit 2 ห่วง21. เมื่อได้ Knit 2 ห่วงทางไม้ขวา22. ให้ถักซ้ำ Purl 2 ห่วง และตามด้วย Knit 2 ห่วง สลับกัน จนครบแถวที่ 223. พลิกไม้มาทางซ้าย เริ่มแถวที่ 3 ดูที่ห่วงไม่มีปม ก็จะถัก Knit 2 ห่วง ตามด้วย Purl 2 ห่วง24. ลักษณะหลังจากถักKnit 2 สลับ Purl 2 จนครบแถวที่ 325. เริ่มถักวนซ้ำ โดยสังเกตห่วงแรกว่าเป็น Knit (ไม่เป็นปม) หรือ Purl (มีปม) ก็ให้ถักตามตัวนั้น จนได้ความยาวตามต้องการ     ดูภาพประกอบกันไปแล้ว ไรท์ขอสรุปให้ในช่วงการถักแถวแรกนะคะ เพราะจะถักพิเศษแค่แถวแรกเท่านั้น นั่นคือ เราจะต้องถักนิตหนึ่งครั้ง แล้วสลับสองห่วงทางไม้ซ้ายก่อน จึงถักนิตอีกหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ถักเพิร์ลสองครั้ง  นับเป็น Step หลักค่ะ หากคุณอยากจะดูแบบเคลื่อนไหว ไรท์มีวิดีโอเพิ่มเติมให้คุณ ๆ ด้วยนะคะhttps://youtu.be/bcJYpbR9kKoVideo การถักนิตติ้ง Cast On 2X2      ภาพก็ดูแล้ว วิดีโอก็มีประกอบให้ดูแล้ว คราวนี้คุณก็ฝึกหัดทำ Cast On Knit Purl 2X2 ได้แล้ว และไรท์ก็คิดว่าน่าจะนำไปประยุกต์ใช้กันได้     ไรท์เป็นกำลังใจให้ผู้ที่สนใจเริ่มทำงานฝีมือค่ะ อย่าลืมแชร์และติดตามบทความต่อไปนะคะ  ^_^ เครดิตภาพ : ภาพปก และ ภาพประกอบทุกภาพ  ถ่ายและจัดทำโดย ผู้เขียนเครดิต Youtube : OkPk17  (โดย ผู้เขียน) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !