รีเซต

ผลการค้นหา “Jump the series” - ทรูไอดี

ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
(Hands-On) สัมผัสแรก Samsung Galaxy Watch6 Series และ Galaxy Tab S9 Series ณ งาน Unpacked กรุงโซล
อ่าน

(Hands-On) สัมผัสแรก Samsung Galaxy Watch6 Series และ Galaxy Tab S9 Series ณ งาน Unpacked กรุงโซล

เปิดตัวไปแล้วกับ Samsung Galaxy Tab S9 Series และ Galaxy Watch6 Series ในงาน Unpacked ณ กรุงโซลสุดยิ่งใหญ่ ซึ่งหลังจบงานเราก็ได้มีโอกาสไปจับเครื่องจริงกันด้วย กับทั้งสองรุ่น ซึ่งภายในงานก็มีการจัดโซน และ Drop Out ต่าง ๆ ให้ลองเล่น และถ่ายภาพ สมกับเป็นงาน Unpacked Galaxy Watch6 และ Watch6 Classic นี่เป็นสมาร์ตวอตช์ที่ผมตื่นเต้นมากที่จะได้จับของจริง Watch6 Classic นำเอา Rotate Ring กลับมาแล้ว หน้าตาดูมีความ Classic และสวยมาก ซึ่งก็นำมาแทนที่รุ่น Pro ไปเลย หลังจากที่ในรุ่น 5 นั้นถูกตัด Classic ออกไป สิ่งแรกที่ได้จับแล้วต้องสังเกตเห็นเลย คือหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม จนแทบจะสุดขอบ ไม่เหมือนกับรุ่นเก่าที่ขอบหนา (เช่น Watch4 ที่ผมใช้อยู่) ซึ่งในรุ่นนี้มีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 37.33 มม. แล้วนั่นเอง และอัปเกรดเป็นรุ่น 43mm และ 47mm แทน วัสดุเท่าที่จับ ดูแข็งแรงทนทานดี ตัวกระจกหน้าจอก็เปลี่ยนมาใช้ Crystal Sapphire แทนแล้ว ซึ่งจากรูปลักษณ์ภายนอก ก็จะเปลี่ยนแปลงไปประมาณนี้สำหรับ Watch6 Series ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ขอบบางลงแบบนี้ ดูหล่อมากกว่าเดิมเยอะมาก ๆ Samsung Galaxy Tab S9 Series ในส่วนของ Tab S9 Series รอบนี้ ก็ยังมีรุ่นสับมากถึง 3 รุ่นเหมือนเดิม Tab S9, Tab S9+ และ Tab S9 Ultra ซึ่งคราวนี้ถึงแม้หน้าตาจะดูเหมือนเดิมหมด แต่ที่สังเกตเห็นได้ทันทีคือตัว S9 ที่เปลี่ยนมาใช้หน้าจอ AMOLED แบบรุ่นใหญ่ แทนที่จะเป็น LCD แล้ว หน้าจอดูสวยงามมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยก็สมกับเป็นแท็บเล็ตเรือธงทุกตัวสักที นอกจากนั้นไม่ค่อยมีอะไรแปลงที่เห็นได้ทันทีมากนัก ซึ่งหลัก ๆ ที่อัปเกรดจากรุ่นปีที่แล้ว ที่เด่นชัดที่สุดก็คงจะเป็น Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy ที่ก็เหมือนกับรุ่นอื่น ๆ ที่เข้ามาช่วยในเรื่องของประสิทธิภาพ ความร้อน และแบตเตอรี ซึ่งใครสนใจทั้งสอง Series นี้ก็เข้าไปอ่านรายละเอียดสเปกเพิ่มเติมในลิงก์นี้ ซึ่งมีรายละเอียดโปรโมชัน ของ Samsung ประเทศไทยอยู่ด้วยครับ ความประทับใจของงาน NDA ครั้งนี้ อันนี้แอบอยากพูดแนบมาด้วย ประทับใจงาน NDA (Non Disclosure Agreement งานรอบสื่อที่จะได้จับเครื่องจริงก่อนเปิดตัวจริง เพื่อเตรียมข้อมูลไปทำข่าว) ของ Samsung ที่เกาหลีมาก ด้วยความที่ครั้งนี้มันเป็นการจัด Unpacked ครั้งแรกในบ้านเกิดเขา พร้อมกับมีจำนวนสื่อไอทีมาจากทั่วโลกแบบล้นหลาม มันเลยเป็นงาน NDA ที่ยิ่งใหญ่มาก แต่พื้นที่ที่จัด NDA ก็จะเล็ก ๆ นะ ไม่ได้ใหญ่ จะคงเพราะว่าจะได้คุมคนได้ ซึ่งทางทีมงานได้มีการจัดแสงทุก Drop Out เลย แบบว่านี่คือการเดินดุ่ม ๆ เอา S23 Ultra ไปถ่ายแบบเร็ว ๆ ภาพก็ออกมาสวยเลย เพราะทีมงานจัดแสงโหดมาก แต่ละจุดก็จะมีการวางเรียงกันเล่นกับกิมมิคต่าง ๆ ของเครื่องด้วย ซึ่งจำนวนเครื่องที่ใช้ในพื้นที่ NDA มีเป็นร้อย ๆ เครื่องเลย แถมยังเอาวิศวกรผู้ออกแบบมานั่งตอบคำถามที่สงสัยเองเลยด้วย และยังมีโซน Studio ให้เราเข้าไปนั่งรีวิวกันข้างในนั้นได้เลยอีก

iPhone 15 Series มีตัวเครื่องพร้อมขายลดลง 8% เมื่อเทียบจาก iPhone 14 Series
อ่าน

iPhone 15 Series มีตัวเครื่องพร้อมขายลดลง 8% เมื่อเทียบจาก iPhone 14 Series

เป็นที่ทราบกันดีว่าอีกไม่กี่เดือนนั้น Apple จะเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่อย่าง iPhone 15 Series ซึ่งตามรายงานก่อนหน้านั้นมีการระบุว่า Apple กำลังเผชิญกับปัญหาในการผลิต iPhone 15 Pro/Pro Max ส่งผลให้มีสินค้าสต็อกในช่วงเริ่มต้นต่ำกว่า iPhone 14 Series รุ่นปัจจุบัน ตามรายงานระบุไว้ว่า สต็อกโดยประมาณสำหรับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2022 อยู่ที่ประมาณ 90 ล้านเครื่อง แต่คาดว่า iPhone 15 Series จะมีสินค้าพร้อมจำหน่ายเบื้องต้นที่ 83 ถึง 85 ล้านเครื่อง เนื่องจากปัญหาทางเทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเกี่ยวกับหน้าจอ โดยปัญหาดังกล่าวนั้นจะส่งผลกับรุ่น iPhone 15 Pro Max มากที่สุด และรุ่น iPhone 15 Pro รองลงมา หลายคนทราบกันดีว่าการวางขายในช่วงแรกนั้น iPhone รุ่นใหม่ ๆ นั้น จะหาสินค้ายากมาก ในรุ่น iPhone 15 Series รอบนี้ถ้าดูจากข่าวแล้ว ก็น่าจะยากมากกว่าเดิมครับ ที่มา : Gizmochina.com

“ไบเบิ้ล” ตัวแทน “KinnPorsche The Series” รับรางวัล “Most Popular Y Series”
อ่าน

“ไบเบิ้ล” ตัวแทน “KinnPorsche The Series” รับรางวัล “Most Popular Y Series”

ไบเบิ้ล ตัวแทน KinnPorsche The Series รับรางวัล Most Popular Y Series ถึงแม้ว่า KinnPorsche The Series ซีรีส์วายสายแอคชั่น มาเฟียในไทยเรื่องแรกเรื่องนี้จะลาจอไปนานแล้ว แต่ด้วยกระแสของความปังทั้งตัวของนักแสดงทุกคน เนื้อเรื่อง โปรดักชั่นที่จัดเต็ม แสง สี เสียง เอฟเฟ็ค เลยยังทำให้มีแฟนๆพูดถึงตลอด ซึ่งไม่ได้โด่งดังแค่ในไทยเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างฐานแฟนคลับไปได้ไกลทั่วโลกอีกด้วย ล่าสุด KinnPorsche The Series คว้ารางวัล Most Popular Y Series หรือ ซีรีส์วายยอดเยี่ยม จากงานประกาศรางวัล ASIA TOP AWARDS 2023 งานนี้ ไบเบิ้ล วิชญ์ภาส เลยเป็นตัวแทนเพื่อนๆนักแสดงและจากบริษัท บีออนคลาวน์ จํากัด ขึ้นไปรับรางวัลนี้อีกด้วย ยังไงทางดาราเดลี่ขอแสดงความยินดีกับนักแสดงและทีมงาน KinnPorsche The Series ทุกคนด้วยนะคะ เพราะสมมงสุดๆไปเลยค่า

LEO เข้าร่วม JUMP+ดึงเชื่อมั่นนักลงทุน
อ่าน

LEO เข้าร่วม JUMP+ดึงเชื่อมั่นนักลงทุน

#LEO #ทันหุ้น - LEO เข้าร่วมโครงการ “JUMP+” ของตลาดหลักทรัพย์ เสริมสร้างการเติบโตและพลังแข่งขันในเวทีระดับประเทศและภูมิภาค ควบคู่ยกระดับธรรมาภิบาล–ธุรกิจยั่งยืน ฟากซีอีโอ “เกตติวิทย์” ระบุมั่นใจช่วยสร้างการเติบโต และเพิ่มความมั่นใจต่อนักลงทุนสถาบันและผู้ถือหุ้นนายเกตติวิทย์  สิทธิสุนทรวงศ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผยว่า การเข้าร่วมโครงการ JUMP+ ภายใต้การดำเนินการของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีเป้าหมายสำคัญในการสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนและตลาดทุนไทยให้ยกระดับการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยบริษัทจะต้องมีการจัดทำแผนธุรกิจ แผนด้านธรรมาภิบาลและแผนด้าน Climate Action ที่มีการเติบโตที่ชัดเจนและวัดผลได้ภายใน 3 ปี (2569 – 2571)  ซึ่งก็สอดคล้องกับช่วงเวลาที่ทาง LEO กำลังวางแผนธุรกิจ 3  ปี๑ เติบโตอย่างยั่งยืนสำหรับช่วงเวลาปี 2569-2571 พอดี บริษัทจึงเล็งเห็นประโยชน์อย่างมากที่จะใช้แนวทางของโครงการ JUMP+ มาเป็นกรอบในการวางแผนธุรกิจ 3 ปีของบริษัทพร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนในเรื่องของงบประมาณและคำแนะนำปรึกษาจากบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำที่เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรของโครงการ JUMP+โดย LEO ก็มีกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืน โดยเดินหน้ายกระดับมาตรฐานธรรมาภิบาลและพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ โดยเฉพาะ Green Sustainable Logistics ที่บริษัทได้พัฒนานวัตกรรมและบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลูกค้าลดต้นทุน ควบคู่กับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมนอกจากนี้ LEO ยังมีแผนที่จะสร้าง Eco System Platform เพื่อการขนส่งที่เป็น Sustainable Logistics และต่อยอดไปสู่ธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics มากขึ้น เพื่อสร้างความหลากหลายของแหล่งรายได้ และเพิ่มโอกาสการเติบโตใหม่ๆ ให้กับบริษัท เพื่อให้การเข้าร่วมโครงการ JUMP+ ในครั้งนี้เกิดผลสำเร็จสูงสุด และช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในระยะยาว@ เพิ่มศักยภาพโต“เรามั่นใจว่าการเข้าร่วมโครงการ JUMP+ จะไม่เพียงช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตและการเป็นผู้นำของ Green Sustainable Logistics และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและผู้ถือหุ้น รวมถึงสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับ LEO ในฐานะผู้นำของธุรกิจโลจิสติกส์เพื่อความยั่งยืน (Sustainable Logistics)” นายเกตติวิทย์ กล่าวสำหรับโครงการ JUMP+ ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของตลาดหลักทรัพย์ ในการสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนให้ก้าวสู่มาตรฐานใหม่ทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจ การบริหารจัดการ และการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยบริษัทที่เข้าร่วมจะได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งในเชิงงบประมาณที่ได้รับ การสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาตลาดทุน (CMDF) ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการสื่อสารกับนักลงทุนและผู้ถือหุ้น“บริษัทต้องขอขอบพระคุณตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ได้ริเริ่มและจัดทำโครงการ JUMP+ ซึ่งเป็นโครงการที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทจดทะเบียนอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับสากลได้อย่างมั่นคง” นายเกตติวิทย์ กล่าวในที่สุด

Oppo Find X7 Series อาจไม่มีรุ่น Pro ?!
อ่าน

Oppo Find X7 Series อาจไม่มีรุ่น Pro ?!

ตามรายงาน Oppo Find X7 Series คาดว่าจะเปิดตัวในเดือนมกราคมปีหน้า ข่าวก่อนหน้ายังรายงานว่า Find X7 Series จะมีทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ Find X7, Find X7 Pro และรุ่น Find X7 Ultra แต่ล่าสุดนั้นมีรายงานใหม่ระบุว่า ใน Find X7 Series จะไม่มีรุ่น Pro แหล่งที่มาของข่าวคือ Digital Chat Station ซึ่งเป็นทิปสเตอร์ที่รู้จักกันดีในวงการเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม โพสต์ดังกล่าวนี้ได้ถูกลบออกไปแล้ว โดยตามรายงานระบุว่า Find X7 จะไม่มีรุ่น Pro แต่กลุ่มผลิตภัณฑ์ยังคงมีทั้งหมด 3 รุ่น โดยจะมีรุ่น Find X7, Find X7 Ultra และ Find X7 Ultra Satellite Communication แทน ถ้าสังเกตจากชื่อรุ่นแล้ว รุ่น Ultra ทั้ง 2 รุ่นจะมีความแตกต่างกันที่คุณสมบัติการสื่อสารผ่านดาวเทียมเท่านั้น ซึ่งเป็นรายละเอียดที่สอดคล้องกับการยืนยันของ Oppo เกี่ยวกับคุณสมบัตินี้ใน Find X7 Series นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่าทุกรุ่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์จะมีแบตเตอรี่ 5000mAh ที่รองรับการชาร์จ 100W ในขณะที่รุ่น Ultra จะรองรับการชาร์จไร้สาย 50W ที่มา : Gizmochina.com

Realme V-Series สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ของ Realme ปรากฏบน TENAA
อ่าน

Realme V-Series สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ของ Realme ปรากฏบน TENAA

พบสมาร์ตโฟน Realme รุ่นใหม่ 2 รุ่นที่มีหมายเลขรุ่น RMX3781 และ RMX3783 ปรากฏบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ TENAA ของจีน รายงานกล่าวว่าอุปกรณ์ดังกล่าวคือสมาร์ตโฟน Realme V-Series ในตลาดจีน แต่รายชื่อยังไม่ได้มีการเปิดเผยสเปกมาให้ทราบ สมาร์ตโฟนรุ่นดังกล่าวนั้นมีลักษณะคล้ายกับ Realme 11 5G ที่เปิดตัวในไต้หวันเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา จากข้อมูลของ TENAA เผยให้เห็นว่าสมาร์ตโฟนมีหน้าจอแบบเจาะรูตรงกลางและเป็นจอแบน ด้านหลังมีโมดูลกล้องทรงกลมพร้อมกล้องคู่และแฟลช LED พร้อมตราสินค้า Realme อยู่ที่ด้านหลัง ส่วนรายละเอียดด้านอื่น ๆ นั้นยังไม่มีการเปิดเผยออกมาให้ทราบ ที่มา : Gizmochina.com

เปิดตัวสมาร์ทโฟน “OPPO Reno5 Series 5G” ที่สุดของวิดีโอ Portrait
อ่าน

เปิดตัวสมาร์ทโฟน “OPPO Reno5 Series 5G” ที่สุดของวิดีโอ Portrait

ออปโป้ ไทยแลนด์ เปิดตัว OPPO Reno5 Series 5G สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่เป็นที่สุดของสมาร์ทโฟนถ่ายวิดีโอ Portrait ได้แก่ OPPO Reno5 และ OPPO Reno5 5G ภายใต้แนวคิด Picture Life Together ให้บันทึกทุกโมเมนต์สุดประทับใจได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยฟีเจอร์สุดล้ำมากมาย อาทิ Dual-view Video บันทึกวิดีโอพร้อมกันทั้งกล้องหน้า-หลัง, AI Mixed Portrait ครั้งแรกของโลกบน OPPO Reno5 ช่วยสร้างสรรค์วิดีโอที่เหนือกว่าโดยการนำวิดีโอ 2 ตัวมาซ้อนกัน, นำเทรนด์ด้วยดีไซน์ฝาหลังที่สวยประกาย บางเบาพร้อมทั้งสามารถสะท้อนเฉดสีถึงพันสี รวมถึงรองรับ 5G และชาร์จไว 65W SuperVOOC 2.0 บน OPPO Reno5 5G โดย OPPO Reno5 เปิดตัวที่ราคา 10,990 บาท และ OPPO Reno5 5G เปิดตัวที่ราคา 13,990 บาท จองได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 5 กุมภาพันธ์ รับโปรโมชั่นและของสมนาคุณมูลค่ากว่า 8,000 บาท และพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ OPPO Reno5 Series 5G สมาร์ทโฟนที่ถ่ายวิดีโอ Portrait สวยที่สุด พร้อมให้คุณปลดล็อกพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ และบันทึกทุกโมเมนต์อันน่าประทับใจกับคนรอบข้างด้วยสุดยอดนวัตกรรมเพื่อการถ่ายวิดีโอมากมาย รวมที่สุดของดีไซน์อันโดดเด่นและประสิทธิภาพที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานไปอีกขั้นด้วย 3 ไฮไลต์เด็ด ได้แก่ ที่สุดของวิดีโอ Portrait ด้วยฟีเจอร์ Dual-view Video และ AI Mixed Portrait OPPO Reno5 Series 5G สมาร์ทโฟนเพื่อการสร้างสรรค์วิดีโอ Portrait ให้โดดเด่นที่สุดด้วยความสามารถในการสร้างสรรค์วิดีโอที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ด้วยฟีเจอร์ Dual-view Video ที่มีในทั้งสองรุ่น สามารถบันทึกวิดีโอพร้อมกันทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง เพื่อสร้างความทรงจำอันน่าจดจำร่วมกับคนรอบข้าง ปลดล็อกจินตนาการด้วยฟีเจอร์ AI Mixed Portrait ที่มีเฉพาะใน OPPO Reno5 ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกบนสมาร์ทโฟนที่นำเอา Double Exposure Effect มาใช้กับการถ่ายวิดีโอบนสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นการนำวิดีโอ 2 ตัวมาซ้อนเข้าด้วยกันเกิดเป็นวิดีโอใหม่ที่สวยงามกว่าเดิม โดยทำงานร่วมกับอัลกอริทึม AI ขั้นสูงที่ช่วยตัดขอบตัวบุคคลได้อย่างแม่นยำเพื่อนำไปซ้อนเข้ากับอีกวิดีโอได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังได้นำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อสนับสนุนการถ่ายวิดีโอให้สนุกและสวยงามมากยิ่งขึ้น ทั้งการควบคุมแสง ใส่ฟิลเตอร์ปรับสี หรือปรับแต่งใบหน้าสำหรับการถ่ายวิดีโอกล้องหน้าให้ประณีตและเป็นธรรมชาติมากขึ้น OPPO Reno5 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกล้องหลัง 4 กล้อง ความละเอียด 64MP+8MP+2MP+2MP โดย OPPO Reno5 กล้องหน้ามีความละเอียดสูงถึง 44MP ขณะที่ OPPO Reno5 5G มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 32MP โดยทั้งสองรุ่นสามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุดถึง 4K ที่ 30fps สำหรับกล้องหลัง และรองรับความละเอียด 1080P หรือ 720P ที่ 30fps ในกล้องหน้า สวยงาม บางเบา นำเทรนด์ด้วยเทคโนโลยีดีไซน์ตัวเครื่องที่เรียกว่า Diamond Spectrum Process สร้างเฉดสีใหม่นับพันสีภายในเครื่องเดียว OPPO Reno5 Series 5G เป็นอีกหนึ่งแฟชั่นไอเทมที่โดดเด่นทุกท่วงท่ากับดีไซน์สวยสะกดทุกสายตากับเทคโนโลยีล่าสุด Diamond Spectrum Process ทำให้ฝาหลังของตัวเครื่องสีเงิน Fantasy Silver ของ OPPO Reno5 และ สีเงิน Galactic Silver ของ OPPO Reno5 5G สามารถสะท้อนเฉดสีได้นับพันในเครื่องเดียวเมื่อมองจากมุมหรือในสภาพแสงที่ต่างกัน ลดการเกิดรอยนิ้วมือเพราะเคลือบผิวฝาหลังแบบด้านด้วยเทคนิค Reno Glow นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมีดีไซน์เบาบาง พกพาได้คล่องตัว โดย OPPO Reno5 มีให้เลือกสองสี ได้แก่ สีเงิน Fantasy Silver และ สีดำ Starry Black ส่วน OPPO Reno5 5G มาในสองสี ได้แก่ สีเงิน Galactic Silver และสีดำ Starry Black OPPO Reno5 Series 5G ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมจอ AMOLED FHD+ ขนาด 6.43 แสดงผลความไวสูงถึง 90Hz มอบประสบการณ์ที่ไหลลื่น สมจริง และเต็มตาด้วย Edge-to-edge Display ที่มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องถึง 91.7% ใช้งานได้อย่างไหลลื่น ไม่มีสะดุด OPPO Reno5 ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Snapdragon 720G RAM 8GB และ ROM128GB ประสิทธิภาพลื่นไหลไม่แพ้กัน มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,310mAh และเทคโนโลยี 50W Flash Charge ชาร์จไวไม่ต้องรอนานเพียง 48 นาที ก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 100% ส่วน OPPO Reno5 5G รองรับการสื่อสารแห่งอนาคตด้วยเทคโนโลยี 5G และขุมพลัง Snapdragon 765G 5G RAM 8GB และ ROM 128GB มอบประสิทธิภาพการใช้งานได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหล มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4,300mAh และเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์ของออปโป้ 65W SuperVOOC 2.0 ชาร์จไวขั้นสุดเพียง 35 นาที สามารถชาร์จได้ 100% นับว่า OPPO Reno5 Series 5G นั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายวิดีโอ Portrait ได้สวยที่สุดในยุคนี้เลยก็ว่าได้ โดยมาด้วยกันสองรุ่น ได้แก่ OPPO Reno5 ราคา 10,990 บาท มี 2 สี ได้แก่ สีเงิน Fantasy Silver และสีดำ Starry Black สำหรับ OPPO Reno5 5G ราคา 13,990 บาท มี 2 สีเช่นเดียวกัน คือ สีเงิน Galactic Silver และสีดำ Starry Black จองได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 5 กุมภาพันธ์ พร้อมรับโปรโมชั่นและของสมนาคุณจัดเต็ม สำหรับผู้ที่จอง OPPO Reno5 รับฟรี Smart Scale และ OPPO E-VIP Card มูลค่ารวม 6,299 บาทสำหรับผู้ที่จอง OPPO Reno5 5G รับฟรี Smart Scale, Bluetooth Speaker และ OPPO E-VIP Card มูลค่ารวม 8,398 บาท เป็นเจ้าของ OPPO Reno5 Series 5G ได้ง่ายขึ้นเมื่อจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย โดยสามารถเป็นเจ้าของ OPPO Reno5 ในราคาเริ่มต้นเพียง 4,490 บาท และเป็นเจ้าของ OPPO Reno5 5G ในราคาเริ่มต้น 5,490 บาท ระหว่างวันนี้ถึง 5 กุมภาพันธ์นี้ เท่านั้น โดย OPPO Reno5 Series 5G จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

รู้ไว้ก่อนซื้อ ! 6 ข้อแตกต่าง ระหว่าง Apple Watch Series 8 กับ Apple Watch Series 9
อ่าน

รู้ไว้ก่อนซื้อ ! 6 ข้อแตกต่าง ระหว่าง Apple Watch Series 8 กับ Apple Watch Series 9

หลังจากที่แอปเปิล (Apple) เปิดตัวสินค้าใหม่ในงาน Apple Wonderlust Event เมื่อ 13 กันยายน ตามเวลาประเทศไทย หนึ่งในไอเทมใหม่สำหรับสายสุขภาพที่น่าสนใจก็คือ Apple Watch Series 9 สมาร์ตวอชรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่ง TNN Tech ได้รวบรวมความแตกต่างกับ Apple Watch Series 8 สมาร์ตวอชรุ่นก่อนหน้ามาไว้ 6 จุด ด้วยกัน6 ข้อแตกต่าง ระหว่าง Apple Watch Series 8 กับ Apple Watch Series 9ความสว่างหน้าจอสูงสุด Apple Watch Series 8 มีความสว่างของหน้าจอสูงสุด 1000 nits ในที่กลางแจ้ง ส่วน Apple Watch Series 9 ได้รับการปรับปรุงให้สว่างกลางแจ้งสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 nitsชิปประมวลผล หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจาก Apple Watch Series 8 ใช้ชิปประมวลผล S8 ที่มีพื้นฐานมาจากชิป A13 Bionic ซึ่งใช้ใน iPhone 11 Series และ iPhone SE แต่ Apple Watch Series 9 ได้พัฒนาพื้นฐานมาจาก A15 Bionic เป็น S9 SiPNeural Engine หรือหน่วยประมวลผลการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เพิ่มแกนประมวลผลเป็น 4 คอร์ (Core) เพิ่มจากรุ่น 8 มาอีก 3 coreระบบ Siriหรือระบบผู้ช่วยส่วนตัวใน Apple Watch Series 9 เป็นครั้งแรกที่พัฒนาให้ฝังมากับระบบ ต่างจากทุกรุ่นก่อนหน้าที่ต่ออินเทอร์เน็ตการระบุตำแหน่ง ในรุ่นก่อนหน้าถือเป็นครั้งแรกที่มีการใส่ชิประบุตำแหน่ง (1st Gen Ultra-Wideband) ใน Apple Watch ส่วนใน Apple Watch Series 9 ได้มีการปรับปรุงเป็น 2nd Gen Ultra-Wideband ซึ่งช่วยระบุทิศทางและตำแหน่งได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น รวมถึงประยุกต์เป็นการหาไอโฟน (Find my) ได้แม่นยำขึ้นตามไปด้วยพื้นที่เก็บข้อมูล Apple Watch Series 8 มีพื้นที่จัดเก็บทั้งหมด 32 กิกะไบต์ (GB) ส่วนใน Apple Watch Series 9 ได้รับการเพิ่มอีกเท่าตัวเป็น 64 GBนอกจากความแตกต่างของสเปกแล้ว อีกหนึ่งการปรับปรุงในครั้งนี้ยังมีสีใหม่อย่างสีชมพูเป็นตัวชูโรงในการเปิดตัวครั้งนี้ด้วย โดยแอปเปิลจะเปิดให้สั่งซื้อและจำหน่ายผ่านช่องทางต่าง ๆ พร้อมกับวันขาย iPhone 15 วันแรก 22 กันยายนนี้ที่มาข้อมูลMacRumors

สรุปราคาและวันวางจำหน่าย iPhone 17 Series ในไทย
อ่าน

สรุปราคาและวันวางจำหน่าย iPhone 17 Series ในไทย

แอปเปิลเปิดตัว iPhone 17 Series อย่างเป็นทางการ พร้อมเผยรายละเอียดราคาและกำหนดการวางจำหน่ายในประเทศไทย โดยปีนี้มีให้เลือกหลายรุ่น ครอบคลุมตั้งแต่รุ่นมาตรฐานไปจนถึงตัวท็อปสุดที่มีความจุสูงถึง 2TBราคาของแต่ละรุ่น iPhone 17 SeriesiPhone 17256GB: ฿29,900512GB: ฿37,900iPhone Air (รุ่นใหม่ที่โดดเด่นด้วยความบางเบา)256GB: ฿39,900512GB: ฿47,9001TB: ฿55,900iPhone 17 Pro256GB: ฿43,900512GB: ฿51,9001TB: ฿59,900iPhone 17 Pro Max (รุ่นท็อปสุดของปีนี้)256GB: ฿48,900512GB: ฿56,9001TB: ฿64,9002TB: ฿80,900จากโครงสร้างราคาจะเห็นได้ว่ารุ่น iPhone 17 Pro Max ยังคงเป็นเรือธงที่ราคาแรงที่สุด โดยมีตัวเลือกความจุสูงสุดถึง 2TB เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเก็บภาพ วิดีโอ และไฟล์จำนวนมากวันเปิดจองและวันวางจำหน่าย iPhone 17 Proวันสั่งซื้อล่วงหน้า (Pre-order): 12 กันยายน 2568 เวลา 19.00 น. เป็นต้นไปวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ: 19 กันยายน 2568ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของ iPhone รุ่นใหม่ก่อนใคร สามารถสั่งจองได้ตั้งแต่เย็นวันที่ 12 กันยายน และจะได้รับสินค้าในสัปดาห์ถัดมา

Asus ยืนยัน ROG Phone 8 Series มาพร้อมมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68
อ่าน

Asus ยืนยัน ROG Phone 8 Series มาพร้อมมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68

Asus มีกำหนดเปิดตัว ROG Phone 8 Series ในวันที่ 8 มกราคมผ่านงาน CES (Consumer Electronics Show) 2024 และเปิดตัวในจีนต่อมาในวันที่ 16 มกราคม ล่าสุดทางแบรนด์ออกมายืนยันว่า ROG Phone 8 series จะรองรับการกันน้ำกันฝุ่น Asus ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า ROG Phone 8 series จะมาพร้อมกับแชสซีที่ได้รับการจัดอันดับ IP68 หมายความว่า ROG Phone 8 series จะมีการออกแบบที่ทนน้ำและฝุ่น ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การเล่นเกมสมาร์ตโฟนที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้มากขึ้น ถือเป็นการปรับปรุงที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับ ROG Phone 7 Series ที่รองรับการกันน้ำกันฝุ่นที่ระดับ IP54 และ ROG Phone 6 Series ที่ระดับ IP X4 ที่มา : Gizmochina.com

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดตัวโครงการ JUMP+ หนุน บจ.โตก้าวกระโดด
อ่าน

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดตัวโครงการ JUMP+ หนุน บจ.โตก้าวกระโดด

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังเปิดตัวโครงการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทจดทะเบียน (JUMP+) กับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่สนใจ และผู้ลงทุนรายใหญ่ รวมถึงนักลงทุนสถาบันในฝั่งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ทั้งในไทยและต่างประเทศ วันนี้ (26 มิ.ย. 2568) ว่า หลังการเปิดตัวโครงการ JUMP+ ซึ่งจะเปิดให้ บจ. สมัครเข้าร่วมโครงการได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปโดย บจ.ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF) ไม่เกิน 5 ล้านบาท แบ่งเป็น1) ค่าที่ปรึกษาสำหรับจัดทำแผนธุรกิจในระยะ 3 ปีในโครงการ JUMP+ วงเงิน 5 แสนบาท ซึ่งล่าสุดมีที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor : FA) สนใจเป็นที่ปรึกษาเพื่อร่วมจัดทำแผนให้บจ.แล้วกว่า 10 แห่ง2) ค่าดำเนินการตามแผนธุรกิจในการเติบโตก้าวกระโดด หรือ JUMP+ วงเงินรวม 4.5 ล้านบาท เพื่อใช้ในแผนธุรกิจ 3 ล้านบาท , แผนการจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 5 แสนบาท และแผนยกระดับธรรมาภิบาลอีก 5 แสนบาท และหากบจ.ที่เข้าโครงการสามารถสร้างการเติบโตได้ตามแผนก็จะได้รางวัลเพิ่มเติมอีก 5 แสนบาท อย่างไรก็ดี การให้เงินสนับสนุนแก่บริษัทที่เข้าร่วมโครงการ JUMP+ จะต้องเป็นไปในรูปแบบการร่วมจ่าย หรือ โค-เพย์เมนต์ (Co-payment) ซึ่งเป็นการให้เงินส่วนเพิ่มในส่วนที่บจ.จะมีการลงทุนอยู่แล้วโดยเบื้องต้นตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าจะมีบจ.เข้าร่วมประมาณ 50-100 แห่ง ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสของ บจ.ขนาดกลางและเล็กที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้รับความสนใจจากผู้ลงทุน และบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ไม่ครอบคลุมบทวิเคราะห์ และไม่ได้นำเสนอเพื่อเป็นตัวเลือกของผู้ลงทุน จะได้มีโอกาสเข้ามาเสนอแผนธุรกิจและมีโอกาสได้ไปร่วมโรดโชว์แก่นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเพิ่มโอกาสจะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนมากขึ้นด้วยทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่า บจ.ที่สนใจเข้าร่วมโครงการในช่วงนี้จะสามารถเริ่มจัดทำแผนธุรกิจได้ในไตรมาส 3-4 ปีนี้ ก่อนที่โครงการจะปิดรับสมัครในสิ้นปี 2568 นี้ และเมื่อบจ.จัดทำแผนระยะ 3 ปีแล้ว ก็ต้องเปิดเผยข้อมูลในเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เหมือนการรายงนข้อมูลงบและข้อมูลทั่วไป แต่อย่างไก็ดี บจ.ที่เข้าร่วมในโครงการ JUMP+ ไม่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีจากกระทรวงการคลัง เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ยังยื่นขอสิทธิประโยชน์ทางภาษีในโครงการนี้อยู่ แม้ปัจจุบันจะไม่ได้สิทธิพิเศษทางภาษีก็ตาม นอกจากนี้ หากในอนาคตหากเกิดโครงการ Thai Individual Saving Account (TISA) ที่จะส่งเสริมการลงทุนของผู้ลงทุนส่วนบุคคลในประเทศไทย อาจพิจารณาดูว่าจะสามารถเชื่อมโยงสิทธิประโยชน์ทางภาษีกับ JUMP+ ได้อย่างไรบ้างอีกครั้งนายอัสสเดช เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในการเปิดตัวโครงการ JUMP+ วันนี้ มีนักลงทุนรายใหญ่และนักลงทุนสถาบันทั้งไทยและต่างประเทศให้ความสนใจต่อโครงการจำนวนมาก แต่การตัดสินใจจะลงทุนหรือไม่ยังขอดูแผนธุรกิจก่อนว่าแผนของบจ.แต่ละแห่งน่าสนใจแค่ไหน ซึ่งหากจัดทำแผนแล้วยิ่งหนุนการเติบโตที่สูงขึ้นชัดเจนก็จะได้รับความใจจากผู้ลงลงทุนให้เข้ามาลงทุนมากขึ้น แต่ต้องรับผิดชอบต่อแผนหรือเป้าหมายให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ ทำให้ได้จริง เพราะหากเปิดเผยข้อมูลแล้วพบว่าจงใจจัดทำแผนข้อมูลที่สูงเกินจริง หรือจงใจ เพื่อสร้างความน่าสนใจเมื่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ตรวจพบทางคณะกรรมการของบริษัท(บอร์ด)ของ บจ.นั้นๆ ต้องรับผิดชอบ เพราะเข้าข่ายการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นเท็จและเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า "โครงการ JUMP+ ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว ซึ่งต่างจากที่ประเทศเกาหลีจัดทำและเคยประสบความสำเร็จมาแล้ว และบจ.ที่เข้าโครงการต้องร่วมจ่ายเงินด้วย ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ คิดว่าอะไรจะเป็นจุดดึงดูดสำคัญที่จะทำให้โครงการ JUMP+ น่าสนใจและดึงบจ. เข้ามาร่วมได้"ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตอบว่า เรื่องการสนับสนุนด้านการเงินด้านภาษีเป็นแรงจูงใจที่ดีอันหนึ่ง แต่ไม่ได้เป็นแรงจูงใจที่จำเป็นสำหรับบริษัทที่คิดว่าตัวเองมีศักยภาพที่จะเติบโตดีอยู่แล้ว หรือมีแผนงานที่จะอยากนำเสนอให้นักลงทุนอยู่แล้ว เราได้ยินกันมาตลอดว่าบริษัทเล็กๆ หลายหลายบริษัทนักวิเคราะห์ไม่ COVER เลย สภาพคล่องน้อย นักลงทุนไม่สนใจ นี่จึงเป็นโอกาสที่จะได้นำเสนอตัวเอง ภายใต้โครงการที่จะได้นำเสนอบริษัทตัวเองต่อนักลงทุนทั่วโลก"

vivo เตรียมเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ iQOO Z8 series ในเดือนกันยายนนี้!
อ่าน

vivo เตรียมเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ iQOO Z8 series ในเดือนกันยายนนี้!

สมาร์ตโฟน iQOO Z7 series เปิดตัวในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และหลังจากผ่านมา 6 เดือน vivo ก็เตรียมเปิดตัว iQOO Z8 series แล้วในเดือนกันยายน โดยนี่จะเป็นครั้งแรกที่ไลน์อัปนี้จะมีตัวเลือกพื้นที่จัดเก็บ 512GB สำหรับสเปกของ iQOO Z8 คาดการณ์ว่าจะมาพร้อมหน้าจอ LCD 6.64 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ พร้อมรีเฟรชเรตสูงสุด 144Hz ชิปเซต Dimensity 8200 และแบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh ที่จะรองรับการชาร์จไว 120W โดยรุ่นนี้จะมีกล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล + OIS ส่วน iQOO Z8x จะมีราคาที่เข้าถึงง่ายมากกว่า ทำให้ในด้านสเปกก็จะแตกต่างไปจาก iQOO Z8 คือจะมาพร้อมชิปเซต Snapdragon 6 Gen 1 แต่รายงานกลับระบุว่า iQOO Z8x จะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า โดยมีความจุ 6,000 mAh ที่มา: GSMArena

Realme Buds Air 5 series จะเปิดนอกประเทศจีนในวันที่ 23 สิงหาคมนี้!
อ่าน

Realme Buds Air 5 series จะเปิดนอกประเทศจีนในวันที่ 23 สิงหาคมนี้!

Realme 11 seires เปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และในอีเวนต์นั้นก็มีการเปิดตัวหูฟัง Buds Air 5 Pro ควบคู่ไปด้วย โดยในวันนี้เราพบว่า Realme Buds Air 5 Series จะเปิดตัวที่ตลาดต่างประเทศ (นอกประเทศจีน) เป็นครั้งแรกในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ โดยเป็นการเปิดตัวที่ประเทศอินเดีย Buds Air 5 Pro มาพร้อมวูฟเฟอร์ 11 มม. และไดรเวอร์แบบ planar magnetic ขนาด 6 มม. รองรับ high-bitrate LDAC codec มีมาตรฐานกันน้ำกระเซ็นเพื่อป้องกันเหงื่อและฝน อีกทั้ง Realme ยังเผยว่ารุ่นนี้สามารถกันเสียงรบกวนได้สูงสุด 50dB จากไมโครโฟน 6 ตัว (ข้างละ 3 ตัว) ในด้านแบตเตอรี่จะสามารถใช้งานได้นาน 11 ชั่วโมงเมื่อปิดฟีเจอร์ ANC และสามารถใช้งานได้นาน 40 ชั่วโมงหากรวมการชาร์จจากเคส สำหรับ Buds Air 5 Pro มีการวางขายในประเทศจีนในราคา 399 หยวน (ประมาณ 2,000 บาท) แต่เรายังไม่ทราบว่าเมื่อวางขายในต่างประเทศราคาจะเปลี่ยนไปหรือไม่ ที่มา: GSMArena

Sportainment at Jump XL Trampoline@Harbor
อ่าน

Sportainment at Jump XL Trampoline@Harbor

คำว่า "กีฬา" ที่ทุกคนคุ้นเคยกัน โดยส่วนมากมักเป็นกีฬากลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอล วิ่ง ว่ายน้ำ บาสเก็ตบอล แต่ในปัจจุบันที่โลกก้าวไปเร็วในหลาย ๆ ด้าน รวมทั้งทางด้านกีฬาก็ไม่เว้น การพัฒนาต่าง ๆ จึงเกิดขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน รวมไปถึงการตอบสนองความสนใจของเด็กรุ่นใหม่ ๆ ที่มีลักษณะชีวิตที่ชอบความท้าทาย เร้าใจ ตื่นเต้น กว่าในยุคก่อน ๆ กีฬาที่เป็นที่สนใจของเหล่าวัยรุ่นในยุคนี้ ก็ต้องเพิ่มความท้าทาย แต่ก็ต้องมีอุปกรณ์เพิ่มความสะดวกสบายไปด้วยในคราเดียวกัน  Sportainment การออกกำลังกายแนวใหม่จึงเป็นสิ่งที่มาตอบโจทย์ให้กับเทรดใหม่ในแวดวงกีฬา และการออกกำลังกายของคนในยุคนี้ โดยเทรดที่มาแรงกว่าใคร ๆ เห็นจะเป็น การ Bounce หรือ การโดดเด้งไปเด้งมาบนแทรมโพลีน (Trampoline) ภาพประกอบโดย Peggy und Marco Lachmann-Anke จาก Pixabay"pixabay / Peggy Marco Bounce หรือ การกระโดดนั้น เราก็รู้จักกันมานานแล้ว แต่การกระโดดในสมัยก่อน ๆ นั้น จะมีลักษณะเป็นการกระโดดสูง กระโดดเชือก กระโดดตบ ซึ่งมักจะตามมาด้วยข้อกังขาที่ว่าการกระโดดนั้นไม่ดีต่อข้อเข่าของเราหากเรากระโดดไม่ถูกวิธี ซึ่งหลักการในการกระโดดให้ถูกวิธีนั้น ก็มีอธิบายหลักง่าย ๆ ไว้ ดังนี้ ให้เราทำการกระโดดห่างจากพื้นเล็กน้อย เพื่อลดแรงกระแทกเวลาลงพื้น สวมใส่รองเท้าผ้าใบเพื่อช่วยปกป้องเท้า ทั้งจากแรงกระแทกส้นเท้า และข้อเท้าไม่ให้ลงผิดท่า แต่ในปัจจุบันเรามีตัวช่วยให้การกระโดดนั้นปลอดภัยมากขึ้น ด้วยการใช้ แทรมโพลีน (Trampoline) ผืนผ้าใบที่ถูกขึงให้ตึง แล้วยึดไว้ด้วยโครงเหล็ก และสปริง ช่วยทำให้ลดแรงกระแทกเวลาลงพื้นในยามที่เรากระโดด ซึ่งถ้าจะถามถึงประโยชน์ของการกระโดดแบบ Bounce นั้น ก็มีกล่าวไว้มากมายหลากหลาย จึงขอสรุปไว้คร่าว ๆ ดังนี้ อย่างแรกเลยคือช่วยลดแรงกระแทกต่อกระดูก และกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังช่วยทำให้กระดูกและกล้ามเนื้อทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น การกระโดดเป็นการออกกำลังกายแบบ Cardio ที่เป็นการออกกำลังกายที่ดีต่อหัวใจ เป็นการบริหารกล้ามเนื้อหัวใจ ช่วยเผาผลาญไขมัน การกระโดดเป็นการออกกำลังกายที่ส่งผลต่อกระดูก และกล้ามเนื้อโดยตรง แต่เนื่องจากแทรมโพลีนช่วยลดแรงกระแทกได้ถึง 80% ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแต่มีข้อจำกัดทางการเคลื่อนไหว หรือผู้ที่กำลังฟื้นฟูร่างกายหลังบาดเจ็บ ประโยชน์มากหลายขนาดนี้ วันนี้เราจึงจะมาขอรีวิวสถานที่แห่งหนึ่งที่ทำให้การ Bounce ของคุณง่าย และสนุกสนานมากยิ่งขึ้น Jump XL Trampoline Park @ Harbor Pattaya  สถานที่ที่จะช่วยให้การกระโดดของคุณสนุกยิ่งขึ้น ลองจินตนาการว่าหากพื้นดินทั้งหมดที่เราเดินผ่านเป็นแทรมโพลีนไปทั้งหมด เราสามารถกระโดดเด้งไปมา ตีลังกากระโดดตลอดเวลาได้ เราจะสนุกสนานขนาดไหน Jump XL Trampoline สามารถเนรมิตให้คุณได้ เมื่อมาถึงด้านหน้าของ Jump XL Trampoline ก็จะมีเคาน์เตอร์ด้านหน้าให้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับสถานที่ และแนะนำวิธีการกระโดดอย่างปลอดภัยในเบื้องต้น พร้อมทั้งแจ้งว่ามีเจ้าหน้าที่ด้านในจะคอยดูแล และให้คำแนะนำอย่างละเอียดอีกทีหนึ่ง ตกลงปลงใจกันเรียบร้อย ก็มาซื้อบัตรเข้าเล่นกันเลยดีกว่า ขาพร้อมใจพร้อมอยากกระโดดเต็มที่แล้ว ราคาค่าบริการ เป็นดังนี้              เด็กเล็ก ความสูงไม่เกิน 120 ซม. 280 บาท ผู้ใหญ่ 380 บาท วันธรรมดาเล่นได้ทั้งวัน วันหยุดเล่นได้ 1.30 ชม.              ทุกคนต้องใส่ถุงเท้าของทาง JumpXL เพราะเป็นถุงเท้ากันลื่นแบบมาตราฐานช่วยในเรื่องความปลอดภัย สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำครั้งต่อ                 ไปได้ ราคา 60 บาท เสร็จสิ้นด่านหน้าเรียบร้อย ก็รีบตรงเข้าไปภายใน แบ่งเป็นสองฝั่ง ทั้งสองฝั่งเต็มไปด้วยแทรมโพลีน มีการแยกเป็นโซน เพื่อแยกกลุ่มสำหรับมือโปร และมือสมัครเล่น เพื่อความปลอดภัย มีผู้ดูแลในทุก ๆ จุดไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย นอกจากนั้นยังมีช่วงคลาสสอนการกระโดด ทั้งเบื้องต้น และสำหรับมือโปรเพิ่มระดับความยาก เราสามารถเข้าร่วมได้หากมีคุณสมบัติครบตามคลาสนั้น ๆ นอกจากโซนแทรมโพลีนแล้ว ยังมีโซนกิจกรรมอื่นให้เราได้เพิ่มความสนุกสนานนอกจากการกระโดดด้วย เช่น โซนการปีนป่าย ทั้งแบบเชือก แบบผาจำลอง และมุมเด็กเล็ก แต่ละโซนน่าตื่นตาตื่นใจ ความประทับใจของสถานที่แห่งนี้ Jump XL Trampoline คือ ความสนุกสนาน อุปกรณ์ครบครัน มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลประจำจุด และที่สำคัญ เราได้ออกกำลังกายไปพร้อมกับความสนุกเหล่านั้น ลองเปิดใจรับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยดู กีฬาในแบบเดิม ๆ ก็มีเสน่ห์ในแบบของมัน แต่ลองมาสนุกกับกีฬาในแนวใหม่กัน ก็ช่วยเพิ่มประสบการณ์ของเราไปพร้อม ๆ กับสุขภาพร่างกายที่ดี และสุขภาพใจที่อิ่มเอิบจากกีฬาสมัยใหม่ที่มาพร้อมกับความท้าทาย สนุกสนาน และความสะดวกสบายครบครัน ภาพประกอบโดย Buakhow (ผู้เขียน) ข้อมูลเพิ่มเติม JumpXL Trampoline

iPhone 15 Series อาจรองรับชาร์จเร็วที่ 35W
อ่าน

iPhone 15 Series อาจรองรับชาร์จเร็วที่ 35W

ข้อมูลจาก 9to5Mac เปิดเผยว่า iPhone 15 Series อาจมาพร้อมกับความเร็วในการชาร์จที่เร็วขึ้นสูงสุดถึง 35W นี่ถือเป็นการอัปเกรดอีกอย่างหนึ่งที่น่าดีใจมากสำหรับแฟน ๆ Apple เนื่องจากปัจจุบัน iPhone 14 Pro มีความเร็วในการชาร์จสูงสุดที่ 27W ส่วนด้านของ iPhone 14 นั้นมีความเร็วในการชาร์จสูงสุดที่ 20W เท่านั้น โดยทั้ง 2 รุ่นนี้ใช้เวลาชาร์จมากกว่าสมาร์ตโฟนเรือธงฝั่งแอนดรอยด์ค่อนข้างเยอะ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการระบุว่าความเร็วในการชาร์จ 35W นี้ จะรองรับ iPhone 15 ทั้ง 4 รุ่น หรือจะจำกัดไว้แค่ใน iPhone 15 Pro เท่านั้น ถ้าดูจากประวัติที่ผ่านมานั้น เป็นไปได้ว่าความเร็วนี้อาจจะรองรับแค่ใน iPhone 15 Pro เท่านั้น เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างรุ่น Pro และรุ่นปกติ ที่มา : Gizmochina.com

5 Series Y สุดจิ้น ฟินกระจาย
อ่าน

5 Series Y สุดจิ้น ฟินกระจาย

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ Series Y และผู้ที่พึ่งจะก้าวเข้าสู่โลกของ Y พลาดไม่ได้กับ 5 เรื่องเด็ดที่จะสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ บางครั้งอาจมีเสียน้ำตาแต่สุดท้ายจะจบลงด้วยความอิ่มเอมใจ ผู้อ่านที่รักคะ … ห้ามพลาดเลยค่ะ บอกได้แค่นี้ 😊1.    เพราะเราคู่กัน (2gether The Series)บอกได้เลยว่าสำหรับเรื่องนี้นั้น สร้างความจิ้น ฟินกระจายไม่ใช่เฉพาะในไทยเท่านั้นแต่ดังไกลถึงต่างแดน ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในทุกสัปดาห์ ความลงตัวของเรื่องนี้เกิดจากหลายๆองค์ประกอบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นบทนิยายที่เขียนโดย ”JittiRian” ซึ่งมีฐานแฟนนิยายที่ค่อนข้างเหนียวแน่น base ของเรื่องนี้มีความโดดเด่นจากการนำบทเพลงของวง Scrubb มาเป็นเส้นเรื่อง ซึ่งสร้างเอกลักษณ์ให้กับซีรีส์เรื่องนี้ได้ดี เมื่อนำมาทำเป็นซีรีส์มีการปรับบทที่สร้างความกลมกล่อมเพิ่มความดึงดูดให้กับเรื่องมากยิ่งขึ้น รวมถึงเคมีที่ลงตัวของเหล่าบรรดานักแสดงโดยเฉพาะคู่หลักที่แคสคาแรคเตอร์มาได้ตรงกับบทที่สุด ไม่ว่าจะเป็น”ไบร์ท” ที่ต้องสวมบท “สารวัตร” ที่มีความนิ่ง เท่ เป็นทั้งนักบอลและเล่นดนตรี น่าจะเป็นคาแรคเตอร์หนุ่มๆที่ใครๆก็นึกถึง สำหรับไทน์มีความซนๆแต่แฝงไปด้วยความน่ารัก อ่อนโยน ซึ่งทั้งคู่เล่นได้สมบทบาทจนผู้ชมเชื่อและอินขั้นสุด ถึงกับว่าในบาง EP. ตัวเอกของเรื่องเกือบแย่กันเลยทีเดียว (โดนถล่มในสื่อออนไลน์ไม่น้อยเลย) เสน่ห์ของเรื่องนี้อีกอย่างคือการอิมโพรไวด์ของบรรดานักแสดงไม่ว่าจะเป็นตัวหลักหรือนักแสดงร่วมทำให้เกิดความเป็นธรรมชาติน่าติดตามมากขึ้น อย่างไรก็ตามจากความดังนี้ก็ส่งผลให้ 2 หนุ่มนักแสดงนำของเรื่อง “ไบร์ท-วิน” ทะยานขึ้น Top Chart และเป็นที่ต้องการตัวของหลายๆผลิตภัณฑ์กันเลยทีเดียวเรียกได้ว่าฉุดไม่อยู่กันแล้วงานนี้ ... และหากถามถึงบทสรุปของเรื่องนี้นั้น ขอบอกว่า ความคลั่งรักและพรหมลิขิตมันได้ผสมผสานกันอย่างลงตัวที่สุดแล้ว และสำหรับเรื่องนี้นั้นยังมีภาคต่อกันให้ฟินทั้งในส่วนของซีรีส์และภาพยนตร์กันด้วย ควรค่าแก่การติดตามที่สุดhttps://youtu.be/1ufpSqkv-nI2.    ปลาบนฟ้า (Fish upon the sky)ขอต่อกันที่บทประพันธ์ของ “JittiRian” อีกสักเรื่อง ต้องบอกว่าผลงานของนักเขียนท่านนี้จะมีลักษณะที่เป็นฟีลกู้ด อ่านแล้วทำให้ยิ้มและมีความสุขได้ไม่ยาก สำหรับเรื่องนี้ได้กล่าวถึงการแอบรักที่คิดว่าเอื้อมไม่ถึง เป็นไปไม่ได้ เปรียบเสมือนปลาที่อยู่บนท้องฟ้า แต่ขณะเดียวกันเรื่องนี้ก็สอดแทรกถึงเรื่องการเห็นคุณค่าและให้ความสำคัญในการยอมรับคุณค่าของตนเอง รวมถึงความผูกพันของสายสัมพันธ์ในครอบครัว และยังมีการหยิบจับประเด็นการคุกคาม การละเมิดสิทธิของบุคคลที่ควรตระหนักถึงของคนในสังคมอีกด้วย สำหรับในส่วนของตัวซีรีส์ทางผู้กำกับถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีชั้นเชิงแต่เข้าถึงได้ง่าย เรื่องนี้นอกจากเส้นเรื่องที่ว่าด้วยการแอบรัก (ซึ่งหลายๆคนคงเคยมีชุดประสบการณ์เหล่านี้อยู่บ้างทำให้เข้าถึงอารมณ์ได้ไม่ยาก) ความโดดเด่นที่น่าจับตาไม่แพ้กันนั้นคือจังหวะโบ๊ะบ๊ะของเรื่องที่ทำออกมาได้ดี สนุกและน่าติดตาม ต้องบอกว่าหัวเราะจนแทบกลั้นหายใจกันเลย สำหรับนักแสดงทั้งคู่หลักและคู่รองมีความเคมีที่เข้ากันได้ดี พระเอกของเรื่อง “ปอนด์” ถึงแม้จะเป็นนักแสดงใหม่แต่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ผ่านสายตาคนคลั่งรักในบทของ ”หมอก” จนทำให้เชื่อได้ เรียกว่าหลายๆคนโดยตกก็ตรงนี้ ส่วนนายเอกนั้นรับบทโดย “ภูวินทร์” เล่นบท “ปี” ได้อย่างน่ารักน่าหยิกเพราะเล่นกันแบบไม่ห่วงหล่อกันเลย อีกบทที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เพราะเป็นตัวสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคู่พระเอก-นายเอก คือ บท “เมืองน่าน” ที่ต้องยอมใจคนแคสเลย แคสได้เหมาะกับคาแรคเตอร์มาก เพราะ “มิกซ์” มีความลงตัวทุกอย่างที่ทำให้รู้สึกได้ว่าเขาเป็นปลาบนฟ้าได้จริง ไม่แปลกใจที่ตัวเอกของเรื่องจะแอบรัก ถ้าหากจะให้นิยามถึงเรื่องนี้นอกจากเรื่องความคลั่งรักก็เห็นจะเป็นเรื่องความเชื่อมั่นในตัวเอง การยอมรับในตัวตนของตนเองและมีความสุขไปกับมัน … แนะนำย้ำเลยว่าดูเถอะ คุณจะมีความสุขกับเรื่องนี้จริงๆhttps://youtu.be/6p22a14oj_03.    เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซ่ะดีๆ (TharnType The Series)ซีรีส์เรื่องนี้เป็นภาคต่อจากเรื่องบังเอิญรัก สร้างมาจากนิยายดังบนเว็บไซต์ Dek-D.com ของนักเขียน “MAME” บทเริ่มจากความเกลียดสุดขั้วของนายเอก”ไทป์” (รับบทโดยกลัฟ) ที่มีต่อ “ธาร” (รับบทโดยมิว) พระเอกของเรื่อง นายเอกจะมีลักษณะที่เป็นคนแมนๆเป็นนักฟุตบอลที่ไม่ชอบเกย์และต้องมาอยู่ร่วมห้องกับ  รูมเมทที่เป็นเกย์จึงรู้สึกต่อต้านและพยายามที่จะทำทุกทางให้พระเอกของเรื่องย้ายออกจากห้องไปแต่กลับกลายเป็นว่าทุกการกระทำกลับสร้างความสัมพันธ์ให้ก่อเกิดขึ้น ทั้งนี้บทยังกล่าวถึงปมที่เป็นประเด็นของตัวละครหลักทั้งคู่ ซึ่งเป็นประเด็นที่สอดแทรกเรื่องราวที่เป็นปัญหาทางสังคมที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับความโดดเด่นของเรื่องนี้ คงเป็นเรื่องคาแรคเตอร์แมนๆของนายเอกที่มักไม่ค่อยได้พบแล้ว ฉากเลิฟซีนที่ฟินจิกหมอนกันนั้น ต้องบอกเลยว่าค่อนข้างแซบ เผ็ด ดุเดือดกันพอประมาณเลยทีเดียว นักแสดงสามารถถ่ายทอดออกมาได้ถึงอารมณ์ เรื่องนี้มีความครบรส และสำหรับความนิยมของเรื่องนี้นั้น บอกได้เลยว่าทั้งในไทยและต่างประเทศขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์กันตลอด ส่งผลให้ทั้งสองนักแสดงนำกลายเป็นคู่จิ้นแห่งปีในหลายรายการ ... นิยามสั้นๆสำหรับเรื่องนี้ “เกลียดอะไรได้อย่างนั้น”https://youtu.be/BeFFEICnz2A4.    นิทานพันดาว (1000 Stars)สำหรับเรื่องนี้นั้นสร้างจากนิยายชื่อดังของนักเขียน Bacteria ต้องบอกว่ามีฐานแฟนคลับที่คอยติดตามเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยเนื้อเรื่องในนิยายทั้งแก่นของเรื่องที่น่าติดตามและภาษาที่ใช้สวยงามเข้าใจง่าย บทที่เริ่มจากตัวนายเอก (รับบทโดยมิกซ์) ที่ใช้ชีวิตลูกคนรวยแบบไม่เห็นคุณค่าเพราะรู้ว่าตัวเองใกล้จะตายจากโรคหัวใจที่เป็นอยู่ วันหนึ่งได้รับโอกาสกลับมามีชีวิตใหม่และเริ่มหาความหมายของชีวิตโดยยอมลำบากขึ้นไปเป็นครูบนดอยและได้พบพระเอก (รับบทโดยเอิร์ท) เป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เข้ามาดูแลนายเอกจนก่อเกิดความสัมพันธ์อันดีและนำมาซึ่งเรื่องราวต่างๆ ความโดดเด่นของเรื่องนี้คงต้องบอกว่า บทบาทที่นักแสดงหลักของเรื่องถ่ายทอดผ่านทางสายตาและท่าทางนั้นแสดงออกมาได้ดีมีความเป็นธรรมชาติ เคมีเข้ากัน (หลายฉากที่จะตกหลุมรักทั้งนายเอกและพระเอกอย่างไม่ทันตั้งตัว) นอกจากนี้แล้วนักแสดงสบทบต่างก็แสดงเป็นธรรมชาติสูงเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือภาพที่ตัดต่อออกมาสวยงาม ธรรมชาติ เห็นแล้วอยากไปเที่ยวผาปันดาวกันเลยทีเดียว (ในเรื่องถ่ายทำที่ จ.เชียงราย)  สำหรับเรื่องนี้นอกจากมีความโรแมนติกทั้งเรื่องบทและภาพแล้ว ยังสอดแทรกประเด็นอิทธิพลของผู้มีอำนาจและความเหลื่อมล้ำของสังคมให้ได้ตระหนักกันด้วย ... และหากจะหาบทสรุปของเรื่องนี้ คงเป็นเรื่องการหาความหมายของชีวิตและอยู่กับมันอย่างมีความสุขhttps://youtu.be/rqifRDavfcA5.    ปรมาจารย์ลัทธิมาร (The Untamed)ขอแนะนำข้ามฝั่งมาที่จีนสักหน่อย คงต้องบอกว่าเรื่องนี้นั้นดังเป็นพลุแตกเลยก็ว่าได้ สำหรับซีรีส์จีนกำลังภายในที่มีคำนิยามว่า “ซีรีส์มิตรภาพลูกผู้ชาย” เป็นบทประพันธ์ของ โม่เซียงถงซิ่ว นำแสดงโดย เซียวจ้าน และ หวัง อี้ป๋อ โดยเรื่องราวกล่าวถึงการผจญภัยของ 2 ตัวละครเอก เว่ยอู๋เซียน และ หลานวั่งจี ที่ฝึกฝนวิทยายุทธ์ตั้งแต่วัยเยาว์โดยตั้งปณิธานจะปราบเหล่ามารให้หมดไปจากยุทธภพ เรื่องราวมีจุดหักเหจนทำให้สองสหายเหมือนยืนกันคนละฝั่ง แต่อย่างไรก็ตามการดำเนินเรื่องกลับมีหลายปมซ้อนอยู่ทำให้เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ ประกอบกับเหล่าตัวนักแสดงหลักถ่ายทอดอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ทำให้น่าติดตามในทุกตอน (มี 50 EP) คุณอาจจะตกหลุมรักความน่ารักของเว่ยอู๋เซียน และไม่สามารถละสายตาจากความนิ่งๆ เท่ๆ ของหลานวั่งจีได้ ทั้งนี้ต้องบอกว่าเลยว่าถ้าจะถามหาฉากเลิฟซีนนั้นคงยาก (ก็มิตรภาพลูกผู้ชาย) แต่ถ้าถามถึงความฟินนั้นมีแบบจุกๆ ครบรสมากเรื่องนี้ สนุกและลุ้นไปจนจบกันเลยทีเดียว พลาดไม่ได้ ... หากจะต้องหานิยามของเรื่องนี้คงเป็นเรื่องความซื่อตรงต่อความรู้สึกและความเชื่อมั่นในการทำความดีhttps://youtu.be/9BVGF8CqejMเครดิตภาพ: ปกโดยผู้เขียนอ้างอิงวิดีโอประกอบบทความ :วิดีโอที่ 1 GMMTV / youtubeวิดีโอที่ 2 GMMTV / youtubeวิดีโอที่ 3 MeMindY / youtubeวิดีโอที่ 4 GMMTV / youtubeวิดีโอที่ 5 WeTV Thailand / youtube จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

เปิดตัว Samsung Galaxy Tab S9 Series แท็บเล็ตเรือธงที่ใช้จอ AMOLED ซะที พร้อม Galaxy Watch 6 Series อย่างเป็นทางการ!
อ่าน

เปิดตัว Samsung Galaxy Tab S9 Series แท็บเล็ตเรือธงที่ใช้จอ AMOLED ซะที พร้อม Galaxy Watch 6 Series อย่างเป็นทางการ!

นอกจากในงาน Samsung Galaxy Unpacked จะได้เปิดตัว Samsung Galaxy Z Flip5 และ Z Fold5 แล้ว ยังได้เปิดตัว Samsung Galaxy Tab S9 Series แท็บเล็ตเรือธงที่ใช้จอ Dynamic AMOLED 2x เสียที พร้อม Galaxy Watch 6 Series ที่ในที่สุดก็พาปุ่มหมุนที่เป็นแอนะล็อกกลับมาเสียที เรียกได้ว่าเปิดตัวกันแบบครบเซต ครบ Ecosystem เลยก็ว่าได้ สำหรับงานเปิดตัว Samsung Galaxy Unpacked รอบเดือนกรกฎาคม 2023 ที่ได้เปิดตัวทั้ง Samsung Galaxy Z Flip5 และ Z Fold5 และได้เปิดตัวแท็บเล็ตเรือธงของค่ายอย่าง Samsung Galaxy Tab S9, S9+ และ S9 Ultra ที่ทั้งสามรุ่นมาพร้อมกับหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X, รองรับ 5G, ชิปเซตเรือธง Snapdragon 8 Gen 2 และที่สำคัญ ผ่านมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 ! รวมถึง Samsung Galaxy Watch6 Series ที่ได้พารุ่น Classic ที่ใช้ปุ่มหมุนแบบแอนะล็อก กลับมาให้ได้ใช้งานกันแล้ว Samsung Galaxy Tab S9 Series Samsung Galaxy Tab S9 Series เป็นแท็บเล็ตระดับเรือธงของทางซัมซุงที่ห่างหายไปจากการเปิดตัวนานกว่า 1 ปี โดยในคราวนี้มาพร้อมกับการออกแบบใหม่ทั้งในด้านดีไซน์ สเปก ความทนทาน ความพรีเมียม และที่สำคัญ นี่คือแท็บเล็ต Samsung Galaxy Tab S รุ่นแรกที่กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 แล้ว ดีไซน์ของ Samsung Galaxy Tab S9 Series มาพร้อมกับดีไซน์ที่มีแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ แต่ก็ดุดันด้วยหน้าจอที่ใช้พาแนลเป็น Dynamic AMOLED 2X ทั้ง 3 รุ่น (ทั้ง Galaxy Tab S9, S9+ และ S9 Ultra) ซึ่งทำให้หน้าจอของแท็บเล็ตซีรีส์นี้ รองรับเทคโนโลยี Vision Booster ซึ่งเป็น Intelligent Outdoor Algorithm หรืออัลกอริทึมที่จะช่วยเรื่องความสว่างของหน้าจอ ให้มีความสว่างมากขึ้นกว่าเดิม สู้แสงแดด (โดยเฉพาะแดดไทย) ได้ดีกว่าเดิมด้วย โดย Samsung Galaxy Tab S9 มีหน้าจอขนาด 11 นิ้ว, Tab S9+ มีหน้าจอขนาด 12.4 นิ้ว และ Tab S9 Ultra มีหน้าจอขนาด 14.6 นิ้ว นอกจากนั้นด้วยวัสดุ Armor Aluminium ที่แน่นหนาขึ้น ทำให้กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 อีกด้วย สเปกของ Samsung Galaxy Tab S9 Series ทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมกับชิปเซต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 ที่เป็นเรือธงที่สุดในตอนนี้ แต่นอกจากนั้น ยังรองรับการ Ray Tracing ในระดับอุปกรณ์พกพาอีกด้วย (แม้จะยังไม่มีเกมรองรับ) รวมถึงอัดลำโพงมาแน่นถึง 4 ตัวในทุกรุ่น และระบบเสียงรอบทิศทางด้วย Dolby Atmos ส่วน S-Pen ปากกาแปะหลังเคสที่ซัมซุงชอบแถมมาให้ในกล่องก็ยังมีแถมให้เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือตอนนี้ S Pen ก็กันน้ำและฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 เช่นเดียวกับแท็บเล็ต นอกจากนี้ยังได้รับการปรับปรุงให้ปลายปากกาลดการรับรู้เมื่อเผลอคลิกโดยไม่ตั้งใจ นอกจากนี้ Samsung Galaxy Tab S9 Series ยังรองรับแอปฯ Goodnotes แอปฯจดโน้ตยอดนิยมที่ใครหลาย ๆ คนชื่นชอบ ก็ได้มี ‘แถม’ ให้กับทุกคนที่ซื้อ Tab S9 Series ฟรี 1 ปีอีกด้วย ฟีเจอร์ซอฟต์แวร์อื่น ๆ ของ Samsung Galaxy Tab S9 Series อย่างเช่น DeX Mode การเชื่อมต่อระหว่าง Galaxy Ecosystem และการเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ Windows ก็ยังมีให้เห็นอยู่เหมือนเดิม ! และกล้องถ่ายภาพของ Galaxy Tab Tab S9 Ultra มีกล้องหลัง 13 MP และ 8 MP และกล้องหน้ามุมกว้างพิเศษ 12 MP และ 12 MP ส่วน Galaxy Tab S9+ มีกล้องหลัง 13 MP และ 8 MP และกล้องหน้ามุมกว้างพิเศษ 12 MP  และ Galaxy Tab S9 มีกล้องหลัง 13 MP และกล้องหน้ามุมกว้างพิเศษ 12 MP Samsung Galaxy Tab S9 Series วางจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ 2 สี ประกอบไปด้วยสีดำกราไฟต์ (Graphite), และสีเบจ (Beige) โดยจะวางขายจริงในวันที่ 11 ส.ค. 2023 ส่วนราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยจะประกอบไปด้วย Galaxy Tab S9 WiFi (8/128GB) ราคา 28,900 บาท Galaxy Tab S9 5G (12/256GB) ราคา 31,900 บาท Galaxy Tab S9+ WiFi (8/256GB) ราคา 35,900 บาท Galaxy Tab S9+ 5G (8/128GB) ราคา 39,900 บาท Galaxy Tab S9 Ultra 5G (12/128GB) ราคา 49,900 บาท โดยจะให้เปิดพรีออเดอร์จนถึงวันที่ 10 ส.ค. 2023 ผ่านช่องทางออนไลน์ Samsung Thailand, Shopee, Lazada แต่ละช่องทางก็จะมีโปรโมชันแตกต่างกันไป โปรโมชันของ Samsung Thailand อัปเกรดความจุ 2 เท่า รับสิทธิ์เก่าแลกใหม่ทั่วประเทศ สูงสุด 37,500 บาท ลูกค้าใหม่ที่สั่งซื้อครั้งแรกรับส่วนลด 1,000.- เมื่อใส่โค้ด NEWMEM สิทธิ์แลกซื้อ Galaxy Watch6, Galaxy Buds2 Pro ด้วยส่วนลดสูงสุด 30% ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน ผ่อนผ่าน TTB ใส่โค้ด TTBTS9 รับเครดิตเงินคืน 5% ผ่อนผ่าน KBank ใส่โค้ด KBATS9 รับเครดิตเงินคืน 4% ผ่อนผ่าน Krungsri ใส่โค้ด BAYTS9 รับเครดิตเงินคืน 3% ผ่อนผ่าน SCB ใส่โค้ด SCBTS9 รับเครดิตเงินคืน 3% พรีออเดอร์ Samsung Galaxy Tab S9 Series ใหม่ ราคาและโปรโมชั่นล่าสุด สั่งจองล่วงหน้า ได้ที่นี่เลยค่ะ Samsung Thailand   และยังสามารถสั่งจองบน Shopee และ Lazada ของซัมซุงได้อีกด้วย โปรโมชันของ Shopee อัปเกรดความจุ 2 เท่า รับโค้ดเงินคืนสูงสุด 2,495 Coins รับส่วนลด 30% เมื่อสั่งซื้อ Book Cover Keyboard, Galaxy Watch 5/6 Series, Galaxy Buds2 / Buds2 Pro โปรโมชันของ Lazada อัปเกรดความจุ 2 เท่า รับส่วนลด 30% เมื่อสั่งซื้อ Book Cover Keyboard, Galaxy Watch 5/6 Series, Galaxy Buds2 / Buds2 Pro Samsung Galaxy Watch6 Series Samsung Galaxy Watch6 Series นาฬิกาประจำค่าย ในปี 2023 นี้ เปิดตัวด้วยกัน 2 รุ่นได้แก่ Galaxy Watch6 ตัวหน้าปัดธรรดา บอดี้ทำจากอะลูมิเนียม และ Galaxy Watch6 Classic หน้าปัดคลาสสิกที่มีวงแหวนแอนะล็อกหมุนได้ บอดี้ทำจากสแตนเลสสตีล ด้านดีไซน์จะมีความ Smartwatch มากขึ้น หลังจากที่รุ่นก่อนออกไปในทาง Sportwatch ส่วนหน้าจอจะใช้ Super AMOLED ที่มีขนาดหน้าปัดใหญ่ขึ้น 20% มีให้เลือกตั้งแต่ 40, 43, 44 และ 47 มิลลิเมตร ส่วนขอบจอมีขนาดบางลง 30% การเปลี่ยนสายเองก็ง่ายด้วยการกดเพียงปุ่มเดียว ชิปเซตภายจะใช้เป็น Exynos W930 ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น 18% เพื่อรองรับฟีเจอร์ด้านสุขภาพใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามา และฟีเจอร์เก่าที่ทำงานได้ละเอียดกว่าเดิม เช่น ฟีเจอร์ติดตามการเคลื่อนไหวในการออกกำลังกายกว่า 90 แบบ, ฟีเจอร์ BioActive วิเคราะห์การเต้นของหัวใจขณะออกกำลักาย และแจ้งเตือนหากอัตราการเต้นของหัวใจนั้นสูงหรือต่ำเกินไป แบตเตอรี่ก็มีขนาดใหญ่ขึ้น ทาง Samsung เคลมว่าหากปิดโหมด Alway On จะอยู่ได้ถึง 40 ชั่วโมง และถ้าเปิดไว้จะลดลงมาเหลือ 30 ชั่วโมง ส่วนแรมมีขนาด 2GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 16GB Galaxy Watch 6 จะมีราคาเริ่มต้นที่ 9,900 บาท โดยมีสีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Graphite, Silver และ Gold หน้าปัด 40 มม. ราคา 9,900 บาท หน้าปัด 44 มม. ราคา 11,900 บาท Galaxy Watch 6 Classic จะมีราคาเริ่มต้นที่ 13,900 บาท มีให้เลือก 2 สี คือ Graphite, Silver หน้าปัด 43 มม. ราคา 13,900 บาท หน้าปัด 43 มม. LTE ราคา 15,900 บาท หน้าปัด 47 มม. ราคา 14,900 บาท หน้าปัด 47 มม. LTE ราคา 16,900 บาท สำหรับการพรีออเดอร์จะเปิดถึงวันที่ 10 ส.ค. 2023 ทำได้ผ่าน Samsung Thailand, Shopee โดยโปรโมชันก็จะแตกต่างไปแต่ละช่องทาง โปรโมชันของ Samsung Thailand ส่วนลด 1,500 บาท  รับฟรี สายนาฬิกา Fabric Band สีครีม มูลค่า 1,290 บาท ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน ผ่อนผ่าน TTB ใส่โค้ด TTBTS9 รับเครดิตเงินคืน 5% ผ่อนผ่าน KBank ใส่โค้ด KBATS9 รับเครดิตเงินคืน 4% ผ่อนผ่าน Krungsri ใส่โค้ด BAYTS9 รับเครดิตเงินคืน 3% ผ่อนผ่าน SCB ใส่โค้ด SCBTS9 รับเครดิตเงินคืน 3% โปรโมชันของ Shopee ส่วนลด 1,500 บาท  รับฟรี สายนาฬิกา Fabric Band สีครีม มูลค่า 1,290 บาท รับโค้ดเงินคืน 5% สูงสุด 770 Coins

Huawei Mate 60 Series อาจรองรับการโทรด้วยเสียงผ่านดาวเทียม !
อ่าน

Huawei Mate 60 Series อาจรองรับการโทรด้วยเสียงผ่านดาวเทียม !

ล่าสุดมีรายงานว่า Huawei กำลังพัฒนา Huawei Mate 60 Series ซึ่งคาดว่าจะรองรับการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า แต่อาจรองรับการโทรด้วยเสียงด้วยผ่านดาวเทียมด้วยชิป PA ตัวใหม่ ซึ่งใน Huawei Mate 50 Series รองรับแค่การส่งข้อความผ่านดาวเทียมเท่านั้น ชิปดังกล่าวนั้นถูกผลิตโดยผู้ผลิตชิปในจีน และได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับระบบสื่อสารเคลื่อนที่ผ่านดาวเทียม Tiantong-1 ระบบดาวเทียมสามารถใช้สำหรับการสื่อสารด้วยเสียง และสามารถส่งภาพ ส่งตำแหน่งได้แม่นยำ  ชิปนี้จึงมีความจำเป็นสำหรับการสื่อสารผ่านดาวเทียม และในปัจจุบันชิปดังกล่าวอยู่ใน Huawei Mate X3 และ P60 Series ซึ่งทั้ง 2 รุ่นน้้น รองรับแค่การสื่อสารผ่านดาวเทียมแบบ 2 ทาง ผ่าน SMS เท่านั้น  หากข้อมูลนี้เป็นความจริง Huawei Mate 60 Series จะเป็นสมาร์ตโฟนเครื่องแรกที่รองรับการโทรด้วยเสียงผ่านการเชื่อมต่อดาวเทียมเป็นครั้งแรก เพิ่มเติมคือใน iPhone 14 Series ของ Apple รองรับการโทรผ่านดาวเทียมเช่นกัน แต่สามารถใช้ได้แค่เฉพาะการโทร SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียมเท่านั้น ที่มา : Gizmochina.com

ท่าสควอท Squat Jump with Pulse ช่วยเผาผลาญไขมัน ปั้นกล้ามทันใจ
อ่าน

ท่าสควอท Squat Jump with Pulse ช่วยเผาผลาญไขมัน ปั้นกล้ามทันใจ

เบื่อท่าสควอทธรรมดา? ลอง Squat Jump with Pulse ดูหน่อยไหม ใครว่าการออกกำลังกายต้องใช้เครื่องเยอะ ต้องไปฟิตเนส ต้องจัดเต็มชุดถึงจะเรียกว่าฟิต บางครั้งแค่ ท่าเดียว ก็เปลี่ยนเกมได้แล้ว! ท่าสควอท Squat Jump with Pulseคือหนึ่งในท่าที่อยากแนะนำให้ผู้ชายที่อยากฟิตกล้ามขา เสริมก้น และเบิร์นไขมันแบบจริงจังลองทำดู มีแค่ตัวคุณ + พื้นเรียบ ๆ + ใจล้วน ๆก็พร้อมเริ่มได้เลย! Squat Jump with Pulse ท่านี้เหมาะกับใคร หนุ่มออฟฟิศที่นั่งนานๆ อยากยืดเส้น คนที่เบื่อการวิ่งหรือ HIIT แต่ยังอยากเบิร์น ผู้ชายที่อยากฟิตช่วงล่างให้แน่นแบบนักกีฬา มือใหม่ที่อยากเริ่มออกกำลังกายแบบจริงจัง Squat Jump with Pulse ได้ส่วนไหน 1. ขาแน่นขึ้นแบบเห็นได้ชัด ทั้งต้นขาหน้า (Quadriceps) และหลัง (Hamstrings) จะรู้สึกตึงตั้งแต่เซตแรก 2. ก้นกระชับแบบไม่ต้องทำหลายท่า กล้ามก้น (Glutes) ทำงานตลอดทั้งตอน Pulse และ Jump 3. เบิร์นไขมันดีเกินคาด เพราะการกระโดดมีแรงระเบิดสูง เผาผลาญพลังงานได้มากกว่าท่าสควอททั่วไป 4. เพิ่มพลังการกระโดดและความเร็ว นักบาส นักบอลใช้ท่านี้เพิ่มแรงกระโดดมานานแล้ว 5. ไม่ใช้อุปกรณ์ จะทำในห้องนอน บนดาดฟ้า หรือริมทะเลก็ยังได้ วิธีทำท่า Squat Jump with Pulse แบบเข้าใจง่าย ย่อตัวลงในท่า Squat ปกติ แล้วเด้งตัวเบา ๆ 23 ครั้ง (เราเรียกการเด้งนี้ว่า "Pulse") หลังจากนั้นก็กระโดดขึ้นเต็มแรง ร่างกายเหยียดตรง แล้วก็ลงมาในท่า Squat อีกครั้ง วนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ฟังดูง่าย แต่นี่คือ ท่าที่กล้ามขาและก้นคุณจะรู้สึกว่ามัน ทำงาน ทุกวินาที ไม่ได้พัก เพราะทั้ง Pulse และ Jump คือการกดดันกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่องนั่นเอง วิธีทำแบบละเอียด 1. ยืนตรง เท้าแยกประมาณหัวไหล่2. ย่อลงท่า Squat หลังตรง ไม่โน้มตัวไปข้างหน้า3. Pulse 23 ครั้ง (ย่อลง-เด้งขึ้นเบา ๆ ช้า ๆ)4. กระโดดขึ้นสุดแรง แล้วลงเบา ๆ ให้ปลายเท้าสัมผัสพื้นก่อน5. กลับสู่ท่า Squat แล้ววนซ้ำ ทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล เริ่มต้น: 810 ครั้ง / 2 เซต ระดับกลาง: 1215 ครั้ง / 3 เซต ฟิตจริงจัง: 1520 ครั้ง / 4 เซตขึ้นไป ทำ 23 วัน/สัปดาห์ ก็เห็นผลภายใน 23 สัปดาห์แล้ว และถ้าคุมอาหารร่วมด้วยจะยิ่งเห็นชัดเจน ข้อแนะนำสำหรับมือใหม่ ถ้าเพิ่งเริ่ม ให้ฝึก Pulse กับ Squat ปกติก่อน แล้วค่อยใส่ Jump สวมรองเท้าออกกำลังกายซัพพอร์ตดี ๆ ช่วยลดแรงกระแทกได้มาก อย่ากระโดดลงแรงเกินไป เพื่อเซฟข้อเข่า ถ้าเมื่อยมาก แค่ Pulse เฉย ๆ ก็ได้ แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้น บทความที่คุณอาจสนใจ วิธี Hack ร่างกายผู้ชายสายสร้างกล้าม ดูแลตัวเองอย่างไรสร้างกล้ามได้ไว เวลาน้อยก็หุ่นดีได้ วิธีออกกำลังกายสำหรับผู้ชายเวลาน้อย รวมท่าปั้นหัวไหล่ผู้ชายเวลาน้อย ภายใน 15 นาที ไหล่สวยได้แม้ไม่มีเวลา วิธีกินตาม TDEE สำหรับผู้ชายอยากปั้นกล้าม กินอย่างไรให้ได้ผล Warm up กับ Cool down ต่างกันอย่างไรทำไมสำคัญต่อการสร้างกล้าม วิธีเลือกดัมเบลสำหรับผู้ชายให้เหมาะกับการออกกำลังกาย รวมท่าออกกำลังกาย Dumbbell Complex เวลาน้อยได้ผลมาก รวมท่าฝึกแกนกลางลำตัว แบบไม่หนัก ได้กล้ามสวยแก้ปวดหลัง ทำตามง่าย สาเหตุที่ออกกำลังกายหนักแต่ไม่มีกล้าม เปลี่ยนวิธีนี้กล้ามขึ้นแน่

เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Tab S9 Series และ Samsung Galaxy Tab S8 Series แตกต่างกันแค่ไหน ซื้ออะไรคุ้มกว่ากัน ?
อ่าน

เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Tab S9 Series และ Samsung Galaxy Tab S8 Series แตกต่างกันแค่ไหน ซื้ออะไรคุ้มกว่ากัน ?

สวัสดีเหล่าสาวก Samsung ทุกท่านครับ หลังจาก Samsung ได้เปิดตัว Samsung Galaxy Tab S9 Series ในงาน Samsung Galaxy Unpacked July 2023 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็สร้างความสนใจให้แก่เหล่าสาวกที่ชื่นชอบสายแท็บเล็ตไม่ใช่น้อยๆเลย ซึ่งรุ่นนี้ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงหลายๆ อย่างให้แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง Samsung Galaxy Tab S8 Series แต่จะต่างกันแค่ไหนยังไงบ้างนั้น วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบให้ดูกันก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อแท็บเล็ตของท่านเองการเปรียบเทียบ Samsung Galaxy Tab ครั้งนี้จะเปรียบเทียบแบ่งเป็น 3 รุ่น ได้แก่Samsung Galaxy Tab S9 Standard กับ Samsung Galaxy Tab S8 Standard Samsung Galaxy Tab S9+ กับ Samsung Galaxy Tab S8+Samsung Galaxy Tab S9 Ultra กับ Samsung Galaxy Tab S8 Ultraดีไซน์Samsung Galaxy Tab S9 Series กับ Tab S8 Series จะมีดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูค่อนข้างเหมือนกันทั้งขนาดและน้ำหนัก ถ้ามองไว้ตาเปล่า แต่มันจะแตกต่างกันดังนี้S9 Standard น้ำหนัก 500 กรัม หนา 5.9 มม. / S8 Standard น้ำหนัก 507 กรัม หนา 6.3 มม. S9+ น้ำหนัก 586 กรัม / S8+ น้ำหนัก 572 กรัมS9 Ultra มีน้ำหนัก 737 กรัม / S8 Ultra น้ำหนัก 728 กรัมแต่จุดแตกต่างกันจริง คือ Tab S9 Series มีมาตรฐานทนน้ำทนฝุ่นระดับ IP68 คือ สามารถทนน้ำได้ที่ความลึกระดับ 1.5 เมตร เป็นเวลา 30 นาที ที่กันทั้งตัวเครื่องและปากกา S Pen ในขนาดที่ Tab Series อื่นๆ ไม่สามารถทนน้ำทนฝุ่นได้ กลายเป็นข้อดีอย่างหนึ่งสำหรับคนที่ชอบใช้แท็บเล็ตภาคสนามที่ไม่ต้องกลัวน้ำไม่เข้าเครื่องเหมือนก่อนแล้วหน้าจอหน้าจอ Tab S9 Series จะเป็น Dynamic AMOLED 2X ในขณะส่วนหน้าจอของ Tab S8 Series จะเป็น sAMOLED ในรุ่น S8+ และ S8 Ultra ยกเว้น S8 Standard จะเป็น LTPS TFT แต่ทุกรุ่นรองรับ Refresh Rate 120Hz เท่ากัน และขนาดหน้าจอยังเหมือนเดิมSamsung Galaxy Tab S9 Standard / Samsung Galaxy Tab S8 Standard ขนาด 11 นิ้วSamsung Galaxy Tab S9+ / Samsung Galaxy Tab S8+ ขนาด 12.4 นิ้วSamsung Galaxy Tab S9 Ultra / Samsung Galaxy Tab S8 Ultra ขนาด 14.6 นิ้วสเปกTab S9 Series ใช้ชิปประมวลผลระดับเรือธงตัวล่าสุด Snapdragon 8 Gen 2 S9 Standard แรม 8GB/12GB ความจุ 128GB/256GB S9+ แรม 12GB ความจุเลือกได้ 256GB/512GB S9 Ultra แรม 12GB ความจุเลือกได้ 256GB/512GB ส่วน Tab S8 Series ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 1 ซึ่งแรงน้อยกว่า มีแต่แรมแค่ 8GB และมีความจุให้แค่ 128GB โดยรองรับ 5G เหมือนกันทั้งสองซีรี่ย์กล้องทั้ง Tab S9 Series และ Tab S8 Series จะมาพร้อมสเปกกล้องแตกต่างกันนิดนึง ตามดังนี้ S9 Standard กล้องหลัง Main 13MP พร้อมแฟลช LED และกล้องหน้า Ultrawide 12MP ในแค่ที่นี้ Tab S8 มาพร้อมกับกล้องหลังคู่ Main 13MP + Ultrawide 6MP พร้อมแฟลช LED และกล้องหน้า Ultrawide 12MPS9+ กล้องหลังคู่ Main 13MP + Ultrawide 8MP พร้อมแฟลช LED และกล้องหน้า Ultrawide 12MP S9 Ultra กล้องหลังคู่ Main 13MP + Ultrawide 8MP พร้อมแฟลช LED และกล้องหน้า Main 12MP + Ultrawide 12MPในแค่ที่นี้ Tab S8 Series มาพร้อมกับกล้องหลังคู่ Main 13MP + Ultrawide 6MP พร้อมแฟลช LED และกล้องหน้า Ultrawide 12MP ทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น Tab S8 Ultra กล้องหน้าเหมือนรุ่น Tab S9 Ultraแบตเตอรี่แบตเตอรี่ Tab S9 Series มีความจุแบตเหมือนกับตัว Tab S8 Series ยกเว้น Tab S9 Standard ที่มีความจุแบต 8400 mAh ซึ่งมากกว่า Tab S8 Standard ที่มีความจุแบตแค่ 8000 mAh เท่านั้นเองราคาราคาของ Tab S9 SeriesS9 Standard WiFi8GB/128GB ราคา 28,900 บาท12GB/256GB ราคา 34,900 บาทS9 Standard 5G 8GB/128GB ราคา 32,900 บาท12GB/256GB ราคา 38,900 บาทS9+ WiFi12GB/256GB ราคา 35,900 บาท12GB/512GB ราคา 41,900 บาทS9+ 5G12GB/256GB ราคา 39,900 บาท12GB/512GB ราคา 45,900 บาทS9 Ultra (มีแค่รุ่น 5G)12GB/256GB ราคา 49,900 บาท12GB/512GB ราคา 55,900 บาทราคาของ Tab S8 Series ณ เวลานี้ S8 Standard (ณ เวลานี้มีแค่รุ่น 5G)8GB/128GB ราคา 26,900 บาทS8+WiFi 8GB/128GB ราคา 28,900 บาท5G 8GB/128GB ราคา 33,900 บาทS8 Ultra WiFi 8GB/128GB ราคา 33,900 บาท5G 8GB/128GB ราคา 40,900 บาทซึ่งราคา Tab S9 Series อาจจะแรงไปหน่อย เพราะอย่างเพิ่งเปิดตัวไปแต่ก็แลกมาด้วยชิปประมวลผลที่แรงกว่าเดิม รวมทั้งหน้าจอสวยและความปลอดภัยของเครื่องที่ดีขึ้นสรุปแล้วซื้อแท็บเล็ตรุ่นไหนดีตรงนี้ขอแบ่งมุมมองเป็น 3 กลุ่มผู้ใช้งาน คือ คนใช้งานทั่วไป, คนใช้เพื่อเล่นเกม และครีเอทีฟหรือครีเอเตอร์คนใช้งานทั่วไป ตรงนี้ผมมองว่าสามารถใช้ได้ทุกรุ่น ถือว่าคุ้มค่าทุกรุ่น เพราะประสิทธิภาพในการทำงานดีพอสมควร สนุกกับความบันเทิงได้อย่างเต็ม และสามารถใช้แทนโน้ตบุ๊คได้ด้วย หากใช้ภาคสนามและประสิทธิภาพแรงแนะนำเป็นตัว Tab S9 Series ไปเลย เพราะมีมาตรฐาน IP68 ที่กันน้ำกันฝุ่น ไม่ต้องกลัวเครื่องเสียหายจากน้ำ (ใช้ภาคสนามแนะนำเป็น S9 Standard เพราะเครื่องเล็กพกพาสะดวกกว่า)คนใช้เพื่อเล่นเกม ตรงนี้ผมมองว่าถ้าเป็นพวกแคสเกมถือว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง เพราะอย่างประสิทธิภาพของชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 2 และ Gen 1 แรงพอสมควร โอกาสที่จะกระตุกมีน้อยมาก ยกเว้นไม่มีอินเตอร์เน็ตเท่านั้น เล่นเกมไม่ได้ อันนี้จบเลย แต่ขอเพิ่มเติมสำหรับคนที่ต้องการจอใหญ่เลยแนะนำเป็นตัว S9 Ultra ไปเลยดีกว่าครีเอทีฟหรือครีเอเตอร์ ตรงนี้ผมมองว่าถ้าเป็นคนทำงานสายนี้อยู่แล้ว ผมแนะนำใช้รุ่น S9+ และ S9 Ultra เพราะแรม 12GB ที่โคตรแรงแล้ว หน่วยความจำ 512GB ที่สามารถเก็บงานไว้เครื่องได้เยอะอีกด้วย และเชื่อมต่อได้ทุกอุปกรณ์ รับรองคุ้มค่าอย่างแน่นอนเป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับ Tab S9 Series ในวันนี้ หวังว่าจะช่วยเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจเลือกซื้อระหว่าง Tab S9 Series กับ Tab S8 Series ได้นะครับส่วนใครอยากเป็นเจ้าของ Tab S9 Series ก่อนใครสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้แล้ว พร้อมสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นดีจาก True5G ได้แล้ววันนี้จนถึง 10 สิงหาคมนี้สุดท้ายนี้หากใครที่รู้สึก ชอบบทความนี้ก็แชร์ออกไปได้เลย หรือถ้าอยากจะติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของเราก็สามารถติดตามได้ที่Facebook : WV reviewบทความ True ID : WV เรียบเรียงโดย : WVเครดิตภาพภาพปก : ออกแบบ-ผู้เขียน และภาพจากเว็บไซต์ Samsung : Tab S9 และ Tab S8 ภาพประกอบจาก Facebook : Samsung : 1-7ภาพประกอบที่ 8 จาก Facebook : TrueMove Hเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน  App TrueID โหลดเลย ฟรี !

Samsung Galaxy S24 Series อาจมาพร้อมความเร็วในการชาร์จเท่ากับรุ่นเดิม !
อ่าน

Samsung Galaxy S24 Series อาจมาพร้อมความเร็วในการชาร์จเท่ากับรุ่นเดิม !

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า Samsung Galaxy S24 Ultra จะรองรับชาร์จเร็วสูงสุด 65W แต่รายการชุดใหม่จากหน่วยงาน 3C ของจีน ยืนยันว่า Galaxy S24 Series จะยังคงมีความเร็วในการชาร์จที่ 25W และ 45W โดยมี Gaalxy S24 (SM-S9210) ที่ 25W เช่นเดียวกับ Galaxy S23 และ Galaxy S24+ (SM-S9260) และ S24 Ultra (SM-S9280) จะยังคงความเร็ว 45W เหมือนกับรุ่นก่อนเช่นกัน รายชื่อใหม่ยังยืนยันว่า Samsung จะไม่แถมที่ชาร์จในกล่องเหมือนเดิม คงต้องรอดูกันว่า Samsung จะเลือกใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบซ้อนบน Galaxy S24+ และ Galaxy S24 Ultra ตามข่าวลือเมื่อต้นปีนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตามทั้ง 2 รุ่น คาดว่าจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ 5,000mAh ในขณะที่ Galaxy S24 รุ่นธรรมดาอาจมีความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ที่มา : GSMarena.com

iPhone 15 Series อาจมีสีใหม่ 2 สี พร้อมกรอบเครื่องแบบไทเทเนียม !
อ่าน

iPhone 15 Series อาจมีสีใหม่ 2 สี พร้อมกรอบเครื่องแบบไทเทเนียม !

สีใหม่ที่ Apple เปิดตัวไปล่าสุดนั้นคือสีเหลืองใน iPhone 14 ล่าสุดมีข่าวลือว่า Apple จะเปิดตัวสีใหม่ 2 สีใน iPhone 15 Series ได้แก่ สีแดงเข้มใน iPhone 15 Pro และสีเขียวสำหรับ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus สีแดงใหม่ใน iPhone 15 Pro ถูกอธิบายว่าเป็น ‘สีแดงเข้มหรือสีแดงเลือดหมู’ คาดว่าจะอ่อนกว่าสีม่วงเข้มของ iPhone 14 Pro เล็กน้อย ส่วนสีเขียวของ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus นั้นจะมีความคล้ายคลึงกับสีเขียวของ iPhone 12 และ iPhone 11 นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า iPhone 15 Pro จะทำกรอบเครื่องจากไทเทเนียม ซึ่งถือเป็นความแปลกใหม่ใน iPhone และยังทำให้มีความแข็งแรงมากกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ Apple ใช้ไทเทเนียมใน Apple Watch มาหลายปีแล้ว ก็ไม่แปลกถ้าจะนำมาใช้ใน iPhone ด้วย ที่มา : Gizmochina.com

Realme ประกาศเปิดตัว Narzo 60 Series ในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้!
อ่าน

Realme ประกาศเปิดตัว Narzo 60 Series ในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้!

Realme ประกาศจะเปิดตัว Narzo 60 series ในวันที่ 6 กรกฎาคม เวลา 12.00 น. ตามเวลาอินเดีย อีกทั้งยังได้ปล่อยภาพดีไซน์ Realme narzo 60 5G ที่มาในสีโทนส้ม-น้ำตาลธีม ‘ขอบฟ้าดาวอังคาร (Martian Horizon)’ ในไลน์อัปนี้จะประกอบด้วยสมาร์ตโฟน 2 รุ่น ด้วยกัน ได้แก่ Narzo 60 และ Narzo 60 Pro โดยจากภาพที่ปล่อยออกมาเราจะเห็นสัญลักษณ์ตัวอักษร “NARZO” ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง นอกจากนี้ที่กล้องหลังยังมีตัวหนังสือระบุความละเอียด ‘100 MP’ อีกด้วย สำหรับสเปกอื่น ๆ นั้น ก่อนหน้านี้มีผลทดสอบของ Narzo 60 5G บน Geekbench หลุดออกมา โดยระบุว่ารุ่นนี้จะใช้ชิป Dimensity 6020, แรม 8GB และทำงานบน Android 13 ที่มา: GSMArena

Xiaomi 14T Series สมาร์ตโฟนเรือธงตัวใหม่ จากค่ายจีน เริ่มต้น 15,990 บาท
อ่าน

Xiaomi 14T Series สมาร์ตโฟนเรือธงตัวใหม่ จากค่ายจีน เริ่มต้น 15,990 บาท

เปิดตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา กับ Xiaomi 14T Series สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ มีความโดดเด่นด้านการถ่ายภาพทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะมีเทคโนโลยี Advanced AI ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการใช้งานได้ดียิ่งขึ้นXiaomi 14T Pro กล้อง 3 ตัว ครอบคลุมความยาวโฟกัส 5 ระยะ ตั้งแต่ 15 - 120 มม. โดยกล้องหลักมาพร้อมความละเอียด 50MP รูรับแสงขนาดใหญ่ /1.6 และเลนส์ออปติคอล Summilux รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Leica ที่ถูกจับคู่กับเซ็นเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 มีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.31 นิ้ว, Dual Native ISO Fusion Max และช่วงไดนามิกสูง 13.57EV จึงทำให้สามารถรับแสงได้มากขึ้นถึง 32% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า 2Xiaomi 14T มีเซ็นเซอร์ IMX906 ขั้นสูงจาก Sony และกล้อง 3 ตัว ครอบคลุมความยาวโฟกัส 4 ระยะ ตั้งแต่ 15 - 100 มม. โดยกล้องหลักมาพร้อมความละเอียด 50MP รูรับแสงขนาดใหญ่ /1.7 และเลนส์ออปติคอล Summilux รุ่นล่าใหม่สุด จาก Leica ที่มอบสีสันสดใสและรายละเอียดที่ยอดเยี่ยมแม้ในสภาวะแสงน้อย พร้อมด้วยกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP ที่มีระยะโฟกัสเทียบเท่า 15 มม. ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพวิวทิวทัศน์นั้นคมชัดมากยิ่งขึ้นXiaomi 14T Series ได้ร่วมมือกับ Google และยกระดับประสิทธิภาพการทำงานและความคิดสร้างสรรค์ด้วยการใช้ Advanced AI ทั้งการค้นหา เสียง ข้อความ รูปภาพ และวิดีโอ มีฟีเจอร์ใหม่อย่าง Circle to Search with Google5 ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถค้นหาสิ่งที่เห็นบนโทรศัพท์มือถือได้ทันทีโดยไม่ต้องสลับแอป รวมไปถึง Google Gemini6 ที่ช่วยเขียน เรียนรู้และวางแผนตัวอุปกรณ์มาพร้อมกับ AI Interpreter ที่ช่วยทำลายกำแพงภาษา แปลได้หลายภาษาแบบเรียลไทม์ มีการปรับปรุงการสื่อสารระหว่างการประชุมหรือการโทรสนทนา มี AI Notes และ AI Recorder ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการถอดเสียงพูดเป็นข้อความ การจดจำผู้พูดได้อย่างแม่นยำ และการสรุปอย่างรวดเร็วมี AI Image Editing ช่วยยกระดับในการเล่าเรื่องด้วยภาพขึ้นไปอีกขั้น ในขณะที่ AI Eraser Pro จะช่วยลบองค์ประกอบที่คุณไม่ต้องการออกไปเพื่อให้คุณได้ภาพที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด และ AI Film ช่วยสร้างวิดีโอสั้นง่ายขึ้น รวมไปถึง AI Portrait ที่จะสร้างอวตารเฉพาะตัวที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถแสดงตัวตนในแบบฉบับของตัวเองได้อย่างง่ายดายมากกว่าเดิมหน้าจอแสดงผล AMOLED CrystalRes ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2712 x 1220) ด้วยความหนาแน่นของพิกเซลที่ 446 ppi ความลึกของสี 12 บิต ครอบคลุม DCI-P3 และความสว่างสูงสุด 4,000 nits อัตรารีเฟรช 144Hz10Xiaomi 14T Series แบตเตอรี่ 5000mAh โดยที่ Xiaomi 14T Pro มาพร้อมการชาร์จไร้สาย 50W และ HyperCharge 120W13 โดยสามารถชาร์จเต็มได้ในเวลาเพียง 19 นาทีเท่านั้น ในขณะที่ Xiaomi 14T มาพร้อมกับการชาร์จเร็วด้วย HyperCharge 67W14ด้านดีไซน์เป็นโลหะสุดล้ำสมัย ขอบจอบางเป็นพิเศษเพียง 1.7 มม. ช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชมได้มากยิ่งขึ้น รองรับมาตรฐาน IP6815 ในการกันน้ำและกันฝุ่น ทั้งนี้ Xiaomi 14T Pro ยังมาพร้อมกับกรอบโลหะอันประณีตและหรูหรา มีความยืดหยุ่นทนทานต่อการงอและเสียหายมากกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 116%Xiaomi 14T Pro มี 3 สี ได้แก่ Titan Gray, Titan Blue, Titan Black ราคาเริ่มต้น 21,290 บาทXiaomi 14T มี 4 สี ได้แก่ Titan Gray, Titan Blue, Titan Black, Lemon Green ราคาเริ่มต้น 15,990 บาทที่มาของข้อมูล Xiaomi

Samsung อาจเปิดตัว Galaxy Z FE Series สมาร์ตโฟนจอพับราคาประหยัดรุ่นใหม่ !
อ่าน

Samsung อาจเปิดตัว Galaxy Z FE Series สมาร์ตโฟนจอพับราคาประหยัดรุ่นใหม่ !

เมื่อตลาดสมาร์ตโฟนจอพับเริ่มเติบโตมากขึ้น ด้านผู้ผลิตจึงมองหาวิธีนำเสนอสมาร์ตโฟนจอพับมีที่ราคาย่อมเยามากขึ้น เพื่อให้คนได้จับต้องได้ง่ายมากขึ้น ผู้นำตลาดสมาร์ตโฟนจอพับอย่าง Samsung ยังคงใช้ Galaxy Z Flip และ Galaxy Z Fold Series ลงตลาดสมาร์ตโฟนจอพับในทุก ๆ ปี แต่ล่าสุดนั้นมีรายงานจาก Revegnus ทิปสเตอร์ที่เคยรายงานข่าวเซนเซอร์กล้องของ Samsung ที่ผ่านมา จากรายงานกล่าวว่า หลังจาก Galaxy Z Fold 6 และ Galaxy Z Flip 6 ในปีหน้า Samsung อาจเปิดตัวสมาร์ตโฟนจอพับเวอร์ชัน Fan Edition ที่มีราคาจับต้องได้ง่ายมากขึ้น หลังจากที่เปิดตัวสมาร์ตโฟนจอพับรุ่นหลักของค่ายอย่าง Galaxy Z Fold 6 และ Galaxy Z Flip 6 รายงานนี้ยังชี้ให้เห็นว่า Samsung เริ่มให้ความสนใจรุ่น Fan Edition มากขึ้น สังเกตได้จาก Galaxy S23 FE ที่เริ่มมีการวางแผนไว้ ซึ่งหมายความว่าบริษัทจะเริ่มเปิดตัวอุปกรณ์ Fan Edition สม่ำเสมอมากขึ้น ที่มา : Gsmarena.com

Redmi K70 series ก็จะใช้ Snapdragon 8 Gen 3 ตัวแรงเหมือนกัน !
อ่าน

Redmi K70 series ก็จะใช้ Snapdragon 8 Gen 3 ตัวแรงเหมือนกัน !

 มีข่าวลือว่า Snapdragon 8 Gen 3 จะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้และ Xiaomi 14 Series จะเป็นหนึ่งในสมาร์ตโฟนรุ่นแรกที่ได้ใช้ชิปนี้ ล่าสุด Digital Chat Station รายงานว่า Redmi แบรนด์ย่อยของ Xiaomi ก็จะนำชิปนี้มาใช้ใน Redmi K70 Series เช่นกัน ก่อนหน้านี้ก็ได้มีการรายงานเกี่ยวกับคะแนนผลการทดสอบของ Snapdragon 8 Gen 3 ออกมาด้วย โดยได้คะแนน Geekbench แบบ Single-core ได้คะแนนที่ 2,563 คะแนน และได้คะแนน Multi-core ที่ 7,256 คะแนน และได้คะแนน AnTuTu ที่ 1,771,106 คะแนน อย่างไรก็ตาม K60 Pro ยังคงมีขายแค่ในตลาดจีนเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีทราบว่า K70 Pro จะวางจำหน่ายในตลาดนอกประเทศจีนหรือไม่ ปัจจุบันนี้ยังไม่มีข้อมูลสเปกอื่นๆ ของ Redmi K70 series ออกมาแต่อย่างใด ที่มา gizmochina.com พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

Redmi Note 13 Series จะรองรับการอัปเดต Android เป็นเวลา 3 ปี!
อ่าน

Redmi Note 13 Series จะรองรับการอัปเดต Android เป็นเวลา 3 ปี!

Xiaomi เตรียมเปิดตัวสมาร์ตโฟน Redmi Note 13 Series ในอินเดียในวันที่ 4 มกราคม ประกอบด้วยรุ่น Redmi Note 13, Redmi Note 13 Pro และ Redmi Note 13 Pro+ โดยทั้ง 3 รุ่นนี้ ได้เปิดตัวในประเทศจีนไปก่อนหน้านี้แล้ว และคาดว่าจะใช้สเปกเดียวกัน ล่าสุดมีการเปิดเผยรายละเอียดซอฟต์แวร์ Redmi Note 13 Series สำหรับตลาดโลก Exclusive: All Redmi Note 13 series phones will ship with MIUI 14 based on Android 13, in India as well as Global. All phones will get 3 years of Android updates (up to Android 16) & 4 years of security updates. These phones will not receive Xiaomi HyperOS anytime soon. pic.twitter.com/6s2l8vSxpL— Sudhanshu Ambhore (@Sudhanshu1414) December 26, 2023 ตามคำแนะนำของ Sudhanshu Ambhore ระบุว่า Redmi Note 13 Series ที่กำลังจะเปิดตัวในอินเดียและตลาดโลก จะได้รับการติดตั้ง Android 13 ครอบทับด้วย MIUI 14 นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าสมาร์ตโฟนจะได้รับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ Android เป็นเวลา 3 ปี จนถึง Android 16 และอัปเดตแพตช์รักษาความปลอดภัยเป็นเวลา 4 ปี ถือเป็นข่าวดีเนื่องจาก Note Series ของแบรนด์ย่อย Xiaomi มักจะได้รับการอัปเดตระบบปฏิบัติการเป็นเวลา 2 ปีเท่านั้น ที่มา : Gizmochina.com