รีเซต

ผลการค้นหา “Four Ever You Project” - ทรูไอดี

ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
TikTok เพิ่มฟีเจอร์ Refresh your For You feed เพื่อรับเนื้อหาใหม่ ๆ
อ่าน

TikTok เพิ่มฟีเจอร์ Refresh your For You feed เพื่อรับเนื้อหาใหม่ ๆ

TikTok ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่มีชื่อว่า ‘Refresh your For You feed’ สำหรับผู้ใช้งานแฟนตัวยงหน้าฟีด For You โดยเฉพาะ เพื่อรีเซ็ตรับเนื้อหาสดใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อผู้ใช้งานทำการคลิกฟีเจอร์ ‘Refresh your For You feed’ ระบบจะทำการรีเซ็ตข้อมูลเนื้อหาของผู้ใช้งานให้ใหม่เหมือนกับตอนสมัครใช้งานแอปพลิเคชันครั้งแรก หลังจากนั้นระบบจะทำการรวบรวมการตั้งค่าเนื้อหาของผู้ใช้พร้อมกับแสดงเนื้อหาที่สดใหม่มากยิ่งขึ้น ฟีเจอร์นี้จะช่วยควบคุมการแสดงเนื้อหาที่สอดคล้องกับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น และป้องกันการแสดงเนื้อหาที่ซ้ำมากจนเกินไป ฟีเจอร์ ‘Refresh your For You feed’ จะอยู่ภายในตั้งค่า Content Preference หรือ ค่ากำหนดเนื้อหา โดยฟีเจอร์ใหม่นี้จะค่อย ๆ ทยอยเปิดให้ใช้งานกับผู้ใช้ TikTok ทั่วโลก ที่มา : TikTok Newsroom

รู้จัก CLOSE YOUR EYES บอยแบนด์น้องใหม่จากรายการ PROJECT 7
อ่าน

รู้จัก CLOSE YOUR EYES บอยแบนด์น้องใหม่จากรายการ PROJECT 7

เดบิวต์แล้วเรียบร้อยสำหรับบอยแบนด์ผู้ชนะจากรายการ Project 7 กับวง “CLOSE YOUR EYES” หรือ CYE ซึ่งประกอบไปด้วยสมาชิกทั้งหมด 7 คน ได้แก่ จอนมินอุค,หม่าจิ้งเสียง,จางยอจุน,คิมซองมิน,ซงซึงโฮ,เคนชิน และ ซอคยองแบ โดยพวกเขาเปิดตัวด้วยมินิอัลบั้ม “ETERNALT” กับเพลงไตเติลที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ชวนฝันเหมือนหลุดเข้าไปในห้วงเวลาของบทกวีผ่านท่วงทำนองที่จะพาให้ผู้ฟังรู้สึกสดชื่น เกริ่นมาขนาดนี้ อยากจะรู้จักพวกเขาบ้างหรือยังเอ่ย?  รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! CLOSE YOUR EYES CLOSE YOUR EYES หรือ CYE (클로스 유어 아이스/클유아) เป็นบอยแบนด์ที่เดบิวต์จาก “Project 7” รายการเซอร์ไววัลเฟ้นหาบอยกรุ๊ประดับโลกของ JTBC ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 7 คน ได้แก่ จอนมินอุค,หม่าจิ้งเสียง,จางยอจุน,คิมซองมิน,ซงซึงโฮ,เคนชิน และ ซอคยองแบ โดยทำกิจกรรมภายใต้การดูแลของค่าย UNCORE ที่ก่อตั้งขึ้นจากการร่วมทุนของบริษัท SLL และ YG Plus ซึ่งเดบิวต์อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 เมษายน 2025 (ระยะเวลาทำกิจกรรม 3 ปี) ชื่อแฟนคลับ : CLOSER 1. จอน มินอุค (Jeon Min Wook) ชื่อ : จอนมินอุค (전민욱) วันเกิด : 16 ตุลาคม 1999 สัญชาติ : เกาหลีใต้ MBTI : INTP อิโมจิ : 🐱 คะแนนเดบิวต์ : 5,053,962 (อันดับ 3) จอนมินอุค ลีดเดอร์ผู้มีบุคลิกคล้ายกับแมว เขาเป็นคนมีเสน่ห์และโดดเด่นในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการร้อง เต้น และ แร็ป โดยเฉพาะโทนเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา บอกเลยว่าโคตรดี ซึ่งจะมีความทุ้มต่ำนุ่มลึกชวนให้คนฟังใจละลาย แถมเขายังมีความสามารถในการแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์อีกด้วย นอกจากนี้ เขายังเป็นคนกระตือรือร้น นิสัยเป็นกันเอง โดยเขาถือเป็นเมมเบอร์ที่เก่งรอบด้านแถมประสบการณ์แน่นมากเพราะเคยผ่านการเป็นเด็กฝึกมาแล้วหลายค่ายทั้ง RBW, Goodluck Entertainment และ PocketDol Studio (MBK) ที่ฝึกได้แค่ 2 เดือนก็เดบิวต์เป็นสมาชิกของวง BEA 173 ใช้สเตจเนมว่า เจมิน (J-MIN) และยังเคยเข้าร่วมการแข่งขันรายการเซอร์ไววัล Peak Time (2023) ร่วมกับสมาชิก จนมาในปี 2024 เขาก็ได้เดบิวต์ในโปรเจกต์พิเศษของค่ายอย่าง A-SIX พร้อมกับเข้าร่วม รายการ Project 7 นอกจากนี้ เขายังเคยมีผลงานการแสดงครั้งแรกในซีรีส์ Love Class 2 ในปี 2023 อีกด้วย เรียกได้ว่าหนุ่มคนนี้ครบเครื่องของจริงเลยละ 2. หม่า จิ้งเสียง (Ma Jingxiang) ชื่อ : หม่าจิ้งเสียง (마징시앙) วันเกิด : 16 กุมภาพันธ์ 2004 สัญชาติ : จีน MBTI : INTP อิโมจิ : 🐧 คะแนนเดบิวต์ : 6,004,528  (อันดับ 1) หม่าจิ้งเสียง หนุ่มหล่อหน้าใสจากเมืองจีนผู้มีแครักเตอร์คล้ายเพนกวิน เขาเป็นคนสุภาพ อ่อนน้อม รักความสะอาด และ จริงจังกับทุกสิ่งที่ทำโดยเฉพาะเวลาฝึกซ้อม มักใช้เวลานานกว่าคนอื่นเลย ด้านความสามารถ การแร็ปและการเต้นของเขาโดดเด่นมาก โทนเสียงมีเสน่ห์ ฟังแล้วน่าหลงใหลเลยทีเดียว ที่สำคัญยังพูดภาษาเกาหลีเก่งแถมพูดบ่อยกว่าภาษาจีนอีก สำหรับเส้นทางการเป็นไอดอลของเขาไม่ธรรมดาเลย เขาเคยเป็นสมาชิกวงบอยแบนด์ก่อนเดบิวต์ Midsummer Cubs ก่อนจะตัดสินใจเข้าร่วม Boys Planet หลังจบรายการ เขาต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากการตัดต่อจนส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ถึงขั้นประกาศว่าจะยอมแพ้กับการเป็นไอดอลมาแล้ว แต่ในปี 2024 เขาได้ตัดสินใจให้โอกาสตัวเองอีกครั้งและเข้าร่วมรายการ Project 7 3. จาง ยอจุน (Jang Yeojun) ชื่อ : จางยอจุน (장여준) วันเกิด : 27 กันยายน 2005 สัญชาติ : เกาหลีใต้ MBTI : INTJ อิโมจิ : 🦊 คะแนนเดบิวต์ : 4,027,238  (อันดับ 6) จางยอจุน หนุ่มเท่มากความสามารถผู้มาพร้อมกับแครักเตอร์สุดมั่น เขามีใบหน้าคมชัดออกตี๋นิดหน่อย กรามแหลม ดูแล้วหล่อบาดใจ เรื่องความสามารถก็ไม่เป็นสองรองใคร เพราะเก่งรอบด้าน แถมมีเสียงร้องเป็นเอกลักษณ์ ไลน์เต้นสวย และ การแร็ปก็ทำออกมาดีไม่แพ้กัน โดยเจ้าตัวเคยบอกว่าตัวเองเข้ากับคอนเซ็ปต์เซ็กซี่ บอกเลยว่าเหมาะจริง ใครอยากพิสูจน์ไปส่องสเตจรอบสามในรายการเลยจ้า ยอจุนเคยเป็นเด็กฝึกค่าย Jellyfish Entertainment และ Mystic Story รวมถึงได้รับโอกาสเข้าร่วมทีมเดบิวต์มาก่อน นอกจากนี้เขายังมีประสบการณ์ในรายการเซอร์ไววัล Wild Idol (2021) และ Boys Planet (2023) ก่อนจะได้เดบิวต์กับ Project 7 4. คิม ซองมิน (Kim Sungmin) ชื่อ : คิมซองมิน (김성민) วันเกิด : 26 ธันวาคม 2005 สัญชาติ : เกาหลีใต้ MBTI : ENTJ(P) อิโมจิ : 🐰 คะแนนเดบิวต์ : 3,656,653 (อันดับ 7) คิมซองมิน หนุ่มลูกครึ่งไทย-เกาหลีสุดละมุน ผู้มีแครักเตอร์อ่อนโยนเหมือนกระต่ายน้อยที่มาพร้อมกับใบหน้าสุดวิชวล ทำให้หลายคนตกหลุมรักเขาโดยไม่รู้ตัว เขาเป็นคนอัธยาศัยดี อ่อนโยน สดใส ขี้เล่น และ ชอบทำอาหาร ด้านความสามารถเขาโดดเด่นในเรื่องการร้องเพลง โทนเสียงนุ่มนวลชวนให้คนฟังใจสั่น ก่อนเขาจะมาเป็นไอดอล หลายคนอาจพอทราบว่าเขาเป็นนายแบบภายใต้สังกัด M Directors และไม่เคยเป็นเด็กฝึกมาก่อน แต่ด้วยความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นไอดอล เขาจึงตัดสินใจเข้าร่วม Project 7 ในช่วงแรกทักษะของซองมินไม่ค่อยโดดเด่นมากนัก แต่ด้วยความพยายามและการฝึกซ้อมอย่างหนัก เขาก็สามารถพัฒนาตัวเองจนทำให้ผู้ชมเริ่มมองเห็นศักยภาพพร้อมสนับสนุนให้เขาได้เดบิวต์ 5. ซง ซึงโฮ (Song Seungho) ชื่อ : ซงซึงโฮ (송승호) วันเกิด : 1 สิงหาคม 2007 สัญชาติ : เกาหลีใต้ MBTI : INFP อิโมจิ : 🐶 คะแนนเดบิวต์ : 4,128,532 (อันดับ 5) ซงซึงโฮ หนุ่มหล่อผู้เต็มไปด้วยเอนเนอร์จี น้องจะมีความน่ารัก ขี้เล่น สดใส ไทป์หมาน้อย เป็นตัวป่วนประจำแก๊งมักเน่ และ มีน้ำเสียงการแร็ปเป็นเอกลักษณ์ โทนเสียงมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร แถมแต่งแร็ปได้ด้วย ที่สำคัญยังเป็นเมมเบอร์ที่สามารถเข้าได้ทุกคอนเซ็ปต์ นอกจากนี้ เขายังชื่นชอบการดูอนิเมะ ทำให้สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้นิดหน่อย บอกเลยว่าพอได้ทำความรู้จักซึงโฮแล้วทุกคนจะโดนน้องตกอย่างแน่นอน โดยเขาเริ่มต้นเส้นทางการเป็นไอดอล หลังจากเพื่อนสมัยเด็กแนะนำให้ไปออดิชั่นบริษัทแห่งหนึ่ง นั่นเลยกลายเป็นก้าวแรกของการเป็นเด็กฝึกจนจุดประกายให้ซึงโฮเริ่มไล่ตามความฝัน ต่อมา เขาได้เป็นเด็กฝึกในค่าย Hi-Hat Entertainment และเข้าแข่งขันในรายการ Project 7 ด้วยการพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้งพร้อมกับความสามารถอันโดดเด่นก็ทำให้ซึงโฮสามารถเดบิวต์สำเร็จ 6. เคนชิน (Kenshin) ชื่อ : ซากุราดะ เคนชิน (사쿠라다 켄신) วันเกิด : 2 ธันวาคม 2007 สัญชาติ : ญี่ปุ่น MBTI : ENFJ อิโมจิ : 🦦 คะแนนเดบิวต์ : 5,107,798 (อันดับ 2) เคนชิน หนุ่มน้อยชาวญี่ปุ่นเจ้าของรอยยิ้มอันสดใส เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก น่ารัก ขี้เล่น เข้ากับคนอื่นได้ง่าย โดยเขาจะถนัดการเต้นแบบ K-Pop Dance, Hip-Hop แถมแร็ปได้ด้วย แม้ภาษาเกาหลีของเคนชินอาจจะไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่ด้วยความสามารถก็ทำให้ทุกคนชื่นชอบเขา ซึ่งน้องเป็นคนที่มีแพชชั่นในการเป็นไอดอลสูงมาก พยายามอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองมาตลอดตั้งแต่เเข่งรายการ หลายคนอาจจะจดจำว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่มอบรอยยิ้มให้กับทุกคน แต่ครั้งหนึ่งรอยยิ้มของเขาเกือบหายไปหลังจากเหตุการณ์สะเทือนใจตอนอยู่ชั้นมัธยมปลายปีแรก จนส่งผลต่อสภาวะทางจิตใจ ถึงอย่างนั้นเคนชินกลับยังคงเรียนเต้นอยู่สม่ำเสมอ เพราะเขาพบว่าการเต้นทำให้ลืมเรื่องราวทั้งหมด หลังจากน้องเล่าให้พ่อแม่ฟัง ท่านก็เคารพการตัดสินใจของเคนชิน เขาจึงตัดสินใจลาออกและเดินทางไปโรงเรียนสอนเต้นในโตเกียวเพียงลำพัง พอผ่านการออดิชั่น น้องก็บินมาเกาหลีใต้เพื่อเดินตามความฝัน  7. ซอ คยองแบ (Seo Kyoungbae) ชื่อ : ซอคยองแบ (서경배) วันเกิด : 29 กันยายน 2008 สัญชาติ : เกาหลีใต้ MBTI : INFP อิโมจิ : 🐹 คะแนนเดบิวต์ : 4,285,473 (อันดับ 4) ซอคยองแบ น้องเล็กผู้ครองใจเหล่าพี่สาว น้องเป็นคนที่มีแครักเตอร์ชัดมากด้วยใบหน้าอันหล่อเหลาและดวงตาทรงเสน่ห์ บวกกับรอยยิ้มอันสดใส ทำให้หลายคนโดนตกกันเพียบ แถมบุคลิกนิสัยของคยองแบก็โดดเด่นจนทำให้ใครหลายคนต่างหลงรักในตัวเขา เช่น ความเป็นคนเฟรนด์ลี่ ถ่อมตัว สายรักสุขภาพ ชอบออกกำลังกาย เล่นกีฬา โดยเฉพาะ วอลเลย์บอล เล่นเก่งมาก ด้านความสามารถก็ไม่ธรรมดาเพราะคยองแบเต้นเก่ง อินเนอร์แรงจนสะกดทุกสายตา แถมเสียงร้องไม่ธรรมดา น้ำเสียงใส ฟังแล้วใจละลาย แม้ว่าจะไม่เคยเป็นเด็กฝึกมาก่อนแต่น้องก็สามารถพัฒนาได้แบบก้าวกระโดดจนอดประทับใจไม่ได้เลย โดยคยองแบเริ่มสนใจการเป็นไอดอลมาตั้งแต่ช่วงเรียนประถมและชื่นชอบการเต้นจนเคยเข้าชมรมของโรงเรียนมาแล้ว แม้ว่าจะมีใจรักและพรสวรรค์ แต่เพราะบ้านเกิดของคยองแบอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองและแถวบ้านไม่มีค่ายฝึก น้องไม่อยากรบกวนพ่อแม่เลยฝึกเต้นและร้องเพลงด้วยตัวเองในห้องของเขา หลังจากรายการเปิดรับสมัคร เขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมเพื่อทำตามความฝัน  ความประทับใจ เราชื่นชอบคอนเซ็ปต์และเพลงของพวกเขามาก บอกเลยว่าโคตรดี สมกับได้คุณ อี แฮอิน มารับหน้าที่เป็น ครีเอทีฟโปรดิวเซอร์ งานนี้จึ้งสุดตั้งแต่การออกแบบอัลบั้ม งานภาพ ไปจนถึงเพลงที่เทสต์ดีไม่ไหว ประทับใจมาก โดยพวกเขาเปิดตัวด้วยมินิอัลบั้มสุดอาร์ต “ETERNALT” ซึ่งมาพร้อมคอนเซ็ปต์สดใส มีชีวิตชีวาบอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มทั้งเจ็ดที่ใช้ชีวิตต่างกันคนละเส้นทาง ก่อนจะมาพบกันที่เกสต์เฮาส์หลังได้รับคำเชิญจากบุคคลลึกลับจนได้รวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวกับเพลงไตเติลเปิดตัวแนว RB ที่มีกลิ่นอายเรโทรยุค 2000 ซึ่งอบอวลไปด้วยความรู้สึกแสนละมุน ผ่านเนื้อเพลงที่แสดงออกถึงความรักแสนงุ่มงามแต่จริงใจด้วยบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ของวง CLOSE YOUR EYES  อัลบั้มเปิดตัวดีขนาดนี้รอคอยคัมแบคต่อไปเลยจ้า ทิ้งท้าย จบแล้วกับการแชร์ประวัติและเรื่องราวของวง Close Your Eyes หากผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยล่วงหน้านะคะ   ภาพปก : closeyoureyes_7 ภาพประกอบ : closeyoureyes_7 1/2_3/4_5/6_7/8_9/10_11/12_13/14_15/16/17    เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !        

ทำ project จบ ปวช อะไรดี
อ่าน

ทำ project จบ ปวช อะไรดี

ทำ project จบ ปวช อะไรดี?ช่วงเวลานี้มีนักศึกษาทั่วประเทศที่กำลังจะสำเร็จการศึกษาระดับชั้น ปวช.หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ พูดง่ายๆ คือนักศึกษาที่เรียนสายอาชีพครับไม่ว่าจะสายอาชีพไหน ช่างยนต์ ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างไฟฟ้ากำลัง คอมพิวเตอร์ ทุกสาขาวิชาชีพต้องทำโครงการหรือ Project ก่อนจบการศึกษาทุกคนครับ ว่าแต่ควรทำโครงการอะไรดีนะ คณะอาจารย์ถึงจะให้เราผ่านโครงการก่อนตัดสินใจทำโครงการอะไรก็ตามให้เราคิด วิเคราะห์ ให้ถี่ถ้วนก่อนลงมือทำเพราะถ้าเสนอให้คณะอาจารย์หรือลงมือทำไปแล้วจะกลับมาแก้ไข้ได้ยาก จะเสียทั้งเวลาเสียทั้งเงิน แนวคิดว่าเราจะทำโครงการอะไรดี ให้เราดูตัวอย่างจากชิ้นงานของรุ่นพี่เราที่เคยทำ หรือศึกษาเกี่ยวกับการทำโครงการของคนจากอินเทอร์เน็ต เพื่อหาแนวทาง ไม่ได้ให้เรา coppy ของเขานะครับเพียงแต่ให้เราเอาแนวทางหรือกลไก การทำงานต่างๆ มาเป็นแนวทางและนำไปแก้ไขให้ดีกว่าของเดิม อีกแนวทางคือให้เรามองดูปัญหาครับ ว่าเรามีปัญหาในการใช้ชีวิตอะไรบ้างและเราจะแก้ด้วยการทำชิ้นงานหรือสิ่งประดิษฐ์อะไรดีติดตามข่าวสารทั่วโลกครับ ว่าตอนนี้เทคโนโลยีถึงระดับไหนเขาพัฒนาไปถึงไหนเราจะใช้เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นมาใช้ได้อย่างไร ยกตัวอย่างตอนนี้ในประเทศไทยเริ่มนำเทคโนโลยีต่างๆเพื่อมาทำระบบ Smart Farm เพื่อควบคุมระบบต่างๆ ในงานการเกษตร เราก็สามารถต่อยอดตรงนี้ไปได้เช่นพื้นที่ทำสวนไม่มีไฟฟ้าเราควรใช้พลังงาน โซล่าร์เซลล์ เข้ามาช่วยหรือพื้นที่ห่างไกลไม่มี อินเทอร์เน็ตเข้าถึงเราจะใช้อินเทอร์เน็ตจากซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือได้ เราแค่มองสิ่งที่มีอยู่แล้วต่อยอดให้ดียิ่งขึ้นไป หรือทางด้านเทคโนโลยียานยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าแทนน้ำมันหรือการศึกษาเกี่ยวกับแบตเตอรี่ ชนิดของแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ชนิดไหนสามารถทำงานได้นานกว่า เป็นต้นโครงการที่ทำไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งประดิษฐ์ เป็นประเภทวิจัยหรือทดสอบความพึงพอใจก็สามารถทำได้เช่นกันครับ แต่ถ้าจะทำแนวนี้เราต้องมีความรู้เกี่ยวกับการคำนวณสูตรต่างๆ เพราะการทำแบบสอบถามต้องมาคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เป็นร้อยละ ในบทความนี้ก็เป็นเพียงตัวอย่างแนวคิดจากตัวผู้เขียนเองไม่ได้มีเอกสารอ้างอิงจากแหล่งใด แต่สามารถนำไปใช้งานได้จริงๆ เพราะผู้เขียนเองก็เรียนสายอาชีพมาทั้ง ปวช. ปวส. และปริญญาตรี ล้วนแล้วแต่ต้องทำโปรเจกต์จบทั้งนั้นการศึกษาคือการจุดประกายความคิดจากตัวผู้เรียน ไม่ใช่อะไรก็ได้ยัดลงไปในสมองรูปภาพทั้งหมดจากนักเขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

Project To Product “Space Walker” นวัตกรรมฝีมือคนไทยที่อยากให้ผู้ป่วยกลับมาเดินได้อีกครั้ง
อ่าน

Project To Product “Space Walker” นวัตกรรมฝีมือคนไทยที่อยากให้ผู้ป่วยกลับมาเดินได้อีกครั้ง

“เราได้ใช้ความรู้ในการช่วยเหลือคนอื่น ทำให้รู้สึกว่าความรู้ของเราก็มีคุณค่านะ” คุณนัท วรัตถ์ สิทธิ์เหล่าถาวร ผู้คิดค้นเครื่องช่วยฝึกเดิน Space Walker และผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ WOKA (โวกะ) พูดให้ทีมงานแบไต๋ฟังระหว่างเดินดูพื้นที่เก็บเครื่องช่วยฝึกเดินที่ผลิตเสร็จแล้ว ความชอบต่อยอดเป็นโปรเจกต์ คุณนัท เล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของโปรเจกต์ Space Walker ว่าเกิดขึ้นช่วงเรียนปริญญาตรีปี 3 ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนนั้นลังเลว่าถ้าเรียนจบแล้วจะไปสอบเป็นนักบินหรือจะเรียนต่อปริญญาโทดี โชคดีว่ามีโอกาสเข้าไปช่วยงานในห้องปฏิบัติการ (LAB) ของ ดร. บรรยงค์ รุ่งเรืองด้วยบุญ ที่ทำวิจัยเกี่ยวกับนวัตกรรมผู้สูงวัยและผู้พิการ พอได้เข้าไปทำแล้วรู้สึกชอบก็เลยเลือกเรียนต่อโดยการขอทุนวิจัย “ผมโชคดีนะที่ผมเรียนแล้วชอบ ผมรู้สึกสนุกกับการออกแบบและสร้างสิ่งต่าง ๆ ผมก็เลยเอาความชอบตรงนี้ไปสร้างเครื่องช่วยฝึกเดิน เพื่อช่วยคนที่มีปัญหาในการเดิน” โดยเรื่องที่ทำวิจัยคืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ป่วยที่เดินไม่ได้ ซึ่งก็มีการรีวิวปัญหาหลายแง่มุม แล้วก็พบว่าอุปกรณ์ช่วยฝึกเดินที่ใช้ทั่วไปในไทยมีแค่ไม่กี่แบบ มีไม้เท้า กับบาร์ช่วยฝึก ถ้าเป็นอุปกรณ์เฉพาะทางก็ราคาสูง เพราะต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จึงมีใช้เฉพาะในโรงพยาบาลใหญ่ ๆ ทำให้อุปกรณ์กระจุกตัว ไม่สามารถเข้าถึงผู้ป่วยได้ทุกคน อีกเรื่องคือ การจะฝึกเดินให้ปลอดภัยต้องไปทำที่โรงพยาบาล เนื่องจากมีอุปกรณ์ครบและมีบุคลากรคอยดูแล แต่ปัญหาคือผู้ป่วยทุกคนไม่สามารถเดินทางไปฝึกเดินได้ครบทุกวัน ทำให้ขาดความต่อเนื่อง การรักษาจึงได้ผลลัพธ์น้อยลง ถึงอย่างนั้นก็สามารถแก้ได้โดยให้ผู้ป่วยฝึกเดินที่บ้าน แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องอุปกรณ์และบุคลากร ทำให้มีความเสี่ยงในการหกล้ม และบาดเจ็บซ้ำ จนทำให้ผู้ป่วยไม่กล้าฝึกเดินอีก นี่คือปัญหาหลัก ๆ ที่นำมาเป็นสารตั้งต้นในงานวิจัยเครื่องช่วยฝึกเดิน จนตกผลึกกลายเป็นคอนเซปต์ดีไซน์ของ Space Walker ที่เน้นความเรียบง่าย ฝึกเดินที่บ้านได้ และที่สำคัญปลอดภัยจากการล้ม ชื่อ Space Walker มีที่มาจากระบบพยุงน้ำหนักแบบไดนามิกส์ (Dynamic Body Weight Support) ที่ทำให้คนไข้สามารถฝึกเดินด้วยน้ำหนักที่เบาลง เสมือนว่ากำลังเดินอยู่บนดวงจันทร์ที่มีแรงโน้มถ่วงน้อย เหมือนเดินในอวกาศ หรือ Space ซึ่งพอเอามาร่วมกับคำว่า Walker ที่แปลว่าเครื่องช่วยเดิน ก็จะได้ความหมายที่ตรงตัว และจดจำง่ายได้ง่าย ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ ที่โดดเด่นคือระบบป้องกันการล้ม ที่ป้องกันได้แบบ 100% ที่ไม่ว่าจะล้มไปข้างหน้าหรือข้างหลังตัวก็ไม่แตะพื้น และปรับระดับความสูงได้ตามสรีระ ระหว่างการพัฒนาโปรเจกต์วิจัย Space Walker ก็มีการส่งเครื่องช่วยฝึกเดินลงแข่งขันตามโครงการประกวดนวัตกรรมต่าง ๆ และก็ได้รับรางวัลมาหลายงาน เช่น รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 จากงาน i-CREATe ปี 2560, รางวัลชนะเลิศ ITCi Award ปี 2560, รางวัลชนะเลิศ GSB สุดยอด SMEs Startup ตัวจริง ปี 2561, รางวัลชนะเลิศ Young-D Startup by SCB 2562 เป็นต้น โดยเงินรางวัลที่ชนะในช่วงแรกทั้งหมด ถูกนำมาใช้ต่อยอดโครงการวิจัยและสร้างเครื่องช่วยฝึกเดินตัวต้นแบบ ซึ่งใช้งบไปเยอะเลยทีเดียว เปลี่ยนโปรเจกต์ขึ้นหิ้ง สู่โปรดักต์ใช้จริง “ผมคิดว่าส่วนสำคัญสุดเลย คือเราเลือกปัญหาถูกหรือเปล่า” นี่คือคำตอบของคุณนัท หลังจากที่ได้ฟังคำถามว่า อะไรคือปัจจัยสำคัญในการเปลี่ยนจากโปรเจกต์เป็นโปรดักต์ คนส่วนใหญ่คิดว่าเราอยากทำอย่างนู้น ทำอย่างนี้ ทำอย่างนั้น ทั้งที่ไม่รู้ว่ามีความต้องการในตลาดจริง ๆ หรือเปล่า เวลาทำออกมามันก็จะขายไม่ได้และกลายเป็นแค่งานวิจัยที่ไม่สามารถนำไปต่อยอดได้เหมือนทำแล้วกลายเป็นของขึ้นหิ้ง แนวทางการเลือกปัญหามีอยู่ 3 ส่วนสำคัญ ๆ คือ “หนัก – ใหญ่ – ยาว” ส่วนที่หนึ่งคือ “ปัญหาหนัก” การที่คนคนหนึ่งเคยเดินเหินสะดวก กลับกลายเป็นคนพิการเดินด้วยขาตัวเองไม่ได้ แน่นอนว่านี่ถือเป็นปัญหาหนัก เพราะทุกคนย่อมอยากมีอิสระในการเดินไปไหนมาไหน ส่วนที่สองคือ “ปัญหาใหญ่” แน่นอนว่าคนที่มีปัญหาเดินไม่ได้ในไทย หรือในโลกนี้ ไม่ได้มีแค่คนหรือสองคน ยังมีอีก เป็นร้อย เป็นพัน เป็นหมื่นคน ที่ต้องประสบปัญหาเหล่านี้ เอาแค่คนไทยอย่างเดียวก็ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ต้นเหตุที่ทำให้เดินไม่ได้ปีละหลายแสนคน และสุดท้าย “ปัญหายาว” ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เป็นปี เป็นสิบปี ไม่มีทางจบภายในหนึ่งอาทิตย์ หรือหนึ่งเดือน หากมีปัจจัยครบ 3 ข้อนี้ก็สามารถเปลี่ยนจากโปรเจกต์ขึ้นหิ้งให้กลายเป็นโปรดักต์ใช้จริง ซึ่ง Space Walker มีครบทั้ง 3 ข้อ “การตั้งคำถามกับปัญหาที่ดี นำไปสู่คำตอบที่ดี” วรัตถ์ สิทธิ์เหล่าถาวร ผู้คิดค้นเครื่องช่วยฝึกเดิน Space Walker และผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ WOKA (โวกะ) คิดไม่ยาก ทำให้ผ่านมาตรฐานยากกว่า และการขายยากที่สุด สิ่งที่ยากในการทำงานวิจัยเครื่องมือการแพทย์ คือการจะทำยังไงให้ผ่านตามมาตรฐานความปลอดภัยและกฎหมายที่มีหลายส่วน ใช่ว่าออกแบบเสร็จแล้วจะทำขายได้เลย คิดน่ะง่าย แต่กว่าจะทำให้ผ่านเนี่ยน่ะยาก เราต้องออกแบบให้ผ่านมาตรฐานก่อน ถึงจะเริ่มนำไปทดสอบในคลินิก (Clinical trials) ตามโรงพยาบาลว่ามีสรรพคุณตรงตามที่ออกแบบหรือไม่ ซึ่งต้องพึ่งความร่วมมือจากคนหลายส่วน ทั้งหมดนี้ถ้าไม่ผ่านจุดใดจุดหนึ่งก็ต้องเอากลับไปปรับปรุง กว่า Space Walker จะออกมาเป็นเวอร์ชันที่วางขายได้อยู่ทุกวันนี้ ใช้ทุนในการสร้าง 6 – 7 ล้านบาทเลย ซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้มาจากทุนวิจัย รวมกับเงินรางวัลที่ไปชนะการแข่งมา “แต่เอาที่ยากที่สุดจริง ๆ คือการขาย เพราะธุรกิจอยู่ได้ด้วยยอดขาย จากเด็กวิศวะนั่งประดิษฐ์ ที่บ้านไม่มีพื้นฐานเรื่องการทำธุรกิจ กลายมาเป็นเจ้าของบริษัทที่ต้องขายของเอง ทำการตลาดเอย เลยต้องเรียนรู้เรื่องใหม่ทั้งหมด จุดนี้แหละที่ยาก ยากกว่าการคิดโปรดักต์ใหม่ ๆ อีก” คุณนัทเล่าด้วยอารมณ์ขำขันในช่วงท้ายของคำถาม ราคาที่อยากให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย “ปกติแล้วถ้านำเข้าเครื่องช่วยฝึกเดินที่มีฟีเจอร์เดียวกัน เอาแบบถูก ๆ เลยอย่างน้อยก็ต้อง 2 แสนแล้ว ถ้าเอาแบบดี ๆ แพง ๆ ก็ 5 แสน ถึง 1 ล้านบาท” นี่คือราคาเครื่องช่วยฝึกเดินนำเข้าที่คุณนัทไปเจอมา ต้องยอมรับว่าประเทศไทยมีหมอเก่ง ๆ เยอะ มีระบบสุขภาพดีติดอันดับต้น ๆ ของโลก แต่ถึงนั้นการผลิตเครื่องมือการแพทย์กลับสวนทางกัน ถ้าเป็นเครื่องมือทั่วไปพอทำได้อยู่ แต่ถ้าเป็นเครื่องมือเฉพาะทาง ที่ใช้เทคโนโลยีส่วนใหญ่จะต้องซื้อเข้ามาใช้ แน่นอนว่ามีราคาสูง ทำให้เครื่องมือบางชิ้นกระจุกตัวอยู่ตามโรงพยาบาลใหญ่ ๆ หากผู้ป่วยอยากใช้ก็ต้องไปต่อคิวรอกัน Space Walker เลยพยายามทำราคาให้ถูก เพื่อให้สามารถกระจายไปตามโรงพยาบาลต่าง ๆ รวมถึงสถานพยาบาลและศูนย์กายภาพบำบัด ซึ่งก็ได้ผลตอบรับที่ดีเพราะตอนนี้มี 100 กว่าโรงพยาบาลแล้วที่มีเครื่องช่วยฝึกเดินนี้ไว้ใช้ จุดนี้ก็จะทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงอุปกรณ์ช่วยฝึกเดินได้ง่ายขึ้น ส่วนคนที่มีกำลังซื้อ อันนี้ก็มีขายในราคาหมื่นปลาย ๆ ซึ่งถือว่าถูกกว่าหลายเท่าหากเทียบกับเครื่องช่วยฝึกเดินนำเข้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าทุกคนจะจ่ายไหว เลยแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มระบบเช่ารายเดือนเพื่อลดค่าใช้จ่ายลง รวมถึงต่อยอดด้วยการทำแพ็กเกจพ่วงกับบริการกายภาพบำบัดที่บ้าน เหมือนมีเทรนด์เนอร์ส่วนตัว เพื่อให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเดินได้เข้าถึงอุปกรณ์ พร้อมการฝึกเดินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มโอกาสในการกลับมาเดินได้ “แต่แน่นอนว่าเราไม่สามารถทำให้ทุกคนกลับมาเดินได้ เพราะเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละคน อย่างน้อยขอแค่เขาดีขึ้นกว่าตอนที่ยังไม่ได้ใช้เครื่อง แค่นี้สำหรับผมคือที่สุดแล้ว” คุณนัท กล่าวทิ้งท้าย ก้าวต่อไปของ Space Walker ในช่วงสุดท้ายของการสัมภาษณ์ คุณนัทแชร์ว่ากำลังจะมี Space Walker เวอร์ชันใหม่ที่ดีกว่าเดิม จากการเอาฟีดแบ็กมาปรับปรุง โดยจุดเด่นคือจะมีน้ำหนักเบาลง ถอดประกอบได้ ขึ้นจากเตียงได้สะดวก ผลิตได้ไวและใช้ต้นทุนน้อยลง นอกจากนี้ยังมีเครื่องช่วยฝึกยืน Stande-Go ที่ใช้ในผู้ป่วยที่เพิ่งจะเริ่มขยับขาได้ และ SkyWalKer เครื่องช่วยป้องกันการล้มเวลาเดินในชีวิตประจำวัน รวมถึงมีเครื่องช่วยฝึกเดินสำหรับเด็กที่มีภาวะสมองพิการเดินไม่ได้ และอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ป่วยนอนติดเตียงที่เกิดแผลกดทับ ในอนาคตเราอยากให้ Space Walker เป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนเห็นว่า คนไทยเองก็สามารถสร้างนวัตกรรมเครื่องมือการแพทย์ได้เอง ใช้เอง และกลายเป็นประเทศที่ส่งออกไปขายบ้าง ไม่ใช่ว่ารับเข้ามาใช้อย่างเดียว ช่างภาพ: เอกพล เชาวน์เลิศเสรีกราฟิกดีไซเนอร์: พัฒนพล หวังพิทักษ์วงศ์

never have i ever ซีรีส์วัยรุ่น สุดฟิลกู๊ด
อ่าน

never have i ever ซีรีส์วัยรุ่น สุดฟิลกู๊ด

ผู้กำกับ: Mindy Kaling , Lang Fisherช่องทางรับชม : Netflix เรื่องนี้เป็นผลงานล่าสุดของ มินดี้ คาร์ลิ่ง นักแสดง-นักเขียน ชาวอินเดียฝีมือเยี่ยม ที่มีผลงานดังมากมาย เธอได้หยิบเอาเรื่องราวสมัยไฮสคูล มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างซีรีส์เรื่องนี้ออกมาเรื่องย่อ ครอบครัวของ เดวี่  ย้ายมาอยู่ที่อเมริกาจนตอนนี้เดวี่อายุ 15 ปี ที่มีความเป็นอเมริกันมากกว่าพ่อและแม่ที่ยังยึดขนบแบบชาวฮินดูอย่างเหนียวแน่น เป็นธรรมดาเพราะเธออยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก ๆ คำพูดคำจาก็เหมือนเด็กวัยรุ่นอเมริกันทั่วไป เดวี่มีปมในใจอยู่เรื่องหนึ่งก็คือ พ่อของเธอเสียชีวิตกลางงานแสดงดนตรีของเธออย่างกะทันหัน เหตุการณ์นั้นมันทำให้เธอเสียใจหนักมาก อยู่ ๆ เธอก็เดินไม่ได้แต่ก็มีสิ่งหนึ่งทำให้เธอลุกขึ้นมายืนได้แบบไม่รู้ตัวนั้นก็คือผู้ชายที่เธอชอบเหมือนเธอจะนั่งอยู่บนรถเข็นเธอสบตาก็เขาแล้วเธอก็ลุกขึ้นยืนได้เฉยเลย แพ็กตั้นคือผู้ชายที่เธอแอบชอบ เขาเป็นหนุ่มนักกีฬาสุดฮอตประจำโรงเรียน หลังจากนั้นเธอก็ได้ตั้งเป้าว่าฉันจะเปลี่ยนตัวเองมาเป็นสาวสวยที่เฉิดฉายและมี sex กับผู้ชายแบบที่ผู้หญิง ๆ คนอื่น ๆ เขาทำกัน เดมี่ยังชวนเพื่อนซี้ทำภารกิจว่าก่อนขึ้นม.4 คราวนี้พวกเราจะมีแฟนกันทุกคน แต่นี่ไม่ใช่แค่ซีรีส์แนววัยรุ่นทั่วไปแต่ยังเล่าถึงการเติบโตขึ้นของตัวละครแล้ว มันยังเป็นเรื่องราวโรแมนติกเบาสมองมากดูแล้วผ่อนคลาย แต่ยังสอดแทรกการเสียดสีสังคมอย่างร้ายกาจซ่อนปมได้อย่างแนบเนียนแถมยังมีประเด็นดราม่าที่บีบหัวใจมาก เช่น การเผชิญหน้ากับความเศร้า การรับมือกับความสูญเสีย และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดค่ะ ถ้าอยากรู้ว่าสนุกแค่ไหนอย่าลืมไปติดตามชมทาง Netflix นะคะความรู้สึกหลังที่ดูเรื่องนี้จบซีรีส์เรื่องนี้ทำให้เราชอบเรื่องนี้มากคือองค์ประกอบในเรื่องดีมาก ค่อนข้างลงตัวทำให้เราเชื่อมโยงตัวเองเข้าไปในเรื่องได้ง่ายเพราะเนื้อเรื่องหลักพยายามที่จะเล่าเรื่องการเข้าสังคมของตัวหลัก เธอต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเป็นที่ยอมรับในสังคม สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในโรงเรียน ที่แม้แต่ทำงาน เรื่องนี้ล้วนทำให้รู้ว่าทุกคนล้วนมีปัญหา เราต้องรู้จักเผชิญกับปัญหาและแก้ไขมันNever Have I Ever ที่เข้าถึงได้อย่างไม่ยากแล้ว และสิ่งที่ทำให้ซีรีส์มีเสน่ห์ที่สุดคือบทที่ชาญฉลาด   สร้างสรรค์ฉากต่าง ๆ ออกมาได้อย่างสนุกสนานความอลวนอลเวงในปมความรักของนางเอกทำให้เรายิ่งอยากติดตามเอาใจช่วยนางเอกมากขึ้นไปด้วยค่ะข้อคิดต่าง ๆ ที่ได้จากเรื่อง1. ความสูญเสียที่เป็นปมภายในใจที่ปลดปล่อยไม่ได้ของนางเอก เธอต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับและเดินหน้าต่อไป2. การเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ สีผิว คนเราทุกคนต้องได้รับการยอมรับ ในซีรีส์เรื่องนี้ได้เล่าเรื่อง LGBT ที่ไม่ได้โฉ่งฉ่างแต่กลับเล่าให้กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมและทำให้มันเป็นที่ยอมรับเพราะนี่คือตัวตนของคนทุกคน3. ทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมของอเมริกา ความเป็นอยู่ของเขาเหมือนว่าเราได้เรียนรู้ทีละเล็กทีละน้อยจุดเด่น1. สิ่งที่ซีรีส์นี้ทำได้ดีคือการใส่เรื่องราวตัวละครสมทบมาได้น่าติดตามทุกคน2. องค์ประกอบทุกอย่างในเรื่องลงตัวมาก3. มีข้อคิดมากมายจากเรื่องนี้จุดด้อย1. พล็อตเรื่องเดิม ๆ แนวหนังรักวัยรุ่น ซึ่งแม้เรื่องจะฉีกให้นางเอกเป็นคนอินเดียที่มีความเก่งในตัวเองสูงเท่านั้น และก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจมากค่ะ เราให้คะแนนที่8.5/10 เพราะมีเนื้อหาที่สนุกทุกอย่างลงตัว ในเรื่องแฝงไปด้วยข้อคิดเยอะแยะมากมาย เช่น การเป็นที่ยอมรับในสังคมและได้แทรกเรื่องLGTB เข้ามาในเรื่องได้อย่างน่าสนใจแต่ไม่ได้มีความรุนแรงทางเพศมาเกี่ยวข้องเลยสักนิด มีการผสมผสานวัฒนธรรมสองฝั่งไว้ด้วยกันอย่างลงตัว  เป็นเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องค่ะ ทุกคนต้องไปดูให้ได้นะคะ รูปภาพหน้าปกจาก : Netflix Thailandรูปภาพในเนื้อหาจาก : Official Trailer

รีวิว Never Have I Ever (ไม่สปอยล์)
อ่าน

รีวิว Never Have I Ever (ไม่สปอยล์)

Never Have I Ever (ภารกิจ​สาวซน ก็คนมันไม่เคย​)                                                                               รีวิว​ซี​รี​ส​์​จาก​Netflix (เพลินดี)                                                                                               (ไม่​สปอยล์)ความยาว​: 30 นาที​ต่อ​ตอน​ (10 ตอน)ประเภท​: คอเมดี้​/ ดราม่าโชว์​รัน​เนอร์​: มินดี้​ คาร์ลิง/ เเลง ฟิชเชอร์มินดี้​ คาร์ลิง​คือ​หนึ่งในดาราตลก​ที่มีสายเลือด​อินเดีย​​ที่​เฉิดฉายมาจากซีรีส์​The​ Mindy Project (2012-2017) เเต่เชื่อว่า​หลาย​คนคงคุ้นเธอมาจาก​ภาพยนตร์​เรื่อง​ Ocean's​ 8 เเล้วในปีนี้​เธอ​ขอมาถ่ายทอด​ประสบการณ์​ในชีวิตของเธอที่ได้พบเจอมา​เป็นซีรีส์ที่ฉายทาง​ Netflix ในตอนนี้เรื่องย่อ​: หลังจาก​ผ่าน​ปีเเห่งความโศกเศร้า​ สาวน้อยวัยรุ่น​อินเดีย​นอเมริกัน​เปลี่ยนชีวิตของเธอให้มาดูเฉิดฉายมากขึ้น​ เเต่ทั้ง​เพื่อน​ ครอบครัว​เเละความรู้สึกในใจก็มาเป็นอุปสรรค​รีวิว: หากใครดูเเล้ว​ไม่คิดอะไร​เรื่อง​ประเด็นเล็กๆน้อยๆ​มากจะ​สนุกเลย​ ขอการันตีเลยว่า​ ดูซีรีส์นี้​เพลิน​มาก​ เพลินตั้งเเต่ตอนเเรก​จนถึงตอนจบเลย​ ถือว่าสอบผ่านในเรื่องการทำ​เรื่องราวให้น่าติดตาม​ เเต่​ปัญหา​ก็กลับ​อยู่ที่ช่องโหว่บางอย่าง​ ความสมเหตุสมผล​เเละ​ประเด็นน่ารำคา​ญ​เเละขัดใจที่มีค่อนข้างมาก​ เเต่​ถ้าก้าว​ผ่านจุดนี้หรือไม่สนใจ​กับจุดนี้​คุณจะสนุกไปเลย​ สิ่งที่ชอบเลยคือ​ฉากดราม่าเเละฉากตลกที่ไม่ดูยัดเยียดเกินไป​ ตลก​ก็ตลกเลย​ ดราม่าก็ดี​ ส่วน​ประเด็นเสียดสีสังคมก็ใส่มาได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว​ เเทบจะไม่มีอะไรติสำหรับ​จุดนี้​เลย​ ส่วนนักเเสดงที่​หลายคนอาจจะ​เป็นห่วงเพราะว่า​เป็นหน้าใหม่ซะส่วนใหญ่​ บอกเลยว่า​เอาอยู่ครับ​ จะมีบางคนที่เเสดงเเข็งๆไปบ้าง​ เเต่​ถือว่าเป็นเเค่ส่วนน้อย​ ลงตัวเเละไม่ดูยัดเยียดเกินไป​ รวมเเล้ว​ นี่คือ​ซีรีส์วัยรุ่นอีกเรื่องที่​มีเรื่องราวเเละนักเเสดง​หน้าใหม่ที่​ร่วมมือเเละไปด้วยกันได้​ลงตัว​เลยทีเดียวครับ​+:- นักเเสดงเเม้จะเป็นหน้าใหม่เกือบหมด​ เเต่เเสดงดีทุกคน​ อย่างตัวละครหลักของเรื่องทั้งนางเอกเเละเพื่อนนางเอกเข้ากับบทบาทที่ตนเองได้รับมาก- ฉากตลกเเละฉากดราม่าไปด้วยกันได้ลงตัว ในฉากตลกก็ฮาเเละบางมุกก็ฮามากๆด้วย เเต่พอถึงจุดที่จริงจังก็ไม่หลุดโทนเเละทำได้ดีตามมาตรฐาน- ดนตรีประกอบเเละป็อปคัลเจอร์ที่ใส่​มาเข้ากันดี อย่างป็อปคัลเจอร์บางอย่างที่ถูกพูดถึงเข้าถึงได้ง่าย เเต่อาจจะดูเฉพาะกลุ่มไปบ้างในบางจุด- ใส่ประเด็นเสียดสีสังคมได้ค่อนข้างดี​ อย่างความเชื่อของเเต่ละเชื้อชาติที่เเตกต่างกัน เเละก็การเป็นวัยรุ่นในยุคปัจจบุันนั้นเป็นอย่างไร- บทน่าติดตามตั้งเเต่ต้นยันจบ​ ตั้งเเต่ตอนเเรกจนถึงตอนที่ 10 ดูเพลินมากๆ ไม่ค่อยมีจุดไหนที่รู้สึกน่าเบื่อเลย ดูไป 5 ชั่วโมงรวดได้เลยครับ -:- มีจุดขัดใจเเละน่ารำคา​ญ​หลายจุด อย่างตัวละครหลักของเรื่องที่พฤติกรรมบางอย่างอาจจะทำให้คนดูนั้นรำคาญบ้าง เเต่อยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้- ไม่ค่อย​ชอบ​เเละอินกับ​บทสรุปเท่าไหร่ สำหรับคนที่ชอบซีรีส์เเนวนี้ ก็อาจจะชอบก็ได้ เเต่ทว่าบางคนอาจจะไม่ค่อยอินกับตอนจบของเรื่องเท่าไหร่- ยังมีบางปมที่ถูกทิ้งค้างไว้เเละ​ทำไม่ค่อยสุดเท่าไหร่ อย่างการที่บางจุดของซีรีส์ทิ้งไว้ให้ไปคิดต่อได้อีกเเละบางอย่างก็เหมือนจะรอเฉลยในภาคต่อ- มีช่องโหว่ที่ลืมปิด อย่างการที่ตัวละครหลักของเรื่องนั้นลืมที่จะทำอะไรไป หรือตัวละครอื่นที่พูดถึงตั้งเเต่ตอนเเรกๆ เเต่หายไปช่วงตอนหลังๆครับสำหรับใครที่รอคอย​ซีซั่นที่​ 2 อยู่​ ทาง​ Netflix ยังไม่มีการประกาศสร้างนะครับ​ อดใจ​รอ​กันนิดนึง​ ตอนนี้​กระเเส​จากนักวิจารณ์​ออกมาค่อนข้างดีเลยทีเดียว​ครับ​เอาไป​  7.5/10 (คะเเนนเฉลี่ย) เขียนโดย เเอดมินจากเพจหมาโรงหนัง หรือชื่ออังกฤษ Doggywatch ครับ เครดิตภาพ1. เครดิตภาพปกจาก Official Trailer บน Youtube2. เครดิตภาพที่ 1 จาก Official Trailer บน Youtube3. เครดิตภาพที่ 2 จาก Official Trailer บน Youtube4. เครดิตภาพที่ 3 จาก Official Trailer บน Youtube

รีวิวซีรีส์ Never Have I Ever  (SPOIL)
อ่าน

รีวิวซีรีส์ Never Have I Ever (SPOIL)

เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของวัยว้าวุ่นเป็นสิ่งที่ยากเกินจะห้ามไว้ได้ ซีรีส์วัยรุ่นที่กำลังมาแรงอย่าง Never Have I Ever นั้นสามารถตอบโจทย์ความตลกและเนื้อหาสาระได้อย่างแน่นอนเป็นผลงานการกำกับของ Lang Fisher และ Mindy Kaling โดยเนื้อหาภายในซีรีส์ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนตัวอย่างที่ปล่อยออกมา เป็นเรื่องราวของสาวเชื้อสายอินเดียมัธยมปลายอย่าง Devi (เดวี่) รับบทโดย Maitreyi Ramakrishnan เธอต้องการเปลี่ยนตัวเองจากเด็กเฉิ่มให้กลายเป็นดาวเด่นและมีแฟน แต่อะไรคือสาเหตุของการปฏิวัติตัวเองครั้งนี้ของเดวี่ต้องติดตามต่อในซีรีส์รีวิวสปอยล์เนื้อหาบางส่วนเดวี่เป็นเด็กมัธยมปลายที่สูญเสียพ่อ เธอต้องอยู่กับแม่ผู้เคร่งครัดศาสนา  เธอต้องการที่จะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นสาวสไตล์อเมริกันเพราะเธอไม่ได้สนใจความเป็นอินเดียเลย สิ่งที่ทำให้เดวี่ยังต้องนับถือศาสนาพรหมฮินดูคือแม่จึงทำให้เธอต้องปฏิวัติตัวเอง จากตัวอย่างและเรื่องย่อของซีรีส์คงเดาไม่ยากว่าการดำเนินเรื่องต้องเกี่ยวกับความรัก เดวี่และกลุ่มเพื่อนต้องทำภารกิจเปลี่ยนจากกลุ่มเด็กเฉิ่มให้กลายเป็นกลุ่มเด็กฮอตให้ได้เดวี่ได้พบกับแพ็กสัน (Paxton) รับบทโดย Darren Barnet หนุ่มนักกีฬาสุดฮอตบทนิยายขายฝันสุด ๆ เดวี่ทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้คบกับแพ็กสัน แต่ระหว่างทางก็ไม่ได้มีอุปสรรคเข้ามาทดสอบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ครอบครัว และตัวเธอเองที่มีบาดแผลในใจต้องพบจิตแพทย์เป็นประจำบาดแผลที่อยู่ในใจของเดวี่คือปัญหาใหญ่ที่ทำให้เธอโหยหาความรักจากที่อื่น จากการวิเคราะห์ของผมแล้ว สาเหตุที่ทำให้เดวี่โหยหาความรักแบบฉบับวัยรุ่น หรือต้องการให้เพื่อนมองเห็นปัญหาของเธอใหญ่กว่าใครอื่นเพราะหนึ่งเธอสูญเสียพ่ออันเป็นที่รัก บุคคลผู้เข้าใจและรับฟังความเห็นของเดวี่ สองเธอต้องอยู่กับแม่ชาวอินเดียที่เคร่งครัด บังคับเธอทุกอย่างขัดกับสังคมเสรีภาพอย่างอเมริกันและแม่ของเดวี่มักพูดทำร้ายจิตใจตลอด ทำให้พฤติกรรมของเธอกลายเป็นเด็กขาดความรักซีรีส์สะท้อนสังคมมาก ๆ ถ้าได้นั่งรับชมกับครอบครัวต้องดีอย่างแน่นอน ได้เรียนรู้จากซีรีส์เกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กว่าเกิดมาจากการเลี้ยงดูและสังคมที่อยู่ เช่น กรณีของเดวี่ จริงอยู่ที่พ่อแม่ของเธอเป็นชาวอินเดียแต่สังคมที่อยู่คืออเมริกัน ฉะนั้นโรงเรียนจึงสอนเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพเป็นเรื่องธรรมดาซึ่งขัดกับขนบธรรมเนียบของบ้าน พฤติกรรมของเดวี่จึงก้าวร้าวอย่างที่เห็น แต่ผลสุดท้ายซีรีส์ก็จบแบบมีความสุขความรู้สึกหลังรับชม ซีรีส์สร้างปมขึ้นมาได้น่าสนใจเป็นประเด็นเกี่ยวกับเด็กขาดความรักเพราะอยู่กับผู้ปกครองที่เคร่งครัดมากเกินไป  จึงส่งผลทำให้เดวี่ต้องพบจิตแพทย์เนื้อเรื่องก็เชื่อมโยงไปถึงการโหยหาความรักของเหล่าวัยรุ่น ซึ่งที่กล่าวมาทำให้น่าสนใจมากแต่ตอนจบผู้กำกับตัดจบง่ายมากเกินไปผมมองว่าไม่สมเหตุสมผล ผู้รับชมอย่างผมคาดหวังอยากให้ seasons 2 เล่นประเด็นต่าง ๆ ให้กระจ่างและขยายมุมมองของตัวละครให้เด่นชัด และถ้าไม่ชมไม่ได้เลยคือซีรีส์ตลกมาก เดวี่เธอเป็นผู้หญิงอารมณ์แปรปรวนจุดนี้ช่วยสร้างเสน่ห์ให้ตัวละครมาก ๆ ครับ สำหรับคุณผู้อ่านท่านใดสนใจ สามารถรับชมได้ผ่านทาง Netflix นะครับขอบคุณรูปภาพทั้งหมดจาก Never Have I Ever | Official Trailer | Netflix      

Y Project ส่งซีรีส์ "Bake Me Please พิชิตใจนายสายหวาน" ลงจอ 19 พ.ย.นี้
อ่าน

Y Project ส่งซีรีส์ "Bake Me Please พิชิตใจนายสายหวาน" ลงจอ 19 พ.ย.นี้

Rose studio ภายใต้บริษัท RS multimedia entertainment ได้ปล่อยรูปภาพซีรีส์ "Bake Me Please พิชิตใจนายสายหวาน" Y Project ที่นำ 5 หนุ่มในลุคเชฟ มาประชันความหล่อกันแบบไม่เกรงใจใคร นำโดย "โอห์ม ฐิติวัฒน์ ฤทธิ์ประเสริฐ, ไกด์ กันตพล ชมภูพันธ์, ภูมิ ภูริพันธ์ ทรัพย์แสงสวัสดิ์, เปรม ณพนัช ธนติณตระกูล, อะตอม ณฐาภพ เคนจันทึก" พร้อมจับมือ 3 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ TrueID, GagaOOLala และฝ่ายบริการลูกค้าบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ภาพจะละมุนส่งเคมีหวานฟุ้งกระจายแค่ไหน มีมาเรียกน้ำย่อยให้ได้ชมกัน Y Project ส่งซีรีส์ "Bake Me Please พิชิตใจนายสายหวาน" ลงจอ 19 พ.ย.นี้ โดยเป็นเรื่องราวของ 5 หนุ่มที่หลงใหลในการทำเบเกอรี่ จนทำให้พวกเขาได้โคจรมาพบกัน ด้วยความฝันและความหลังที่แตกต่างกันอย่างมาก ทำให้เกิดเรื่องราวมากมายที่พวกเขาต้องเรียนรู้มันด้วยหัวใจ และมันได้ทำให้ความสัมพันธ์ของคนทั้ง 5 คนเปลี่ยนไป เพื่อน.. คนรัก.. คนสนิท.. ที่แยกกันไม่ออก ทุกคนต่างก็ต้องค้นหาคำตอบให้กับตัวเอง ท่ามกลางกลิ่นหอมอบอวลจากร้านเบเกอรี่ "โอห์ม ฐิติวัฒน์" ตัวแทนหนึ่งในนักแสดงกล่าวว่า "เรื่องนี้รู้สึกตื่นเต้นมากครับ ที่ได้ทำงานกับเพื่อน ๆ เราเองก็สนิทกันอยู่แล้ว เพราะมีรายการ Snap Project ด้วยกัน ก็ดีใจที่เรามีโอกาสมาเล่นซีรีส์เรื่องเดียวกัน สำหรับโอห์ม ผมชอบบทที่ได้รับมาก มีหลายมิติทั้งมุมของความเป็นเพื่อน มุมของความรัก ที่เชื่อมโยงกัน จนผมรู้สึกอินทุกครั้งที่ได้ถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครนี้ออกไป และเรื่องนี้ผมเองต้องมีการทำเบเกอรี่แบบจริงจังมากๆ มีไปเรียนทำขนมกันจนผมเองก็ซื้ออุปกรณ์แบบจริง ๆ จัง ๆ มาฝึกทำเองที่บ้านเลย อยากให้ออกมาดีที่สุด ฝากทุกคนให้ติดตามเรื่องนี้ เป็นกำลังใจให้พวกเราทุกคนด้วยนะครับ" "ไกด์ กันตพล" เสริมต่อ "ตื่นเต้นมากครับเรื่องนี้เป็นการเล่นซีรีส์วาย ในบทนำครั้งแรกของไกด์ แต่ก่อนหน้านี้เราก็เคยผ่านการเล่นซีรีส์เรื่องหอมกลิ่นความรักมาแล้ว แต่จะต่างกันที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อบอุ่นมาก ๆ ขนาดผมเข้าฉากแต่ล่ะฉากหัวใจผมนี่พองโตทุกครั้ง ด้วยบท การถ่ายทำ การเดินเรื่องคือน่าสนใจมาก ตัวผมเองก็ถือว่ายังใหม่ แต่ไกด์ก็ทำการบ้านเต็มที่ ตั้งใจและทุ่มเททุกครั้งที่ไปกองถ่ายทำ อยากจะให้ทุกคนได้ลองดูและมาติดตามซีรีส์เรื่องนี้กันเยอะ ๆ นะครับ" ซีรีส์ "Bake Me Please พิชิตใจนายสายหวาน" มีทั้งหมด 6 EP รอติดตามชมซีรีส์ตัวเต็มพร้อมกันทั่วประเทศ ออกอากาศทุกคืนวันอาทิตย์ เวลา 22.15-23.15 น. (เริ่ม EP1 วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน 2566) ทางช่อง 8 กดเลข 27 สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่แรกที่ TrueID ผ่าน 3 ช่องทางแอปพลิเคชัน, เว็บ และกล่อง TrueID, ส่วน Inter-national Fandom รับชมผ่าน GagaOOLala โปรเจคละมุนสุดโรแมนติกสำหรับแฟนๆเพื่อต้อนรับบรรยากาศปลายปี ที่จะทำให้ทุกคนต้องทบทวนสถานะของตัวเองเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นต้องชวนเพื่อนเปิด ชวนคนรักดู และชวนเพื่อนสนิทนั่งลุ้นไปกับความรักและมิตรภาพของทั้ง 5หนุ่ม ที่จะเปิดโฉมความหล่อครั้งแรกแบบอลังการต่อใจ ชวนทุกคนมาเริ่มติดตามทุกความเคลื่อนไหวของ 5 หนุ่ม Bake Me Please ได้ทาง FACEBOOK / X / Tiktok / Instargram : Bake Me Please The Series

รีวิว Never Have I Ever ซีรีย์ใหม่จาก Netflix
อ่าน

รีวิว Never Have I Ever ซีรีย์ใหม่จาก Netflix

          ซีรีย์แนว comedy-dramaเรื่องใหม่จาก Netflix ที่พึ่งปล่อยออกมาเมื่อปลายเดือนเมษา 2020 นี้ เกี่ยวกับเดวี่ เด็กหญิงชาวอินเดียที่ครอบครัวย้ายมาอยู่ที่อเมริกา พ่อแม่ของเธอยังคงวัฒนธรรมดั้งเดิมอยู่แม้จะย้ายถิ่นฐานแล้ว ในทางกลับกัน เดวี่มีความเป็นชาวอเมริกันอย่างมากเมื่อเทียบกับครอบครัว เพราะเธอย้ายมาที่นี่ตั้งแต่เด็กและเข้าโรงเรียนเดียวกับเด็กอเมริกันคนอื่น เธอเป็นคนมีความคิดของตัวเองและไม่ชอบให้ถูกบงการว่าควรทำอะไร วันหนึ่งพ่อเธอหัวใจวายและเสียชีวิตกระทันหัน เธอเสียใจมากจนอยู่ดีๆ ขาของเธอก็ใช้การไม่ได้ ทำให้เดวี่ต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา โชคดีที่เธอมีเพื่อนสนิทคอยช่วยเหลือ แม่และคนรอบตัวเธอก็หวังให้เดวี่กลับมาเดินได้ในซักวันหนึ่งและวันนั้นก็เป็นจริงแต่เธอไม่ได้กลับมาเดินได้เพราะหายเสียใจ แต่กลับเป็นเพราะผู้ชายในโรงเรียนที่ชื่อ Paxton วันนั้นเธอไปซื้อของกับแม่และเห็น Paxton อยู่กับเพื่อนๆของเขา และนั่นก็เพียงพอให้เดวี่มีแรงลุกขึ้นยืนและเดินได้อีกครั้งหนึ่ง เดวี่จึงตั้งเป้าหมายว่าปีต่อไปในโรงเรียนซึ่งเธอกำลังจะขึ้นชั้น Sophomore จะต้องดีเยี่ยม เดวี่มีแพลนให้เธอและเพื่อนสนิททั้งสองคนมีแฟนจะได้เป็นกลุ่มที่เจ๋งชื่อตอนในแต่ละตอนจะมีความหมายเล็กๆ บ่งบอกว่าเรื่องตอนนั้นจะมีเนื้อหาประมาณไหน ชื่อตอนจะเริ่มต้นด้วย “Never Have I Ever……” เรื่องนี้อาจจะดูเหมือนเป็นซีรีย์เกี่ยวกับโรงเรียนในอเมริกาทั่วๆ ไป แต่เนื้อเรื่องก็มีปมหลายเรื่องทั้งเรื่องความเศร้าของเดวี่ที่ต้องเสียพ่อไป บางครั้งที่เธอกับแม่ไม่ลงรอยกัน อีกทั้งยังมีญาติของเธอ กมลา ที่สวย หุ่นดี เรียกได้ว่า perfect ในสายตาเธอ และเดวี่ก็รู้สึกอิจฉาโดยที่ไม่รู้ว่ากมลาก็มีปัญหาของเธอเหมือนกัน ไม่เพียงแค่นั้น ในซีรีย์ยังมีเรื่องเพื่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง และยังมีตัวละครที่เป็น LGBT อีกด้วย ในเรื่องเดวี่ยังมีคู่แข่งที่ไม่ถูกกันมานานอย่าง Ben ที่ทั้งสองพยายามจะเป็นที่ 1 และเอาชนะอีกคนอยู่เสมอ เรื่องราวของเดวี่ ครอบครัว และมิตรภาพของตัวละครแต่ละตัวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้บน Netflixตัวละคร Devi Vishwakuma รับบทโดย Maitreyi Ramakrishnan เด็กหญิงชาวอินเดีย-อเมริกาอายุ 15 ปีที่ต้องการให้ชีวิตในปีนี้ดีขึ้นซ้าย: Kamala รับบทโดย Richa Moorjani ญาติของ Devi ที่ดูเหมือนจะมีชีวิตที่ perfect ไปหมดทุกอย่างขวา: Dr. Nalini Vishwakumar รับบทโดย Poorna Jagannathan แม่ของ Devi เป็นหมอผิวหนัง นักเรียนในโรงเรียนหลายคนไปเข้ารับการรักษากับเธอซ้าย: Fabiola Torres รับบทโดย Lee Rodriguez ขวา: Eleanor Wong รับบทโดย Ramona Youngเพื่อนสนิทของ Devi ทั้งสองคน Paxton Hall-Yoshida รับบทโดย Darren Barnet ลูกครึ่งญี่ปุ่นอายุ 16 ปี เป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียน จริงๆอยู่ชั้น junior แต่มีวิชาที่สอบตกทำให้มาเรียน class เดียวกันกับ DeviBen Gross รับบทโดย Jaren Lewison เพื่อนร่วมชั้นและคู่แข่งของ Devi Review: สำหรับเราเรื่องนี้สนุกมาก ตัวละครทุกตัวมีเรื่องราวของตัวเองทำให้แต่ละตอนน่าติดตาม มีบางตอนที่เดวี่กับเพื่อนหรือครอบครัวมีปัญหาก็น่าติดตามว่าจะปรับความเข้าใจกันได้ยังไง นักแสดงแต่ละคนแสดงบทบาทของตัวเองออกมาได้ดีมากๆ สามารถสื่อสารกับคนดูผ่านตัวละครนั้นๆ เรารู้สึกว่าทุกๆคนในเรื่องมีความสำคัญเท่ากันหมดเลย ทุกตัวละครสามารถเดินเรื่องได้ดี ถึงแม้ว่าเรื่องราวหลักจะเป็นเรื่องของเดวี่ แต่ตัวละครอื่นก็ถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินเรื่องในแต่ละตอน และหลายๆครั้งก็รู้สึกว่าพวกเค้าก็ต้องพึ่งพากันเพื่อผ่านปัญหาไปให้ได้ เนื้อหาทั้งเรื่องแยกย่อยออกมาแต่ละตอนทำให้ไม่น่าเบื่อแล้วยังน่าติดตามอีกด้วย พอดูจบแล้วก็โยงชื่อตอนเข้ากับเนื้อเรื่องได้ เป็นเรื่องที่ถือว่าดูง่าย ไม่หนักสมองจนเกินไป มีบางช่วงเหมือนกันค่ะที่รู้สึกว่าเดวี่ทำตัวไม่ดีเลย เธอสนใจตัวเองก่อนและลืมคิดถึงเพื่อนที่อยู่เคียงข้างเธอมาตลอด ในช่วงที่เพื่อนสนิทของเธอทั้งสองคนมีปัญหา เธอไม่ได้รับฟังและคิดว่าตัวเองมีปัญหาที่ใหญ่กว่าใครทั้งหมด นอกจากนั้นเดวี่กลับไปสนใจสิ่งที่ Paxton ไปขอให้เธอช่วยมากกว่า เธอยังผิดคำพูดกับเพื่อนอีกด้วย แต่สุดท้ายแล้วก็ทำความเข้าใจกันได้ แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพของเธอและเพื่อนๆ แล้วยังมี Ben ที่ตอนแรกเป็นศัตรูกันแต่ก็มีเรื่องที่ทำให้สองคนนี้ต้องมาคุยกันดีๆในเรื่องยังมีการสอดแทรกวัฒนธรรมเข้ามาด้วย อย่างเรื่องครอบครัวของเดวี่ และเทศกาลที่ต้องไปเข้าร่วม แต่ก็ทำออกมาให้เนื้อเรื่องดูเข้าใจง่ายเลยค่ะ นอกจากนี้แต่ละตัวละครยังมีปมปัญหาส่วนตัวของตัวเอง ทำให้เรารู้ว่าทุกคนก็มีเรื่องให้ต้องเผชิญและแก้ไขปัญหาในแบบของตัวเอง อย่าคิดว่าปัญหาของเรายิ่งใหญ่ที่สุดเหมือนที่เดวี่ตะโกนใส่เพื่อนเพราะคิดว่าปัญหาของตัวเองนั้นยิ่งใหญ่ละก็สำคัญสุดๆ และคิดว่าคนอื่นไม่ได้มีปัญหาอะไร เพื่อนของเดวี่ที่ชื่อ Fabiola เธอค้นพบตัวเองทีหลังว่าชอบผู้หญิงและใช้เวลาอยู่ซักพักกว่าจะบอกกับคนอื่นๆ ได้ ในจุดนี้ยอมรับว่าซีรีย์ทำออกมาได้ดีเลยค่ะ แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความมั่นใจที่จะ come out ตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้ตัว ไหนจะต้องกลัวว่าพ่อแม่ และคนรอบตัวจะไม่ยอมรับ แต่ตัวละครในเรื่องนี้มี character ที่ดีมากๆ ทุกคนพร้อมสนับสนุนกันและกัน อาจจะมีบางช่วงที่มีเรื่องกันบ้าง แต่สุดท้ายก็กลับมาช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างกัน ก็ถือว่าแสดงให้เห็นว่าชีวิตบางทีก็เป็นแบบนั้น เราอาจจะมีเรื่องกับเพื่อนหรือคนในครอบครัว แต่สุดท้ายแล้วคนพวกนี้ก็ยังพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างกันเสมอ ตอนแรกดูเรื่องนี้เพราะเห็น Netflix แนะนำขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่หลังจากเปิดดูตอนแรกแล้ว ก็ดูจบภายในวันเดียวกันเลยค่ะ เรียกได้ว่าไม่ได้หยุดดูเลย ด้วยความที่ตอนนึงไม่ยาวมากยิ่งทำให้รู้สึกว่าดูจบเร็วขึ้นไปอีก มีแค่ 10 ตอน ตอนละ 30 นาทีเท่านั้นค่ะ ถ้าหากใครว่างๆ ไม่รู้จะดูอะไรดี ลองดูเรื่องนี้เลยค่ะ ดีมากๆ มีเรื่องราวหลากหลาย แต่ละตัวละครมี character ที่ต่างกัน ไม่ยากเลยที่จะตกหลุมรักในตัวละครนั้น หลังจากดูจบแล้วต้องได้ตั้งตารอ season 2 แน่นอนค่ะCredit: Netflix, (1)

รีวิว Forever and Ever ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม "ภาคปัจจุบัน"
อ่าน

รีวิว Forever and Ever ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม "ภาคปัจจุบัน"

สวัสดีนักอ่านที่น่ารักทุกท่านค่ะ นักเขียนลูกเป็ดน้อยมาแล้วค่ะ วันนี้กลับมาพร้อม รีวิว Forever and Ever ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม "ภาคปัจจุบัน" หวังว่าภาคนี้จะทำให้เรายิ้มยาว ๆ กันทั้งเรื่องนะคะ เพราะภาคอดีตทำเอาน้ำตานักเขียนเองไหลไม่หยุด ต้องพักใจสักระยะ ถึงกลับมาดูต่อได้ เศร้าเกินบรรยายจริง ๆ ค่ะ ส่วนภาคปัจจุบันก็ยังได้คู่พระนางงานดี เคมีเป๊ะเวอร์ เข้ากันได้ดีมาก ๆ ค่ะ อย่าง ไป๋ลู่ รับบทเป็น อาจารย์สืออี๋ และ เหรินเจียหลุน รับบทเป็น โจวเซิงเฉิน สามารถรับชมได้ที่ weTV และ iQIYI สถานะกำลังออนแอร์เรื่องย่อ อาจารย์สืออี๋ เธอเป็นนักพากย์เสียงมากด้วยฝีมือระดับต้น ๆ ของวงการ หลังจากที่เธอได้พากย์เสียงเสร็จกำลังเดินทางกลับ ได้เจอ โจวเซิงเฉิน ศาสตราจารย์วิชาเคมี  ที่พึ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศพอดี ครั้งแรกที่ทั้งคู่เจอกัน และหลังจากนั้นทั้งคู่ก็บังเอิญเจอกันระหว่างที่ สืออี๋ นั่งทานข้าวกับเพื่อน ๆ โจวเซิงเฉิน ได้เข้ามาทักเธอ ความสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นตั้งแต่ภาคอดีต ทำให้ทั้งคู่มีเรื่องบังเอิญต้องเจอกันในภาคปัจจุบัน และทั้งคู่ได้ชมประวัติศาสตร์ที่วัดชิงหลง และวัฒนธรรมเกี่ยวกับซากุระ ทำให้ทั้งคู่เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ไปเรื่อย ๆ ค่ะ ตัวอย่าง  Forever and Ever ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม "ภาคปัจจุบัน" ด้านบทบาทนักแสดง ไป๋ลู่ รับบทเป็น อาจารย์สืออี๋ นักพากย์เสียงมากด้วยฝีมือระดับต้น ๆ ของวงการ ยังเป็นหญิงสาวที่มีความอ่อนโยน และน่าทะนุถนอม  เหรินเจียหลุน รับบทเป็น โจวเซิงเฉิน ศาสตราจารย์วิชาเคมี บทบาทที่ได้รับยังมีท่าทางคล้าย ๆ กับ อ๋องน้อยหนานเฉินโจวเซิงเฉิน ฉลาด พูดน้อยและยังมีความเป็นผู้นำที่ค่อนข้างชัดเจน รีวิวเรื่องย่อ: Forever and Ever ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม "ภาคปัจจุบัน" เป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องมาจากภาคอดีตที่ทั้งคู่เคยสัญญากัน เปิดฉากแรกมา อาจารย์สืออี๋ เธอเป็นนักพากย์เสียง และได้ภาคเรื่องราวของตัวเองในอดีต น้ำเสียงที่อ่อนโยนและน้ำตาที่ไหลรินของฉากแรก นักเขียนแทบเก็บน้ำตาไว้ไม่อยู่ นึกถึงภาคอดีตขึ้นมาทันที แต่ก็ทำให้ยิ้มได้เมื่อคู่พระนางได้เจอกัน นี่คือพรมลิขิตที่น่าประทับใจจริง ๆ ส่วนตัวนักเขียนเองมองว่า คู่พระนางในภาคปัจจุบันยังมีความคล้ายคลึงกับภาคอดีตอยู่มาก ๆ แต่เป็นการเล่าเรื่องราวในปัจจุบัน นักเขียนเองได้ติดตามจนถึงฉากปัจจุบัน ความรักของทั้งคู่ก็เริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มต้นทีละเล็กละน้อย ช่างเป็นเรื่องราวความผูกพันที่ลึกซึ่งจริง ๆ ค่ะ ส่วนตัวนักเขียนเองชอบเรื่องราวการเล่าเรื่อง ค่อย ๆเล่าเรื่องราวต่าง ๆ รอลุ้นกันค่ะ ภาคปัจจุบัน ความรักทั้งคู่จะก่อตัวขึ้นแบบไหน และจะสมหวังหรือไม่ นักเขียนของยิ้มทั้งเรื่องละกันนะคะ ภาคนี้ เพราะภาคที่แล้ว บอกเลยค่ะ ร้องหนักมาก อินจัดจริง ๆ ค่ะ ด้านโปรดักชั่น บอกเลยว่าโปรดักชั่นทำงานดีที่สุด ส่วนตัวนักเขียนเองชอบฉากมากค่ะ เพราะเท่าที่นักเขียนได้ตามติดมาจนถึงตอนปัจจุบัน ส่วนมากเป็นเรื่องราวเกี่ยวประวัติศาสตร์ ได้ภาพที่สวยงาม ฉากแรกคือวัดชิงหลง เมืองเก่า ที่มาพร้อมดอกซากุระ ดูมีเสน่ห์มาก ๆ และนักเขียนเองชอบแสงและบรรยากาศดูมีมนต์เสน่ห์สุด ๆ ความประทับใจ ส่วนตัวนักเขียนเองประทับใจ 2 อย่าง อย่างแรกคือการเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของคู่พระนางที่ค่อย ๆ เริ่มต้นขึ้น เหมือนกับภาคในอดีตเลยก็ว่าได้ที่ความรักค่อย ๆ เริ่มก่อนตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่สิ่งที่นักเขียนสัมผัสได้คือความสัมพันธ์ระหว่างอดีต กับปัจจุบัน ที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น และแววตาทั้งคู่แสดงออกมาให้เห็นถึงความลึกซึ่งมากกว่าการพึ่งเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง และการเจอกันและการจากลากันแต่ละครั้ง สายตาทั้งคู่บ่งบอกมาก ว่ายังไม่อยากจากเธอไปไหน อินไปอีกกับภาคปัจจุบัน จุดนี้เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวนักเขียนเองนะ ผิดพลาดไปการใดก็ขออภัยค่ะ และอย่างที่สอง คือฉาก และภาพ ส่วยและงดงามมาก ที่สุด เป็นการผสมผสานเรื่องราวปัจจุบันและประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นฉากวัด เมืองโบราณ ต้องยอมรับเลยว่าทีมงานโปรดักชั่นสรรหาฉากได้เหมาะสมกับเรื่องราวจริง ๆ จ้า ท้ายสุดและสุดท้ายนี้ นักเขียนขออนุญาตฝากผลงานด้วยนะคะ ผิดพลาดประกาศใดต้องขออภัยนักอ่านทุกท่านและขอบคุณนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน และขออนุญาตฝากอีกหนึ่งผลงาน  One And Only ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม "ภาคอดีต" ด้วยนะคะ เผื่อท่านใดที่ยังไม่ได้ติดตามภาคอดีต รีวิว One And Only ทุกชาติภพ กระดูกงดงาม "ภาคอดีต" ขอบคุณคลิปตัวอย่าง iQIYI Thailandเครดิตภาพหน้าปก  ภาพที่ 1 /ภาพที่ 2 /ภาพที่ 3เครดิตภาพประกอบ weibo 腾讯视频WeTV /ภาพที่ 1 /ภาพที่ 2 weibo  爱奇艺国际版iQIYI /ภาพที่ 3 /ภาพที่ 4 /ภาพที่ 5 /ภาพที่ 6 อัปเดตบทความรีวิวซีรีส์ใหม่ ๆ สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !

แนะนำ: Never Have I Ever สักครั้งในชีวิตที่แม่ไม่เข้าใจ!
อ่าน

แนะนำ: Never Have I Ever สักครั้งในชีวิตที่แม่ไม่เข้าใจ!

               ในที่สุด! ก็มีโอกาสได้รีวิวซีรีย์วัยรุ่นเนื้อหาปังสุดฉุดไม่อยู่อย่างเรื่อง Never Have I Ever ซึ่งเป็นซีรีย์ของทาง Netflix นั่นเอง ในตอนแรกก็คิดว่าคงเป็นหนึ่งในซีรีย์วัยรุ่นที่มีพล็อตเรื่องเดิมๆไม่ได้แตกต่างอะไร ประมาณว่าเด็กเนิร์ดอยากเทิร์นเป็น Gossip girl ซึ่งในตอนแรกมันก็ใช่อ่ะนะ ฮ่าๆๆ แต่พอดูไปเรื่อยๆก็ถึงกับร้องว้าวออกมาพร้อมอ้าปากค้างเหวอในรายละเอียดที่ทางซีรีย์ได้สอดแทรดเอาไว้ให้คิด ซึ่งข้อแตกต่างของเรื่องนี้คือความยากลำบากของเด็กวัยรุ่นแรกแย้มที่ต้องการมีชีวิตเหมือนเพื่อนอเมริกันรอบๆตัว แต่กลายเป็นว่าเพราะศาสนาและวัฒนธรรมของชนชาติเดิมเธอนั้นทำให้ความยากลำบากเกิดขึ้น ซึ่งก็ตรงกับชื่อเรื่องที่ว่า ก็คนมันไม่เคย...เป็นวัยวรุ่นปกตินี่หน่า เนื้อเรื่องจะน่าติดตามขนาดไหนไปติดตามกันเลย                                                              ***ไม่มีเนื้อหาที่เป็นการสปอยแน่นอน ไว้ใจไรต์ได้เลย***               เนื้อเรื่องย่อ: Devi เด็กสาววัย 16 ที่พึ่งหายจากการเดินไม่ได้และจำเป็นต้องโตมากับแม่เพียงสองคนเพราะพ่อเสียได้ไม่นาน กำลังจะเป็นวัยรุ่นและวัยรุ่นในนิยามของเธอคือ ต้องได้ปาร์ตี้ มีชีวิตที่เป็น somebody ไม่ใช่ Nobody แบบนี้ ซึ่งเมื่ออาการเดินไม่ได้ก็หายแล้ว ทุกอย่างดูเข้าที่เข้าทางไปหมด ฉะนั้นมิชชั่นแรกที่ต้องทำให้สำเร็จประเดิมช่วงวัยรุ่นก็คือได่นอนกับคนที่เธอชอบและป๊อบระดับดังข้ามโรงเรียนอย่าง Paxton แต่แค่อย่างแรกก็ขัดกับความเชื่อของชาวฮินดูของเธออย่างมหันต์ขนาดนี้ จะทำยังไงให้แม่เข้าใจหรือจะทำลับหลังแม่ดี คุณพระ!               นั่นแหละค่ะเรื่องย่อที่เกี่ยวกับเด็กสาวชาวอินเดียที่เกิดและโตที่อเมริกา ภายใต้สภาพแวดล้อมที่อิสระ เธอยังคงต้องปฏิบัติตามคำสั่งสอนที่ขัดกับความเป็นอยู่รอบๆตัวนั่นเอง เรื่องวุ่นมันก็เลยเกิดขึ้นเมื่อเธออยากจะมีชีวิตเป็นของตัวเองสักที แต่แม่ก็ดูเหมือนจะไม่เข้าใจและไม่ปล่อยให้เธอได้โผบินด้วยตัวเองเลยนี่สิ เอาล่ะค่ะคุณผู้อ่าน การขัดใจแม่นี่แหละที่มันส์ไม่ไหว ฮ่าๆๆ                                                                                                        แนะนำตัวละคร              Devi              '16 แล้วพี่แต่มามี้ไม่ยอมให้เป็นวัยรุ่น!'               หญิงสาวที่มีบุคลิกเปรี้ยวซ่าก๋ากั่นแต่ขัดกับความเชื่อที่บ้านที่ต้องเป็นเด็กเรียบร้อย รักนวลสงวนตัว ซึ่งนั่นทำให้ชีวิตของเธอค่อนข้างยากเพราะความต้องการของเธอดูจะไม่เป็นที่ปลื้มปริ่มของแม่เท่าไหร่ ยากไปกว่านั้นเนื่องจากเป็น 'ลูกรักพ่อ' จึงเดาได้ไม่ยากว่าค่อนข้างจะไม่ถูกกับแม่สักเท่าไหร่แต่เมื่อจู่ๆพ่อที่มักจะเข้าข้างเดวี่กลับเสียชีวิตไปซะงั้น ใครล่ะจะเป็นคนประนีประนอมเวลาที่เดวี่กับแม่ทะเลาะกัน                ชีวิตในโรงเรียนของเดวี่ที่มีเพื่อนขนาบข้างอย่าง 'Eleanor' และ 'Fabiola' ที่ค่อนข้างจะเป็นเพียงหนึ่งในนักเรียนธรรมดาไม่ได้พิเศษอะไรและนั่นทำให้เดวี่ไม่ยอมและหาทางเปลี่ยนกลุ่มของเธอให้เริ่ดปัง เป็นที่จับจ้องของคนทั้งโรงเรียนซึ่งทุกคนรู้ดีใช่มั้ยคะว่ามันไม่ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก               ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เธอต้องเผชิญและพุ่งชนเป้าหมายก็คือการได้นอนกับคนดังของโรงเรียนที่เธอแอบชอบอย่าง 'Paxton' ตอนแรกก็ดูจะง่ายอยู่หรอกจนกระทั่งต้องเผชิญกับความกลัวไม่กล้าของตัวเองด้วยนี่สิ เหนื่อยแทนเลยคุณแม่               Eleanor              'ชีวิตหนูดราม่ากว่าบทละครที่ได้รับอีกค่ะมัม!'              สาวเอเชียที่เติบโตในอเมริกาและเป็นลูกไม้ตกไม่ไกลต้นในเรื่องการแสดง เพื่อนในกลุ่มของเดวี่ที่มักจะอยู่ข้างๆและคอยซัพพอร์ตเดวี่เสมอ ซึ่งมิชชั่นของเดวี่ก็ต้องสำเร็จ เธอจะช่วยและคอยเป็นหูเป็นตาเสมอ แต่แท้จริงแล้วนั้นความดราม่าคลุกรุ่นในชีวิตก็เกิดขึ้นกับเอลีนอร์ ซึ่งเธอจะรับมือได้มั้ยนะ                            Fabiola              'ผู้หญิงสายหวานทาเล็บมันไม่ใช่หนู!'              เพื่อนอีกคนของเดวี่ที่มักจะอยู่ข้างๆและเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอหากแต่เรื่องของเธอกลับยังไม่มีใครได้ฟังเพราะหากพูดไปก็กลัวเพื่อนไม่เข้าใจและสังคมรอบข้างเปลี่ยนไป ความแสนดีของเฟบรีโอล่าช่างเป็นดาบสองคมในการพูดความจริงเพราะเธอเป็นห่วงความรู้สึกคนรอบข้างหากได้รู้เรื่องในใจของเธอ                  Paxton               'คนดังก็มีหัวใจ ผมไม่ได้ชอบใครที่หน้าตา'               คนนี้ขอหวีดเพราะหลงไม่ไหวแล้วค่าาา เพกตันคือชายในฝันของเดวี่ (รวมถึงไรต์ด้วย ฮ่าๆๆ) ที่เป็นหนุ่มฮอตนักว่ายน้ำของโรงเรียน ซึ่งคงคอนเซ็ปเบสิคที่ว่า สาวเนิร์ดชอบหนุ่มป๊อบ ประมาณนั้น แต่แท้จริงแล้วนั้นสิ่งที่คนอื่นเห็นเพกตันมันไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นที่เขาเป็นและเขาก็รอว่าสักวันจะมีคนบางคนเข้ามาเข้าใจเขาและพร้อมรับในสิ่งที่เขาเป็นจริงๆให้ได้ โอ้โห อวยกันซะไม่มี ฮ่าๆๆ               Ben              'หนุ่มเนิร์ดแสนเพอร์เฟคก็เหงาเป็น'               คู่กัดตลอดกาลของเดวี่ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่มีวันญาติดีกัน โดยเบนเป็นหนุ่มเนิร์ดแสนรวยที่มีแฟนแสนสวยแล้ว ทุกอย่างดูครบครันไม่ขาดสิ่งใดอีกหากแต่ใจจริงแล้วนั้น เขากลับเหงาและรู้สึกว่าทุกอย่างมันไม่เห็นมีค่าเลย เขายอมแลกทุกอย่างเพื่อมีเพื่อนสักคนที่จริงใจกับเขา โถๆ อย่าร้องนะลูกกก                พ่อแม่ของเดวี่               แก้วตาดวงใจที่ไม่ว่ายังไงก็เป็นแค่เด็กเล็กๆสำหรับพ่อแม่               พ่อแม่ชาวอินเดียของเดวี่ที่ย้ายมาทำงานที่อเมริกาและมีลูกด้วยกันหนึ่งคน การเลี้ยงดูลูกให้ยังคงเป็นสาวอินเดียที่ไม่ลืมวัฒนธรรมชนชาติของตนในสังคมที่ขัดกับคำสอนทุกอย่างช่างเป็นงานหนักของพ่อแม่เสียจริง ยิ่งไปว่านั้นลูกคนนี้ก็แสบใช่ย่อย แต่ให้ทำไงได้ ลูกรักของพ่อแม่ จะต้องเลี้ยงให้ได้ดีให้ได้                น้าของเดวี่              'สวยดั่งนางฟ้าแต่ว้า...ต้องถูกคลุมถุงชน'               ความสวยบางทีก็เป็นอุปสรรคสำหรับเธอในการใช้ชีวิตที่อเมริกาเพราะเมื่อเธอชอบใครและเขาชอบกลับ ยังไงก็คงพัฒนาความสัมพันธ์แบบยืนยาวไม่ได้เพราะเธอรู้อยู่แก่ใจว่ายังไงคนที่ใช่ก็คือคนที่พ่อแม่เลือกไว้ บทบาทของน้ามักจะพยายามคอยรับฟังเดวี่แต่ก็ยังต้องแก้ปัญหาของตนให้ได้ ความลำบากของสาวสวยไม่น่าอิจฉาเลยค่ะซิสสส                                รีวิว: โดยส่วนตัวชอบเนื้อหาของเรื่องที่ไม่ผูกปมจนเกินไป แต่ละตอนก็จะมีปัญหาในแต่ละครั้งไปเลยหากแต่ยังคงมีเนื้อหาหลักในการดำเนินเรื่องอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกๆปัญหาของเดวี่และเพื่อนๆของเธอทำให้หยุดดูไม่ได้ จนในที่สุดก็ดูจบรวดเดียวแบบไม่มีพักเลยค่ะ ฮ่าๆๆ องค์ประกอบภาพและบรรยากาศภายในเรื่องค่อนข้างดี ไม่ได้เน้นหนักไปทางชีวิตในโรงเรียนอย่างเดียวแต่ยังคงมีการพูดถึงครอบครัวของแต่ละบ้านของเด็กๆภายในเรื่อง และเบื้องหลังที่สร้างให้ตัวละครเป็นแบบนี้ก็ค่อนข้าง make sense ทำให้เราเข้าใจวัยรุ่นทุกคนในเรื่องจริงๆ ที่ชอบที่สุดคือเนื้อเรื่องไม่เน้นหนักไปทาง sex และความต้องการของวัยรุ่นเหมือนซีรีย์วัยรุ่นหลายๆเรื่องเลยทำให้เราสามารถดูซีรีย์เรื่องนี้ไปพร้อมๆกับคนในครอบครัวได้แน่นอนค่ะ              Never Have I Ever ซีรีย์สะท้อนชีวิตวัยรุ่นที่ไม่เคยได้ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่น เป็นอีกหนึ่งในซีรีย์ที่อยากแนะนำคุณผู้อ่านไปตำ ไปเสพมากๆเลยค่ะและไรต์รับประกันว่าทุกคนจะต้องหลงรักตัวละครทุกตัวแน่นอน คลายเครียดละหนึ่ง ฟินละหนึ่ง ซึ้งละหนึ่ง ครบรสขนาดนี้พลาดไม่ได้แล้วนะคะ อีกทั้งซีรีย์เรื่องนี้ยังสามารถรับชมผ่านกล่อง True ID TV ได้แล้ววันนี้นะคะ เริ่ดที่สุด! สำหรับครั้งนี้ก็ต้องขอลากันไปก่อน แต่อย่างที่บอกว่าหนังดีซีรีย์ปังมีอีกเป็นร้อยล้านแปดเรื่อง ฉะนั้นครั้งหน้าไรต์จะเอาเรื่องอะไรมาฝากนั้น ปูเสื่อรอได้เลยเจ้าค่ะ                                              ขอบคุณรูปภาพจาก เครดิตภาพปกและภาพทั้งหมดในบทความ             

Adobe เปิดตัวชุดเดรสดิจิทัลปรับลวดลายได้ใน “Project Primrose”
อ่าน

Adobe เปิดตัวชุดเดรสดิจิทัลปรับลวดลายได้ใน “Project Primrose”

Adobe บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เชิงสร้างสรรค์ โชว์นวัตกรรมที่เรียกเสียงฮือฮาบนโลกออนไลน์ กับการเปิดตัวผลงานใน Project Primrose เป็นชุดเดรสดิจิทัล ที่ใช้ความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบลวดลายบนชุดได้ในคลิกเดียวภาพจาก Adobeผลงานนี้ได้มีการสาธิตบนเวที Adobe MAX 2023: Sneaks Presentation ซึ่งเป็นเวทีแสดงผลงานของอะโดบีที่กำลังพัฒนาอยู่ โดยจัดขึ้นในเมืองลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยโครงการนี้เป็นการพัฒนาสิ่งทอแบบไม่สะท้อนแสง ร่วมกับการใช้งานโมดูลกระจายแสงสะท้อน (Reflective Light-Diffuser Module) เพื่อให้ได้วัสดุที่สามารถใช้งานได้ในรูปแบบ interactive หรือสามารถตอบสนองต่อคำสั่งต่าง ๆ ได้ ซึ่งจะช่วยให้นักออกแบบสามารถถ่ายทอดผลงานลงบนชุด และทำให้งานออกแบบเหล่านั้นมีชีวิตขึ้นมาได้ ผ่านการเคลื่อนไหวบนผืนผ้าโดยสิ่งทอที่พัฒนาขึ้นนี้ จะสามารถแสดงเนื้อหาที่สร้างด้วยเครื่องมือสร้างสรรค์ของอะโดบี เช่น Firefly หรือเครื่องมือเอไอช่วยออกแบบ, After Effects หรือเครื่องมือสร้างกราฟิกเคลื่อนไหว โดยสามารถรวมเทคโนโลยีนี้เข้ากับเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และวัสดุอื่น ๆ เพื่อทำให้เกิดผลงานใหม่ในสไตล์ที่หลากหลายมากขึ้นภาพจาก Adobeซึ่งในงาน คริสติน เดียร์ค (Christine Dierk) นักวิจัยของบริษัท ก็ได้สาธิตผลงานดังกล่าว โดยได้สวมชุดเดรสดิจิทัลขึ้นนำเสนอผลงานบนเวที ก่อนจะกดปุ่มสั่งเปลี่ยนให้ลายบนชุด กลายเป็นลายอื่น ๆ ที่ต่างกันออกไป เพื่อแสดงตัวอย่างความสามารถของการพัฒนาเทคโนโลยีในโครงการนี้นอกจากนี้เธอยังเสริมว่าเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ยังสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของผู้สวมใส่ และปรับเปลี่ยนรูปแบบบนชุดให้สอดคล้องไปกับทิศทางการเคลื่อนไหวของเนื้อผ้า รวมถึงการเคลื่อนไหวของผู้สวมใส่ได้ด้วยภาพจาก Adobeซึ่งในอนาคต ผลงานนี้อาจจะมีประโยชน์สำหรับวงการโฆษณา วงการแฟชัน หรือแม้กระทั่งวงการสิ่งทอต่าง ๆ ที่จะมีลูกเล่นสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานเคลื่อนไหว ไม่แน่ว่าถ้าพัฒนาไปเรื่อย ๆ ไอเดียที่ว่าเราจะสามารถดูวิดีโอ ดูการ์ตูน บนชุดของเราเอง ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปข้อมูลจากdesigntaxi, designboom, blog.adobe

ชวนดู Shin’s Project มิสเตอร์ชินรับจบ ซีรีส์เกาหลี
อ่าน

ชวนดู Shin’s Project มิสเตอร์ชินรับจบ ซีรีส์เกาหลี

✨ มาแล้ว! ซีรีส์เกาหลีที่หลายคนรอคอย “Shin’s Project มิสเตอร์ชินรับจบ หรือ เถ้าแก่ชิน หัวใจจัดให้” ผลงานใหม่จากช่อง tvN ที่ขนทั้งนักแสดงรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่มาประชันบทบาทกันอย่างเข้มข้น เรื่องราวของอดีตนักเจรจาระดับตำนานที่พลิกชีวิตไปเปิดร้านไก่ทอดแต่ยังคงใช้ทักษะเฉียบคมช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งในชุมชนรอบตัว ซีรีส์แนวคอมเมดี้ผสมดราม่าอบอุ่นหัวใจเรื่องนี้ไม่เพียงสร้างเสียงหัวเราะ แต่ยังแฝงสาระและแง่คิดชีวิตไว้อย่างเต็มเปี่ยม วันนี้เราเลยรวมมาให้ว่า 5 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดซีรีส์เรื่องนี้ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! 1. พระเอกเป็น “อดีตนักเจรจา” ที่ไม่เหมือนใคร   สิ่งที่ทำให้ซีรีส์นี้โดดเด่นตั้งแต่แรกคือคาแรกเตอร์ของ Mr. Shin ที่ไม่ใช่พระเอกแนวคุณหมอ ทนาย หรือ ทายาทตระกูลดังแบบที่เห็นบ่อยๆ แต่เป็น “อดีตนักเจรจาระดับประเทศ” ที่เคยเก่งกาจจนเป็นตำนาน ก่อนจะผันตัวมาเปิดร้านขายไก่ทอดเล็กๆในย่านชุมชน ฟังดูเหมือนเปลี่ยนเส้นทางชีวิตไปสุดทาง จุดหักมุมอยู่ตรงที่เขาไม่ได้ละทิ้งความสามารถเดิมแต่กลับนำทักษะการเจรจาที่เฉียบขาดมาใช้ช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ้านใกล้เรือนเคียง ปัญหาทางธุรกิจ หรือ แม้กระทั่งความบาดหมางในครอบครัว เรื่องนี้จึงแตกต่างจากซีรีส์ที่พระเอกเป็นเพียงคนธรรมดา เพราะเขามี “อาวุธลับ” ในการเปลี่ยนสถานการณ์ทุกครั้งที่คนรอบตัวเดือดร้อน     2. ทีมตัวละครหลากหลายรุ่น เคมีจัดเต็ม   นอกจาก Mr. Shin ที่มีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่สุขุมแล้ว ซีรีส์ยังเสริมสีสันด้วยการส่งตัวละครรุ่นใหม่เข้ามาเติมเต็ม ได้แก่ Jo Philip ผู้พิพากษาหนุ่มที่เพิ่งเข้าวงการกฎหมายเต็มตัว และ Lee Shi-on เด็กหนุ่มเจเนอเรชัน MZ ที่ขี่มอเตอร์ไซค์ส่งเดลิเวอรีแต่มีมุมมองชีวิตไม่เหมือนใคร ตัวละครทั้งสามคนต่างมีแบ็กกราวด์และทัศนคติที่แตกต่างกันสุดขั้ว เมื่อมาอยู่ในสถานการณ์เดียวกันจึงเกิดเป็นทั้งความตลก ขัดแย้ง และ มิตรภาพที่ค่อยๆเติบโตไปพร้อมกัน เคมีระหว่างคนรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่กลายเป็นเสน่ห์หลักที่ทำให้เรื่องนี้ดูเพลิน เพราะสะท้อนภาพการเรียนรู้ข้ามวัยที่ทั้งอบอุ่นและชวนอมยิ้ม     3. ผสมทั้งความตลก ดราม่า และแง่คิดชีวิต   แม้ “Shin’s Project” จะถูกวางให้เป็นซีรีส์แนวคอมเมดี้ แต่ก็ไม่ได้มีแค่ฉากฮาๆเพียงเท่านั้น แกนหลักของเรื่องจริงๆอยู่ที่การเผชิญหน้ากับปัญหาสังคมในชีวิตประจำวัน เช่น การทะเลาะกับเพื่อนบ้าน ความขัดแย้งเล็กๆน้อยๆที่บานปลาย หรือ ความไม่เข้าใจกันในชุมชน ซึ่งหลายครั้งเป็นสิ่งที่เราพบเจอในโลกจริง แต่ไม่ค่อยมีใครหยิบมาเล่าในละคร ซีรีส์จึงกลายเป็นพื้นที่ให้คนดูได้หัวเราะไปกับสถานการณ์ตลก ขณะเดียวกันก็แอบสะกิดใจให้เห็นว่า “ความยุติธรรม” และ “การเจรจา” มีผลอย่างไรต่อการอยู่ร่วมกันในสังคม     4. นักแสดงตัวท็อป ทีมงานมือโปร   ชื่อของ Han Suk-kyu คือการันตีคุณภาพในทันที เพราะเขาคือหนึ่งในนักแสดงเกาหลีรุ่นใหญ่ที่ไม่เคยทำให้คนดูผิดหวัง ผลงานที่ผ่านมาอย่าง Romantic Doctor Teacher Kim ก็พิสูจน์แล้วว่าฝีมือการแสดงเข้มข้นและน่าติดตาม ขณะที่รุ่นใหม่อย่าง Bae Hyun-sung และ Lee Re ก็กำลังมาแรงและได้รับการยอมรับในฝีมือ นอกจากนี้ เบื้องหลังก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน ผู้กำกับ Shin Kyung-soo เคยฝากผลงานเข้มข้นอย่าง Six Flying Dragons และ Nokdu Flower ส่วนคนเขียนบท Ban Ki-ri มีชื่อเสียงในการเล่าเรื่องที่แตะใจคนดู ทำให้มั่นใจได้เลยว่าซีรีส์นี้ไม่ได้มีดีแค่พล็อต แต่คุณภาพการเล่าเรื่องและการแสดงก็น่าจับตาเช่นกัน     5. ซีรีส์ Feel-Good ที่มีแก่นความหมาย   ในบรรดาซีรีส์เกาหลีที่ออนแอร์ช่วงนี้ หลายเรื่องอาจเต็มไปด้วยดราม่าหนักหน่วงหรือโรแมนซ์สุดฟิน แต่ “Shin’s Project” โดดเด่นตรงที่เป็นงานแนว Feel-Good with Substance หรือซีรีส์ที่ทำให้ดูแล้วอารมณ์ดี แต่ก็ยังไม่ว่างเปล่า เพราะแทรกสาระและข้อคิดไว้อย่างแนบเนียน เรื่องราวของ Mr. Shin ที่เลือกจะไม่ทอดทิ้งคนรอบตัวแต่กลับใช้ประสบการณ์ช่วยให้ปัญหาคลี่คลายได้อย่างสงบสุข เป็นการสื่อสารเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม ความสำคัญของการฟัง และ การมองหาทางออกโดยไม่ใช้ความรุนแรง ใครที่อยากได้ซีรีส์ดูแล้วอบอุ่นหัวใจแต่ยังมีคุณค่าทางความคิด เรื่องนี้ตอบโจทย์แน่นอน     💖 สำหรับใครที่กำลังมองหาซีรีส์เกาหลีที่ดูแล้วได้ทั้งความสนุก ครบรสทั้งฮา อบอุ่น และมีสาระสอดแทรก “Shin’s Project” คือคำตอบที่ใช่ที่สุดในช่วงนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนซีรีส์สายดราม่า สายคอมเมดี้ หรือคนที่อยากได้พลังใจ ดีๆจากการดูซีรีส์ เรื่องนี้พร้อมเสิร์ฟครบทุกอารมณ์ให้คุณแน่นอน เตรียมหัวเราะ อมยิ้ม และอินไปกับเสน่ห์ของ “เถ้าแก่ชิน” ได้เลย!   ขอขอบคุณ @TVN Drama ภาพปก ภาพที่ 1/2/3/4/5 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

รู้จัก 3 นักแสดง Shin’s Project มิสเตอร์ชินรับจบ (2025)
อ่าน

รู้จัก 3 นักแสดง Shin’s Project มิสเตอร์ชินรับจบ (2025)

🌟 เปิดวาร์ป 3 นักแสดงนำจากซีรีส์ Shin’s Project: เถ้าแก่ชิน หัวใจจัดให้ หรือ มิสเตอร์ชินรับจบ ซีรีส์เกาหลีแนวอบอุ่นหัวใจที่เต็มไปด้วยข้อคิดและความจริงของชีวิต ก่อนจะไปอินกับเรื่องราวการเจรจาและการแก้ปัญหาสุดเข้มข้นในซีรีส์ มาทำความรู้จักกับ 3 นักแสดงหลักที่มารับบทสำคัญกันดีกว่า แต่ละคนต่างมีเส้นทางในวงการบันเทิงที่น่าสนใจและมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้คนดูรอติดตาม   รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! 👔 ฮันซอกกยู (Han Suk-kyu)    เกิดเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 1964 ที่กรุงโซล ปัจจุบันอายุ 60 ปี จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยดงกุก (Dongguk University) คณะศิลปะการละครและภาพยนตร์ เขาเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่ช่วงต้นยุค 1990 และแจ้งเกิดจากการแสดงในซีรีส์และภาพยนตร์คุณภาพมากมาย เช่น Our Paradise และ Romantic Doctor Teacher Kim ด้วยบุคลิกสุขุม เสียงนุ่ม และการถ่ายทอดอารมณ์อย่างลึกซึ้ง Han Suk-kyu จึงเป็นหนึ่งในนักแสดงรุ่นใหญ่ที่ได้รับความเคารพทั้งจากแฟนๆและเพื่อนร่วมงาน   Shin’s Project มิสเตอร์ชินรับจบ  รับบท เถ้าแก่ชิน อดีตนักเจรจาระดับตำนานที่มีชื่อเสียงในอดีต วันหนึ่งตัดสินใจละทิ้งงานใหญ่ ๆ แล้วหันมาเปิดร้านขายไก่ทอดเล็ก ๆ ในย่านชุมชน ถึงแม้จะดูเหมือนใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่จริง ๆ แล้วยังคงใช้ทักษะการเจรจาและการโน้มน้าวอันเฉียบคม ช่วยแก้ไขข้อพิพาท ความขัดแย้ง และปัญหาต่าง ๆ ของคนรอบตัว     ⚖️แบฮยอนซอง (Bae Hyun-sung)    หนุ่มหน้าใสจากเมือง Jeonju เกิดวันที่ 3 พฤษภาคม 1999 ปัจจุบันอายุ 25 ปี เขาเข้าสู่วงการบันเทิงเมื่อปี 2018 จากซีรีส์เว็บยอดนิยม Love Playlist และเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆจากการรับบทในซีรีส์วัยรุ่นและดราม่า ด้วยหน้าตาที่หบ่อเหลาและบุคคลิกที่มีความเรียบร้อย อ่อนน้อมถ่อมตน ทำให้แบฮยอนซองขึ้นชื่อเรื่องความตั้งใจและพัฒนาการที่เห็นได้ชัดในทุกบทบาท แฟนๆต่างยกให้เป็นนักแสดงดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ด้วยภาพลักษณ์จริงใจ อ่อนน้อม และมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้คนดูรู้สึกเอ็นดูและอยากติดตาม Shin’s Project มิสเตอร์ชินรับจบ รับบท โจ ฟิลิป ผู้พิพากษาหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรง เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและอุดมการณ์ เขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับ Mr. Shin และค่อย ๆ เรียนรู้ว่าการแก้ปัญหาของมนุษย์ไม่ใช่แค่การตัดสินด้วยกฎหมายเท่านั้น แต่บางครั้ง “การเจรจา” ก็มีพลังไม่แพ้กัน     🚴อีเร (Lee Re)   นักแสดงสาวมากความสามารถที่หลายคนจำได้จากผลงานดราม่าหนักๆตั้งแต่ยังเด็ก เกิดวันที่ 12 มีนาคม 2006 ที่เมือง กวางจู อายุเพียง 19 ปี แต่ผ่านผลงานคุณภาพมาแล้วมากมาย เธอเริ่มต้นจากการเป็นนางแบบเด็ก ก่อนเข้าสู่วงการซีรีส์ครั้งแรกใน Goodbye Dear Wife (2012) และแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวจากภาพยนตร์ Hope (2013) ที่เธอรับบทสุดท้าทายและได้รับคำชมอย่างล้นหลาม ด้านการศึกษา Lee Re เข้าเรียนที่ Korea International Christian School และในปี 2023 ก็ได้เข้ามหาวิทยาลัย Chung-Ang University คณะศิลปะการละครและภาพยนตร์เร็วกว่าคนวัยเดียวกันถึง 2 ปี บุคลิกของเธอถูกยกให้เป็นคนเก่ง มีความเป็นผู้ใหญ่เกินวัย เลือกรับบทที่หลากหลายและท้าทายอยู่เสมอ  Shin’s Project มิสเตอร์ชินรับจบ รับบท ลีชิออน เด็กสาวเจเนอเรชัน MZ ที่ทำงานเป็นไรเดอร์ส่งของ ชีวิตเต็มไปด้วยความวุ่นวายและความฝันเล็กๆของวัยรุ่น แต่การได้เข้ามาพัวพันกับ เถ้าแก่ชิน และ โจ ทำให้เขาเริ่มเห็นโลกในมุมใหม่ๆ และค่อยๆกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญของทีมที่ช่วยเหลือผู้คน     ✨ จบไปแล้วกับดารเปิดวาร์ปทั้งสามนักแสดง ฮันซอกกยู, แบฮยอนซอง และ อีเร ต่างมีเสน่ห์เฉพาะตัวและเส้นทางการแสดงที่น่าสนใจ การมารวมตัวกันใน Shin’s Project จึงเป็นการผสมผสานระหว่างพลังการแสดงที่เข้มข้นและความสดใหม่อย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนซีรีส์สายดราม่า คอมเมดี้ หรือสายป้ายยาเกาหลี บอกเลยว่าคราวนี้ต้องไม่พลาด! สามารถติดตามตัวซีรีสืได้แล้วที่ truevisions now และ VIU   ขอขอบคุณ tvN drama  ภาพปก 1/2/3 ภาพที่ 1/2/3/4   จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !  

400 ลำรอลุ้นคิวเดินเรือ! หลัง'Ever Given'ลอยลำ หลุดขวางคลองสุเอซ
อ่าน

400 ลำรอลุ้นคิวเดินเรือ! หลัง'Ever Given'ลอยลำ หลุดขวางคลองสุเอซ

ข่าววันนี้ ในที่สุด เรือยักษ์ Ever Given ที่เกยตื้นขวางคลองสุเอซ ก็ได้รับการปลดปล่อย และลอยลำได้เป็นอิสระแล้ว หลังขวางคลองมานานเกือบ 1 สัปดาห์ เรือบรรทุกสินค้าขนาดความยาว 400 เมตร ชื่อ Ever Given ได้รับการปลดปล่อย และลอยลำเหนือผิวน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังประสบเหตุเกยตื้น และขวางคลองสุเอซ มานานเกือบ 1 สัปดาห์ วิกฤตคลองสุเอซ ที่เกิดจากการเกยตื้นของเรือลำนี้ ทำให้เรือสินค้าลำอื่น ๆ หลายร้อยลำ ไม่สามารถสัญจรผ่านคลอง ซึ่งถือเป็นเส้นทางเดินเรือขนส่งสินค้าที่พลุกพล่านมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งนี้ BBC รายงานว่า ยังไม่แน่ชัดว่า องค์การบริหารคลองสุเอซของอียิปต์จะเปิดให้เรือบรรทุกสินค้า เคลื่อนผ่านคลองสุเอซได้เลยในทันทีหรือไม่ แต่ทางการอียิปต์ระบุว่า จะเร่งระบายเรือสินค้าและเรือน้ำมันรวมกว่า 400 ลำ ที่ยังจอดรออยู่ทั้งสองด้านของคลอง ให้เดินทางไปยังจุดหมายต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาราว 3-4 วันเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท Boskalis ซึ่งเป็นบริษัทกู้เรือของเนเธอร์แลนด์ ระบุว่า เมื่อเวลา 20.05 น. ตามเวลาในไทย เส้นทางผ่านคลองสุเอซได้เปิดออกอีกครั้งแล้ว ส่วนเรือ Ever Given ได้ถูกลากจูงออกไปยังส่วนอื่นของคลอง เพื่อตรวจสอบสภาพเรืออีกครั้งว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป การทำให้เรือ Ever Given กลับมาลอยลำได้อีกครั้งนั้น ทางการต้องขุดลอกทรายออกไปถึง 30,000 ลูกบาศก์เมตร พร้อมกับใช้เรือลากจูง 11 ลำ เพื่อลากจูงเรือที่เกยตื้น ให้กลับมาลอยลำได้อีกครั้ง ประธานาธิบดี อับดุล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ของอียิปต์ แถลงขอบคุณชาวอียิปต์ทุกคน ที่ร่วมด้วยช่วยกัน ยุติวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ภาพ: Reuters เรื่อง : ธันย์ชนก จงยศยิ่งภาพ : Chris Pagan ข่าวเกี่ยวข้อง : คาดใช้เวลากู้หลายสัปดาห์ เรือยักษ์ขวางคลองสุเอซ เรือ150 ลำกระทบ-ต้องรอผ่าน เรือยักษ์ขวางคลองสุเอซ ชี้ลมพัดจนหมุน การขนส่งอลหม่านโลก เรือสินค้า ในโลกนี้มีกี่ชนิด คลองสุเอซ เส้นทางขนส่งเชื่อมยุโรป-เอเชีย กับวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายที่สุด "คลองสุเอซ" อัมพาต เรือสินค้าขวางคลอง โลกสูญเงินชั่วโมงละหมื่นล้าน! รู้จัก 'คลองสุเอซ' เส้นทางเดินเรือประวัติศาสตร์ 151 ปี เรือสินค้ายักษ์ขวาง คลองสุเอซ อาจลอยลำได้ในวันนี้ ต้นเหตุเรือยักษ์ขวางคลองสุเอซ คาดเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ ส่งสัญญาณข่าวดี เมื่อเรือขวางคลองสุเอซ เริ่มขยับได้ในมุม30องศา เรือยักษ์ปิดคลองสุเอซ กระทบต่อหุ้นอะไร ได้หรือเสีย ? รู้จัก! พายุทราย ปัจจัยหนึ่งพัดหอบเรือ Ever Given ขวางคลองสุเอซ รวม ตัวเลข Ever Given เรือขวางคลองสุเอซ สำคัญอย่างไร ? เปิดคลองสุเอซเดินเรือสินค้าได้อีกครั้ง หลังกู้เรือยักษ์จากจุดเกยตื้นสำเร็จ เปิดประวัติ "คลองสุเอซ" คลองสำคัญของโลก ที่ไทยเกือบจะมีบ้าง เปิดประวัติ คลองสุเอซ Suez Canal อียิปต์ ทางลัดเชื่อมเอเชียสู่ยุโรป ซุปเปอร์ฟูลมูน ช่วยเรือยักษ์ขยับพ้นคลองสุเอซ ใครเป็นเจ้าของเรือยักษ์ Ever Given ขวางคลองสุเอซ ?

Ford ซุ่มพัฒนา Project T3 กระบะ EV ขับขี่อัตโนมัติสายพันธุ์ใหม่
อ่าน

Ford ซุ่มพัฒนา Project T3 กระบะ EV ขับขี่อัตโนมัติสายพันธุ์ใหม่

แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ของฟอร์ด (Ford)บริษัทยานยนต์สัญชาติอเมริกันจะมียอดขาดทุนแตะหลัก 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.02 แสนล้านบาทในปีนี้ แต่ฟอร์ดก็ยังคงยืนหยัดเดินหน้าพัฒนาโครงการรถยนต์ไฟฟ้าต่อ โดยฟอร์ดได้ประกาศว่ากำลังดำเนินโครงการเพื่อ ปฏิวัติรถกระบะของอเมริกา ด้วยรถกระบะไฟฟ้าแห่งอนาคต ที่มีชื่อรหัสโครงการว่า โปรเจ็กต์ ทีทรี (Project T3)โดยรถ T3 จะใช้เทคโนโลยีทุกอย่างที่ Ford สรรค์สร้าง และทำงานร่วมกับบริษัทพันธมิตรด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อให้ระบบการขับขี่อัตโนมัติเกิดขึ้นจริง โดยฟอร์ดเคลมว่า ระบบขับขี่ของฟอร์ดมีความเป็นไปได้สูงที่จะให้คนขับสามารถทำงานอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งงีบหลับขณะควบคุมรถได้Project T3 เป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่เราจะปฏิวัติวงการรถกระบะของอเมริกา จิม ฟาร์ลีย์ (Jim Farley) ประธานและซีอีโอของฟอร์ดกล่าวเรากำลังนำเอาความรู้ความชำนาญด้านรถกระบะที่มีมายาวนานกว่า 100 ปี ของฟอร์ด ผนวกเข้ากับซอฟต์แวร์ และความสามารถด้านแอโรไดนามิกของรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก ซึ่งจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับนวัตกรรมและความสามารถที่ไร้ขอบเขต ฟาร์ลีย์เสริมในวิดีโอการเปิดตัวของ T3 ยังไม่มีการระบุความสามารถโดยรวมของรถคันนี้ แต่สิ่งที่ปรากฏคร่าว ๆ เช่น ระยะการขับขี่ที่สูงถึง 539 กิโลเมตร ขณะที่ใช้แบตเตอรี่ไปแล้ว 1 ใน 4 ส่วน ทำให้คาดได้ว่าระยะการใช้งานจริงทั้งหมดอาจสูงถึง 644 กิโลเมตร ส่วนระบบขับขี่อัตโนมัติแบบเต็มระบบ ยังเป็นสิ่งที่ต้องรอคอยต่อไปว่าฟอร์ดจะทำได้มากน้อยแค่ไหนทั้งนี้ ฟอร์ดอธิบายชื่อรหัสโครงการ โดยระบุว่ามาจากคำสามคำ นั่นคือ Trust The Truck โดยทีมพัฒนายังชี้ว่า พวกเขามีภารกิจในการสร้างรถยนต์ที่วางใจได้ในยุคดิจิทัล ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ ๆ ฟอร์ดยังระบุว่า T3 จะมีเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีมาก่อนในรถบรรทุกไฟฟ้า รวมถึงระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ใช้งานได้จริง ที่ทำให้คนขับสามารถหลับในขณะเดินทางได้คุณจะสามารถนอนในรถกระบะคันนี้ได้แม้กำลังเคลื่อนที่อยู่บนทางหลวง และเราคิดว่าข้อได้เปรียบแบบนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับลูกค้ารถบรรทุก พวกเขาใช้รถของพวกเขาเป็นสำนักงานฟอร์ดวางแผนเปิดตัวรถกระบะ T3 ในปี 2025 โดยรถ T3 จะถูกสร้างที่โรงงานประกอบรถและแบตเตอรี่ EV บลูโอวัล ซิตี้ (BlueOval City) ขนาด 3,600 เอเคอร์ในมหาวิทยาลัยเวสต์ เทนเนสซี (West Tennessee)ทั้งนี้ Ford และ SK On บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่จากเกาหลีกำลังลงทุนเม็ดเงินจำนวน 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.91 แสนล้านบาทในการพัฒนา BlueOval City ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในแผนการพัฒนารถ EV ของ Ford ที่จะขยายการผลิต EV อย่างรวดเร็วเป็น 2 ล้านคันทั่วโลกต่อปีภายในปี 2026 ทั้งนี้ Ford ขาย EV ได้ 61,575 คันในสหรัฐในปี 2022 เป็นอันดับ 2 รองจากเทสลา (Tesla) เท่านั้นฟอร์ดกล่าวว่า BlueOval City จะมีฐานการผลิตที่เล็กกว่าโรงงานแบบดั้งเดิมถึง 30% ในขณะที่ยังคงให้กำลังการผลิตที่สูงเท่ากันกับโรงงานดั้งเดิม และเมื่อเร่งเดินหน้ากำลังการผลิตเต็มที่ โรงงานจะสามารถผลิตรถบรรทุกไฟฟ้าได้ 500,000 คันต่อปี ฟอร์ดยังคงกำหนดให้ BlueOval City เป็นโรงงานผลิตรถยนต์และแบตเตอรี่ที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์แห่งแรก โรงงานแห่งนี้จะขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าที่ปราศจากคาร์บอน และการทำความร้อนในโรงงานจะใช้พลังงานที่กู้คืนจากระบบโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานและระบบความร้อนใต้พิภพ ทั้งยังมีระบบประหยัดน้ำหลายล้านลิตรในแต่ละปี โดยใช้การลดการระเหยจากหอหล่อเย็นและลดการใช้น้ำจืดในกระบวนการประกอบรถอีกด้วยที่มาของข้อมูล Fordที่มาของรูปภาพ Ford

4EVE เป๊ะปังใน 4EVER คุณภาพไม่แผ่วเลยสมมงเกิร์ลกรุ๊ปไทย!✨
อ่าน

4EVE เป๊ะปังใน 4EVER คุณภาพไม่แผ่วเลยสมมงเกิร์ลกรุ๊ปไทย!✨

                  เรียกว่ากระแส 4EVE วงเกิร์ลกรุ๊ปที่มีคอนเซ็ปท์ Girl Crush Come back กลับมามีความแมส พุ่งแรงอีกครั้งหลังไปโชว์การแสดงเพลง 4EVER ใน T-POP Stage ด้วยองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นการ Performance การเต้นOutfits ของน้อง ๆ แต่ละคนที่แสดงถึงคาแรคเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน ขอสปอยด์เลยว่าไม่สามารถละสายตาจากโชว์ในครั้งนี้ของน้อง ๆ วง 4EVE ได้เลย วันนี้เราเลยจะพาเพื่อน ๆ มาดูรีวิวการโชว์ในครั้งนี้ของน้อง ๆผ่าน 4EVE เป๊ะปังใน 4EVER คุณภาพไม่แผ่วเลยสมมงเกิร์ลกรุ๊ปไทย!✨ ไปดูกันว่าจะมีความเริศเชิดปังปั๊วะ! การพัฒนาการของน้อง ๆ แต่ละคน และความแมส มี Feedback สุดปังระดับไหนกัน หากพร้อมแล้วก็พร้อมมันส์หยดไปพร้อมกับสาว ๆ ได้เลยค่าา😉💥4EVER - 4EVE | EP.01 | T-POP Stage Show SHOWhttps://m.youtube.com/watch?v=OJAIlKk-CD41. Performance 4EVER - 4EVE                    หลังจากเราได้รับชม 4EVE On stage จาก T-POP Stage Show ไปแล้วบอกเลยว่าปริ่มและประทับใจมาก ๆ ซึ่งในครั้งนี้ได้เลือกเพลง 4EVER จาก 4EVE หยิบยกขึ้นมาร้อง ซึ่งมาพูดถึงเรื่อง Performance โดยรวมและการร้องกันก่อนเลยค่ะ โชว์ในครั้งนี้ของน้อง ๆ มีการร้องการแบ่งท่อนของแต่ละคนได้ดี เสียงของแต่ละคนมีความเป็นเอกลักษณ์ สามารถแยกเสียงได้แบบง่ายดาย แต่เมื่อมีการร้องรวมกันแล้วเรียกว่าลงตัวมาก ~ กลมกลืนสุด โดยเนื้อเพลง 4EVER จะเป็นเพลงที่มีทำนอง Pop+Rock ดังตึงตัง มีบีทที่หนักเร็ว และมีท่อนเร็ว ช้า สลับกันไป ทำให้ฟังแล้วรู้สึกว้าวมาก อีกทั้งในเพลงนี้จะเน้นเนื้อเพลงภาษาไทย+ภาษาอังกฤษ ซึ่งน้อง ๆ แต่ละคนมีการออกเสียงภาษาอังกฤษได้ดี สำเนียงชัดไม่มีเพี้ยน เพลงนี้ฟังเพียงครั้งแรกก็ติดหูจนอยากจะร้องและขยับตาม บอกเลยว่านอกจากการเต้นที่เป็นเริศก็มีเสียงร้องของน้อง ๆ ในวงนี่แหละค่ะที่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่น่าหลงไหลมาก ๆ เรียกว่าโดน 4EVE ตกไปแบบเต็ม ๆ เลยละค่ะ 3 https://www.instagram.com/tv/CTZ6rG8rzfu/?utm_medium=copy_link2. Dance Performance 4EVER - 4EVE                   อีกทั้งในเรื่องที่เป็นจุดแข็งของวง 4EVE และเป็นที่พูดถึงกล่าวชมกันเยอะมากนั้นคือในเรื่องของ ‘Dance Performance’ เห็นได้เลยว่าการเต้นของน้อง ๆ ทุกคนในวงมีความโหดขึ้น! มีความพัฒนาเห็นถึงความแข็งแรงและพริ้วมาก ซึ่งในเพลง 4EVER ของสาว ๆ เป็นแนวแบบทำนองไว บีทหนัก ฟิลแบบปลุก Wake up ที่คุณฟังจะต้องตื่น! ทำให้สาว ๆจึงเลือกการเต้นแบบบล็อคกิ้ง ซึ่งการเต้นแบบดังกล่าวมีการใช้พลังค่อนเยอะ น้อง ๆ มีไลน์เต้นและการล้อคท่าที่ชักเจนมากมีการ Movement ขยันแขนขาได้ดูสมูท แถมมีความพร้อมเพรียงอย่างมาก  อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนบล้อคแพทเทิร์นส่ง-รับท่าในการเต้นได้แบบพริ้วสุด ๆ แถมที่ต้องออกปากขอชื่นชมเลยคือการใส่อินเนอร์ลงมาในเพลง เมื่อเป็นท่อนของแต่ละคนกล้องก็จะมีการซูมหน้าจับภาพใกล้ขึ้น จะสังเกตเห็นได้เลยว่าน้อง ๆ ไม่เพียงแต่เต้นได้แบบมันส์ปังเท่านั้น ยังมีการใส่สีหน้า แววตา เข้ามาร่วมกับเพลงทำให้คนดูรู้สึกฟิลบิวท์อารมณ์ไปกับโชว์ครั้งนี้ได้แบบไม่ยากเลย!💖เรียกว่าเป็นการโชว์ของน้อง ๆ ในครั้งนี้เป็นอะไรที่สุดยอดมาก ๆ มาปล่อยของกันแบบเต็มที่ ทำให้แฟนคลับหลายคนรวมถึงเราที่ติดตามน้อง ๆ มาตั้งแต่รอบออดิชั่นและเดบิวต์มีดีใจมาก เห็นถึงความพยายามและฝึกซ้อมอย่างหนักทำให้โชว์ในครั้งนี้ออกมาเรียกว่า Perfect เป็ยอย่างมาก ภาคภูมิใจในตัวน้อง ๆ วง 4EVE มากเลยนะ😉👏🏻https://youtu.be/OTs-svtutK83. Outfits Look 4EVER - 4EVE                   วง 4EVE เรียกว่าหากใครได้ติดตามน้อง ๆ มาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะรู้เลยว่าแต่ละคนมีคาแรคเตอร์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวความโดดเด่นแตกต่างกันไป สิ่งนี้ผ่านมาจากเสียงร้อง หน้าตา และลุคของแต่ละคน ซึ่งในการโชว์ในรายการ T-POP STage น้อง ๆ มีการแต่งตัวเป็นแนวสตรีทผสมแฟชั่นแบบคูล ๆ ใส่ความเซ็กซี่ไปเล็กน้อย จะเน้นให้น้อง ๆ ใส่ Dance Performance แล้วมีความกระฉับกระเฉง เต้นได้แบบเต็มที่เต็มพลัง! โดยจะมีโทนสีไปทางสีดำตัดด้วยสีฉูดฉาดอย่างสีแดง ส้ม เขียว ม่วง โดยส่วนตัวแล้วเราชอบมาก ๆ ซึ่งน้อง ๆ แต่ละคนก็จะมีชุดที่แตกต่างกันออกไป บางคนใส่เป็นแขนสั้น แขนยาว สายเดี่ยว อีกทั้งในแต่ละลุคจะมีการใส่กิมมิคเล็ก ๆ น้อยใส่เพิ่มมา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหัว สายโซ่ สร้อยคอ กำลัง สนับแขน-ขา รองเท้าบูท ทำให้น่าสนใจและรู้สึกดึงดูดสายตามาก  ซึ่งแต่ละลุคจะมีการปรับเปลี่ยนให้มีความฟิตติ้งกันไปในแต่ละคนต้องบอกเลยว่าเป็นคอสตูมที่เข้ากับน้อง ๆ และแน่นอนว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยเสริมลุคให้มีความโดดเด่นมากขึ้นอีกเท่าตัวคือ Make up และทรงผม แต่ละคนจะมีการครีเอททรงผม การแต่งหน้า ที่แตกต่างกันออกไป เรียกว่าลุคแต่ละคนที่ออกมาเมื่อมีการโชว์ Performance และถ่ายรูปออกมาแล้วนั้นเป็นอะไรที่แสนจะ Perfect ลงตัวมาก ปังปั๊วะมากค่า 4EVE!🥰https://www.instagram.com/p/CTZ0n07BAHf/?utm_medium=copy_link                     โดยจากที่เราได้รีวิวไปแล้ว On stage ของวง 4EVE ในรายการ T-POP STage เราจะเห็นถึงการพัฒนาการในหลาย ๆด้านของน้อง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการร้อง การแร็ป Dance Performance ตั้งแต่ต้นจนจบ เรียกว่า Performance โดยรวมต่างๆ นั้นทำออกมาได้ดีมาก ๆ ดีชนิดที่ว่าสะกดสายตาจนไม่สามารถละสายตาแม้แต่วินาทีเดียวจริง ๆ ซึ่งด้วยความเก่งPotential ที่สุดยอดจนต้องยกนิ้วของน้อง ๆ แต่ละคนในวงก็สมแล้วที่ใครหลาย ๆ จะยกวงเกิร์ลกรุ๊ป 4EVE ให้เป็นแถวหน้าเกิร์ลกรุ๊ปไทยในยุคนี้ ซึ่งตัวเราก็เชื่อมาก ๆ ว่าน้อง ๆ จะไม่หยุดที่จะพัฒนาในเรื่องต่าง ๆ และสักวันหนึ่งจะวงจะต้องโกอินเตอร์ไปได้ไกล ไปยังเวทีระดับโลกอย่างแน่นอนค่ะ ซึ่งก่อนจะถึงวันนั้นเราก็อยากจะขอเป็นกำลังใจ มองดูการพัฒนาของน้อง ๆ ในทุก Step นะคะ สู้เค้าละ 4EVE เฮ้!😆💘⭐️https://www.instagram.com/p/CTbYj9en0Ep/?utm_medium=copy_link                     และนอกเหนือจากเพลง 4EVER แล้วก็ยังมีเพลงวัดปะหล่ะ? (TEST ME) อีกด้วย บอกเลยว่าปังและมีความเพราะไม่แพ้กันเลย หากเพื่อน ๆ คนไหนชื่นชอบก็สามารถไปรับฟังได้เลยค่ะ 👇🏻😘https://youtu.be/WKG4s7Dh45sสามารถติดตามน้อง ๆ วง 4EVE ได้ที่ Instagram อ๊ะอาย กรณิศ : @ah_eye.korranidพั้นช์ ทิพานัน : @ppunnch ฝ้าย ณัฐธยาน์ : @callmebanananana มายด์ อาทิตยา : @_.tiya_ โจริญ คัมภีรพันธุ์ : @jorinja ตาออม เบญญาภา : @taaoemแฮนน่า โรสเซ็นบรูม : @hannah_kmzเป็นอย่างไรกันบ้างละคะสำหรับ 4EVE เป๊ะปังใน 4EVER คุณภาพไม่แผ่วเลยสมมงเกิร์ลกรุ๊ปไทย!✨ ต้องบอกเลยว่าน้อง ๆ แต่ละคนนั้นมีการพัฒนาในเรื่องของการ Performance ในโชว์ได้แบบปังปั๊วะมาก ทำให้กระแสความแมสนั้นทะลุแฟนคลับหลายคนกล่าวเอ่ยชมกันให้แซ้ด! ซึ่งเราเชื่อว่าน้อง ๆ วง 4EVE ทุก ๆ คนนั้นมีศักยภาพ อินเนอร์ การพัฒนาการที่ไวมาก ๆ รวมถึงแต่ละเพลงที่ออกมาโปรดิวซ์คือปังมาก และเชื่อว่าในอีกไม่นานน้อง ๆ วง 4EVE จะต้องไปถึงเวทีระดับโลกโกอินเตอร์อย่างแน่นอนค่ะ!🥳 และสุดท้ายนี้เราก็อยากฝากซัพพอร์ตและเป็นกำลังใจให้น้อง ๆได้ที่ Instagram ของน้อง ๆ แต่ละคนทางช่องทางด้านบน รวมถึงข่าวสารต่าง ๆ ของน้อง ๆ ผ่าน Instagram : @4eve_official กันได้เลยค่ะ :)❤️ Love you 4EVE! #4EVE #4ever4EVE #TPopStageShowEP1เครดิตภาพหน้าปกโดย T-POP STAGEภาพหน้าปก เครดิตภาพประกอบบทความโดย @tpopstage_officialวิดิโอที่1 / ภาพที่1เครดิตภาพประกอบบทความโดย @ah_eye.korranidภาพที่2 เครดิตวิดิโอประกอบบทความโดย T-POP STAGE4EVER - 4EVE | EP.01 | T-POP Stage Show SHOW[Center Camera] 4EVER - 4EVE | 04.09.2021วัดปะหล่ะ? (TEST ME) - 4EVE | EP.01 | T-POP Stage Show SHOWจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี ! 

รีวิว Shin’s Project มิสเตอร์ชินรับจบ (2025) ซีรีส์เกาหลี
อ่าน

รีวิว Shin’s Project มิสเตอร์ชินรับจบ (2025) ซีรีส์เกาหลี

ถ้าพูดถึงการรวมตัวของนักแสดงต่างเจนฯ ที่น่าสนใจที่สุดในปี 2025 ชื่อของ Shin’s Project (มิสเตอร์ชินรับจบ) ต้องติดโผอย่างแน่นอน เพราะนี่คือการกลับมาของ ฮันซอกกยูตำนานนักแสดงรุ่นใหญ่ในบทชายสูงวัยที่พยายามใช้ชีวิตเรียบง่ายโดยการเปิดร้านไก่ทอดแต่ต้องกลับมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ในหน้าที่ของตัวเองอีกครั้งกับการให้คำปรึกษาเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ทนความสนุกไม่ไหว ขอแวะมารีวิวตัวซีรีส์เต็มๆค่ะ! รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!!   เรื่องย่อ Shin’s Project มิสเตอร์ชินรับจบ (2025)   “ชิน” อดีตนักเจรจามือทองที่เคยสร้างชื่อเสียงจนเป็นตำนาน จะหันหลังให้กับโลกแห่งการต่อรองอันซับซ้อน แล้วผันตัวมาทอดไก่ขายในร้านเล็ก ๆ กลางชุมชน เขาอยากมีชีวิตเรียบง่าย ไม่ยุ่งวุ่นวายกับใคร แต่โชคชะตากลับไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นแม้จะปิดฉากอาชีพเก่าไปแล้ว แต่ความสามารถในการพูดคุย ไกล่เกลี่ย และจัดการความขัดแย้งยังคงติดตัวคุณชินอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยของเพื่อนบ้าน หรือเหตุการณ์บานปลายที่แทบหาทางออกไม่ได้ สุดท้ายผู้คนก็มักจะหันมาพึ่งพาเขาอยู่ดี     นักแสดง Shin’s Project มิสเตอร์ชินรับจบ (2025)   ฮันซอกกยู รับบทเป็น ชิน อดีตนักเจรจามือทองที่เคยสร้างชื่อเสียงจนเป็นตำนาน จะหันหลังให้กับโลกแห่งการต่อรองอันซับซ้อน แล้วผันตัวมาทอดไก่ขายในร้านเล็กๆ กลางชุมชนแต่ไม่วายต้องกลับมาให้คำปรึกษากับผู้คน แบฮยอนซอง รับบทเป็น โจ ฟิลลิป ผู้พิพากษาหนุ่มผู้เคร่งครัดกับกฎหมาย ก้าวเข้ามาในวงจรของคุณชินโดยไม่ทันตั้งตัว การเผชิญหน้าของทั้งคู่ นำมาซึ่งการปะทะทางความคิดระหว่างหลักการที่ตายตัว กับ ความยืดหยุ่นที่ยึดหัวใจคนเป็นศูนย์กลาง อีเร รับบทเป็น อีชีออน สาวรุ่นใหม่ไฟแรงจากเจเนอเรชัน MZ เข้ามาทำงานส่งของและช่วยที่ร้าน เธอเติมเต็มพลังสดใสให้กับชีวิตของคุณชินและโจ ฟิลลิป พร้อมทั้งกลายเป็นตัวเชื่อมสำคัญที่ทำให้ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป     รีวิว Shin’s Project มิสเตอร์ชินรับจบ (2025)   ซีรีส์ Shin’s Project (มิสเตอร์ชินรับจบ) ดำเนินเรื่องด้วยโทนที่ผสมผสานความอบอุ่นกับความตลกร้ายได้อย่างลงตัว เริ่มต้นจาก “คุณชิน” อดีตนักเจรจามือหนึ่งที่เลือกหันหลังให้กับอาชีพเก่าและใช้ชีวิตเงียบๆ เปิดร้านทอดไก่เล็กๆ แต่เรื่องราวกลับไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เขาคิด เพราะทุกครั้งที่เกิดปัญหาความขัดแย้งในชุมชน ผู้คนก็มักจะหันมาขอให้เขาช่วยจัดการเสมอ การกลับมาสวมบทบาทนักแก้ปัญหาโดยไม่ตั้งใจนี้เองที่กลายเป็นแกนหลักของเรื่อง พล็อตมีจุดน่าสนใจตรงการปะทะกันระหว่าง “ความจริงจังทางกฎหมาย” ของผู้พิพากษาหนุ่ม โจ ฟิลลิป กับ “ความยืดหยุ่นและศิลปะการประนีประนอม” ของคุณชิน ทั้งคู่แทบจะอยู่กันคนละโลก แต่กลับต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันท่ามกลางเหตุการณ์ที่ค่อย ๆ เปิดปมในอดีตอันลึกลับของคุณชินออกมา ขณะเดียวกัน การเข้ามาของอี ชีออน ตัวแทนเจเนอเรชันใหม่ เติมสีสันสดใสและมุมมองแตกต่างให้กับทั้งสองฝ่าย ทำให้เรื่องราวไม่เพียงแต่เข้มข้น แต่ยังชวนอบอุ่นหัวใจไปพร้อมๆกัน เสน่ห์ของซีรีส์เรื่องนี้อยู่ที่การเล่าเรื่องที่ไม่รีบร้อน แต่ชวนให้ติดตามว่าคุณชินจะเผชิญกับปัญหาต่างๆอย่างไร ปมความลับที่เขาซ่อนอยู่จะคลี่คลายแบบไหน และ สุดท้ายเขาจะสามารถหาทาง “ปิดจ๊อบ” ให้กับชีวิตที่ทั้งวุ่นวายและอบอุ่นนี้ได้หรือไม่ ความสนุกจึงมาจากทั้งมิติของคอนฟลิกที่เข้มข้น การสอดแทรกอารมณ์ขัน และความสัมพันธ์ที่ค่อยๆพัฒนาระหว่างตัวละคร ซึ่งทำให้ Shin’s Project เป็นซีรีส์ที่ครบรสและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร   เคมีของสามนักแสดงใน Shin’s Project (มิสเตอร์ชินรับจบ) คืออีกหนึ่งหัวใจที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าติดตามอย่างมาก เพราะแต่ละคนมีพลังการแสดงที่ต่างกัน แต่กลับประสานออกมาได้อย่างพอดี  (คุณชิน) ถ่ายทอดเสน่ห์ของชายวัยกลางคนที่ดูดื้อเงียบ อบอุ่นแต่มีรัศมีน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน เขาคือแกนหลักที่ทำให้คนดูเชื่อได้ว่า ตัวละครนี้แม้จะอยากใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่ก็มี “ของจริง” อยู่ข้างใน (โจ ฟิลลิป) ในบทผู้พิพากษาหนุ่มผู้เคร่งครัดกับกฎเกณฑ์ สร้างพลังตรงข้ามกับคุณชินได้ชัดเจน การเข้าฉากกับชเวมินชิกเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทั้งตลกและจริงจัง เหมือนรุ่นใหญ่กับรุ่นใหม่ที่คอยท้าทายกันอยู่เสมอ (อีชีออน) เติมความสดใสและความเป็นธรรมชาติให้กับเรื่องได้อย่างลงตัว เธอทำหน้าที่เหมือนสะพานเชื่อมที่ทำให้ความต่างของสองตัวละครชายไม่แข็งเกินไป และยังทำให้โทนเรื่องดูเบาสบายมากขึ้น   ความประทับใจที่ Shin’s Project (มิสเตอร์ชินรับจบ) มอบให้ผู้ชมคือการเดินเรื่องที่ผสมผสานหลายรสชาติได้อย่างลงตัว ทั้งความเข้มข้นของปมดราม่า ความฮาที่แทรกมาอย่างเป็นธรรมชาติ และความอบอุ่นที่ซ่อนอยู่ในทุกความสัมพันธ์ของตัวละคร สิ่งที่ซีรีส์ถ่ายทอดได้ดีคือ “ความเป็นมนุษย์” ที่ทุกคนล้วนมีด้านแข็งและด้านอ่อน มีความขัดแย้งแต่ก็โหยหาความเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นการถกเถียงระหว่างกฎหมายกับความเมตตา หรือ การแก้ปัญหาด้วยหัวใจแทนการตัดสินเพียงตัวหนังสือ ทุกอย่างถูกเล่าออกมาอย่างละเมียดละไม จนผู้ชมรู้สึกผูกพันกับตัวละครราวกับอยู่ใกล้ๆ กันจริงๆ   ท้ายที่สุด Shin’s Project ไม่ได้ทำให้ประทับใจแค่เพราะพล็อตหรือการแสดง แต่เพราะความรู้สึกอบอุ่นที่แทรกซึมเข้ามาทีละน้อย จนเมื่อดูจบแล้ว เหมือนเราได้เรียนรู้การมองโลกในมุมที่อ่อนโยนขึ้นอีกหน่อย สามารถติดตามตัวซีรีส์ได้แล้ววันนี้ที่ VIU      ขอขอบคุณ @tvN drama  ภ่าพปก 1/2/3 ภาพที่ 1/2/3/4/5   จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !  

10 ข้อที่ควรดูซีรีส์อินเดีย-อเมริกัน Never Have I Ever (2020) จาก NETFLIX Original
อ่าน

10 ข้อที่ควรดูซีรีส์อินเดีย-อเมริกัน Never Have I Ever (2020) จาก NETFLIX Original

            ซีรีส์ที่ผสมผสานความเป็นเอเชียท่ามกลางสังคมวัยรุ่นอเมริกัน การใช้ชีวิตของเดวี่ วิศวกุมาร สาวน้อยเชื้อสายอินเดีย 100% ที่เติบโตในอเมริกา มองเผิน ๆ ก็เหมือนคนอินเดียทั่ว ๆ ไป แท้จริงเธอไม่มีความเป็นอินเดียเลยต่างหาก ซีรีส์ถ่ายทอดการใช้ชีวิตไฮสคูลที่มีทั้งความรัก มิตรภาพ ครอบครัว เป็นหนัง Coming of Age ที่มีสีสันของความเป็นอินเดียเข้ามาทำให้มีความสับสันปะปนกันไป ทำไมเราจึงแนะนำให้ไปดูเพราะ 10 ข้อที่ควรดูของ Never Have I Ever ภารกิจแสนซน ของคนไม่เคยของเดวี่ ที่ต้องลองทำบางอย่างเป็นครั้งแรกก่อนก้าวข้ามความเป็นวัยรุ่นไปก็น่าจะโดนใจหลาย ๆ คนที่ผ่านช่วงเวลานั้นมา01 รู้จักวัฒนธรรมอินเดียผ่านครอบครัวของเดวี่ เราจะเห็นว่าครอบครัวนี้มาอยู่ที่อเมริกาเพราะหน้าที่การงานที่เติบโต ประชาชนส่วนใหญ่ในอินเดียนับถือศาสนาฮินดู รวมถึงครอบครัวนี้ด้วย สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เห็นคือ พ่อแม่ไม่ทานเนื้อวัว แต่เดวี่เองทาน แม่ที่บังคับลูกให้เป็นไปตามวิถีของคนเอเชีย ตั้งใจเรียนอย่างเคร่งครัด ห้ามคบเพื่อนต่างเพศ มองภาพการศึกษาต้องควบคุมเด็ก การศึกษาแบบอเมริกาไม่สร้างคนคุณภาพ02 มิตรภาพภายในกลุ่มเพื่อนที่รวมตัวกันหลายชาติพันธุ์ทั้งอินเดีย จีน และเม็กซิกัน ที่เหล่าเพื่อนในโรงเรียนในฉายากลุ่มนี้ว่า UN เป็นการรวมตัวของคนที่ไม่โดดเด่น แต่ก็มีความอบอุ่นและจริงใจภายในแก้งค์เพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ03 Stereotype ที่มองคนเอเชียว่าฉลาด แบบที่เพื่อน ๆ ในห้องให้ฉายาว่ากลุ่มเนิร์ด ที่สำคัญซีรีส์ก็ทำให้เห็นว่าเดวี่เป็นเด็กที่เรียนเก่ง04 ธรรมเนียมปฎิบัติของอินเดีย ในเรื่องครอบครัวของเดวี่ที่อาศัยอยู่กับแม่และลูกพี่ลูกน้องของเธอ ที่กำลังเรียนปริญญาเอก มหาวิทยาลัยชื่อดัง แต่ต้องถูกคลุมถุงชนที่ครอบครัวเลือกให้ เธอพยายามหาทางออกว่าคู่ครองเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง แน่นอนว่าจะต้องปัญหากับครอบครัวอย่างแน่นอนหรือให้เป็นหน้าที่ของครอบครัวจะดีกว่า05 ความเจ็บปวดของวัยรุ่นผ่านตัวละคร ประเด็น LGBTQ ผ่าน ฟาร์บิโอล่า เพื่อนสาวชาวเม็กซิกัน ที่ต้องยอมรับความเป็นตัวเองและทำอย่างไรให้ครอบครัวได้รับรู้ ประเด็นความขัดแย้งระหว่างครอบครัวผ่าน อีลีเนอร์ หว่อง ที่แม่ยังไล่ล่าความฝัน ซึ่งการทำเช่นนี้ย่อมทำให้เธอห่างจากลูกไปเรื่อย ๆ จนลูกที่เคยเห็นว่าแม่เป็นไอดอล ไม่คิดเช่นนั้นอีกต่อไป ประเด็นพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ลูกผ่าน เบน เพื่อนคู่ปรับกับเดวี่ทางการศึกษา ทำให้เห็นว่าจิตใจของเด็กที่พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ ภายในใจเขาเป็นเช่นไร06 มุมมองด้านความรัก เราได้เห็นความรักในวัยรุ่นที่เป็นทั้งแรงบันดาลใจ ความโรแมนติก หรือความรักแบบเพื่อนที่เดวี่ต้องตัดสินใจว่าเธอจะนิยามความรักแบบใด และมอบความรักให้ใครระหว่าง เบน ที่เปลี่ยนจากคู่ปรับมาเป็นคนที่เข้าใจหรือ แพ็กตั้น หนุ่มหล่อในฝันที่มอบปาฏิหาริย์ในชีวิต07 แม่เลี้ยงเดี่ยว ผู้ที่ไม่ค่อยลงรอยกับลูก เราจะได้เห็นประเด็นครอบครัวที่แม่ของเดวี่ ที่ควยควบคุม ไม่ให้อิสระกับลูกเป็นเพราะเธอรักลูกน้อย หรือรักตามแบบฉบับของคุณแม่สไตล์เอเชียกันแน่08 วันสำคัญทางศาสนาฮินดูก็คือวันรวมญาติแบบเอเชีย การอนุญาตให้บรรดาญาติ ๆ เข้ามาติฉินนินทา โอ้อวดลูกหลานอย่างเปิดเผย ในมุมนี้ใคร ๆ ที่ดูก็น่าจะเชื่อมโยงกับประเทศไทยที่มีวัฒนธรรมการรวมญาติคล้าย ๆ กัน09 ใครที่ชื่นชอบ จอห์น แม็คเอนโร นักเทนนิสชายชาวอเมริกัน อดีตมือวางอันดับหนึ่งของโลก ที่พากย์ดำเนินเรื่องให้เนื้อเรื่องกลมกล่อมเพราะอุปนิสัยที่คล้ายกับ "เดวี่" ที่อารมณ์ร้อน พอ ๆ กัน ในภาคแรก แม็คเอนโร ได้ปรากฎตัวด้วยแต่ไม่บอกหรอกว่าตอนไหนต้องไปหาดูกันเอง10 เราจะผ่านมันไปด้วยกัน Coming of Age บทสรุปในซีซั่น 1 ทำให้ตัวละครทุกคนเติบโตขึ้น ผ่านครั้งแรก... ในหลาย ๆ อย่างที่ชวนให้ย้อมมองที่ชีวิตของเรา ในวัยเดียวกันนี้ เรามีมีหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นเหมือนกับเด็กวัยรุ่นในเรื่อง เพื่อน ๆ สามารถรับชม Never Have I Ever ได้ที่ Netflix ซึ่งในปัจจุบันสามารถรับชม Netflix ผ่านทางกล่อง True ID TV ได้แล้ววันนี้ อย่าพลาดที่รับชมเชียวล่ะ หลังดูจบแล้วก็คงอยากดูซีซั่นต่อไปอย่างแน่นอน ซีรีส์ภาคต่ออาจจะเล่นประเด็นของแพ็กตั้น หนุ่มหล่อลูกเสี้ยวญี่ปุ่น ต้องติดตามชมไปด้วยกันนะ ภาพหน้าปกและภาพประกอบจาก Never Have I Ever | Official Trailer | Netflix     

รู้จัก 8 นักแสดง ซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย
อ่าน

รู้จัก 8 นักแสดง ซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย

         และแล้วก็เดินทางมาถึง Season4 ซึ่งถือว่าเป็น Season สุดท้ายแล้วสำหรับซีรีส์ original ของทาง Netflix อย่าง “Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย” ที่เป็นการบอกเล่าของวัยรุ่นชาวอินเดียอย่าง เดวี่ ที่ในแต่ละวันของเธอนั้นมีเรื่องวุ่นวายอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว ความสัมพันธ์กับเพื่อน หรือเรื่องราวของความรักของเธอนอกจากพล็อตเรื่องจะสนุกเฮฮาไม่เครียดแล้วนั้น ก็ยังได้เหล่านักแสดงมากฝีมือในเรื่องอีกด้วย วันนี้เราเลยอยากจะชวนเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับนักแสดงในเรื่องนี้กันผ่านทาง ‘รู้จัก 8 นักแสดง ซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย’ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย (Never Have I Ever) ซีซั่นสุดท้าย | ตัวอย่างอย่างเป็นทางการ | Netflixhttps://youtu.be/RJljOsqFqvIhttps://www.instagram.com/p/Cs1iGrZJy1w/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==https://www.instagram.com/p/CsBpqOWNdhy/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==1.) ไมท์เรยิ รามากริชนาน (Maitreyi Ramakrishnan)        นางเอกในซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย มีชื่อว่า “ไมท์เรยิ รามากริชนาน (Maitreyi Ramakrishnan)” เธอเกิดเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ2001 ปัจจุบันอายุ 21 ปี เธอนั้นเกิดและเติบโตในเมือง Mississauga, Ontario ประเทศแคนาดา สัญชาติแคนาดา ในพาร์ทของการศึกษา York University ในสาขาการละครhttps://www.instagram.com/p/CtcPzMQO407/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ไมท์เรยิ รามากริชนาน รับบท เดวี่ วิชวากุมาร        โดยในซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย สาวไมท์เรยิ รามากริชนาน แสดงในบทบาทของ “เดวี่ วิชวากุมาร (Devi Vishwakumar)” ซึ่งเป็นนางเอกหรือตัวเองของเรื่อง เธอนั้นเป็นสาวสวยชาวอินเดียที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 6 และกำลังเข้ามหาลัยในอีกไม่ช้า เธอเป็นเด็กเนิร์ด เรียนเก่ง และเป็นคู่แข่งและคู่กัดตีคู่กันกับเบนในเรื่องของการเรียนเสมอ มีนิสัยเฮฮา ทะเล้น แต่จะเป็นคนที่พูดมากพูดเยอะเวลาตื่นเต้น ทำให้ในหลาย ๆ ครั้งเธอทำทุกอย่างพังไม่เป็นชิ้นดี ซึ่งเรียกว่าสาวไมท์เรยิแสดงออกมาได้ดีเยี่ยมมาก เหมือนเธอแสดงเป็นเดวี่จริง ๆ ดึงและคีพคาแรคเตอร์ได้ปังมาก ชอบตอนเดวี่คลั่งรัก ดูแล้วแบบอินสุดอะไรสุดจริง ๆ ค่ะ เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่การันตีว่าเพื่อน ๆ จะต้องหลงรักแน่นอนhttps://www.instagram.com/p/CsRfsrNJV8N/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==https://www.instagram.com/p/CtKJZFcJpPz/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==https://www.instagram.com/p/CtSE57GPOxs/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ช่องทางการติดตามไมท์เรยิ รามากริชนานInstagram : @maitreyiramakrishnan2.) จาเรน เลวิสัน (Jaren Lewison)         นักแสดงคนต่อมาในเรื่องนี้ก็คือหนุ่ม “จาเรน เลวิสัน (Jaren Lewison)” เขาเกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ 2000 เกิดและเติบโตที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส จบการศึกษาจากวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ด้วยปริญญาตรีสาขาจิตวิทยา พร้อมวิชาโทด้านนิติวิทยาศาสตร์และอาชญวิทยา โดยเขาเคยเป็นนักแสดงเด็กที่แสดงในละครเรื่อง Barney Friends และบทบาทที่โดดเด่นที่สุดของเขาคือ Lang Fisher และ Mindy Kaling และซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever ทาง Netflixhttps://www.instagram.com/p/Cikw9wDpHs1/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==จาเรน เลวิสัน รับบท เบ็น กรอส         โดยในซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย หนุ่มจาเรนแสดงเป็น “เบ็น กรอส (Ben Gross)” เป็นหนุ่มเนิร์ดเรียนเก่งที่เป็นคู่ปรับกับเดวี่ แต่แล้วพวกเขาทั้งสองก็ดันตกหลุมรักกันและกันแบบงง ๆ ซึ่งเบ็นเป็นคนที่รวย  เพอร์เฟค เกิดมาในกองเงินกองทอง เป็นคนที่ค่อนข้างปากเก่ง ชอบเอาชนะทำให้บางครั้งเขาเผลอขิงและดูถูกคนอื่นแต่ลึก ๆ แล้วเขาเป็นคนที่มีจิตใจดี อีกทั้งเขายังเป็นหนุ่มที่ Perfectionist พอตัวเลย ซึ่งหนุ่มจาเรนก็แสดงในบทบาทของเบ็นได้ดีมาก มีความเป็นเบ็นจริง ๆ แสดงอินเนอร์ผ่านสีหน้า แววตา และท่าทางได้ดีมาก จนบางครั้งทางเราดูไปก็หมั่นไส้ไปเลยละค่ะ ฮ่า ๆ https://www.instagram.com/p/Cs9kWFmviF9/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==https://www.instagram.com/p/Ch2d0Lpsyf-/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ช่องทางการติดตามจาเรน เลวิสันInstagram : @jarenlewison3.) ดาร์เรน บาร์เน็ต (Darren Barnet)         หนุ่มฮอตในเรื่อง Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย ที่บอกเลยว่าใครต่อใครเป็นต้องหลง!♥️หนุ่มคนนั้นคือ “ดาร์เรน บาร์เน็ต (Darren Barnet)” เขาเกิดเมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ.1991 ในลอสแองเจลิส โดยเขานั้นแสดงละครและภาพยนตร์สั้นตั้งแต่อายุได้ 5 ขวบ และในปี 2018 หนุ่มดาร์เรน รับบทบาท เป็นฮอต เซธในซีรีส์เรื่อง Turnt แลเได้แสดงตัวประกอบในภาพยนตร์โทรทัศน์ Lifetime Instakiller ซึ่งเป็นการเปิดตัวในพาร์ทของการแสดงภาพยนตร์ของเขาเลยhttps://www.instagram.com/p/CidQFGZOyPC/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ดาร์เรน บาร์เน็ต รับบท แพ็กซ์ตัน ฮอลล์-โยชิดะ        หนุ่มดาร์เรน บาร์เน็ต รับบทบาทเป็น “แพ็กซ์ตัน ฮอลล์-โยชิดะ (Paxton Hall-Yoshida)” โดยเขานั้นเป็นหนุ่มหล่อสุดฮอตประจำโรงเรียนที่สาวมๆ ทุกคนต่างชื่นชอบ โดยใน Season4 นั้นเขาก็ได้ขึ้นมหาวิทยาลัยที่ ASU แต่แล้วก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นกับเขา ทำให้เขาจะต้องกลับมาอยู่ที่เดิม!? โดยแพ็กซ์ตันนั้นเป็นเหมือนรักแรกของเดวี่เลย เป็นหนุ่มที่เดวี่ไฝ่ฝันอยากเป็นแฟนกับเขามาก ๆ แพ็กซ์ตันเป็นคนที่มีนิสัยดี เป็นหนุ่มสายชิล แอบมีความเจ้าชู้ไม่ใช่เล่น เขาเป็นคนที่รักครอบครัว รักเพื่อนมาก ซึ่งหนุ่มดาร์เรนนั้นเรียกว่าฟิตติ้งกับบทบาทที่ได้รับเป็นอย่างมาก เป็นหนุ่มที่หล่อ นัยต์ตาสวยมีเสน่ห์ หุ่นคือแซ่บเบอร์สิบมาก เป็นหนึ่งบทบาทที่ชวนหวีดมากค่า https://www.instagram.com/p/CsrX9eHPZnx/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==https://www.instagram.com/p/CrAFg7DLACx/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ช่องทางการติดตามดาร์เรน บาร์เน็ตInstagram : @darrenbarnet4.) ไมเคิล ซิมิโน (Michael Cimino)         หนุ่มหล่อคนต่อมา เป็นหนุ่มที่เรียกว่ามาใหม่ใน Season เป็นหนึ่งในตัวละคนที่หล่อเท่กร้าวใจมาก นั่นคือหนุ่ม“ไมเคิล ซิมิโน (Michael Cimino)” เขาเกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ1999 ปัจจุบันอายุ 23 ปี ที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา โดยหนุ่มไมเคิล ซิมิโนเป็นหนุ่มที่หลายคนรู้จักเขาในบทบาทของ Bob Palmeri จากเรื่อง Annabelle Comes Home และ Victor Salazar ใน Hulu series Love, Victorhttps://www.instagram.com/p/CTniAeKvcBB/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ไมเคิล ซิมิโน รับบท อีธาน โมราเลส          โดยในซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย หนุ่มไมเคิล ซิมิโน แสดงเป็น “อีธาน โมราเลส (Ethan Morales)” โดยเขานั้นเป็นเด็กชั้นมัธยมปีที่ 5 เป็นรุ่นน้องในโรงเรียนที่หล่อคมเข้ม แถมฮอตสาวกรี๊ดมาก แต่เขาเป็นคนที่นิสัยไม่ดี เกเร แถมยังมีความเป็นตัวของตัวเองสูง เจ้าชู้มาก แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาและเดวี่เกิดปิ๊งกันเรื่องราววุ่น ๆ  ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ก็ต้องไปติดตามรับชมค่า ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ใหม่ในเรื่องนี้ แต่บอกเลยว่าเป็นบทบาทที่มีเสน่ห์จนแฟนคลับของซีรีส์เรื่องนี้คือหวีดมาก หนุ่มไมเคิลแสดงคาแรคเตอร์ของอีธานออกมาได้ดี ดูแบดถึงใจ ดูแล้วหลงรักตามเลย😍 แถมขอสปอยด์เลยว่าหนุ่มไมเคิลหนุ่มแซ่บมากแม่!! https://www.instagram.com/p/CtPLgTUJ3xs/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ช่องทางการติดตามไมเคิล ซิมิโนInstagram : @itsmichaelcimino5.) ราโมน่า ยัง (Ramona Young)        นักแสดงคนต่อมาในซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever นั่นคือสาวสวยหน้าเฉี่ยวที่บอกเลยว่าเฟี๊ยซตัวแม่มาก เธอคนนั้นก็คือ “ราโมน่า ยัง (Ramona Young)” เกิดวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ.1995 ปัจจุบันอายุ 25 ปี  จริง ๆ แล้วเธอเป็นคนฮ่องกง และได้มาใช้ชีวิตที่สหรัฐอเมริกา เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียลอสแองเจลิส และได้ศึกษาการแสดงที่ Playhouse West โดยเธอนั้นได้ปรากฏตัวครั้งแรกในตอนของซิทคอม ABC เรื่องสั้นเรื่อง Super Fun Night ในปี 2014 อีกทั้งเธอยังมีความสนใจและความสามารถในด้านการเขียนบท และการกำกับอีกด้วย เรียกได้ว่าสวยเก่งไม่เกินจริงhttps://www.instagram.com/p/ClG7sw4J4Rv/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ราโมน่า ยัง รับบท เอเลนอร์ หว่อง       โดยในซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever สาวราโมน่า ยัง รับบทเป็น “เอเลนอร์ หว่อง” เป็นหนึ่งในเพื่อนซี้ของเดวี่ โดยเธอนั้นเป็นชาวเกาหลีที่เรียกว่าแฟชั่นนิสต้ามาก เป็นคนที่มีนิสัยร่าเริง Alert เป็นคนที่เฮฮา และเป็นพลังบวกของเพื่อน ๆ อยู่เสมอเลย เอเลนอร์ยังมีความฝันอยากเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงโด่งดังในฮอลลีวูดอีกด้วย เรียกว่าเป็นหนึ่งตัวละครที่น่ารัก ช่วยสร้างสีสันและความสนุกให้กับเรื่องราวเป็นอย่างมาก โดยสาวราโมน่านั้นพรีเซ้นท์ออกมาได้ดีมาก ชอบการแต่งตัวของเธอในแต่ละซีนมาก โดดเด่นคัลเลอร์ฟูลสุดแม่ ♥️https://www.instagram.com/p/CsyxK7nOMu5/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==https://www.instagram.com/p/Cq-5gxYL_bM/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ช่องทางการติดตามราโมน่า ยังInstagram : @ramonabishyoung6.) ลี โรดริเกซ (Lee Rodriguez)        มาต่อกันที่นักแสดงคนต่อมาในซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever นั่นคือ สาวเท่สุดปังอย่าง “ลี โรดริเกซ (Lee Rodriguez)” เธอเกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ.1999 ปัจจุบันอายุ 23 ปี ในเมืองเฟรสโน รัฐแคลิฟอร์เนีย การแสดงครั้งแรกของเธอคือ บทบาทของ Bea ในซีรีส์เรื่อง Class of Lies ในปี 2018 และในปีเดียวกันนั้น เธอก็ได้แสดงในเรื่อง Grown-ish และปี 2020 กับซีรีส์ทาง Netflix อย่าง Never Have I Ever https://www.instagram.com/p/CtAOnCwSwPI/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ลี โรดริเกซ รับบท ฟาบิโอล่า ตอร์เรส       ในซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever สาวลี โรดริเกซ รับบทเป็น “ฟาบิโอล่า ตอร์เรส (Fabiola aka Fab)” หรือจะเรียกเธอสั้น ๆ ว่า Fab (แฟ้บ) โดยเธอก็เป็นเพื่อนรักเพื่อนที่ดีของเดวี่ เป็นคนที่ซัพพอร์ตและใจดีกับเพื่อนมาก อีกทั้แฟ้บยังเป็นคนที่ฉลาด รักความถูกต้อง รักเพื่อน และเธอก็มีทักษะด้านการสร้างหุ่นยนต์ เป็นหัวหน้าชมรมหุ่นยนตร์เลย และแฟ้บก็เป็น LGBTQ อีกด้วย เรียกว่าเธอนั้นเป็นอีกหนึ่งคาแรคเตอร์ที่น่ารัก เป็นคนที่มีความอบอุ่นใจมาก ซึ่งสาวแซ่บอย่างลี โรดริเกซ สลัดภาพสาวเซ็กซี่สาวแซ่บออกมาอย่างสิ้นเชิง แสดงออกมาได้ดีมาก ชอบวิธีการพูด การมองของเธอ ทำให้คนดูอินและหลงรักตัวละครนี้ไปแบบเต็มเปา!😍👏🏻https://www.instagram.com/p/CsZgJvNvLPW/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==ช่องทางการติดตามลี โรดริเกซInstagram : @leerodriguez7.) วิคตอเรีย มอโรลส์ (Victoria Moroles)       นักแสดงสางสวยในซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย นั่วคือสาวหน้าเก๋อย่าง “วิคตอเรีย มอโรลส์” เกิดเมื่อวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 1996 ปัจจุบันอายุ 26 ปี ที่ Corpus Christi, Texas ส่วนสูง 170 เซนติเมตร โดยเธอนั้นเปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 ในภาพยนตร์ต้นฉบับของดิสนีย์แชนแนลเรื่อง Cloud 9 และต่อมาเธอก็มีผลงานออกมาอีกมากมทย ไม่ว่าจะเป็น Liv and Maddie , Teen Wolf , Down a Dark Hall ถือว่าเธอนั้นเป็นนักแสดงเด็กที่เก่งและมีความสามารถมากจริง ๆ ค่ะhttps://www.instagram.com/p/CRmlunysRk9/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==วิคตอเรีย มอโรลส์ รับบท มาร์โกต์      โดยในซีรีส์เรื่อง Never Have I Ever สาววิคตอเรีย มอโรลส์ รับบทเป็น “มาร์โกต์ (Margot)” ซึ่งเธอนั้นเป็นแฟนสาวคนใหม่ของเบน ซึ่งเธอนั้นเป็นสาวสวยที่เรียกว่าค่อนข้างมีความเป็นตัวของตัวเอง ดูแรง ๆ แต่จริงใจ ตรงไปตรงมา เธอนั้นชื่นชอบเกี่ยวกับพวกงานศิลป์มาก อีกทั้งเธอยังเป็นคู่ปรับของเดวี่อีกด้วย ซึ่งสาววิคตอเรียก็แสดงคาแรคเตอร์ของมาร์โกต์ออกมาได้เป็นอย่างดีมาก อินเนอร์อินใจคือมาเต็มมากช่องทางการติดตามวิคตอเรีย มอโรลส์Instagram : @victoriamoroles8.) เบนจามิน นอร์ริส (Benjamin Norris)         เดินทางมาถึงหนุ่มหล่อคนสุดท้ายท้ายสุดในซีรีส์ Never Have I Ever นั่นคือหนุ่ม “เบนจามิน นอร์ริส” เขาเกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม โดยเกิดในไวต์เพลนส์ นิวยอร์ก โดยเขานั้นเปิดตัวในฐานะของนักแสดงในภาพยนตร์สั้นเรื่อง Mens Rea ในปี 2010 ซึ่งถือว่าเป็นหนุ่มหล่อมาดเท่ที่มีคาแรคเตอร์โดดเด่นมากเลยละค่ะ ^^https://www.instagram.com/p/ChxVPQsJdBH/?igshid=MzRlODBiNWFlZA==เบนจามิน นอร์ริส รับบท เทรนต์       โดยเบนจามินรับบทบาทเป็น “เทรนต์ (Trent)” เป็นเพื่อนซี้เบสเฟรนของแพ็กซ์ตัน เป็นหนุ่มที่มีความเกเร ชิล ๆ และยังไม่ค่อยชอบเรียนหนังสือ ทำให้เขาซ้ำชั้นมัธยมปีที่ 6 ไม่ได้ขึ้นในมหาลัย สิ่งนี้ทำให้เขาเสียใจเป็นอย่างมาก โดยหนุ่มเบนจามิน นอร์ริสนั้นแสดงออกมาได้ดีมาก คาแรคเตอร์คือโดดเด่น มีความชิลทะเล้นที่ฮามาก เป็นอีกหนึ่งบทบาทสมทบในเรื่องที่สร้างสีสันมากค่ะ🫶🏻ช่องทางการติดตามเบนจามิน นอร์ริสInstagram : @benanorrisก็จบลงไปแล้วนะคะสำหรับ รู้จัก 8 นักแสดง ซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย ต้องบอกเลยว่านักแสดงแต่ละคนในเรื่องนั้นล้วนแล้วแต่มีความน่ารัก คาแรคเตอร์โดดเด่นมาก แถมยังแสดงออกมาได้ดี มีความธรรมชาติ โบ๊ะบ๊ะแบบสุด! ทำให้เรื่องราวสนุกสนานและคนดูอินตามเลยละค่ะ และสุดท้ายนี้เพื่อน ๆ สามารถติดตามซีรีส์ Never Have I Ever ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย ทั้ง Season 1-4 ได้แล้ววันนี้ทาง Netflix ค่า ^^เครดิตภาพหน้าปกโดย@neverhaveiever : ภาพหน้าปก1 / ภาพหน้าปก2 / ภาพหน้าปก3 / ภาพหน้าปก4 / ภาพหน้าปก5 / ภาพหน้าปก6 / ภาพหน้าปก7 / @benanorris : ภาพหน้าปก8 เครดิตภาพประกอบบทความโดย@neverhaveiever : ภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่4 / ภาพที่5 / ภาพที่6 / ภาพที่8 / ภาพที่9 / ภาพที่11 / ภาพที่17 / ภาพที่20@maitreyiramakrishnan : ภาพที่3 @jarenlewison : ภาพที่7 @darrenbarnet : ภาพที่10 /  / ภาพที่12@itsmichaelcimino : ภาพที่13 / ภาพที่14 @neverhaveiever : ภาพที่15 / ภาพที่21 / ภาพที่23 / ภาพที่25@ramonabishyoung : ภาพที่16 / ภาพที่18 @leerodriguez : ภาพที่19 @victoriamoroles : ภาพที่22 @benanorris : ภาพที่24 เครดิตวิดีโอประกอบบทความโดย Netflix Thailandภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย (Never Have I Ever) ซีซั่นสุดท้าย | ตัวอย่างอย่างเป็นทางการ | Netflixบทความที่น่าสนใจ : https://intrend.trueid.net/post/308026จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

You กับ Your ใช้ต่างกันอย่างไร ให้ถูกต้อง!!
อ่าน

You กับ Your ใช้ต่างกันอย่างไร ให้ถูกต้อง!!

 สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่านนะครับ วันนี้ผู้เขียนจะมาตอบคำถามยอดนิยม ที่คนไทยส่วนใหญ่มักจะสงสัย ระหว่างคำว่า You กับ Your ใช้ต่างกันอย่างไร ให้ถูกต้อง!! ผู้เขียนการันตีเลยว่า หากคุณว่าบทความนี้จบ คุณจะเข้าใจความแตกต่างระหว่าง 2 คำนี้ อย่างแน่นอน ไปดูกันเลยว่าจะมีวิธีการใช้คำศัพท์ 2 คำนี้อย่างไรบ้าง  You (ยู) แปลว่า คุณเป็นคำสรรพนามที่เราสามารถใช้เป็นประธานของประโยคเพื่ออ้างถึงคนคนหนึ่งได้ ซึ่งเรามักจะวาง You ไว้หน้าประโยค ตัวอย่างเช่นYou are a good teacher.แปลว่า คุณเป็นครูที่ดี You like learning English.แปลว่า คุณชอบเรียนภาษาอังกฤษ You come from Japan.แปลว่า คุณมาจากประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ เรายังใช้ You เป็นกรรมของประโยคเพื่ออ้างถึงคนคนหนึ่งที่ถูกกระทำได้ด้วย ซึ่งเรามักจะวาง You ไว้ท้ายคำกริยา ตัวอย่างเช่นI will call you tonight.แปลว่า ฉันจะโทรหาคุณคืนนี้ I need to meet you at noon.แปลว่า ฉันต้องการพบคุณตอนเที่ยง I will punish you if you are lazy.แปลว่า ฉันจะลงโทษคุณถ้าคุณขี้เกียจ  Your (ยัวร์) แปลว่า ของคุณเป็นคำ Possessive Determiners หรือ คำที่วางไว้หน้าคำนามเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ เรามักจะวาง your ไว้หน้าคำนามที่เราต้องการแสดงความเป็นเจ้าของเสมอ ตัวอย่างเช่นI like your car.แปลว่า ผมชอบรถของคุณ [ your แสดงความเป็นเจ้าของ car] Your house is so beautiful.แปลว่า บ้านของคุณสวยมาก [ your แสดงความเป็นเจ้าของ house] Your friend comes from Thailand.แปลว่า เพื่อนของคุณมาจากประเทศไทย [ your แสดงความเป็นเจ้าของ friend]  คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องจากประโยคตัวอย่าง1. teacher (ที'เชอะ) ครู2. come (คัม) มา3. Japan (จะแพน') ญี่ปุ่น4. punish (พัน'นิช) ลงโทษ5. lazy (เล'ซิ) ขี้เกียจ6. beautiful (บิว'ทิฟูล) สวย7. Thailand (ไทย์แลนด์) ประเทศไทย8. house (เฮาซฺ) บ้าน9. friend (เฟรนดฺ) เพื่อน10. noon (นูน) เที่ยง นี่คือความแตกต่างระหว่างคำว่า You กับ Your ใช้ต่างกันอย่างไร ซึ่งคุณผู้อ่านทุกท่านน่าจะเข้าใจกันดีแล้ว หลังจากอ่านบทความนี้เสร็จ อย่าลืมไปฝึกแต่งประโยคภาษาอังกฤษโดยการใช้คำศัพท์ 2 คำนี้นะครับ รับรองว่าทักษะการแต่งประโยคภาษาอังกฤษของคุณจะดีขึ้นแน่นอนครับ หากบทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณอย่าลืมแชร์ต่อให้เพื่อนด้วยนะครับ แล้วเจอกันใหม่ในบทความต่อไป สวัสดีครับ :)  ช่องทางการติดตาม อังกฤษออนไลน์ - แอมไฟน์ แต๊งกิ้วTrue ID: https://creators.trueid.net/@117825FACEBOOK PAGE: https://www.facebook.com/englishonlineimfinethankyouYoutube: https://www.youtube.com/channel/UCWfLIf66fDJuI86DqRPLGgQ ขอบคุณรูปภาพประกอบภาพหน้าปกและภาพประกอบหน้าปกทั้งหมด โดย Canvaภาพประกอบ 1-4 จาก Pixabayภาพที่ 1 โดย eommina, ภาพที่ 2 โดย moteoo, ภาพที่ 3 โดย mohamed_hassan, ภาพที่ 4 โดย davidrockdesign  เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

เปิดวาร์ป 7 เด็กฝึกที่น่าจับตามองใน PROJECT 7 คาริสม่าแรง หล่อไม่ทับไลน์กัน
อ่าน

เปิดวาร์ป 7 เด็กฝึกที่น่าจับตามองใน PROJECT 7 คาริสม่าแรง หล่อไม่ทับไลน์กัน

เตรียมออกอากาศ 18 ตุลาคมนี้แล้ว สำหรับรายการเซอร์ไววัลค้นหาไอดอล Project 7 (2024) โปรเจคเดบิวต์วง Boy Group สมาชิก 7 คน ทางช่อง JTBC เวลา 2 ทุ่ม 50 นาทีเกาหลี สำหรับใครที่ยังไม่ได้ปักเมนเลือกเชียร์ใคร เราได้จิ้มมาให้แล้วกับ 7 เด็กฝึก ที่น่าจับตามอง จาก 99 ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดค่ะ  1. Petch - เพชร | Thailand โปรไฟล์จากรายการ เกิด 29.10.2000 mbti ENFJ บุคคลต้นแบบ ชาอึนอู Astro จุดขาย ความมั่นใจ ตำแหน่ง center rap ความสามารถพิเศษ กระดิกหูได้ อยากอยู่ทีมแบบไหน ทีม เท่และน่ารัก คอนเสปต์ที่อยากลอง เซ็กซี่และน่ารัก ชื่อจริง ภาณุทัต แซ่หลี เท่าที่เราดูมาคนนี้คือเต้นเก่งอันดับต้น ๆ ในรายการเลยค่ะ ลายเต้นคือดีย์ พริ้วไหวไหลลื่น ดูมีฟีลลิ่งในการเต้นไม่หน้าเดียว เล่นหูเล่นตาเก่ง ในรูปอาจเห็นความหล่อได้ไม่หมด แนะนำให้ดูเป็นภาพเคลื่อนไหว เพราะฮีคือน่ารัก ยิ้มง่าย มีเสน่ห์มากจนตกแฟนญี่ปุ่นเข้าด้อมรัว ๆ อ่ะคิดดู ตอนนี้แม่ญี่ปุ่นคือพากันเรียก Pechi (เพชี่) กันแล้วนะ ก็สำหรับเด็กไทยความสามารถดีคนนี้ ไม่ตามเชียร์ไม่ได้แล้วค่า วาร์ป : petchptsl 2. Jeon Minwook - จอน มินอุค | South Korea โปรไฟล์จากรายการ เกิด 16.10.1999 mbti INTP บุคคลต้นแบบ WOODZ จุดขาย หน้าตา ตำแหน่ง center ความสามารถพิเศษ แต่งเพลงเอง อยากอยู่ทีมแบบไหน ทีม all rounder คอนเสปต์ที่อยากลอง ฮิปฮอปและเซ็กซี่ มินอุคอยู่ใต้สังกัดค่าย PocketDol Studio เป็นสมาชิกวงบอยกรุ๊ป BAE173 สเตจเนม Jmin คนนี้คือมีความหน้าตาและจริตแบบยอนจุน txt มากแกร ยิ่งทรงปากคือเหมือนเลย เรื่องเต้นก็มีเสน่ห์ไม่ไหว เลื้อยเก่งสุดไรสุด อินเนอร์ใด ๆ ออกทางสีหน้าและแววตาชัดเจน ฮีดูมีแพชชั่นในการเป็นไอดอลมาก เรื่องตำแหน่ง center คือไม่ไกลเกินเอื้อมแน่ค่ะสำหรับพี่คนนี้  วาร์ป : jminwk  3. Lee Dokyeong - ลี โดคยอง | South Korea โปรไฟล์จากรายการ เกิด 22.3.1994 mbti ENFP บุคคลต้นแบบ แม่ จุดขาย ความจริงใจ ตำแหน่ง sub vocal พี่ใหญ่ของน้อง ๆ  ความสามารถพิเศษ ปีนป่าย อยากอยู่ทีมแบบไหน ทีม mbti F คอนเสปต์ที่อยากลอง สดใสและเซ็กซี่ หลบทางให้หน่อยเพราะรุ่นใหญ่จะเดินค่า! พี่ลีโดคยอง พี่ใหญ่วัย 30 ปี กับเสน่ห์ความเท่คูล และใบหน้าที่ปังไม่ไหว จนต้องอุทานว่าหล่อไปไหนเอ่ยพ่อคู๊ณ ตาจมูกปากคือตะมุตะมิเว่อร์ แล้วเอ็นดูสุดตอนเขาเต้นคือใส่เต็ม ตั้งใจมาก ๆ ค่ะ อยากบอกว่าน้องคนนี้ตามเชียร์อยู่เด้อ ฝากแม่ไทยแม่เกาเอ็นดูพี่คนนี้กันเยอะ ๆ น้า  4. Kim Sihun - คิม ชีฮุน | South Korea โปรไฟล์จากรายการ เกิด 13.10.1999 mbti ISTJ บุคคลต้นแบบ G-DRAGON จุดขาย ความสามารถโดยรวม ตำแหน่ง sub leader ความสามารถพิเศษ กิจกรรมทางกายภาพ อยากอยู่ทีมแบบไหน ทีม vocal rap คอนเสปต์ที่อยากลอง ฮิปฮอปและสดใส  ชีฮุน หนุ่มน่ารักยิ้มหวาน และมีลักยิ้มอันทรงเสน่ห์ มากด้วยความสามารถทั้ง ร้อง เต้น แร็ป ที่ไม่แพ้ใคร เขาเคยแข่งขันในรายการที่ดังมาก ๆ อย่าง produce X 101 จึงทำให้มีฐานแฟนอยู่เยอะ และต้องบอกว่าผลงานที่ผ่านมาชีฮุนทำได้ดีมาตลอดค่ะ เรื่องแสดงสีหน้าคือต้องยกให้ฮี จะน่ารักสดใส เท่ เซ็กซี่ คือเก็บหมด คนนี้เราว่ามีแววเป็น all rounder ประจำ project 7 เลยนะ กลับมาครั้งนี้ภาพลักษณ์ยังมีความสดใส และเอเนอร์จี้ที่เยอะขึ้น รับรองตามเชียร์ได้ไม่ผิดหวังแน่นอนค่า วาร์ป : xiihun_ 5. Kim Hyunwoo - คิม ฮยอนอู | South Korea โปรไฟล์จากรายการ เกิด 29.03.2001 mbti INFP บุคคลต้นแบบ จีมิน BTS จุดขาย ความจริงใจ ตำแหน่ง main visual main dancer ความสามารถพิเศษ เต้น, เตะบอล อยากอยู่ทีมแบบไหน ทีม vocal คอนเสปต์ที่อยากลอง เซ็กซี่และทรงพลัง  ฮยอนอู เป็นหนึ่งในสมาชิกวง BAE173 สังกัดค่าย PocketDol Studio สเตจเนม Muzin คนนี้มีกลิ่นอายความเซ็กซี่สูงมากแกร ตั้งแต่ผมสีทองที่โดดเด่นขับผิวสุด ๆ รวมถึงดวงตาเรียวคม ใบหน้าเรียว และการเต้นที่เซ็กซี่ทุกการเคลื่อนไหว ไม่ดุดันแต่มีความโปรยเสน่ห์ยั่ว ๆ ก็คือเป็นคนมี sex appeal สูง น่ามองน่าค้นหาไปหมด บอกเลยว่าอยู่ทีมไหนทีมนั้นต้องลุกเป็นไฟ  6. Song Seungho - ซง ซึงโฮ | South Korea โปรไฟล์จากรายการ เกิด 01.08.2007 mbti INFP บุคคลต้นแบบ แจฮยอน NCT จุดขาย โทนเสียงมีเสน่ห์ ตำแหน่ง rap visual ความสามารถพิเศษ แต่ง rap อยากอยู่ทีมแบบไหน ทีมที่สนุกสนาน คอนเสปต์ที่อยากลอง เอเนอร์จี้และฮิปฮอป หนุ่มตี๋ที่จริงใจต้องคนนี้นะ ครบสูตร น่ารัก ขาวตี๋ยิ้มเก่ง ตาสระอิ ใครชอบไทป์นี้ดีใจด้วยคุณได้โดนตกแล้วค่ะ แถมน้องยังมีความขี้เล่นสดใสประสาวัยรุ่นอายุ 17 ปี ถือว่าเป็นน้องเล็กประจำรายการเลยไหมนะ พี่ ๆ ต้องคอยสปอยเยอะแน่ตาคนส่วนในส่วนของลายเต้นเราว่าล็อคท่าดี และเด่นที่การแสดงสีหน้าค่ะ 7. Kim Hyunjae - คิม ฮยอนแจ | South Korea โปรไฟล์จากรายการ เกิด 14.1.2000 mbti ISTP บุคคลต้นแบบ ตัวเองในอนาคต จุดขาย โทนเสียงมีเสน่ห์ ตำแหน่ง decadent sexy ความสามารถพิเศษ โบว์ลิ่ง อยากอยู่ทีมแบบไหน ทีมที่มีเสน่ห์แบบหมาป่า คอนเสปต์ที่อยากลอง decadent sexy พี่คนนี้คาร์คุญปู่แบบบอกไม่ถูกอ่ะ555 มีความ 90 เบา ๆ ยิ้มเก่ง ดูเป็นคนเฮฮา และมั่นใจในตัวเองสุด ๆ แบบอยู่กับพี่รับรองไม่เครียด รุ่นนี้แจกมินิฮาร์ตทั้งวัน ดูเป็นคนที่ตามใจแฟน ๆ เซอร์วิสเก่ง เราเห็นความเป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์ในตัวพี่แก น่าจะเป็นสีสันให้น้อง ๆ และรายการได้ดีอีกหนึ่งคนเลยแหละ แกรมันเลือกเมนยากมาก เท่าที่ดูตอนนี้ ถูกจริตสุดน่าจะเป็น พี่ลีโดคยอง นี่แหละ คือพี่ค่อนข้างอายุเลยไอดอลยุคนี้ที่เดบิวต์ช่วง 14-15 ไปเยอะ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ก็หวังให้พี่แกทำตามฝันสำเร็จอ่ะเนอะ ต้องลองติดตามลุ้นเชียร์ต่อไปในรายการ คือไม่พลาดแน่นอนค่า ติดตามข่าวสารรายการ และเด็กฝึกทาง TikTok : Project 7 เครดิตภาพ หน้าปก และประกอบบทความโดย Petch Minwook Dokyeong Sihun Hyunwoo Seungho Hyunjae จาก project7.kr   จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

รีวิวซีรีส์จีน ลิขิตชั่วนิรันดร์(2024) Part For Ever ทาง YOUKU #มีนาน่าดู
อ่าน

รีวิวซีรีส์จีน ลิขิตชั่วนิรันดร์(2024) Part For Ever ทาง YOUKU #มีนาน่าดู

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิวมินิซีรีส์จีนของทาง YOUKU เรื่อง ลิขิตชั่วนิรันดร์ Part For Ever มีทั้งหมด 28 ตอน ตอนละ 10 นาที มาวันแรกวันที่ 21 มีนาคม 2024 ออกอากาศทุกวันวันละ 1 ตอน สมาชิกทุกวันวันละ 2 ตอนนำแสดงโดยไคเจิ้งเจี๋ย รับบท หลิงเซียว และเจียงหยวนย่าหรง รับบท ซูหว่านเอ๋อร์เป็นเรื่องราวของหลิงเซียวพระเอกของเรื่องที่นำคนของตนบุกเข้ามาในจวนเจ้าเมืองที่พ่อของซูหว่านเอ๋อร์นางเอกของเรื่องเป็นเจ้าเมืองอยู่ พระเอกนั้นฆ่าพ่อของนางเอกตายทั้งยังประกาศออกไปว่าเจ้าเมืองคนก่อนคือพ่อนางเอกปาดคอตัวเองตายและพระเอกยังประกาศว่าได้รับคำสั่งก่อนตายจากพ่อนางเอกว่าให้ตนสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองและแต่งงานกับนางเอก พอนางเอกรู้เรื่องก็เสียใจมากเธอไม่เชื่อว่าพ่อของตนปากคอตายจึงไม่ยอมแต่งงานกับพระเอก ต่อมาลุงของนางเอกก็ได้บุกเข้ามาเพื่อที่จะช่วยนางเอกออกไปแต่กลับถูกพระเอกจับได้ก่อนจึงถูกธนูยิงบาดเจ็บ นางเอกด้วยความที่อยากช่วยลุงของตนจึงต่อรองกับพระเอกว่าถ้าปล่อยตัวลุงตนไปเธอจะยอมแต่งงานกับพระเอกไม่เช่นนั้นพระเอกจะได้ชื่อว่ากบฏ พระเอกก็ตกลงทั้งคู่จึงได้แต่งงานกัน นางเอกนัันพยายามส่งข่าวไปบอกคู่หมั้นตนที่เป็นลูกชายเจ้าเมืองไป๋อวี้ให้มาช่วยตนแต่จดหมายก็ถูกลูกน้องเก่าพ่อตนที่มาสวามิภักดิ์ต่อพระเอกยึดไว้ได้ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ต้องไปดูกันพระเอกเป็นคนนิ่งๆ ดูเย็นชา เหี้ยมโหด เป็นคนฉลาด เจ้าแผนการ ดูเหมือนจะเป็นคนใจเย็นแต่จริงๆ ก็ใจร้อนอยู่ไม่น้อย ตอนอยู่กับนางเอกก็ทำตัวใจร้ายและทำร้ายจิตใจนางเอกมากเพราะเขานั้นมีความแค้นกับเจ้าเมืองคนก่อนที่เป็นพ่อของนางเอก พระเอกนั้นตอนเด็กๆ ก็เกือบถูกขาย พ่อนางเอกยังทำให้พระเอกบ้านแตกสาแหรกขาด นักแสดงแสดงได้ดูโหด น่าเกรงขามนางเอกเป็นคนฉลาด มองสถานการณ์ออก ทั้งยังเป็นคนเข้มแข็ง กล้าหาญ ไม่กลัวใคร เธอนั้นกล้าต่อรองขอชีวิตลุงตนกับพระเอกเพราะรู้จุดอ่อนของพระเอกที่ต้องอาศัยนางเอกมาช่วยให้ตนเป็นเจ้าเมืองอย่างถูกต้อง นางเอกยังเป็นคนที่จิตใจดี แต่ก็หยิ่งในศักดิ์ศรี และทะนงตน ไม่ยอมให้ใครมาหยามเกียรติ นักแสดงแสดงได้ดูอ่อนโยน กล้าหาญเสื้อผ้าทำออกมาได้ตรงตามมาตรฐานซีรีส์จีนย้อนยุค ดูสวยงาม แต่ละตัวละครจะมีชุดที่ดูเป็นเอกลักษณ์ของตัวละครนั้นๆ ชุดนางเอกจะดูสีอ่อนๆ สวยสง่า ดูน่ารัก ชอบทรงผมนางเอกมากทำออกมาได้ดูทั้งสวยและน่ารัก ชุดพระเอกก็ดูดีมาก ฉากทำออกมาได้ดูสวยงาม ของตกแต่งไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ถือว่าทำได้ดีพล็อตเรื่องคือพระเอกที่ปลีกวิเวกมาเนิ่นนาน เขากลายเป็นเจ้าเมืองคนใหม่ที่มีอำนาจสูงส่งเทียมฟ้า และยังบีบบังคับให้นางเอกที่เป็นบุตรีของเจ้าเมืองคนเก่าตกมาเป็นของตนเพื่อล้างแค้น ต่อให้ทั้งสองคนจะมีบุญคุณความแค้นต่อกันมาหลายรุ่น แต่พวกเขากลับถลำลึกลงสู่วังวนของความรักความชิงชังท่ามกลางวิกฤติและการปกป้องครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายอนาคตของทั้งคู่จะเป็นไปในทิศทางใดก็ต้องไปดูกันอยากให้ดูเรื่องนี้เพราะเป็นแนวโรแมนติกดราม่าย้อนยุคที่พล็อตเรื่องคือน่าสนใจ ถึงจะมีพล็อตที่ไม่ได้แปลกใหม่แนวแค้นเปลี่ยนเป็นรักแต่ดูกี่ทีก็สนุก เดินเรื่องได้เรื่อยๆ ไม่เร็วมาก แต่ก็เก็บรายละเอียดได้ดี เคมีพระนางก็ดีมาก ขนาดตอนยังไม่รักกันยังดูเคมีเข้ากัน อยากรู้ว่าตอนรักกันแล้วเคมีจะดีขนาดไหน อยากให้ไปดูค่ะอ้างอิงภาพปก1, ภาพปก2 ตกแต่งโดย canvaภาพที่1-4 ขอบคุณภาพจาก weibo: 网剧婉婉如梦霄บทความซีรีส์จีนย้อนยุคที่กำลังออนแอร์รีวิวซีรีส์จีน ปฐพีไร้พ่าย(2024) The Legend of Shen Li ทาง WeTV นำแสดง จ้าวลี่อิ่ง หลินเกิงซิน #มีนาน่าดูรีวิวซีรีส์จีน บุปผารักอลวน(2024) In Blossom ทาง YOUKU นำแสดงโดย จวีจิ้งอี​ หลิวเสวียอี้ #มีนาน่าดูรีวิวซีรีส์จีน เทพยุทธ์สะบั้นฟ้าท้าสวรรค์(2024) Burning Flames ทาง iQIYI เหรินเจียหลุน สิงเฟย #มีนาน่าดูรีวิวซีรีส์จีน ร้อยเล่ห์คะนึงรัก(2024) Miss You Forever ทาง iQIYI #มีนาน่าดูรีวิวซีรีส์จีน ความลับของอิ่งสือ(2024) Secrets of the Shadow Sect ทาง YOUKU #มีนาน่าดู  เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

รีวิว Never Have I Ever (ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย) ใน Netflix (No Spoil!)
อ่าน

รีวิว Never Have I Ever (ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย) ใน Netflix (No Spoil!)

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกท่าน เนื่องจากอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นเป็นวันหยุดยาว ทางเราก็ได้มีโอกาสได้ดูซีรีย์เรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องใหม่ของทาง Netflix นั้นคือ 'Never Have I Ever (ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย)' แค่ชื่อเรื่องก็น่าดูแล้วใช่มั้ยหล่ะค่ะ ถึงกับทำให้เราดูจบรวดเดียวภายในวันเดียวเลยหล่ะ วันนี้เลยถือโอกาสจะมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกันแบบสั้น ๆ กัน สำหรับใครที่กำลังสนใจซีรีย์เรื่องนี้หรือกำลังหาซีรีย์จากทาง Netflix ดูกัน ไปดูกันเลยว่าจะเป็นเรื่องราวอะไร ลุย😆เรื่องย่อ         เป็นเรื่องราวของสาวน้อยวัยรุ่นที่ชื่อว่า 'เดวี่ วิศวกุมาร' เธอเป็นหญิงสาววัย 15 ปีเชื้อสายอินเดียโดยกำเนิด แต่เกิดและเติบโตในอเมริกา ซึ่งวันหนึ่งชีวิตของเธอก็พลิกผลันหลังจากที่เธอได้แสดงโชว์ดนตรีอยู่ พ่อของเธอก็ได้เสียชีวิตระหว่างที่เธอแสดง หนำซ้ำเธอยังล้มและทำให้เธอเดินไม่ได้ ทำให้ต้องนั่งวีลแชร์มากว่าหนึ่งปีเต็ม ๆ แต่แล้วก็มีปฏิหารเกิดขึ้นกับเธอ เพราะเธออยากจะเห็นหน้าผู้ชายคนหนึ่ง แค่นั้นเลยค่ะเธอก็กลับมายืนได้เลย ฮ่า ๆ ทำให้เธอกลับมาเดินได้อีกครั้ง!         วันแรกหลังจากขึ้นม.4 เธอกับเพื่อนซี้อีกสองคนคืออีลีเนอร์ หว่อง และ ฟาร์บิโอล่า ได้ตัดสินใจร่วมกันว่าพวกเขาทั้งสามจะต้องมีแฟนให้ได้ แต่แล้วเธอกลับพบว่าอีลีเนอร์นั้นมีแฟนอยู่แล้วในชมรมการแสดงและต่อมาฟาร์บิโอล่าก็ค้นพบว่าเธอนั้นไม่ได้ชอบผู้ชายและเป็น LGBT หรือการรักข้ามเพศ  และจริง ๆ แล้วเดวี่ก็มีคนแอบชอบในโรงเรียนอยู่คนหนึ่งซึ่งก็คือหนุ่มฮอตนีกกีฬาประจำโรงเรียนอย่าง 'แพ็กตั้น' และในปีนั้นเขาก็ดันซ้ำชั้นจะต้องเรียนพอดิบพอดี ทำให้เดวี่ได้เจอกับเขาบ่อย ๆ ซึ่งในวันหนึ่งเธอรวบรวมความกล้าขอตกลงให้เขานั้นมี sex กับเธอ! แต่มันเหนือความคาดหมายเขากลับตอบตกลงเธออีกด้วย   และในคลาสเรียนเดวี่ได้มีคู่ปรับอย่าง 'เบน' เพื่อนชายที่มักจะชอบแข่งขันกันเรื่องการเรียนอยู่เสมอ ตั้งแต่เด็ก ๆ เลย ทำให้ทั้งสองค่อนข้างเกลียดขี้หน้ากัน แต่แล้วทำให้มีหลาย ๆ เหตุการณ์ที่ทำให้ความรู้สึกของทั้งสองเกิดความพลิกจากเกลียดเป็นความรู้สึกดี ๆ กันเฉยเลย! สุดท้ายเรื่องก็ได้ทิ้งปมทำให้เราขบคิดกันไป จนกว่าจะเจอกันใหม่ Season 2เรื่อง Never Have I Ever (ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย) มีทั้งหมด 1 Season 10 episodes แต่ละตอนมีประมาณ 30 นาทีความประทับใจและเรื่องนี้ให้อะไรกับเราบ้าง?          เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนอาจจะเห็นหน้าปกแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้คงไม่สนใจและคงไม่พ้นในเรื่องแนวความรัก teenager ใส ๆ ซึ่งขอบอกว่าเรื่องนี้ให้อะไรกับเรามากกว่าที่คิดมากค่ะ เป็นเรื่องแนว Comedy ตลกแบบเบาสมอง และ Drama หน่อย ๆ เป็น Plot เรื่องที่ไม่ได้มีความหวือหวาอะไรสามารถเดาได้ แต่ดูแล้วมีความน่ารีก รู้สึกหัวใจฟู และเรื่องนี้ยังมีวัฒนธรรม วิถีชีวิต ของอินเดียสอดแทรกเข้ามาให้เราเห็นเรื่อย ๆ อาทิเช่น การทานอาหารที่แตกต่างกัน การคลุมถุงชน การเข้าพิธีบูชาพระพิฆเนศโดยผ่านตัวละคร เป็นต้น         ซึ่งเรื่องนี้ก็มีเรื่องของ'ครอบครัว'เข้ามาเกี่ยว เพราะด้วยความที่เดวี่มีหัวแบบคนสมัยใหม่ แต่แม่ของเดวี่ยังชอบยึดติดกับอะไรเดิม ๆ ตามขนบธรรมเนียม ยังเป็นหัวคิดแบบคนสมัยเก่า ทำให้ทั้งสองนั้นชอบทะเลาะกันอยู่เสมอ และมีการทะเลาะกันแบบรุนแรงอีกด้วย และทั้งสองยังต้องแบกรับความรู้สึกของการสูญเสียหัวหน้าครอบครัว พ่อ สามีอีกด้วย ขอบอกว่าเรายังแอบน้ำตาซึมอยูาหน่อย ๆ เลยหล่ะค่ะ          และเรื่องราวไฮสคูลแบบนี้ก็ไม่พ้นเรื่องของ 'ความสัมพันธ์และเพื่อน' สื่อถึงเรื่องความสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ และในเรื่องยังมีการเล่นเรื่อง LGBT หรือการรักข้ามเพศของฟาร์บิโอล่า การเปิดเผยตัวตนของเธอให้คนรอบข้างและครอบครัวของเธอรู้ เพราะในสังคมเรื่องรักข้ามเพศก็ยังเป็นอะไรที่ค่อนข้างพูดยากอยู่ (ต้องมาตามลุ้นกันว่าฟาร์บิโอล่าเธอจะจัดการได้อย่างไร) และเรื่องของความสัมพันธ์ของเพื่อนที่อาจจะมีการนอยด์น้อยใจเกิดขึ้น          ที่สำคัญเรื่องนี้จะมีเสียงการเสียงพากย์ของ 'จอห์น แม็คเอนโร' ซึ่งหากใครเล่นเทนนิสคงรู้จักเขาเป็นอย่างดี เพราะว่าเขาเป็นนักเทนนิสชายชาวอเมริกัน อดีตมือวางอันดับหนึ่งของโลก จัดอันดับโดยเอทีพีติดต่อกัน 4 ปี ซึ่งเขามักจะมีหัวร้อนและทะเลาะกับคู่แข่งและคณะกรรมการอยู่เสมอ โดยเขามีนิสัยที่ค่อนข้างคล้ายกับเดวี่ในเรื่องมาก ๆ ทำให้จับมาพากย์เป็นเสียงในใจของเดวี่ซะเลยตัวละครที่โดดเด่นของเรื่องนี้          ตัวเอกของเรื่อง เป็นเด็กสาวชาวอินเดียวัย 15 ปีที่มีความฉลาดมาก ๆ ในเรื่องการเรียน แต่นิสัยจะออกแนวโก๊ะ ๆ เปิ่น ๆ หน่อย แต่ยังจัดว่าอยู่ในกลุ่มเนิร์ดของโรงเรียน เป็นคนที่เรียกว่า 'หัวสมัยใหม่' เลยก็ว่าได้ ทำให้เธอมักจะทะเลาะกับแม่อยู่เป็นประจำ แถมยังเป็นคนที่เรียกว่ากล้ามาก ๆ กล้าเผชิญกับทุกอย่าง พูดอะไรตรงไปตรงมา          หนุ่มนักกีฬาประจำโรงเรียน ดีกรีหนุ่มฮอตเลยก็ว่าได้ เป็นรักแรกพบของเดวี่เลยก็ว่า ซึ่งในหลาย ๆ ครั้งเราก็อาจความคิดของเขาไม่ออกเหมือนกันนะ ฮ่า ๆ แบบเป็นคนที่น่าสนใจมาก ๆ ทำให้เรารู้สึกว่าเขาคิดอะไรอยู่ตลอด และในคราวเดียวกันก็เป็นคนอ่อนโยนชอบช่วยเหลือคนอื่น ใน season นี้เราคิดว่ายังไม่ค่อยเห็นมุมมองของหนุ่มหล่อแพ็กตั้นสักเท่าไหร่ แต่ Season ต่อไปคิดว่าต้องมีอย่างแน่นอน และขอบอกว่าเป็นหนุ่มหล่อที่ชวนมองจริง ๆ ค่ะ🥰          ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมาของสาวน้อยเดวี่ ทั้งสองเติบโตและเรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก มีความสูสีในเรื่องของการเรียนอยู่ตลอด มักจะชอบเถียงทะเลาะกัน แต่แม้ว่าเบนจะเป็นเด็กฉลาด ชอบเถียง รวย แต่จริง ๆ แล้วในมุมของเขาก็ยังเป็นคนที่อ่อนไหว sensitive มาก ๆ ในเรื่องของครอบครัว เพราะเขามักจะโดนพ่อแม่ทิ้งให้อยู่บ้านกับแม่บ้านตลอดเวลา เป็นอีกตัวละครที่รู้สึกสงสาร อินสุด ๆ อีกตัวหนึ่งเลยค่ะก็จบกันไปแล้วนะคะสำหรับ 'รีวิว Never Have I Ever (ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย) ใน Netflix (No Spoil!)' ซึ่งเป็นซีรีย์สั้น ๆ ที่น่ารัก อบอุ่นหัวใจค่ะ แถมความพิเศษคือนำเอาตัวละครที่เป็นคนผิวสีคนอินเดียมาเพิ่มความสนุกให้กับเนื้อเรื่องอีกด้วย เป็นอีกเรื่องที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนดูเลยหล่ะค่ะ เพื่อน ๆ สามารถรับชม Never Have I Ever ได้ที่ Netflix ซึ่งในปัจจุบันสามารถรับชม Netflix ผ่านทางกล่อง True ID TV ได้แล้ววันนี้ สำหรับวันนี้เราก็ขอตัวลาไปก่อนนะคะ พบกันใหม่บทความหน้าค่ะ 🙂เครดิตภาพหน้าปก :Never Have I Ever (2020– )เครดิตภาพประกอบบทความ :ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย (Never Have I Ever) | ตัวอย่างซีรีส์อย่างเป็นทางการ | Netflix    

หากไม่มีโควิด-19 ญี่ปุ่นเตรียมสร้างตำนาน “The Smartest Olympics Ever”ในโตเกียวโอลิมปิก 2020 อย่างไรบ้าง
อ่าน

หากไม่มีโควิด-19 ญี่ปุ่นเตรียมสร้างตำนาน “The Smartest Olympics Ever”ในโตเกียวโอลิมปิก 2020 อย่างไรบ้าง

EP. 01 Tokyo Olympics 2020 - ในโลกคู่ขนาน: หากไม่มีโควิด-19 ญี่ปุ่นเตรียมสร้างตำนาน The Smartest Olympics Everในโตเกียวโอลิมปิก 2020 อย่างไรบ้าง หลังเผชิญการถูกเลื่อนเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว โตเกียวโอลิมปิก 2020 ก็กำหนดจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 นี้ และแม้ว่าจนถึงขณะนี้ทางการญี่ปุ่นยังยืนยันจะจัดงานโอลิมปิกตามกำหนด โดยระบุว่ามีมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดมากพอที่จะทำให้สามารถจัดงานได้อย่างปลอดภัย ในขณะที่กระแสต่อต้านการจัดงานก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ จากภาคประชาชน ภาคธุรกิจรวมไปถึงสหภาพแรงงานบุคลากรทางการแพทย์ของญี่ปุ่นเองจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 4 จนไม่เป็นที่แน่ชัดว่าโตเกียวโอลิมปิกยังจะสามารถเกิดขึ้นได้หรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเราลองมาย้อนดูกันว่า ในโลกคู่ขนานที่หากไม่มีการระบาดของโควิด-19 และการจัดงานสามารถดำเนินต่อไปได้ เจ้าแห่งนวัตกรรมอย่างญี่ปุ่นเตรียมที่จะสร้างตำนานบทใหม่ให้กับวงการโอลิมปิกในโตเกียวโอลิมปิก 2020 อย่างไรบ้าง แน่นอนว่าด้วยจิตวิญญาณของความเป็นประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยี จึงทำให้โตเกียวโอลิมปิก 2020 พร้อมไปด้วยการนำเสนอเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ไม่เพียงแค่อำนวยสะดวกให้กับนักกีฬาและผู้เข้าชม แต่ยังสร้างความมั่นใจถึงผู้เกี่ยวข้องว่าจะปลอดภัยภายใต้มาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังดำเนินต่อเนื่องอีกด้วย โตเกียวโอลิมปิก 2020 จึงเรียกได้ว่าเป็นการจัดการแข่งขันโอลิมปิกที่ชาญฉลาดที่สุด หรือ The Smartest Olympics Ever ที่มา: www.olympic.org ย้อนดูตำนานบทเก่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่ญี่ปุ่นสร้างเสียงฮือฮาและนับก้าวแรกให้กับหลายนวัตกรรมเทคโนโลยีในงานโอลิมปิก โดยเมื่อย้อนกลับไปดูเมื่อครั้งที่ญี่ปุ่นจัดงานโอลิมปิกที่โตเกียวเมื่อปี 1964 พบว่า งานโอลิมปิกครั้งดังกล่าวได้กลายเป็น อีเว้นต์ ที่กำหนดทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของโลกมาแล้ว โดยได้เผยนวัตกรรม ครั้งแรกของโลก หลายตัว ภายในงาน เช่น นาฬิกาจับเวลาอัจฉริยะ: โดยบริษัท Seiko บริษัทผู้ผลิตนาฬิกาของญี่ปุ่น ได้พัฒนานาฬิกาจับเวลาซึ่งมีระบบจัดเก็บสถิติเวลาด้วยคอมพิวเตอร์ขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งในภายหลังได้ถูกพัฒนาต่อมา จนกลายเป็นต้นแบบของนาฬิการะบบควอตซ์ที่เรารู้จักในปัจจุบัน รถไฟความเร็วสูง (ชินคังเซ็น): รถไฟความเร็วสูงหรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า Bullet Train ได้เปิดตัวใช้งานเป็นครั้งแรกในงานโอลิมปิก 1964 และได้รองรับนักกีฬาและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จนเป็นที่ฮือฮาและกลายเป็นต้นแบบให้หลายประเทศพัฒนารถไฟความเร็วสูงในเวลาต่อมา มิติใหม่ของประสบการณ์โตเกียวโอลิมปิก 2020 เพราะการเข้าชมโอลิมปิกมีมากกว่าการเข้าชมและให้กำลังใจนักกีฬา การอำนวยความสะดวก การรักษาความปลอดภัยของทั้งผู้เข้าชม เจ้าหน้าที่และนักกีฬา รวมไปถึงการสร้างเสริมประสบการณ์การรับชมจึงกลายเป็นมิติใหม่ที่ญี่ปุ่นนำนวัตกรรมที่มีมาพัฒนาต่อยอด เพื่อให้ โอลิมปิกอัจฉริยะ ครั้งนี้สร้างความประทับใจให้กับทุกฝ่ายอย่างดีที่สุด ด้วยนวัตกรรมต่างๆ เช่น สนามป้องกันแผ่นดินไหว: การเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ทำให้ญี่ปุ่นได้คิดค้นมาตรการรองรับการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว และกลายเป็นมาตรฐานในการสร้างอาคารในประเทศ โดยในโอลิมปิกครั้งนี้ สิ่งก่อสร้างใหม่ เช่น สนามกีฬาแห่งชาติใหม่ ที่จะใช้ในพิธีเปิดและปิดโอลิมปิกเกมส์ สนามโตเกียว อควอติก เซ็นเตอร์ (สนามแข่งขันกีฬาว่ายน้ำ) และอาเรียเกะ อารีนา (สนามแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล) ก็ได้มีการนำนวัตกรรมดังกล่าวมาใช้เป็นพื้นฐานเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ร่วมงาน โดยยังเสริมนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นใหม่ โดยบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์อย่างบริดจ์สโตน ที่ได้ออกแบบตลับลูกปืนแบบพิเศษ ติดตั้งอยู่ใต้หลังคา เพื่อให้สนามทนต่อแรงสั่นสะเทือนเมื่อเกิดแผ่นดินไหว หุ่นยนต์อำนวยความสะดวก: หุ่นยนต์อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การใช้งานหุ่นยนต์ในสถานการณ์จริงร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์จะเป็นอย่างไร ญี่ปุ่นกำลังจะทำเป็นตัวอย่างในโอลิมปิกครั้งนี้ ตั้งแต่ หุ่นยนต์ต้อนรับ: เช่น Miraitowa หนึ่งในมาสคอตโอลิมปิกครั้งนี้ ที่สามารถขยับตัวและตาแสดงอารมณ์เพื่อใช้ต้อนรับนักกีฬา และเจ้าหน้าที่จากทั่วโลก หรือหุ่นยนต์ที่สามารถเสิร์ฟอาหาร และนำทางผู้พิการไปยังที่นั่งเพื่อชมการแข่งขันกีฬา ไปจนถึงการแจ้งเตือนภัยในกรณีฉุกเฉิน โดยนอกจากจะพบเห็นได้ในบริเวณสถานที่แข่งขันแล้ว ยังสามารถพบได้ตามจุดขนส่งมวลชน เช่น อาริสะ (Arisa) หุ่นยนต์ซึ่งประจำการอยู่ที่สถานีรถไฟ อุเอโนะ-โอกาชิมาจิ ที่สามารถพูดได้ทั้งภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ เกาหลีและจีน สามารถให้ข้อมูลการเดินทาง ห้องน้ำ และสถานที่ต่างๆ แก่ผู้ที่ต้องการเดินทางมาชมการแข่งขันอีกด้วย หุ่นยนต์ภาคสนาม: ตั้งแต่หุ่นยนต์ที่มีกล้องแบบ 360 องศาที่สามารถใช้สื่อสารภาษาต่างๆ แทนเจ้าหน้าที่ชาวญี่ปุ่น หรือช่วยเคลื่อนย้ายสิ่งของข้างสนาม และช่วยเก็บอุปกรณ์ในการแข่งขันกีฬาบางประเภทให้กลับมายังจุดเริ่มต้น ---หุ่นยนต์ต้อนรับ Miraitowa--- ที่มา: https://global.toyota/en/album/images/28912712/ ยานยนต์ไร้คนขับเหนือมาตรฐานโลก:สมาคมวิศวกรรมยานยนต์นานาชาติ (Society of Automotive Engineers หรือ SAE) ได้จัดระดับความสามารถของยานยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Vehicle) ไว้ 6 ระดับด้วยกัน โดยในระดับ 0 - 2 ที่พบได้ในระบบอัตโนมัติของ Tesla และระบบ Cadillac Cruise ของ GM นั้น ยังเป็นระบบที่ต้องมีมนุษย์ควบคุมอยู่ภายในรถยนต์ แต่ในโตเกียวโอลิมปิก2020 นี้ ญี่ปุ่นจะเป็นชาติแรกที่นำมาตรฐาน "ยานยนต์ไร้คนขับระดับ 3" หรือ Conditional Automation ที่ไม่ต้องใช้มนุษย์ในการควบคุม ยกเว้นสถานการณ์ฉุกเฉิน และ "ยานยนต์ไร้คนขับระดับ 4" (High Automation) ที่สามารถแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินบนเส้นทางที่กำหนดได้ เข้ามาใช้งานจริงเป็นครั้งแรกของโลก เช่น - ระดับ 3: รถบัสบริการรับส่งผู้โดยสารภายในสนามบินของสายการบิน All Nippon Airways (ANA) - ระดับ 4: รถบริการระหว่างสนามบินกับสนามแข่งขันกีฬา จากบริษัท Hinomaru Kotsu รถบริการรับส่งผู้โดยสารระหว่างสนามแข่งขันกีฬา และรถ e-Palette รับส่งนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ภายในหมู่บ้านนักกีฬา จากโตโยต้า โดย e-Palette ยังสามารถปรับให้เป็นร้านค้าเคลื่อนที่แบบอัตโนมัติได้อีกด้วย ---รถ e-Palette--- ที่มา: https://global.toyota/en/newsroom/corporate/29933371.html 3D Athlete Tracking Technology (3DAT) สำหรับการแข่งขันประเภทกรีฑาจะมีการนำเทคโนโลยีที่พัฒนาโดย Intel และ Alibaba ที่ประมวลผลการเคลื่อนไหวของนักกีฬา ไฮไลท์ระดับความเร็วของนักวิ่ง หรือแม้กระทั่งวิเคราะห์ท่าวิ่งที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บโดยไม่ต้องติดเซ็นเซอร์ตามตัวนักกีฬา แต่เป็นการใช้กล้องวิดีโอที่มีระบบ AI แสดงผลเป็นภาพซ้อนทับกับการแพร่ภาพสดแบบเรียลไทม์ให้ทั้งโค้ชและผู้ชมได้เห็นตลอดระยะเวลาการแข่งขัน ---3D Athlete Tracking Technology--- ที่มา: https://newsroom.intel.com/news/intel-alibaba-team-ai-powered-3d-athlete-tracking-technology-olympic-games-tokyo-2020/#gs.07y4ff 8K - 5G - VR กับการชมกีฬาแบบเหมือนอยู่ในสนามจริง: นอกจากการถ่ายทอดสดโตเกียวโอลิมปิก 2020 ตลอด 17 วันผ่านทางช่อง NHK จะถูกแพร่ภาพด้วยความละเอียดระดับ 8K แล้ว โอลิมปิกครั้งนี้ยังยกระดับประสบการณ์รับชมที่ท้าทายประสิทธิภาพเทคโนโลยีระดับ 5G ด้วยการเพิ่มความสามารถรับชมผ่านระบบ Virtual Reality หรือ VR ให้กับผู้ชมทางบ้านที่มีชุดอุปกรณ์ ให้สามารถใช้รับชมทั้งพิธีเปิด ปิด การแข่งขันกรีฑา ยิมนาสติก มวย และวอลเล่ย์บอลชายหาด แบบเรียกได้ว่าราวกับหลุดเข้าไปยังขอบสนามจริง นอกจากนี้เพื่อรองรับการแพร่ภาพระหว่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น ยังใช้ระบบการเผยแพร่สัญญาณผ่านคลาวด์ (Cloud Broadcasting) โดยเป็นผลงานความร่วมมือของ Alibaba Cloud ร่วมกับหน่วยบริการกระจายเสียงแพร่ภาพโอลิมปิก (OBS) เพื่อให้ผู้ชมนานาชาติมั่นใจถึงคุณภาพการรับชมแบบไม่มีสะดุดอีกด้วย Facial Recognition System ระบบการประมวลผลใบหน้าด้วยความเร็ว 0.3 วินาทีที่ NEC ร่วมพัฒนากับ Intel โดยจะถูกนำไปใช้ในการรักษาความปลอดภัยบริเวณสนามแข่งขันกีฬา แอปพลิเคชัน COCOA แอปพลิเคชั่น contact tracing ของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่บันทึกการเดินทาง แผนการเดินทาง แผนการพบเจอผู้คนตลอดจนข้อมูลประจำตัวของนักกีฬาและบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขัน รวมถึงการแจ้งเตือนกรณีบุคคลผู้นั้นได้มีการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 แน่นอนว่า การจัดการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิก 2020 ในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่เป็นการนำเทคโนโลยีที่ใหม่ล่าสุดและการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวก เสริมสร้างความปลอดภัย และเพิ่มรสชาติประสบการณ์การรับชมเท่านั้น แต่ยังมีส่วนในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมระหว่างการจัดงานอีกด้วย เรียกได้ว่ากีฬาก็ต้องจัด โลกก็ต้องรัก(ษ์)กันเลยทีเดียว แต่ความรักษ์โลกในแบบฉบับชาวญี่ปุ่นที่สอดแทรกเข้าไปในเกือบทุกรายละเอียดของการจัดการแข่งขันนั้นมีอะไรบ้าง ต้องมาติดตามดูใน EP. หน้ากัน! อ้างอิง: https://www.raconteur.net/technology/internet-of-things/iot-tokyo-2020/ https://www.ns-businesshub.com/business/technology-tokyo-2020-olympics/ https://youtu.be/Nu6gDMaPBjw https://www.industryleadersmagazine.com/japan-will-show-off-innovationattokyoolympics-2020/ https://www.synopsys.com/automotive/autonomous-driving-levels.html -------------------- เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณคลิกเลย!! รู้ทันกันโควิด หรือกด*301*35# โทรออก

Amazon โชว์จานรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม 3 รุ่นของ Project Kuiper
อ่าน

Amazon โชว์จานรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม 3 รุ่นของ Project Kuiper

วันอังคารที่ 14 มีนาคม แอมะซอน (Amazon) ได้โชว์หน้าตาและคุณสมบัติของจานรับสัญญาณบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียมใน Project Kuiper ที่มี 3 รุ่นด้วยกัน เพื่อให้บริการลูกค้าหลายสิบล้านรายผ่านเครือข่ายดาวเทียมในวงโคจรระดับต่ำของโลกมากกว่า 3,000 ดวง ซึ่งจะแข่งขันกับสตาร์ลิงก์ของสเปซเอ็กซ์ที่ตอนนี้มีสมาชิก 1,000,000 ราย ให้บริการแล้วใน 50 ประเทศ และปล่อยดาวเทียมสู่อวกาศไปแล้วกว่า 4,000 ดวง จานรับสัญญาณบรอดแบนด์ของแอมะซอน 3 รุ่น ประกอบด้วย จานขนาดเล็ก 11 นิ้ว หนัก 5 ปอนด์ (2.26 กิโลกรัม) ไม่มีขายึด เหมาะสำหรับลูกค้าตามบ้านพักอาศัยและธุรกิจขนาดเล็ก ให้ความเร็วสูงสุดถึง 400 เมกะบิตต่อวินาที จานรับสัญญาณสำหรับที่พักอาศัย ส่วนคนที่ต้องการแบบพกพาจะมีรุ่นขนาดกะทัดรัดเล็กกว่า 7 นิ้ว หนัก 1 ปอนด์ (0.45 กิโลกรัม) ให้ความเร็วสูงสุดถึง 100 เมกะบิตต่อวินาที จานรับสัญญาณขนาดเล็กกะทัดรัดสำหรับพกพา รุ่นสุดท้ายเป็นจานขนาดใหญ่สุด 19 x 30 นิ้ว เหมาะสำหรับลูกค้าองค์กรและหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมาพร้อมกับความเร็วสูงสุดถึง 1 กิกะบิตต่อวินาที จานรับสัญญาณขนาดใหญ่สำหรับองค์กรและหน่วยงานรัฐที่เน้นความเร็ว แอมะซอนคาดว่าจะผลิตจานรับสัญญาณในต้นทุนต่อเครื่องอย่างน้อย 400 เหรียญ (13,807 บาท) แต่ยังไม่บอกรายละเอียดว่าจะเก็บค่าชุดอุปกรณ์จานรับสัญญาณและค่าบริการรายเดือนกับลูกค้าในราคาเท่าไหร่ นอกจากนี้แอมะซอนมีแผนจะปล่อยดาวเทียมต้นแบบ 2 ดวง ด้วยจรวด Vulcan ของ ULA ในเดือนพฤษภาคมนี้ จากนั้นจะปล่อยดาวเทียมชุดแรกในครึ่งปีแรกของ 2024 และจะเริ่มให้บริการแก่ลูกค้าในปลายปีนั้น แล้วจะต้องปล่อยดาวเทียมครึ่งหนึ่งของทั้งหมด 3,236 ดวงให้เสร็จภายในปี 2026 ที่มา : cnet.com และ aboutamazon.com

PRINC ทุ่ม 700 ลบ.ซื้อรพ.3แห่งจาก EVER หนุนรายได้โต 10-15% ตามเป้า
อ่าน

PRINC ทุ่ม 700 ลบ.ซื้อรพ.3แห่งจาก EVER หนุนรายได้โต 10-15% ตามเป้า

#PRINC #ทันหุ้น-PRINC ร่วมกับ EVER จัดพิธีลงนามสัญญาเข้าร่วมลงทุน ระหว่างบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด (PRINCIPAL HEALTHCARE) และบริษัท มาย ฮอสพิทอล จำกัด (MY HOSPITAL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EVER โดยบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด เข้าซื้อหุ้นของโรงพยาบาลเอกชน 3 แห่ง ประกอบด้วยโรงพยาบาลเชียงใหม่ ฮอสพิทอล โรงพยาบาลราชสีมา ฮอสพิทอลและโรงพยาบาลพิษณุโลก ฮอสพิทอล จำนวนเตียงรวม 145 เตียง จาก MY HOSPITAL ในมูลค่า 700 ล้านบาท โดยมี ดร.สาธิต วิทยากร ประธานคณะกรรมการบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) และนางสาวสุวรรณา ตันติศรีเจริญกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บียอนด์แอดไวเซอร์ จำกัดในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของกลุ่ม EVER ร่วมเป็นสักขีพยาน นพ.กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล กรรมการผู้จัดการบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด(มหาชน) หรือ PRINC กล่าวถึงการเข้าลงทุนในครั้งนี้จะทำให้มีโรงพยาบาลในเครือรวม 18 แห่ง ใน 14 จังหวัด เป็นไปตามแผนขยายโรงพยาบาลให้ครบ 20 แห่ง ส่วนขั้นตอนการเข้าซื้อขายหุ้นคาดว่าดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปี 2567 การที่ PRINC เข้าซื้อหุ้นในกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลมาย ฮอสพิทอลจาก EVER ครั้งนี้มาจากความต้องการที่ลงตัว ทั้ง EVER มีแผนขายกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล เพื่อเดินหน้าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักขณะเดียวกัน PRINC ลดการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเดินหน้าธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนเต็มกำลัง ขณะเดียวกันประโยชน์จะตกกับผู้รับบริการ เนื่องจากการขยายโรงพยาบาลเอกชนแบบเครือข่าย ด้านการรักษาส่งต่อโรคยากซับซ้อน เพิ่มศักยภาพการให้บริการและมีการบริหารเครื่องมือและทรัพยากรทางการแพทย์ให้เกิดประสิทธิภาพผ่านรูปแบบ Shared Services ขณะที่ความต้องการเข้ารับการรักษาโรงพยาบาลเอกชนในต่างจังหวัดยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามสภาพเศรษฐกิจสังคมเมืองที่เติบโต มั่นใจการเข้าลงทุนโรงพยาบาลเพิ่ม 3 แห่ง จะทำให้การเติบโตของรายได้ทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายที่ 10 ถึง 15% นพ.กฤตวิทย์กล่าว ด้านนายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ EVER กล่าวว่า การจำหน่ายหุ้นในกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลนั้น จะช่วยลดภาระที่บริษัทต้องสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนให้กับบริษัท มาย ฮอสพิทอล จำกัด โดยจากการเข้าทำรายการในครั้งนี้ บริษัทจะได้รับเงินสดจำนวน 700 ล้านบาท โดยเงินจำนวนดังกล่าว บริษัทจะใช้เป็นเงินทุนในธุรกิจสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท เพื่อสร้างโอกาสในการทำกำไรในอนาคตต่อไป สำหรับพื้นที่การให้บริการรักษาพยาบาลของเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากโรงพยาบาลที่ตั้งในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สกลนคร และมุกดาหารแล้ว โรงพยาบาลราชสีมา ฮอสพิทอล จ.นครราชสีมา ซึ่งมีทำเลที่ตั้งและความต้องการการรักษาพยาบาลโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่ จะกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์และประตูสำคัญในการเชื่อมโยงเครือข่ายรักษา-ส่งต่อของโรงพยาบาลในเครือแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีประสิทธิภาพ ส่วนพื้นที่จ.พิษณุโลก นอกจากโรงพยาบาลพิษณุเวช และโรงพยาบาลรวมแพทย์ พิษณุโลก ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือ โรงพยาบาลพิษณุโลก ฮอสพิทอล จะกลายเป็นโรงพยาบาลในเครือแห่งที่ 3 ของจังหวัด ซึ่งรองรับการให้บริการสิทธิประกันสังคม เพิ่มศักยภาพการดูแลผู้รับบริการในพื้นที่ที่ยังเติบโตสูงต่อเนื่อง ครอบคลุมสิทธิการรักษาพยาบาลในผู้รับบริการทุกกลุ่ม และเป็นไปตามแผนการมุ่งสู่โรงพยาบาลเอกชนอันดับ 1 ในภาคเหนือตอนล่าง ขณะที่พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โรงพยาบาลเชียงใหม่ ฮอสพิทอล ห่างจากโรงพยาบาลพริ้นซ์ ลำพูน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือไม่ไกลเพียง 30 กิโลเมตร ถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีทำเลศักยภาพสูง พร้อมด้วยการให้บริการรักษาที่หลากหลายและบุคลากรทางการแพทย์มากประสบการณ์

EveR 6 หุ่นแอนดรอยด์จากเกาหลีขึ้นทำหน้าที่วาทยกรนำการบรรเลงออร์เคสตรา
อ่าน

EveR 6 หุ่นแอนดรอยด์จากเกาหลีขึ้นทำหน้าที่วาทยกรนำการบรรเลงออร์เคสตรา

หุ่นแอนดรอยด์ EveR 6 ขึ้นทำหน้าที่เป็นวาทยกรนำการบรรเลงจาก 3 ใน 5 เพลงของวงออร์เคสตราแห่งชาติของเกาหลีใต้ ณ โรงละครแห่งชาติเกาหลี ในกรุงโซล ผู้ออกแบบ EveR 6 คือสถาบันเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเกาหลี หรือ KITECH โดยออกแบบให้มีหน้าตาคล้ายมนุษย์ EveR 6 โค้งคำนับผู้ชมก่อนเริ่มการแสดงดนตรี และเริ่มโบกมือเพื่อควบคุมการบรรเลงตามท่วงทำนอง ชอย ซูยอล (Choi Soo-yeoul) ผู้ทำหน้าที่นำวงออร์เคสตราเคียงข้าง EveR 6 กล่าวว่าท่วงท่าของหุ่นยนต์ตัวนี้เป็นไปอย่างบรรจงมาก ดีกว่าที่เขาคาดคิดไว้ แต่ชอยชี้ว่าจุดอ่อนสำคัญของ EveR 6 คือมันไม่สามารถได้ยินเสียงดนตรีเพื่อทำการวิเคราะห์ได้ เช่นเดียวกับ ลี ยองจู (Lee Young-ju) หนึ่งในผู้ชมที่กำลังศึกษาเพลงพื้นบ้านเกาหลี ระบุว่าแม้ว่า EveR 6 จะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ยังขาดความสามารถในการเตรียมพร้อมและควบคุมความพร้อมเพรียงของนักดนตรี ซอง อินโฮ (Song In-ho) หนึ่งในผู้ชมการแสดงในครั้งนี้วัย 62 ปี มีความเห็นว่าการแสดงของ EveR 6 ยังอยู่ในระดับเริ่มต้นเท่านั้น เขาเชื่อว่าหากนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาเสริมอาจทำให้มันสามารถควบคุมการแสดงได้ด้วยตัวเองอย่างสมบูรณ์ยิ่งกว่านี้ ที่มา Reuters