รีเซต

ผลการค้นหา “Fish upon the sky” - ทรูไอดี

ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
พบกับ มิกซ์ สหภาพ ใน MV เพลง คนแบบไหน Ost.ปลาบนฟ้า Fish upon the sky
อ่าน

พบกับ มิกซ์ สหภาพ ใน MV เพลง คนแบบไหน Ost.ปลาบนฟ้า Fish upon the sky

   หลังจากซีรีส์เรื่อง ปลาบนฟ้า Fish upon the sky ตอนที่ 3 ออกอากาศจบไปก็มีหลายคนต่างสงสัยว่าเพลงประกอบซีรีส์ในตอนท้ายนั้นใครเป็นคนร้องกันนะเพราะนอกจากจะทิ้งความฟินด้วยฉากเลิฟซีนไว้ในตอนที่ 3 นี้แล้วเพลงประกอบซีรีส์ก็ยังละมุนไปอีก ว่าแต่ใครเป็นคนร้องมาดูกันมิกซ์ สหภาพ วงศ์ราษฎร์ โชว์ความสามารถร้องเพลงประกอบซีรีส์ ปลาบนฟ้า Fish upon the sky บอกเลยว่างานนี้มีคนทายผิดกันไม่น้อย บางคนก็ว่าเป็นเสียงของ ภูวินทร์ (ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน) บางคนก็ว่าเป็นเสียงของ มิกซ์ (สหภาพ วงศ์ราษฎร์) และคำตอบที่ถูกต้องคนที่ร้องเพลง คนแบบไหน Ost.ปลาบนฟ้า Fish upon the sky ก็คือ มิกซ์ (สหภาพ วงศ์ราษฎร์) นั่นเองไหนใครเดาถูกบ้างและใครเดาผิดสารภาพมาซะดี ๆhttps://twitter.com/wixxiws/status/1387961882309316608https://twitter.com/wixxiws/status/1387999827900788738 เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความสามารถของ มิกซ์ (สหภาพ วงศ์ราษฎร์) ที่นอกจากจะรับบทแสดงเป็น ‘เมืองน่าน’ ในซีรีส์แล้วยังโชว์เสียงร้องละมุนร้องเพลงประกอบซีรีส์ให้แฟน ๆ ได้ฟังอีกด้วย โดยทาง GMMTV ได้มีการประกาศวันปล่อย MV เพลงเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2021 ซึ่งสามารถรับชม MV เพลง คนแบบไหน Ost.ปลาบนฟ้า Fish upon the sky แบบเต็ม ๆ กันได้ที่ YouTube : GMMTV RECORDS และสามารถฟังเพลงได้ทาง Spotifyhttps://www.instagram.com/p/CNh5-zSpQzt/Producer : อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์, ชลทัศน์ ชาญศิริเจริญกุล เนื้อร้อง / ทำนอง : อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์ เรียบเรียง : ชลทัศน์ ชาญศิริเจริญกุลเนื้อเพลงHey ข้างบนนั้น อากาศมันคงจะดีใช่ไหมรู้คนอย่างฉัน ไม่มีวันที่จะได้ขึ้นไปซ้ำ* แม้ฉันพยายามจะทำเท่าไรดูเหมือนมันไม่มีประโยชน์อะไรและมันคงเป็นได้เพียงแค่ฝันแม้ฉันพยายามจะเดินเข้าไปเหมือนว่าเธอก็จะยิ่งห่างไปไกลไม่มีทางซ้ำ** อยากเป็นคนนั้นคนที่เธอรัก ต้องเป็นคนแบบไหนจะมีทางไหนที่ทำให้เธอ มองที่ฉันบ้างไหมฉันยินดีจะทำ ฉันจะทำ แม้ยากเย็นเท่าไหร่หรือไม่ว่าจะทำยังไง ก็เป็นได้แค่คนนอกสายตาไม่มีทางขึ้นไปบนฟ้าฟังเพลงเพราะ ๆ กันไปแล้วอย่าลืมไปติดตามชมซีรีส์เรื่อง ปลาบนฟ้า Fish upon the sky กันด้วยนะคะ สามารถรับชมได้ที่ช่อง GMM25 ทุกวันศุกร์ เวลา 20:30 น. และสำหรับใครที่ไม่มีเวลาหรือยังไม่ว่างดูก็สามารถรับชมย้อนหลังได้บน LINE TV เวลา 22:30 น. ค่ะคนแบบไหน Ost.ปลาบนฟ้า Fish upon the sky - Mix Sahaphapติดตามบทความอื่นของ Juni หยิน หยาง ศึกมหาเวท The Yin Yang Master (ฉบับรีเมคจากเกม)Edens Zero อนิเมะเรื่องใหม่จากผู้วาด แฟรี่เทลศึกจอมเวทอภินิหาร Hiro Mashimaยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ตอน กระสุนสีเพลิง Detective Conan - The Scarlet Bullet ทาง Major Group ประกาศแล้ว ฉาย 22 เมษายน 2021 นี้ทุกโรงภาพยนตร์โดราเอมอนกลับมาแล้ว! ใน STAND BY ME DORAEMON 2 โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป 2แนะนำอนิเมะใหม่ Musho Tensei เกิดชาตินี้พี่ต้องเทพ ขึ้นเทรนด์อันดับที่ 3!!Vivy -Fluorite Eye's Song- อนิเมะใหม่จาก WIT Studio ผู้สร้างเดียวกันกับ Attack on Titanขอบคุณภาพหน้าปก : Twitter GMMTVภาพประกอบ : ภาพที่ 1 GMMTV , ภาพที่ 2 mixxiw , ภาพที่ 3 GMMTV , ภาพที่ 4 GMMTVเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

รีวิว ซีรีส์ปลาบนฟ้า Fish upon the sky เรื่องราวการแอบรักที่อยากเกินจะเอื้อมถึง
อ่าน

รีวิว ซีรีส์ปลาบนฟ้า Fish upon the sky เรื่องราวการแอบรักที่อยากเกินจะเอื้อมถึง

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ที่น่ารักทุกคน ใครเป็นสาวกซีรีส์วายกันบ้าง วันนี้จะพาเพื่อน ๆ มารีวิวซีรีส์ปลาบนฟ้า Fish upon the sky ซีรีส์ของคนแอบรักแม้เขาจะไม่เคยหันมามองเลยก็ตาม ใครที่เคยตกเป็นแอบรักเขาแต่เขาไม่เคยรับรู้เลยว่าเราเองก็มีใจ ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องไปติดตามเรื่องราวความรักระหว่างหมอกและปีศัตรูที่อาจจะกลายเป็นคนรัก แต่เรื่องราวทั้งหมดจะสานต่อความสัมพันธ์อย่างไร เส้นทางระหว่างศัตรูที่จะกลายเป็นแฟนในอนาคตจะเป็นอย่างไรต้องไปดูรีวิวซีรีส์ปลาบนฟ้า Fish upon the sky ที่จะพาเพื่อน ๆ เข้าใจเรื่องราวคร่าว ๆ ที่เกิดขึ้นhttps://www.youtube.com/watch?v=nwtaq56pgIoซีรีส์เรื่อง : ซีรีส์ปลาบนฟ้า Fish upon the skyสถานี : GMMTVเริ่มวันที่ : ตอนแรกวันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564เวลาฉาย : ทุกวันศุกร์ เวลา 20.30 น.ผู้เขียน : jittiRainกำกับการแสดง : กอล์ฟ-สกล วงษ์สินธุ์วิเสสhttps://www.instagram.com/p/CNcwV0snhbK/?utm_source=ig_web_copy_linkเรื่องย่อซีรีส์ปลาบนฟ้า Fish upon the skyเรื่องย่อซีรีส์ปลาบนฟ้า Fish upon the sky เป็นการเล่าเรื่องราวของคนที่แอบรัก ใครที่กำลังอินกับการแอบรัก ขอบอกเลยว่าไม่ควรพลาดเรื่องนี้ เรื่องนี้เล่าเรื่องราวของปีหนุ่มน้อยน่ารักที่อ่อนต่อโลกมาก แต่กลับมีพี่ชายที่คอยชี้แนะแนวทางในด้านความรักให้น้องชายคนนี้เสมอ เขาคือเดือนนักศึกษาวิศวะที่มีนิสัยกวน ๆ แต่ก็ห่วงน้องชายอย่างปีมาก ปีนักศึกษาทันตแพทย์ปี 2 ที่เป็นคนสุดเนิร์ดแต่ดันไปชอบเมืองน่านหนุ่มสหเวชที่เป็นที่ฮอตฮิตในกลุ่มสาว ๆ เพราะทั้งหล่อนิสัยดีแถมมีความเป็นกันเอง หนุ่มสุดเนิร์ดอย่างปีพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่างพยายามปรับลุคทุกอย่าง เช่น เปลี่ยนการใส่แว่น ถอดเหล็กดัดฟัน เพื่อเมืองน่านคนเดียว แต่ด้วยถึงอย่างนั้นดูเหมือนการแอบรักของเขาจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นเพราะมีหนุ่มหล่อสุดฮอตอย่างหมอกหนุ่มนักศึกษาแพทย์ปี 2 เป็นเพื่อนสนิทของเมืองน่านและดูเหมือนว่าจะชอบเมืองน่าน(ปีเข้าใจไปเอง) ปีก็มีศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งคือหมอกที่เขาคิดว่าจะมาเป็นตัวขัดขวางความรักของเขา แต่หารู้ไหมว่าจริง ๆ แล้วหมอกชอบปีมาโดยตลอดไม่เคยคิดที่จะทำร้ายหรือขัดขวางเรื่องความรักเลย หมอกชอบปีมาก ๆ พยายามช่วยเหลือปีมาโดยตลอดแต่เพราะอะไรกันนะทำไมปียังไม่รับรู้ถึงความรู้สึกดี ๆ ที่หมอกมีให้ แล้วความรักของเขาจะเป็นอย่างไรต้องไปติดตามhttps://www.instagram.com/p/CNkEsXMMh3B/?utm_source=ig_web_copy_linkนักแสดง ซีรีส์ปลาบนฟ้า Fish upon the skyภูวินทร์-ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน รับบทเป็น ปี เป็นคนที่น่ารักสดใสมาก ๆ อ่อนต่อโลกแห่งความรักมาก ๆ แต่ก็มีพี่ชายสุดน่ารักคอยให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษามาโดยตลอด เขาคนนี้เป็นคนที่จริงจังในความรักมาก ๆ ทุ่มเททุกอย่างยอมทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้ความรักมาครอบครอง ด้วยความที่เขาเองก็เป็นคนที่เป็นมิตรกับทุกคนทำให้เขากลายเป็นคนมีเสน่ห์มากมิกซ์-สหภาพ วงศ์ราษฎร์ รับบทเป็น เมืองน่าน หนุ่มหล่อที่สาว ๆ กรี๊ดหนักมาก ไม่ว่าเขาคนนี้จะทำอะไรก็ดูมีเสน่ห์ไปหมดและที่สำคัญเขาคนนี้เป็นคนที่ยิ้มมีเสน่ห์มาก การเป็นมิตรกับทุกคนด้วยความน่ารักตรงนี้ทำให้ปีต้องตกหลุมรักเขาคนนี้นีโอ-ตรัย นิ่มทวัฒน์ รับบทเป็น เดือน หนุ่มหล่อเจ้าเล่ห์เหลี่ยมเยอะ แต่เขาคนนี้ก็เป็นพี่ชายที่แสนดีคอยช่วยเหลือเรื่องความรักของน้องชายอย่างปีมาโดยตลอด ถือว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์ในเรื่องความรักมาก่อนก็สามารถให้คำปรึกษาได้ เขาคนนี้มาพร้อมกับความกวน ๆ ที่น่ารักน่าเอ็นดูปอนด์-ณราวิชญ์ เลิศรัตน์โกสุมภ์ รับบทเป็น หมอก เขาคนนี้เป็นคนนิ่ง ๆ แต่ความนิ่งของเขาก็กลายเป็นเสน่ห์ที่ทำเอาใคร ๆ ก็ชื่นชอบและเป็นคนที่สุขุมมาก ใส่ใจคนที่เขารักมาก ๆ ด้วยโดยเฉพาะปีที่พร้อมจะปกป้องทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่จะทำให้เขาต้องเสียใจก็ตาม เอาเป็นว่าเขารักปีมาก ๆ มากจนพร้อมที่จะทุ่มเททุกอย่างเพื่อปีคนเดียวหลุยส์-ธณวิน ธีรโพสุการ รับบทเป็น มีน หนุ่มน้อยน่ารักสดใสที่ก็ยังไม่คอยประสีประสาสักเท่าไหร่ ด้วยความเด็กน้อยอ่อนต่อโลกของเขา เขาจึงมักจะทำอะไรก็ดูน่าเอ็นดูไปหมด จนเดือนต้องใจอ่อนคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด https://www.instagram.com/p/CNuvVjInmJ5/?utm_source=ig_web_copy_linkความประทับใจซีรีส์ ปลาบนฟ้า Fish upon the sky-เนื้อเรื่องสนุก จากการติดตามชมหลายตอนที่ผ่านมา ขอบอกเลยว่าทุกตอนสนุกมาก เน้นดูเอาความฟินจิ้นสนุก ๆ คลายเครียดเพราะเนื้อเรื่องไม่ได้ซับซ้อนจนต้องเครียดไปด้วยแต่ขอออกแนวเบาสบาย ๆ ดูแล้วยิ้มตาม ตรงนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่ประทับใจ บางครั้งเราก็ต้องการซีรีส์สักเรื่องที่เบา ๆ สบาย ๆ ผ่อนคลายหลังจากเหน็ดเหนื่อย -นักแสดง ถือว่าเเสดงได้ดีมากเพราะบางคนก็ยังเป็นนักแสดงหน้าใหม่เลย ซึ่งถือว่าเป็นการฝึกประสบการณ์ในการทำงานและเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ลองเเสดงความสามารถ แต่ก็มีนิด ๆ หน่อย ๆ ที่ยังดูไม่สมูธ ซึ่งก็เชื่อว่าพวกเขายังสามารถพัฒนาฝีมือต่อไปได้เรื่อย ๆ -องค์ประกอบฉากต่าง ๆ ถือว่าทำได้ดีเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แสงไฟที่ทำให้ซีรีส์ดูละมุมตา ชอบความรู้สึกที่เป็นแบบธรรมชาติในเรื่ององค์ประกอบ ดูแล้วสบายตาและทำให้ซีรีส์น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ขอบอกเลยว่าเพื่อน ๆ จะพลาดความสนุกแน่นอนภาพปกขอบคุณ:ppnaravit:ภาพ1ภาพประกอบขอบคุณ:phuwintang:ภาพ1/ภาพ2/ภาพ3วิดีโอขอบคุณ:GMMTV:วิดีโอ1 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

[รีวิวเกม] The Rumble Fish 2 เกมต่อสู้ยุค 2000S ที่ถูกลืม
อ่าน

[รีวิวเกม] The Rumble Fish 2 เกมต่อสู้ยุค 2000S ที่ถูกลืม

ในยุคนี้อาจจะมีซีรีส์เกมต่อสู้หลงเหลือไม่มาก และส่วนใหญ่จะเป็นเกมฟอร์มยักษ์ที่มีมายาวนาน แต่ก็มีบางซีรีส์ที่ไม่ได้ไปต่อด้วยหลากหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นต้นฉบับไม่ได้รับความนิยม หรือค่ายเกมถูกปิดหรือยุบรวม และดูเหมือนว่า The Rumble Fish 2 จะอยู่ในหมวดยุบรวมค่าย เพราะต้นกำเนิดของ The Rumble Fish หนึ่งในซีรีส์เกมต่อสู้ที่ภาคแรกวางขายในปี 2003 และออกภาค 2 ในปี 2004 (ในญี่ปุ่น) ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่หลังจากจากต้นสังกัด Sammy ได้รวมกับ Sega แล้วดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นเกมที่ถูกลืมไปพร้อมกับยุคเกมอาเขตที่ได้รับความนิยมลดลงทำให้มันไม่ได้ไปต่อ แต่ล่าสุดมีการขุดเอา The Rumble Fish 2 มาขายใหม่แบบไม่ได้ปรับอะไรเลยออกบน PS4, PS5, Nintendo Switch และ Xbox One, Xbox Series X/S รวมทั้งออกบน PC ด้วย เรื่องราวในเกมจะเกิดในช่วงศตวรรษที่ 21 โลกได้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทำลายล้างและคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย โดยเฉพาะดินแดนในฝั่งตะวันออก ทำให้ PROBE-NEXUS ได้เริ่มโครงการฟื้นฟูดินแดนฝั่งตะวันออกที่พังทลายขึ้นมาใหม่ แต่ในดินแดนที่สร้างขึ้นมาใหม่มีการจัดแข่งขันใต้ดินที่เรียกว่า Fight for Survival หรือเรียกย่อ ๆ ว่า F.F.S. ซึ่งรวบรวมนักสู้จากสลัมของเมืองเข้าแข่งขัน ทำให้มันเป็นฉากหลังในเกมทำให้ตัวละครมีความเป็น Cyber Punk ในแบบญี่ปุ่น กราฟิกยกของเดิมมาทั้งหมด สิ่งที่เป็นทั้งข้อเสีย และข้อดีไปพร้อมกันคือภาพในเกมที่ใน The Rumble Fish 2 ยกของเดิมมาทั้งหมดแบบไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรเลย ที่นำเสนอในแบบ 2 มิติที่มีรายละเอียดดีตามยุคสมัย การเคลื่อนไหวดูดีกว่าเกมยุค 90S โดยเฉพาะแขนและขาที่ขยับได้เป็นธรรมชาติกว่าเกมในยุคนั้น ข้อดีคือมันคือภาพคลาสสิกต้นฉบับที่แฟน ๆ คิดถึง แต่สำหรับแฟนยุคใหม่มันดูเชยมาก แต่อย่างน้อยมันมาพร้อมกับสัดส่วนหน้าจอแบบ 16:9 ที่เข้ากับทีวียุคใหม่มันไม่ได้ดูเชยจนเกินไป อย่างไรก็ตามข้อเสียคือผู้สร้างลืมปรับความละเอียดให้เข้ากับหน้าจอยุคใหม่ ทำให้มันไม่ได้มาแบบ HD แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เหมือนเล่นเกมย้อนยุค แถมมันเป็นแนวต่อสู้ยุคเก่าที่เชื่อว่าแฟน ๆ ทำใจตั้งแต่ก่อนซื้อแล้ว ส่วนเพลงประกอบในเกมอาจจะเป็นข้อด้อย เพราะนั่งเล่นทั้งแต่ต้นจนจบไม่มีเพลงติดหูเท่าที่ควร ซึ่งเป็นข้อเสียสำหรับเกมแนวต่อสู้เพราะมันควรจะมีเพลงที่โดดเด่นกว่านี้ เกมเพลย์ไฟติ้ง 2 มิติแบบเดิม ๆ อย่างที่รู้กันว่า The Rumble Fish 2 มาแนวเกมต่อสู้ 2 มิติมุมมองด้านข้าง ที่ตัวละครจะต้องต่อสู้กันหลัก ๆ มันมีความคล้ายกับ Guilty Gear อยู่บ้างแต่จะไม่ดุเดือดเท่า การเล่นจะเน้นการกดปุ่มกดผสานกับปุ่มทิศทางเพื่อปล่อยพลัง และยังมีการใช้การกดตามจังหวะเพื่อปล่อยคอมโบ และเอามายำรวมกันได้ด้วยแต่มันก็ไม่ได้แปลกแตกต่างจากเกมต่อสู้อื่นนัก ตัวละครในเกมจะคล้ายกับเกมต่อสู้ทั่วไป ที่มีทั้งตัวเล็กแต่มีความเร็วและเน้นท่าต่อเนื่อง หรือตัวใหญ่ยักษ์ที่ทรงพลังแต่เคลื่อนที่ได้ช้ากว่า นอกจากนี้ยังมาพร้อมพวกที่ต้องใช้เทคนิค แต่งานออกแบบดูไม่โดดเด่นเท่าที่ควร บางตัวละครเหมือนตัวประกอบฉากใน Street Fighter ทำให้ผู้เล่นไม่ได้ผูกพันกับตัวละครไหนเลยเหมือนกับเกมอื่น ระบบท่าไม้ตายที่ลงตัว แต่ความโดดเด่นจนทำให้ต้องหามาเล่นคือระบบการปล่อยท่าไม้ตายพิเศษที่มีมาให้ใช้หลายรูปแบบคือ Offense ที่นอกจากจะมีการโจมตีแบบปรกติยัง Jolt Attack ที่เป็นท่าไม้ตายที่ไม่สามารถป้องกันได้แต่จะเสียค่าเกจพลังหมดทำให้ไม่สามารถใช้ต่อเนื่องได้ การปล่อยท่าอาจจะไม่โดดเด่นเพราะส่วนใหญ่จะกดปุ่มคล้าย ๆ กันหมดแต่ก็ถือเป็นข้อดีเพราะผู้เล่นจะเรียนรู้ได้รวดเร็วไม่ต้องมานั่งจำอะไรเยอะ ส่วนอีกรูปแบบคือเกจพลัง Defense ตามชื่อที่จะเป็นการป้องกัน และยังมีท่าพิเศษ ที่เรียกว่า Defensive Arts มาให้ใช้งาน แม้อาจจะไม่แรงเท่าแต่ก็สามารถทำให้เราได้เปรียบในการต่อสู้ได้ และยังเสริมด้วยท่าผสมผสานทั้ง 2 รูปแบบเข้าด้วยกันที่ใช้ได้เมื่อเกจพลัง Offense และ Defense เต็มทั้งคู่ โดยรวมถือว่าเป็นระบบที่ดูแปลกและหากมองว่าในเป็นเกมที่ออกมาหลายปีแล้วถือว่าโดดเด่นพอตัว The Rumble Fish 2 อาจจะไม่ใช่เกมต่อสู้ที่ดีที่สุด แต่มันก็มีความสนุกที่แตกต่างจากเกมในยุคนี้พอสมควร แม้จะไม่ได้โดดเด่นทั้งเกมเพลย์รวมทั้งตัวละคร แถมผู้สร้างยังไม่ลงทุนปรับกราฟิกใหม่ทำให้มันดูเชยไปและถูกมองข้ามได้ง่าย ๆ แต่หากชอบแนวต่อสู้มันก็พอจะมีความสนุกของเกมในอดีต แถมราคาขายที่ไม่แพงนักจะลองหามาติดเครื่องก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

“Once Upon A Time with KHAOKHWAN” เสิร์ฟความสุข ความอบอุ่น ฉลองวันเกิด “เบนซ์ ข้าวขวัญ”
อ่าน

“Once Upon A Time with KHAOKHWAN” เสิร์ฟความสุข ความอบอุ่น ฉลองวันเกิด “เบนซ์ ข้าวขวัญ”

Once Upon A Time with KHAOKHWAN เสิร์ฟความสุข ความอบอุ่น ฉลองวันเกิด เบนซ์ ข้าวขวัญ บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น ละมุนไปด้วยสีพาสเทล ท่ามกลางบรรยากาศสวนสวย เมื่อค่าย QWIN LABEL จัดกิจกรรม Once Upon A Time with KHAOKHWAN ให้แฟนคลับได้ร่วมฉลองวันเกิดแบบใกล้ชิดกับ เบนซ์ ข้าวขวัญ โดยเหล่า ต้นข้าว (ชื่อกลุ่มแฟนคลับ) ลงทะเบียนครบ 100 ท่านอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ที่เปิดให้ลงทะเบียนร่วมงาน งานนี้ เบนซ์ น้ำตาซึมใจฟูพองแบบสุดๆ ภายในงานบรรยากาศเต็มไปความละมุน และความใส่ใจในทุกดีเทลของงานไม่ว่าจะเป็นการตกแต่ง อาหาร ขนมที่พร้อมเสิร์ฟท่ามกลางบรรยากาศสวนที่ตกแต่งอย่างสวยงาม นอกจากนี้คุณเจ้าของวันเกิดยังขอมอบความพิเศษให้กับทุกคนกับโชว์ร้องเพลง เวอร์ชั่นอะคูสติก ที่อัดแน่นหลากหลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น Hot Deal ซิงเกิลล่าสุดที่เพิ่งปล่อยมาไม่นาน รวมถึงเพลง คิดดีไม่ได้เลย เพลงที่ติดหูใครหลายคน และเพลงพิเศษ ฉันดีใจที่มีเธอ ที่สาว เบนซ์ ตั้งใจมอบให้ต้นข้าวทุกคน ปิดท้ายด้วยเหล่าต้นข้าวได้ทำ VTR Fan Project มาเซอร์ไพรส์ทำเอา เบนซ์ น้ำตาไหลซึ้งใจกับโมเมนต์นี้เป็นที่สุดพร้อมบอกว่านี่จะเป็นกำลังใจในการทำงานของเธอต่อไป และยังขอสัญญาว่าจะไม่หยุดพัฒนาตัวเองจะทำทุกอย่างให้ดียิ่งขึ้นต่อไปในฐานะศิลปินคนหนึ่งอีกด้วย งานนี้ทั้งซึ้ง ทั้งอบอุ่นใจทั้งแฟนคลับและศิลปินจริงๆ จ้า

รีวิวหนังสือภาพ : A Fish That Smiled At Me ปลายิ้มได้กับชายคนหนึ่ง
อ่าน

รีวิวหนังสือภาพ : A Fish That Smiled At Me ปลายิ้มได้กับชายคนหนึ่ง

ผมเป็นเจ้าของปลาตัวหนึ่ง เป็นปลาที่ซื่อสัตย์เยี่ยงสุนัข รู้ใจเยี่ยงแมว ผูกพันเยี่ยงคนรักภาพชายใส่หมวกอุ้มโหลใส่ปลายืนอยู่ริมน้ำกับชื่อหนังสือที่ว่า A Fish That Smiled At Me ปลายิ้มได้กับชายคนหนึ่ง ค่อนข้างดึงดูดความสนใจคนที่ชอบอ่านหนังสือภาพอย่างเราไม่น้อยเลยค่ะ ไม่นานมานี้ญาติของเรานำหนังสือมาแบ่งให้อ่านหลายเล่มมาก ๆ ทั้งหนังสือภาพและเรื่องสั้นต่าง ๆ แต่เพราะรู้สึกสะดุดตากับภาพและชื่อเรื่องที่ปกของเล่มนี้เป็นพิเศษ เราเลยเลือกหยิบขึ้นมาพลิกดูเรื่องย่อแล้วก็ได้พบกับประโยคสั้น ๆ เพียงไม่กี่ประโยคที่ปกหลังซึ่งทำให้เราที่กำลังลังเลว่าจะอ่านอะไรก่อนดีตัดสินใจนำหนังสือภาพเล่มนี้มานั่งอ่านเมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาค่ะหนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในผลงานของ Jimmy Liao นักวาดภาพประกอบชาวไต้หวันผู้สร้างสรรค์หนังสือภาพสำหรับผู้ใหญ่ซึ่งโด่งดังมาแล้วหลายต่อหลายเล่ม ผลงานของเขาเป็นที่นิยมทั้งในและต่างประเทศจนถูกนำไปแปลไว้หลายภาษา นอกจากนี้บางผลงานยังได้รับการดัดแปลงทำเป็นละครเพลงรวมถึงภาพยนต์ด้วยค่ะ สำหรับ A Fish That Smiled At Me ปลายิ้มได้กับชายคนหนึ่ง ก็เป็นหนังสือภาพอีกเล่มที่ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนต์แอนิเมชั่นจนได้รับรางวัล Special Prize of the Deutsches Kinderhilfswerk ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน ประจำปี 2006 มาแล้ว A Fish That Smiled At Me ปลายิ้มได้กับชายคนหนึ่ง เป็นหนังสือภาพที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่เดินผ่านร้านขายสัตว์น้ำเป็นประจำค่ะ ในแต่ละครั้งที่เขาเดินผ่านร้านนี้จะมีปลาหน้ายิ้มตัวหนึ่งว่ายตรงมาหาราวกับเฝ้ารอที่จะได้ทักทายเขาอยู่ตลอด จนในที่สุดเขาก็เกิดถูกชะตาและตัดสินใจซื้อปลาตัวนี้นำกลับมาเลี้ยงที่บ้าน เจ้าปลาตัวน้อยคอยอยู่กับเขาทั้งในตอนทานข้าว ดูทีวี แม้กระทั่งอาบน้ำ มันคอยว่ายวนในโหลข้างตัวเขาราวกับเป็นเพื่อนคลายเหงา ทำให้ชายคนนี้รักปลาของเขามาก ๆ ค่ะแต่อยู่มาวันหนึ่งในคืนที่เงียบสงบเขาได้หลับและฝันไปว่าได้ออกเดินทางร่วมกับเจ้าปลาตัวน้อย ทั้งเข้าไปเต้นรำในป่า เดินผ่านทุ่งหญ้า ลอยคอในทะเลด้วยกันอย่างสนุกสนาน เขารู้สึกเหมือนปลาที่แหวกว่ายในทะเลได้อย่างอิสระเสรีแต่แล้วกลับพบความจริงที่ว่าตัวเองกลายเป็นเพียงปลาตัวหนึ่งในโหลใบใหญ่เท่านั้น ไม่ว่าจะพยายามฝ่าผนังใส ๆ นั่นเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้ นั่นทำให้เขาตกใจจนสะดุ้งตื่นค่ะ เมื่อมองไปยังโหลปลาคู่ใจในครั้งนี้เขากลับรู้สึกเจ็บปวดเมื่อคิดได้ว่าบางทีเขาอาจกำลังขังปลาตัวโปรดไว้ในบ้านของเขาเอง นั่นเลยเป็นเหตุให้เขาตัดสินใจที่จะทำบางอย่างซึ่งนำไปสู่การปลดปล่อยทั้งตัวเขาและเจ้าปลาในที่สุด ส่วนบทสรุปจะเป็นยังไงสามารถติดตามต่อได้ภายในเล่มได้เลยค่ะรีวิวสำหรับหนังสือภาพเล่มนี้ถูกนำมาแปลโดยคุณอนุรักษ์ กิจไพบูลทวี ซึ่งผู้แปลเลือกใช้คำแปลออกมาได้อย่างเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้งตรงประเด็นกับที่ผู้เขียนอย่าง Jimmy Liao ต้องการจะสื่อ ด้านในประกอบด้วยภาพประกอบที่มีลายเส้นสมกับเป็นงานของ Jimmy Liao ที่วาดด้วยลายเส้นเข้าใจง่ายแต่เต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อยในแต่ละภาพประกอบ ไม่จำเป็นต้องอ่านจากตัวอักษรก็สามารถตีความจากภาพได้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีประโยคสั้น ๆ ประกอบบางหน้าเพื่อให้ผู้อ่านเข้าถึงเรื่องราวได้มากขึ้น ส่วนภาพประกอบเขาเลือกใช้สีที่ค่อนข้างสบายตาไม่ฉูดฉาดค่ะ มีการคุมโทนสีไปในโทนเดียวกันทำให้ระหว่างอ่านและดูรูปเรารู้สึกไหลลื่นไม่ขัดตา มีการเล่นสีที่โดดเด่นขึ้นมาบางจุดเพื่อดึงสายตาผู้อ่านไปยังจุดสำคัญที่เขาต้องการจะสื่อและเน้นให้เห็นองค์ประกอบที่สวยงามค่ะสำหรับเนื้อเรื่องนั้นแม้จะดูเหมือนไม่มีอะไรแต่เรียกได้ว่าแฝงไว้ด้วยแง่มุมของชีวิตอย่างคาดไม่ถึงเลยค่ะ หนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนกระจกที่สามารถสะท้อนความคิดของผู้อ่านได้อย่างหลากหลายแล้วแต่มุมมองแต่ละบุคคล แต่ยังคงมีแก่นของความคิดในรูปแบบเดียวกัน เป็นหนังสือที่อ่านง่ายแต่พออ่านจบแล้วเรากลับต้องอ่านอีกครั้งเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่ผู้วาดต้องการจะสื่อได้ถ่องแท้มากขึ้น สำหรับเราตีความหนังสือเรื่องนี้ออกมาในแง่ของความรักค่ะ อย่างที่หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมาบ้างว่าความรักไม่ใช่การครอบครอง แต่สำหรับหนังสือเล่มนี้นอกจากจะสื่อว่าความรักไม่ใช่การครอบครองแล้ว ความรักยังเป็นการให้อิสระแก่กันด้วยค่ะเมื่อเรารักใครซักคนหลาย ๆ คนคงมีความรู้คล้ายกับชายเลี้ยงปลาคนนี้ที่อยากเป็นเจ้าของและเก็บเจ้าปลาตัวนี้ไว้กับตัวเองไปตลอด แต่บางครั้งการตีกรอบไว้ตลอดเวลานั้นอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดก็ได้จริงไหมคะ บางครั้งพื้นที่ในโหลแก้วที่ปลอดภัยนั้นอาจคับแคบเกินกว่าจะว่ายไปไหนมาไหนได้อย่างใจนึก ชีวิตของปลาที่ควรได้แหวกว่ายในท้องทะเลก็เหมือนชีวิตของคนเราที่ยังมีสิ่งต่าง ๆ รอให้ค้นพบอีกมาก แต่บางครั้งเพียงเพราะคำว่ารักอาจเป็นการเหนี่ยวรั้งอีกฝ่ายไว้กับตัวเองมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งหนังสือเล่มนี้ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของการให้อิสระแก่กันมากขึ้นค่ะ เราสามารถรักและผูกพันกันมากเท่าไหร่ก็ได้ แต่ถ้าความรู้สึกผูกพันนั้นส่งผลให้เกิดการกระทำที่ผูกมัดกันมากเกินไป จากสุขก็อาจอาจกลายเป็นทุกข์ได้ง่าย ๆ โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการไม่ยึดติดกันมากจนเกินไปถือเป็นอีกสิ่งที่จะทำให้หัวใจของเราเป็นสุข เหมือนกับที่ชายเลี้ยงปลาเลือกที่จะปล่อยวางและตัดสินใจทำบางสิ่งเพื่อเจ้าปลาแสนรักของเขาในที่สุดแต่อย่างไรก็ตามอย่าถึงขั้นปล่อยปละละเลยกันไปเสียก่อนนะคะ ไม่ว่ายังไงการเอาใจใส่กันและกันก็คือสิ่งสำคัญที่สุดไม่น้อยไปกว่าการให้อิสระแก่กันเลยค่ะสำหรับใครที่สนใจฉบับรูปเล่ม สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือซีเอ็ดหรือสั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์ร้านหนังสือออนไลน์ได้เลยนะคะ ราคา 325 บาทเท่านั้น จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ a book รับรองว่าภาพสวย กระดาษดี สีคมชัด และเนื้อเรื่องให้ข้อคิดในชีวิต คุ้มค่าต่อการซื้อแน่นอนค่ะวันนี้เราคงต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสามารถติดตามบทความอื่น ๆ ได้ที่นี่เลยค่ะ : Kiki เครดิต : ภาพประกอบที่ 1 โดยนักเขียน / ขอบคุณรูปประกอบที่ 2 จาก Pexels / ภาพประกอบที่ 3 โดยนักเขียน

SKYรายได้กระฉูด68% ท่องเที่ยว-ผู้โดยสารดัน
อ่าน

SKYรายได้กระฉูด68% ท่องเที่ยว-ผู้โดยสารดัน

#SKY #ทันหุ้น SKY อวดโค้งแรกปี 2567 กวาดรายได้ 1,379 ล้านบาท โตแรง 68% มีกำไรสุทธิ 117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% รับท่องเที่ยวคึกคัก ยอดผู้โดยสารทะลัก ดันรายได้จากโครงการเกี่ยวกับสนามบินพุ่งหนุนธุรกิจ Aviation Tech และ Airport Services เติบโตต่อเนื่อง โชว์แบ็คล็อกแกร่ง 2.2 หมื่นล้านบาท นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 บริษัทสามารถทำรายได้ 1,379 ล้านบาท เติบโตขึ้น 68% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 117 ล้านบาท เติบโต40% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยการเติบโตที่ต่อเนื่องนั้นมาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้ยอดผู้โดยสารเดินทางเข้า-ออกประเทศเพิ่มสูงขึ้น โดยในไตรมาสแรก 2567 มียอดผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 22.84% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2566ส่งผลให้รายได้จากโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับท่าอากาศยาน อาทิ ระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (CUPPS) และโครงการการให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออกประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทมีการรับรู้รายได้จากบริษัทในเครืออย่าง บริษัท เมทเธียร์ จำกัด และบริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) รวมถึงการลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทอื่นที่มีศักยภาพ ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ *ขยายการเติบโต นายสิทธิเดช กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567นอกจากการพัฒนาและสร้างสรรค์เทคโนโลยีด้าน Aviation Tech อย่างต่อเนื่องในโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสนามบินแล้ว สกาย กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าจัดทัพโครงสร้างธุรกิจในเครือ เพื่อรองรับการขยายการเติบโตของแต่ละธุรกิจให้มีความชัดเจน โดยมีบริษัท เมทเธียร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ (Smart Facility Management) เจาะกลุ่มโครงการขนาดกลางถึงขนาดใหญ่รวมถึงผู้ให้บริการรายอื่นที่ต้องการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงยกระดับการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยและการทำความสะอาดให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด และบริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) ดูแลงานประมูลไอทีโซลูชันภาครัฐเป็นหลัก ซึ่งมีแผนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยได้เข้ายื่นไฟลิ่งขาย IPO 140 ล้านหุ้น คาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จในปีนี้ *แบ็กล็อกแน่น ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 บริษัทได้เข้าทำสัญญาใหม่และมีงานที่อยู่ระหว่างรอส่งมอบตามสัญญาในอนาคต (Backlog) อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 22,000ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ให้กับสกาย กรุ๊ปในอีกอย่างน้อย 6-7 ปี สกาย กรุ๊ป เรามองหาโอกาสใหม่ในการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ และเตรียมความพร้อมให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่องทั้งด้านเทคโนโลยีและบุคลากรเพื่อรับมือกับโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ อาทิ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ แพลตฟอร์มดิจิทัล ไปจนถึงการขยายสู่ธุรกิจเทคโนโลยีด้านต่างๆ ในอนาคตเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าในภาพรวมบริษัทจะยังคงเติบโตได้อย่างมั่นคง นายสิทธิเดช กล่าว

Trails in the Sky 1st Chapter การรีเมคของเกมระดับตำนาน
อ่าน

Trails in the Sky 1st Chapter การรีเมคของเกมระดับตำนาน

    ผมขอยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเลยครับ... เป็นเวลานานมากที่ผมมองซีรีส์เกมที่ชื่อว่า "Trails" หรือ "Kiseki" ด้วยสายตาที่เคลือบแคลงสงสัย ผมได้ยินเสียงร่ำลือจากเพื่อนๆ ถึงความยิ่งใหญ่ของมัน เรื่องราวที่มีมาจากต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 13 ภาค ใช้เวลาเล่นนับพันชั่วโมง... และคำถามในใจผมก็ดังขึ้นมาเสมอว่า "มันจะคุ้มค่ากับเวลาขนาดนั้นเชียวหรือ?" ผมเคยคิดว่ามันคงเป็นเพียง JRPG สูตรสำเร็จที่ถูกยืดออกไปเท่านั้น แต่แล้ว... โชคชะตาก็นำพาผมมาพบกับ Trails in the Sky 1st Chapter ฉบับรีเมค และหลังจากที่ผมเล่นได้ไปสักพัก เมื่อเวลาผ่านไปผมทำได้เพียงแค่วางคอนโทรลเลอร์ลง แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ ว่า...   "เราคิดผิดมาโดยตลอด"   นี่ไม่ใช่แค่การรีวิวเกมครับ แต่นี่คือจดหมายรัก คือคำสารภาพจากใจของคนที่เคยไม่เชื่อ สู่เกมที่มอบประสบการณ์การผจญภัยอันสนุกสนานที่เปี่ยมด้วยหัวใจแห่งความสุขมากที่สุดในเกมหนึ่งของชีวิต และนี่คือเหตุผลว่าทำไมการให้คะแนน 10/10 กับเกมนี้... ถึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายที่สุดสำหรับผม     เกมเพลย์ สิ่งแรกที่ทำให้ผมประหลาดใจคือระบบการต่อสู้ที่ "ลึก" เกินกว่าที่ตาเห็น ในเวอร์ชันรีเมคนี้ มันไม่ใช่แค่เกมเทิร์นเบสธรรมดาๆ แต่มันคือกลยุทธ์การวางแผนอย่างแท้จริง หัวใจของมันคือ "ไทม์ไลน์" ที่แสดงลำดับการโจมตีของทุกตัวละครในสนามรบ และหน้าที่ของเราไม่ใช่แค่การเลือกคำสั่งที่แรงที่สุด แต่คือการ "ควบคุม" ไทม์ไลน์นั้นให้อยู่ในกำมือ   ผมยังจำความรู้สึกตอนสู้กับบอสตัวหนึ่งได้ดี มันกำลังจะร่ายเวทมนตร์ทำลายล้างใส่ปาร์ตี้ของผม และเทิร์นของมันก็ใกล้จะมาถึงแล้ว แต่ผมสังเกตเห็นว่าการโจมตีครั้งล่าสุดของโจชัว ทำให้เกจ CP (Craft Points) ของเขาเต็ม 100 พอดี ในเสี้ยววินาทีนั้น ผมตัดสินใจกดใช้ท่าไม้ตาย "S-Craft" ผ่านระบบ "S-Break" ทันที! ร่างของโจชัวพุ่งจากท้ายแถวของไทม์ไลน์ขึ้นมาอยู่หน้าสุด แซงคิวบอสตัวนั้น แล้วปลดปล่อยท่าไม้ตายออกไป ไม่ใช่แค่สร้างความเสียหายมหาศาล แต่มันยังขัดจังหวะการร่ายเวทมนตร์ของบอสได้สำเร็จ วินาทีนั้น... ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นยอดนักวางแผนเลยครับ! มันคือความรู้สึกของการพลิกสถานการณ์ด้วยการตัดสินใจที่เฉียบคมเพียงครั้งเดียว   ยังไม่หมดแค่นั้น ระบบ "โบนัส" ที่จะสุ่มบัฟต่างๆ มาวางบนไทม์ไลน์ ยิ่งเพิ่มมิติทางกลยุทธ์เข้าไปอีก คุณอาจจะเห็นโบนัส "Critical 100%" อยู่บนเทิร์นของศัตรู แต่ถ้าคุณมีตัวละครที่สามารถใช้ท่า "Delay" หน่วงเทิร์นศัตรูได้ คุณก็สามารถ "ขโมย" โบนัสนั้นมาเป็นของเราได้ มันเปลี่ยนการต่อสู้ให้กลายเป็นการชิงไหวชิงพริบที่สนุกและตื่นเต้นตลอดเวลา   และระบบที่เปรียบเสมือนเสาหลักของเกมนี้ทั้งหมดคือ "Orbment" ที่คล้ายกับระบบ Materia ใน Final Fantasy VII มันคือการบังคับให้เราต้องคิดอย่างรอบคอบว่าจะสร้างตัวละครแต่ละตัวไปในทิศทางไหน เอสเทลของผมกลายเป็นนักรบสายพลังทำลายล้าง อัดแน่นไปด้วยควอตซ์เพิ่มพลังโจมตี ในขณะที่โจชัวผู้ปราดเปรียว กลายเป็นตัวละครสารพัดประโยชน์ที่ทั้งโจมตีเร็วและใช้เวทมนตร์สนับสนุนได้ มันคือระบบที่เรียบง่ายแต่เปิดกว้างให้เราได้ทดลองอย่างอิสระ     เนื้อเรื่อง ถ้าเกมเพลย์คือสมองที่เฉียบคม เรื่องราวและตัวละครก็คือ "จุดแข็ง" ที่แสนอบอุ่นของเกมนี้ครับ   สิ่งที่ผมรักที่สุดใน Trails in the Sky คือการที่มันไม่ได้เล่าเรื่องของ "ผู้ถูกเลือก" ที่ต้องกอบกู้โลก แต่เป็นเพียงเรื่องราวการเดินทางของเด็กหนุ่มสาวสองคน เอสเทล และ โจชัว ที่มีความฝันอยากจะเป็น "เบรเซอร์" (นักแก้ไขปัญหาสารพัดนึก) ที่เก่งกาจเหมือนพ่อของพวกเขา มันคือจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยแบบคลาสสิกที่ผมโหยหามานาน คล้ายกับความรู้สึกที่ได้เล่น Dragon Quest เป็นครั้งแรก เป้าหมายของพวกเขาเรียบง่ายแต่ทรงพลัง: "ออกเดินทางไปบนผืนดินที่พวกเขาตั้งใจจะปกป้องด้วยสองเท้าของตัวเอง"   และบนเส้นทางนั้น เราก็ได้พบกับเหล่าตัวละครสมทบที่ผมกล้าพูดได้เลยว่า "ยอดเยี่ยมทุกตัว" ไม่ว่าจะเป็น อาเกต นักดาบจอมหัวรั้นแต่จิตใจดี, โอลิวิเย่ร์ เจ้าชายเพลย์บอยผู้สร้างสีสันและความปวดหัว, หรือ เชราซาร์ด เบรเซอร์รุ่นพี่สุดเซ็กซี่ ทุกคนล้วนมีเสน่ห์และบทบาทที่น่าจดจำ ไม่มีตัวละครไหนเลยที่ผมรู้สึกว่า "น่ารำคาญ" หรือ "อยากให้มีบทน้อยกว่านี้" พวกเขารู้สึกเหมือนเป็นกลุ่มเพื่อนที่ค่อยๆ สนิทสนมกันจริงๆ ผ่านการเดินทางที่ยาวนาน   แต่ความมหัศจรรย์ที่แท้จริงคือ "โลกในเกม" ของอาณาจักรลิเบอร์ลครับ ทุกครั้งที่คุณผ่านเหตุการณ์สำคัญในเนื้อเรื่องไป บทสนทนาของ NPC ทุกตัวในเมืองจะเปลี่ยนไปทั้งหมด! พวกเขาจะพูดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น พูดถึงข่าวลือต่างๆ มันทำให้ผมรู้สึกว่าโลกใบนี้ไม่ได้หยุดนิ่งรอเราอยู่เฉยๆ แต่มันกำลังดำเนินต่อไปพร้อมกับเรา มันคือความใส่ใจในรายละเอียดในระดับที่ผมไม่เคยเห็นจากเกมไหนมาก่อน และมันให้รางวัลกับความช่างสังเกตของผมอย่างมหาศาล   ถ่ายทอดออกมาได้อย่างทรงพลัง แม้จะเป็นเกมที่รีเมคมาจากรากฐานเก่า แต่ทีมงานได้ขัดเกลางานภาพและเสียงจนมันเปล่งประกายได้อย่างน่าทึ่ง เพลงประกอบที่เป็นเวอร์ชันรีมิกซ์จากต้นฉบับนั้นยอดเยี่ยมมาก มันสามารถถ่ายทอดทั้งความรู้สึกของการผจญภัยอันสดใสและความลึกลับของแผนการร้ายที่ซ่อนอยู่ได้อย่างลงตัว   แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องทึ่งจนอ้าปากค้าง คือ "การกำกับคัทซีน" ครับ ผมขอยกฉากหนึ่งที่ตราตรึงอยู่ในใจผมจนถึงตอนนี้ คือฉากการต่อสู้ด้วยดาบระหว่าง โคลเอ้ และ เอสเทล ในการแสดงละครเวที มันไม่ใช่แค่คัตซีนที่ตัวละครสองตัวยืนฟันดาบใส่กัน แต่มันคืองานออกแบบท่าเต้นที่งดงามและงานกล้องที่น่าทึ่ง กล้องหมุนตามการเคลื่อนไหวของทั้งสองคนที่กำลังร่ายรำเพลงดาบใส่กันอย่างดุเดือดแต่ก็สวยงาม ผมเผลอกลั้นหายใจไปตลอดทั้งฉาก และเมื่อมันจบลง ผมถึงกับต้องวางจอยเพื่อตั้งสติ... นี่คืองานศิลปะ คือการเล่าเรื่องผ่านภาพเคลื่อนไหวที่ทรงพลังอย่างแท้จริง     บทส่งท้าย Trails in the Sky 1st Chapter คือเกม RPG ที่ผมสามารถพูดได้อย่างเต็มเสียงว่า "นี่คือเกมที่คุณต้องเล่น" มันคือประตูบานแรกที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับใครก็ตามที่อยากจะเข้าสู่โลกของ JRPG และในขณะเดียวกัน มันก็คือบทเรียนชั้นครูในการออกแบบเกมสำหรับแฟนพันธุ์แท้ของแนวนี้   "จิตวิญญาณ" ที่เกมนี้ทิ้งไว้ในใจของผม คือ "ความสุขของการเดินทางที่เรียบง่าย" มันคือการย้ำเตือนเราว่า เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการกอบกู้โลกเสมอไป บางครั้งมันก็เริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ ของเด็กสองคนที่แค่อยากจะเดินตามรอยเท้าของพ่อ, อยากจะช่วยเหลือผู้คน, และอยากจะรู้จักโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่ให้มากขึ้น   มันคือความอบอุ่นของมิตรภาพ, ความตื่นเต้นของการค้นพบ, และความรู้สึกดีๆ ที่จะคงอยู่กับคุณไปอีกนานหลังจากเล่นจบ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนๆ ถึงรักซีรีส์นี้มากขนาดนี้ และการรอคอย Trails 2nd ฉบับรีเมค ก็ได้กลายเป็นการรอคอยที่เปี่ยมไปด้วยความหวังและความตื่นเต้นที่สุดของผมในตอนนี้แล้วครับ   เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง   เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

ดื่มด่ำความหอมหวาน ณ Once upon a tree cafe
อ่าน

ดื่มด่ำความหอมหวาน ณ Once upon a tree cafe

ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา เพิ่มความหอม และเพิ่มความหวานให้กับชีวิต ให้ชีวิตมีสีสันมากขึ้นในวันแสนสบาย ณ ร้านกาแฟ & เบเกอรี่ แสนอร่อย บรรยากาศดี น่ารักสดใสและแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ ภายในร้าน Once Upon a Tree Cafe แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งร้านที่เราอยากแนะนำเพื่อน ๆ หลังจากได้มีโอกาสแวะชิมกาแฟหอม ๆ และเพิ่มความหวานให้กับชีวิตด้วยน้ำผลไม้นุ่ม ๆ เบา ๆ สไตล์ของที่นี่ ร้านที่หลายคนเข้าไปสัมผัส ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บรรยากาศคาเฟ่ของที่นี่ เหมือนเราอยู่ภายในบ้านอันแสนอบอุ่น เลือกมุมที่นั่งได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา นอกจากคอกาแฟแล้ว นักชิมที่ชื่นชอบในรสชาติของเบเกอรี่ ก็มุ่งตรงมาที่นี่ได้ไม่ผิดหวังเช่นเดียวกันนะ เพราะนอกจากกาแฟ ก็ยังมีเบเกอรี่หลากรสชาติ อาทิ มะพร้าวอ่อนครีมสด แอปเปิ้ลครัมเบิลเค้ก กล้วยหอมช็อกโกแลต คัพส้ม หรือจะเป็นบราวนี่ชีสคาราเมลไหม้ ทุกเมนู รอคอยการลิ้มลองจากเพื่อน ๆ อยู่นะ ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา สำหรับเมนูเครื่องดื่มอื่น ๆ ก็มีต้อนรับอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชาเขียวระดับพรีเมี่ยมที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เรียกว่าสุดยอดชาเขียว ยกให้ที่ร้าน Once Upon a Tree Cafe แห่งนี้ ชิมแล้วจะติดใจ หรือจะเป็นน้ำผลไม้ เครื่องดื่มสำหรับเด็ก ๆ อาทิ ช็อกโกแลตเย็น นมชมพู ไมโล ทางร้านก็มีพร้อมเสิร์ฟ รวมถึงลูกค้าที่อาจจะมีความหิวผสมผสานอยู่ด้วย ทางร้านก็เป็นแหล่งรวมอาหารหลากหลายเมนู พร้อมให้ลิ้มลองเช่นเดียวกัน อาทิ ข้าวต้มปลาดอลลี่ โรตีเนื้อออสเตรเลีย หรือจะเป็นเมนูเส้น สปาเก็ตตี้ต่าง ๆ ก็มีพร้อมเสิร์ฟเช่นเดียวกัน ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา ส่วนเราวันนี้ ขอชิมเบา ๆ กับเมนูเครปไอศกรีม กาแฟเย็นหอม ๆ พร้อมท็อปปิ้งซอฟท์ ๆ น่ารับประทานที่สุด และปิดท้ายที่น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพสำหรับคุณแม่ งานนี้เรามาแบบนั่งชิลยังไม่ได้สั่งอาหารหนัก ๆ มารับประทานเท่าไหร่นัก แต่เพื่อน ๆ ที่อาจจะหิวอยู่ ลองแวะมาลิ้มลองก่อนเราก็ได้นะ ส่วนเราขอรีวิวเบา ๆ เพียงเมนูเครื่องดื่มเพื่อเติมความหวานให้กับชีวิตหน่อยจ้า ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา ถ่ายภาพโดย : นิจ อักษรา ปิดท้ายกันที่พิกัดร้านสำหรับผู้ที่อยากไปลองแวะชิมดู บอกได้เลยว่าถูกใจแน่นอนกับการตกแต่งร้านสไตล์น่ารัก ของร้าน Once Upon a Tree Cafe ซึ่งเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 18.00 น. ร้านตั้งอยู่ที่โครงการ cbn ระหว่างซอยเสรีไทย 59-61 สุขาภิบาล 2 ไม่ไกลจากนวธานีมากนัก ใครนำรถส่วนตัวมาก็ไม่ต้องกังวล ที่นี่มีที่จอดรถหน้าร้านอย่างสะดวกสบายไร้กังวลเชียวล่ะ !

71.3 ปีมีครั้ง !! ทำความรู้จัก “ดาวหาง 12P/Pons-Brooks”  21 เมษานี้มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
อ่าน

71.3 ปีมีครั้ง !! ทำความรู้จัก “ดาวหาง 12P/Pons-Brooks” 21 เมษานี้มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

21 เมษายนนี้ เตรียมพบกับดาวหาง 12P/Pons-Brooks ซึ่งเป็นดาวหางประเภทเดียวกับดาวหางฮัลเลย์ (1P/Halley) คือมีคาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 71.3 ปี อยู่ในดาวหางประเภท ดาวหางคาบสั้น ซึ่งชื่อของดาวหาง ได้แรงบันดาลมาจากชื่อของผู้ที่ค้นพบครั้งแรกและครั้งที่สอง ค้นพบครั้งแรกในปี 1812 โดยนักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศส Jean-Louis Ponsค้นพบครั้งที่สองในปี 1883 โดยนักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ-อเมริกัน William Robert Brooks12P/Pons-Brooks มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นดาวหางแบบ ไครโอโวลคานิก (Cryovolcanic)หรือเป็นดาวหางที่มี หาง ซึ่งเกิดจากแรงดันภายในที่เพิ่มขึ้นจากความร้อน จนส่งผลให้น้ำแข็งที่ติดอยู่เกิดการระเหย จนกลายเป็นก๊าซและฝุ่นละออง มีลักษณะบาน ๆ คล้ายพัดและในวันที่ 21 เมษายน 2024 นี้ จะเป็นวันที่ตัวดาวหางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด โดยจะอยู่ห่างจากกันเพียง 116.8 ล้านกิโลเมตร นั่นทำให้ช่วงเวลาก่อนหน้า หรือประมาณภายในเดือนมีนาคมนี้ จนไปถึงช่วงสิ้นเดือนเมษายน เราจะสามารถมองเห็นตัวดาวหางได้ด้วยตาเปล่า เนื่องจากความร้อนของพระอาทิตย์ส่งผลให้เกิดการระเหยและความสว่างที่มากขึ้นตามข้อมูลของ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) คาดการณ์ว่าดาวหาง 12P/Pons-Brooks จะมีความสว่างมากที่สุดประมาณ +6.5 หรือสว่างพอที่เราจะมองเห็นมันด้วยตาเปล่าในท้องฟ้าที่มืดสนิทอย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่อยากเห็นดาวหาง 12P/Pons-Brooks สักครั้ง ควรจะเตรียมกล้องส่องทางไกล กล้องโทรทรรศน์ และแผนภูมิท้องฟ้าเอาไว้ รวมไปถึงควรหาพื้นที่โล่งกว้าง มีแสงน้อย และเป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส จะช่วยให้เห็นดาวหางได้ชัดเจนขึ้นโดยดาวหางจะปรากฏให้เราเห็นได้ประมาณ 2 ช่วงเวลาเท่านั้นในช่วงตอนเย็น หรือหัวค่ำหลังดวงอาทิตย์ตก ของทุกวันตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม จนถึงปลายเดือนเมษายนเหนือขอบท้องฟ้าในตอนเช้า ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนรุ่งสางจะอยู่ตรงตำแหน่งกลุ่มดาว แอนโดรเมดา ( Andromeda the Princess) ทางขอบฟ้าทิศตะวันตก โดยเราจะมองเห็นดาวหางได้ชัดมากที่สุดในช่วงเดือนมีนาคม และพอหลังวันที่ 21 เมษายน ดาวหางจะเริ่มเห็นได้เล็กลงจนมองไม่เห็นอีกต่อไป เป็นอีกหนึ่งดาวหางที่ช่วงชีวิตหนึ่งของมนุษย์เรา จะได้เห็นสักครั้ง

รีวิวภาพยนตร์  Once upon a time in Hollywood
อ่าน

รีวิวภาพยนตร์ Once upon a time in Hollywood

          ต้องบอกเลยนะครับ ต้องขออนุญาตเล่าเกี่ยวกับตัวภาพยนตร์กันสักนิดนึงก่อน เผื่อว่ามีคนยังไม่รู้จักและได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ Once upon a time in Hollywood เรื่องนี้เป็นที่น่าสนใจตั้งแต่ขั้นตอนการสร้างและหานักแสดงแล้วครับ โดยได้ยอดผู้กำกับอย่าง Quentin Tarantino ขวัญใจคอหนัง แนวอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาปัญญาประเภทหนังของเขาจริง ๆ ผลงานที่มีนั้นหลากหลายมาก จะเรียกได้ว่าหนักไปทาง Action ก็คงจะได้ครับ แต่ก็คงเอกลักษณ์ประจำตัวก็คือการดำเนินเรื่องที่ยากจะคาดเดา บทสนทนาที่คมคาย มุกตลกร้ายเสียดสีสังคม นั่นทำให้เขาขึ้นแท่นหนึ่งในผู้กำกับที่มีชื่อเสียงและฐานแฟนคลับมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ Once upon a time in Hollywood นั้นจะถูกจำกับด้วยชายคนนี้ครับ แต่เพียงแค่นั้นมันก็น่าจะยังไม่พอหรอกครับที่จะทำให้สื่อนั้นจับตามองหนังเรื่องนี้          ตัวหนังยังได้สุดยอดดาราตัวพ่อของวงการฮอลลีวู้ดอย่าง Leonardo DiCaprio และ Brad Pitt เข้ามาร่วมแสดงนำอีกด้วยครับนับเป็นการร่วมงานกันครั้งแรก ไม่ว่าทั้งคู่นั้นจะเคยอยู่ในซิทคอมเรื่องเดียวกันอย่าง growing Pain ในช่วงปี 80 แต่ก็ดันเป็นคนละช่วงเวลาครับ ซึ่งคราวนี้ก็มาแบบจัดเต็มครับ แต่นั่นก็ยังไม่พอ ยังได้ดาราสาวตัวแม่อย่าง Margot Robbie ที่เข้ามาช่วยเพิ่มสีสันเข้าไปอีก หลาย ๆ คนอาจจะรู้จักเธอจากภาพยนตร์ The wolf of wall street หรือบทฮารี่ควีนจากเรื่องซูไซสควอทดูจากตัวอย่างภาพยนตร์ก็รู้ชัดเลยครับ เธอยังสวยไม่สร่างเหมือนเดิม เรียกได้ว่า Once upon a time in Hollywood นั้นคือการเอาสุดยอดของวงการหนังเข้ามาไว้ในหนังเรื่องเดียวจริง ๆ บวกกับการเป็นเรื่องแรกของเควนตินด้วยที่จะใช้เบสออนทรูสตอรี่ เล่นใหญ่ขนาดนี้ทำให้ก่อนที่หนังจะเข้าฉายนั้น สื่อต่างประเทศล้วนหมายมั่นปั้นมือว่านี่แหละว่าที่หนังที่จะคว้า Oscar ของปีนี้           เอาล่ะครับเท่านี้หลาย ๆ คนก็น่าจะรู้แล้วใช่ไหมครับว่าทำไม หนังเรื่องนี้ถึงเป็นที่น่าจับตามอง ขออนุญาตเล่าเรื่องย่อสักนิดนึงแล้วกัน เริ่มต้นด้วยดาราชายวัยกลางคนอย่าง Dalton อดีต Superstar แห่งวงการที่ปัจจุบันนั้นเริ่มจะตกอับแล้ว และ Cliff Booth สตั๊นแมนคู่ใจของเขาที่ร่วมงานกันมานานนม ทั้งคู่พยายามอย่างหนักที่จะกลับไปสู่จุดสูงสุด จากที่พวกเขาเคยเป็นอีกครั้ง Rick นั้นหมดสภาพครับไม่เหลือแม้แต่เค้าเดิมของดาราที่เขาเคยเป็น เขาจะกลับมาได้หรือไม่และเท่านั้นก็ยังไม่พอ Sharon Tate ดาราสาวพราวเสน่ห์ที่กำลังมาแรง ได้กลายมาเป็นเพื่อนบ้านคนใหม่ของเขา Rick นั้นยังไม่รู้ตัวเลยว่าเธอนี่แหละที่จะพาเรื่องราววุ่นวายตามเข้ามาด้วยครับ เล่าแค่นี้แหละครับจริง ๆ แล้วทั้งตัวอย่างรวมถึงข้อมูลที่ปล่อยออกมานั้นแทบจะไม่บอกให้เรารู้เรื่องราวภายในเรื่องเลยครับ          มาฟังความรู้สึกหลังดูกันดีกว่า บอกตรง ๆ นะว่าค่อนข้างจะเฉย ๆ หนังดีนะครับแต่เฉย ๆ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นเรามาฟังกันดีกว่า ต้องบอกเลยว่า Once upon a time in Hollywood นี่มัน Hollywood จริง ๆ ครับ เล่นทุกเรื่องราวและเหตุการณ์ในวงการมายาของอเมริกาช่วงปี 60 ครับ โดยจะค่อย ๆ เล่า ค่อย ๆ เล่าจริง ๆ นะครับ และใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมงในการสร้างเรื่องราวเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวงการฮอลลีวู้ดทุกรายละเอียดต่าง ๆ ถูกรังสรรค์ออกมาได้อย่างงดงามและเป็นธรรมชาติเป็นอย่างมากครับ ถึงขนาดที่ชาวอเมริกันต่าง ๆ ที่ได้ดูเนี่ยบอกกันว่า Once upon a time in Hollywood นั้นคือหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวช่วงนั้นออกมาได้ดีที่สุดแล้ว แต่นี่แหละครับคือปัญหาใหญ่ ผมเป็นคนไทยครับแล้วก็เกิดไม่ทันปี 1960 แถมยังไม่ได้อยู่ในอเมริกาอีก ไม่ได้อยู่ใน LA ด้วย นั่นทำให้บรรยากาศนะครับ ทุกอย่างที่หนังพยายามอยากจะสร้างให้เราอินนั้นกลายเป็นศูนย์ทันทีครับ นี่ไม่ใช่หนังภาคต่อที่แค่เราไปดูภาคเก่า ๆ แล้วจะอินกับภาคใหม่ได้เหมือนพวก Star Wars แต่มันต้องใช้ประสบการณ์จริง ๆ และผมคิดว่าคนไทยครับ น้อยคนมากจริง ๆ ที่จะมีประสบการณ์แบบนั้น ตัวหนังดำเนินเรื่องช้ามากครับโดยเน้นเรื่องราวตรงส่วนนี้ค่อนข้างจะเยอะ สำหรับแฟน ๆ ของวงการฮอลลีวู้ดยุค 60 นั้นก็น่าจะฟินพอสมควรแน่นอนครับ ใครที่ไม่อินนี่ก็จะมีง่วง ๆ กันบ้างครับ           แล้วก็ต้องบอกตรง ๆ นะครับว่าหนังเนี่ยจะดูเหมือนทำเอาใจชาวอเมริกันเสียมากกว่า สำหรับใครที่ไม่สนใจเรื่องนี้ก็ดูได้นะครับเส้นเรื่องจริง ๆ ค่อนข้างจะดีเลย เพียงแต่จะต้องทำใจครับกับการเล่าเรื่องที่ช้าไปนิดหน่อย จริง ๆ ก็ไม่หน่อยนะครับ เยอะมากด้วยซ้ำ หนังยาว 2 ชั่วโมงกว่า ๆ พี่แกบิวท์อัพไปเกือบชั่วโมงครึ่งครับ อีกทั้งเรื่องที่ถูกนำมาใช้นั้นก็เป็นเรื่องราวที่เกิดในอเมริกา ซึ่งผมว่าคนส่วนใหญ่ก็น่าจะไม่ทราบกัน สำหรับใครที่จะไปดูนะครับ ผมแนะนำให้อ่านประวัติของ Sharon Tate แล้วก็ Charles Manson ไม่งั้นคุณอาจจะงงในบางจุดของเรื่องได้ครับ แล้วจะไม่ได้รับอารมณ์เต็ม ๆ ครับ อย่างที่ผู้กำกับนั้นตั้งใจไว้เพราะมีการเล่นด้านอารมณ์กับเรื่องนี้มาก ๆ ครับ ย้ว่ำาต้องหาข้อมูลก่อนไปดูนะครับ ซึ่งนั่นแหละครับทำให้ผมรู้สึกเฉย ๆ กับ Once Upon a time in Hollywood นั้นไม่ใช่เป็นหนังที่ดูยากแต่อย่างใดนะครับ เพียงแต่จำเป็นต้องใช้ทั้งประสบการณ์และการทำการบ้านก่อนไปดูครับ          ซึ่งผมก็บ่นมาเยอะแล้วนะครับ มาดูถึงข้อดีกันบ้างดีกว่า ต้องบอกว่าเรื่องนี้ก็มีข้อดีค่อนข้างเยอะครับ เริ่มจากบทสนทนาอันคมคายสไตล์ Quentin เรื่องนี้ยังมีเอกลักษณ์เหมือนเดิมครับและแก่นแท้หลักของเรื่องที่ถูกเล่าผ่านตัวละครทั้ง 3 คน แต่ละคนนั้นมีชีวิต ช่วงเวลาและฐานะที่แตกต่างกัน หนึ่งคนนั้นจากรุ่งโรจน์กลายมาเป็นอยู่ในช่วงขาลง อีกคนนั้นพอใจกับชีวิตสมถะ ส่วนอีกคนนั้นกำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรือง เราจะได้เห็นถึงความแตกต่างเหล่านี้มาผสมในเรื่องกันได้อย่างกลมกล่อมและส่วนที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็คือ นักแสดงครับ สมกับการที่นำสุดยอดของวงการฮอลลีวูดนั้นมาอยู่ในเรื่องเดียวกันจริง ๆ Leonardo DiCaprio นั้นทั้งโดดเด่น หลากหลาย การรับบทเป็นนักแสดงในเรื่องทำให้เขาได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ มีฉากที่ดูแล้วขนลุกเหมือนกันครับ อีก 2 คนที่เหลือก็ไม่แพ้กัน แม้อาจจะน้อยกว่าสักหน่อย Brad Pitt ในเรื่องนี้เนี่ยมาแบบมาดนิ่ง ๆ แต่เท่ห์ที่สุดครับ ทุกซีนที่เฮียแกโผล่มานะครับ ดึงดูดสายตาได้จริง ๆ ยิ่งเวลาเข้าฉากคู่กับ Leonardo DiCaprio นั้นเด่นไม่แพ้กันเลยครับ แถมเข้ากันได้ดีอีกต่างหาก ด้าน Margot Robbie นั้นยังคงความสดใสตามแบบฉบับ ช่วยทำให้เราหลงรักตัวละครนี้ไม่ยากเลย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะมีผลครับเมื่อเรื่องดำเนินไปถึงช่วงสุดท้ายของหนัง           สรุปแล้วกันนะครับหนังดีครับแต่ไม่เหมาะกับทุกคนจริง ๆ ด้วยความยาวของหนังมากกว่า 160 นาที ถ้าคุณไม่อินกับบรรยากาศของเรื่อง ผมบอกเลยครับง่วงแน่นอนและสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบดูหนังที่พูดกันเยอะๆใช้บทสนทนามาดำเนินเรื่องก็คงจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้เช่นกันเพราะกว่าจะเข้า Climax ครับก็ช่วง 30 นาทีท้ายของเรื่องแล้วแต่ผมบอกได้เลยว่า 30 นาทีสุดท้ายก็เป็นอะไรที่ดุเดือด ระทึกพอสมควรเลยและก็คาดเดาได้ยากมากเช่นกันครับ แต่ที่สำคัญก็คือคุณต้องรู้เรื่องราวของ Sharon Tate และ Charles Manson มาก่อนนะครับ อันนี้ย้ำโต ๆ เลย ให้คะแนนเรื่องนี้ที่ 7 เต็ม 10 แล้วกันครับ หนังดีครับแต่ไม่เหมาะกับทุกคนแน่นอน ใครเป็นคอหนังที่ไม่ได้ฮาร์ดคอร์มากนัก อาจจะมีปัญหากับมันได้แต่ถ้าคุณชอบหนังสไตล์ Quentin หลงรักวงการฮอลลีวู้ด Once upon a time in Hollywood อาจจะเป็นหนังเรื่องแรกและเรื่องเดียวครับที่คิดว่าเขาจะแสดงด้วยกันขอขอบคุณภาพประกอบทั้งหมดจาก Official Trailer Youtube      

SKY รายได้พุ่ง 63% แบ็กล็อกแกร่ง ปี 68 รับแรงหนุน Aviation Tech
อ่าน

SKY รายได้พุ่ง 63% แบ็กล็อกแกร่ง ปี 68 รับแรงหนุน Aviation Tech

#ทันหุ้น - SKY ประกาศผลประกอบการปี 2567 ทำรายได้รวม 6,744 ล้านบาท เติบโต 63% จากปีที่ผ่านมา (2566) และมีกำไรสุทธิ 481 ล้านบาท เดินหน้าสู่การเติบโตระยะยาวด้วยแรงสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ธุรกิจ Aviation Tech และ Airport Services ขยายตัวต่อเนื่อง พร้อมตุนแบ็กล็อกมูลค่าสูงถึง 23,000 ล้านบาท รองรับการเติบโตในอีก 6-7 ปีข้างหน้า การฟื้นตัวท่องเที่ยวหนุนธุรกิจ Aviation Tech โตเด่น นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) (SKY) เปิดเผยว่า SKY Group ในไตรมาส 4/67 บริษัทสามารถสร้างรายได้รวม 2,014 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 150 ล้านบาท โดยทั้งปี 2567 มีรายได้รวม 6,744 ล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างโดดเด่นถึง 63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) พร้อมทำกำไรสุทธิ 481 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ส่งเสริมให้ธุรกิจ Aviation Tech และ Airport Services เติบโตตามไปด้วย ข้อมูลจาก บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) ระบุว่า ปี 2567 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า-ออกประเทศมากถึง 119 ล้านคน ส่งผลให้การดำเนินงานของ SKY ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสนามบิน ได้แก่ ระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (CUPPS), ระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) และระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Biometric) ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยSKY คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทยจะเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 10% ในปี 2568 กลยุทธ์กระจายการลงทุน เสริมแกร่งระยะยาว นอกเหนือจากธุรกิจ Aviation Tech ที่ SKY ทำมาอย่างต่อเนื่อง ทาง SKY ยังขยายการลงทุนไปยังกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคง และต่อเนื่อง อาทิ ธุรกิจที่นำเทคโนโลยีมาช่วยให้บริการกลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ ด้วย Smart Facility Management ผ่าน บริษัท เมธเธียร์ จำกัด, ธุรกิจ Call Center ที่นำเทคโนโลยี Large Language Model (LLM) และ AI เข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ผ่านการลงทุนใน บริษัท วันทูวัน โปรเฟสชั่นแนล จำกัด และธุรกิจเทคโนโลยีการจัดการข้อมูลภาครัฐขนาดใหญ่ ผ่านการส่ง บริษัท โปรอินไซต์ จำกัด (มหาชน) (PIS)ซึ่งเพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดย SKY วางแผนดำเนินธุรกิจที่มีโครงสร้างรายได้ครอบคลุมทั้งรูปแบบสัมปทาน (Concession), รายได้หมุนเวียน (Recurring Income) และสัญญาระยะยาว (Cash Cow) เพื่อสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงในอนาคต ตุนแบ็กล็อก 23,000 ล้าน มั่นใจการเติบโตระยะยาว นายสิทธิเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า ณ สิ้นปี 2567 SKY มีงานในมือ (Backlog) มูลค่ากว่า 23,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 6-7 ปีข้างหน้า พร้อมเดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจในเครือเพื่อรองรับการเติบโตของแต่ละหน่วยธุรกิจให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพซึ่งสามารถต่อยอดด้วยเทคโนโลยี เพื่อขยายฐานลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนให้แข็งแกร่งขึ้น SKY มั่นใจว่าปี 2568 บริษัทจะยังคงรักษาการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและมั่นคง โดยได้รับแรงหนุนจากทั้งภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเต็มที่และแผนการขยายธุรกิจในอนาคต

ว่านไฉ-แอนAF ชวนดูซีรี่ย์ดังระดับโลก ONCE UPON A TIME IN WONDERLAND ทางช่อง TRUE4U
อ่าน

ว่านไฉ-แอนAF ชวนดูซีรี่ย์ดังระดับโลก ONCE UPON A TIME IN WONDERLAND ทางช่อง TRUE4U

คอซีรี่ส์แนวแฟนตาซีทั้งหลายเตรียมเฮกันได้เลย เพราะว่า TRUE4U เตรียมนำเอาซีรี่ย์ดังระดับโลกอย่าง ONCE UPON A TIME IN WONDERLAND หรือ กาลครั้งหนึ่ง ณ ดินแดนมหัศจรรย์ มาลงจอฉายให้ชมกันอย่างเต็มอิ่ม ทุกคืนวันจันทร์และอังคาร เวลา 22.15 น. เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคมนี้แล้ว โดย 2 พิธีกรคนเก่งอย่าง ว่านไฉ อคิร และ แอน ณัฏฐ์ณัชชา จะมานั่งพูดคุย แนะนำ บอกเล่าความสนุกสนานและยิ่งใหญ่อลังการของซีรี่ส์ชุดนี้ให้คุณได้ชมก่อนใคร ในรายการ ONCE UPON A TIME SPECIAL PREVIEW วันอังคารที่ 19 พฤษภาคมนี้ เวลา 22.15 น. ทางช่อง ทรูโฟร์ยู ดิจิตอล ฟรีทีวี ให้คุณมากกว่าความบันเทิง ชมทีวีออนไลน์ช่องทรูโฟร์ยู ดิจิตอล ฟรีทีวี แบบสดๆ ได้ที่นี่ ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง Facebook.com/TVSociety

รีวิวเกม The Legend of Heroes Trails in the Sky the 3rd บทสรุปแห่งท้องนภา
อ่าน

รีวิวเกม The Legend of Heroes Trails in the Sky the 3rd บทสรุปแห่งท้องนภา

  หลังจากความประทับใจอย่างท่วมท้นในสองภาคแรกของ Trails in the Sky ผมก็แทบจะรอไม่ไหวที่จะได้ดำดิ่งสู่บทสรุปของเรื่องราวบนท้องนภาแห่ง Liberl ใน The Legend of Heroes: Trails in the Sky the 3rd ภาคนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาคต่อ แต่เป็นการเดินทางครั้งใหม่ที่แตกต่างออกไป ที่จะพาเราไปสำรวจก้นบึ้งของจิตใจตัวละคร และเผชิญหน้ากับอดีตที่ถูกฝังไว้ พร้อมกับระบบการเล่นที่ถูกพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ถ้าจะให้เปรียบเทียบ ภาคนี้ก็เหมือนกับการนั่งรถไฟเหาะที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งสุข เศร้า ตื่นเต้น และหดหู่   การเดินทางครั้งใหม่ใน Phantasma: โลกแห่งปริศนาและความทรงจำ จากท้องฟ้าสีครามสดใสในภาคก่อนๆ Trails in the Sky the 3rd พาเราดิ่งลงสู่ Phantasma ดินแดนปริศนาที่เต็มไปด้วยความบิดเบี้ยวและความทรงจำที่ถูกบิดเบือน การเปลี่ยนแปลงสถานที่นี้ไม่ได้เป็นแค่การเปลี่ยนฉากหลัง แต่มันส่งผลต่อบรรยากาศของเกมโดยรวมอย่างมาก ผมรู้สึกได้ถึงความอึดอัด ความไม่แน่นอน และความลึกลับที่ปกคลุมอยู่ทุกหนแห่งใน Phantasma   การที่ตัวละครหลักในภาคนี้คือ Kevin Graham นักบวชหนุ่มจาก Septian Church ผู้มีอดีตอันดำมืด และ Ries Argent เพื่อนสมัยเด็กของเขา ทำให้เรื่องราวในภาคนี้เข้มข้นและเต็มไปด้วยปมปริศนาที่น่าติดตาม ผมรู้สึกผูกพันกับ Kevin มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้เห็นเขาต้องเผชิญหน้ากับอดีตอันเจ็บปวด และพยายามหาทางก้าวข้ามมันไปให้ได้     ระบบการต่อสู้ที่ลึกซึ้งและท้าทายยิ่งกว่าเดิม Trails in the Sky the 3rd ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของระบบการต่อสู้แบบ Turn-based ที่ผสมผสาน Arts (เวทมนตร์) และ Crafts (ท่าไม้ตาย) ได้อย่างลงตัว แต่ภาคนี้มีการปรับปรุงและเพิ่มเติมระบบใหม่ๆ เข้ามา ทำให้การต่อสู้มีความท้าทายและสนุกยิ่งขึ้น   สิ่งที่ผมชอบมากเป็นพิเศษคือระบบ "Chain Craft" ที่ทำให้เราสามารถโจมตีต่อเนื่องได้หลายครั้ง หากจัดวางตำแหน่งตัวละครและใช้ท่าไม้ตายที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมี "S-Break" ท่าไม้ตายสุดยอดที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ในพริบตา แต่การจะใช้ท่าเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ต้องอาศัยการวางแผนและการตัดสินใจที่รวดเร็ว   การต่อสู้ในภาคนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนภาคก่อนๆ บอสแต่ละตัวมีความสามารถและรูปแบบการโจมตีที่แตกต่างกัน ทำให้ผมต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็ต้องลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้งกว่าจะเอาชนะได้ แต่เมื่อเอาชนะได้แล้ว ก็รู้สึกถึงความสำเร็จและความภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก   ประตูแห่งความทรงจำ: เรื่องราวเบื้องหลังของเหล่าตัวละคร หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ Trails in the Sky the 3rd โดดเด่นกว่าภาคอื่นๆ คือ "ประตูแห่งความทรงจำ" (Doors of Memories) ซึ่งเป็นดันเจี้ยนพิเศษที่เปิดโอกาสให้เราได้สำรวจเรื่องราวเบื้องหลังของตัวละครแต่ละตัว ทั้งตัวละครหลักจากภาคก่อนๆ และตัวละครใหม่ที่ปรากฏตัวในภาคนี้   การได้เห็นเรื่องราวในอดีตของ Estelle, Joshua, Olivier, Kloe และตัวละครอื่นๆ ทำให้ผมเข้าใจถึงแรงจูงใจและการกระทำของพวกเขามากขึ้น ผมรู้สึกอินไปกับเรื่องราวของพวกเขา บางครั้งก็หัวเราะไปกับมุกตลก บางครั้งก็น้ำตาซึมไปกับเรื่องราวที่แสนเศร้า   ประตูแห่งความทรงจำไม่ได้เป็นแค่ดันเจี้ยนเสริม แต่มันเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มเรื่องราวของ Trails in the Sky ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และทำให้ผมรักตัวละครเหล่านี้มากยิ่งขึ้นไปอีก     เสียงเพลงประกอบที่ไพเราะและตราตรึงใจ Falcom Sound Team jdk ไม่เคยทำให้ผิดหวัง และใน Trails in the Sky the 3rd พวกเขาก็ได้สร้างสรรค์บทเพลงประกอบที่ไพเราะและเข้ากับบรรยากาศของเกมได้อย่างลงตัว   ตั้งแต่เพลงเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่อลังการ ไปจนถึงเพลงประกอบฉากต่อสู้ที่เร้าใจ และเพลงประกอบฉากเศร้าที่ทำให้ผมน้ำตาซึม ทุกบทเพลงล้วนถูกประพันธ์ขึ้นมาอย่างประณีต และช่วยเสริมสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม   ผมยังจำเพลง "Overdosing Heavenly Bliss" ที่เป็นเพลงประกอบฉากต่อสู้กับบอสใหญ่ได้ติดหู และเพลง "The Merciless Savior" ที่เป็นเพลงประกอบฉากต่อสู้กับ Kevin ในช่วงแรกของเกม ก็ทำให้ผมรู้สึกฮึกเหิมและตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ฟัง   ประสบการณ์ส่วนตัวและความรู้สึกหลังเล่นจบ การเดินทางใน Phantasma กับ Kevin และ Ries เป็นประสบการณ์ที่ผมจะไม่มีวันลืม มันเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความเศร้า ความสุข และความประทับใจ ผมรู้สึกผูกพันกับตัวละครทุกตัว และเอาใจช่วยพวกเขาให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปได้   เมื่อเล่นจบ ผมรู้สึกเหมือนได้เติบโตขึ้นไปพร้อมกับตัวละคร ได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของมิตรภาพ ความกล้าหาญ และการเผชิญหน้ากับอดีต แม้ว่า Trails in the Sky the 3rd จะไม่ใช่ภาคจบที่สมบูรณ์แบบของเรื่องราวบนท้องนภา แต่มันก็เป็นบทสรุปที่งดงามและน่าจดจำ     สรุป: The Legend of Heroes: Trails in the Sky the 3rd ไม่ใช่แค่เกม RPG ที่ดี แต่มันเป็นประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก มันเป็นเกมที่ทำให้ผมหัวเราะ ร้องไห้ และรู้สึกตื่นเต้นไปพร้อมๆ กัน ถ้าคุณเป็นแฟนเกม RPG ที่ชื่นชอบเรื่องราวที่เข้มข้น ตัวละครที่มีเสน่ห์ และระบบการต่อสู้ที่ท้าทาย Trails in the Sky the 3rd คือเกมที่คุณไม่ควรพลาด และสำหรับผม Trails in the Sky the 3rd คือหนึ่งในเกม RPG ที่ดีที่สุดที่เคยเล่นมา และเป็นเกมที่ผมจะเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป   เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง   เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

Once Upon A Time เที่ยวชมมิวเซียมสุดแนวที่ไทเป
อ่าน

Once Upon A Time เที่ยวชมมิวเซียมสุดแนวที่ไทเป

Once Upon A Time เที่ยวชมมิวเซียมสุดแนวที่ไทเป เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวมิวเซียม หรือพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในไทเป ไต้หวัน ชื่อ Museum of Contemporary Arts, Taipei ตัวย่อคือ MOCA MOCA Taipei นี้ ตามประวัติสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1921 ความพิเศษจะสังเกตได้จากตัวตึก เพราะนำอาคารเก่าที่แต่เดิมเป็นโรงเรียน ที่สร้างมาตั้งแต่อยู่ภายใต้จักรวรรดิญี่ปุ่นมาสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ อาคารแห่งนี้ออกแบบมาอย่างถูกสมมาตร สวยงามและกว้างขวางจึงได้ถูกนำมาเป็นที่จัดแสดงงานศิลป์ และงานที่จัดแสดงจะเน้นศิลปะร่วมสมัย ทั้งจากศิลปินท้องถิ่นและต่างชาติ ครั้งนี้เรามาชม Exhibition "Once Upon A Time" เป็นเรื่องรางที่บอกเล่าความทรงจำในวัยเยาว์ของผู้คน ในแง่มุมที่ไม่จำกัดว่าต้องเป็นประวัติศาสตร์ตามแบบแผน หรือแม้กระทั่งต้องอธิบายทุกอย่างโดยละเอียด บอกได้เลยว่า นิทรรศการที่จัดแสดงใน MOCA Taipei เปิดกว้างอิสระ ตามแต่ศิลปินจะรังสรรค์ออกมา นี่แหละคือความสนุก กำไรของผู้ชมงานศิลป์ Once Upon A Time แบ่งเรื่องราวบนตึก 2 ชั้น เพราะตัวตึกเองก็ถูกจำกัดให้ใช้งานเพียง 2 ชั้นด้านหน้าในการเปิดพื้นที่แสดง ที่จริงแล้วพื้นที่อาคารนั้นกว้างขวางพอสมควร แต่ส่วนอื่นๆ คือสถานที่ทำงานของเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ เมื่อเราเข้าไปยังตัวตึก MOCA ก็ต้องชำระค่าเข้าชมก่อน 50NT จะได้รับตั๋วเข้าชมและโบรชัวร์ของนิทรรศการ จากนั้นนำกระเป๋าไปฝากในล็อกเกอร์ใช้เหรียญ 10NT ในการหยอดตู้มัดจำ แต่เราจะได้เหรียญคืนเมื่อเปิดนำของออก จากนั้นเดินตรงไปยังจุดทางเข้าด้านหน้า มีเจ้าหน้าที่ใจดีคอยทำสัญลักษณ์ที่ตั๋วของเรา เดินตรงเข้าไปตามทางเดินจะมีห้องอยู่ทางซ้ายมือ โดยแต่ละห้องจะมีป้ายแสดงบรรยายนิทรรศการของศิลปินไว้ บางห้องมีผ้าสีดำปิดทึบ เป็นสัญลักษณ์ว่าในห้องจัดแสดงอาจใช้งานเครื่องฉายเข้าประกอบ โดยแต่ละห้องที่เข้าไปก็จะเล่าเรื่องราวในวัยเยาว์ตามความทรงจำของศิลปิน เช่นในห้องจัดแสดงห้องหนึ่งเป็นเหมือนร้านขายของเก่า มีรูปผู้นำ มีเครื่องแบบทหาร มีของเล่นสังกะสี ตู้ตักไข่ ใบปลิวโฆษณาตั้งแต่สมัยสงคราม เครื่องดื่มในสมัยนั้น หลากหลายละลานตา เหมือนเราได้ย้อนเข้าไปในอดีต พอยิ่งดูก็จะสัมผัสได้ว่าความทรงจำของเด็กที่เกิดในสมัยสงคราม ล้วนหนีไม่พ้นกลิ่นอายของประเทศที่ตกอยู่ภายใต้จักรวรรดิญี่ปุ่นนั่นเอง ที่น่าสนใจมีงานสมัยใหม่ของศิลปินท่านอื่น ฉายภาพของผู้คนตั้งแต่เด็ก ว้ยรุ่น ผู้ใหญ่ ออกมาตะโกนบอกเล่าในสิ่งที่พวกเขาอยากเป็น อยากทำ เป็นภาพวีดีโอที่ฉายบนจอโทรทัศน์วางเรียงๆ กันเป็นรูปวงกลม พอขึ้นไปด้านบน จะเป็นสถานที่จัดแสดงจำลองเมืองเมื่อครั้งก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัย ชื่อนิทรรศการ "Idea House"  โดยมีสถานที่คล้ายกับห้องขายอพาร์ทเม้นท์ ในนั้นจะมีกรอบรูปที่ใส่ภาพวาดของตึกใหม่ๆ ที่ทางโครงการนำออกขาย สมจริงมาก เหมือนเข้าไปอยู่ในอดีตเมื่อครั้งไทเปยังสร้างเมือง นี่คงเป็นความทรงจำของศิลปินท่านนั้น เราได้เดินชม Once Upon A Time จนอิ่มใจดีแล้ว เมื่อลงมาด้านล่างยังมีร้านขายหนังสือและของที่ระลึกสุดอาร์ต ที่มีเพียงชิ้นเดียว เป็นสัญลักษณ์ของ MOCCA Taipei ที่ไม่อยากให้พลาด ใครเป็นสายเก็บสะสมโบรชัวร์ ตรงเข้าไปยังจุดแจกฟรีก่อนออกจากห้องได้เลย ที่สำคัญรวบรวมมาทุกนิทรรศการที่จัดในไต้หวันเลยทีเดียว ข้อมูลเพิ่มเติม เปิดทุกวันอังคารถึงอาทิตย์ เวลา 10.00น. - 18.00น. ปิดทุกวันจันทร์ ค่าเข้าชม ประชาชนทั่วไป 50NT เข้าชมแบบกลุ่ม ลด 20% สมาชิก MOCArd members ลด 10% อ้างอิง : www.mocataipei.org.tw ภาพถ่าย : ผู้เขียน  

Once Upon A Crime รีวิวหนังญี่ปุ่นสุดป่วน
อ่าน

Once Upon A Crime รีวิวหนังญี่ปุ่นสุดป่วน

Netflix ขอนำเสนอหนังญี่ปุ่นแนวฆาตกรรมสุดป่วน อะไรนะ! พิมพ์ผิดหรือเปล่าเนี่ย!? อยากจะบอกว่าที่พิมพ์มาหนะถูกแล้ว เรื่องนี้มีชื่อว่า Once Upon A Crime เป็นหนังแนวสืบสวนสอบสวนหาฆาตกรในเรื่อง นำทีมด้วยหนูน้อยหมวกแดงที่กำลังเดินไปหายายแล้วจู่ๆก็ได้พบเข้ากับแม่มดบาบาร่า หนูน้อยหมวกแดงเดินไปท่าไหนก็ไม่รู้ถึงได้ไปพบกับซินเดอเรลล่าจะเรียกว่าหนังคนละเรื่องเดียวกันก็ได้ เพราะตัวละครหลักของเราคือหนูน้อยหมวกแดงแต่ดันเข้าไปอยู่ในเรื่องซินเดอเรลล่าซะได้ แน่นอนว่าชะตากรรมของสาวน้อยซินเดอเรลล่าของเราก็น่าเศร้าเหมือนในนิทานที่เราเห็น แต่มันดันมีจุดพีคของเรื่องที่ไม่เหมือนนิทานทั่วไปหนะสิ เพราะในเรื่องนี้มีเหตุการฆาตกรรมและหนูน้อยหมวกแดงก็ได้รับบทเป็นนักสืบเสาะหาความจริงตอนแรกที่เรากดเข้ามาดูก็นึกว่าจะเป็นแนวสืบสวนสอบสวนทั่วไปแต่ที่ไหนได้ดันมาขายขำซะนิ รีวิวจากเราแล้วขอบอกเลยว่าเรื่องนี้เป็นแนวตลกคอมเมดี้ที่มีเรื่องราวฆาตกรรมปนมานิดหน่อย เป็นการเอานิทานพื้นบ้านที่เรารู้จักกันดีมาทำใหม่ เพิ่มเรื่องราวขึ้นมาจากเดิมเยอะมาก แถมทั้งเรื่องก็ไม่ได้มีความเครียดแต่อย่างใด โดยเรื่องนี้มีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าเรานอนดูไปเพลินๆจนจบเลยเรื่องนี้เหมาะกับใคร แล้วสนุกไหม? เอาจริงๆเรื่องนี้สามารถดูได้ทุกคนแต่คนที่ไม่ชอบการเล่าเรื่องแบบญี่ปุ่นก็อาจจะไม่ได้ชอบเท่าไหร่ ส่วนตัวแล้วเราก็คิดว่าการแสดงของนักแสดงแข็งไปเหมือนกัน แต่เราก็เข้าใจว่าเรื่องนี้ออกแนวตลกไม่ได้ออกแนวซีเรียส ส่วนตัวเราชอบเรื่องนี้พอสมควรเลย แอบอยากให้มีพาร์ทของเจ้าหญิงคนอื่นๆบ้าง เป็นหนังฆาตกรรมคลายเครียดได้เลยนะเนี่ยสำหรับใครที่อยากดูลองดูก็ไม่ได้เสียหายนะคะ แต่บอกก่อนเลยว่าเรื่องนี้เหมาะกับการดูสนุกๆไม่ได้จริงจังมากกว่า เหนื่อยเรื่องแบบปล่อยจอยตามหาตัวฆาตกร ตอนจบแอบพีคเลย! คนร้ายจะเป็นใครกันใช่แม่เลี้ยงใจร้ายของเธอหรือเปล่า ฆาตกรตัวจริงจะเป็นใครสามารถดูได้ที่ netflix นะคะ สำหรับความสนุกเรื่องนี้ได้ไป 7/10 ค่า ขอบคุณภาพประกอบจากปก - Twitter Netflixthภาพประกอบจาก Twitter - Netflix Japan ภาพ 1/2/3/4เกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!

Once Upon a Time in Hollywood ความรุนแรง ของอเมริกันชน
อ่าน

Once Upon a Time in Hollywood ความรุนแรง ของอเมริกันชน

เครดิตภาพปก : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ Quentin Tarantino ****มีการพูดถึงเนื้อหาสำคัญในเรื่อง Once Upon a Time in Hollywood ****   ในฐานะภาพยนตร์ที่สร้างขึ้น โดยเป็นการเล่าเรื่อง ในคืนที่เกิดเหตุการณ์ ฆาตกรรม บนถนน Cielo Drive ตัวเรื่อง Once Upon a Time in Hollywood ของ Quentin Tarantino ในช่วงสุดท้าย ของตอนจบ ของหนัง ก็จบลงด้วย ความรุนแรง แต่มันก็เริ่มต้นเรื่องด้วย โฆษณา สำหรับรายการทีวี ที่ชื่อว่า Bounty Law ซึ่งเป็น ซีรีย์ตะวันตก เกี่ยวกับ มือปืนรับจ้าง ที่ได้รับหน้าที่ ล่าค่าหัวบุคคลที่อันตราย โดยจะต้องจับเป็นหรือตาย ซึ่งในจักรวาลของ Bounty Law คุณค่าของชีวิตมนุษย์ไม่ได้เป็นเรื่องของปรัชญาหรือนามธรรม มันเป็นเรื่องของมูลค่าทางการเงินล้วนๆ โดยที่ Jake Cahill จะไม่ตั้งคำถามใดๆ  ยกเว้นว่า เขาจะได้รับค่าหัว 500$ ทุกๆครั้ง ที่นำศพไปส่งได้ที่ไหน  แน่นอนว่า Jake Cahill ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง ส่วนนักแสดง ที่แสดงเป็นเขาในเรื่องชื่อว่า Rick Dalton (รับบทโดย Leonardo DiCaprio) แต่อย่างลืมนี่เป็นภาพยนตร์ Quentin Tarantino มันคงไม่จบแค่นั้น Rick Dalton มีสตั๊นแมนคู่ใจ ในภาพยนตร์ของเขา เป็นผู้ช่วยที่ชื่อว่า Cliff Booth (รับบทโดย Brad Pitt) Rick อธิบายงานให้กับผู้สัมภาษณ์ เรื่องหน้าที่ของ Cliff คือ “ช่วยแบกสัมภาระ” แต่จริงๆแล้วมันเป็นหน้าที่อันหนักอึ่ง และได้รับเงิน ค่าตอบแทน น้อยกว่า คนขนของ ของคนอื่นที่ถึงสองเท่า   หลังจากการเปิดตัวด้วย Bounty Law ตัวภาพยนตร์ จะกระโดดจากโทนสีขาวและดำ ไปเป็นสีจอกว้างและ แสดงให้เห็นบรรยากาศ จากช่วงทศวรรษ 1950 ถึงปลาย 1960 โดยเป็นช่วงเวลา 6 เดือน ก่อนจะถึงวันก่อนการเกิดเหตุฆาตกรรม บนถนน Cielo Drive ซึ่ง ณ ขณะนั้น Rick อาศัยอยู่ในบ้านใน Hollywood Hills และเขาได้มีเพื่อนบ้านใหม่ เป็นคู่สมรส ที่คาดหวังว่าจะมีลูกคนแรก โดยชื่อของพวกเขาคือ Roman Polanski และ Sharon Tate โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งแน่นอนตัวหนังได้ทำเหตุการณ์ นั้นออกมาให้เราได้รับชมในช่วงตอนท้ายของเรื่อง  Quentin Tarantino ได้มีการสร้างลอสแองเจลิส ขึ้นมาใหม่อย่างละเอียด ตั้งแต่โฆษณาทางวิทยุ โบราณไปจนถึง การห่อกล่อง แครกเกอร์ เป็นการแสดงความรักต่อทั้งเมือง และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงภาพยนตร์และตัว Tarantino เองด้วย แต่จังหวะของภาพยนตร์ ที่ดูอึกทึกครึกโครม ก็รู้สึกเหมือนพยายามที่จะหลีกเลี่ยง ไม่ให้คนดู เห็นสิ่งเหล่านั้น นักวิจารณ์ของ Tarantino บางคนกล่าวว่า เขาพยายามที่จะหวนกลับนาฬิกากลับสู่อดีต แต่วิสัยทัศน์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทำให้เรื่องราวในอดีตนั้นเสียไป เพราะ ความคิดที่เป็นอนาคตของTarantino เองเครดิตภาพ : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/  การคุกคามของความรุนแรงเกิดขึ้นตลอดใน Once Upon a Time in Hollywood แม้ว่าบ่อยครั้งมันจะบางเบา และยากที่จะมองเห็น แต่ในครั้งนี้เราจะพาย้อนกลับไปยังสถานที่ ที่เป็นจุดพักแขกของ Rick ที่จะต้องถ่ายทำ ภาพยนตร์เรื่อง The Green Hornet ที่มี Bruce Lee รวมแสดง ซึ่งณ ตอนนั้นเขา กำลังพูดคุยกับผู้ชมที่กองถ่าย เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง การต่อสู้แบบผาดโผน และ "การต่อสู้ที่แท้จริง" ที่เขาเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า นักรบยังคงต่อสู้สุดลมหายใจจนกว่าจะตาย แม้ในฉากที่อ่อนโยน และสง่างามที่สุด  ในช่วงต้นทศวรรษ ที่ฮอลลีวูด ภาพยนต์มักจะไม่มีความรุนแรง มักจะไม่มีเลือดและเป็นนามธรรม ให้ได้เห็น แต่ว่าผู้ชาย อย่าง Jake Cahill กลับได้จับปืน ไล่ยิงคนลงบน Bounty Law เพียงแค่ตัวร้ายหยิบปืน ศพของพวกเขา ก็ได้ลงไปแนบกับพื้น แต่พอในปี 1969 เมื่อ Once Upon a Time in Hollywood ไม่มีจุดใดที่จะใช้ซ่อนความจริง ของสงครามเวียดนามได้ ทางภาพยนตร์ จึงนำเสนอเรื่องของ สงครามที่เข้ามาเกี่ยวโยงกับประเทศ ในห้องนั่งเล่นของชาวอเมริกันและ ความบันเทิงยอดนิยมต้องเปลี่ยน ทั้งนี้ ก็เพื่อสะท้อนให้เห็นถึง สงคราม และ เพื่อแข่งขัน  Bonnie and Clyde ปี 1967 เป็นช่วงที่เป็นจุดสุดยอด ด้วยการที่มีฮีโร่ที่โดนยิงจนตายอย่างหวาดน่ากลัว และเสริมไปด้วยรายละเอียด ที่น่าตื่นเต้น แอบแฝงไปในความบันเทิง แม้กระทั่งสองปีก่อนหน้านั้น จากตอนของ The F.B.I ตัวของ Quentin Tarantino ได้แทรกจุดสำคัญของภาพยนตร์ เป็นการที่สามารถจะฉายฉาก นองเลือดโปรยปราย จากปืนลูกซองที่ระเบิด ได้บนหน้าจอทีวีเครดิตภาพ : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/  พวกฮิปปี้ที่ hitchhiker (รับบทโดย Margaret Qualley) ซึ่ง Cliff พาขึ้นมาบนรถ ในระหว่างทางไป Spahn Ranch เธอบ่นว่า นักแสดงในทีวีนั้น เป็นของปลอม เพราะพวกเขาแสร้งทำเป็นตาย ในขณะที่ทหาร ที่แท้จริงถูกฆ่าตายทุกวัน แต่ Cliff แม้จะทำหน้าที่เป็นสตั๊นคู่กับ Rick เขาก็มีข่าวลือ อย่างกว้างขวาง ว่าเขานั้นสังหาร ภรรยาของเขาเอง แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ได้ยืนยัน ว่าเขาทำจริงหรือไม่ แต่อย่างใดเขาก็ได้เฉลยไว้ว่า เขาเคยหักขากรรไกร ของตำรวจใน รัฐเท็กซัส ตัวหนังไม่เคยได้พูดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องในสงครามโลกครั้งที่ 2 ของเขามากนัก และแต่เราสามารถจินตนาการได้ จากสิ่งที่เหลือไว้บนตัวเขาด้วยรอยแผลเป็น บนหลังของเขา แต่เรากลับมองเห็นว่า Rick แสดงความกล้าหาญ ในช่วงสงคราม โดยใช้เครื่องพ่นไฟเพื่อพ่นกลุ่มนาซี (อย่างน้อยการแสดงความสามารถเขาทำเอง)เครดิตภาพ : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/   ฉากนั้นจงใจเรียกจุดสิ้นสุดของ Inglourious Basterds ของทารันติโนซึ่งจบลงด้วยโรงละคร ที่เต็มไปด้วยพวกนาซีรวมถึงอดอล์ฟฮิตเลอร์ซึ่งประสบกับความตาย และมันชี้ให้เราเห็นถึงแม้ว่า ผู้ชมครั้งแรก อาจไม่ทราบในทิศทางสิ้นสุดของภาพยนต์ เรื่อง Once Upon a Time in Hollywood  มันเป็นการเขียนประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ที่น่าเกรงขาม และรุนแรง  ช่วงสิ้นสุดของ Once Upon a Time in Hollywood ที่ได้พูดถึง คดีของ the night of the Manson murders ตัวหนังเริ่มจาก การที่มี ผู้ติดตามของ แมนสัน ได้แก่ เท็กซ์ วัตสัน, ซูซาน แอตกินส์ และ แพทริเซีย เครวินเคล ทั้งสามเริ่มต้น โดยการถูก Rick Dalton สั่งให้พวกฮิปปี้สกปรก ออกไปสูบบุหรี่ ไกลจากหมู่บ้าน ของเขา ออกจาก ถนนส่วนตัวของเขา โดยทั้งสาม ก็จากมาโดยดี แล้วพวกเขาก็ได้จัดกลุ่มใหม่ ที่ด้านล่างของเนินเขา ซึ่งเมื่อนึกได้ว่า ชายในเสื้อคลุมผ้าไหมโบกเหยือกน้ำแข็งมาร์การิต้าแช่แข็ง ที่มาด่าทอใส่พวกเขา คือ Jake Cahill และ ชั่วครู่แผนการสังหารของพวกเขา ก็ได้เปลี่ยนไป ด้วยการที่ทั้ง 3 เติบโตมากับ Bounty Law ทั้ง 3 จึงเปลี่ยนแปลงแผนการในครั้งนั้น  ซึ่งฉากที่ตามมา ในหนังของทารันติโน่ นั้นไม่เหมือนกับเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เพราะในความจริงไม่ได้มีเพียงแค่ความรุนแรง แต่รวมไปถึงความอัปลักษณ์ ซึ่งในภาพยนตร์ แสดงให้เห็นแค่เพียงความโหดเหี้ยม ของการตอบสนองของคลิฟต่อการบุกรุกของฆาตกร ด้วยการกระทำที่เป็นไปอย่าง น่าตกใจ เมื่อสุนัขของ Cliff กัดลงบนเป้าของ Tex มันแสดงให้เห็นถึงความทรมาณอย่างสุดแสนจะสาหัส แต่เมื่อสุนัขตัวนั้นกระโดดเข้างับ Atkins แล้วเกิดอาการร้องเสียงหลง หลังจากที่จมูกของเธอถูกกระแทกด้วยอาหารกระป๋องสุนัข ที่ถูก Cliff โยนทิ้งใส่ และ สุนัขของ Cliff ลากร่างกายของเธอ ออกไป สิ่งที่น่ากลัวคือฟันเหล่านั้นของสุนัข ที่อาจจะทำกับเนื้อของเธอ ส่วน Krenwinkel ซึ่งใบหน้าถูกบาดไปด้วยกระจกที่ได้แตกกระจายบนพื้น เครื่องรับโทรศัพท์ โปสเตอร์ของภาพยนตร์เก่าของ Rick ที่เคยแสดง รวมถึงหิ้งเตาผิง ทั้งหมดถูกกระทบ ลงบนใบหน้าของ Krenwinkel ด้วยฝีมือของ Cliff จนกระทั่งไม่มีอะไรเหลือให้ Cliff ได้ลงมือแสดงความรุนแรงอีก  และในขณะเดียวกันนั้น Rick Dalton ก็ไม่ได้ล่วงรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในบ้านของตนเลยแม้แต่น้อยกลับ นอนลอยอยู่ในสระน้ำของตนเองอย่างสบายใจ เรื่องก็ตัดไปถึงฉากขณะที่รถพยาบาลพา Cliff ที่บาดเจ็บจากการโดนแทงสีข้างออกไป และริกถึงแม้ว่าจะงงงวยอยู่ ดูเหมือนจะไม่เจ็บปวดอะไรแต่อย่างใด โดยเฉพาะเมื่อเสียงของ ชารอน เทต ลอยผ่านเครื่องตอบรับทางประตูบ้านหลังถัดไป พูดคุยผ่านอินเทอร์คอมเพื่อถามว่าทุกคนโอเคหรือไม่เครดิตภาพ : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/   ภาพยนตร์ ทั้ง 4 เรื่อง ที่ผ่านมา ของ Quentin Tarantinoล้วนต่าง เกี่ยวข้อง กับ อดีตของ ชนชาว อเมริกัน และพวกเขา ได้ข้อสรุปเช่นเดียวกันก็คือ นี่คือประเทศ ที่เต็มไปด้วยการนองเลือด และ สร้างขึ้นจาก ความไม่พอใจ และ ภาพยนตร์ แม้จะมีแนวคิด โรแมนติก ของผู้ชม ทำงานเพื่อเพิ่มความอยากอาหาร สำหรับ Cliff และRick แม้ Once Upon a Time in Hollywood แม้จะเล่าเรื่องของในยุค 60s แต่ก็แฝง เรื่องราวของผู้คนในยุคนั้นให้เห็นได้ชัด เช่น Rick ชอบการเหยียดเชื้อชาติ หรือ รวมทั้งเรื่องการเกลียดสิ่งสกปรกบนเท้าของ ชารอนเทต เรื่องราว การฆาตกรรม Cielo Drive ยังไม่สิ้นสุดแค่ในยุคนั้น  ฆาตกร Manson ไม่เพียงแค่ดึงเอาแรงบันดาลใจ จากรายการทีวีเก่า ๆ แต่พวกเขาได้รับมันจาก Cliff ซึ่งการที่เขาไปเยือน Spahn Ranch จบลงด้วยการที่เขาชกคนฮิปปี้ให้หน้าซีดก้นทรุดพื้น ในขณะที่ฮิปปี้คนนั้นล้มลงพื้น และเลือดไหลหนืด ลงบนพื้นดินอย่างช้าๆ ก็มีฝูงชนรวมตัวกันเพื่อดูเหตุการณ์ อยู่ตรงนั้น และด้านหน้าของฝูงชน คือ Susan Atkinsและ Patricia Krenwinkel Once Upon a Time in Hollywood ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เราเห็นถึง การนองเลือดครั้งแรก ของเหตุการณ์ฆาตกรรม Cielo Drive และแสดงให้เห็นถึงความจริง ขอเพียงผู้ชมต้องตามให้ทันเครดิตภาพ : https://www.onceuponatimeinhollywood.movie/gallery/ 

"หมอพงศ์ศักดิ์" เข้าเก็บหุ้นน้องใหม่ NTSC -SKY เข้าพอร์ตเพิ่ม
อ่าน

"หมอพงศ์ศักดิ์" เข้าเก็บหุ้นน้องใหม่ NTSC -SKY เข้าพอร์ตเพิ่ม

นายพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี นักลงทุนรายใหญ่ แจ้งในแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการหรือแบบ 246-2 ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ถึงการได้มาหุ้นบริษัท นิวทรีชั่น เอสซี จำกัด (มหาชน) หรือ NTSC ในจำนวน 2,526,700 หุ้นหรือ 2.5267% โดยเป็นการซื้อในตลาดหลักทรัพย์ ผ่านบล.เคจีไอ(ประเทศไทย) เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2566 ภายหลังการได้มาหุ้น NTSC ดังกล่าว ทำให้นายพงศ์ศักดิ์ ถือหุ้นเพิ่มเป็น 7,426,700 หุ้น หรือ 7.4267% จากเดิมถือหุ้นจำนวน 4,900,000 หุ้น หรือ 4.90% นอกจากนี้นายพงศ์ศักดิ์ ยังได้มาหุ้นบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด(มหาชน) หรือ SKY ในจำนวน 389,900 หุ้น หรือ 0.0624% เป็นการได้มาจากการซื้อในตลาดหลักทรัพย์ผ่านบล.หยวนต้า(ประเทศไทย) เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2566 ภายหลังการได้มาจะทำให้นายพงศ์ศักดิ์ ถือหุ้น SKY เพิ่มเป็น 31,326,200 หุ้น หรือ 5.0180% จากเดิมที่ถือหุ้นจำนวน 30,936,300 หุ้น หรือ 4.9556%

ซีรีส์เกาหลี If You Wish Upon Me (รีวิว)
อ่าน

ซีรีส์เกาหลี If You Wish Upon Me (รีวิว)

      ซีรีส์เกาหลี If You Wish Upon Me (รีวิว) วันนี้เราจะมาพูดถึงซีรีส์ที่ดูแล้วอบอุ่นในหัวใจ งานดีงาม ผลงานผู้กำกับ คิมยงวาน ผลงานซีรีส์ที่ไร้ที่ติ ทั้งบท การเล่าเรื่อง นักแสดง คือสมบูรณ์แบบสุดๆ      ตัวอย่าง ซีรีส์เกาหลี If You Wish Upon Me https://www.youtube.com/watch?v=MwYz8CeRtzc https://www.youtube.com/watch?v=924t8wjhKVg https://www.youtube.com/watch?v=TFdlW-MPVOA      เรื่องย่อ       เรื่องราวของ ยุนกยอรเย ชายหนุ่มผู้เผชิญแต่ปัญหามาทั้งชีวิต เริ่มต้นจากเด็กกำพร้าที่ใช้ชีวิตในสถานเลี้ยงเด็ก เติบโตมาก็เข้าไปอยู่ในสถานพินิจ ต่อมาก็เข้าเรือนจำ ชีวิตต้องดิ้นรนมาหลากหลายรูปแบบเพียงเพื่อที่จะมีชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป และได้เข้าไปเป็นอาสาในสถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย เพียงเพื่อหวังว่าอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่โดยใช้ที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของเขา และเรื่องราวต่างๆก็เกิดขึ้น ติดตามได้ใน ซีรีส์เกาหลี If You Wish Upon Me       นักแสดงนำ      จีชางอุค รับบท ยุนกยอรเย ชายหนุ่มผู้มีโชคชะตาอันรันทด       ซองดงอิล รับบท คังแทซิก หัวหน้าอาสาสมัครที่สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย      ซูยอง รับบท ซอยอนจู พยาบาลสาวสวยที่ทำงานในสถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย      หลังจากดู ซีรีส์เกาหลี If You Wish Upon Me (รีวิว)       ต้องยอมรับผลงานซีรีส์เรื่องนี้เลยนะ เพราะทำออกมาได้ดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่อง บท และตัวละคร ที่งานดีมาๆ เรื่องราวของแต่ละตัวละครก็วางมาอย่างดีน่าติดตาม บ่อน้ำตาทะลักทะลวงออกมาเป็นสายเลือดกันเลยทีเดียว      เรื่องราวค่อนข้างดราม่าพอสมควร เรียกน้ำตาแบบตู๊ม ตู๊ม ค่อยๆเล่าเรื่องราวของแต่ตัวละครแต่ละคน การเล่าเรื่องจะช้าๆแต่เข้มข้น ใส่รายละเอียดของชีวิตแต่ละคนให้เราได้เห็น บาดแผลในใจและเรื่องราวต่างๆที่ทุกตัวละครต้องผ่านมา ฉากต่างๆจะไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมาก เหมือนนั่งดูชีวิตของแต่ละคนมากกว่า      ชื่นชมการพูดถึงทีม "จีนี่" ที่คอยสานฝันความปราถนาครั้งสุดท้ายของผู้ป่วยที่สถานดูแลแห่งนี้ ก่อนที่ผู้ป่วยเหล่านั้นจะจากไป มันเหมือนเป็นการช่วยให้หัวใจอันแห้งแล้งของผู้ป่วยนั้นได้รับการดูแล และจากไปอย่างสมศักดิ์ศรี ไม่มีอะไรติดค้าง เรื่องราวที่ผู้ป่วยแต่ละคนขอก็ไม่เหมือนกันล้วนแตกต่างไปตามสิ่งที่ติดค้างในใจของแต่ละคน เรารู้สึกขอบคุณทีมจีนี่มากๆ มันทำให้รู้สึกเศร้าและใจฟูในเวลาเดียวกัน      นักแสดง "จีชางอุค" ที่มารับบทยุนกยอรเย ฝีมือการแสดงของเขายอดเยี่ยมเป็นที่สุด เป็นนักแสดงคุณภาพที่เรามักจะเห็นเขาโลดแล่นอยู่ในซีรีส์หลายๆเรื่องและแต่ละเรื่องคืองานดีทั้งนั้นเลย มาในบทยุนกยอรเย ที่ดราม่าแตกแตนนี้ เขาก็แสดงออกมาทั้งท่าทาง อารมณ์ สายตา ดีหมดเลย แม้ไม่พูดอะไรสักคำก็สามารถสื่ออารมณ์ออกมาให้คนดูอย่างเราสามารถเข้าใจในซีนนั้นๆได้ สุดจริงผู้ชายคนนี้ แดเมจรุ่นแรงมากมาย      นักแสดงคนอื่นๆ ก็ฝีมือดีไม่แพ้กัน สามารถดึงดูดอารมณ์ของคนดูให้เข้ามานั่งอยู่ในจอได้ ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ ไปกับตัวละครทุกคน ถึงแม้เนื้อเรื่องจะค่อยๆเล่าไปเรื่อยๆ ก็ตาม แต่ก็เข้มข้นในอารมณ์ไม่น้อยเลย      สำหรับ ซีรีส์เกาหลี If You Wish Upon Me สามารถสะท้อนสังคม และให้แนวคิดกับคนดูได้เยอะเลย เพราะบางคนมัวแต่เสียเวลาไปกับอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่สำคัญกับชีวิต จนหลงลืมส่วนสำคัญของชีวิตไป เมื่อนึกขึ้นได้ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว เพราะฉะนั้น อยากทำอะไรก็รีบทำ ถ้ามันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน อยากทำดีให้รีบทำ อยากบอกรักให้รีบบอก ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปเครดิตภาพKBS : ภาพปก/ภาพ1/ภาพ2/ภาพ3/ภาพ4/ภาพ5/ภาพ6/ภาพ7/ภาพ8/ภาพ9/ภาพ10Viu Thailand : วิดิโอ1/วิดิโอ2/วิดิโอ3 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

เหตุผลที่ไม่ควรพลาดหนังเรื่อง Once Upon a Time in Hollywood
อ่าน

เหตุผลที่ไม่ควรพลาดหนังเรื่อง Once Upon a Time in Hollywood

          Once Upon a Time in Hollywood กาลครั้งหนึ่งในฮอลลีวู้ด เป็นหนังที่มองข้ามไม่ได้จริงๆ เพราะเป็นหนังที่มีรางวัลการันตีมากมายโดยเฉพาะรางวัลดาราสมทบชายจากเวทีออสการ์ และนอกจากนั้นก็มีชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนต์ยอดเยี่ยมด้วย แต่ก็น่าเสียดายที่ต้องพ่ายให้กับหนังเกาหลีเรื่อง Parasite แต่ถึงอย่างไรก็ตามต่อให้แพ้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไป ในมุมมองของผมหนังเรื่องนี้ก็น่าสนใจอยู่ดี          เพราะหนังเรื่องนี้เป็นผลงานกำกับของเควนติน แทแรนติโน (Quentin Tarantino) ผู้กำกับชื่อดังที่ฝากผลงานให้เราได้รับชมไว้อย่างมากมายอย่าง Kill Bill , Django Unchained , The Hateful Eight และอีกมากมายที่หลายคนก็น่าจะเคยดูผลงานของเขามาไม่มากก็น้อย          แค่มีเควนตินหนังก็น่าดูแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่แค่นั้นเพราะในหนังเรื่องนี้ยังมีทัพดาราดังแถวหน้าของฮอลลีวู้ดมาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ด้วยอย่างเช่น ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ (Leonardo DiCaprio) มารับบทเป็น ริก ดาลตัน (Rick Dalton) พระเอกของเรื่อง และในตัวหนังริกก็ยังมีสตั๊นแมนคู่ใจไปไหนไปกันราวกับเพื่อนสนิทอย่าง คลิฟ บูธ (Cliff Booth) ที่รับบทโดยแบรด พิตต์ (Brad Pitt) แค่ชื่อดารา 2 คนนี้กับชื่อผู้กำกับก็น่าสนใจพอแล้วสำหรับคนชอบดูหนัง แต่เขาก็ยังมีการเสริมทัพด้วยดาราดังเข้าไปอีกอย่างมาร์โก ร็อบบี (Margot Robbie) ที่มารับบทเป็นชารอน เทด (Sharon Tate) และมาร์กาเร็ต ควาลีย์ (Margaret Qualley) ที่มารับบทเป็นพุซซี่แคท (Pussycat) นอกจากนั้นก็ยังมีดาราดังอีกมากมายที่มาสร้างบรรยากาศให้หนังเรื่องนี้น่าดูเข้าไปอีก          Once Upon a Time in Hollywood กาลครั้งหนึ่งในฮอลลีวู้ด เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฮอลลีวู้ดในปี 1969 ของริกดาราที่อดีตเคยรุ่งและดังมาก แต่เขาก็มาถึงจุดที่เริ่มหมดไฟ จากที่เคยเป็นพระเอกในหนังดัง ตอนนี้เขาได้แต่ต้องมารับบทเป็นผู้ร้าย ตัวเขาก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่แต่ก็ต้องรับสภาพไปตามกาลเวลาคนเราเมื่อแก่ตัวลงความน่าสนใจก็เริ่มน้อยลง แต่เขาก็ยังพยายามมองหาว่าจะทำอย่างไรให้เขาได้กลับมารับบทพระเอกได้อีกครั้ง ตัวหนังมีทั้งมุมที่ตลกและความเครียดของริกให้เราได้เห็นถึงมุมมองความคิดของเขาความเครียดของดาราที่แก่ตัวลงต้องเจอกับอะไรบ้าง          แต่ก็ยังดีที่ริกยังมีสตั๊นแมนคู่ใจที่เป็นดั่งเพื่อนให้คำปรึกษาและช่วยงานเขาทุกอย่างตั้งแต่ขับรถยันซ้อมเสาทีวีที่บ้านอย่างคลิฟ ตัวหนังจะสื่อให้เราได้เห็นความสัมพันธ์มิตรภาพของทั้งคู่ และในนตัวหนังก็ยังทำให้เราได้เห็นเรื่องราวที่แสนลำบากของคลิฟด้วย ตัวคลิฟเองอยากจะกลับไปเป็นสตั๊นแมนที่มีงานทำอย่างเก่า แต่เนื่องประเด็นเก่าในอดีตจึงทำให้เขาหางานยาก เขาก็เลยต้องใช้ชีวิตติดอยู่กับริก          และนอกจากนั้นคนดูอย่างเราๆ ก็จะได้เห็นบรรยากาศในยุค 1969 ว่าช่วงนั้นในฮอลลีวู้ดมันมีหน้าตาเป็นอย่างไร ราวกับว่าเราได้อยู่ในฮอลลีวู้ดในช่วงเวลานั้นเลย ให้เราได้เห็นว่าสังคมการใช้ชีวิตของคนในดินแดนแห่งฝันอย่างฮอลลีวู้ดก็ไม่ได้สวยหรูกันทุกคน ยังมีกลุ่มคนจนคนจรอย่างฮิปปี้ที่มีเกลื่อนเมือง เป็นบรรยากาศที่ทำให้คนรักการดูหนังต้องถูกใจแน่นอนสามารถรับชมหนังเรื่องนี้ได้ทาง Netflix          องค์ประกอบทุกอย่างของหนังมันน่าสนใจมากจึงเป็นเหตุผลที่ดีเลยที่เราไม่ควรจะพลาดหนังเรื่องนี้ แต่ต้องบอกตรงๆ ตอนที่หนังเรื่องนี้เข้าโรงภาพยนตร์ผมไม่ได้ไปรับชม เนื่องจากจังหวัดที่ผมอยู่หนังเรื่องนี้ไม่ได้เข้าฉาย แต่แล้วก็เป็นความโชคดีที่เน็ตฟลิกซ์นำหนังเรื่องนี้มาฉาย ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดผมเลยรีบดูหนังเรื่องนี้ทันที และรู้สึกว่ามันเป็นหนังที่สนุกควรค่าแก่การดูจริงๆ สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูก็ห้ามพลาดเลย และที่สำคัญเราสามารถรับชมเน็ตฟลิกซ์ผ่านกล่อง True ID ได้แล้ว สะดวกขนาดนี้จะพลาดได้ไงภาพประกอบทั้งหมดเป็นการบันทึกหน้าจอมาจากตัวอย่างหนังทาง Youtube ช่อง Sony Pictures Entertainment 

แกงเขียวหวานปลากราย (Green curry with fish balls)
อ่าน

แกงเขียวหวานปลากราย (Green curry with fish balls)

"แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย” อาหารยอดนิยมของคนไทย คนต่างชาติก็ชื่นชอบ เรียกว่าGreen curry คนไทยภาคกลางแต่เดิมทำอาหารประเภทแกงป่า แกงเผ็ด โดยใช้พริกแห้งสีแดง ๆ เป็นส่วนผสมหลักมาโขลกกับเครื่องแกงต่าง ๆ เช่นหอมแดงกระเทียม ข่า ตะไคร้ ข่า ผิวมะกรูดและกะปิ ใส่เกลือเม็ดออกมาเป็นพริกแกงสีแดงสด ซึ่งนับได้ว่าเป็นมาตรฐานของพริกแกงเผ็ด และใส่เครื่องเทศเช่นลูกผักชียี่หร่าลูกกระวาน เป็นต้น นำมาโขลกรวมเพื่อเพิ่มกลิ่นที่หอมหวนชวนกินและช่วยดับกลิ่นสาปของเนื้อสัตว์ได้เป็นอย่างดี เมื่อนำพริกแกงมาประกอบอาหารส่วนผสมในการทำละลายหรือผัดพริกแกงให้หอม คนสมัยโบราณยังไม่มีการนำน้ำกะทิ น้ำมันหมูหรือน้ำมันพืชมาเป็นตัวช่วย แต่จะใช้น้ำเปล่าหรือน้ำดื่มนี่แหละใส่ลงในหม้อแล้วต้มจนเดือด จากนั้นเอาพริกแกงเผ็ดลงไปละลายจนมีกลิ่นหอมฉุนก็จะใส่เนื้อสัตว์ลงไป เช่นเนื้อวัว เนื้อหมู เป็นต้น จะเรียกแกงแบบนี้ว่า "แกงแดง" หรือต่างชาตินิยมเรียกว่าRed curry ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดเมนูที่อยู่คู่ทุกครัวไทยมาอย่างยาวนาน ผู้เขียนขอนำภาพแกงหมูใส่มะเขือพวงมาให้ชมนะคะ เห็นแล้วอดใจไม่ไหว สีของแกงแดงจากพริกแห้งชวนให้น่าทานยิ่งนัก สำหรับ "พริกแกงเขียวหวาน" นั้น น่าจะเป็นการดัดแปลงมาจากพริกแกงพริกสดของทางภาคใต้ที่นำเครื่องแกงสด พริกสดและเครื่องเทศต่าง ๆ มาโขลกรวมกัน แถมยังมีการใส่ขมิ้นสดลงไปโขลกรวมด้วย ทำให้เแกงมีลักษณะพิเศษ เป็นสีเขียวอมเหลืองสวยงาม ชาวภาคกลางของไทยเรานำมาดัดแปลงพริกแกงเขียวหวาน โดยใช้พริกขี้หนูสดสีเขียวมาโขลกแทนพริกแห้งสีแดง ผสมกับพริกไทยเม็ด ลูกผักชี เม็ดยีหร่า ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด รากผักชี กระเทียม หอมแดง กะปิ และ เกลือป่น โขลกจนละเอียดได้เครื่องแกงเนื้อเนียนเขียวสดและหอมเตะจมูกยิ่งนัก เมื่อนำมาทำเป็นอาหารจึงได้น้ำแกงมีสีเขียวอ่อนๆ แกงชนิดนี้ก็เลยถูกเรียกชื่อว่า "แกงเขียวหวาน"ปรุงผสมกับเนื้อสัตว์ชนิดต่าง ๆ เช่นไก่ กุ้ง เนื้อ หรือลูกชิ้นปลากราย ผู้เขียนมีภาพแกงเขียวหวานไก่ใส่ฟัก น้ำแกงพริกสดสีเขียวอ่อนสวยน่าทานมาให้ดูยั่ว ๆ นะคะ ช่วงนี้มีข่าวดังเเป็นกระแสในโลกโซเชี่ยลว่ามีการขาย "แกงเขียวหวานปลากราย" แบบใส่ถุงพลาสติกบ้าน ๆ ร้านตลาดเรานี่แหละค่ะ แต่ที่ผู้คนสนใจอยู่ที่ราคาแกงถุงนั้นมันราคาสูงเกินกว่าที่คนเดินดินกินข้าวแกงที่แท้ทรูไม่มีปัญญาซื้อหามากินได้แน่นอน อีกประเด็นหนึ่งที่ชาวบ้านรวมทั้งผู้เขียนเองก็สงสัยมากว่าแกงเขียวหวานปลากรายราคาสูงถุงนั้น ใช้วัตถุดิบอย่างดีมีคุณภาพระดับไหนกันเชียว ถึงทำให้ราคาสูงลิบลิ่วขนาดนั้น เอาละสิ! แบบนี้ก็เดือดร้อนถึงผู้เขียนที่ต้องลงไปเดินตลาดสดสำรวจวัตถุดิบกันซะหน่อย ทั้งๆ ที่ยังอยู่ในช่วง COVID-19 ไม่จำเป็นไม่ควรไปในที่ชุมชน แต่งานนี้ผู้เขียนต้องขอออกจากบ้านนะคะ แต่ไม่ต้องห่วงอุปกรณ์พร้อมใส่แมสก์พกเจลแอลกอฮอล์พร้อมแล้วไปสำรวจตลาดด้วยกันนะคะ วัตถุดิบ หลัก ๆเลยที่ผู้เขียนตรงไปสำรวจราคา คือ ที่ร้านขายปลาสด ที่แม่ค้าเขานั่งขูดเนื้อปลากรายขายกันสด ๆ เขาขายกันที่กิโลกรมละ 250 บาท งานนี้ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว มาถึงที่เห็นเนื้อปลาสีแดงสดน่าทานแบบนี้ คิดถึงคนที่บ้านอดยากอาหารสดกันมาเป็นเดือนแล้วก็ต้องลงมือทำแกงเขียวหวานปลากรายให้ลิ้มลองอาหารราคาแพงกันซะหน่อย ผู้เขียนก็เลยซื้อเนื้อปลากรายขูด 500 กรัม จ่ายไปในราคา 125บาท จากนั้นก็สำรวจวัตถุดิบอื่น ๆ ที่จะนำมาประกอบเป็นแกงเขียวหวานปลากราย ดังนี้ 1. พริกแกงเขียวหวานกิโลกรัมละ 80 บาท ซื้อมา200 กรัม ราคา 16บาท 2. น้ำกะทิ 500 ซีซี 1 กล่อง ราคา 40 บาท 3. มะเขือเปราะ ขายจานละ 10 บาท ซื้อมา 2 จานราคา 20 บาท 4. พริกชี้ฟ้าแดง 6 เม็ด ราคา 10 บาท 5. ใบโหระพา 3กำราคา 8บาท 6. ใบมะกรูด 1 กำ ราคา 5บาท ผู้เขียนใช้งบประมาณในการซื้อวัตถุดิบในการทำแกงเขียวหวานปลากราย รวมทั้งสิ้น 224บาท (ตั้งใจให้งบประมาณไว้ที่ 250 บาท) สรุปแล้วไม่เกินงบก็โอเคเลยค่ะ จากการสำรวจตลาดวันนี้ทำให้ทราบว่าวัตถุดิบจำเป็นในการทำแกงเขียวหวานปลากรายที่ราคาค่อนข้างสูงก็คือ เนื้อปลากรายขูด (ปลากรายแท้ ๆ) กิโลกรัมละ 250 บาท และราคาอาจแตกต่างกันบ้างในแต่ละพื้นที่ แต่ถึงอย่างไรเมื่อนำมาประกอบอาหารแล้วตักขายเป็นถุง8ราคาก็ควรสมน้ำสมเนื้อ ยิ่งในภาวะ COVID-19 แบบนี้ราคาควรอยู่ในระดับที่ผู้บริโภคแบบชาวบ้านจับต้องได้และซื้อทานได้แบบสบาย ๆ ดีกว่านะคะ การเตรียมวัตถุดิบและวิธีการทำ เมื่อได้วัตถุดิบแบบราคาสบาย ๆไม่เกินงบที่ตั้งใจแล้ว ผู้เขียนก็ขอชวนเพื่อนมาลงมือทำกันเลยดีกว่า ก่อนอื่นต้องเตรียมเนื้อปลากรายกันก่อนนะคะ 1. นำเนื้อปลากรายใส่ลงในภาชนะ เช่น กะละมังแสตนเลส หรือ หม้อก้นลึกหน่อย เพราะผู้เขียนใช้วิธีนวดด้วยน้ำเย็นผสมเกลือ แล้วใช้มือกอบเอาเนื้อปลามาอยู่ในอุ้งมือแล้วตีหรือฟาดเนื้อปลากรายลงที่ก้นภาชนะ (ตีแรงจะกระเด็นเลอะเทอะ) ให้ตีจนเนื้อปลากรายเนียนใสไม่ติดมือและเหนียว นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นที่ทำให้เนื้อปลากรายเหนียวเด้ง ตามที่ผู้เขียนเคยเห็นรุ่นคุณยายใช้วิธีครกโขลกเนื้อปลาจนเหนียว แต่ถ้าคนรุ่นใหม่คงชอบวิธีสะดวกโดยใส่เนื้อปลาลงไปในเครื่องปั่นจนเหนียว ก็เลือกเอาแล้วแต่ความถนัดของแม่ครัวแต่ละคนนะคะ 2. เตรียมวัตถุดิบอื่นๆให้พร้อมแกง น้ำกะทิ 500 กรัมพริกแกงเขียวหวาน 200 กรัมมะเขือเปราะหั่นผ่า 4 แล้วนำไปแช่ในน้ำเกลือเพื่อไม่ให้มะเขือดำพริกชี้ฟ้าแดงเอาเมล็ดพริกออกแล้วหั่นซอยตามยาวใบโหระพาเด็ดเอาแต่ใบ ฉีกใบมะกรูดแบบหยาบๆ 3. ตั้งกระทะให้ร้อนโดยใช้ไฟอ่อนก่อน นำน้ำกะทิเทลงไป 150 ซีซี รอจนน้ำกะทิเริ่มเดือดเล็กน้อยจึงใส่พริกแกงเขียวหวานประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ แล้วคนให้เข้ากัน ผัดจนพริกแกงมีกลิ่นหอมฉุน ดูว่าถ้าแห้งเกินไปให้เติมน้ำกะทิลงไปเพิ่มได้ 50 ซีซีเคี่ยวจนกะทิเริ่มแตกมัน ผู้เขียนใช้น้ำมันจากกะทิเป็นตัวผัดพริแแกง โดยไมต้องใช้น้ำมันพืชเลยค่ะ 4. พอพริกแกงสุกหอมได้ที่แล้วให้เบาไฟเล็กน้อย เพื่อใช้เวลาปั้นเนื้อปลากรายใส่ โดยผู้เขียนปั้นเป็นก้อนกลมก่อนแล้วใช้มือกดให้แบน ปั้นใส่ให้หมด 500 กรัมเลยนะคะ เนื้อปลาเหนียวเด้งแบบนี้ทานกันหมดแน่นอน จากนั้นใส่น้ำกะทิเพิ่มอีก 100 ซีซี เอาตะหลิวกด ๆ ให้เนื้อปลากรายจมในน้ำกะทิและปรับไฟให้แรงขึ้นเพื่อจะได้สุกจนทั่วกัน 5. ระหว่างรอเนื้อปลากรายสุกให้ใส่มะเขือเปราะลงไป ตามด้วยพริกชี้ฟ้าหั่นฝอย คลุกเคล้าให้ทั่ว ช่วงนี้เริ่มปรุงรสโดยใส่น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปีบ 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เครื่องปรุงละลายเข้ากันกับน้ำแกง ให้ชิมรสด้วยนะคะ แกงเขียวหวานปลากรายจะต้องมีรสเค็มและรสหวานนำและตามด้วยความเผ็ดร้อนจากพริกสดของพริกแกง ชิมให้รสกลมกล่อมตามชอบ 6. พอเนื้อปลากรายสุก มะเขือเปราะสุกพอดี อย่าให้มะเขือสุกเกินไปจะเละทานไม่อร่อย ให้ดูด้วยว่าน้ำกะทิแห้งเกินไปหรือไม่ ให้เติมน้ำกะทิที่เหลืออีก 200 ซีซี ลงไปให้หมด จากนั้นใส่ใบโหระพา ใบมะกรูดเล็กน้อย คนทุกอย่างให้เข้ากันดีพอน้ำแกงเดือดอีกครั้งให้ยกลงได้ พร้อมเสิร์ฟแล้วนะคะ หอมกลิ่นแกงเขียวหวานปลากรายมากเลยค่ะ เสียดายนะคะที่ผู้เขียนไม่มีขนมจีนเพราะว่าขนมจีนกับแกงเขียวหวานเป็นของคู่กันมาช้านาน ไม่ว่าจะทำทานเองหรือไปงานบุญ งานแต่ง เจ้าภาพมักนิยมที่จะทำอาหารเมนูนี้เลี้ยงแขกเหรื่อเพื่อเป็นการขอบคุณและคนไทยแต่โบราณก็มีความเชื่อกันว่าใครได้ทานขนมจีนแล้วจะมีอายุยืนยาวเหมือนเส้นขนมจีน งานนี้ขอให้เพื่อนผู้อ่านทานกันอย่างมีความสุขถ้วนหน้านะคะ เครดิตภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน ขออนุญาตแบ่งปันประสบการณ์การทำอาหารของผู้เขียนกับผู้อ่านทุกท่านนะคะ คลิปสาธิตวิธีการทำ :https://youtu.be/nhC4exuCmDM ขอบคุณค่ะ...Inna

ORBIT 360ํ Dining At Sky Tower
อ่าน

ORBIT 360ํ Dining At Sky Tower

เมื่อปลายเดือน ก.พ.2020 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เมือง Auckland New Zealand ค่ะ ถือว่าโชคดีสุดที่ทำวีซ่าครั้งแรกแล้วผ่าน ดีใจมากๆ เหมือนถูกหวยเลยล่ะค่ะ อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ เพราะในช่วงวันที่ไปนั้นประเทศนิวซีแลนด์ยังไม่มีกระแสโควิดแต่อย่างใดค่ะ แต่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็ไม่ปล่อยปละละเลยที่จะตรวจเข้มก่อนเข้าประเทศของเค้าเช่นกันค่ะ ที่นิวซีแลนด์อากาศดีมากๆ ค่ะ ผู้คนที่นี่ก็ขับรถกันอย่างมีมารยาทดีมาก หลังจากที่เที่ยวสนุกมาหลายวัน เฮ้อ!!! หมดเวลาสนุกแล้วสิ น่าเสียดายจังก่อนจะกลับไทยแล้วเพื่อนชาวนิวก็พาขับรถชมวิวรอบเมือง และชวนไปทานอาหารและชมเมืองในบรรยาากาศเห็นแบบวิว 360ํ กันเลยทีเดียวค่ะที่ร้าน ORBIT 360ํ Dining บนยอดตึก Sky Tower ว้าวววววว แค่ชื่อก็ฟังดูน่าตื่นเต้นแล้วล่ะค่ะ พอไปถึงแค่ทางขึ้นลิฟต์ไปบนยอดตึกก็จะเสียวๆ หน่อยๆ เพราะเป็นลิฟต์แก้วก็ได้เห็นวิวด้านล่างเช่นกันค่ะ ลิฟต์พาเราขึ้นไปไวมากจริงๆ ไม่ถึง 2 นาทีก็ถึงยอดตึกค่ะ เพื่อนได้จองโต๊ะทานอาหารไว้ก่อนที่จะมาถึงค่ะ เราจะต้องแจ้งกับพนักงานเพื่อรอโต๊ะที่จองไว้ค่ะ สักพักพนักงานชายก็เชิญเราไปที่โต๊ะริมกระจกค่ะ ว้าววววอีกครั้ง เพราะชั้นอาหารที่นี่หมุนรอบตัวเอง 360ํ จริงๆ ค่ะ ไม่นานพนักงานนำเมนูสุดหรูมาให้เลือกอาหารค่ะ แบบว่าเราไม่สันทัดเรื่องการเลือกอาหารค่ะ ตาลายไปหมด ชื่อน่ากินทุกอย่างแต่ก็ยังนึกหน้าตาอาหารไม่ออกเราเลยขอกาแฟร้อนก่อนสั่งอาหารก่อนเลย จิบกาแฟที่นี่ครั้งแรกคือแบบว่า...รสชาติดีมากๆ ถูกใจคอกาแฟอย่างเรา ส่วนอาหารให้เพื่อนสั่งให้ค่ะเพราะเพื่อนพาลูกค้ามาทานอาหารที่นี่อยู่บ่อยๆเพื่อนเลยช่วยเลือกให้และคิดว่าเราน่าจะถูกใจกับอาหารที่เค้าเลือกให้แน่ๆพออาหารมาเสิร์ฟก็ต้องอ้าปากค้างไปอี๊กกกก OMG ทำไมมันดูดีเช่นนี้ล่ะ ตอนนั้นถามชื่ออาหารกับเพื่อนแล้ว แต่ตอนนี้จำไม่ได้แล้วล่ะค่ะ รู้อย่างเดียวว่ารสชาติดี กลมกล่อม ไม่เลี่ยน ถูกปากเราจริงๆ ด้วย ต้องขอขอบคุณเพื่อนมากๆ ที่เลือกสถานที่ อาหารสุดพิเศษนี้ให้ในวันนี้ ระหว่างนั่งทานอาหารอยู่ชั้นอาหารนี้ก็ยังคงหมุนไปรอบๆ อย่างช้าๆ ค่ะ ระหว่างนั้นเองชั้นบนของชั้นอาหารจะมีนักท่องเที่ยวที่ชอบท้าทายความสูงมาโดดเพื่อเอาชนะใจตัวเอง เห็นแล้วเสียวเลยเรา แต่ทำไงได้ล่ะค่ะมันเป็นจุดพีคของ Sky Tower ก็นั่งดูให้มันเพลินๆ ไปก็แล้วกันจ้า หลังจากทานของคาวเสร็จนึกว่าเพื่อนจะไม่สั่งอะไรเพิ่มแล้วเชียว เพราะเท่านี้พุงก็ตึงจะแย่ล่ะ และแล้วของหวานหน้าตาดี๊ดีก็มาเสิร์จอีก 2 อย่าง เอิ่มมม บอกได้เลยว่า ชั่วโมงนี้พี่กินอย่างเดียว สมงสมองจำชื่ออาหาร ชื่อขนมไม่ได้เลยสักอย่าง โอ๊ยยย ทั้งวิวสวยๆ รอบเมือง Auckland อาหารก็อร่อย ขนมก็รสเลิศต้องขอโทษคุณนักอ่านที่น่ารักด้วยนะคะที่ในตอนนั้นไม่สามารถจำชื่ออาหารและขนมได้เลยจริงๆ ค่ะ พอทานอาหารเสร็จก็ต้องเดินไปเช็คบิลที่เคาน์เตอร์ก่อนออกจากร้านค่ะ โอ้โห ระบบของที่ร้านนี้ล้ำมากๆ ค่ะ ได้เห็นชื่ออาหาร ราคาอาหารก็ตอนนี้แหล่ะค่ะ เหอๆๆๆ คิดเป็นเงินไทยแล้วมึนตึบไปเลยค่ะ เพื่อนบอกว่ามันก็คุ้มสำหรับทุกๆ อย่างนะ ทั้งวิว ทั้งรสชาติอาหาร (เราได้แต่พูดในใจว่า เออก็ได้ว่ะก็แกจ่ายให้นี่หว่า อิอิอิ) ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวนิวซีแลนด์ แนะนำมาเที่ยว Auckland แล้วมาทานอาหารอร่อยๆ ชมวิวรอบเมืองสวยๆ ได้ที่ Sky Tower นะคะ วิวสวยทั้งกลางวันและกลางคืนเลยจ้าาาา ถ้ามีโอกาสเราจะต้องหาเวลาไปเที่ยวอีกแน่นอนค่ะ หมายเหตุ : รูปภาพทั้งหมดเป็นของนักเขียนเองค่ะ

No Man’s Sky เล่นได้แล้วบน Mac และรองรับระบบ Cross play
อ่าน

No Man’s Sky เล่นได้แล้วบน Mac และรองรับระบบ Cross play

ค่ายเกม Hello Games จากสหราชอาณาจักรประกาศ No Man’s Sky ลงเครื่อง Mac เล่นได้ทั้งชิป Intel และ Apple Silicon พร้อมกับรองรับระบบ Cross play เกม No Man’s Sky เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2559 มีการพอร์ตลงเครื่อง Xbox One Series X/S, Playstation 4/5/VR2 , PC และ Nintendo Switch สำหรับการพอร์ตเกม No Man’s Sky ลงเครื่อง Mac มีการประกาศตั้งแต่งาน WWDC 2022 เมื่อปีที่แล้ว โดยยังมีข่าวลือว่าเกมจะรองรับบนชุดแว่นตา Mixed Reality ที่คาดว่าจะเปิดตัวในงาน WWDC 2023 ซึ่งเกม No Man’s Sky พร้อมให้เล่นบนเครื่อง Mac ชิป Apple Silicon ทุกรุ่น และนอกจากนี้ยังเล่นได้บน Mac ที่ใช้ชิป Intel สเปกขั้นต่ำ Core i5, RAM 8GB, การ์ดจอ Redeon Pro 570X 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 20GB ที่มา : No Man’s Sky

รู้จักนักแสดง วาสนาของปลาเค็ม Long for Fish (2025)
อ่าน

รู้จักนักแสดง วาสนาของปลาเค็ม Long for Fish (2025)

            มาใหม่มาแรงเลยค่า สำหรับซีรีส์จีน “วาสนาของปลาเค็ม Long for Fish” ที่เป็นแนวเทพเซียน โรแมนติก ที่บอกเลยว่าพล็อตเรื่องดี การเล่าเรื่องน่าสนใจใครหลายคนจะต้องชื่นชอบ ไม่เพียงเท่านั้นก็ยังมีเหล่านักแสดงที่คาแรคเตอร์เหมาะสมกับบุคลิกของตัวละคร ฟิตติ้งมาก✨ และในวันนี้เราจะชวนเพื่อน ๆ มาดูนักแสดงแต่ละคนในเรื่องนี้กันผ่านทาง ‘รู้จักนักแสดง วาสนาของปลาเค็ม Long for Fish (2025) ซีรีส์จีนแนวเทพเซียน’ รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! 1.) เฉินเฟยอวี่ (Chen Fei Yu)          “เฉินเฟยอวี่ (Chen Fei Yu) 陈飞宇” หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ Arthur Chen (อาร์เธอร์) เกิดเมื่อวันที่ 9 เมษายน ปี 2000 ปัจจุบันอายุ 25 ปี จบการศึกษาจาก Beijing Film Academy หนุ่มเฉินเฟยอวี่ที่เขาเป็นนักแสดงชาวจีน-อเมริกันที่ได้เดบิวต์ในพาร์ทของการเป็นนักแสดงในปี 2010 กับภาพยนตร์เรื่อง Sacrifice ต่อมาในปี 2017 เขาก็ได้รับบทนำครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Secret Fruit อีกทั้งเขายังเป็นหนุ่มหล่อที่มีความสนใจในการเป็นศิลปินอีกด้วย เฉินเฟยอวี่ รับบทเป็น “ท่านปรมาจารย์ซือหม่าเจียว” เขาคือบรรพจารย์อาวุโสที่กำลังจะออกจากการบำเพ็ญเพียร500 ปีอันยาวนาน โดยเขานั้นถูกเลื่องลือในเรื่องของความโหดเหี้ยม และชอบฆ่าคน! แม้จะโหดร้ายกับทุกคน แต่ซือหม่าเจียวก็ยอมให้เลี่ยนถิงเยี่ยนได้เฝ้าปรนนิบัติเพียงคนเดียว และเขาก็ได้ตกหลุมรักในความธรรมชาติของเธอ ช่องทางการติดตามเฉินเฟยอวี่ Weibo : @陈飞宇Arthur  2.) หวังอิ่งลู่ (Wang Ying Lu)          “หวังอิ่งลู่ (Wang Ying Lu) 王影璐”เกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ปี 2000 ปัจจุบันอายุ 24 ปี สาวหวังอิ่งลู่ เป็นนักแสดงชาวจีนจากทางค่าย Mountain Top โดยเธอได้เปิดตัวในฐานะนักแสดงในปี 2020 ด้วยบทนำในซีรีส์เรื่อง Four Years of Life และเธอยังได้แสดงแสดงในภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอในปี 2021 อย่างCrazy Tsunami หวังอิ่งลู่ รับบทเป็น “โจวเยี่ยน” เธอนั้นเป็นหญิงสาวที่เป็นแค่ปลาเค็มตัวหนึ่งที่ไม่สนใจอะไร โดยเธอชอบใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ไปวัน ๆ แบบไม่สนใจอะไร แต่แล้วเรื่องราวไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น! เมื่อเธอได้ทะลุมิติมายังโลกแห่งเซียน และได้มาอยู่ในร่างของ “เลี่ยนถิงเยี่ยน” ซึ่งเป็นศิษย์สาวแห่งสำนักบำเพ็ญเพียร และยังเป็นสาวงามที่จะต้องไปปรนนิบัติของท่านปรมาจารย์ซือหม่าเจียว ช่องทางการติดตามหวังอิ่งลู่ Weibo : @王影璐_  ก็จบลงไปแล้วนะคะสำหรับ รู้จักนักแสดง วาสนาของปลาเค็ม Long for Fish (2025) ซีรีส์จีนแนวเทพเซียน โดยในซีรีส์เรื่อง “วาสนาของปลาเค็ม Long for Fish” จะเริ่มออกอากาศในวันที่ 16 สิงหาคม 2025 ที่ Youku เลยค่า ^^ เครดิตภาพหน้าปกโดย @献鱼官微 ภาพหน้าปก1 / ภาพหน้าปก2 / ภาพหน้าปก3 / ภาพหน้าปก4 เครดิตภาพประกอบบทความโดย @献鱼官微 : ภาพที่1 / ภาพที่3 / ภาพที่5  @陈飞宇Arthur : ภาพที่2  @王影璐_  : ภาพที่4  จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

Once Upon A Time ซีรีส์ที่เปิดโลกใบใหม่ของเทพนิยายสมัยเด็ก
อ่าน

Once Upon A Time ซีรีส์ที่เปิดโลกใบใหม่ของเทพนิยายสมัยเด็ก

          เราเชื่อว่าผู้อ่านหลาย ๆ ท่านที่หลงเข้ามาอ่านบทความนี้ คงเคยอ่าน เคยดู หรือเคยฟังเกี่ยวกับเทพนิยายของเจ้าหญิงเจ้าชายที่กว่าจะครองรักกันได้ต้องผ่านอุปสรรค์ต่าง ๆ ที่ขว้างกั้นและช่วยกันปราบเหล่าร้ายด้วยกัน แล้วเรื่องราวของนิยายเหล่านั้นก็จบลงอย่าง Happy Ending แล้วเราก็จินตนาการว่าสักวันฉันอยากเจอเจ้าชายที่เหมือนในนิยาย แต่แน่นอนมันก็เป็นเพียงแค่เทพนิยายที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือหรือภาพยนต์เท่านั้น และแทบทุก ๆ เรื่องก็มีตอนจบที่เหมือนกันทุกเรื่อง คือ การแต่งงานของเจ้าหญิงและเจ้าชาย           แต่มันไม่ใช่สำหรับซีรีส์ Once Upon A Time แน่นอน แม้ชื่อเรื่องจะเป็นคำเกริ่นนำของเทพนิยายทุกเรื่อง แต่ในซีรีส์เรื่องนี้ มันเป็นการเริ่มบทใหม่ของเทพนิยายที่เราเคยได้ยินมา เพราะสำหรับตัวละครในเรื่องนี้ที่ชื่อ 'เอ็มม่า สวอน' ที่เธอก็คิดเหมือนกันกับมนุษย์ทุกคนบนโลกว่าเรื่องราวในเทพนิยายเป็นเพียงเรื่องราวที่ถูกแต่งแต้มขึ้นมาเท่านั้น แต่จู่ ๆ 'เฮนรี่' ลูกชายของเธอที่เธอได้ยกให้คนอื่นเลี้ยงไปแล้วกลับมาตามหาเธอ แล้วบอกกับเธอว่า เธอเป็นลูกสาวของ สโนว์ไวท์กับเจ้าชายชาร์มมิ่ง ที่หายตัวไปจากโลกนิทานในหนังสือเทพนิยายที่เค้ากำลังอ่าน เฮนรี่บอกกับเธอว่าพ่อแม่ของเธอกำลังต้องการความช่วยเหลือจากเธอ แต่เอมม่าไม่เชื่อในสิ่งที่เฮนรี่พูด เธอขับรถพาเฮนรี่กลับมาส่งที่เมือง Storybrooke ซึ่งเป็นที่ที่เธอนำเฮนรี่มาฝากไว้ที่นี่ แล้วเธอก็พบเจอกับเหตุการณ์แปลกประหลาดภายในเมืองแห่งนี้          แม้การดำเนินเรื่องหลัก ๆ จะอ้างอิงจากเรื่องราวของ สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด รวมไปถึงเจ้าชายชาร์มมิ่งในเรื่องนี้เราจะได้สัมผัสและรับรู้เรื่องราวแปลกใหม่ของเจ้าชายมากกว่าในเทพนิยาย นอกจากนี้ในซีรีส์ยังมีบรรดาตัวละครอีกมากมายที่มาจากในเทพนิยายที่เราเคยอ่าน เช่น 'Beauty and The beast' หรือโฉมงามกับเจ้าชายอสูร ในซีรีส์เรื่องนี้เราจะได้เห็นอสูรในอีกแบบฉบับหนึ่งที่แตกต่างจากในเทพนิยาย แต่เนื้อเรื่องยังคงเดิมคล้ายกับในเทพนิยาย           กัปตันฮุคก็ถือเป็นตัวละครหลักของซีรีส์เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แถมยังเป็นกัปตันฮุคในแบบฉบับที่แตกต่างในหนังสือมาก ๆ ใครเห็นก็ต้องหลงรักวายร้ายตัวนี้แน่นอน หล่อคมเข้มขนาดนี้ ถ้ามีกัปตันฮุคในซีรีส์เรื่องนี้ก็คงไม่พลาดที่จะหยิบยกเอานิทานในสมัยเด็กที่เป็นที่ชื่นชอบของเด็กทุกคน คือ 'ปีเตอร์แพน' เข้ามาดำเนินเรื่องในซีรีส์เรื่องด้วยแน่นอน แต่รับรองว่า ปีเตอร์แพนและกัปตันฮุคในซีรีส์เรื่องนี้สนุกและครบรสกว่าในหนังสือแน่นอน ขอสปอยว่า มีการกล่าวถึงที่มาที่ไปของปีเตอร์แพนด้วยนะว่าทำไมถึงได้ไปอยู่ที่เกาะ Neverland ได้ รับประกันความสนุกแน่นอนสำหรับเรื่องราวของปีเตอร์แพนในซีรีส์เรื่องนี้          ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น เป็นส่วนหนึ่งจากเรื่องราวทั้งหมดในซีรีส์เรื่องนี้ เพราะซีรีส์เรื่องนี้มีทั้งหมด 7 Season ด้วยกันแต่ละซีซั่นก็จะมีเหล่าตัวละครในเทพนิยายแต่ละเรื่องเข้ามาดำเนินเรื่องเรื่อย ๆ เป็นซีรีส์ที่ดูแล้วไม่น่าเบื่อเพราะมีปมปัญหาต่าง ๆ ความซับซ้อนกันของตัวละครในเรื่องและเรื่องนี้เหล่าวายร้ายทุก ๆ ตัวก็แสดงให้เห็นถึงอีกมุมที่ในหนังสือไม่ได้กล่าวไว้ด้วย  พูดง่าย ๆ ซีรีส์เรื่องนี้จะกล่าวถึงปมของตัวละครต่าง ๆ จากในหนังสือมากขึ้นนั่นเอง เราไปชมภาพางส่วนจากซีรีส์เรื่องนี้กันหน่อยดีกว่า          พอแต่นี้ก่อนดีกว่า เผื่อคนที่อยากจะติดตามดูซีรีส์เรื่องนี้จะไม่เซอร์ไพรส์ ขอย้ำว่าภาพของตัวละครที่นำมาเป็นแค่ส่วนหนึ่งจริง ๆ และขอไม่บอกด้วยว่าแต่ละตัวละครจะโผล่ออกมาซีซั่นไหนกันบ้าง เพราะยังมีอีกหลายตัวละครที่ท่านยังไม่เห็นค่ะ ตัวละครจากเทพนิยายในหนังสือตัวหลัก ๆ ยังมีอีกมากมายที่เราไม่ได้นำมาฝากท่านในวันนี้ ไปติดตามรับชมกันได้นะคะเหมาะสำหรับช่วงกักตัวจากไวรัสโควิด-19 เพราะจะได้ดูยาวจนจบซีซั่นที่ 7 เลยค่ะเครดิตรูปภาพทั้งหมดจาก : Once Upon A Time Facebook Official

Venus in the sky ห้ามฟ้าห่มดาว ช่อง อมรินทร์ทีวี (ตอนล่าสุด)
อ่าน

Venus in the sky ห้ามฟ้าห่มดาว ช่อง อมรินทร์ทีวี (ตอนล่าสุด)

เรื่องย่อซีรีส์ Venus in the sky ห้ามฟ้าห่มดาว ช่อง อมรินทร์ทีวี ทุกวันอาทิตย์ เวลา 22.45 น. เริ่มตอนแรก 2 กันยายนนี้ นำแสดงโดย นุ่มสุดฮอต ต๊อด ปนพงศ์ ไขแสง ประกบคู่กับหนุ่มที่ฮอตไม่แพ้กันอย่าง เชค วัชรวีร์ แก้วพูลศรี โดยผู้จัด แก๊ปเปอร์-วรฤทธิ์ นิลกลม พร้อมด้วยผู้กำกับหน้าใหม่ฝีมือคุณภาพอย่าง ผ้าแพร-คชาภรณ์ รูปช้าง เตรียมสร้างตำนานก่อนส่งท้ายปีด้วยซีรีส์ Venus in the sky ห้ามฟ้าห่มดาว หนึ่งในแผนโปรเจ็ค Y Moment 2023 ซีรีส์ที่ครบรสชาติทั้งเลิฟซีน โรแมติก ดราม่า คอมเมดี้ ชนิดที่แฟนคลับห้ามพลาดแม้แต่ตอนเดียวกับความครบรส

Your sky is your feel
อ่าน

Your sky is your feel

       ท้องฟ้า(sky) บางคนอาจจะมองว่าท้องฟ้าเเค่เหมือนชั้นบรรยากาศที่ไม่ได้มีความหมายอะไรเเฝงอยู่ เเต่บางคนมองว่าท้องฟ้านั้นมีความหมายมากมายเเสดงถึงความรู้สึกต่างๆ ที่เปลี่ยนไปตามสีของเเต่ละในช่วงเวลาของวันวันหนึ่ง ทำให้หลายๆคนชอบถ่ายท้องฟ้าไว้ เพราะภาพถ่ายท้องฟ้านั้นก็เป็นเหมือนการบันทึกความทรงจำบันทึกความรู้สึกของเราในช่วงช่วงนั้นทุกครั้งที่เปิดรูปเหมือนสมุดบันทึกเล็กๆ เลยเเหละ         ท้องฟ้าในตอนเช้าเป็นท้องฟ้าที่ฉันชอบที่สุดเเสงเเดดอ่อนๆ ในยามเช้า พระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นทำให้ท้องฟ้าเป็นสีเหลืองทองรู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น เป็นการเริ่มต้นใหม่ของทุกๆ วัน ท้องฟ้าในตอนเที่ยงหรือช่วงบ่ายเป็นท้องฟ้าที่สว่างที่สุด ส่วนในตอนเย็นนั้นท้องฟ้าจะกลายเป็นสีส้มสวยงามพระอาทิตย์กำลังตกดินเป็นบรรยากาศที่ดูโรเเมนติก สงบ หรืออาจจะเป็นตอนที่ฝนตกท้องฟ้ามืดครึ้ม ดูเศร้าหมอง กังวล การที่เราถ่ายรูปท้องฟ้าส่งให้คนอื่นก็เหมือนกับเราส่งความรู้สึกของเราให้เขาได้รับรู้โดยที่ไม่ต้องใช้คำพูดอะไร เเค่มองก็สามารถรับรู้ได้จากสีของท้องฟ้าในรูปเพราะอย่างนี้คนส่วนใหญ่เลยนิยมส่งรูปท้องฟ้าให้คนที่เราอยากให้เขาได้รับรู้ความรู้สึกของเราที่มีให้เขา          ฉันเป็นอีกคนที่ชอบหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปท้องฟ้าในเวลาต่างๆ ไม่ว่าจะตอนนั่งอยู่บนรถ เวลาไปเที่ยว เพื่อที่จะได้มาเปิดดูในวันข้างหน้า เพราะไม่ว่าวันข้างหน้าจะเปิดดูอีกกี่ครั้ง "ท้องฟ้าก็จะไม่เคยเหมือนเดิม"  โทนสีของมันอาจอ่อนลง เข้มขึ้น หรือไล่เฉดสี มันเปลี่ยนไปตามฤดูกาลเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเปลี่ยนไปตามสิ่งรอบข้างต่างๆ            ฉะนั้นท้องฟ้าไม่ว่าจะเป็นเวลาใดสีใดเเบบใดก็ล้วนที่จะรู้สึกเเตกต่างกันไปในเเต่ละมุมมอง เช่น บางคนอาจมองว่าท้องฟ้าตอนฝนตกทำให้รู้สึกสบายใจร่มเย็นบางคนรู้สึกกลัว ไม่มีอะไรตายตัวเป็นสิ่งที่จินตนาการไปได้ไม่มีสิ้นสุดเหมือนกับความคิดของคนเรา ยิ่งเราคิดมากเท่าไร เข้าใจในท้องฟ้ามากเท่าไร เราก็จะเข้าใจรับรู้ความรู้สึกมากเท่านั้นภาพโดย ผู้เขียน