รีเซต

ผลการค้นหา “Call It What You Want~BLドラマの作り方~” - ทรูไอดี

ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
'All I Want for Christmas Is You' เพลงฮิตคริสต์มาส สร้างรายได้นับพันล้าน 'มารายห์ แครี่'
อ่าน

'All I Want for Christmas Is You' เพลงฮิตคริสต์มาส สร้างรายได้นับพันล้าน 'มารายห์ แครี่'

เข้าสู่เทศกาลวันคริสต์มาส แม้จะอยู่ในช่วงเวลาของการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับการล็อกดาวน์ แต่มนต์ขลังของวันคริสต์มาส ก็ยังไม่เสื่อมคลาย และสิ่งที่อยู่ในใจของใครหลายคน ก็คือเพลงเพราะต่างๆ ในช่วงวันคริสต์มาส ที่จะได้ยินพื้นที่ต่างๆ เปิดสร้างบรรยากาศแห่งความสุข เพลงที่โด่งดังที่สุดคงไม่พ้น All I Want for Christmas Is You ของดีว่าสาว มารายห์ แครี่ ที่กลับมาทวงบัลลังก์ชาร์ตเพลงในหลายๆประเทศ ช่วงเทศกาลปีใหม่ จนเรียกได้ว่า แม้ว่าเธอจะไม่ต้องออกผลงานทั้งปี ก็มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งปี 2019 เธอก็เพิ่งนำเพลงดังกล่าวมาทำเอ็มวีใหม่ มีผู้คนเข้าไปชมกว่า 132 ล้านครั้งใน 1 ปี เช่นเดียวกับปีนี้ ที่เพลง All I Want for Christmas Is You ของมารายห์ ก็ขึ้นไปแตะอันดับ 1 ใน ชาร์ต บิลบอร์ดเช่นกัน ก่อนจะถูก Willow ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ แซงขึ้นไปเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยเพลงคริสต์มาสดังอย่าง Rockin Around The Christmas Tree ของ Brenda Lee , Jingle Bell Rock ของ Bobby Helms รวมทั้งยังไปยึดครองชาร์ตเพลงประเทศต่างๆ อาทิ เกาหลีใต้ อีกด้วย เรื่องนี้ แคปปิตอล เอฟเอ็ม รายงานว่า เพลง All I Want for Christmas Is You นั้น ทำเงินให้กับมารายห์จำนวนมาก ในแต่ละปี นับตั้งแต่ปี 1994 ที่เธอออกมา ว่าสร้างรายได้ให้เธอถึง 4 แสนปอนด์ต่อปี หรือราว 15,936,000 บาท จากเพลงเพลงเดียว ในเดือนธันวาคมปี 2019 นั้น ดิ อิโคโนมิสต์ รายงานว่า เพลงดังกล่าว สร้างรายได้ให้กับมารายห์ถึง 60 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1,773.60 ล้านบาทไปแล้ว เรียกว่า มารายห์ เป็นไอคอนนิคของเทศกาลคริสต์มาส มามากกว่า 25 ปี อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ซินเดอเรลล่า วงการเพลงอาร์แอนด์บี ตำนานที่ยังมีชีวิต มารายห์ แครี่ พร้อมระเบิดพลังเสียง 9 พ.ย. นี้ มารายห์ แครี เซ็ง แบ็กกิ้งแทร็กพลาด ทำคอนเสิร์ตที่ไทม์สสแควร์กร่อย (ชมคลิป)

You are what you eat , You are what you do
อ่าน

You are what you eat , You are what you do

                                                 แค่เปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิตเพิ่มการออกกำลังกายและเพิ่มกิจกรรมระหว่างวันแค่นี้โรคเรื้อรังที่เกาะติดอยู่กับเราก็จะอันตรธานหายไปอย่างเช่นดิฉันเป็นโรคเรื้อรังความดันเบาหวานไขมันทานยามาแล้ว2ปี ถึงวันนัดในใบนัดต้องถอนหายใจว่าวันนี้จะต้องเจอกับอะไร และก็จริงอย่างที่คิดน้ำตาลสูงขึ้น ไขมันสูงขึ้นเรื่อย ๆ คุณหมอเคยให้กำลังใจ วันนั้นจำได้คุณหมอถอนหายใจและเขียนใบสั่งยา จากเคยกิน 5 เม็ดต่อวันเพิ่มเป็น 15 เม็ดต่อวัน ต้องทานยาเป็นกำเพราะผลตรวจ น้ำตาล 236 ไขมัน 600 คุณหมอบอกว่าเราคงไม่ตายด้วยโรคเรื้อรังหรอก แต่น่าจะตายด้วยโรคไต ถ้าทานยามากขนาดนี้ คุณขาดการออกกำลังกายคุณไปออกกำลังกายตั้งแต่วันนี้แล้วคุณจะหายไม่ต้องใช้ยาหรอก                           หลังจากได้ฟังคำคุณหมอทั้งให้กำลังใจและขู่เข็ญ จึงตั้งใจปฏิวัติตัวเองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเป็นกินผักและเปลี่ยนวิธีปรุงจากการผัดเป็นการต้มแทน ข้าวเปลี่ยนจากข้าวขาวเป็นข้าวไม่ขัดสีเพื่อที่จะช่วยให้การย่อยแป้งให้ช้าลงและไม่เปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล และเลือกทานโปรตีนดี อย่างเช่น ไข่ เนื้อไก่ ปลา (เราทานได้แต่ไข่เพราะเราทานมังสวิรัติ และทางเวย์โปรตีนเสริม) เลือกทานคาร์โบไฮเดรตในช่วงเช้า ลด คาร์โบไฮเดรตในช่วงเที่ยงและเย็น และการทานอาหารให้ดูอาหารให้เป็นสารอาหารอย่างเช่น  ไข่ เป็นโปรตีน ข้าว เป็นคาร์โบไฮเดรต หมูสามชั้น เป็นไขมัน ผักเป็นเกลือแร่  ผลไม้เป็นวิตามิน เลือกที่จะเว้นไขมันกับ คาร์โบไฮเดรตคะ อย่าลืมดูที่ส่วนผสมนะคะ เว้น การปรุงแบบผัด ทอด ให้เลือก การปรุงแบบ ต้ม ปิ้ง ย่าง แกงคะ เลือกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่นะคะ        ''ภาพโดยผู้เขียน"                 หลังจากการเปลี่ยนการทานอาหารมาเป็นผัก และ โปรตีน กินแป้งดีข้าวไม่ขัดสี มากขึ้นลดแป้งและไขมันเรารู้สึกได้ว่าร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้น สายตาที่พร่ามัว มองชัดขึ้น ปัสสาวะที่เคยเป็นฟอง(เพราะน้ำตาลในเลือดสูง)มันค่อยๆดีขึ้น                           และเราออกกำลังกายเดินต่อเนื่องวันละ 1 ชั่วโมงขึ้นไป ร่างกายจึงจะดึงไขมันออกมาใช้ ถ้า1 ชั่วโมง - 30 นาที ร่างกายจะนำไกลโกเจนที่อยู่ตามผิวหนังซึ่งได้จากพลังงานที่เราทานซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากการทานแป้ง ดังนั้นการดึงไขมันมาใช้จะต้องใช้เวลานานจึงต้องออกกำลังกาย 1 ชั่วโมงขึ้นไปร่างกายจึงจะดึงพลังงานจากไขมันมาใช้   ''ภาพโดยผู้เขียน"                      การออกกำลังกายที่จะช่วยในการเผาผลาญไขมันคือการออกกำลังกายแบบcardioอย่างเช่นการเดินการวิ่งการปั่นจักรยานการว่ายน้ำและสิ่งที่ต้องทำคู่กันคือการออกกำลังกายด้วยแรงต้านที่เรียกว่า weight training อย่างเช่นการทำ body weight และยกน้ำหนัก ควบคู่กัน ซึ่งถ้าหากเรามีมวลกล้ามเนื้อที่แข็งแรงจะทำให้เราระบบการเผาผลาญของเราสมบูรณ์ขึ้นจะทำให้เรามีระบบเผาผลาญที่สมบูรณ์ ต้องทำควบคู่กันไป''ภาพโดยผู้เขียน"''ภาพโดยผู้เขียน"                     หลังจากดิฉันปรับการกิน การใช้ชีวิต เพิ่มการออกกำลังกาย 3 เดือนผ่านไปคุณหมอตรวจเช็คเลือดผลปรากฏว่า น้ำตาลจาก 236 เหลือ 80 ไขมันจาก 600 เหลือ 163 คุณหมออ่านผลแล้วยิ้มแบบพึงพอใจ ว่าคุณไม่ต้องทานยาโรคเรื้อรังแล้วนะครับหมอยินดีด้วยหมอขอสั่งปิดบัญชียา อีก 1 ปี เจอกันตรวจสุขภาพประจำปีใหญ่ ขอให้คุณจงปฏิบัติอย่างที่คุณปฏิบัติทุกวันนี้  ที่เขาพูดกันว่าคนเป็นโรคเรื้อรังต้องกินยาตลอดชีวิตเพราะอะไรคะ เพราะคุณไม่เปลี่ยนพฤติกรรม คุณพึ่งยาเพื่อบรรเทา ไม่ใช่การรักษา คนส่วนใหญ่จึงต้องกินยาจนตาย แต่คุณแก้ไขที่พฤติกรรมคุณเลยหายคะ                        เดือนกันยาปี 2562จำได้ขึ้นใจเราอึ้งและยังถามคุณหมออีกว่าแล้วยาหละคะ คุณหมอบอกเราว่าปิดบัญชีไปแล้วครับ ไม่มียาอีกแล้วเจอกันอีก 1 ปี เดือนกันยายน ปี 2563 แบบประมาณว่าเมื่อก่อนพอออกจากห้องตรวจรอรับใบสั่งยาและใบนัด และต้องไปรอรับยาอีกประมาณครึ่งชม. แต่ตอนนี้แค่เอาใบปิดบัญชีไปยื่นที่ห้องการเงิน และเดินตัวปลิวไม่มียาติดตัวกลับบ้าน ไม่ต้องมีใบนัดหมอ ไม่ต้องตื่นเช้าตั้งแต่มารอคิวตรวจอีกต่อไป วันนั้นเป็นวันในประวัติศาสตร์ดีใจที่สุดเราโทรไปบอกแม่ บอกพี่ บอกคนที่เรารักว่าเราทำได้  เราเป็นคนนำพาโรคมาสู่ตัวเราเอง และ เราเป็นคนกำจัดโรคได้ด้วยตัวเราเอง ความไม่เป็นโรค เป็นลาภอันประเสริฐ You are what you eat You are what you do.                           ผลพลอยได้คือตอนนี้น้ำหนักลงมาเรื่อย ๆ คะเสื้อผ้าเปลี่ยนยกตู้เปลี่ยนไซค์จากใส่เสื้อผ้าผู้ชายSize XXL ได้เท่านั่นกลายเป็นตอนนี้ใส่Size  M ผู้หญิงได้แล้วคะมีแต่คนทักว่าทำไมสวยขึ้นเลยต้องถามว่าเรื่องยาวจะฟังหรือไม่ ยินดีที่จะแบ่งปันได้ทั้งสุขภาพ และ ความงามค่ะ ตอนนี้กลายเป็นคนติดการออกกำลังกายไปเสียแล้วคะ เลยอยากแชร์ประสบการณ์ดี ๆ You are what you eat and you are what you do.ให้เพื่อน ๆ ฟังค่ะ ถ้าบรรณาธิการอนุมัติให้บทความผ่านมาติดตามเรื่องของเรากันต่อนะคะมีเรื่องจะแชร์อีกเยอะเลยคะ ''ภาพโดยผู้เขียน"

อายแชโดว์สุดปั๊วะ Kylie Jenner Cosmetics I WANT IT ALL Birthday Collection
อ่าน

อายแชโดว์สุดปั๊วะ Kylie Jenner Cosmetics I WANT IT ALL Birthday Collection

ต้องบอกเลยว่าช่วงนี้พาเล็ทอายแชโดว์ออกมาเยอะมาก! หลาย ๆ แบรนด์ต่างก็งัดไม้เด็ดออกมาฟาดฟันกันเต็มที่ แต่แป้งเชื่อว่าทุกคนก็น่าจะมีแบรนด์ที่อยู่ในใจของตัวเองแล้วแหละ แล้ววันนี้แป้งก็มีไอเทมตัวเด็ดที่เห็นแล้วเป็นต้องกรี๊ดดด กับอายแชโดว์แบรนด์ตัวแม่อย่างไคลี่ เจนเนอร์ อันนี้แป้งได้มาในราคา 1,490 ราคาอาจจะแรงนิดนึง เพราะอย่างที่รู้ว่าเขาเป็นแบรนด์นอก แพ็กเกจมีความไฮโซและดูทันสมัยแต่แอบมีความสวยหวานเบา ๆ มีกลิตเตอร์สีม่วงประดับเพื่อเพิ่มความเก๋แล้วก็น่ารัก ใครที่ชอบสไตล์นี้บอกได้คำเดียวว่า ของมันต้องมี  พอเปิดมาด้านในปุ๊บ ก็จะเจอกับกระจกรูปทรงหัวใจ แล้วก็มีลวดลายหัวใจเล็ก ๆ น่ารัก ๆ เพื่อเพิ่มความน่ารักเข้าไปอีกกก อันนี้แป้งยอมรับเลยว่าที่ตัดสินใจซื้อมาเพราะโดนแพ็กเกจป้ายยาล้วน ๆ เลย อิอิ ตัวนี้มีทั้งหมดด้วยกัน 11 เฉด ก็มีทั้งอายแชโดว์ 9 สี แล้วก็บรัชออนอีก 2 เฉด แป้งชอบตรงที่ในตลับเดียวแต่มีหลายโทนนี่แหละ สายสดใสก็จะมีทั้งส้ม ชมพู ม่วง สายดาร์กหน่อยก็จะเป็น สีดำ น้ำตาล ทำให้เราสามารถมิกซ์แอนด์แมทสีได้ง่ายขึ้นด้วย จะแต่งแบบสโม้กกี้อายสายฝอก็เริ่ด หรือจะสายสวยใสสไตล์เกาหลีก็ดีงามไม่แพ้กัน อ่ะ มาดูที่เนื้ออายแชโดว์กันบ้าง ความรู้สึกส่วนตัวแป้งมองว่า เนื้อของเขาค่อนข้างที่จะหนาแต่ว่าพอสัมผัสแล้วคือเนียนนุ่ม เม็ดสีแน่นมาก ทาแล้วติดเปลือกตาดีด้วย ส่วนเรื่องติดทนอันนี้คือต้องยอมจริง ๆ เพราะแต่งหน้าออกจากบ้านครั้งเดียวคือจบ ไม่ต้องเติมระหว่างวัน ราคาก็ถือว่าคุ้มกับคุณภาพที่ได้อยู่น้า    ใครที่กำลังมองหาพาเลทอายแชโดว์แบบทูโทน แป้งแนะนำตัวนี้เลยค่ะ เพราะสามารถแต่งได้หลายลุคหลายสไตล์ สำหรับแป้งแล้วถือว่าเขาตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว เนื้อดี เม็ดสีแน่นชัด ที่สำคัญคือติดเปลือกตาเริ่ดเวอร์ ภาพหน้าปกและภาพในบทความ "ถ่ายโดยนักเขียน" นามปากกา SaranyA 

25 ปีที่รอคอยของ Mariah Carey กับอันดับหนึ่งของเพลงฮิตคริสต์มาส "All I Want for Christmas Is You"
อ่าน

25 ปีที่รอคอยของ Mariah Carey กับอันดับหนึ่งของเพลงฮิตคริสต์มาส "All I Want for Christmas Is You"

ในช่วงเวลาเทศกาลแห่งความสุขของทุกๆปี คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเรามักจะมีเพลงนี้อยู่ในบรรยากาศนั้นอยู่เสมอ ตลอดระยะเวลานับสิบปีที่ผ่านมานี้ เพลงนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงประจำเทศกาลคริสต์มาสของยุคสมัยไปแล้วแต่ถึงแม้จะเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างมากมายถึงเพียงนี้ เพลง "All I Want for Christmas Is You" ก็ยังคงเป็นหนึ่งในเพลงของเธอที่ไม่เคยขึ้นถึงอันดับหนึ่งมาก่อนเลยคุณ Carey เธอแต่งเพลงนี้ร่วมกับ Walter Afanasieff ในฤดูร้อนของปี 1994 เป็นเพลงรักจังหวะสนุกสนานในสไตล์โมทาวน์ ที่มากับเสียงร้องประสานในแบบของวง The Beach Boys คำร้องเป็นถ้อยคำง่ายๆแต่ชวนซึ้ง อิงกับบรรยากาศคริสต์มาสได้อย่างอบอุ่นคุณ Afanasieff นั้นเริ่มมีชื่อเสียงมาจากการทำเพลงให้กับ Whitney Houston และเป็นคนร่วมแต่งเพลงฮิตให้กับคุณ Carey อีกหลายเพลง ซึ่งก็รวมถึง "Hero" เพลงไพเราะความหมายดีที่เกือบจะได้เป็นเพลงประกอบหนังชื่อเดียวกันที่ออกมาในปี 1992 นั้นด้วยเพลง "All I Want for Christmas Is You" นี้อยู่ในอัลบั้มชื่อ "Merry Christmas" ที่ออกมาในปี 1994 ได้รับความนิยมค่อนข้างมากทางรายการวิทยุ แต่เนื่องจากไม่ได้ถูกนำออกจำหน่ายแยกเป็นแผ่นซิงเกิ้ล จึงไม่เข้าเกณฑ์ที่จะถูกนำเข้าจัดอันดับบนชาร์ท Billboard Hot 100 ซึ่งเป็นชาร์ทเพลงป็อปของอเมริกาในปีแรกที่เพลงนี้ออกมาจนกระทั่งกฎเกณฑ์นี้ถูกเปลี่ยนแปลงในปี 1998 เพลงนี้จึงได้เข้าสู่การจัดอันดับได้ในปี 2000 แต่ก็ขึ้นไปสูงสุดได้เพียงอันดับที่ 83 เท่านั้นเวลาผ่านไปนับสิบปี แต่ดูเหมือนความนิยมในบทเพลงนี้จะไม่ได้ลดลงไปเฉกเช่นเดียวกับบทเพลงฮิตทั่วๆไป ด้วยความที่เป็นเพลงซึ่งมีบรรยากาศของคริสต์มาสอย่างเต็มเปี่ยม ในช่วงเวลาครืสต์มาสของทุกๆปี เพลงนี้ก็จะได้กลับเข้าสู่ชาร์ทเพลงฮิตอยู่เสมอจนกระทั่งสามารถขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่บนชาร์ทได้ที่อันดับ 9 ในปี 2017 ที่ผ่านมาภาพจาก: Billboard.comและแล้วเมื่อ 25 ปีผ่านไป การรอคอยอันยาวนานของคุณ Carey ก็ได้สิ้นสุดลง เมื่อหนึ่งในบทเพลงที่เธอรักที่สุดนี้ สามารถขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งบนชาร์ท Billboard Hot 100 ได้ในที่สุดในสัปดาห์ของวันที่ 21 ธันวาคม 2019 นี้จากการรายงานของเว็บไซต์ Billboard.comการขึ้นอันดับหนึ่งของเพลง "All I Want for Christmas Is You" ในครั้งนี้ ยังทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงคริสต์มาสเพลงแรกในรอบ 61 ปีที่ขึ้นถึงอันดับหนึ่งบนชาร์ทนี้ และเป็นเพลงที่สองในประวัติศาสตร์ ถัดจากเพลง "The Chipmunk Song" ของ The Chipmunks ที่ทำไว้ในปี 1958-1959นอกจากนั้น เพลงนี้นับเป็นเพลงอันดับหนึ่งเพลงที่ 19 ของคุณ Carey ทำให้เธอมีจำนวนเพลงที่ขึ้นถึงอันดับหนึ่งเป็นรองเพียงแค่วง The Beatles ซึ่งมียอดรวมเพลงอันดับหนึ่งอยู่ที่ 20 เพลงและยังทำให้เธอเป็นหนึ่งในศิลปินเพลงที่มีเพลงขึ้นอันดับหนึ่งครบทั้ง 3 ทศวรรษอีกด้วยในยุค 90s ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองของเธอนั้น คุณ Carey มีเพลงอันดับหนึ่งทั้งหมด 14 เพลง ต่อมาในยุค 00s ของศตวรรษปัจจุบันนั้นมี 4 เพลง และสุดท้ายในยุค 10s นี้ มีอีก 1 เพลง ก็คือเพลงนี้นั่นเองโดยส่วนตัว ถึงผมจะไม่ถึงกับเป็นแฟนคลับของ Mariah Carey แต่ก็ชอบฟังเพลงของเธออยู่ไม่น้อย เพราะงานเพลงของเธอแสดงให้เห็นถึงการเป็นศิลปินเพลงหญิงที่สูงด้วยความสามารถ สมศักด์ศรีกับฉายา "ราชีนีเพลงอาร์แอนด์บี" ที่ผู้คนกล่าวขาน ซึ่งในเวลานี้คงต้องไม่ลืมฉายา "ราชีนีเพลงคริสต์มาส" อีกหนึ่งฉายาของเธอด้วยแล้วภาพจาก: USArmyBand | Flickrอ้างอิง:https://www.billboard.com/articles/business/chart-beat/8546418/mariah-carey-all-i-want-for-christmas-is-you-number-onehttps://en.wikipedia.org/wiki/All_I_Want_for_Christmas_Is_Youเครดิตภาพ:ภาพแบ็คกราวหน้าปกจาก Linnaea Mallette | PublicDomainPictures

รีวิว I Want To Be Brothers With You 2022 | ซีรีส์แนวมิตรภาพลูกผู้ชาย แหละ😅
อ่าน

รีวิว I Want To Be Brothers With You 2022 | ซีรีส์แนวมิตรภาพลูกผู้ชาย แหละ😅

     ซีรีส์เรื่อง 我要和你做兄弟 | I Want To Be Brothers With You เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มมัธยมปลายสองคน พวกเขามีนิสัยต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ต้องมาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน  ความวุ่นวายและความฮาจึงเริ่มต้นขึ้น ซีรีส์เรื่องนี้ได้นักแสดงนำที่บางคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันมาบ้างแล้ว เฉินโหย่วเหว่ย และยังเคยรับบท เจียงเตียน พระเอกขี้อ้อน ในซีรีส์ก่อนหน้าเรื่องTimeless Love (รักเหนือกาลเวลา) และซินอวิ๋นหลายกับบทบาทที่ทุกคนอาจรู้จักเขาที่รับบทเป็นองค์สิบสี่ในซีรีส์เรื่องDreaming Back to the Qing Dynasty (ฝันคืนสู่ต้าชิง) การโคจรมาเจอกันของทั้งสองในซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามชมซีรีส์ได้ที่Mango TV https://wx2.sinaimg.cn/large/008gTc7Aly1gptih9asqfj341j2p1x6z.jpgนักแสดง  เกาหยาง (รับบทโดย ซินอวิ๋นหลาย)  เด็กหนุ่มที่มีนิสัยตรงไปตรงมา เขามีนิสัยตรงกันข้ามกับเหย่เสี่ยวเหวินทั้งขี้เกียจ ไม่ชอบออกกำลังกาย และทำอาการไม่เป็น  เขาเป็นคนขี้อายเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แอบชอบ เขาดูเข้มแข็งแต่จริงๆแล้วเป็นคนที่อ่อนไหวง่าย เขากับพ่อนั้นเข้ากันได้ไม่ดีสักเท่าไหร่https://wx3.sinaimg.cn/large/008gTc7Aly1gupf0kurz4j61910u0n5f02.jpg เหย่เสี่ยวเหวิน (รับบทโดย เฉินโหย่วเหว่ย) เด็กหนุ่มที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่ เรียนเก่ง ทำอาหารเก่ง ชอบออกกำลังกาย แต่เขามีนิสัยที่ไม่ค่อยพูดและไม่ชอบสุงสิงกับใคร เขาเป็นพี่น้องต่างสกุลกับเกาหยาง และต้องมาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน เหย่เสี่ยวเหวินและเกาหยางมีนิสัยที่ต่างกันมาก https://wx1.sinaimg.cn/large/008gTc7Aly1gs7fz25zpij34mo334b2k.jpg เกาบิน (รับบทโดย ลู่ฟางเฉิง) คุณครูมัธยมปลาย และเป็นพ่อของเกาหยาง เขาพยายามเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับเกาหยาง แต่ก็ยังจัดการเรื่องครอบครัวไม่เก่ง และทำอาหารไม่อร่อยhttps://wx4.sinaimg.cn/large/008gTc7Aly1grrytvcykej34mo334he8.jpg จินเป่ยเป่ย (รับบทโดย จ้าวจ้าวอี้) เด็กสาวในโรงเรียนมัธยมปลาย หรือลูกสาวอาจารย์ใหญ่ที่แอบชอบเกาหยาง แม้ว่าจะถูกปฏิเสธแต่เธอก็ยังคงเดินหน้าต่อและเชื่อมั่นในความรักhttps://wx4.sinaimg.cn/large/008gTc7Aly1gqq8twobvkj34mo2lskjw.jpg มี่เจี่ย (รับบทโดย หลิวจินหยาน) สาวสวยที่ย้ายเข้ามาใหม่ ในชั้นเรียนถัดจากห้องของเกาหยาง ภายนอกเธออาจจะดูเย็นชา และเธอกลับมีมุมน่ารักที่ขัดกับบุคลิก https://wx1.sinaimg.cn/large/008gTc7Aly1grpq11dpfij34ei2xob2h.jpg จ้าวเจียเป่า (รับบทโดย หยางอี้ไค) เพื่อนของเกาหยาง เขาเป็นคนตลก และชอบสร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆ https://wx3.sinaimg.cn/large/008gTc7Aly1grsekjet79j34mo3347x0.jpg เทียนเหมิง (รับบทโดยหลี่อา) นักเรียนแถวหน้าเรียนเก่งเพื่อนของจินเป่ยเป่ย และเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเกาหยาง https://wx1.sinaimg.cn/large/008gTc7Aly1gronv86la9j32nk1nn7wj.jpgเนื้อเรื่องย่อ      เกาหยางและพ่อของเขาไม่ค่อยสนิทกันสักเท่าไหร่ เกาบินพ่อของเขาเลี้ยงดูเขาเพียงลำพังมาตั้งแต่เด็กๆ เกาหยางไม่เรียกเกาบินว่าพ่อ เขาเรียกชื่อเต็ม แต่เมื่อเขาอารมณ์ดีก็จะเรียกพ่อของเขาว่าพี่ชาย(บินเกอ) เกาหยางเขาทั้งโดนเรียนและไม่ตั้งใจเรียนเพื่อทดสอบขีดจำกัดความอดทนของพ่อเขา ที่โรงเรียนจินเป่ยเป่ยและเพื่อนของเธอบอกกับเกาหยางว่าจะมีสาวสวยย้ายเข้ามาใหม่ เกาหยางตั้งตารอ แต่เขาก็ต้องผิดหวังเมื่อเด็กใหม่ที่ย้ายมาไม่ใช่สาวสวยเป็นเป็นเหย่เสี่ยวเหวินเด็กหนุ่มที่เกาหยางไม่อยากเจอ แต่มี่เจี่ยสาวสวยที่เกาหยางเห็นเธอได้เรียนที่ห้องถัดไป     เมื่อเลิกเรียนเกาหยางตกใจที่เห็นเหย่เสี่ยวหวินกำลังอาหารอยู่ในครัว เกาหยางรีบถามพ่อของเขาว่าทำไมจู่ๆเหย่เสี่ยวเหวินจึงมาอยู่ที่บ้าน เกาบินพ่อของเขาไม่ได้พูดอะไรมาก บอกแค่ว่าตั้งแต่วันที่เหย่เสี่ยวเหวินจะมาอาศัยอยู่บ้านของเรา และบอกว่าเป็นพี่น้องกันเข้ากันให้ดี เกาหยางและเหย่เสี่ยวหวินทั้งสองมีอะไรหลายอย่างที่ต่างกันมาก เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ทั้งสองจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันได้ ความวุ่นวายปนตลกจึงเริ่มต้นขึ้น   ติดตามดูกันเองในซีรีส์นะคะ^^ https://wx3.sinaimg.cn/large/008gTc7Aly1gq1wzyid4sj31ha0u012q.jpghttps://wx4.sinaimg.cn/large/008gTc7Aly1gq1wzz1wqrj31ha0u0tii.jpgตัวอย่างซีรีส์https://youtu.be/BVQN3SGSpaI(YouTube: 芒果TV青春剧场MangoTV Drama)วิธีการดำเนินเรื่อง        วิธีการดำเนินเรื่องปกติไม่ซับซ้อน เป็นเรื่องราวมิตรภาพที่เริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เกาหยางและเหย่เสี่ยวเหวินเมื่อได้พบกันอีกครั้งที่โรงเรียนพวกเขาก็ไม่พูดถึงเรื่องราวในอดีตอีกเลย เหย่เสี่ยวเหวินที่พึ่งเข้ามาใหม่กลับได้รับความสนใจมากกว่าเกาหยาง เพราะเขาทั้งเรียนเก่งอย่างกับอัฉริยะ แต่เรื่องของเรื่องนั้นเกาหยางไม่ได้เคืองเหย่เสียวเหวินเรื่องนี้ แต่จะเป็นเรื่องของสาวสวยที่พึ่งย้ายเข้ามาใหม่ในวันเดียวกันกับเหย่เสี่ยวเหวิน ซึ่งเกาหยางได้แอบมองเธอมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่อยู่ๆเธอกลับดูเหมือนจะสนิทเหย่เสี่ยวเหวิน ด้วยนิสัยและภูมิหลังที่ต่างกันแถมทั้งสองก็ต้องมาอยู่ด้วยกันอีก แต่พล็อตจะใส่เรื่องราวของสองพี่น้องต่างนามสกุลระหว่างเกาหยางและเหย่เสี่ยวเหวิน ทั้งคู่ถูกกันตั้งแต่ไหนแต่ไร และตัวเรื่องก็จะดำเนินเรื่องให้ตัวละครเริ่มปรับความเข้าใจกัน และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากขึ้น เรื่องราวจะเป็นยังไงพูดเยอะจะหาว่าสปอยงั้นต้องตามไปดูกันที่ซีรีส์เอาเองนะคะะะะnbsp;https://wx4.sinaimg.cn/large/008gTc7Agy1gyslg5rg2uj318z0u0h1y.jpgความรู้สึกหลังจากที่ดูส่วนตัวที่ดูซีร​ีส์เ​รื่องนี้ให้ความรู้สึกกับผู้ชมได้หลากหลายแบบ ถ้าสำหรับสาววายแล้วก็คงจะจิ้น​​​​ความสัมพันธ์แบบเฟื่อนระหว่างเกาหยางกับเหย่เสี่ยวเหวินกันอยู่บ้าง เนื้อหาของซีรีส์เรื่องนี้น่าติดตาม บวกกับนักแสดงอย่างเฉินโหย่วเหว่ย(รับบทเป็น เหย่เสี่ยวเหวิน) ความหน้าหวานของเขาทำอะไรความหล่อเท่ไม่ได้เลย แล้วก็ความสูง ขนาดซินอวิ๋นหลาย(รับบทเป็น เกาหยาง) ที่คิดว่าสูงแล้วเมื่อยืนอยู่ข้างๆเฉินโหย่วเหว่ยดูตัวเล็กตัวน้อยไปเลย^^      พล็อตเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างเกาหยางและเหย่เสี่ยวเหวิน  ตีกันกัดกันอยู่ทุกวัน แต่ถึงอย่างงั้นก็แอบช่วยเหลือกันอยู่ดี แถมออกหนัารับแทนกันด้วย อย่างฉากที่เกาหยางเป้าขาด เหย่เสี่ยวเหวินก็มาช่วยเย็บให้ ฉากนั้นทั้งฮาทั้งเอ็นดู ตัวละครในเรื่องตลกจินเป่ยเป่ยมาก เธอนั้นแอบชอบเกาหยาง แต่เกาหยางดันไม่สนใจเธอ แถมเวลาเธอไปหาเกาหยางก็ชอบอยู่กันเหยาเสี่ยวเหวินตลอด นกไปอี๊กกกnbsp;https://wx4.sinaimg.cn/large/008gTc7Aly1grc7jrsgvcj34k42kb1l7.jpg        ซีรีส์เรื่องนี้ให้ความรู้สึกถึงควาทสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อน มิตรภาพ และการเติบโตไปด้วยกัน ฉากที่ชอบคือฉากที่เกาหยางขี้เกียจลุก ไม่ยอมไปนอนที่เตียงดีๆ เหย่เสี่ยวเหวินของเราก็รู้สึกหมั่นไส้ จะอุ้มเกาหยางไปนอนที่เตียงให้ได้  เกาหยางนี่รีบลุกไปนอนเตียงเองอย่างไว😂 อย่าว่าหุ่นอันผอมเพรียวของเฉินโหย่วเหว่ยจะอุ้คนอย่างซินอวิ๋นหลายไม่ขึ้นนะจ๊ะnbsp; เขินหุ่นกับส่วนสูงมะไหวเยย😅 ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้สนุกนะ ถ้าใครยังไม่ทันไปดูก็ไปตามดูกันได้เลยที่ MangoTV       ชื่อเรื่อง : 要和你做兄弟 | I Want To Be Brothers With You จำนวนตอน : ทั้งหมด 30 ตอน ความยาวตอนละประมาณ : 40 นาที ประเภท : ตลก ,โรงเรียน ,ชีวิต ,ครอบครัว ออกอากาศ : วันอังคาร - วันอาทิตย์ ช่องทางการรับชม : Mango TVผู้กำกับ : เทียนอวี่ เครดิตภาพจาก weibo@网剧我要和你做兄弟หน้าปก1 /2  | ภาพประกอบที่1 /2 /3 /4 /5 /6 /7 /8 /9 /10 /11 /12  |  วีดีโอที่1เกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !

แทยอน กลับมาพร้อมกับมินิอัลบั้มชุดใหม่ 'What Do I Call You'
อ่าน

แทยอน กลับมาพร้อมกับมินิอัลบั้มชุดใหม่ 'What Do I Call You'

แทยอน กลับมาพร้อมกับมินิอัลบั้มชุดใหม่ 'What Do I Call You' ส่งท้ายปี 2020 พร้อมกับปล่อยมิวสิกวิดีโอสุดเก๋ที่มีชื่อเดียวกับชื่อของมินิอัลบั้มอย่างออกมาด้วยค่ะ ถ้าคุณชื่นชอบเพลงแนว K-Pop คุณต้องรู้จัก 'แทยอน' อย่างแน่นอนอยู่แล้ว เพราะเธอคร่ำหวอดอยู่ในวงการ K-Pop มามากกว่า 10 ปี ทั้งในบทบาทหัวหน้าวงของเกิร์ลกรุ๊ปในตำนานอย่าง 'Girls' Generation' ที่ทำให้ผู้คนเต้นเพลง Gee กันทั่วบ้านทั่วเมือง นอกจากเธอจะอยู่ในเกิร์ลกรุ๊ประดับตำนานแล้ว เธอก็ยังเป็นราชินีแห่งการร้องเพลงประกอบซีรีส์เกาหลี ซึ่งเธอมีผลงานการร้องเพลงประกอบซีรีส์ตั้งแต่เดบิวท์ในวง Girls' Generation เลยทีเดียวค่ะโดยมีเพลงดัง ๆ มากมาย อาทิเช่นเพลง If ที่ประกอบซีรีส์เกาหลีเรื่อง Hong Gildong ในปี 2008 หรือเพลง Can You Hear Me จากซีรีส์เกาหลีเรื่อง Beethoven Virus ค่ะ เรียกได้ว่าแต่ละเพลงที่สาวแทยอนได้ร้องประกอบซีรีส์ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นเลยทีเดียวค่ะ และในปี 2015 แทยอนก็ปล่อยมินิอัลบั้มชุดแรกในชีวิตของเธออย่าง 'I' ซึ่งมีเพลงโปรโมตที่มีชื่อเดียวกับมินิอัลบั้ม โดย 'I' ก็ปังทางด้านกระแส และยอดขายไปตามคาด และนิตยสาร Billboard ยังยกให้เป็น 1 ใน 20 เพลง K-pop ที่ดีที่สุดในปี 2015 ด้วยค่ะและในปี 2020 นี้ แทยอนก็พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นอีกครั้งว่าเธอไม่เคยที่จะหยุดนิ่งที่จะลองทำเพลงแนวใหม่ ๆ เลยค่ะ โดยมินิอัลบั้มชุด 'What Do I Call You' ประกอบด้วยเพลงที่มีสไตล์หลากหลาย เริ่มตั้งแต่แทร็กแรกอย่าง 'What Do I Call You' จะเป็นเพลงแนว Pop RB ฟังสบาย ๆ ที่ฟังครั้งแรกก็ติดหูเลยค่ะ และทำให้อยากฟังซ้ำอีกรอบแทร็คที่สองอย่าง 'Playlist' ก็เป็นอีกเพลงที่แฟน ๆ หลายคนน่าจะชอบ โดยเพลงนี้เปิดด้วยเสียงกีตาร์เพราะ ๆ บวกกับน้ำเสียงที่แสนไพเราะของแทยอน ทำให้เพลงนี้ยิ่งกลมกล่อมไปใหญ่แทร็คที่สามอย่าง 'To The Moon' จะเริ่มมีจังหวะที่ชวนโยกมากขึ้น ฟังแล้วนึกถึงเวลาที่ได้ขับรถไปทะเลยังไงยังงั้นเลยล่ะค่ะ เป็นอีกเพลงที่ดีงาม ใครที่ชอบเพลงแนวฟังแล้วได้โยกเบา ๆ น่าจะชอบเพลงนี้นะคะต่อด้วยแทร็คที่สี่อย่าง 'Wildfire' เป็นอีกเพลงที่แตกต่างจากทุกเพลงในอัลบั้มอย่างสิ้นเชิง เริ่มเพลงด้วยซาวน์ที่ชวนฝัน และการร้องคอรัสด้วยน้ำเสียงทรงพลังของแทยอน เป็นอีกเพลงที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางด้านการร้องของเธอได้ดีมากเลยค่ะส่วนแทร็คที่ห้าอย่าง 'Galaxy' ก็เปิดด้วยเสียงกีตาร์เพราะ ๆ ซึ่งน่าจะเป็นเพลงที่จังหวะช้าที่สุดในอัลบั้มแล้วค่ะ ไหนจะท่อน 'I don’t wanna fall asleep without you' ที่หวานมาก ๆ ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นอีกแทร็คที่แนะนำให้ฟังค่ะและพิเศษสุด ๆ สำหรับคนที่ซื้อมินิอัลบั้ม 'What Do I Call You' เวอร์ชั่น CD ก็จะมีเพลงเพิ่มอีก 1 เพลงค่ะ ซึ่งก็คือเพลง 'Happy' ซึ่งแทยอนได้ปล่อยให้แฟนคลับได้ฟังกันเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั่นเองค่ะ และอัลบั้มนี้แทยอนก็พิสูจน์แล้วว่าเธอได้ทำเพลงแนวที่เธออยากทำจริง ๆ โดยไม่สนใจว่าชาร์ทจะเป็นอย่างไร นับตั้งแต่ปล่อยเพลงแนว Pop Rock อย่างเพลง 'I' หรือจะเป็นแนว EDM ที่ผสมความเป็น RB และ Tropical House ไปด้วยอย่างเพลง 'Why' หรือจะเป็นเพลง Pop ที่ใช้ซาวน์ Martial Beats อย่างเพลง 'Spark' และล่าสุดกับแนว Pop RB อย่าง 'What Do I Call You' ทำให้เราได้เห็นว่าเธอไม่หยุดพัฒนาความเป็นศิลปินของเธอจริง ๆ ซึ่งก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแทยอนถึงเป็นที่รักของบรรดาแฟนคลับ เพราะเธอเป็นศิลปินที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และมีเพลงแนวใหม่ ๆ มาเซอร์ไพรส์แฟนคลับอยู่เสมอส่วนมิวสิกวิดีโอเพลง 'What Do I Call You' ก็มีความเก๋ ด้วยเนื้อหาที่คนรักได้ห่างเหินไป เลยไม่รู้จะเรียกสถานะนี้ว่าอะไรดี หลาย ๆ คนก็คงดูแล้วอินเป็นอย่างมาก นอกจากนี้แฟชั่นเสื้อผ้าหน้าผมของสาวแทยอนในมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ก็ยังมีความวินเทจที่ผสมกับความร่วมสมัยอย่างลงตัว สามารถรับชมมิวสิกวิดีโอเพลง 'What Do I Call You' ได้ ที่นี่เครดิตภาพประกอบ: ภาพหน้าปก, ภาพ1, ภาพ2, ภาพ3 อัปเดตเพลงใหม่ ข่าวเพลงฮิต นักร้องดังบน App TrueID โหลดเลยฟรี!

TrueID Call โทรเลยที่ทรูไอดี ไม่ว่าจะ Chat Call หรือ Video Call ก็ฟรีทุกเครือข่าย
อ่าน

TrueID Call โทรเลยที่ทรูไอดี ไม่ว่าจะ Chat Call หรือ Video Call ก็ฟรีทุกเครือข่าย

ฮัลโหลลล สวัสดีมีใครอยู่ไหม? ทุกวันนี้เราจะคุยกับใครที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะเรามีสิ่งที่เรียกว่า "โทรศัพท์" ที่มาพร้อมระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมต่อให้คนที่อยู่ไกล ได้เข้ามาอยู่ใกล้เรามากขึ้น แต่จะดีแค่ไหนถ้าเราได้โทรหาเพื่อนได้ฟรี นานถึง 60 นาที ทุกเครือข่าย ทุกเดือน คุยแชตก็ฟรี แถมวิดีโอคอลคุยกันก็ยังฟรี ได้ไม่อั้น ผ่านแอปพลิเคชัน TrueID ที่จะเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ชีวิตคุณให้ง่ายขึ้นกว่าเดิมไปกับ "TrueID Call" Chat Call Video Call ได้เลยที่ TrueID ไม่มีอะไรยากอีกต่อไป เมื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน TrueID ไว้ติดโทรศัพท์ เพราะหลังจากที่เราสมัครแอป TrueID แล้ว เราก็สามารถพบประสบการณ์การใช้งานที่มากกว่าความบันเทิง นั่นก็คือ การที่เราสามารถโทรหากันได้ฟรี 60 นาที ผ่านแอป TrueID โดยระบบจะให้สิทธิการโทรฟรีอัตโนมัติหลังจากที่เราลงทะเบียนใช้งานแอปเรียบร้อย แต่อย่าลืมว่า ต้องล็อกอินแอป TrueID ด้วยหมายเลขโทรศัพท์ทรูมูฟ เอช ด้วยนะ ถึงจะได้รับสิทธิโทร แชต วิดีโอคอลฟรีทุกเครือข่าย อยากโทรฟรี กับ TrueID Call มีอะไรที่ต้องรู้บ้าง TrueID Call โทรฟรี 60 นาที ทุกเครือข่าย ต้องล็อกอินเข้าแอปพลิเคชัน TrueID ด้วยเบอร์มือถือทรูมูฟ เอช พิเศษ! ลูกค้าทรูมูฟ เอช จะไม่นับว่าเป็นการใช้งานดาต้าอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย โทรได้ทุกเครือข่ายในประเทศไทยเท่านั้น ไม่สามารถโทรไปต่างประเทศได้ Chat Video Call เชื่อมต่อให้ใกล้กัน ไม่ว่าจะแชต วิดีโอคอล หรือแม้แต่โทรผ่านแชตได้ง่ายๆ กับเพื่อนที่มีแอป TrueID เหมือนกัน แชต วิดีโอคอลฟรี ไม่เสียค่าเน็ต พิเศษ! ลูกค้าทรูมูฟ เอช จะไม่นับว่าเป็นการใช้งานดาต้าอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย อยากใช้งาน TrueID Call ทำได้ไม่ยาก! 1.เปิดแอป TrueID และล็อกอินเข้าสู่ระบบด้วยเบอร์โทรศัพท์ 2.กดปุ่มโทรศัพท์ เพื่อเริ่มต้นใช้งาน โทร แชต แต่ต้องอนุญาตให้ TrueID เข้าถึงข้อมูลรายชื่อติดต่อในโทรศัพท์ด้วย 3.ระบบจะซิงค์รายชื่อจากสมุดโทรศัพท์ในเครื่อง โดยจะให้สิทธิโทรฟรีทุกเครือข่าย 60 นาที/เดือน และให้รอ 1-2 นาทีก่อนเริ่มโทร 4.หากมีการใช้งานโทรฟรีแล้ว ระบบจะขึ้นแสดงนาทีคงเหลือสำหรับเดือนนี้ไว้ให้ว่าเหลือเท่าไหร่ 5.หากจะเริ่มกดเบอร์โทร ให้เลือกปุ่ม 'แป้น' หรือ 'Dial'แล้วกดเบอร์ที่ต้องการโทรได้เลย หรือจะเลือกจากรายชื่อก็ได้ 6.กรณีเลือกรายชื่อ จะสามารถเลือกได้เลยว่า จะโทร ชวนมาแชต หรือชวนมาวิดีโอคอลก็ได้หมดเลย เป็นยังไงกันบ้างกับ TrueID Callทั้งโทรฟรีทุกเครือข่ายนาน 60 นาที ทุกเดือน แชตสนุก วิดีโอคอลก็ได้ไม่อั้น ผ่านแอป TrueID ที่จะทำให้ทุกการเชื่อมต่อของคุณมีคุณค่า สะดวก ทุกที่ทุกเวลา สัมผัสประสบการณ์ใช้งานแอปพลิเคชันที่มากกว่าแค่ความบันเทิง #โทรเลยที่ทรูไอดี

อาหารที่ควรเลี่ยง VS. อาหารที่ไม่ควรเลี่ยง (You are what you EAT)
อ่าน

อาหารที่ควรเลี่ยง VS. อาหารที่ไม่ควรเลี่ยง (You are what you EAT)

การเลือกกินอาหารให้เหมาะสมกับตนเองถือเป็นเรื่องที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม แต่ในทางกลับกันหากคุณเลือกกินอาหารที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่เหมาะสมอาจจะทำให้บั่นทอนในเรื่องของร่างกายและสุขภาพของคุณในระยะยาวได้ดังนั้นวันนี้เราจะมานำเสนอ ‘อาหารที่คุณไม่ควรเลี่ยง และ อาหารที่คุณควรเลี่ยง’ไปรู้จักกับ 10 อาหารที่ควรรับประทานและหลีกเลี่ยงกันเลย                                                                                     สิ่งที่ไม่ควรเลี่ยง ปลาหลายๆคนคงจะรู้ว่าปลานั้นมีประโยชน์เยอะแยะมากมาย เพราะให้คุณค่าทางโภชนาการสูงแถมยังเป็นหนึ่งในอาหารทะเลอันดับแรกที่คนส่วนใหญ่นิยมรับประทานกัน เนื่องจากปลานั้นมีโปรตีนและไขมันที่ดี คนที่กำลังลดน้ำหนักหรือไม่อยากเพิ่มไขมันก็ไม่ต้องกังวลใจเพราะว่าไขมันในปลานั้นมีน้อยกว่าไขมันสัตว์ชนิดอื่นๆ และปลายังมีโอเมก้าทรี (Omega3) ซึ่งเป็นกรดไขมันที่มีประโยชน์ จะช่วยเพิ่มสุบภาพของหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วยถั่วถั่วเป็นแหล่งของโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆมากมาย ปราศจากคลอเรสเตอรอล มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังและมากกว่าอาหารชนิดอื่นๆ มีไขมันที่ดี ซึ่งยังช่วยในเรื่องของการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดีเพราะว่าช่วยลดความอยากอาหารและดีต่อระบบย่อยอาหารเพราะมีไฟเบอร์สูง มีวิตามินบีและธาตุเหล็กสูง ซึ่งถั่วยังช่วยในหลายๆเรื่อง เช่น ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ชะลอความแก่และยังช่วยลดความดันโลหิตอีกด้วยผักใบเขียวเชื่อว่าใครหลายๆคนคงจะไม่ชอบกินผักใบเขียวกันใช่ไหมหล่ะ แต่ผักใบเขียวมีประโยชน์มากมายเลยนะ ผักใบเขียวประกอบไปด้วยคลอโรฟิลล์ เบต้าแคโรทีน และ วิตามินอี ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคมะเร็ง และยังช่วยบำรุงสมองและหัวใจ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆมากมาย ไข่ไก่ในหนึ่งวันเชื่อว่าเพื่อนๆหลายๆคนคงจะต้องรับประทานไข่อย่างน้อยหนึ่งฟอง โดยที่ไม่รู้เลยว่าไข่นั้นมีสารอาหารที่มากกว่าโปรตีน มีทั้งสังกะสี วิตามินมากมายเช่น A,D,E และ B12 อีกทั้งไข่ยังมีพลังงานเพียงแค่ 85 กิโลแคลอรีต่อฟองเท่านั้น ประโยชน์ของไข่คือ ช่วยลดความดันโลหิต บำรุงเล็บ ผม และช่วยเรื่องของการควบคุบน้ำหนักได้เป็นอย่างดีอีกด้วยน้ำสะอาดคนเราควรดื่มน้ำวันละ8แก้วหรือ2-3ลิตรโดยประมาณ จะทำให้ระบบร่างกายทำงานได้ดียิ่งขึ้น ช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักเพราะน้ำจะกระตุ้นระบบขับถ่ายของเรา ซึ่งหากดื่มน้ำในตอนเช้าจะช่วยขยัดไขมันเพิ่มมากขึ้น แถมน้ำยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายๆต่างๆมากมาย เช่น โรคกระเพาะปัสสะวะ โรคความดันโลหิต เป็นต้น นอกจากนี้ น้ำยังไม่มีแคลอรี่ คาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาลอีกด้วย                                                                                    สิ่งที่ควรเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลเสียต่อร่างกายมากมาย อาทิเช่น ระบบเลือด ระบบสมอง ระบบประสาท และยังเป็นต้นตอเสริมให้สารอื่นก่อเกิดโรคมะเร็งได้ง่าย ส่งผลโดยตรงต่ออวัยะภายในร่างกายนั้นก็คือ ‘ตับ’ คือตับอักเสบและตับแข็ง เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เชื่อว่าในปัจจุบันหลายๆคนคงดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา หลายแก้วต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณที่มากเกินความจำเป็นของร่างกาย ซึ่งข้อเสียของคาเฟอีนคือ ใจสั่น ใจเต้นเร็ว กระตุ้นอาการปวดหัว และเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจในวัยรุ่นอีกด้วย ขนมหวาน ขนมหวาน ของโปรดของใครหลายคนที่มาพร้อมกับผลร้ายมากมาย เพราะว่าขนมหวานหลายชนิดเต็มไปด้วยน้ำตาล ซึ่งเป็นสาเหตุทำร้ายสุขภาพของเรามากๆ เช่นโรคร้ายอย่างโรคเบาหวาน มะเร็งตับอ่อน และหลายๆคนคงไม่รู้ว่าน้ำตาลยังทำร้ายผิวของเราด้วย ซึ่งน้ำตาลมักจะตกค้างอยู่ในหลอดเลือด ทำให้เกิดสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายมากขึ้นและหลอดเลือดเสียหาย ส่งผลทำให้การฟื้นฟูของเซลล์ผิวหนังจึงช้าลงอาหารฟาสต์ฟู้ดอาหารฟาสต์ฟู้ดคือต้นเหตุสำคัญของโรคร้ายหลายโรค เช่นสาเหตุของโรคอ้วน เพราะส่วนประกอบหลักๆของอาหารชนิดนี้คือ ชีส เนย ขนมปัง และยังมีสารอาหารที่ไม่ครบถ้วนและแน่นอนว่าไม่เพียงพอต่อร่างกาย ดังนั้นการกินอาหารชนิดนี้บ่อยๆก็อาจจะทำให้ขาดสารอาหารตามมาและเสี่ยงต่อการเป็นไขมันในเลือดสูงด้วย อาหารแช่แข็ง อาหารแช่แข็งตัวทำลายสุขภาพตัวดีเพราะในอาหารแช่แข็งส่วนใหญ่มักจะมีโซเดียมสูง ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคไตหรือความดันสูงตามมา และการนำอาหารแช่แข็งเข้าไมโครเวฟก็ไม่ใช่กรรมวิธีที่ถูกต้องที่จะทำให้อาหารสุกเพราะเมื่ออาหารแช่แข็งโดนความร้อน พวกวิตามิน สารอาหารก็จะหายไปหมด และหากทานบ่อยๆจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ เราอยากจะแนะนำทุกคนว่าอาหารแช่แข็ง ถ้าเลี่ยงได้ก็จะส่งผลดีต่อตนเองมากๆเลยหละค่ะ เครดิตภาพ : https://pixabay.com/th/ก็จบกันไปแล้วนะคำสำหรับ ‘อาหารที่ควรเลี่ยงและอาหารที่ไม่ควรเลี่ยง’ จะเห็นได้ว่า ‘การกิน’ มีความสำคัญและส่งผลต่อสุขภาพของเราโดยตรง แต่การกินอาหารที่ดีอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ เราจะต้องออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วยนะคะ เราอยากให้ทุกคนเล็งเห็นถึงความสำคัญและตระหนักในเรื่องของการดูแลสุขภาพค่ะ! :)           

Just want to sit with you art toys สันโดดอย่างมีความสุข
อ่าน

Just want to sit with you art toys สันโดดอย่างมีความสุข

วันนี้มาแนะนำ art toys ตัวโปรดกัน น้องมีชื้อคอลว่า Just want to sit with you โดยศิลปิน Zhang zhanzhan ว่าด้วยเรื่องของการเดินทางอันแสนเดียวดาย ความสันโดด และการหาความสุขลำพัง โดยจะเป็นน้องหมี และน้องกระต่าย ที่มีความโดดเดี่ยว แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และภาพของความแข็งแกร่งจากการอยู่คนเดียว ให้บรรยากาศของ เจ้าน้องผู้แข็งแกร่งได้ด้วยตัวเอง ที่ชอบและหยิบมารีวิวเพราะน้องมีความเฉพาะที่แสดงถึงอารมณ์ที่หลากหลาย ในแบบงานศิลปะ ดูเรียบงานแต่เต็มไปด้วยอารมณ์ การเลือกใช้สีแดงที่สะดุดตา กับผิวที่แวววาวตู้โชว์ของน้องสามารถเล่นแสงไฟเพิ่มความโดดเด่นจากเหล่าเพื่อน arttoys ตัวอื่นได้อย่างขาดลอย และขนาดตัวที่ใหญ่วางตรงไหนก็สามารถโดดเด่นได้  ภาพ : งานนิทรรศการ Beyond the last Miles ที่ รีเวอร์ ซิตี้ แบ็งค็อก   โดยจะมาแนะนำ Art toys "Just want sit with you" ในรูปแบบของงานกล่องสุ่มกัน  น้องมาในรูปแบบงานแวววาว สีแดงสด และสีขาว ตัวที่เปิดได้เป็นน้องหมีนั่งตัวเพียงลำพัง  งานรูปแบบนี้จะมีน้ำหนักที่มากกว่างานแบบ พลาสติก มีสีแวววาว สามารถเล่นกับแสงไฟได้สวยกว่า เหมาะกับงานตู้โชว์ หรือกล่องที่สามรถเดินไฟได้เป็นอย่างดี ขนาดตัวน้องถือว่าใหญ่กว่า arttoys ทั่วไป การที่น้องมีดวงตา และปากโดยไม่ได้บ่งชี้ถึงอารมณ์ของน้อง ทำให้บางเวลาที่มองไปที่น้องก็ให้อารมณ์ที่โดดเดี่ยว แต่ในบางเวลาที่เราต้องการกำลังใจน้องจะสื่ออารณ์ของการต่อสู้ที่สามารถช่วยเพื่อนเพื่อนให้กลับมามีกำลังใจได้ในวันที่เหน็ดเหนื่อย กล่องที่ใส่มามีความแน่นหนามาก ด้วยความที่น้องเป็นเซลามิค จะมีการใส่โฟมกันกระแทกขนาดใหญ่ที่พอดีกับตัวของน้องไว้ให้ ตอนที่ได้แกะกล่องครั้งแรกรู้สึกได้ถึงความหรูหราได้เลย กล่องมีขนาดใหญ่ ไม่มีการ์ดที่โดดเด่น ใส่เพียงประวัติของคุณZhang zhanzhan มาให้   เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

[AORii] #รีวิวซีรีส์จีน #เรื่องย่อซีรีส์จีน #พากย์ไทย I Don't Want to Be Brothers with You | พี่น้องต่างขั้ว..ครอบครัวจำเป็น
อ่าน

[AORii] #รีวิวซีรีส์จีน #เรื่องย่อซีรีส์จีน #พากย์ไทย I Don't Want to Be Brothers with You | พี่น้องต่างขั้ว..ครอบครัวจำเป็น

     ซีรีส์จีนแนวอบอุ่นที่ตลกดีเหลือเกินค่ะพี่น้อง เหมาะกับคนที่เบื่อเรื่องราวลุ้นรักโน่นนี่นั่น อยากได้พล็อตเรื่องสดใหม่ไม่ซ้ำซากจำเจ ออริ #AORii ขอแนะนำซีรีส์จีนเรื่องนี้เลย I Don't Want to Be Brothers with You พี่น้องต่างขั้ว..ครอบครัวจำเป็น ฝีมือผู้กำกับ เทียน ยู (Tian Yu / 田宇) ผู้มีใจรักในการบอกเล่าเรื่องราวของมิตรภาพที่ยังคงเกิดขึ้นได้แม้ในห้วงเวลาแห่งความขัดแย้งและกดดัน ด้วยวิธีการเล่าเรื่องสุดบรรเจิดที่เล่นกับอารมณ์คนดูอย่างสนุกสนาน กำลังซึ้งกินใจอยู่ดีๆ พี่ก็ตบมุกให้ปล่อยขำแบบไม่รู้ตัวเฉย ยังไงก็อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าเป็นซีรีส์ตลกโปกฮาบ้าดีเดือดนะคะ ซีรีส์เรื่องนี้ดราม่าครอบครัวแบบจริงจังเพียงแต่ผสมผสานมุกตลกได้ลงตัวจนทำให้ซีรีส์ไม่หนักอึ้งเกินไป แถมดูง่าย ฟังสบาย ด้วยเสียงพากย์ไทยสุดเนี้ยบของทาง TrueID เรื่องราวจะเป็นอย่างไร มาทำความรู้จักกันค่ะเรื่องย่อซีรีส์:     I Don't Want to Be Brothers with You พี่น้องต่างขั้ว..ครอบครัวจำเป็น เรื่องราวของครอบครัวตระกูลเกาที่แรกเริ่มเดิมทีก็อยู่ครบทั้ง พ่อ แม่ ลูก แต่วันหนึ่งเมื่อลูกชายคนเดียวแห่งตระกูลเกาอายุได้เพียง 5 ขวบ แม่ผู้อ่อนโยนก็แข็งกร้าวขึ้นมาในชั่วข้ามคืนเหตุเพราะสุดจะทนในความไม่ทะเยอทะยานของคุณสามี ทั้งๆ ที่เป็นนักกีฬาดาวรุ่งและครูพละดาวเด่นแห่งโรงเรียนประจำจังหวัด แต่ปีแล้วปีเล่าผ่านไปคุณสามีก็ยังคงมีความสุขอยู่ที่เดิม คุณแม่ผู้อ่อนโยนจึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องหนีไปจากชีวิตแบบนี้ให้ได้ ทิ้งแผลใจระดับหลุมอุกกาบาตให้ลูกน้อยวัย 5 ขวบ “เกาหยาง” รับบทโดย ซินอวิ๋นหลาย (Xin Yun Lai)     ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเกาหยางก็ฝังใจมาตลอดว่าคุณพ่อ”เกาบิน” รับบทโดย ลู่ฟางเฉิง (Lu Fang Sheng) เป็นเหตุให้แม่ผู้อ่อนโยนของเขาต้องทิ้งไป แถมตนเองยัง “จำเป็น” ต้องติดอยู่กับพ่ออีก จุดเปลี่ยนนี้ทำให้เด็กน้อยเกาหยางเริ่มหยุดเรียกเกาบินว่า “พ่อ” เกาบินเองที่ถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องกลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวก็ใจสลายเกินเยียวยา ครอบครัวที่เคยแข็งแกร่งเป็นปึกแผ่นแน่นหนาราวกับพื้นปูนซีเมนต์ของตระกูลเกาเริ่มมีรอยแตกร้าว และรอยแตกร้าวเล็กๆ ในวันนั้นก็ค่อยๆ กว้างขึ้นตามกาลเวลา ราวกับกำลังตะโกนบอกโลกว่าเวลาอย่างเดียวเยียวยาทุกสิ่งไม่ได้หรอกนะ      และแล้ววันหนึ่งครอบครัวตระกูลเกาก็ได้พบเจอกับจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้ง เมื่อ “เหย่เสี่ยวเหวิน” รับบทโดย เฉินโหย่วเหว่ย (Chen You Wei) นักเรียน ม.ปลาย สายกีฬา ชายหนุ่มปริศนาอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเกาหยางได้ก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว และนี่คือจุดเริ่มต้นของ “พี่น้องต่างขั้ว..ครอบครัวจำเป็น” การโคจรมาพบกันของ “เกาหยาง” และ “เหย่เสี่ยวเหวิน” สองหนุ่มที่นิสัยต่างกันสุดขั้ว แต่ในความต่างสุดขั้วก็ยังคงมีความเหมือนที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ ทำให้กลายเป็นการพบกันของ “หยิน-หยาง” ที่เข้ามาช่วยสร้างสมดุลให้บ้านตระกูลเกา หนุ่มๆ ต่างมีเรื่องให้เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกันไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งพลังแห่งหยิน-หยางนี้ก็ทำให้ “คุณพ่อเกาบิน” ผู้เหลวเป๋วได้มองโลกในมุมใหม่ด้วย เห็นทีว่าคราวนี้...แม้พื้นปูนที่แตกร้าวก็ยังมีต้นไม้แห่งชีวิตงอกงามขึ้นมาได้สินะคะรีวิวซีรีส์:     I Don't Want to Be Brothers with You นำเสนอเรื่องราวความรักความอบอุ่นที่เกิดขึ้นได้แม้ในครอบครัวที่ห่างไกลจากคำว่า “สมบูรณ์แบบ” มากที่สุดก็ตาม ออริ ให้คะแนน 5/5 ดาวเต็มๆ ไปเลยค่ะ ปกติเราไม่ถึงขั้นเป็นแฟนซีรีส์จีนสักเท่าไร แต่สำหรับเรื่องนี้ไอเดียพล็อตยอดเยี่ยมจนต้องหยุดดู วิธีเล่าเรื่องแปลกใหม่ที่ทำให้เราพลิกจากซึ้งมาฮาได้ในเวลาแค่เสี้ยววินาที น่าประทับใจดีค่ะ แม้ว่าบท “เกาหยาง” จะน่าจับมาหนุมานถวายแหวนสักดอกหนึ่งก็เถอะ คำพูดคำจาช่างบาดใจพ่อยิ่งนัก ส่วนน้อง “เสี่ยวเหวิน” นี่พ่อเทพบุตรโดยแท้ เรียนดี กีฬาเด่น ทำกับข้าวเป็น อั๊ยยะ!! ห่อกลับบ้านให้ทีค่ะแม่     อีกหนึ่งความประทับใจของการดูซีรีส์เรื่องนี้คือเกลี่ยบทบาทได้อย่างสมดุล ไม่มีใครแย่งซีนใคร ตัวละครซีรีส์เรื่องนี้ค่อนข้างเยอะ ทั้งครูในโรงเรียน เพื่อนในห้อง ไหนจะพ่อแม่อีก แต่ละคนโดดเด่นในบทบาทของตัวเอง รวมถึง “เกาหยาง” และ “เสี่ยวเหวิน” แม้ทั้งคู่จะต่างกันสุดขั้ว คนหนึ่งร้อน คนหนึ่งเย็น แต่ซีรีส์ก็ไม่ทำให้เรารู้สึกเกลียดหรือรักใครคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ รวมถึงการสร้างจักรวาลเล็กๆ มี cameo ของรุ่นพี่ใน I Don't Want to be Friends with You ของผู้กำกับ เทียน ยู (Tian Yu / 田宇) วางอยู่บนโต๊ะอาจารย์อู๋ เป็นนักเรียนรุ่นที่อาจารย์อู๋ประทับใจถึงขั้นใส่กรอบวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็หยิบเอามาพูดสร้างแรงบันดาลใจให้รุ่นน้องได้ตลอดๆ     ติดตามความตลกโปกฮา ดราม่าน้ำตาซึม ไปกับซีรีส์ที่ดูได้ทั้งครอบครัวใน I Don't Want to Be Brothers with You พี่น้องต่างขั้ว..ครอบครัวจำเป็น เติมพลังบวกกับซีรีส์จีนสายฟีลกู๊ด พากย์ไทย ดูสนุก ฟังสบายทาง TrueID นะคะเพื่อนๆเครดิตรูปภาพ:ปก: 1, 2, 3, 4รูปประกอบ: 1, 2, 3, 4, 5, 6 Tags:I Don't Want to Be Brothers with You #รีวิวซีรีส์ #เรื่องย่อซีรีส์#ซีรีส์จีน #พากย์ไทย #ดูซีรีส์ออนไลน์ #ดูหนังออนไลน์#พี่น้องต่างขั้ว..ครอบครัวจำเป็น #เฉินโหย่วเหว่ย #ซินอวิ๋นหลายจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

รีวิว พี่น้องต่างขั้วครอบครัวจำเป็น I Don't Want to be Brothers with You (2022) ซีรีส์จีน ไฮสคูล มิตรภาพ แสดงนำโดย เฉินโหย่วเหว่ย , ซินอวิ๋นหลาย
อ่าน

รีวิว พี่น้องต่างขั้วครอบครัวจำเป็น I Don't Want to be Brothers with You (2022) ซีรีส์จีน ไฮสคูล มิตรภาพ แสดงนำโดย เฉินโหย่วเหว่ย , ซินอวิ๋นหลาย

สวัสดีจ้า วันนี้จะมารีวิวซีรีส์จีนเรื่องใหม่ที่ TrueID เรื่อง I Don’t Want To Be Brothers With You หรือชื่อไทยว่า พี่น้องต่างขั้วครอบครัวจำเป็น แนวมิตรภาพวัยเรียนของลูกผู้ชายสองคน ที่ต้องมาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับเพื่อนร่วมชายคา พร้อมกับเรื่องราวกลุ่มเพื่อนวัยมัธยมมีทั้งสนุกเฮฮา และดราม่าน้ำตาไหล เรื่องความสามัคคีเรื่องเรียนเรื่องครอบครัว เรื่องราวของพวกเขาสองและผองเพื่อนจะเป็นยังไงไปไปอ่านเรื่องย่อและรีวิวกันI Don’t Want To Be Brothers With You (2022)ชื่อไทย : พี่น้องต่างขั้วครอบครัวจำเป็นชื่อจีน : 我要和你做兄弟จำนวนตอน 30 ตอนประเภท คอมเมดี้ ดราม่า ไฮสคูล มิตรภาพช่องทางรับชมซับไทย TrueIDเรื่องย่อเล่าเรื่องราวของเหล่าวัยรุ่นวัยมัธยม เกาหยาง เป็นเด็กหนุ่มที่ดื้อรั้น มักแหกกฎในโรงเรียนเขาเป็นลูกชายของครูสอนพละที่แม้แต่พ่อก็ไม่ยอมฟัง เขาชอบเกี้ยวสาวในโรงเรียน แต่สาวที่เขาแอบชอบกับย้ายโรงไปเรียนไปปักกิ่ง หล่อเด่นขนาด จินเป่ยเป่ย ลูกสาวผอ.โรงเรียนก็ยังชอบเขา แต่เขากลับมองเธอเป็นเพื่อน วันหนึ่งมีเด็กนักเรียนใหม่เข้ามา ทุกคนกลับบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเด็กนักเรียนใหม่เป็นหญิงสาวที่สวยมาก ชื่อว่า เหย่เสี่ยวเหวิน พอ เกาหยาง ได้ยินดังนั้นจึงไปแอบส่องนักเรียนใหม่ในห้องพักครู เห็นหน้าตาสาวสวยเขาเลยตกหลุมรักทันที แต่พอกลับมาในห้องเรียนคุณครูก็แนะนำนักเรียนคนใหม่ที่เดินเข้ามาชื่อว่า เหย่เสี่ยวเหวิน เป็นหนุ่มหล่อ มาดนิ่ง ต่างจากที่เขาไปแอบส่องในห้องพักครูที่เป็นสาวสวย แต่จริงๆแล้วสาวสวยคนนั้นชื่อว่า หมี่เจี่ย เป็นเด็กใหม่ที่เข้ามาพร้อมกับ เหย่เสี่ยวเหวิน เพื่อนใหม่คนนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนร่วมห้องของ เกาหยาง กลับต้องมาเป็นเพื่อนร่วมบ้านกันด้วยเรื่องราวของพวกเขาจะเป็นไงไปติดตามกันนักแสดงซินอวิ๋นหลาย รับบท เกาหยาง หนุ่มจอมดื้อจอมซน ชอบแหกกฎและท้าทายอำนาจของคุณครูอาจารย์ผู้สอน เป็นลูกชายครูสอนพละ มักชอบพยายามแอบหนีไปปักกิ่งเพื่อไปหาแม่ แต่ก็โดนพ่อขวางตลอดเฉินโหย่วเหว่ย รับบท เหย่เสี่ยวเหวิน หนุ่มเงียบขรึม ฉลาดตั้งใจเรียน กีฬาเก่ง ความตั้งใจในการเข้ามาเรียนโรงเรียนใหม่เพียงแค่อยากสอบเข้ามหาลัยให้ติดหลิวจินหยาน รับบท มี่เจี่ย สาวน้อยจอมร่าเริงสดใสมองโลกในแง่ดีแอบชอบเพื่อนอย่าง เกาหยาง เป็นลูกสาวผอ.โรงเรียนจ้าวจ้าวอี้ รับบท จินเป่ยเป่ย สาวที่ไม่ค่อยพูดค่อยจา เธอเป็นคนพูดจาติดขัด แต่ อารมณ์ดุร้ายถ้าใครมารังแกลู่ฟางเฉิง รับบท เกาบิน ครูสอนพละพ่อหม้ายลูกติด พ่อของ เกาหยาง หลังจากหย่ากับภรรยาก็เลี้ยงลูกตามลำพัง ภรรยาของเขาเพียงแต่ส่งเงินมาเลี้ยงลูกเท่านั้นรีวิวการดำเนินเรื่อง เรื่องราวค่อยๆเล่าไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป เล่าเรื่องของชีวิตวัยรุ่นที่มีทั้งการเรียนมิตรภาพการอยู่ร่วมกันและการดำเนินชีวิต โดยมีตัวละครหลัก 2 ตัวในการดำเนินเรื่อง คือ เกาหยาง กับ เหย่เสี่ยวเหวิน ที่ทั้งสองมีนิสัยที่ต่างขั้ว คนหนึ่งแสนจะดื้อซนเป็นหัวโจกในโรงเรียน อีกคนนึง ฉลาดนิ่งเงียบเด็กเรียนกีฬาเก่ง แรกๆทั้งสองไม่ค่อยถูกชะตากันนักเอะอะก็จะมีเรื่องกัน แต่พอได้มาอยู่ร่วมบ้านหลังเดียวกัน ด้วยความที่คืนแรกพ่อของเขาต้องไปราชการต่างจังหวัดเลยฝากให้ เหย่เสี่ยวเหวิน ดูแล เกาหยาง เพราะเขาเป็นคนดื้อ แถมยังให้เงิน  เหย่เสี่ยวเหวิน คอยดูแล เพราะกลัวว่า เกาหยาง จะเอาเงินไปซื้อตั๋วรถไฟไปปักกิ่ง ตื่นเช้ามากลัวว่าเขาจะหนีออกจากบ้านเลยล็อคขังไว้ในบ้าน เหย่เสี่ยวเหวิน ก็ออกไปวิ่งออกกำลังกายทิ้งเขาไว้ในในบ้าน เกาหยาง มีทางเดียวที่จะหนีออกไปได้ ก็เป็นแค่หน้าต่างแต่กลับสูงเขากลับกลัวและไม่กล้าที่จะกระโดด เห็นว่า เหย่เสี่ยวเหวิน ไม่อยู่บ้านเลยพยายามค้นหาเงินก่อน  แต่ เหย่เสี่ยวเหวิน รู้ทันเลยซ่อนเงินไว้อย่างดี พอเขากลับมาถึงบ้าน ก็ถูกเกาหยางขังกลับ และก็หนีออกไปได้ ด้วยความที่ เหย่เสี่ยวเหวิน แข็งแรงฉลาดมีไหวพริบจึงใช้เชือกต่อโรยตัวจากหน้าต่างและกระโดดออกมาได้อย่างง่ายดาย ดูสนุกมาก เออ...เล่าซะเยอะต้องไปดูกัน บอกเลยสนุกการแสดงของนักแสดง คัดเอานักแสดงที่เล่นได้ตรงตามคาแรคเตอร์ของตัวละครได้ดีมากๆโดยนักแสดงนำอย่าง เฉินโหย่วเหว่ย รับบทหนุ่มนิ่งเงียบฉลาดรับมือกับปัญหาได้ดี และ ซินอวิ๋นหลาย รับบทหนุ่มทะเล้นดื้อซนแสบ ทั้งสองเล่นได้ดีมาก และยังมีนักแสดงนำอีกหลายท่านที่เล่นรับบทเป็นเพื่อนเพื่อนนักเรียนกลุ่มเดียวกัน ที่สื่ออารมณ์ทั้งคอมเมดี้ ดราม่ามิตรภาพการใช้ชีวิตในวัยเรียนที่ผ่านเรื่องราวมากมาย ดูแล้วคิดถึงวัยเรียนเลย ฉากและตอนที่ประทับใจ เป็นตอนที่เกาหยาง เดินเข้าบ้านมาและเจอ เหย่เสี่ยวเหวิน อยู่ในห้องครัวที่กำลังทำอาหารรอเขา ทำเอา เกาหยาง ตกใจอย่างมากทำไมเขาถึงมาอยู่ในบ้านของตัวเองจึงรีบวิ่งไปถามพ่อ จึงได้รู้ว่า พวกเขาต้องอยู่ด้วยกัน คืนแรกก็ทะเลาะกันแล้ว แถมพ่อของเขายังไปทำงานต่างจังหวัดทิ้งให้พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันตลกมากคนนึงดื้อแค่ไหนแสบยังไงอีกคนนึงก็เอาอยู่ พอรู้ว่า เกาหยาง มีเรื่อง เหย่เสี่ยวเหวิน ก็เข้าไปช่วยแถมเขาไปโรงเรียนกลัวคู่อริมาหาเรื่องเลยต้องเอา เหย่เสี่ยวเหวิน ไปส่งเข้าห้องน้ำ จนคู่อริมาหาเรื่องจริงๆ เหย่เสี่ยวเหวิน ก็รับมือได้สบายมากโดยการหักไม้ถูใช้มือเข่าหักอย่างเท่และโหดทำเอาพวกนั้นไม่กล้าสู้เลย เหย่เสี่ยวเหวิน พอรู้ว่า เกาหยาง กางเกงขาดก็ยังเย็บกางเกงให้ ฉากตอนกางเกงขาดตลกมาก เกาหยาง เดินบิดไปบิดมาแถมไม่ลุกจากเก้าอี้ไปไหนทำเอาเพื่อนงง แต่ เหย่เสี่ยวเหวิน ก็สังเกตเห็น เป็นเนื้อเรื่องที่สนุกมันฮามีหลากหลายอารมณ์มากในเรื่อง แสงสีและองค์ประกอบ มุมกล้องทางถ่ายทำภาพแนวเก่า โทนสีภาพออกแนวส้มเก่าๆเล่าเรื่องราวในช่วงยุค 2000 เลยทำให้ดูโลเคชั่นต่างๆดูย้อนยุคแนวเก่าๆ ทั้งรถบ้านโทรศัพท์มือถือเครื่องมืออุปกรณ์สื่อสารในช่วงสมัยนั้น โลเคชั่นการถ่ายทำน่าจะถ่ายนอกเมืองเพราะว่าบ้านเรือนมีความเป็น local ความท้องถิ่นทำให้ภาพออกมาสวยไปอีกแบบนึง คอสตูมเสื้อผ้าส่วนมากก็จะเป็นชุดนักเรียน ชุดวอร์ม วิดีโอตัวอย่าง ให้คะแนนเรื่องนี้ 8.5/10 คะแนน เป็นซีรีส์แนววัยเรียน ไฮสคูล ที่เนื้อเรื่องสื่อให้เห็นถึงการใช้ชีวิตของเด็กวัยเรียนที่มีทั้งมิตรภาพครอบครัวและการเรียนการเลือกเส้นทางที่จะเดิน ก็สนุกไปอีกแบบใครคิดถึงเรื่องราวสมัยเรียนเรื่องนี้ตอบโจทย์ได้ดีมากๆบอกเลยใครที่ผ่านมาแล้วจะเข้าใจในช่วงการเรียนเรียน แนะนำจ้าขอบคุณสำหรับการอ่านบทความนี้ หากบทความนี้ผิดพลาดประการใด ขออภัย ณ ที่นี้ ด้วยขอบคุณค่ะ เครดิตภาพจาก twitter @TrueID_TH weibo 网剧我要和你做兄弟ภาพปกที่ 1, 2 / ภาพประกอบที่ 1, 2,3,4,5,6,/7,8, 9,10, / 11,12, 13,14เครดิตวิดีโอ I Don’t Want To Be Brothers With You จาก 芒果TV青春剧场 MangoTV Dramaคอมมูนิตี้โลกคนรักหนัง ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน

รีวิวคอนเสิร์ต Polycat I Want You
อ่าน

รีวิวคอนเสิร์ต Polycat I Want You

       คอนเสิร์ต LEO Presents Polycat I Want You Concert จัดขึ้นเมื่อเสาร์ที่ 31 สิงหามคม และ วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี โดยเราจะได้ฟังทุกบทเพลงของ POLYCAT ทั้งจากอัลบั้ม 05:57 , 80 Kisses , เพลงใหม่ที่ยังไม่ปล่อยถึง 3 เพลงด้วยกัน และเพลงอื่น ๆ อีกมากมาย โดยจะมีทั้งเพลงเก่าและใหม่สลับกันไปในตลอดทั้งโชว์โดยเซอร์ไพรส์แรกก็คือมีอดีตสมาชิกทั้งสองคน จากอัลบั้ม 05:57 นั่นก็คือ ผา มือซินธิไซเซอร์ และ ดอย มือกลอง กลับมาร่วมแสดงบนเวทีหลังจากไม่ได้เล่นร่วมกับวง Polycat นานถึง 6 ปีด้วยกัน แฟนเพลงที่ติดตามวงมาตั้งแต่แรก ๆ นี่บางคนน้ำตาไหลออกมาเลยก็มี เพราะว่าเป็นโชว์ในโอกาสพิเศษมาก ๆ และคงจะได้เห็นทั้ง 5 คนกลับมารวมตัวกันแบบนี้ที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เฉพาะในคอนเสิร์ตนี้เท่านั้นแถมยังมีโชว์ SOLO ของสมาชิกแต่ละคนอีกด้วย เริ่มต้นที่ เพียว วาตานาเบะ กับเป่าโซปราโนแซกโซโฟน ในเพลง Careless Whisper ของ George Michael (ถ้านึกไม่ออกลองนึกถึงเพลงที่นายฮ้อย Wongnai กินอาหารแล้วตบโต๊ะอ่ะ5555) เป็นเพลงที่เซ็กซี่มาก ๆโชว์ SOLO ของ โต้ง พลากร คือเพลง ขอคืน จาก BoyScout ที่นาน ๆ ทีจะได้ยินเสียงร้องเพลงของเขาคนนี้ เสียงดีใช่ย่อย แถมยังโซโล่กีตาร์โชว์ไปอีก เรียกเสียงกรี๊ดจากสาว ๆ ได้เพียบเลยทีเดียวโชว์ SOLO ของ นะ รัตน คือการโชว์สเต็ปเต้นกับเหล่าแดนเซอร์ และในช่วงท้ายของโชว์มีสมาชิกวง นักดนตรีแบ็คอัพ รวมถึง ผา และ ดอย อดีตสมาชิกวงออกมาร่วมออกสเต็ปเต้นกันด้วย เป็นการเซอร์ไพรส์แฟนเพลงสุด ๆ ไปเลยนอกจากนี้ยังมี Guest คนพิเศษ นั่นก็คือ ปราโมทย์ วิเลปะนะ เจ้าของบทเพลงดังมากมาย ออกมาพร้อมกับเพลง แค่บอกว่ารักเธอ และร้องเพลง คืนที่ดาวเต็มฟ้า กับ เป็นเพราะฝน ร่วมกับวง Polycat อีกด้วยและทางวงยังได้เล่นเพลงใหม่อีก 3 เพลงที่ยังไม่ได้ปล่อย ได้แก่มัธยม - เป็นเพลงเกี่ยวกับงานเลี้ยงรุ่น คืนสู่เหย้า ที่ได้กลับมาเจอเพื่อนที่แอบชอบสมัยมัธยม เล่าย้อนไปในสมัยเรียนที่มีเสียงกริ่งโรงเรียนในเพลงด้วย ในสมัยโทรศัพท์ยังใช้แค่กดโทรออกเพียงอย่างเดียวยังไม่มีปุ่มให้ Follow จอข้างหลังก็จะเป็นแบบกระดานเรียนกลับกันเถอะ - พูดถึงการไปคลับกับคนที่รักแต่ไม่ชอบบรรยากาศที่คนเยอะเสียงดัง เลยชวนให้กลับกันเถอะมานี่มา - "ไม่ต้องร้องนะคะคนดี มานี่มา" เพลงน่ารักที่ชื่ออาจจะดูแปลก ๆ หน่อย เป็นเพลงที่กำลังจะปล่อยเร็ว ๆ นี้ ที่มีแพลนว่าจะร่วมถ่าย MV กับแฟนเพลง แต่ว่าต้องเลื่อนออกไปก่อน ติดตามข่าวได้เร็ว ๆ นี้นะเป็นยังไงกันบ้างคะทุกคน นี่เป็นเพียงบางส่วนของคอนเสิร์ตที่เรามารีวิวให้อ่านกัน จริง ๆ ยังมีอีกหลายซีนมาก ๆ แต่รู้สึกว่าจะมีบันทึกการแสดงสดให้ชมกันย้อนหลังผ่านทางแอปพลิเคชัน TrueID รอติดตามกันนะคะ :)

It’s Not How Good You Are, It’s How Good You Want To Be หนังสือที่ปลุกพลังความคิดสร้างสรรค์
อ่าน

It’s Not How Good You Are, It’s How Good You Want To Be หนังสือที่ปลุกพลังความคิดสร้างสรรค์

“คุณอยากเก่งแค่ไหน?” นี่คือคำถามที่หนังสือ It’s Not How Good You Are, It’s How Good You Want To Be โดย Paul Arden ฝากไว้ตั้งแต่แรกเห็นชื่อหนังสือ หนังสือเล่มนี้ท้าทายกรอบความคิดเดิม ๆ ที่เรามักถูกปลูกฝังมาตลอดว่า “เราต้องเก่งขึ้นในทุกด้าน” หรือ “เราต้องทำให้ดีที่สุดในสิ่งที่ทำ” แต่ Paul Arden กลับมองต่างออกไป เขาเชื่อว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ความเก่งในปัจจุบัน แต่เป็นความทะเยอทะยานและแรงผลักดันที่จะเก่งขึ้นในอนาคต พลิกมุมมองความสำเร็จด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่ก้าวข้ามอดีต หนังสือเล่มนี้เน้นให้ผู้อ่านมองไปข้างหน้า เพราะความสำเร็จในอดีตเป็นเพียงประวัติศาสตร์ สิ่งที่สำคัญคือความคิดสร้างสรรค์ที่เราจะนำมาใช้เพื่อสร้างอนาคต "งานที่ดีที่สุดของคุณยังไม่เกิดขึ้น" นี่คือหนึ่งในคำแนะนำสำคัญของ Paul Arden ที่กระตุ้นให้เราก้าวข้ามข้อจำกัดเดิม ๆ หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยคำแนะนำที่ใช้งานได้จริง โดยเน้นที่การรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง การขอคำวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ และการมองความผิดพลาดเป็นโอกาสในการเติบโต สิ่งเหล่านี้ช่วยเสริมความมั่นใจและสร้างมุมมองใหม่ให้กับชีวิต มุมมองและความคิดใหม่ที่ได้จากหนังสือ การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นที่ความคิด Paul Arden ชี้ให้เห็นว่าความสำเร็จในอดีตเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว แต่สิ่งที่กำหนดอนาคตคือวิธีคิดในปัจจุบัน ไม่ว่าคุณจะเก่งมากแค่ไหนในวันนี้ ความเก่งนั้นก็ไม่มีความหมายหากคุณไม่ใช้มันเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายใหม่ ๆ สร้างความประทับใจที่ยากจะลืม ในยุคที่ทุกคนแข่งขันกันเพื่อความสนใจ การสร้างความแตกต่างคือหัวใจสำคัญ Paul Arden แนะนำว่าในการนำเสนอหรือแสดงตัวเอง เราไม่ควรพูดถึงแค่ความสามารถของเรา แต่ควรพูดถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นที่เรามีต่อเป้าหมาย การสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นจดจำเราคือสิ่งที่มีพลังมากที่สุด ความผิดพลาดคือเครื่องมือสร้างความสำเร็จ ความผิดพลาดไม่ได้เป็นสัญลักษณ์ของความล้มเหลว แต่คือกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในอนาคต Paul Arden เชื่อว่าการกล้าลองผิดลองถูกและการยอมรับว่าตัวเองอาจไม่ถูกเสมอ จะช่วยให้เราพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์และแตกต่าง อย่ามองหาคำชม แต่จงมองหาคำวิจารณ์ การขอคำวิจารณ์จากผู้อื่นไม่ใช่การแสดงถึงความอ่อนแอ แต่เป็นการเปิดโอกาสให้เราเห็นจุดที่ต้องปรับปรุง คำชมอาจทำให้เรารู้สึกดีในช่วงเวลาหนึ่ง แต่คำวิจารณ์จะผลักดันเราให้เติบโตขึ้นในระยะยาว ความทะเยอทะยานเหนือกว่าความสามารถ สิ่งที่ทำให้คนประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่ความเก่งหรือพรสวรรค์ แต่คือความทะเยอทะยานและความกล้าที่จะมองไกลเกินขีดจำกัด จุดเด่นที่ทำให้หนังสือเล่มนี้น่าสนใจ หนึ่งในจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือการออกแบบหน้าเนื้อหาที่ไม่เหมือนใคร ด้วยฟอนต์ที่หลากหลาย ภาพประกอบที่โดดเด่น และการแบ่งเนื้อหาเป็นส่วนสั้น ๆ ทำให้หนังสือเล่มนี้อ่านง่ายและเหมาะกับคนที่อาจมีเวลาน้อย Paul Arden ยังสอดแทรกกรณีศึกษาจากวงการโฆษณาและความคิดสร้างสรรค์ของเขา ซึ่งช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจมุมมองและแนวคิดได้ชัดเจนขึ้น แม้เนื้อหาหลักจะเกี่ยวข้องกับวงการโฆษณาและการตลาด แต่คำแนะนำเหล่านี้สามารถปรับใช้ได้กับทุกอาชีพและทุกช่วงชีวิต ข้อคิดสำคัญที่ได้จากการอ่าน "การพยายามอย่างเต็มที่ไม่ได้หมายถึงการทำทุกอย่างให้ถูกต้อง แต่คือการทำในสิ่งที่คุณกล้าลองผิดเพื่อสร้างสิ่งใหม่" Paul Arden ชี้ว่าเราควรกล้าที่จะลองและล้มเหลว เพื่อค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่แปลกใหม่และดีกว่าเดิม "อย่าจำกัดความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองด้วยการยึดติดกับความถูกต้อง" เขาแนะนำว่า การยืนยันในสิ่งที่เราเคยคิดว่าถูกต้องอาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา ความคิดสร้างสรรค์เกิดจากการมองข้ามสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว "เป้าหมายที่ชัดเจนคือแสงสว่างที่นำทาง" การรู้ว่าเราต้องการอะไรในชีวิตช่วยให้เรามีแรงผลักดันในการพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง หนังสือที่ทุกคนควรลองอ่าน It’s Not How Good You Are, It’s How Good You Want To Be ไม่ใช่แค่หนังสือพัฒนาตนเองทั่วไป แต่เป็นคู่มือที่ช่วยเปลี่ยนมุมมองชีวิตและจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ในตัวคุณ ไม่ว่าคุณจะทำงานในสายงานออกแบบหรือสายอาชีพที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือไม่ คำแนะนำและข้อคิดจากหนังสือเล่มนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้ในทุกด้านของชีวิต หากคุณกำลังเผชิญกับความสงสัยในตัวเองหรือกำลังมองหาแรงบันดาลใจเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม หนังสือเล่มนี้อาจเป็นตัวช่วยที่คุณต้องการ คำถามสำคัญที่หนังสือเล่มนี้ฝากไว้คือ “คุณอยากเก่งแค่ไหน?” และคำตอบนั้นอยู่ที่ตัวคุณเองเท่านั้น ภาพทั้งหมดโดย ผู้เขียน เขียนโดย ตานิ้ง Facebook Instagram TikTok   เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

รีวิวหนัง Weathing With You 天気の子
อ่าน

รีวิวหนัง Weathing With You 天気の子

 เครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ Weathering With You --เนื้อเรื่องคร่าวๆและตัวละครรายละเอียดหนัง--           เรื่องราวสุดประทับใจจากผู้กำกับสายอนิเมะ Makoto Shinkai จากภาพยนตร์การ์ตูนสุดประทับใจที่ทุกคนชื่นชอบ “Your Name” ชื่อไทย “หลับตาฝันถึงชื่อเธอ” จนมาถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าทำไมชื่อไทยแม่งแปลได้ยาวขนาดนี้ถ้าแปลจริงๆคือแค่ ชื่อของคุณ ก็น่าจะเรียบง่ายและดูน่าค้นหาแล้ว 5555 ความเห็นส่วนตัวๆ ซึ่งในรอบนี้การกลับมาของผู้กำกับท่านนี้ได้เอาฉากเรียกน้ำตามาฝากกันเช่นเคยรวมไปถึงเอาตัวละครจากในเรื่อง Your Name มาให้หายคิดถึงกันด้วยนะ~ ดูกันให้ดีๆละสนุกแน่นอน          มาว่ากันต่อในเรื่องของตัวละครซึ่งตัวละครหลักๆที่เราจะได้เห็นในเรื่องก็มี โมริชิมะ โฮดากะ เป็นพระเอกสุดหล่อยืนหนึ่งในเรื่องฮ่าๆและนางเองสุดคาวาอี้คือ ฮินะจัง นั่นเองซึ่งผมบอกเลยว่าขอไม่บอกรายละเอียดเยอะเพราะอาจสปอย์เนื้อหาบางส่วนของหนังซึ่งเนื้อเรื่องคร่าวๆเนี่ยก็ประมาณว่า Hokada เป็นชายหนุ่มอายุเพียงแค่ 16 ปี (ผิดขออภัย) มาจากชนบทย้ายมาอยู่ Tokyo แล้วใช้ชีวิตที่นั่นแล้วสังเกตว่าฝนนั้นตกอยู่ตลอดเวลาสภาพอากาศแปรปรวนอย่างน่าประหลาดใจและตอนหลังได้ไปทำงานเป็นนักเขียนแบบผมนี่ไงกำลังเขียนๆอยู่ แล้วก็ไปเขียนเอาเข้ากับเรื่องราวที่ว่ามีคนสามารถที่จะเปลี่ยนสภาพอากาศได้ตามต้องการ เรียกกันว่า แม่สาวฟ้าใส !! (Otenki-Girl) เรื่องราวคร่าวๆก็ประมาณนี้เนอะปะเราไปต่อในส่วนของการรีวิวหลังจากดูเสร็จเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ Weathering With You--Review--           แค่เปิดมาฉากแรกก็ชวนทำให้คิดถึงภาพเก่าๆของ Your Name ลักษณะของตัวละครเอยภาพต่างๆที่ทำออกมาได้แบบว่าสมจริงแต่ยังคงความเป็นการ์ตูนอนิเมอยู่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครที่สำคัญในหนังเรื่องนี้ยังให้ความสำคัญกับเอกลักษณ์ที่ของแต่ละตัวละครแสดงออกมาให้เราเห็นจนเราผูกพันกับตัวละครได้ในระยะเวลาไม่นานซึ่งช่วยทำให้ตอนท้ายๆอินจนถึงขั้นน้ำตาแตกไงละหึหึ แต่ผมไม่ได้ร้องนะแค่ซึมๆตัวหนังนั้นจะเล่าประวัติความเป็นมาของตัวละครให้เราได้ทราบพอสมควรอีกทั้งยังทำให้เราพอดูหนังเรื่องนี้ไปจะแยก Character ออกมาได้อย่างชัดเจนโดยที่เราไม่ต้องคิดไปเองว่าเขาจะเป็น งี้นะๆหนังจะทำให้เราตัดเรื่องนี้ไปและไปเอาใจช่วยตัวละครแต่ละตัวได้อย่างเต็มที่เลยทีเดียวเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ Weathering With You             ส่วนที่ดีกว่า Your Name อีกจุดคือเรื่องของเพลงประกอบที่มากขึ้นสำหรับผมนั้นถือว่าดีเลยนะเพราะเพลงจะช่วยให้เราอินกับหนังมากขึ้นอีกทั้งยังเพราะเอามากๆหลายเพลงถึงแม้ฟังครั้งแรกผมอาจจะไม่ได้ความหมายหรือจับใจความไม่ได้มากแต่ก็เข้าใจเลยว่าฟิลของเพลงจะถ่ายทอดมาประมาณนี้ เอาจริงๆแค่ไปนั่งฟัง Melody ของตัวเพลงเองก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วบวกกะภาพแบบนี้ต้องบอกเลยว่าฟินจริงๆตรงนี้ช่วยเรียกคะแนนได้อย่างมากเลยทีเดียวสำหรับผม ถ้าพูดถึงเรื่องของจังหวะต่างๆในการปล่อยตัวเพลงต้องบอกเลยว่าทำออกมาได้เป๊ะและแทบหาข้อผิดพลาดไม่ได้เลยเพราะมันเป๊ะจริงๆแบบ เชี่ยยยยยยย เพลงนี้จังหวะนี้อย่างได้ อย่างหล่อโอ้โหอย่างได้อารมณ์ อื้อหือๆๆ ผมดูจบแล้ว End Credit ขึ้นยังนั่งฟังเพลงอยู่เลย ฮ่าๆ ที่ผมจะบอกว่าเพราะมากก็เช่นเพลง Grand Escape , Is There Anything Love Can Do , Rain Again เป็นต้น บอกเลยว่าสามเพลงนี้ดีงามสุดๆเครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ Weathering With You             ว่ากันต่อด้วยเรื่องของพวกภาพรายละเอียดสิ่งรอบข้างต่างๆต้องบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้ยกเอาสถานที่บางสถานที่มาจาก Tokyo จริงๆเนอะเพราะงั้นดูจบ ใครอินจัดบินไปเลยจ้า Japan ถ่ายรูปสถานที่ตามรอย Weathering with you 555 ในหนังเนี่ยทำภาพออกมาได้สวยและสมจริงแต่ก็ยังคงคอนเซปต์ของความเป็นการ์ตูนซึ่งทำให้ภาพออกมาแหวกไม่เหมือนใครโดยเฉพาะพวกฉากอาหารเนี่ยแม่งเอ้ยได้รับพลังมาจาก Flavor of Youth พอสมควรภาพนี้ขึ้นมาเลย ใครไปดูไม่ได้ทานไรไปละก็หาไรทานก่อนไปดูเพราะเองหิวแน่ๆบอกเลย เขาทำฉากพวกอาหารการกินได้แบบว่าน่ากินสุดๆจนอยากให้มาเสริฟตรงหน้ากินไปดูไป 555555            ตัวละครที่ผมชอบมากเลยคงจะเป็นเจ้าเหมียวน้อยที่ชื่อว่า Rain นี่ละ เพราะความน่ารักของมันที่แทบจะแฝงตัวเข้าไปในหนังได้อย่างแนบเนียนทำให้หนังไม่เศร้าและเรียกเสียงหัวเราะความน่ารักได้พอสมควรทำให้ผมชอบมันเอามากๆเลย ผมไม่บอกหรอกว่าน้องเขามาจากไหนมายังไง ไปดูกันเอาเองน้าาาา ^^ เครดิตรูปภาพจากภาพยนตร์ Weathering With You            สรุปแล้วหนังเรื่องนี้ควรค่าแก่การไปดูเพราะหากใครชอบผลงานภาพอันเป็นเอกลักษณ์แบบนี้และเรื่องราวที่เข้าถึงง่ายกว่า Your Name แล้วละก็ไปดูเถอะไม่ผิดหวังแน่นอนแต่ อ้อ อย่าลืมพาคนพิเศษไปดูด้วยกันละ5555 บอกเลยว่าเป็นเดทที่ดีได้เลยน้า ^^ ส่วนตัวผมขอให้หนังเรื่องนี้ดีกว่า Your Name และก็ดีต่อใจผมมากๆที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรง ผมขอให้คะแนนหนังเรื่องนี้ที่ 8.5/10 เลยแล้วกันนะ มันดีมากจริงๆไม่ผิดหวังเลยเหมียวน้อย Reiko image widget 

รีวิว เจลทาใต้ตาจากเกาหลี What eye want ของ Cathy Doll ดีหรือไม่ !?!
อ่าน

รีวิว เจลทาใต้ตาจากเกาหลี What eye want ของ Cathy Doll ดีหรือไม่ !?!

สำหรับปัญหาใต้ตาดำ รอยดำใต้ตา ทุกอย่างทำให้สาว ๆ หนุ่ม ๆ หลายคนกังวลมากเพราะว่าเวลาแต่งหน้า ส่วนใต้ตานี่คือจุดที่แต่งยากมากที่สุดบนใบหน้า เพราะแต่งเข้มไปก็ดูตลก แต่งสว่างไปก็ดูตลก และด้วยความที่ผู้เขียนมีประสบการณ์เคยอยากลดความคล้ำใต้ตาด้วยการไปฉีดฟิลเลอร์มาแล้วแต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย (ใครอยากอ่านประสบการณ์ความผิดพลาดติดตามบทความเก่าๆของเราได้เลย) เลยทำให้รู้สึกว่าการใช้ครีมหรือเจลทาใต้ตามันปลอดภัยที่สุด ชอบตรงตัวนี้ให้รู้สึกเป็นธรรมชาติซึ่งวันนี้เองผู้เขียนมีผลิตภัณฑ์ ทาใต้ตาที่ช่วยเปลี่ยนใต้ตาหมองคล้ำให้ดูสดใส วิ๊ง ซึ่งเค้าบอกว่าเป็นเจลที่นำเข้าจากเกาหลี made in Korea ในราคาไม่แพงมากเรียกได้ว่าสามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ ในไทยอีกด้วยชื่อผลิตภัณฑ์ : Cathy Doll Eye Love You Eye Serum, เคที่ดอลล์ วอทอายวอนท์ อายเลิฟยูอายเซรั่มราคา : 195 บาทปริมาณ : 15 มิลลิกรัมสถานที่ขาย : โรบินสัน ห้างชั้นนำทั่วไป ใน Tops ก็มีจ้า, วัตสัน, บู๊ทส์ หรือสั่งซื้ออนไลน์ ทาง Facebook : Cathy dollส่วนผสม : ส่วนผสมจากน้ำแร่ออนเซ็นเกาหลี โดยมี นวัตกรรม Nanotechnology ทำให้ช่วยซึมซาบสู่ผิวได้ลึกและรวดเร็ว, Sodium hyaluronate ไฮยาลูลอนที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นรีวิวหลังการใช้ 2 เดือน : ต้องขอบอกว่าตัว เคที่ดอลล์ วอทอายวอนท์ อายเลิฟยูอายเซรั่ม นี้ให้ปริมาณถึง 15 มิลลิกรัม เยอะมากเลย เมื่อเทียบกับราคา 195 บาท แล้วเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากเกาหลีด้วย มีเขียน Made in Koreaวิธีการใช้ : สำหรับเราทาใต้ตา ตอนเช้า-เย็น หลังทาครีมบำรุงหน้า สามารถทาเปลือกตาบนได้ด้วย เพราะมีปัญหาริ้วรอยใครที่เปลือกตาหย่อยคล้ายก็เอาไปทาได้ หลังทารู้สึกสดชื่น ซึมซาบได้เร็วมากความชุ่มชื้น : ให้ 5/5 ดาวเลย เพราะหลังจากที่เราใช้มา 2 เดือนเต็มสัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้นหลังการใช้มาก ๆ เช่น ตอนตื่นมาตอนเช้า เวลาจับใต้ตารู้สึกไม่แห้งตึง ตอนทาลงไปแนะนำว่านำไปแช่ที่ตู้เย็นพอทาแล้วเย็นสดชื่นมาก ๆ แล้วก็ไม่แสบตาด้วยกลิ่น/สี : หลาย ๆ ตัวที่เคยใช้มาก่อนหน้านี้รู้สึกมีกลิ่น เหมือนใส่น้ำหอม แต่ตัวนี้บอกเลยว่ากลิ่นอ่อน ๆ ไม่มีกลิ่นหอม สีก็เป็นสีใส ๆ เหมือนน้ำเลย ให้ความรู้สึกปลอดภัยไม่ใส่สีดี ซึ่งพอเอาไปทาก็รู้สึกว่าปลอดภัย มั่นใจมากขึ้น ด้วยสารสกัดจากน้ำแร่ออนเซ็น น้ำแร่ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดี และ ๆไม่มีกลิ่นเหม็น กลิ่นคาว อะไรเลย ชอบมากให้ 5/5 ดาวเรื่องกลิ่นความสว่างใส : ให้ 4/5 ดาว เราเคยทาตอนนอนดึก ที่ต้องทำงานปั่นส่งหลายวัน แล้วเบ้าตาดำคล้ำจากเส้นเลือดและการจามของภูมิแพ้ด้วย แต่พอใช้แล้ว รู้สึกว่ารอยเล้นเลือดจางลง แต่ถ้าไม่ทาก็กลับไปเป็นแบบเดิม คือช่วยในเรื่องลดความเข้มของเส้นเลือดข้างในได้นิดหน่อย แต่ก็ต้องพึ่งคอนซิลเลอร์ทาใต้ตากลบแพนด้าอยู่ดีริ้วรอย : ให้ 3/5 ดาว เพราะในระยะเวลา 2 เดือนยังรู้สึกไม่ชัด ทั้งใต้ตาและเปลือกตา แต่สิ่งที่ชอบของตัวนี้คือ ไม่เกิดริ้วรอยใหม่ เพราะเราเป็นคนขยี้ตาบ่อยด้วย เพราะเวลาเป็นภูมิแพ้จะคันตาบ่อย ๆ อาจจะทำให้เห็นผลไม่เต็มที่ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายด้วยนะลดความบวมของตา : ให้เลย 5/5 ดาว เรื่องความบวม ของตา หลังจากนอนดึกเพราะติดซีรีส์เกาหลี ตัวนี้ให้ความรู้สึกตาไม่บวมขึ้น รู้สึกว่าดีมากเพราะปกติเป็นภูมิแพ้พอเช้ามาตาจะบวม แต่ตัวนี้ช่วยจริง ๆคนไม่ทักว่าตาบวมปริมาณ/ความคุ้มค่า : 195 บาท ได้ถึว 15 มิลลิกรัม ให้ 5/5 ดาว เพราะรู้สึกราคาถูกมาก ถ้าเทียบราคาคือตก มิลลิกรัมละ 13 บาทเอง ดีมาก ๆ ถูกมากจัง สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องผิวหน้าบ่อย ๆ แล้วเป็นคนเป็นภูมิแพ้ด้วยที่มักจะมีริ้วรอยใต้ตาติดตามบทความเก่า ๆ ของเราได้นะ เราจะนำมารีวิวที่นี่เรื่อย ๆใครที่สนใจลองไปซื้อใช้กันดูนะ*ภาพทั้งหมดโดยนักเขียน

Call me what you like เพลงใหม่แกะกล่องของ Lovejoy
อ่าน

Call me what you like เพลงใหม่แกะกล่องของ Lovejoy

   Call me what you like เป็นชื่อของเพลงใหม่แกะกล่องที่พึ่งเปิดตัวครั้งแรกใน Youtube เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023  กับความยาวเพลงเกือบสี่นาที   อีกเพลงหนึ่งที่แฟน ๆ วง Lovejoy ไม่ควรพลาด  โดยส่วนตัวแล้ว ผมที่ชอบแนวการทำ Music Video ของวงนี้เป็นทุนเดิม  เพลงนี้ก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังเช่นกันครับ   ปกเพลง จะมีรูปของ Wilbur นักร้องนำของวง จ้องเขม็งมาที่กล้องพร้อมกับเนื้อเพลงบางส่วนขนาบทั้งซ้ายและขวา ซึ่งหากฟังเพลงไปเรื่อย ๆ ก็จะรู้ว่าหน้าปกเพลงนี้ก็ไปเอามาจากใน Music Video นั่นแหละครับ   ปกเพลงใน Instagram ก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก จะมีเพิ่มแค่โลโก้เพลง ที่ดูยังไงก็ทำให้นึกถึงโลโก้อัลบั้ม Pebble Brain ได้ทุกครั้งที่มอง ด้วยความที่มีตัวหนังสือกลมมน ดูง่ายเหมือนกัน แถมยังมีลักษณะการโค้งที่คล้ายกันอีกต่างหากhttps://www.youtube.com/watch?v=E91pJYO_s7I   Music Video ของเพลงนี้ เปิดมาด้วยเทคนิคการถ่ายทำคล้ายกับแบบ Stop motion ที่เขาทำกันใน Animation บางเรื่อง ซึ่งเป็นการนำเอาวัสดุชิ้นเล็กชิ้นน้อยในชีวิตจริง มาทำให้ดูเหมือนสิ่งของชิ้นใหญ่ชิ้นอื่นที่เราไม่สามารถถ่ายทำได้จริง ๆ  ที่ผมถูกใจก็คือ พวกเขาไม่พยายามปิดบังว่ามันเป็น Stop Motion กลับกันคือพวกเขาทำให้เราดูออกกันตั้งแต่แรกเห็น  ก็ดูคลาสสิคไปอีกแบบครับ   เหตุการณ์ในคลิปทั้งเพลงจะเกิดขึ้นบนเครื่องบินขนาดเล็ก ที่มี Wilbur นั่งอยู่หน้ากล้อง จ้องเขม็งมาหาผู้ชมแบบตาแทบไม่กะพริบ  บรรยากาศรอบ ๆ รวมถึงฟิลเตอร์ก็ยังคงความเก่าช่วงยุคที่มีการผลิตกล้องสีขึ้นมาใหม่ ๆ เช่นเคยhttps://www.instagram.com/reel/CofYr2MLMI-/?igshid=YmMyMTA2M2Y%3D   สำหรับผู้ชมคนไหนที่ตาลายง่าย ก็จะตาลายไปอีกกับ Subtitle ของเพลงนี้ที่คล้ายกับว่าถูกเขียนด้วยลายมือคนซ้ำไปซ้ำมา ทำให้มันดูเหมือนสามารถขยับได้เอง   ผมที่ดู Music video มาเกือบจะครึ่งนึงแล้ว ก็ยังคงแปลกใจกับท่าทางของ Wilbur ที่นั่งอยู่หน้ากล้องไม่ขยับไปไหน  ขอย้ำนะครับ ว่าผ่านมาครึ่งเพลงแล้ว  แม้ว่าคนอื่นจะตื่นตระหนก ขยับไปมามากแค่ไหน หรือต่อให้กล้องจะส่ายไปส่ายมา นักร้องนำของเราคนนี้ก็นิ่งไม่เปลี่ยนแปลง อย่างน้อยผมก็ได้เห็นเขาขยับคอบ้าง กะพริบตาบ้างในบางฉากล่ะนะ  จนในที่สุดเมื่อนาทีที่ 2:25 เราก็จะได้เห็นเขาขยับตัวขึ้นมาจับไมโครโฟน (เท่าที่ดูแล้วผมว่าไม่น่าจะเป็นไมโครโฟนหรอก แต่ก็ไม่รู้จะเรียกมันว่าอย่างไรดี) แล้วร้องตามไปพร้อม ๆ กับเพลงhttps://www.instagram.com/p/CTKjQTnscZ6/   ถ้าพูดถึงเพลงของ Lovejoy ผมก็อดไม่ได้อีกแล้วที่จะกล่าวถึงสไตล์เพลงนี้ ที่ช่วงต้นมีการเปิดด้วยจังหวะช้า ๆ ชวนให้รู้สึกหดหู่ตามไปด้วย  ช่วงกลางก็แทบจะเป็นท่อนให้ Wilbur ร้องโซโล่ แล้วตัดด้วยทำนองเร็ว และกระแทกเสียงตามแบบฉบับเพลงร็อคในช่วงท้าย   โดยรวมแล้ว เพลงนี้ก็ยังทำให้ผมประทับใจได้เหมือนเคย กับแนวการถ่ายทำเพลงที่แปลกใหม่ และ ตามคำบรรยายของวงเลยครับ อินดี้สุด ๆ  ผมที่เป็นแฟนเพลงจะยังติดตามต่อไปครับ แล้วจะพาผู้อ่านติดตามไปพร้อม ๆ กับผมอย่างแน่นอน   สุดท้ายนี้ หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยด้วยนะครับhttps://www.instagram.com/reel/CqLMOV0N0uq/?igshid=YmMyMTA2M2Y%3Dเครดิตภาพและวิดีโอลิงก์วิดีโอ : Youtube / LovejoyReel จาก lovejoyonline : Reel ที่ 1 , Reel ที่ 2ภาพปก และภาพประกอบ : Instagram จาก lovejoyonline จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

Review หนัง Won't You Be My Neighbor?
อ่าน

Review หนัง Won't You Be My Neighbor?

หากใครที่ติดตามข่าวสารวงการหนังในไทย คงจะได้ยินข่าวแล้วว่า หนังเรื่อง A Beautiful Day in the Neighborhood หนังดราม่า ฟีลกู้ดเรื่องเยี่ยม ที่นำแสดงโดย ทอม แฮงค์ กำลังจะได้ฉายบ้านเราในช่วงสิ้นปี 2019 นี้ ซึ่งหนังก็ได้รับคะแนนคำวิจารณ์จากเว็ป Rotten Tomatoes สูงถึง 96% โดยหนังเรื่องนี้ได้นำเสนอชีวิตจริงของ เฟร็ด โรเจอร์ พิธีกรรายการสำหรับเด็กที่เป็นที่โด่งดังในอเมริกายุค 70-80 เพื่อเป็นการเตรียมตัวก่อนไปดูหนังเรื่องดังกล่าว ก่อนหน้านี้ได้มีหนังสารคดีที่่ว่าด้วยความสำเร็จ และความอบอุ่นของ เฟร็ด โรเจอร์ เรื่อง Won't You Be My Neighbor? ซึ่งจะเป็นหนังที่เราจะพูดถึงในบทความนี้ Won't You Be My Neighbor? เป็นหนังที่จะนำเสนอตั้งแต่จุดเริ่มต้น ยุคเฟื่องฟู และจุดสิ้นุสดของรายการเด็กชื่อดังของอเมริกา ที่นำรายการโดย เฟร็ด โรเจอร์ ซึ่งหนังไม่ได้เพียงพูดถึงความสำเร็จ และความโด่งดังของรายการเท่านั้น แต่ยังเป็นหนังที่พูดถึงชีวิต จิตใจของ เฟร็ด โรเจอร์ ชายที่กลายเป็นที่รักของเด็กๆ ทุกคน รวมถึงผู้ใหญ่หลายๆ คนที่ได้ร่วมงานกับเขา หากมองภายนอก หนังเรื่องนี้อาจไม่ใช่หนังที่มีประเด็นอะไรน่าสนใจนัก เพราะเป็นสารคดี ที่พูดถึงรายการทีวี ในอเมริกา ซึ่งคนดูชาวไทยอย่างเราอาจไม่รู้สึกอินเท่าที่ควร แต่หากได้ลองเปิดดูในมุมมองของสารคดีระดับคุณภาพซักเรื่อง Won't You Be My Neighbor? คือหนังที่ตอบโจทย์อย่างยิ่ง หนังสามารถเข้าถึงคนดูทุกกลุ่ม ไม่ว่าคุณจะรู้จัก เฟร็ด โรเจอร์ หรือไม่ก็ตาม คุณจะสามารถอิน และบันเทิงไปกับ 90 นาที ที่หนังเรื่องนี้มอบให้อย่างเต็มอิ่มหนังจะเล่าเรื่องผ่านการสัมภาษณ์ผู้คนที่เคยทำงานกับ โรเจอร์ รวมไปถึงครอบครัวของเขา และฟุตเทจเก่าๆ ที่ โรเจอร์ ได้ถ่ายเอาไว้ โดยหนังได้เริ่มเรื่องด้วยการถ่ายทอดประเด็น ความคิดของ เฟร็ด โรเจอร์ ตั้งแต่วัยเด็ก ในยุคที่สื่อโทรทัศน์เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตผู้คนมากขึ้น ก่อนที่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่เขาอยากทำรายการสำหรับเด็กขึ้นมา จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของรายการ "MisteRogers' Neighborhood" หลังจากนั้ ตลอดทั้งเรื่องหนังก็ได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับรายการนี้ และเหตุการณ์ต่างๆ บนสื่อโทรทัศน์อเมริกาในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นภาวะที่ประเทศเข้าสู่สงครามเวียดนาม การที่สื่อทีวีเต็มไปด้วยรายการรุนแรง จนเด็กนำไปทำตาม และเหตุการณ์ 11 กันยา ซึ่ง เฟร็ด โรเจอร์ ก็สามารถมีวิธีรับมือกับเหตุการณ์ดังกล่าว ให้ออกมาเหมาะสำหรับเด็กได้อย่างชาญฉลาดเนื้อหาของหนังไม่ได้เพียง ประสบความสำเร็จในฐานะการยกย่อง เชิดชู เฟร็ด โรเจอร์ เท่านั้น แต่หนังยังประสบความสำเร็จในฐานะการสะท้อนภาพอิทธิพลของสื่อมวลชน ที่มีบทบาทต่อผู้ชม โดยเฉพาะเด็กๆ ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการปลูกฝังความเชื่อ ความคิดใหม่ การเป็นเพื่อนในโลกเสมือน แต่สิ่งที่ โรเจอร์ ทำนั้น ได้สร้างอิทธิพลในแง่บวกต่อเด็กๆ จนกลายเป็นกระแสสุดฮิตของผู้ชมตัวน้อยในยุคนั้นแม้ว่าตลอดเรื่องราวของหนังจะเต็มไปด้วยความสุข ความอิ่มเอม ผ่านตัว เฟร็ด โรเจอร์ และรายการ MisteRogers' Neighborhood แต่อย่างที่หลายๆ คนทราบกันดีว่า โรเจอร์ นั้น ได้เสียชีวิตไปในปี 2003 ด้วยวัย 74 ปี ช่วงองก์ 3 ของหนังเรื่องนี้ นอกจากจะเต็มไปด้วยความรู้สึกอิ่มเอมของผู้ชมแล้ว ยังเต็มไปด้วยความเศร้า ความคิดถึง ที่แม้แต่เราที่พึ่งรู้จัก เฟร็ด โรเจอร์ ยังรู้สึกน้ำตาคลอไปกับหนังได้อย่างไม่น่าเชื่อ  ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://www.imdb.com/ 

ชวนฟินจิกหมอนไปกับ What’s Wrong with Secretary Kim?
อ่าน

ชวนฟินจิกหมอนไปกับ What’s Wrong with Secretary Kim?

บทความนี้นักเขียนจะมารีวิวซีรี่ส์เกาหลีชวนฟินจนยิ้มไม่หุบ อย่าง What’s Wrong with Secretary Kim? ซึ่งมีให้ได้รับชมทั้งทาง NETFLIX และ VIU ตามความสะดวกของนักอ่านเลย ซึ่งมีทั้งหมด 16 ตอน ตอนละ 50 นาทีโดยประมาณWhat’s Wrong with Secretary Kim? หรือชื่อไทยอย่าง รักมั้ยนะ เลขาคิม? เป็นซีรีส์แนวโรแมนติก-คอมเมดี้ เป็นเรื่องราวรักวุ่น ๆ ระหว่างเจ้านายกับเลขาของเขา นำแสดงโดยพระเอกสุดหล่อทีเคยฝากผลงานอันโด่งดังอย่าง Itaewon class “พัคซอจุน” รับบทเป็น “อียองจุน” รองประธานบริษัทชื่อดังอันดับ 1 ของประเทศ ที่ทั้งหล่อ รวย เย่อหยิ่ง หลงตัวเอง จนไม่มีใครอยากทำงานด้วย เพราะ ตนเองนั่นมีความ Perfect สูงมาก แต่เขาไม่แคร์ เพราะเขายังมีเลขาสาวแสนสวยผู้รู้ใจ ทำงานเก่ง อย่าง “เลขาคิม” หรือ “คิมมีโซ” รับบทโดย นักแสดงสาว ชื่อดัง “พัคมินยอง”ความรู้สึกหลังชม What’s Wrong with Secretary Kim? สำหรับนักเขียนหลังจากที่นักเขียนโดน “พัคซอจุน” ตกมาแล้วในซีรีส์ Itaewon class ซึ่งนักเขียนชอบการแสดงของเขามาก เลยได้ตามผลงานเขาจนได้มีโอกาศมาดู What’s Wrong with Secretary Kim? ถือว่าฉีกคาแร็คเตอร์ พัคซอจุน เลยทีเดียว เพราะ เรื่องนี้ เขาจะต้องแสดงให้ดูเวอร์ เพอร์เฟ็ค แต่ยังมีมุมตลกให้เราได้เห็นอีกด้วย ถือว่าละมุนมาก ๆ ส่วนด้านนางเอกของเราอย่าง พัคมินยอง การแสดงของเขาถือว่าดีเลยทีเดียว แสดงได้มีเสน่ห์ ถือว่าโดนตกไปตาม ๆ กัน ส่วนเนื้อหาของเรื่องนี้ดูได้สบาย ๆ เบาสมอง ไม่ต้องคิดเยอะ ถือว่าดูได้เพลิน ดูแล้วฟินแน่นอน ฟินไปกับเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง อียองจุนและคิมมีโซ ให้เราได้จิกหมอนไปตาม ๆ กัน ถือว่าซีรีส์เรื่องนี้ครบรสเลยทีเดียว สำหรับใครที่อยากหาซีรีส์ที่ดูแล้ว สบาย ๆ ไม่เครียด และฟินอีกด้วย What’s Wrong with Secretary Kim? ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นักเขียนแนะนำ แต่ถ้าใครอยากหาซีรีส์ที่ชวนลุ้นให้เครียด มีอะไรที่ต้องติดตาม ซีรีส์เรื่องนี้ถือว่ายังไม่ตอบโจทย์ครับเป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับการรีวิวซีรี่ส์ What’s Wrong with Secretary Kim? หากใครชอบก็สามารถไปตามดูกันได้ ทาง Netflix ซึ่งสามารถรับชมผ่านกล่อง True ID TV ได้แล้ววันนี้ สำหรับวันนี้นักเขียนก็ขอตัวลาไปก่อน แล้วเจอกันในบทความหน้านะครับขอบคุณรูปภาพจาก ภาพปก / ภาพประกอบ 1 / ภาพประกอบ 2 / ภาพประกอบ 3 / ภาพประกอบ 4    

นอนหลับฝันดีพร้อมกับ “J_ust” ในเพลง “I want to be pillow”
อ่าน

นอนหลับฝันดีพร้อมกับ “J_ust” ในเพลง “I want to be pillow”

ช่วงเวลากลางคืน ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่คนเรามักฟุ้งซ่านได้ง่าย เพราะเป็นช่วงที่เราได้อยู่คนเดียวท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ บางครั้งเลยทำให้เราเผลอคิดไปเรื่องนู้นเรื่องนี้ แน่นอนว่าบางครั้งก็คิดถึงคนที่รักด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าตัวอยู่นี่ แต่ใจน่ะลอยไปหาเขาแล้ว คิดถึงนิด ๆ หน่อย ๆ ให้ใจกระชุ่มกระชวย คืนนี้จะได้นอนหลับฝันดี :)(ฟังเพลงได้ที่นี่เลย: youtube.com)เพลง I want to be a pillow (베개가 되고 싶어요) เพลงน่ารัก ๆ จากนักร้องนักแต่งเพลง J_ust หรือ (그_냥) ที่เล่าถึงการคิดถึงคนที่รักในช่วงเวลากลางคืน คิดไปว่าอยากเป็นนู่นเป็นนี่ เป็นหมอนบ้าง ผ้าห่มบ้าง เพราะอยากดูแลเธอตอนหลับ และอยากให้เธอหลับฝันดี ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอหลับไปหรือยัง แต่ฉันจะใช้เวลานี้คิดถึงเธอสักเดี๋ยว แล้วค่อยเข้านอนนะ “ฉันอยากเป็นหมอนของเธอต่อให้แขนชาก็ไม่เป็นไรหรอกเพื่อให้เธอนอนหลับสบายใช้แขนของฉันเป็นหมอนได้เลยฉันอยากเป็นผ้าห่มของเธอแม้เธอจะบอกว่าร้อนและดึงมันออก ก็ไม่เป็นไรหรอกถ้ามันจะทำให้เธอนอนหลับฝันดีฉันสามารถกอดเธอให้อุ่นได้นะ” จริง ๆ เพลงของ J_ust มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเพลงส่วนใหญ่จะเป็นเพลงที่ใช้คำและเล่าออกมาง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน บรรเลงโดยใช้กีตาร์และเนื้อหาส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับช่วงเวลากลางคืน (รวมถึงรูปปกเพลง ที่เป็นรูปการ์ตูนลายเส้นน่ารัก ๆ ด้วย) ทำให้เพลงของ J_ust เป็นเพลงที่ฟังสบาย เข้าถึงง่าย เหมาะจะฟังช่วงก่อนนอน ให้เสียงนุ่ม ๆ ของคุณนักร้องมากล่อมให้เรานอนหลับฝันดี ถ้าส่งเพลงนี้ให้ใคร รับรองว่าคนคนนั้นต้องนอนหลับฝันดีอย่างแน่นอน สามารถติดตามผลงานของคุณ J_ust ที่ช่องทางด้านล่างได้เลยYoutube: youtube.comFacebook: facebook.com/Official449Instagram: no_449 และ j_ust_official  Lyrics Eng Trans: https://www.youtube.com/watch?v=m6yi7OucDbkภาพจากภาพที่ 1. IG no_449ภาพที่ 2. IG j_ust_officialภาพที่ 3. youtubeภาพปก: facebook / Official449

รีวิว​ หนังสือนิทานหนูทิปไม่ยอมกิน​ ( Tip Doesn't Want to​ Eat )​
อ่าน

รีวิว​ หนังสือนิทานหนูทิปไม่ยอมกิน​ ( Tip Doesn't Want to​ Eat )​

 รีวิว​ หนังสือ​นิทาน​ หนูทิปไม่ยอมกิน​ ( Tip​ Doesn' t​ Want​ to​ Eat​ )      สวัสดีค่ะ​  จากสถานการณ์​การระบาดของโคโรน่าไวรัสหรือโรค​ COVID-19​ ในประเทศไทย​ ทำให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองหลาย​ ๆ​ คน​ ได้มีโอกาสอยู่กับลูกน้อยของคุณมากขึ้น​ กิจกรรมง่าย  ๆ​ อย่างการอ่านหนังสือเป็นอีกกิจกรรมที่ทำให้คุณได้อยู่ร่วมกันและได้มีโอกาสฝึกพัฒนาการและส่งเสริมการเรียนรู้โดยเฉพาะในเด็กที่อยู่ในวัยที่กำลังเข้าอนุบาล​ รวมไปถึงเด็กปฐมวัย​ วันนี้ไรท์จึงจะมาแนะนำหนังสือนิทาน​อย่าง​ หนูทิปไม่ยอมกิน​ ( Tip​  Doesn't​  Want​  to​  Eat​ ) มาฝากกันค่ะ            ที่มาของภาพ​   :  ภาพถ่ายจากผู้เขียนเอง      หนังสือนิทานหนูทิป​ไม่​ยอ​มกิน​ ( Tip​   Doesn't​ Want​ to​ Eat​ ) เป็นหนังสือ​นิทาน​ในชุด​ Tip​  The​ Mouse  ทิปหนูน้อย​ นิทาน​ 2​ ภาษา​ เขียนโดย​ Marco Campanella​ จากสำนักพิมพ์​ไทยวัฒนาพานิช  จำกัด​   ในราคา​เล่มละ​ 155​ บาท​ มีจำนวนหน้าทั้งหมด​ 29​ หน้า​ เป็นหนังสือนิทานภาพสีที่มีเรื่องราวของหนูทิป​ ลูกหนูตัวน้อยที่ไม่ยอมกินอาหารที่แม่เตรียมไว้ให้​ โดยอ้างว่าอาหารที่แม่ทำ​ มันน่าเบื่อ​ อยากกินแต่ลูกกวาด​ จนมีจักจั่นมาขอกินอาหารที่แม่หนูทำให้เพราะความหิว​ จึงทำให้หนูทิปได้เห็นคุณค่าของอาหารที่ตัวเองมี       ที่มาของภาพ​  :  ภาพถ่ายจากผู้เขียนเอง      หนังสือนิทานเล่มนี้สอนให้เด็กที่ได้อ่านรู้คุณค่าของอาหารผ่านเรื่องราวของหนูทิปตลอดจนได้เรียนรู้การแบ่งปัน​ของที่มีให้กัน​  ภายในเล่มจะเป็นกระดาษอาร์ต​  มีลวดลายของตัวการ์ตูนที่น่ารักและสีสันที่สวยงามทั้งเล่ม​ ตลอดจนภาษาที่อ่านง่ายทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ​ ทำให้ลูกหลานของท่านได้มีการฝึกภาษาที่สองไปพร้อม​ ๆ​ กัน​ อีกทั้งท้ายเล่มยังมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษง่าย​ ๆ​ ไว้ให้ท่องจำกันอีกด้วย​  หนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือนิทานอีกเล่มที่ควรหามาให้ลูกน้อยของคุณได้อ่านก่อนนอน​  นอกจากเพื่อฝึกทักษะทางด้านภาษาและส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อย​ ยังช่วยส่งเสริมสัมพันธภาพที่ดีภายในครอบครัวของคุณอีกด้วย        ที่มาของภาพ​  :  ภาพถ่ายจากผู้เขียนเอง

แฟนๆ แชร์โมเมนต์จากงาน WAR's 1st BD FAN MEET : You Know What I Like แรงขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์
อ่าน

แฟนๆ แชร์โมเมนต์จากงาน WAR's 1st BD FAN MEET : You Know What I Like แรงขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับงานแฟนมีตของหนุ่มฮอต "วอร์ วนรัตน์" ซึ่งงานมีชื่อว่า "WAR's 1st BD FAN MEET : You Know What I Like" โดยจัดขึ้นวานนี้ (6 สิงหาคม 2565) ณ MCC HALL THE MALL LIFESTORE NGAMWONGWAN ซึ่งมีแฟนคลับเข้าร่วมงานแฟนมีตในครั้งนี้กันเป็นจำนวนมาก โดยภายหลังจากจบงานแฟนมีต "WAR's 1st BD FAN MEET : You Know What I Like" ไปแล้วนั้น เหล่าแฟนคลับก็ได้ร่วมแชร์โมเมนต์ความประทับใจต่างๆ ที่เกิดขึ้นในงานฟนมีตครั้งนี้กันอย่างมากมายบนทวิตเตอร์ จนทำให้แฮชแท็ก#Wars1stBDFanmeet มาแรงติดเทรนด์ทวิตเตอร์ไปแล้ว อ่านข่าวบันเทิงวันนี้ที่เกี่ยวข้อง : แรงทั้งเทรนด์ไทยเทรนด์โลก! วอร์ วนรัตน์ กับแฟนมิตครั้งแรก การรอคอยของแฟนคลับ แฟนคลับ "วอร์ วนรัตน์" ตื่นเต้นหลังเปิดขายบัตร #Wars1stBDFanmeet วันแรก เปิดใจ "วอร์ วนรัตน์" หลังเคยคิดลาวงการ ด้าน "หยิ่น อานันท์" เผยความรู้สึกเมื่อรู้เรื่องนี้? กดเลย community แห่งความบันเทิง 📸เมาท์ข่าวดารา กับเจ๊รุงรังขังรวมทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ 🍿ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล 😍ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี

มารู้จัก หวังจื่อหาว(Wang Zi Hao , 王梓豪) ประธานหนุ่มสุดหล่อจากซีรีส์เรื่อง I Want to Resign Every Single Day (2022) ลารักพักหัวใจคุณเลขา
อ่าน

มารู้จัก หวังจื่อหาว(Wang Zi Hao , 王梓豪) ประธานหนุ่มสุดหล่อจากซีรีส์เรื่อง I Want to Resign Every Single Day (2022) ลารักพักหัวใจคุณเลขา

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ที่น่ารักทุกคนไหนใครเป็นคอซีรีส์จีนกันบ้างเอ่ย เชื่อเลยว่าวินาทีนี้ก็คงต้องยกให้เรื่อง I Want to Resign Every Single Day (2022) ลารักพักหัวใจคุณเลขา มาแรงที่สุดในตอนนี้ แต่ที่มาแรงไม่แพ้ผลงานซีรีส์คือพระเอกของเรื่องนี้อย่างหนุ่มหล่อ หวังจื่อหาว หรือประธานจินซื่ออัน ประธานที่ดูจะใจร้ายแต่ก็แอบมีมุมน่ารักเช่นกัน วันนี้จึงจะพาเพื่อน ๆ มารู้จักหนุ่มหล่อหวังจื่อหาวกันว่าเขาคนนี้เป็นใครมาจากไหน แล้วมีผลงานการแสดงอะไรบ้าง เอาเป็นว่าไปตามดูกันเลยดีกว่ากับมารู้จัก หวังจื่อหาว(Wang Zi Hao , 王梓豪) ประธานหนุ่มสุดหล่อจากซีรีส์เรื่อง I Want to Resign Every Single Day (2022) ลารักพักหัวใจคุณเลขาชื่อ : หวังจื่อหาว(Wang Zi Hao , 王梓豪)เกิดเมื่อ : วันที่ 25 เดือน สิงหาคม ค.ศ.2002สัญชาติ : จีนการศึกษา : Communication University of ChinaWeibo : 王梓豪Mikaelผลงานในวงการบันเทิงหนุ่มหล่อหวังจื่อหาวเป็นอีกหนึ่งนักแสดงหน้าใหม่ที่ได้ก้าวมาเป็นนักแสดงนำในเรื่องแรกอย่างผลงานเรื่อง I Want to Resign Every Single Day (2022) ลารักพักหัวใจคุณเลขา ผลงานการแสดงเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกและเป็นเรื่องแจ้งเกิดให้แก่วงการบันเทิงของหนุ่มหวังจื่อหาวเลยก็ว่าได้ ซึ่งในเรื่องนี้เขาได้รับบทเป็นประธานจินซื่ออัน ถึงแม้ในเรื่องนี้จะเป็นผลงานการแสดงเรื่องแรกของเขา แต่ในเรื่องฝีมือการแสดงนั้นเต็มสิบก็ให้ไปเลยสิบคะแนน เพราะแสดงดีมาก ๆ และออร่าความหล่อก็แผ่มวลจนทำให้คนดูอดเอ็นดูไม่ได้เลยบทบาท ประธานจินซื่ออันในเรื่อง I Want to Resign Every Single Day (2022) ลารักพักหัวใจคุณเลขา  หนุ่มหวังจื่อหาวรับบทเป็นคุณประธานสุดหล่อเท่ที่มาพร้อมกับความเย็นชาไม่ค่อยสนใจใคร นอกจากงานของตัวเอง คาแรกเตอร์ประธานจินซื่ออันก็จะมีการวางมาดของความเท่ ความเป็นการเป็นงาน มีความนิ่งขรึม ด้วยความที่เป็นประธานบริษัทก็ต้องวางตัวให้น่าเชื่อถือกันหน่อย แต่ ๆ เขาคนนี้กลับเป็นคนคลั่งรักถึงขั้นสุด ข้างนอกอาจจะดูเข้มแข็งกับทุกคน แต่ภายในนั้นมีแต่นางเอกทั้งใจ ไม่ว่านางเอกจะเจ็บไข้ได้ป่วยหรือได้รับบาดเจ็บอะไร หนุ่มจินซื่ออันก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือเสมอ ความประทับใจในเรื่องของความประทับใจนั้นก็คงหนี้ไม่พ้นในเรื่องของการทำงาน แน่นอนว่าหนุ่มหวังจื่อหาวพึ่งจะเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงใหม่ ๆ เลย แต่เขาคนนี้กลับทำงานด้วยความที่เป็นมือโปรมาก ๆ ทั้งในเรื่องของการแสดงในผลงานซีรีส์หรือการทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ ในเรื่องของผลงานที่ออกมาก็เป็นที่น่าประทับใจเพราะผลงานของเขาในเรื่องนี้แสดงได้ดีมาก ๆ สมบทบาท คนดูแล้วเชื่อเลยว่านี้แหละประธาน เล่นให้ดูน่าเอ็นดูก็น่าเอ็นดูสุด ๆ ไปเลย สุดท้ายนี้ก็ฝากผลงานซีรีส์เรื่อง I Want to Resign Every Single Day (2022) ลารักพักหัวใจคุณเลขา ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะภาพปก:王梓豪Mikael:1/2/3ภาพประกอบ:王梓豪Mikael :1/2/3/4 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

TikTok เพิ่มฟีเจอร์ Refresh your For You feed เพื่อรับเนื้อหาใหม่ ๆ
อ่าน

TikTok เพิ่มฟีเจอร์ Refresh your For You feed เพื่อรับเนื้อหาใหม่ ๆ

TikTok ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่มีชื่อว่า ‘Refresh your For You feed’ สำหรับผู้ใช้งานแฟนตัวยงหน้าฟีด For You โดยเฉพาะ เพื่อรีเซ็ตรับเนื้อหาสดใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อผู้ใช้งานทำการคลิกฟีเจอร์ ‘Refresh your For You feed’ ระบบจะทำการรีเซ็ตข้อมูลเนื้อหาของผู้ใช้งานให้ใหม่เหมือนกับตอนสมัครใช้งานแอปพลิเคชันครั้งแรก หลังจากนั้นระบบจะทำการรวบรวมการตั้งค่าเนื้อหาของผู้ใช้พร้อมกับแสดงเนื้อหาที่สดใหม่มากยิ่งขึ้น ฟีเจอร์นี้จะช่วยควบคุมการแสดงเนื้อหาที่สอดคล้องกับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น และป้องกันการแสดงเนื้อหาที่ซ้ำมากจนเกินไป ฟีเจอร์ ‘Refresh your For You feed’ จะอยู่ภายในตั้งค่า Content Preference หรือ ค่ากำหนดเนื้อหา โดยฟีเจอร์ใหม่นี้จะค่อย ๆ ทยอยเปิดให้ใช้งานกับผู้ใช้ TikTok ทั่วโลก ที่มา : TikTok Newsroom

The Call of the Wild เสียงเพรียกจากพงไพร
อ่าน

The Call of the Wild เสียงเพรียกจากพงไพร

ภาพประกอบถ่ายจากโฆษณาภาพยนตร์ของ Major Cineplexแนะนำภาพยนตร์ The Call of the Wild เสียงเพรียกจากพงไพรภาพประกอบถ่ายจากโฆษณาภาพยนตร์ของ Major Cineplexไม่แน่ใจว่าเคยดูเรื่อง Life of Pi กันไหมนะ แล้วยังจำเรื่องราวของพายกันได้อยู่ไหม ที่เราเกริ่นถึงหนังเรื่องนี้ เพราะในตอนนี้กำลังมีภาพยนตร์เรื่องใหม่ของทีมผู้สร้างเดียวกันกับ Life of Pi กำลังจะเข้าฉายค่ะ เนื้อเรื่องเป็นการผจญภัยของชายสูงอายุกับเจ้าบั๊คสุนัขเพื่อนยาก ภาพยนตร์ที่เรากำลังกล่าวถึงนี้คือ The Call of the Wild เสียงเพรียกจากพงไพร ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นผจญภัยที่นำเสนอผลงานโดยค่าย 20th Century Fox ถ้าใครยังคงจดจำความน่าประทับใจของการเดินทางร่วมกันบนเรือชูชีพกลางมหาสมุทรของชายหนุ่มกับเสือเบงกอลใน Life of Pi ได้  เราว่าเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรพลาดชมค่ะ แต่อาจจะมีบางท่านที่ยังไม่เคยรับชมเรื่อง Life of Pi แล้วกำลังสงสัยอยู่ว่าเรื่องนี้มันเป็นยังไงนะ เราขอเล่าเรื่องย่อให้ฟังกันสักนิด Life of Pi เป็นเรื่องราวของพายเด็กหนุ่มที่เติบโตมากับธุรกิจสวนสัตว์ของครอบครัวในประเทศอินเดีย และวันหนึ่งครอบครัวของเขาจะต้องย้ายถิ่นฐานจากอินเดียไปไกลถึงแคนาดา โดยต้องนำสัตว์ทั้งหมดในสวนสัตว์เดินทางไปด้วย ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางโดยเรือแต่เคราะห์ไม่ดีที่ระหว่างการเดินทางเรือเกิดอับปางและผู้ที่รอดชีวิตจากครอบครัวของเขาคือพายแต่เพียงผู้เดียว เขาลงเรือชูชีพมาได้แต่ในเรือชูชีพไม่ได้มีเพียงเขาเพราะเรือลำนั้นยังมี ริชาร์ด พาร์กเกอร์ เสือเบงกอลอยู่ด้วย พายต้องดำรงชีวิตฝ่าคลื่นลมในมหาสมุทรและต้องอยู่ร่วมกับริชาร์ด พาร์กเกอร์ให้ได้กับการลอยเรืออยู่กลางมหาสมุทรนานแรมเดือนจนกว่าพวกเขาจะพบฝั่งนี่คือเรื่องราวโดยย่อของ Life of Pi ซึ่งทีมผู้สร้างก็ได้นำเสนอเรื่องราวของสัตว์ มนุษย์ ธรรมชาติและการผจญภัยออกมาได้อย่างลงตัว เช่นเดียวกันค่ะ สำหรับ The Call of the Wild เสียงเพรียกจากพงไพร เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นความสนุกที่ส่งต่อจาก Life of Pi ก็ว่าได้  โดยเป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นโดยทีมผู้สร้างเดียวกันข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพยนตร์ภาพประกอบถ่ายจากโฆษณาภาพยนตร์ของ Major CineplexThe Call of the Wild เสียงเพรียกจากพงไพร  เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากนิยายดังในปี 1903 เขียนโดยเเจ็ค ลอนดอน และขณะนี้ได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แนวผจญภัย บวกด้วยความแอนิเมชัน มีความยาวในการฉาย 100 นาที เข้าฉายวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นภาพยนตร์ที่จะได้ซาบซึ้งและประทับใจไปกับความฉลาด ความกล้าหาญ และชะตาชีวิตของเจ้าสุนัขสี่ขากับชายสูงวัยที่กำลังจะพาทุกคนออกไปผจญภัยสุดขอบโลก ซึ่งมีเรื่องราวน่าตื่นเต้นมากมายที่กำลังรอพวกเขาและคุณผู้ชมทั้งหลายให้ได้ไปพิสูจน์ความสนุกและซาบซึ้งร่วมกันเหตุผลที่อยากชมภาพยนตร์เรื่องนี้ภาพประกอบถ่ายจากโฆษณาภาพยนตร์ของ Major Cineplexสำหรับเราหนังเรื่องนี้มีความน่าสนใจตรงทีมี 'เจ้าบั๊ค' เป็นตัวเอกในการเล่าเรื่องการผจญภัยไปพร้อมกับชายสูงวัย เพราะโดยส่วนตัวเราชอบหนังที่เกี่ยวกับสัตว์และธรรมชาติอยู่แล้ว หนังเรื่องนี้จึงเป็นหนังที่น่าดูสำหรับเรา ประกอบกับเป็นหนังโดยทีมผู้สร้างเดียวกับ Life of Pi ยิ่งทำให้รู้สึกว่าต้องถูกถ่ายทอดออกมาดีมากแน่ ๆ สำหรับใครหลาย ๆ คนที่มีความเอ็นดูน้องหมาและเหล่าสัตว์ทั้งหลาย ชอบเรื่องราวของธรรมชาติ เรื่องนี้ก็เหมาะที่จะเลือกชมค่ะรีวิวภาพยนตร์ The Call of the Wild เสียงเพรียกจากพงไพร ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดฉากด้วยความแสบ ความเอาแต่ใจของ บั๊ค สุนัขของนายอำเภอ หากเปรียบเทียบแล้วบั๊คก็คือลูกคุณหนูในบ้านหลังใหญ่อันสุขสบาย เรื่องราวชวนให้น่าติดตามมากขึ้นเมื่อเจ้าแสบหมาคุณหนูอย่างเจ้าบั๊คถูกลักพาตัว การลักพาตัวครั้งนี้ทำให้ชีวิตบั๊คเปลี่ยนไปมากจากความสุขสบายกลับต้องมาถูกใช้งานเป็นสุนัขลากเลื่อนในดินแดนอันหนาวเหน็บ หนังก็สื่อสารออกมาได้ดีในแง่ของการดึงเอาสัญชาตญาณสัตว์ออกมาเล่าเรื่องเพราะครั้งหนึ่งบั๊คเคยเป็นเพียงสัตว์เลี้ยง แต่เมื่อถูกนำมาใช้งานให้เป็นสุนัขลากเลื่อน ชีวิตไม่ได้สุขสบาย แถมยังต้องอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บและอยู่ร่วมกับสุนัขตัวอื่น สัญชาตญาณการเอาตัวรอดก็ถูกปลุกขึ้น สำหรับเราถือว่าจุดนี้เป็นจุดเด่นซึ่งเป็นเรื่องหลักและใจความสำคัญของหนังอยู่แล้วด้วย  ในส่วนการรับบทของ แฮริสัน ฟอร์ด ซึ่งรับบทเป็น จอห์น ธอร์นตันในหนังเรื่องนี้ เราว่าถึงตัวบทจะยังไม่โดดเด่นมาก แต่เป็นตัวละครสำคัญตัวหนึ่งที่ได้นำพาบั๊คไปสู่ความท้าทายและการผจญภัยหลายอย่างจนบั๊ค สุนัขเลี้ยงเติบโต เข้มแข็ง และเป็นสุนัขจ่าฝูงได้ในที่สุดคะแนนสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้จะอยู่ที่กลาง ๆ ระดับ 5 - 6 ค่ะ หนังสื่อสารออกมาได้ดีระดับหนึ่ง แต่เวลา 100 นาทีในการถ่ายทอด ทำให้เรื่องราวแต่ละช่วงถูกตัดให้สั้นเกินไปสักนิด และแอบเสียดายที่เจ้าบั๊คเป็นสุนัข CGหมายเหตุ : ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะกับคนที่ชอบดูหนังเกี่ยวกับสัตว์ที่เล่าเรื่องราวของสัตว์ตัวเอกเป็นหลัก แต่ต้องรู้ไว้ก่อนว่าตัวเอกของเรื่องเป็นสุนัข CG นะคะ ไม่ใช่น้องหมาตัวจริง และสำหรับคนที่ไม่ได้อินกับเรื่องราวของสัตว์มากเท่าไหร่ก็อาจจะเฉย ๆ กับเรื่องนี้ค่ะ

Do what you love
อ่าน

Do what you love

ทำในสิ่งที่รัก รักในสิ่งที่ทำ สำหรับใครที่ชอบทานของหวานอย่างไอศครีม คงคุ้นเคยกันดีกับแบรนด์ Cold Stone Creamery (โคล สโตน ครีมเมอรี่) ซึ่งเป็นไอศรีมมิกซ์-อินระดับซูเปอร์พรีเมียมรายแรกของอเมริกาซึ่งมาเปิดสาขาในประเทศ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ ชั้น 6 เมื่อเดือน มีนาคม 2552 โดยปัจจุบันได้มีการขยายสาขาถึง 10 แห่งทั่วกรุงเทพฯและเพื่อทำความรู้จักกับไอศกรีมแบรนด์นี้ เราจึงได้มาพูดคุยกับผู้บริหารสาวสวยคนเก่งผู้อยู่เบื้องหลังและมีส่วนร่วมในความสำเร็จครั้งนี้ คุณวชิราภรณ์ วานิชชัย ผู้จัดการทั่วไป Cold Stone Creameryถึงเรื่องราวการทำงานและเคล็ดลับที่ทำให้ประสบความสำเร็จจนถึงปัจจุบันTruelife: จุดเริ่มต้นของการทำงานด้านอาหารเริ่มต้นจากตรงไหน ดูตามประวัติทราบว่าคุณวชิราภรณ์ เรียนมาทางด้านอาหารโดยตรง ทำไมถึงสนใจด้านนี้คุณวชิราภรณ์ : เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยที่เราเรียน ในสมัยนั้น วิทยาศาสตร์อาหาร กำลังได้รับความนิยม เราก็เลยตัดสินใจเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวิทยาศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีการอาหาร เทคโนโลยีอาหาร เราคิดว่าอาหารเป็นอะไรที่ใกล้ตัวเรา พอจบมาก็จะมีงานอยู่ 3 ส่วนให้เราเลือกทำ อย่างแรกคือ Research and Development อย่างที่สองคือ QC และ 3 คือในส่วน Production เราคิดว่างาน Research and Development น่าจะเหมาะกับเรามากกว่าเพราะต้องใช้ความครีเอทีฟ ก็เลย เริ่มทำตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา พอเราทำงานมาได้สักพัก จะต้องเข้าไปทำงานในส่วนบริหารด้วย ตอนนั้นเราเริ่มรู้แล้วว่าความรู้ที่เรามีอยู่ยังไม่พอ จึงได้ไปเรียนต่อในด้านการตลาด และจบมาทำ การตลาดทางด้านอาหารโดยตรง ทำมาตลอด Truelife: ตลาดไอศครีมบ้านเราดูเหมือนไม่ยาก เพราะเป็นเมืองร้อน แต่ก็จะมีเจ้าตลาดอยู่แล้ว ความยากของตลาดคืออะไรคุณวชิราภรณ์ : ในหมวดอาหารทานเล่น ตลาดไอศครีมถือว่าใหญ่สุด สำหรับเรา เราคือซูเปอร์พรีเมี่ยมเป็นมิกซ์อินไอศครีม ตั้งแต่เราเปิดตลาดมา 5 ปี มีคนรู้จักเราเยอะขึ้น แต่สาขาอาจจะไม่เยอะ เพราะเรามีข้อจำกัดว่า ถ้าเราจะขยายสาขาที่ตรงนั้นจะต้องเป็นเรา และเหมาะกับเราจริงๆ Truelife: เนื่องจากมีเจ้าตลาดอยู่แล้ว มีความกดดันในการทำการตลาดไหมคุณวชิราภรณ์: เข้ามาแรกๆ เจ้าตลาดเค้าจับตามองเรา เราเข้ามาแบบมีซิกเนเจอร์ และวางตัวเป็นซูเปอร์พรีเมี่ยม หลังจากนั้น แบรนด์อื่นก็มีซิกเนเจอร์และเป็นซูเปอร์พรีเมี่ยมตามมาเหมือนกัน ถ้ากดดันจะเป็นในเรื่องกดดันในเรื่องการสั่งของและการทำประชาสัมพันธ์ เราเพิ่งมา กับเจ้าอื่นคือค้าทำมาสนานแล้ว เราพยายามที่จะทำให้คนเห็นว่า ทานของเรากับของที่อื่นไม่เหมือนกัน คนรับรู้ว่าของเราแพง เราเข้ามาแบบมีใส่ถ้วยและวัฟเฟิ่ล โบว์ ตอนนี้คือทุกคนทำแบบนี้หมดTruelife: เนื่องจากเป็นไอศกรีมจากอเมริกา ซึ่งอเมริกันจะชอบทานอะไรที่ครีมมี่มาก เมื่อนำเข้ามาบ้านเรา ต้องมีการปรับเปลี่ยนอะไรไหมคะคุณวชิราภรณ์ : เราพยายามปรับลดบางอย่างลงบ้าง ทั้งในเรื่องไซค์ คนบ้านเราอาจจะไม่ได้ทานเยอะเท่ากับคนอเมริกัน แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ในรสชาติ ลดบางตัวลง แต่คงไว้ซึ่งความเป็นเรา Truelife: นี่คือเคล็ดลับความสำเร็จหรือเปล่าค่ะ เราเริ่มต้นด้วย Passion ทำในสิ่งที่เรารักแล้วจึงผลงานจะออกมาดี คุณวชิราภรณ์: จริงๆ แล้วส่วนตัวชอบทานของคาวมากกว่า แต่พอผู้ใหญ่ไว้ใจให้ทำการตลาดของหวาน เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด พอทำไปเรื่อยๆ แล้วรู้สึกชอบทำการตลาดของหวาน เพราะสามารถที่จะครีเอทีฟได้มากกว่า ไอศครีมคือตลาดใหญ่เล่นได้เยอะ พอทำไปแล้วเราก็เริ่มสนุกกับงาน พอสนุกกับงานแล้วก็กลายเป็นความรัก เมื่อรักในสิ่งที่เราทำแล้ว สุดท้ายเราจะทำมันออกมาได้ดี เพราะเราทำทั้งหมดนั้นด้วยใจ ถ้าจะให้เปลี่ยนไปทำการตลาดอาหารคาวก็คงไม่ใช่เราแล้ว Truelife: หลักการทำงานร่วมกันที่นี่ เป็นอย่างไรคะคุณวชิราภรณ์: เราเน้นเวิร์คสมาร์ท ทำงานแล้วต้องมีเวลาให้ครอบครัว ทำงานที่นี่ชีวิตครอบครัวกับงานต้องลงตัว เพราะคิดว่าถ้าเรื่องส่วนตัวเราไม่แฮปปี้ จะมีผลกับงานที่เราทำ ฉะนั้นเราต้องทำให้ชีวิตสมดุล การทำงานที่นี่เราไม่มีความรู้สึกว่า วันนี้วันจันทร์ ต้องตื่นขึ้นมาทำงาน ทุกๆ วันของเรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำ อยากทำออกมาให้ดีที่สุด แต่ไม่ใช่ต้องเฟอร์เฟค เพราะเรารู้ว่าไม่มีอะไรที่จะสมบูรณ์แบบ เราเองไม่ได้ดีที่สุด แต่เรียกว่าเราดีในแบบของเรา ทุกวันนี้เราพยายามทำงานกับพนักงานแบบเป็นพี่ เป็นน้อง เพราะจริงๆ แล้ว เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว เราต้องอาศัยทีม ทำให้ทุกคนที่ทำงานด้วยกัน มีความสุข เมื่อมีความสุขจากข้างในหน้าตาจะยิ้มแย้มแจ่มใสและทำงานออกมาได้ดี ทำงานเป็นทีมอย่างมีความสุข

งอนตลอด (Tell Me What You Want) - Ice Paris : เพราะฉันรักเธอมาก ฉันจึงตามใจเธอตลอด
อ่าน

งอนตลอด (Tell Me What You Want) - Ice Paris : เพราะฉันรักเธอมาก ฉันจึงตามใจเธอตลอด

 เพลง "งอนตลอด (Tell Me What You Want)" ของ Ice Paris เป็นเพลงที่สื่อถึงความรักและความต้องการที่เข้มแข็ง ในบทความนี้ ผู้เขียนจะพาผู้อ่านทุกท่านมาอ่านรีวิวบทเพลง "งอนตลอด (Tell Me What You Want)" ของ Ice Paris กันครับ ติดตามอ่านในบทความนี้ได้เลยครับการเล่าเรื่องในบทเพลงเพลง "งอนตลอด (Tell Me What You Want)" ของ Ice Paris มีแก่นเรื่องเกี่ยวกับเนื้อเพลงเล่าถึงความรักและความปรารถนาอย่างเข้มงวด ฉันรักเธอมากจนฉันพร้อมที่จะทำทุกสิ่งเพื่อเธอ และฉันต้องการเธอแสดงความปรารถนาของเราไว้ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ผู้ฟังสามารถรู้สึกได้ถึงความรักที่เข้มแข็งและความต้องการในความใกล้ชิดท่อนเพลงที่ชอบBaby help me ฉันพร้อมที่จะฟังเธอ อะไรที่เธอต้องการCause I don't know what you want girl ฉันไม่สามารถจะอ่านใจเธอได้มันซับซ้อนเกิน Always take the wrong turn Just tell me what you wantผู้เขียนชอบเพลงท่อนนี้มากที่สุด เพราะ ท่อน "Baby help me ฉันพร้อมที่จะฟังเธอ อะไรที่เธอต้องการ" บอกเล่าความรู้สึกของความรักที่เกิดขึ้นตามความต้องการ เนื้อความในท่อนนี้บอกความตั้งใจและความตั้งใจของนักร้องในการแสดงความรักและความปรารถนาของเขา หรืออาจมีฉากที่เน้นแสดงความสัมพันธ์และความปรารถนาอย่างเปิดเผย ที่สร้างประสบการณ์ที่สมจริงและน่าติดตามส่วนท่อน "Cause I don't know what you want girl ฉันไม่สามารถจะอ่านใจเธอ" บอกเล่าความรู้สึกที่อยากอ่านใจเธอได้ เนื้อความในท่อนนี้เล่าเรียกร้องความรู้สึกของความคิดถึงและความปรารถนาอย่างเข้มแข็งในหัวใจของผู้ฟังโดยเฉพาะท่อน "ได้มันซับซ้อนเกิน Always take the wrong turn Just tell me what you want" บ่งบอกถึงอารมณ์ความซับซ้อน  เนื้อความในท่อนนี้ชี้ถึงความรักที่ซับซ้อนและการที่ผู้ร้องต้องพยายามที่จะเข้าใจความต้องการและความอารมณ์ของคนที่เขารัก เนื้อเพลงเล่าเรื่องนำเสนอได้เป็นอย่างดีเสน่ห์ดนตรี และเอ็มวีเสน่ห์ของดนตรี คือ ดนตรีมีจังหวะที่สนุกสนาน โดยเฉพาะเสียงของดนตรีที่เป็นไปอย่างเข้มข้นและมีเสียงที่หลากหลาย ซึ่งเสียงดนตรีสามารถเพิ่มความสนุกสนานและความอรรถรสให้กับเพลงได้อย่างดี และ เสน่ห์ของเอ็มวี บอกเล่าเรื่องราวผ่านฉากของการเที่ยวของคู่รักทั้งสองคน เป็นสัญญะที่แสดงถึงความตั้งใจและความตั้งใจของนักร้องในการแสดงความรักและความปรารถนาของเขา หรืออาจมีฉากที่เน้นแสดงความสัมพันธ์และความปรารถนาอย่างเปิดเผย ที่สร้างประสบการณ์ที่สมจริงและน่าติดตามสำหรับผู้ชมสรุปส่งท้ายเพลง "งอนตลอด (Tell Me What You Want)" ของ Ice Paris เป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่มีความไพเราะเล่าเรื่องความรักของคนสองคนได้เป็นอย่างดี โดยเพลงนี้เป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่นำเสนอมุมมองความรักที่มั่นคงในหัวใจให้กับผู้ฟังได้เป็นอย่างดี ท่านผู้อ่านที่ยังไม่เคยฟัง เพลง "งอนตลอด (Tell Me What You Want)" ของ Ice Paris อย่าลืมไปติดตามฟังกันนะครับฟังเพลงเต็มได้ที่นี่เลยครับhttps://www.youtube.com/watch?v=m5NGX9A0ptcเครดิตรูปภาพภาพหน้าปก จาก Ice Paris Entertainmentภาพที่ 1 จาก Ice Paris Entertainmentภาพที่ 2 จาก Ice Paris Entertainmentภาพที่ 3 จาก Ice Paris Entertainmentภาพที่ 4 จาก Ice Paris EntertainmentเครดิตวิดีโอIce Paris - งอนตลอด (Tell Me What You Want) [OFFICIAL MV]  อัปเดตข่าว ดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ,ฟรี 

Foodtech เปลี่ยนโลก : Our earth is what you eat เมื่อคุณเลือกทานอย่างไร โลกเป็นอย่างนั้น EP. 01 (2/2)
อ่าน

Foodtech เปลี่ยนโลก : Our earth is what you eat เมื่อคุณเลือกทานอย่างไร โลกเป็นอย่างนั้น EP. 01 (2/2)

ในตอนที่แล้ว Tech By True Digital ได้พาไปทำความรู้จักกับโปรตีนทางเลือก 4 ประเภท นั่นคือโปรตีนจากแมลง โปรตีนจากพืช โปรตีนจากสาหร่าย และโปรตีนจากจุลินทรีย์ที่เกิดตามธรรมชาติหรือมัยคอโปรตีนมาแล้ว สำหรับในตอนนี้เรามาทำความรู้จักโปรตีนทางเลือกอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างจากโปรตีนทางเลือกประเภทอื่น ๆ นั่นก็คือ โปรตีนที่พัฒนาขึ้นจากเซลล์ของสัตว์ดังกล่าวจริง ๆ ในห้องแล็บ โดยเป็นรูปแบบโปรตีนจากการเพาะเลี้ยงในห้องทดลองและโปรตีนเนื้อสัตว์จากเครื่องพิมพ์สามมิติ โปรตีนจากการเพาะเลี้ยงในห้องทดลอง (Lab-grown Meat) หรือที่บางครั้งเรียกว่า เนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บ (Cultured Meat) เป็นการผลิตเนื้อจากเทคโนโลยีการเลี้ยงเนื้อในห้องทดลอง โดยนำเอาเนื้อเยื่อหรือเซลล์ของสัตว์ต้นแบบ เช่น วัว หรือ ปลา มาสกัดสเต็มเซลล์แล้วเพาะเลี้ยงเซลล์ให้เติบโตในอุณหภูมิที่เหมาะสมด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต จนเซลล์มีจำนวนมากขึ้นและเริ่มเกาะตัวกันเป็นแผ่นคล้ายเส้นใยกล้ามเนื้อในเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิต กลายเป็นเนื้อที่ประกอบไปด้วยไขมัน กล้ามเนื้อ และเนื้อแดงของสัตว์ที่เหมือนเนื้อสัตว์จริง สามารถนำมาปรุงอาหารรับประทานได้ ในปัจจุบัน เนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บที่เกิดขึ้นจริงแล้วมีทั้งเนื้อวัว เนื้อไก่ เนื้อหมู และเนื้อปลา --- เบอร์เกอร์ไก่จากการเพาะเลี้ยงในห้องทดลอง --- ที่มา: https://www.theguardian.com/ โอกาสและความท้าทายของตลาดเนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บ ราคา คือ ความท้าทายแรกของเนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บ เพราะปัจจุบันต้นทุนการผลิตของเนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บยังสูงมากเมื่อเทียบกับโปรตีนทางเลือกอื่น ๆ ในท้องตลาด แม้ว่าราคาของเนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บจะลดลงมาอย่างมีนัยยะสำคัญ จากราคาเปิดตัวครั้งแรกของแฮมเบอร์เกอร์จากเนื้อสังเคราะห์ที่ชิ้นละ 325,200 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2013 ลงมาอยู่ที่ 2.3 -4.5 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในกลุ่มราคาพรีเมียม แม้จะมีแนวโน้มว่าต้นทุนจะลดลงมาอยู่ในระดับที่ผู้บริโภคทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ด้วยจำนวนผู้ประกอบการที่มีมากขึ้นในตลาด ทั้งในยุโรป และสหรัฐอเมริกา ส่วนเอเชีย ได้แก่ ฮ่องกง อิสราเอล สิงคโปร์และญี่ปุ่น ก็เริ่มมีสตาร์ทอัปเริ่มเข้ามาทำธุรกิจนี้ไม่น้อยและกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย KKP Research จากเกียรตินาคินภัทรมีการประเมินว่า ในปี 2020 ตลาดเนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บมีขนาดอยู่ที่เกือบ 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะเติบโตไปอยู่ที่กว่า 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025 ส่วนการประเมินของ Barclays คาดว่า ตลาดเนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บอาจเติบโตได้ถึง 140,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2029 ที่มา: https://media.kkpfg.com/ ความท้าทายถัดมาของเนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บคือ ทัศนคติและการยอมรับของผู้บริโภค แม้จะเป็นโปรตีนทางเลือกที่มีสารอาหารเหมือนที่ได้รับจากเนื้อสัตว์ในการทำปศุสัตว์ตามธรรมชาติ มีไขมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงในปริมาณที่ต่ำกว่าเนื้อสัตว์ทั่วไป และปลอดการปนเปื้อนของเชื้อโรคและยาปฏิชีวนะเพราะถูกเลี้ยงในห้องแล็บ และในบางประเทศก็เริ่มให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยแล้ว อาทิ องค์การอาหารและยาหรือ FDA และกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาที่กำหนดให้มีการตรวจสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บแล้ว --- แซลมอนสังเคราะห์จากห้องแล็บ แบรนด์ Wild Type --- ที่มา: https://www.wildtypefoods.com/ อย่างไรก็ตาม เนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บยังถือว่าได้รับความมั่นใจจากผู้บริโภคในสัดส่วนที่น้อยกว่าโปรตีนทางเลือกอื่น ๆ โดยผลสำรวจจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์และมหาวิทยาลัยเซอร์ตินในออสเตรเลีย พบว่าในกลุ่ม Generation Z หรือผู้มีอายุ 18-25 ปี มากถึง 72% ยังไม่พร้อมที่จะรับประทานเนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บ แม้ว่ากลุ่มนี้จะมีความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมและสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) มากกว่ากลุ่มอายุอื่น โดยให้เหตุผลเรื่องความปลอดภัยของอาหารประเภทนี้ เพราะมองว่าเนื้อสัตว์สังเคราะห์เป็นการผลิตทางเคมีและผ่านกรรมวิธีอย่างหนัก บ้างพูดถึงความ ไม่น่ากิน ของเนื้อสังเคราะห์จากห้องแล็บเพราะดูไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนการดัดแปลงพันธุกรรม และยอมรับโปรตีนทางเลือกทดแทนจากแหล่งธรรมชาติอื่นมากกว่า บ้างให้เหตุผลว่ารสชาติอาจไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง และบ้างตั้งคำถามถึงความยั่งยืนในฐานะหนึ่งในตัวเลือกของเนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ได้มีการขายเนื้อสัตว์สังเคราะห์เกิดขึ้นจริงเชิงพาณิชย์แล้ว โดยสิงคโปร์เป็นประเทศแรกของโลกที่อนุญาตให้มีการจำหน่ายเนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บเพื่อการพาณิชย์อย่างเป็นทางการ นำโดย EAT JUST สตาร์ทอัปจากสหรัฐอเมริกาที่นำนักเกตไก่จากไก่สังเคราะห์ในห้องแล็บออกวางขายในสิงคโปร์เมื่อเดือนธันวาคมปี 2020 ถือเป็นก้าวสำคัญของการเปิดทางให้ธุรกิจเนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บในเชิงพาณิชย์อย่างเต็มตัว รวมทั้งการได้รับการอนุมัติในสิงคโปร์ก็เป็นตัวอย่างที่อาจถูกนำไปอ้างอิงในอีกหลายประเทศเพื่อรับรองความปลอดภัยของเนื้อสัตว์สังเคราะห์ในประเทศอื่น ๆ อีกด้วย -- นักเกตไก่ แบรนด์ EAT JUST เนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องเล็บรายแรกของโลกที่วางจำหน่ายในสิงคโปร์ -- ที่มา:https://www.theguardian.com/ ล่าสุด สตาร์ทอัปในสิงคโปร์ชื่อ Shiok Meats ก็กำลังเตรียมการวางจำหน่ายเนื้อกุ้งจากกุ้งสังเคราะห์เป็นรายแรกของโลก ในขณะที่ ปลาเก๋าสังเคราะห์ และกระเพาะปลาสังเคราะห์จาก Avant Meats สตาร์ทอัปในฮ่องกงก็อยู่ในระหว่างการวิจัยและพัฒนาในห้องทดลองเพื่อทดแทนผลิตภัณฑ์ปลาและอาหารทะเลแทนการจับสัตว์น้ำ และได้ออกตัวอย่างปลาสังเคราะห์มาให้นักโภชนาการ และฟู้ดบล็อกเกอร์ ได้ทดลองชิมแล้ว โดยมีแผนวางจำหน่ายในตลาดเฉพาะสำหรับผู้บริโภคที่พร้อมจ่ายในราคาสูงกว่าการซื้อปลาและอาหารทะเลทั่วไป --- ปลาสังเคราะห์ แบรนด์ Avant Meats --- ที่มา: https://thefishsite.com/articles/lab-grown-fish-makes-a-debut-in-hong-kong ในประเทศไทยก็มีการพัฒนาเนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บแล้วเช่นเดียวกัน โดยเป็นความร่วมมือระหว่างศูนย์ Veterinary Stem Cell and Bioengineering Innovation Center (VSCBIC) คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เพื่อพัฒนาเนื้อหมูในรูปแบบ Cultured Meat ซึ่งอยู่ในระหว่างการวิจัยพัฒนาเพื่อให้ได้เนื้อหมูที่มีรสสัมผัส คุณค่าทางโภชนาการ ต้นทุนที่ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมการผลิตในปัจจุบัน และเพื่อให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ โปรตีนเนื้อสัตว์จากเครื่องพิมพ์สามมิติ (3D) โปรตีนทางเลือกในรูปแบบล่าสุดที่ต่อยอดจากเนื้อสังเคราะห์ในห้องแล็บด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีสิ่งพิมพ์ นั่นก็คือ เนื้อสัตว์จากเครื่องพิมพ์สามมิติ แม้ก่อนหน้านี้ เครื่องพิมพ์ 3D จะเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในการผลิตวัสดุในงานสถาปัตยกรรม และเครื่องมือแพทย์ แต่ในอุตสาหกรรมที่ดูห่างไกลและต้องอาศัยวัตถุดิบที่สามารถรับประทานได้อย่างอุตสาหกรรมอาหารนั้น อาจเคยเป็นสิ่งที่ฟังดูเหลือเชื่อ เหนือจริง แต่ในปัจจุบัน ทั้งเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอาหารและการพัฒนานวัตกรรมสิ่งพิมพ์ได้พาเรามาถึงจุดที่เราสามารถปรับปรุงเครื่องพิมพ์สามมิติให้เป็นเครื่องพิมพ์ชีวภาพที่สามารถสร้างผลิตภัณฑ์จากสิ่งมีชีวิตได้ โดยตัวอย่างล่าสุด คือการพิมพ์เนื้อวากิวที่สามารถรับประทานได้จริงออกมาเป็นครั้งแรกของโลก โดยเป็นผลงานจากนักวิจัยมหาวิทยาลัยโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเนื้อวากิวดังกล่าวผลิตจากสเต็มเซลล์ของเนื้อวัวและไขมันวัว มีโครงสร้างแบบเนื้อจริง มีชั้นไขมันลายหินอ่อนเหมือนชิ้นสเต็กวากิวจริง -- เนื้อสัตว์จากเครื่องพิมพ์สามมิติ (3D) -- ที่มา: https://interestingengineering.com/ การผลิตเนื้อวากิวสังเคราะห์จากเครื่องพิมพ์สามมิติของมหาวิทยาลัยโอซาก้านี้ ใช้โครงสร้างทางจุลกายวิภาคของเนื้อวากิวมาจำลองเป็นพิมพ์เขียว และใช้เทคนิคการพิมพ์สามมิติที่สามารถผลิตโครงสร้างที่ซับซ้อนและออกแบบเฉพาะได้มาเป็นหัวใจหลักของการพัฒนา โดยเริ่มต้นจากการเพาะเลี้ยงเซลล์เนื้อวัววากิวต้นแบบในห้องแล็บและกระตุ้นให้กลายเป็นเซลล์ประเภทต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการสร้างเส้นใยแต่ละชนิดได้แก่ เซลล์กล้ามเนื้อ ไขมัน และหลอดเลือด ซึ่งเป็นสามส่วนประกอบสำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของเนื้อวากิว จากนั้น จึงใช้เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติเพื่อสร้างเส้นใยกล้ามเนื้อ เส้นใยไขมันและเส้นใยหลอดเลือดจากเซลล์ที่เพาะเลี้ยงนั้นให้ออกมาในลักษณะเป็นแท่งยาวคล้ายเส้นสปาเกตตี แล้วนำมาวางเรียงซ้อนกันเป็นชั้นแบบสามมิติ จัดเรียงตามโครงสร้างของเนื้อวากิวซึ่งถูกเรียกว่าเป็น Marbling Process เพื่อให้คล้ายกับลายหินอ่อนของเนื้อวากิว -- Marbling Process จัดเรียงตามโครงสร้างเนื้อวากิว มี ไขมัน กล้ามเนื้อ และเลือด เป็นชั้นแบบ3มิติ -- ที่มา: https://www.eurekalert.org/news-releases/926245 กระบวนการนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการผลิตขนม Kintaro ของญี่ปุ่น ที่เป็นการนำน้ำตาลแท่งหลากสีมาซ้อนกันให้เป็นแท่งยาวที่เมื่อตัดขวางตามหน้าตัดก็จะเกิดลวดลายแบบที่ได้ถูกออกแบบไว้ เช่นเดียวกับการสร้างชั้นกล้ามเนื้อ ชั้นไขมันและชั้นหลอดเลือดที่ถูกวางซ้อนไว้ เมื่อตัดออกมาก็จะได้ลวดลายหินอ่อนเป็นมันแทรกสวยงามเหมือนที่ได้จากเนื้อวัววากิวจริง ๆ ซึ่งความพิเศษของกระบวนการผลิตเนื้อวากิวสังเคราะห์ด้วยการพิมพ์สามมิติคือ เราสามารถปรับแต่งโครงสร้างและเรียงลำดับเนื้อและไขมันให้ได้รสชาติ หน้าตาและปริมาณสารอาหารอย่างที่ต้องการ นอกจากนี้ ยังมีการผลิตเนื้อวัวในรูปแบบโปรตีนจากพืช (Plant-based Meat) จากเครื่องพิมพ์สามมิติ มีชื่อว่า Alt+Steak ซึ่งเป็นผลงานของบริษัท Redefine Meat จากประเทศอิสราเอล โดยนำโปรตีนจากพืชหลากหลายชนิด เช่น ถั่วเหลือง ไขมันมะพร้าวและน้ำมันดอกทานตะวัน มาใช้เป็นหมึกพิมพ์ในเครื่องพิมพ์สามมิติชีวภาพ ซึ่งหมึกพิมพ์จะใช้สูตรงานพิมพ์แยกเป็น 3 ส่วนที่ถูกเรียกชื่อว่า Alt-Muscle สำหรับพิมพ์ส่วนกล้ามเนื้อ, Alt-Fat สำหรับพิมพ์ส่วนไขมัน และ Alt-Blood สำหรับพิมพ์ส่วนที่เป็นเลือด แล้วใช้ลักษณะการพิมพ์แบบซ้ำไปซ้ำมาเลียนแบบธรรมชาติโครงสร้างกล้ามเนื้อของเนื้อวัวที่ถูกออกแบบไว้ --- เทคนิคการพิมพ์ Alt+Steak แยกเป็น 3 ส่วนตามโครงสร้างกล้ามเนื้อวัว --- ที่มา: https://www.redefinemeat.com/ ปัจจุบัน เครื่องพิมพ์นี้สามารถพิมพ์เนื้อออกมาได้ที่ 13 ปอนด์ต่อชั่วโมง โดย Redefine Meat ตั้งเป้าว่าจะออกแบบเครื่องพิมพ์สามมิติให้สามารถพิมพ์เนื้อได้ที่ความเร็ว 44 ปอนด์ต่อชั่วโมงและไต่ไปจนถึง 100 ปอนด์ต่อชั่วโมงให้ได้ในที่สุด ซึ่งเนื้อจากเครื่องพิมพ์สามมิตินี้เมื่อนำไปประกอบอาหารจะได้คุณลักษณะเหมือนเนื้อ มีความนุ่ม มีชั้นไขมันแทรก ผิวสัมผัส กลิ่น และรสชาติเหมือนเนื้อแท้ และไม่มีคอเลสเตอรอล เนื่องจากผลิตด้วยโปรตีนพืชอีกด้วย นอกจากนี้ แบรนด์อาหารหลายเจ้าและ Foodtech สตาร์ทอัปต่างก็ทยอยจับมือกับบริษัทผู้วิจัยเทคโนโลยีชีวภาพในการออกเมนูทดลองเนื้อสัตว์สังเคราะห์จากห้องแล็บด้วยการพิมพ์สามมิติ อาทิ 3D Printed นักเกต จาก KFC , ฟัวกราส์เซลล์ตับห่านจากการพิมพ์สามมิติ ของ IntegriCulture สตาร์ทอัปจากญี่ปุ่น และ เนื้อสไลด์คาร์ปาชิโอ (Carpaccio) จาก MeaTech3D อิสราเอล เป็นต้น โดยยังอยู่ในขั้นทดลองเพื่อเตรียมออกวางจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้ --- ฟัวกราส์เซลล์ตับห่านจากการพิมพ์สามมิติ แบรนด์ IntegriCulture --- ที่มา: https://integriculture.jp/ สำหรับอนาคตของเนื้อสังเคราะห์จากการพิมพ์สามมิตินั้นอาจจะยังไวไปนักที่จะประเมิน เนื่องจากส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองและวิจัยเพื่อปรับปรุงคุณภาพและราคาให้เหมาะสมกับตลาดมากที่สุด หากแต่ในอนาคตไม่ว่าโปรตีนทางเลือกที่มาจากแหล่งโปรตีนแบบใด การบริโภคที่ช่วยสร้างสมดุลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนนั้นดูจะเป็นทางออกของการสร้างทั้งสุขภาพของตัวเองและสุขภาพโลกไปในเวลาเดียวกันได้เป็นอย่างดี Tech By True Digital ได้พามาดูแล้วว่าเมื่อคุณเลือกทานอย่างไร โลกเป็นอย่างนั้น เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน สำหรับ EP. หน้า เรายังอยู่ที่ห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมอาหารที่สามารถเป็นทางเลือกให้กับโลกได้ โดยจะพาไปทำความรู้จัก Sustainable Packaging ในส่วนของ Foodtech เมื่อเทคโนโลยีทำให้บรรจุภัณฑ์เป็นได้มากกว่าการปกป้องผลิตภัณฑ์ อ้างอิง https://media.kkpfg.com/document/2021/Apr/KKP%20Thematics_Alternative%20Protein.pdf https://www.bangkokpost.com/business/2029251/singapore-first-to-okay-sale-of-lab-grown-chicken-meat https://www.prachachat.net/economy/news-755410 https://www.theguardian.com/environment/2020/dec/02/no-kill-lab-grown-meat-to-go-on-sale-for-first-time https://www.sydney.edu.au/news-opinion/news/2020/09/08/gen-z-not-ready-to-eat-lab-grown-meat--university-of-sydney-stud.html https://www.eurekalert.org/news-releases/926245 https://www.mckinsey.com/industries/agriculture/our-insights/alternative-proteins-the-race-for-market-share-is-on#