ผลการค้นหา “Absolute Zero -絶対零度-” - ทรูไอดี

สยามพิวรรธน์ โดย Absolute Siam ร่วมแคมเปญรัฐบาล “THAINESS STATION สินค้าไทย ร่วมใจเพื่อชุมชน”

สยามพิวรรธน์ โดย Absolute Siam ร่วมแคมเปญรัฐบาลTHAINESS STATION สินค้าไทย ร่วมใจเพื่อชุมชน ตามที่รัฐบาล ร่วมกับภาคเอกชน เปิดโครงการ Thainess Station สินค้าไทย ร่วมใจเพื่อชุมชน มุ่งต่อยอดและยกระดับสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ด้วยการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าไทย อาทิ ผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้า เครื่องจักสานจากกระจูด และผ้าคราม ณ ศูนย์การค้าชั้นนำ โดยซื้อจากกลุ่มแม่บ้าน และชุมชนในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อมาจำหน่ายให้กับลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ Absolute Siam Store ศูนย์รวมสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์และของที่ระลึกในแบบไทยสร้างสรรค์ ภายใต้การบริหารโดยกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ตอกย้ำในการสนับสนุนงานดีไซน์สินค้าไทย และภูมิปัญญาชาวบ้าน ร่วมผลักดันและส่งเสริมรายได้ในชุมชนท้องถิ่นตามแนวทางของรัฐบาล เปิดป๊อบอัพช็อป THAINESS STATION สินค้าไทย ร่วมใจเพื่อชุมชน พร้อมกัน 3 แห่ง ที่ ชั้น M สยามพารากอน, ชั้น G สยามเซ็นเตอร์ และ ชั้น 1 ไอคอนสยาม วันนี้ 30 เม.ย. 2567Absolute Siam Storeโดยกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ขานรับนโยบายภาครัฐและกระแสความนิยมในผลิตภัณฑ์และสินค้าไทยที่ก้าวสู่การเป็น Soft Power บนเวทีโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าขาวม้าและผลิตภัณฑ์จากกระจูดรวมทั้งงานฝีมือซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์โดยชาวบ้านอีกมากมายมาจำหน่ายเป็นของที่ระลึก เพื่อสนับสนุนฝีมือและสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านและชุมชนผ้าขาวม้าเป็นผ้าเอนกประสงค์มีลายตารางหมากรุกสีสันสดใสเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้แตกต่างจากสิ่งทอแบบดั้งเดิมอื่นๆ ช่างฝีมือในแต่ละจังหวัดสามารถเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองให้กับผ้าขาวม้า ส่งผลให้มีลวดลายและสีสันที่พิเศษเฉพาะซึ่งสะท้อนถึงความชอบเฉพาะตัวของชุมชนท้องถิ่น ซความนิยมผ้าขาวม้าของคนไทยไม่เพียงแต่มีรากฐานมาจากรูปลักษณ์อันน่าหลงใหลของผ้าเท่านั้น แต่ยังมาจากประโยชน์ใช้สอยที่หลากหลายอีกด้วย เหมาะแก่การสวมใส่ ทำความสะอาด เป็นเครื่องประดับตกแต่ง เป็นของขวัญ รวมทั้ง นำไปสู่การพัฒนาดีไซน์ให้เป็นสินค้าแฟชั่นที่ทันสมัยและสวมใส่ใช้งานได้จริงด้วยกระแสร้อนแรงของผ้าขาวม้า Absolute Siam Store จึงนำเสนอ แอ๊บโซลูทสยาม ไทยซูเวอร์เนียร์ เปิดป๊อบอัพช็อป THAINESS STATION สินค้าไทย ร่วมใจเพื่อชุมชน พร้อมกัน 3 แห่ง ได้แก่ ชั้น M สยามพารากอน, ชั้น G สยามเซ็นเตอร์ และ ชั้น 1 ไอคอนสยาม ซึ่งล้วนเป็น Global Destination ยอดนิยมที่มีลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลกเป็นจำนวนมาก นำเสนอสินค้าที่ผ่านการคัดสรร และส่งตรงจากแหล่งผลิตฝีมือชาวบ้าน ซึ่งมีหลากหลาย ทั้ง ผ้าขาวม้าย้อมสีธรรมชาติ, ผ้าขาวม้าทอมือ, ผ้าขาวม้าร้อยสี, ผ้าพันคอผ้าขาวม้า, ผ้าขาวม้าลายช้าง, ผ้าขาวม้ายกดอก และอีกมากมายจากจังหวัดราชบุรี , อุดรธานี , หนองคาย, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, สระแก้ว, นครราชสีมา, สุรินทร์, บุรีรัมย์ , ลำปาง เป็นต้น นำมาดีไซน์เป็นสินค้าในรูปแบบต่างๆ อาทิ ชุดเดรส, กระโปรง, เสื้อเชิ๊ต กางเกงลายผ้าขาวม้าสีสันสดใส, กระเป๋าเป้, กระเป๋าสะพาย, ตุ๊กตาช้างผ้าขาวม้า และหมอนรองคอนอกจากนี้ ยังมีกระเป๋ากระจูด และ กระเป๋ากระจูดสานหลากหลายดีไซน์ที่เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเป็นของฝากได้อย่างสวยงาม จากจังหวัดนครศรีธรรมราช, สงขลา, ภูเก็ต เป็นต้น รวมถึงผลิตภัณฑ์ฝีมือชาวบ้านอื่นๆ อีกมากมาย อีกด้วยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนสินค้าไทยฝีมือชาวบ้านเพื่อสร้างรายได้ และต่อยอดผลงานสู่การนำเสนอสู่สายตาคนทั่วโลกต่อไป ได้ที่ Thainess Station สินค้าไทย ร่วมใจเพื่อชุมชน วันนี้ 30 เม.ย. 2567 ที่ ชั้น M สยามพารากอน, ชั้น G สยามเซ็นเตอร์ และ ชั้น 1 ไอคอนสยาม

Review : เล่นโยคะกัน! @Absolute yoga

สวัสดีอีกครั้งค่ะสาวๆ เชื่อว่าสาวๆหลายๆคนชอบกินมากๆ แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะออกกำลังกายนะคะ เราเองออกกำลังกายหลายแบบเพราะเบื่อง่าย 1 ในนั้นคือโยคะค่ะ วันนี้จะพาไปเล่นโยคะที่นี่กันค่ะ Absolute เซนทรัลชิดลม พิกัดตั้งอยู่ที่เซนทรัลชิดลม ทางเข้าจะอยู่ตรงทางเชื่อมไปเซนทรัล embassy ค่ะเข้าไปแล้วขึ้นลิฟไปได้เลย เข้าไปถึงจะเจอเคาเตอร์ค่ะ สาขานี้คนไม่เยอะเท่าไหร่ เพราะเป็นสาขาเล็ก ชอบตรงนี้ค่ะ คนไม่เยอะไม่วุ่นวายดี การตกแต่งของสตูดิโอ เรียบง่ายสบายตา และสะอาดมากค่ะ มีห้องอาบน้ำ และลอคเกอร์ให้ใช้ ไม่ต้องแย่งกันเหมือนสาขาใหญ่อื่นๆ ที่นี่มีคลาสโยคะหลากหลายประเภท ทั้งร้อน ทั้งเย็น สำหรับ beginner, advance มีให้เลือกหลากหลาย คนไม่เยอะมาก การสอนจึงทั่วถึงกว่า ถูกใจมากๆค่ะ แนะนำว่าให้สมัครช่วงโปรโมชั่น จะได้ราคาสมาชิกที่คุ้มมากๆ สามารถมาเล่นคนเดียวได้นะคะ ไม่น่าอายหรือน่ากลัวเลย การเดินทางก็สะดวก เพราะติดบีทีเอส เล่นเสร็จออกมาเดินช้อปได้อีก โลเคชั่นดีงาม ราคาคอร์สไม่แพง ครูสอนใส่ใจ 10/10 ค่า   ทริคที่อยากแนะนำ : หากเพียงแต่เล่นโยคะอย่างเดียว หุ่นไม่เฟิร์ม ลายกล้ามไม่ขึ้นแน่นอนค่ะ ต้องควบคู่กับการทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นโปรตีน งดอาหารรสจัด ทานน้ำตาลและแป้ง แค่เพียงพอต่อการใช้งาน และสลับกับออกเวทเทรนนิ่งด้วยค่ะ เราเล่นสลับวันกับโยคะ เพื่อการคลายเส้นหลังเวท และยังได้ฝึกความยืดหยุ่น และสมาธิอีกด้วย แค่นี้ก็จะมีหุ่นเฟิร์มไว้อวดเวลาใส่บิกินี่กันแล้วค่ะ เอาใจช่วยนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ ไว้เจอกันอีกครั้งในบทความหน้านะคะ มีเรื่องอยากแชร์กันอีกเยอะเลย :) #Rejoycemyword Instagram : Joyceverr        

รีวิวซีรีส์ องศาสูญ(2023) Absolute Zero ทาง iQIYI

สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิวซีรีส์ของทาง iQIYI เรื่อง องศาสูญ หรือ Absolute Zero มีทั้งหมด 12 ตอน ตอนละ 50 นาที สมาชิกดูได้ทุกวันพุธ วันละ 1 ตอน ไม่ใช่สมาชิกออกอากาศตั้งแต่ 11 ตุลาคม 2566 ทุกวันพุธ วันละ 1 ตอน นำแสดงโดยมิกซ์ วนัส แสงเทียนประไพ รับบท ส่วนศูนย์ และศุภกร วุฒินันท์สุระสิทธิ์ รับบท องศาเรื่องราวเริ่มต้นเมื่อส่วนศูนย์ในวัยมัธยมปลายชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ บางทีก็เช่าแผ่นมาดูบางทีก็ไปดูที่โรง วันหนึ่งเขาได้ไปดูหนังที่โรงหนังจึงได้เจอกับองศา ส่วนศูนย์นั้นชอบนั่งที่นั่ง G8 ส่วนองศาก็ชอบนั่ง G9 ทั้งคู่จึงได้นั่งด้วยกันและได้นัดเจอกันจนเริ่มสนิทกัน จนตัดสินใจคบกันเป็นแฟนในที่สุด เวลาผ่านมา 10 ปี องศาประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ส่วนศูนย์นั้นเสียใจมาก จึงขอพรให้ไม่รู้จักองศาแต่เขากลับตื่นมาเจอองศาในวัยเด็ก เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ทำไมส่วนศูนย์จึงย้อนเวลากลับไปได้ก็ต้องไปดูกันส่วนศูนย์ด้วยความที่ต้องอยู่คนเดียวมานานเพราะพ่อแม่จากไปแล้วจึงดูมีแววตาเศร้าๆ ดูเงียบๆ เรียบร้อย ดูเป็นคนนิ่งๆพูดน้อย ไม่ค่อยมีความมั่นใจ ดูเป็นคนขี้อาย นักแสดงแสดงได้ดูนิ่ง เรียบร้อยองศาดูเป็นมิตรถึงแม้จะไม่รู้จักกับส่วนศูนย์มาก่อนแต่ก็พยายามเข้าไปคุย ไปผูกมิตร ดูอัธยาศัยดี สนิทกับคนง่าย นักแสดงแสดงได้ดูคุยเก่ง เป็นมิตรฉากมีความย้อนยุคนิดๆตอนทั้งคู่ยังเด็ก บ้านเรือนดูออกแนวบ้านโบราณเก่าๆ ไม่ได้ดูหรูหรามากมาย ดูเหมือนบ้านคนธรรมดาทั่วๆไป ยังมีร้านเช่าหนังที่ดูโบราณหน่อยๆ ฉากโดยรวมดูสมจริงเข้ากับมูสและโทนของเรื่อง ชอบพร๊อพเรื่องนี้เพราะดูเข้ากับบรรยากาศเรื่อง เสื้อผ้าก็คุมโทน ออกแนววินเทจๆเคมีเวลาทั้งคู่อยู่ด้วยกันนั้นดีมาก ดูแล้วเขินตอนเขาคุยกัน แววตาดูมีอะไรมากกว่าเพื่อนกัน น่ารักค่ะพล็อตเรื่องคือส่วนศูนย์ที่เสียใจที่คนรักตนคือองศาประสบอุบัติเหตุกลายเป็นเจ้าชายนิทราจึงขอพรให้ไม่รู้จักองศา แต่พอเขาตื่นมาเขากลับเจอองศาในวัยเด็ก เขาได้เริ่มทำความรู้จักองศาอีกครั้งแต่ถ้าจะทำให้พรเป็นจริงเขาต้องทำให้ทั้งคู่ไม่รู้จักกัน แต่เมื่ออดีตเปลี่ยนอนาคตก็เปลี่ยน ทั้งคู่พยายามแก้ไขอดีตเพื่อไม่ให้ใครต้องจากไป เดินเรื่องได้เรื่อยๆแต่ไม่อืดอาด พล็อตก็แปลกใหม่น่าสนใจอยากให้ดูเรื่องนี้เพราะเป็นแนวโรแมนติกดราม่า ที่เคมีนักแสดงดีมาก ดูแล้วอบอุ่นหัวใจอยากให้ไปดูค่ะเครดิตภาพปก1, ภาพปก2และภาพที่1 ตกแต่งโดย canvaภาพที่2, ภาพที่3, ภาพที่4 ขอบคุณภาพจาก twitter: iQIYI.Thailandคอมมูนิตี้ “โลกคนรักหนัง” ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน

ปรากฏการณ์ครั้งใหม่ของ นนท์ ธนนท์ กับการเปลี่ยนลุคใหม่ ใน Absolute Siam TV

พบปรากฏการณ์ครั้งใหม่ของ นนท์ ธนนท์ กับการเปลี่ยนแปลงลุคในคอนเซ็ปต์ Non Thanon non-stop พบกับชีวิตที่ไม่หยุดนิ่งของผู้ชายคนนี้ เร็วๆ นี้ ทางรายการ Absolute Siam TV ทุกวันจันทร์ 20.30-21.15น. ช่อง True Inside ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง Facebook.com/TVSociety

รีวิวซีรีส์วาย Absolute Zero ความรักที่ไม่มีวันสูญหายกับองศาสูญ

https://www.youtube.com/watch?v=8Wxm_YnExes                                    หลังจากที่ผู้เขียนได้เคยแนะนำ ABSOLUTE ZERO SERIES : OFFICIAL TRAILER องศาสูญ ก็ตั้งตารอคอยรับชม และผู้เขียนก็ได้รับชมจนจบเรื่อง แม้ซีรีส์จะจบมาแล้วสักพัก แต่ความประทับใจยังคงอยู่จนถึงตอนนี้ เหมือนกับว่าเป็นองศาที่สูญสิ้นระยะอนันต์ เหมือนความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันลาจาก จะเป็นอย่างไร เชิญตามอ่านกันได้เลยครับบทประพันธ์             https://www.instagram.com/p/C0yfAIPrBcB/                  ซีรีส์ได้เริ่มเล่าเรื่องราวของ องศา เด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาคนหนึ่ง เช้าไปเรียน เย็นกลับมาทำงานพิเศษร้านกาแฟ ได้พบเจอกับบุคคลที่ไม่ทราบที่มา รู้เพียงว่าชื่อ ส่วนศูนย์ คนที่ทำให้องศาสงสารจนอยากช่วยเหลือ เพราะคิดว่าความจำเสื่อม ช่วยหาที่พัก ให้ความช่วยเหลือทุกอย่างจนสุดความสามารถ ก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์ลึกซึ้งกินใจ แต่แล้วส่วนศูนย์ก็ได้เปิดเผยความลับ ที่มาของส่วนศูนย์ที่ทำให้องศาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อรู้ว่าพี่ศูนย์มาจากอนาคต เพื่อห้ามไม่ให้องศาได้รู้จักตัวเองในอดีต กลายเป็นภาพภายในโรงภาพยนตร์ที่ องศา และ ส่วนศูนย์ ได้พบกันครั้งแรกบนเก้าอี้ที่ปรากฎสัญลักษณ์ตำแหน่ง G8 และ G9 กลายเป็นการตัดสินใจขององศาว่าจะเดินหน้าซ้ำรอยเดิมหรือหยุดความสัมพันธ์ไว้เพียงเท่านี้ เป็นบทประพันธ์ที่สุดยอดมาก ความยากของเรื่องนี้คือการย้อนเวลา และยากคูณสองเมื่อตัวละครทั้งสองต่างย้อนเวลา เป็นหน้าที่ที่ต้องเล่าให้คนดูอย่างเรา ดูแล้วไม่งง ซึ่งเรื่องนี้ทำได้ดีมาก เข้าใจทุกเส้นเวลา ทุกการดำเนินเรื่อง การเล่าอบอุ่นลึกซึ้งกินใจมาก โดยเฉพาะบทพูด ยกให้เป็นที่หนึ่งในความลึกซึ้ง เสน่ห์ตัวละคร            https://www.instagram.com/p/C0dOEgcyDSM/?img_index=1                  องศาวัยเด็ก (รับบทโดย ศุภกร วุฒินันท์) องศาในวัยสิบแปดปีที่อยู่ในทุกเส้นเรื่อง เป็นส่วนหนึ่งในทุกเศษส่วนของความสัมพันธ์ นักแสดงเล่นดีมาก ทำให้เราเอ็นดูความน่ารักสดใสขององศา เด็กที่รักใครรักจริง มั่นคงกับส่วนศูนย์มาก ๆ แม้แต่ในวันที่ต้องเลือกให้คนที่รักอยู่รอดปลอดภัย เขาก็ทำให้เราเชื่อได้จริง ๆ ว่าการตัดสินใจมันยากมากhttps://www.instagram.com/p/C4Aa81ZyVB2/                  ส่วนศูนย์วัยเด็ก (รับบทโดย วนัส แสงเทียนประไพ) ส่วนศูนย์ในวัยสิบแปดปี เราเห็นเขาเหมือนเห็นแต่ความเงียบเหงา โดดเดี่ยวเดียวดาย ชีวิตที่ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว ชีวิตทุกวันต้องทำอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ ไม่ค่อยพูดคุย แต่แล้ววันที่ได้พบกับองศา เหมือนกับว่าได้พบกับความสดใส เป็นรักแรกพบของจริง นักแสดงน่าเอ็นดูมาก ๆ ควรค่าให้เจอรักดี ๆhttps://www.instagram.com/p/C1RfWjtJiTG/?img_index=1                  องศาวัยผู้ใหญ่ (รับบทโดย ภูวนัตถ์ เรืองเวส) องศาในวัยยี่สิบแปดปี ถอดแบบมาจากองศาในวัยเด็กทุกอย่าง เชื่อจริง ๆ ว่าเขาคือคนเดียวกัน เพียงแต่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น กล้าตัดสินใจ เด็ดขาด ฉากที่นั่งคุยกับตัวเอง ขนลุกมาก องศาไม่ห่วงชีวิตตัวเองเลย ขอแค่เธอปลอดภัย ต้องเสียอะไรไปก็ยอม https://www.instagram.com/p/Cx1t_YgPbk2/                  ส่วนศูนย์วัยผู้ใหญ่ (รับบทโดย คริส ปิยะปภาภรกูล) ส่วนศูนย์ในวัยยี่สิบแปดปี ผู้เริ่มต้นย้อนกลับมาแก้ไขอดีตเป็นคนแรก เราจึงได้เห็นตัวละครนี้เป็นคนแรกในการเริ่มต้นความสัมพันธ์ เริ่มต้นเสียน้ำตา สายตาของนักแสดงเล่าเรื่องสุด ๆ บางฉากไม่ต้องมีบทพูดก็เข้าใจได้ทั้งหมด และที่เราชอบส่วนศูนย์มาก คือเขาเคารพการตัดสินใจขององศามาก ๆ แม้การตัดสินใจนั้นจะสร้างความเสียหายในอนาคต เขาก็พร้อมรับผลลัพธ์ที่จะตามมาโปรดักชั่น               https://www.instagram.com/p/CzD5CLzru_G/                   สิ่งที่โดดเด่นมาก ๆ ของผู้กำกับท่านนี้ที่ผู้เขียนนิยามว่า...ภาพสวยเสียงเพราะ งานภาพเขาสวยมากจริง ๆ โทนเศร้าก็เศร้าสุดขีด เวลาหวานก็เขินจนตัวบิด มุมกล้องและจังหวะการตัดต่อไปกับเรื่องราวทำให้เราอินไปกับตัวละคร เสียงประกอบก็เพราะ โดยเฉพาะเสียงนาฬิกา ขึ้นมาทีไรขนลุกทุกที เพลงประกอบก็เพราะมาก ๆ ขึ้นมาตรงกับภาพที่กำลังเล่าได้พอดี อินมาก ร้องไห้ตามตลอดทั้งเรื่อง  อรรถรสในการรับชม    https://www.instagram.com/p/CzGQPMwrM09/                   สิ่งที่ชอบของซีรีส์เรื่องนี้ประเด็นแรกคือนักแสดงทุกคนเล่นดีมาก ไม่ว่าจะเข้าคู่รุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ ไม่มีติดขัดเลย เพราะเราเชื่อแล้วว่าเขาคือคนเดียวกัน นักแสดงวัยเด็กกับวัยผู้ใหญ่มีลักษณะนิสัย กิริยาท่าทางที่คล้ายกันมากจริง ๆ ประเด็นที่สองดูซีรีส์แล้วนึกย้อนถึงนิยาย มีความเหมือนกันเกือบหมด สะท้อนให้เห็นถึงความละเอียดและการให้เกียรติต้นฉบับมาก ๆ และประเด็นสุดท้ายคือการตกตะกอนหลังดูจบว่าหากเราจะเดินไปข้างหน้าเราจำเป็นต้องทิ้งบางอย่างไว้ข้างหลัง เพราะหากเราแบกรับบางอย่างเกินที่ความสามารถของเราจะรับได้ เราเองนี่แหละที่จะเป็นทุกข์                    ผู้เขียนขอยกให้ Absolute Zero หรือ องศาสูญ เป็นซีรีส์ที่ดีมาก ๆ อีกหนึ่งเรื่อง ในเรื่องของการเล่าความรักที่ไม่มีวันสูญหาย ความสัมพันธ์กลไกเรื่องเวลาที่แสนซับซ้อนแต่เข้าใจง่าย เรื่องราวที่แสนอบอุ่นดูแล้วใจฟู น้ำตารินไหลไปกับองศาและส่วนศูนย์ ประทับใจมาก ๆ ครับ คุณพีลงคะแนนบทประพันธ์              10/10เสน่ห์ตัวละคร            10/10โปรดักชั่น                 10/10อรรถรสในการรับชม   10/10คะแนนเฉลี่ย         10/10ขอขอบคุณเครดิตภาพปก จาก studiowabisabithเครดิตวิดีโอที่ 1 จาก Studio Wabi Sabiเครดิตรูปภาพที่ 1 จาก studiowabisabithเครดิตรูปภาพที่ 2 จาก torsupakornเครดิตรูปภาพที่ 3 จาก wanut_mixเครดิตรูปภาพที่ 4 จาก r_puwanatเครดิตรูปภาพที่ 5 จาก kristqiaoเครดิตวิดีโอที่ 2 จาก studiowabisabithเครดิตรูปภาพที่ 6 จาก studiowabisabith เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

Innovative World : From Zero 2 Zero แผ่นตกแต่งภายในจากวัสดุทางการเกษตร

ทุกวันนี้ ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิด PM 2.5 นั้นคือ การเผาวัสดุทางการเกษตร ที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน แต่ถ้านำวัสดุทางการเกษตรที่เหลือใช้มาแปรรูปเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจะดีขนาดไหน วันนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จัก From Zero 2 Zero แผ่นตกแต่งภายในจากวัสดุทางการเกษตร และมาวิเคราะห์กันว่าน่าใช้หรือไม่From Zero 2 ZeroFrom Zero 2 Zero คือ แผ่นตกแต่งภายในของบริษัท WASOO บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติไทยหรือผลงานคนไทย โดยนำวัสดุทางการเกษตรมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต โดยวิธีการผลิตเริ่มจากการนำวัสดุทางการเกษตร เช่น ฟางข้าวและกะลากาแฟ ใช้เยื่อกระดาษรีไซเคิลเป็นตัวประสานแทนการใช้กาวส่วนสีที่ใช้เกิดจากการย้อมสีด้วยสมุนไพรธรรมชาติ เช่น ใบเตย,มะเกลือ เป็นต้น การออกแบบเป็นยูนิตขนาดเล็กที่สามารถสร้างแพตเทิร์นได้หลากหลายรูปแบบ แล้วแถมยังสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้หรือนำไปฝังกลบก็ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติประสิทธิภาพของ From Zero 2 Zeroการกันความร้อนจากผนังได้สูงสุด 23 องศาน้ำหนักเบาติดตั้งง่ายใช้เป็นวัสดุซับเสียงหรือผนังเก็บเสียงได้ไม่ติดไฟง่ายปลวกไม่กินไม่มีสารเคมีอันตรายต่อร่างกายทาง WASOO ได้นำนวัตกรรมนี้มาโชว์ที่งาน sx sustainability expo 2022 ที่ผ่านมาด้วย ซึ่งตรงผมได้ลองถามแนวคิดของนวัตกรรมนี้จาก WASOO ในงานเลยว่า ในแต่ละปีมีการปล่อยคาร์บอนถึง 24.63 ล้านตัน ที่มาจากการเผาฟางข้าวในที่โล่งแจ้งหลังฤดูเก็บเกี่ยว และการนำฟางข้วกลับมาใช้เพียง 1 กิโลกรัม ก็จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 1,118 กรัมซึ่งผมชอบตรงการออกแบบของนวัตกรรมนี้ ที่ออกแบบเป็นยูนิตขนาดเล็กทำให้เราสามารถออกแบบศิลปะได้ด้วย แถมวัสดุที่ใช้เป็นมิตรสิ่งแวดล้อมด้วยถือว่ายอดเยี่ยมครับมุมมองและวิเคราะห์กับ From Zero 2 Zero ตรงผมจะแบ่งประเด็นเป็น 2 ประเด็นน่าใช้หรือไม่ในมุมมองของผม ทั้งน่าใช้และไม่น่าใช้น่าใช้ เพราะ ประสิทธิภาพของนวัตกรรมนี้ ที่กันความร้อนได้ 23 องศา , เก็บเสียงได้ และไม่ติดไฟง่ายด้วยไม่น่าใช้ เพราะ ตรงนี้บอกว่าปลวกไม่กิน แต่ลืมอะไรหรือเปล่า ยังมีแมลงชนิดอื่นที่สามารถกินได้อยู่ เลยทำให้เป็นจุดอ่อนของนวัตกรรมนี้ที่ถูกมองข้ามได้ง่ายคิดว่าดีหรือไม่สำหรับ From Zero 2 Zeroในมุมมองของผมคิดว่า ดี เพราะใช้วัสดุธรรมชาติที่หาได้จากทางการเกษตร ทำให้ลดการเผาฟางและหญ้าลงได้ และจะทำให้ประเทศไทยสามารถลดมลพิษทางคาร์บอนได้สำเร็จก็เป็นไปได้แล้วทุกคนว่ากันอย่างไรครับ ก็ลองพิมพ์แสดงความคิดเห็นในช่องคอมเม้นเลยได้ครับ ไม่มีผิดไม่มีถูก ผมไม่ว่ากันครับ สุดท้ายนี้หากใครที่รู้สึกชอบบทความนี้ก็แชร์ออกไปได้เลย หรือถ้าอยากจะติดตาม Innovative World สามารถกดติดตามได้ที่Facebook : WV reviewบทความ True ID : WVเรียบเรียงโดย : WVเครดิตภาพภาพประกอบจาก Facebook : WASOO : 1 , 5ภาพปกและภาพประกอบ 2 - 4 : ผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

มาทำความรู้จักกับการอ้างอิงเซลล์แบบ Relative, Absolute และ Mixed บน Excel กันเถอะ

      ใน Excel นั้นมีการอ้างอิงเซลล์หรือ Cell reference เพื่อการทำงานใน Excel ได้หลากหลายและการอ้างอิงเซลล์นั้นจะมีสองแบบคือแบบ Relative และแบบ Absolute ซึ่งแบบ Relative นั้นจะตำแหน่งเซลล์จะเปลี่ยนแปลงเมื่อมีการคัดลอกสูตรไปยังเซลล์อื่น ในทางกลับกันการอ้างอิงเซลล์แบบ Absolute นั้นตำแหน่งเซลล์ที่อ้างอิงจะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะคัดลอกไปที่ใดก็ตามขอให้การอ้างอิงเซลล์แบบ Relative และ Absolute ทับศัพท์ไปเลยนะครับ น่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่า การอ้างอิงเซลล์แบบ Relativeโดยปกติการอ้างอิงเซลล์นั้นจะเป็นแบบ Relative อยู่แล้วเมื่อมีการคัดลอกสูตรไปยังเซลล์อื่นๆ Excel จะทำการเปลี่ยนตำแหน่งที่อ้างอิงเซลล์ให้โดยอัตโนมัติ เช่น เมื่อเราคัดลอกคำสั่ง =A1 + B1 จากแถวที่ 1 มายังแถวที่ 2 คำสั่งจะถูกเปลี่ยนเป็น =A2 + B2 ในทันที สำหรับการอ้างอิงเซลล์แบบ Relative นั้นจะสะดวกสบายมากเมื่อเราต้องการที่จะทำการคำนวณแบบเดิมซ้ำๆ ในคอลัมน์หรือบรรทัดอื่นๆ ตัวอย่างการใช้การอ้างอิงเซลล์แบบ Relativeเช่นเราต้องการเขียนคำสั่งเพื่อคูณราคาและจำนวนในแต่ละบรรทัด และแทนที่จะพิมพ์คำสั่งทุกบรรทัด เราก็เพียงแค่พิมพ์คำสั่งแค่บรรทัดแรกแล้วหลังจากนั้นใช้การคัดลอกคำสั่งไปใส่ในบรรทัดอื่นๆ1. ใช้เมาส์เลือกไปที่เซลล์ D22. ใส่คำสั่ง =B2 * C2 เพื่อคำนวณจำนวนคูณด้วยราคาต่อหน่วย แล้วกด Enter เพื่อดูผลลัพธ์ของการคำนวณ3. เลื่อนเมาส์ไปที่ Fill Handle ที่มุมขวาล่างของเซลล์ D2 ที่เขียนสูตรไว้แล้วลากลงมาเพื่อคัดลอกคำสั่ง4. ดูผลลัพธ์จะเห็นว่าทุกบรรทัดได้รับการคำนวณตามต้นแบบที่เซลล์ D2 เรียบร้อยเมื่อลองดับเบิลคลิกที่เซลล์บางเซลล์เพื่อตรวจสอบคำสั่งจะพบว่าเซลล์ดังกล่าวจะถูกอ้างอิงเซลล์ได้อย่างถูกต้อง โดยในแต่ละบรรทัดจะถูกอ้างอิงเซลล์แตกต่างกันไป การอ้างอิงเซลล์แบบ Absoluteอาจจะมีบางครั้งที่เราไม่ต้องการการอ้างอิงเซลล์แบบ Relative เมื่อคัดลอกคำสั่งในเซลล์ไปยังเซลล์อื่น โดยการอ้างอิงแบบ Absolute นั้นตำแหน่งเซลล์ที่อ้างอิงจะไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อมีการคัดลอกคำสั่ง โดยเราสามารถที่จะล็อกตำแหน่งของแถวหรือคอลัมน์หรือทั้งคู่ได้ โดยการเพิ่มเครื่องหมาย $ ที่ตำแหน่งบรรทัดและคอลัมน์ หากเครื่องหมาย $ อยู่เฉพาะหน้าคอลัมน์หรือบรรทัดอย่างใดอย่างหนึ่งจะเรียกว่าการอ้างอิงเซลล์แบบผสม (Mixed)เมื่อพิมพ์คำสั่งใน Excel เราสามารถที่จะกดปุ่ม F4 เพื่อสลับไปมาระหว่างการอ้างอิงเซลล์แบบ Relative, Absolute และแบบ Mixed ได้ ตัวอย่างการอ้างอิงเซลล์แบบ Absoluteในตัวอย่างเราจะคำนวณภาษี Vat ที่ 7% และจะคำนวณที่เซลล์ D3 และคำนวณราคารวมภาษีที่เซลล์ E31. ใช้เมาส์เลือกไปที่เซลล์ D32. พิมพ์สูตรเพื่อคำนวณหาภาษี Vat 7% จากราคาขาย โดยพิมพ์สูตร =(B3*C3)*$E$1 ที่เซลล์ D3 (โดยที่ตำแหน่ง E1 นั้นจะเราใช้การอ้างอิงแบบ Absolute คือล็อกไว้ไม่ให้ตำแหน่งของภาษีเปลี่ยนไป) แล้วกด Enter เพื่อดูผลลัพธ์ของการคำนวณ3. เลื่อนเมาส์ไปที่ Fill Handle ที่มุมขวาล่างของเซลล์ D2 ที่เขียนสูตรไว้แล้วลากลงมาเพื่อคัดลอกคำสั่ง4. ดูผลลัพธ์จะเห็นว่าทุกบรรทัดได้รับการคำนวณตามต้นแบบที่เซลล์ D3 เรียบร้อยลองดับเบิลคลิกที่เซลล์บางเซลล์เพื่อตรวจสอบคำสั่งจะพบว่าเซลล์ดังกล่าวจะถูกอ้างอิงเซลล์ได้อย่างถูกต้อง โดยในแต่ละบรรทัดจะถูกอ้างอิงเซลล์แตกต่างกันไป และจะมีตำแหน่งเซลล์ E1 ที่ถูกอ้างอิงไว้แบบ Absolute ทำให้ตำแหน่งเซลล์นั้นไม่เปลี่ยนแปลงส่วนตำแหน่งที่เซลล์ E3 นั้นจะใช้สูตรว่า =(B3 * C3) + D3 ลองไปทำต่อกันดูนะครับ  ภาพโดยนักเขียนหมีขั้วโลก ทอดกรอบ〔´（エ）｀〕อัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !

[คุณพีแนะนำ] ABSOLUTE ZERO SERIES : OFFICIAL TRAILER องศาสูญ

              หากใครเคยเสียน้ำตาให้กับซีรีส์ชื่อดังอย่างด้ายแดง หรือ until we meet again the series มาก่อนแล้ว บอกเลยว่าความรู้สึกนั้นจะกลับมาอีกครั้ง เพราะผู้กำกับมากฝีมือคนนี้ คุณนิว ศิวัจน์ สวัสดิ์มณีกุล แห่ง Studio Wabi Sabi ผู้ซึ่งสร้างตำนานซีรีส์วายดัง ๆ มาแล้วมากมายหลายเรื่อง ได้ซื้อลิขสิทธิ์นิยายเรื่ององศาสูญมาดองไว้นานมากแล้ว และในที่สุดก็ได้ปล่อย OFFICIAL TRAILER ABSOLUTE  ZERO มาให้แฟน ๆ ได้รับชมกันสักทีhttps://www.youtube.com/watch?v=8Wxm_YnExes              โดย องศาสูญ หรือ ABSOLUTE ZERO เป็นผลงานปลายปากกาของนักเขียนชื่อดังอย่าง สลิล. บอกเล่าผ่านเรื่องราวชีวิตของสองตัวละครหลักนั่นก็คือ องศา (รับบทโดย ศุภกร วุฒินันท์สุระสิทธิ์ และภูวนัตถ์ เรืองเวส) กับ ส่วนศูนย์ (รับบทโดย วนัส แสงเทียนประไพ และคริส ปิยะปภาภรกูล) เป็นการบอกเล่าจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของสองตัวละคร กลับกลายเป็นจุดสิ้นสุดของการจากลา ระหว่างความสัมพันธ์ กับ กาลเวลา สิ่งไหนควบคุมได้ง่ายกว่ากัน ซีรีส์เรื่องนี้มีคำตอบองศา                องศา รับบทโดย ศุภกร วุฒินันท์สุระสิทธิ์ ในวัย 18 ปี และภูวนัตถ์ เรืองเวส ในวัย 28 ปี จากตัวอย่างอย่างเป็นทางการและโปสเตอร์แนะนำตัวละคร จะเห็นว่ามีองศาสองคน คือการบอกเล่าจากสองช่วงวัย ทั้งวัยนักเรียนและวัยทำงาน มีช่องว่างระยะห่างของอายุคือสิบปี ทั้งองศาในวัยเด็กมัธยมและองศาในวัยทำงาน มีบางสิ่งที่เหมือนกันในคาแรคเตอร์ตัวละคร คือเป็นคนที่มีสายตาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าต้องแบกอะไรไว้สักอย่าง ที่ไม่สามารถบอกใครได้ และจากตัวอย่างยังไม่เห็นบทสนทนาที่ชัดเจนขององศาในวัยผู้ใหญ่มากสักเท่าไหร่ ส่วนศูนย์               ส่วนศูนย์ รับบทโดย วนัส แสงเทียนประไพ ในวัย 18 ปี และคริส ปิยะปภาภรกูล ในวัย 28 ปี จากตัวอย่างอย่างเป็นทางการและโปสเตอร์แนะนำตัวละคร จะเห็นว่ามีส่วนศูนย์สองคน เป็นการบอกเล่าจากสองช่วงวัยเหมือนกับตัวละครองศา แต่มีบางสิ่งที่เหมือนกันในคาแรคเตอร์ตัวละครนี้อย่างชัดเจน คือเป็นคนที่มีรอยยิ้มสดใสตลอดเวลา มีมุมมองต่อโลกในแง่บวกอยู่เสมอ เป็นคนมีน้ำใจ และที่สำคัญคือไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาเมื่อเวลาหวนกลับ ความรู้สึกหวนคืน               ดูจากตัวอย่างแล้วจะเห็นว่าบทประพันธ์จะต้องมีความซับซ้อนอยู่บ้าง เนื่องจากเป็นการเล่นกับเวลา หรือด้วยเหตุผลบางอย่างอาจทำให้ตัวละครสามารถย้อนเวลาได้ หากเป็นอย่างที่ผู้เขียนคาดเดาก็ต้องเตรียมใจไว้เลยว่าจะเป็นซีรีส์เรียกน้ำตาอีกหนึ่งเรื่อง ตัวละครทั้งสองตัวหลักมีความน่าสนใจ มีเคมีบาง ๆ เพราะยังไม่เห็นเข้าคู่กันอย่างจริงจัง และชัดเจนมากว่ามีกลิ่นอายของการจากลา เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า มีพบก็ต้องมีจาก ไม่อยากจาก ก็ไม่ควรพบกันต่างแต่แรก เป็นไปได้ว่าตัวละครจะย้อนกลับมาแก้ไขโชคชะตาเพื่อจุดประสงค์บางอย่างที่ตัวอย่างยังบอกไม่หมด จึงเป็นเหตุผลที่ควรไปติดตามอย่างยิ่ง               นับว่าเป็นซีรีส์วายที่ผู้เขียนรอคอยมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่ง ผุ้เขียนต้องการเห็นการเริ่มต้นของความสัมพันธ์ และหากมีการจากลาก็จะทำให้เรารู้จักการถวิลหาบางสิ่งบางอย่างที่หายไป เป็นความเจ็บปวดที่งดงามอย่างยิ่ง โดยซีรีส์จะเริ่มออนแอร์ตอนแรกในวันพุธ ที่ 27 กันยายนที่จะถึงนี้ โดยสามารถรับชมได้ทางแอปพลิเคชัน iQIYI เท่านั้น อย่าลืมไปติดตามกันนะครับ ขอขอบคุณเครดิตภาพปก จาก Twitter Studio Wabi Sabiเครดิตวิดีโอ จาก YouTube Studio Wabi Sabiเครดิตรูปภาพที่ 1 จาก Twitter Studio Wabi Sabiเครดิตรูปภาพที่ 2 จาก Twitter Studio Wabi Sabiเครดิตรูปภาพที่ 3 จาก Twitter Studio Wabi Sabiคอมมูนิตี้ “โลกคนรักหนัง” ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน

MEAT ZERO X Auntie Anne's ชูเมนูพิเศษ “Meat Zero PIZZA PRETZEL”

MEAT ZERO (มีท ซีโร่) ผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช จาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ จับมือ Auntie Annes (อานตี้ แอนส์) ผู้นำตลาดซอฟท์เพรทเซลในประเทศไทย โดย บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ ซีอาร์จี ต่อยอดความสำเร็จรุกตลาด Plant-Based เปิดตัวเมนูสุดพิเศษ MEAT ZERO Pizza Pretzel (มีท ซีโร่ พิซซ่า เพรทเซล) ชีส Mozzarella เข้มข้น รสชาติกลมกล่อมเหมือนเนื้อไก่จริง ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ และกลุ่มมังสวิรัติยืดหยุ่น (Flexitarian) นางศุภรา ศรีบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ ซีพีเอฟ กล่าวว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใส่ใจและดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้กระแสตอบรับเนื้อจากพืช แบรนด์ MEAT ZERO เป็นสินค้าที่ได้รับการตอบรับในวงกว้างและเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและหลายประเทศ ซีพีเอฟ จึงไม่หยุดพัฒนานวัตกรรม Plant-Based ยังคงมุ่งมั่นวิจัยร่วมกับสถาบันชั้นนำระดับโลก เพื่อผลิตสินค้าคุณภาพ ปลอดภัย ให้ได้รสชาติ กลิ่น เนื้อสัมผัสเสมือนเนื้อสัตว์จริง ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมความร่วมมือระหว่าง MEAT ZERO กับ Auntie Annes ได้รับกระแสตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี เราจึงนำจุดแข็งของทั้ง 2 แบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร มารังสรรค์เมนูใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้บริโภค บริษัทฯ มั่นใจว่า เมนูนี้จะครองใจแฟนๆ ได้อย่างแน่นอน นางศุภรา กล่าวด้าน นางสาวจันทรัตน์ โตวินัส ผู้อำนวยการอาวุโส แบรนด์ Auntie Annes เปิดเผยว่า ในปี 2021 Auntie Annes ประสบความสำเร็จกับสินค้า Plant-Based Pretzel เป็นอย่างมาก จนสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในการตอบรับสินค้าจากผู้บริโภค พิสูจน์ได้จากการสร้างส่วนแบ่งยอดขายได้เกินกว่า 10% ของภาพรวมแบรนด์ฯในปีนี้ Auntie Annes ยังคงจับมือกับ MEAT ZERO ซึ่งเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ที่สร้างความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าได้เป็นอย่างดี โดยร่วมกันต่อยอดสินค้าใหม่ MEAT ZERO Pizza Pretzel ที่นำเนื้อไก่ฉีก Spicy Shredded Chicken จาก Plant-Based มารังสรรค์คู่กับแป้งเพรทเซลสูตรเฉพาะของแบรนด์ฯ จัดเต็มด้วยชีส Mozzarella แบบเน้นๆ และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีแก่สินค้าด้วยรูปทรง Brand Logo ไปพร้อมๆ กับขยายกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มเติม นางสาวจันทรัตน์ กล่าวMEAT ZERO Pizza Pretzel วางจำหน่ายในราคากล่องละ 89 บาท (สำหรับเดลิเวอร์รี่ ราคากล่องละ 99 บาท) พร้อมโปรโมชั่นให้เลือกอร่อยกับเซ็ตสุดคุ้ม ได้แก่ Set A : Meat Zero Pizza Pretzel + Lemonade 22 ออนซ์ ราคา 139 บาท และ Set B : Meat Zero Pizza Pretzel + Almond stix + Lemonade 22 ออนซ์ ราคา 185 บาท พิเศษสุดๆ เมื่อซื้อ MEAT ZERO Pizza Pretzel ชุดใดก็ได้ สามารถแลกซื้อ Almond Pretzel ในราคาเพียง 29 บาท (โปรโมชั่นนี้สำหรับซื้อที่ร้านเท่านั้น) ร่วมสัมผัสความอร่อยได้ที่ร้าน Auntie Annes ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 31 ตุลาคม 2565 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.facebook.com/AuntieAnnesThailand/ และ https://www.facebook.com/meatzero/ หรือ Line @auntieannesth หรือ CRG Call Center โทร.1312ซีพีเอฟ มุ่งมั่นวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเนื้อจากพืช (Plant-Based) ร่วมกับศูนย์วิจัยชั้นนำระดับโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไต้หวัน เป็นระยะเวลามากกว่า 4 ปี เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีรสสัมผัสเสมือนเนื้อสัตว์จริง ทั้งลักษณะและกลิ่น ตลอดจนให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ปราศจากคอเลสเตอรอล และไฟเบอร์สูง เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มมังสวิรัติยืดหยุ่น ลดการรับประทานเนื้อสัตว์ ตลอดจนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพและใส่ใจสิ่งแวดล้อมผลิตภัณฑ์เนื้อจากพืช MEAT ZERO ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี หลังเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2564 จนกลายเป็นแบรนด์เนื้อจากพืชอันดับ 1 ของไทยอย่างรวดเร็ว การันตีคุณภาพด้วยรางวัล สุดยอดรสชาติอาหารระดับโลก ประจำปี 2022 หรือ Superior Taste Award 2022 โดยสถาบันชั้นนำของโลก International Taste Institute ณ กรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม จากสินค้านักเก็ตและไส้เบอร์เกอร์รสกระเทียม คว้ารางวัล THAIFEX-ANUGA Taste Innovation Show 2022 ในงาน Thaifex-Anuga World of Food Asia 2022 ด้วยนวัตกรรม PLANT-TEC เทคนิคการสร้างรสสัมผัสเสมือนเนื้อสัตว์จริง พร้อมทั้งรางวัลชนะเลิศ BEST PLANT-BASED BRANDING จาก Root The Future Plant-Based Food Awards 2021 จากผลโหวตของผู้บริโภค และรางวัล ผู้ส่งออกด้านนวัตกรรมอาหารแห่งปี 2021 (The Export Initiative of the Year - Food) จากเวที The Asian Export Awards 2021 จัดโดย Manufacturing Asia สื่อชั้นนำด้านการส่งออกระดับภูมิภาคเอเชีย

MEAT ZERO X Auntie Anne's เปิดเมนูพิเศษ“Meat Zero PIZZA PRETZEL”

รีวิว My Absolute Boyfriend (2019) พบกับแฟนหนุ่มหุ่นยนต์เวอร์ชันจินกู

 รับชมแบบมีพากย์ไทยได้แล้วบนช่อง Viu 36 ตอนจบ เป็นการแสดงคู่กันของยอจินกูและมินอาจากวง Girls Day ที่พล็อตเรื่องค่อนข้างน่าสนใจ เรื่องย่อ https://www.facebook.com/viuthailand/videos/674140194179605 เล่าเรื่องของนางเอกที่เลิกกับคนที่ทำงานในวงการ หรือแฟนหนุ่มของตัวเองที่คบกันมาตลอดเจ็ดปี และได้เจอกับหุ่นยนตร์เวอร์ชันแฟนหนุ่มที่ผู้ผลิตรู้สึกผูกพันจึงไม่ต้องการทำลายทิ้งซึ่งขัดกับความต้องการของบริษัทิหรือองค์กร ความรู้สึกที่ดู  เป็นซีรีส์รอมคอมที่ดูได้เรื่อยๆ ก็มีช่วงที่สนุกบ้าง ช่วงที่น่าเบื่อบ้าง ชอบการแสดงของน้องยอจินกูอยู่ มองว่าสมจริงและฝีมือการแสดงจากนักแสดงเด็กค่อนข้างพัฒนาเป็นอย่างมากและเล่นได้ดีทีเดียว การตัดต่อและการดำเนินเรื่องค่อนข้างเล่าได้ย่อยง่ายพอสมควร ตามสไตล์การถ่ายไป ออนแอร์ไปของคนบ้านเขา พล็อตเรื่องค่อนข้างน่าสนใจในการตั้งคำถามเกี่ยวกับความรู้สึกของมนุษย์และความผูกพันของหุ่นยนต์ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอนาคตได้ ที่คนเราอาจจะเบื่อหรือหมดรักในการคบกับมนุษย์ด้วยกันเอง แล้วปันใจไปกับหุ่นยนต์ที่ทำตัวดีกว่า สุภาพกว่า และน่ารักกว่า จริงๆเป็นเรื่องน่าปวดหัวและประเด็นที่น่าตั้งคำถามมากว่าคนเรากับหุ่นยนต์จะรักกันได้งั้นเหรอ หรือถ้าเกิดว่ามันมีหุ่นยนต์เกิดเครื่องรวนขึ้นมาและทำงานผิดพลาด  มีส่วนที่ดูน่าเบื่อและขาดๆเกินๆบ้าง แต่ก็เป็นซีรีส์ที่สนุกมาก มองว่าสามารถดูได้เรื่อยๆ แม้จะมีบางช่วงที่งงๆอยู่บ้างก็ตาม โดยส่วนตัวแล้วพบว่าน้องยอจินกูที่เล่นเป็นหุ่นยนต์แสดงได้ดีพอสมควร แล้วทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ออกเดตกับน้อนยอจินกูเวอร์ชันแฟนหนุ่มของเราจริงๆ ซึ่งก็เป็นซีรีส์รอมคอมทั่วๆไป ซึ่งทำให้คนดูอยากรู้ตอนจบเป็นอย่างมากว่าตอนจบจะได้คู่กันมั้ย ด้านเนื้อเรื่องก็มีส่วนที่ทำออกมาได้ซึ้งอยู่ เมื่อเนื้อแท้ของมนุษย์แล้วเห็นแก่ตัวและโหดร้ายในความสัมพันธ์ หุ่นยนต์แฟนหนุ่มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความโรแมนติกในการเป็นคนในฝันหรือแฟนหนุ่มในอุดมคติจะเข้ามาแทนที่คนที่อยู่ในใจมาตลอดเจ็ดปีในความสัมพันธ์ของมนุษย์ด้วยกันได้มั้ย ก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัยอยู่เหมือนกัน เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากซีรีส์จีนและซีรีส์ญี่ปุ่นอีกทีหนึ่ง ก็ถือว่านำมารีเมคต่อได้ดีพอสมควรจากปี 2008 และปี 2012  เรื่องนี้น้องยอจินกูหล่อมากๆ ต้องขอยอมรับเลยคะแนนรีวิว 8.5/10   บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิว​ Wednesday​ (2022) พบกับความสยองขวัญสุดเพี้ยนของน้อง Wednesday​ จากบ้าน Addams​​ จากบ้าน Addamsรีวิว The Crown Season 5 กลับมาอีกครั้งกับครอบครัวราชวงศ์จากประเทศอังกฤษรีวิว ANNA (2022) เมื่อเธอต้องโกหกว่าเป็นคนอื่นจนได้ใช้ชีวิตหรูหราอู้ฟู่รีวิว Do Revenge (2022) เจ็บลึกกับบาดแผลเหมือนรอยสักของคนที่โดนเพื่อนแกล้งเลยวางแผนซ้อนแผนรีวิว Sky Castle (2018) เสียดสีเรื่องตลกร้ายของวงการการศึกษาประเทศเกาหลีใต้ ขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก / Canva รูปประกอบภาพหน้าปกที่​ 1​ โดย​ Viu Thailandรูปภาพประกอบที่ 1 / 2 / 3 / 4 โดย Viu Thailand จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !

บ้าน Net-zero ของแท้ !! ใช้พลังงานจากธรรมชาติเท่านั้น

แนวคิดในการใช้ชีวิตในบ้านหรู แต่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อยู่ใกล้ภูเขา ต้นไม้และแม่น้ำ นั้นมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดและค่อนข้างโรแมนติกมากๆThe Rain Harvest Home คือบ้าน Net-zero ที่ใช้พลังงานจากธรรมชาติโดยตรง ตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติของ Valle Bravo ซึ่งอยู่ห่างจาก Mexico City เพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่แค่บ้านเท่านั้น เพราะมันมีสตูดิโอของสถาปนิกและโรงอาบน้ำแบบแยกส่วน ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณบ้านเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นขอบคุณภาพจาก : yankodesign.comตัวบ้านถูกออกแบบมาให้สามารถปรับสมดุลพลังงานเพื่อดึงพลังงานจากพลังงานหมุนเวียนมาใช้ได้ โดยพื้นฐานแล้ว ตัวบ้านออกแบบมาให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ทำเลที่ตั้งต้องล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ ตัวบ้านติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ รวมไปถึงระบบบำบัดและจัดเก็บน้ำภายในตัว ทำให้เราไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าหรือน้ำในการอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้เลย ตัวอาคารมีโรงอาบน้ำแยกเดี่ยว มีรูปทรงกลมที่ภายในเต็มไปด้วยอ่างน้ำร้อน ซาวน่า ห้องอบไอน้ำ และห้องน้ำ ตรงกลางเป็นสระแช่ตัวเย็นๆ สามารถมองขึ้นไปเพื่อมองท้องฟ้าได้โดยตรงตัวบ้านโดดเด่นด้วยวิวทิวทัศน์สุดระการตาของภูเขา Volcan Toluca สร้างอยู่บนพื้นคอนกรีตที่ยกสูงขึ้น ซึ่งตัวพื้นได้มีการผสมหินภูเขาไฟเอาไว้ด้วย ตัวหลังคาปูพื้นด้วยหญ้าเขียวที่มาพร้อมกับเสาเหล็ก ถ้าเราดูตัวบ้านจาก Google Earth ตัวบ้านแทบจะเป็นส่วนเดียวกับเขตอนุรักษ์ธรรมชาติขอบคุณภาพจาก : yankodesign.comแหล่งที่มาyankodesign.com

Jujutsu Kaisen: Zero The Movie (มหาเวทย์ผนึกมาร 0)

เรื่องย่อ Jujutsu Kaisen: Zero The Movie ชื่อเรื่อง Jujutsu Kaisen: Zero The Movie (มหาเวทย์ผนึกมาร 0)ประเภท แอนิเมชั่น / แอคชั่น / แฟนตาซีให้เสียงพากย์โดย เมกุมิ โอกาตะ, คานะ ฮานะซะวะ, มิกะโกะ โคมัตสีกำกับโดย พัคซองฮูกำหนดฉาย 23 มิถุนายน 2022ความยาว 105 นาที คุณสามารถดูอนิเมะ Jujutsu Kaisen มหาเวทย์ผนึกมาร ได้ที่ทรูไอดี กดที่นี่

แป้กหรือปั๊วะ!! รีวิวบาล์มล้างเครื่องสำอาง Banila Co : Clean it zero ทางเลือกใหม่ของสาวที่ไม่ชอบน้ำมัน

เนื่องจากผู้เขียนเป็นผู้หญิงอีกคนที่ค่อนข้างพิถีพิถันในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า อีกทั้งบุคคลรอบกายมักจะเข้ามาปรึกษาเรื่องปัญหาผิวหน้าอยู่เสมอรวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้วันนี้ผู้เขียนจึงมารีวิวผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางตัวโปรดของผู้เขียนมาฝากกัน**โดยอ้างอิงจากความเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียน**หลังจากที่ผู้เขียนได้ผิดหวังกับผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางหลายตัวเนื่องจาก เนื้อน้ำมัน : เมื่อใช้แล้วรู้สึกเหนอะหนะหน้า อีกทั้งยังทิ้งความมันเอาไว้หลังจากล้างเสร็จเนื้อน้ำ : ล้างเครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปากได้ไม่สะอาด ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางสำหรับรอบดวงตาและริมฝีปากเพิ่ม ซึ่งนอกจากจะสิ้นเปลืองเวลาแล้วยังสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายอีกด้วยแผ่นเช็ดเครื่องสำอาง : เมื่อเช็ดไปแล้วรู้สึกแสบหน้าเพราะทิชชู่ที่ใช้เช็ดต้องเสียดสีใบหน้าตลอดเวลาทำให้กังวลเรื่องผิวหน้าว่าจะบางลงหรือไม่เมื่อไม่มีรูปแบบของเนื้อผลิตภัณฑ์ที่ถูกใจ ผู้เขียนจึงสรุปถึงผลิตภัณฑ์ที่ต้องการได้ว่ามีความมันได้ มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบได้แต่ไม่มากจนเกินพอดี ตัวเดียวครบ จบทั้งหน้า ไม่ต้องซื้อแยกให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเพิ่มต้องทาแล้วนวดได้เลย ไม่ผ่านทิชชู่ ไม่มีการเสียดสีจากสิ่งอื่นนอกจากนิ้วมือของเราล้างสะอาดหมดจด ไม่เหลือสิ่งอุดตันและพรหมลิขิตที่ทำให้ผู้เขียนมาพบกับผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ก็คือ ในช่วงหนึ่งผู้เขียนเคยรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าขนาดทดลองจากประเทศเกาหลีใต้มาขายและมีลูกค้าหลายท่านสอบถามมาถึงเจ้า Banila Co : Clean it Zero หรือบาล์มล้างหน้า บาล์มแทยอน ซึ่งในตอนนั้นผู้เขียนก็ไม่มีจำหน่าย พอโดนสอบถามเข้ามามากเข้า ผู้เขียนเลยตัดสินใจนำมาขายในจำนวนไม่มาก รวมถึงนำมาลองใช้เองด้วย..และผู้เขียนก็เจอผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางที่ตามหามานานเพราะมันตอบโจทย์ที่ผู้เขียนต้องการได้ครบหมดทุกข้อเรามาชมการรีวิวผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้โดยตัวผู้เขียนเองกันเลยบรรจุภัณฑ์ภาพประกอบบทความจากผู้เขียนมีจำหน่าย 2 ขนาดได้แก่ 30 ml. และ 100 ml. กระปุกนี้ผู้เขียนซื้อมาขนาด 30 ml. ใช้ได้ประมาณ 3 เดือนหรืออาจมากกว่านั้นถ้าผู้ใช้นั้นใช้อย่างประหยัดภาพประกอบบทความจากผู้เขียนตัวกระปุกทำจากพลาสติกอย่างหนา มีเนื้อสัมผัสเหมือนทราย ขรุขระเล็กน้อยป้องกันลื่นหลุดมือ ด้านหลังเป็นข้อมูลของผลิตภัณฑ์ในภาษาเกาหลีด้านในผลิตภัณฑ์ภาพประกอบบทความจากผู้เขียนด้านในจะประกอบไปด้วยเนื้อบาล์มเรียบๆน่าใช้ (ขออภัยที่ในภาพแลดูเหมือนผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชนเนื่องจากผู้เขียนรีวิวเอง ใช้เองจริง) แต่ความเรียบจะสังเกตเห็นได้จากผิวหน้าที่หลงเหลืออยู่ภาพประกอบบทความจากผู้เขียนที่สำคัญทางแบรนด์ได้แถมพายตักเนื้อบาล์มมาด้วยโดยเหน็บไว้ด้านบนของฝา ซึ่งมันดีต่อผิวหน้ามากเนื่องจากการใช้นิ้วมือป้ายตัวผลิตภัณฑ์โดยตรง อาจทำให้เชื้อโรคติดอยู่ที่เนื้อผลิตภัณฑ์ ซึ่งก่อให้เกิดสิวได้เนื้อ สี และกลิ่นของผลิตภัณฑ์ภาพประกอบบทความจากผู้เขียนเนื้อผลิตภัณฑ์มีลักษณะเป็นเนื้อบาล์มสีขาวขุ่นคล้ายเนื้อของลิปมันหรือวาสลีน แต่หยาบกว่า (ทางแบรนด์กล่าวว่าเป็นเนื้อเชอร์เบท) มีกลิ่นคล้ายเบอร์รี่หวานๆภาพประกอบบทความจากผู้เขียนเมื่อโดนผลิตภัณฑ์สัมผัสกับน้ำจะกลายสภาพเป็นน้ำนมผลลัพธ์การใช้วันนี้ผู้เขียนแต่งหน้าค่อนข้างหนักโดยเฉพาะบริเวณดวงตาภาพประกอบบทความจากผู้เขียนภาพประกอบบทความจากผู้เขียนภาพประกอบบทความจากผู้เขียนสังเกตได้ว่า ทางด้านซ้ายมือ ผู้เขียนได้ใช้ผลิตภัณฑ์ไปแล้วครึ่งหน้าพบว่า สามารถลบเครื่องสำอางบริเวณรอบดวงตาออกมาได้หมดรวมถึงดินสอเขียนคิ้วด้วยภาพประกอบบทความจากผู้เขียนภาพประกอบบทความจากผู้เขียนเมื่อนวดผลิตภัณฑ์ทั่วหน้าและล้างออกด้วยน้ำเปล่า จะเห็นได้ชัดว่า เนื้อบาล์มเปลี่ยนเป็นน้ำนมภาพประกอบบทความจากผู้เขียนเมื่อล้างเสร็จพบว่า เครื่องสำอางถูกลบออกจนเกลี้ยง (เว้นเสียแต่ผู้ใช้จะนวดผลิตภัณฑ์ได้ไม่ทั่วถึง) หน้าไม่แห้งตึงอีกด้วยที่สำคัญคือ ผู้เขียนเคยมีวันที่ขี้เกียจ จึงลองใช้แค่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้แล้วนอน ไม่ใช้โฟมล้างหน้าเพิ่ม ก็ไม่มีสิวอุดตันเพิ่มขึ้นแต่อย่างใดหากผู้อ่านท่านใดสนใจผลิตภัณฑ์ตัวนี้สามารถหาซื้อได้ที่ Watson หรือร้านที่รับหิ้วของจากเกาหลีใต้ ราคามีตั้งแต่ 3xx-1xxx บาทสุดท้ายนี้ผู้เขียนขอแจ้งให้ทราบว่า ทางแบรนด์ไม่ได้จ่ายเงินเพื่อขอให้ผู้เขียนรีวิวหรือทำการตลาดให้แต่อย่างใด แต่เขียนขึ้นจากใจของผู้เขียนที่ต้องการแนะนำสิ่งดีๆให้กับผู้อ่านค่ะ ขอขอบคุณภาพประกอบหน้าปกจากผู้เขียน                         

CKP เผยปี 65 กำไร 2,436 ลบ. มุ่งเป้า Net Zero ในปี 2593

#ทันหุ้น - นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เปิดเผยว่า ในปี 2565 มีผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่องในทุกมิติของการดำเนินงาน ทั้งในด้านรายได้ กำไร สินทรัพย์ และส่วนแบ่งผลกำไรจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่หนี้สินของบริษัทฯ ลดลงตามแนวทางการบริหารจัดการทางการเงิน โดยในปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 11,418.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 9,334.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,083.6 ล้านบาท คิดเป็น 22.3% เป็นรายได้สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯและเป็นครั้งแรกที่มีรายได้รวมเกิน 10,000 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของ CKP ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยในปี 2565 บริษัท มีกำไร 2,436.2 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรสุทธิที่สูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไร 2,179.0 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 257.2 ล้านบาท คิดเป็น 11.8% ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 39.3% จากปีก่อน เนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี (XPCL) มีปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ยมากกว่าปีก่อน ส่งผลให้ปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และผลประกอบการของ XPCL ในภาพรวมเติบโตกว่าปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับฐานะทางการเงินของ CKP ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทฯ มีสินทรัพย์ 69,846.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.3% ขณะเดียวกัน มีหนี้สินรวม 31,906.6 ล้านบาท ลดลง 2.9% จากการทยอยชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และจากการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระ ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (Net Interest-bearing Debt to Equity Ratio) ปรับตัวลดลงจากปีก่อน โดย ณ สิ้นปี 2565 อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำที่ 0.59 เท่า นายธนวัฒน์ กล่าวว่า CKP มีผลประกอบการที่ดี แม้จะต้องเผชิญสถานการณ์ค่าพลังงานที่สูงตามสถานการณ์พลังงานในตลาดโลก ทั้งนี้เป็นผลมาจากกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ซึ่งลดการพึ่งพิงเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีราคาผันผวน เราตั้งเป้าที่จะเข้าไปขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ในภูมิภาค ซึ่งทุกโครงการจะใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด โดยจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งหมดจากเดิม 89% เป็น 95% ภายในปี 2567 นอกจากนี้ แม้ว่าการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศสหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของ CKP ในปี 2566 แต่ทั้งนี้ หนี้สินระยะยาวตามงบการเงินรวมของ CKP ร้อยละ 83 เป็นหุ้นกู้สกุลเงินบาทที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ และในส่วนของบริษัทร่วม XPCL ก็มีนโยบายบริหารความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยผ่านการทำ Interest Rate Swap และการออกหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ โดยมีการติดตามการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยและบริหารจัดการหนี้สินระยะยาวให้มีสัดส่วนที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง ในปี 2565 CKP มีอันดับเครดิตองค์กร (ทริสเรตติ้ง) ที่ A แนวโน้มอันดับเครดิต คงที่ และ ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็น หุ้นยั่งยืน ประจำปี 2565 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และได้รับรางวัล Rising Star Sustainability Awards จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ยังได้รับคะแนนการกำกับดูแลกิจการ (CG Score) ในระดับ ดีเลิศ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย รวมถึง ได้รับรางวัล ASEAN CG Scorecard (ACGS) ประจำปี 2564 ประเภท ASEAN Asset Class จาก ASEAN Capital Markets Forum (ACMF) และธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) จากความสำเร็จของ CKP ในด้านผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคงและยั่งยืนในฐานะผู้พัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งพิสูจน์แล้วจากรางวัลที่บริษัทได้รับจากองค์กรชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริษัทยังคงยืนหยัดที่จะสร้างความมั่นคงในธุรกิจพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมต่อไป เพื่อก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาค นายธนวัฒน์กล่าว CKP มุ่งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG emissions) ภายในปี 2593 และในปี 2565 โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในเครือของ CKP ผลิตไฟฟ้าสะอาดได้ถึง 9,921 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ซึ่งเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 5.0 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี

แสนสิริจับมือ Huawei ส่งแคมเปญ “SOLAR to ZERO” ปลดล็อกสินเชื่อโซลาร์

ปฏิวัติการเข้าถึงพลังงานสะอาด ! โดยแสนสิริได้จับมือกับ 3 พันธมิตร ได้แก่ หัวเว่ย (HUAWEI) ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมจากประเทศจีน , ลีสซิ่ง ไอซีบีซี (ICBC Leasing) และไอออน (ION) เปิดตัว SOLAR to ZERO แคมเปญสินเชื่อเงินกู้เพื่อบ้านรักษ์โลก ดอกเบี้ยต่ำ 0% ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันครั้งแรกในประเทศไทยโครงการโซลาร์ ทู ซีโร่ (SOLAR to ZERO)โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นบ้านในโครงการของแสนสิริทั้งหมด โดยเฉพาะบ้านในโครงการแสนสิริ ที่ยังไม่เคยติดแผงโซลาร์ และมีนิติดูแล โดยพลัส พร็อพเพอร์ตี้ กว่า 300 โครงการ และนอกจากนี้บ้านในทุกโครงการใหม่แสนสิริ ทุกระดับเซ็กเมนท์ ที่ต้องการติดตั้งแผงโซลาร์เพิ่มจากเดิมที่แสนสิริติดตั้งให้ เพื่อรองรับการใช้งานและช่วยประหยัดค่าไฟฟ้ามากขึ้น โดยความร่วมมือครั้งนี้ ตั้งเป้าติดตั้งแผงโซลาร์ 100% จำนวน 10,000 ครัวเรือน ภายใน 5 ปี คาดว่าจะช่วยลดคาร์บอนได้ 42,000 ตันคาร์บอนต่อปีปัจจุบัน แสนสิริ ได้ติดตั้ง Solar Roof ไปแล้วกว่า 800 หลัง เทียบเท่าการลดคาร์บอนแล้วกว่า 1,145 ตันคาร์บอน ติดตั้ง EV Charger ไปแล้ว 400 หลัง เทียบเท่าการลดคาร์บอนแล้วกว่า 537 ตันคาร์บอน กำจัดของเสียในอยู่อาศัยแล้ว 1.7 ล้านกิโลกรัม เทียบเท่าการลดปริมาณคาร์บอนแล้วกว่า 1,174 ตันคาร์บอน เพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกต้นไม้แล้ว 73,661 ต้น เทียบเท่าการลดคาร์บอนกว่าแล้ว 700 ตันคาร์บอน ซึ่งการร่วมมือกับพันธมิตรในครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้ลูกบ้านทุกหลังเข้าถึงพลังงานสะอาดได้อย่างเท่าเทียมในส่วนของหัวเว่ย จะเข้ามามีบทบาทเกี่ยวกับระบบโซลาร์เซลล์อัจฉริยะนี้จะแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพลังงานดังกล่าวจะถูกนำมาเก็บไว้ในอุปกรณ์จัดเก็บพลังงานอัจฉริยะ จะช่วยให้ครัวเรือนที่จะใช้พลังงานสีเขียวได้ตลอดทั้งวันแสนสิริมุ่งหน้าสู่องค์กรเน็ท-ซีโร่ (NET-ZERO)โดยแสนสิริมีความตั้งใจที่จะเดินหน้ามุ่งสู่องค์กร NET-ZERO ภายใต้พันธกิจของแสนสิริ อสังหาฯ ไทยรายแรกที่ตั้งเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็น ศูนย์ ภายในปี 2050 และผลักดันประเทศสู่สังคมไร้คาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรมข้อมูลและภาพจากแสนสิริ

CPF ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืน ชู Net-Zero และ ซัพพลาย เชน

ซีอีโอ ซีพีเอฟ ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ร่วมแสดงวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนองค์กรบนเส้นทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ในงาน Sustainability Forum 2022 : The People and the Planet จัดโดย สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) โดยได้อภิปรายพิเศษ ในหัวข้อ The Responsibility : Sustainability as Core Corporate Strategy ณ โรงแรมอนันตรา สยามนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า ความยั่งยืนในธุรกิจไม่ใช่แค่การผลิตและขายสินค้า แต่เป็นการยกระดับธุรกิจที่จะทำให้สังคม ประเทศ และสิ่งแวดล้อมดีขึ้น ภายใต้หลัก ESG (Environmental Social Governance) ซึ่งสอดคล้องกับ ปรัชญา 3ประโยชน์ ที่เครือซีพีและซีพีเอฟยึดเป็นแนวปฏิบัติ และเป็นปรัชญาที่ท่านประธานอาวุโส ธนินท์ เจียรวนนท์ ดำริไว้และใช้ในการทำธุรกิจมาอย่างยาวนาน โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ ประโยชน์ต่อสังคม และประโยชน์ของบริษัทซีพีเอฟมีการดำเนินงานด้านความยั่งยืนมานานแล้ว เรามีความเป็น Circular Economy ในตัวเอง แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ปัญหาก๊าซเรือนกระจก เป็นความท้าทายและเป็นเรื่องใหญ่มาก ซีพีเอฟ จึงให้ความสำคัญกับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero)เป็นกลยุทธ์ (Strategy)หลักในการดำเนินงาน และมุ่งให้ความสำคัญกับเรื่องการใช้พลังงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยนอกจากการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานชีวมวล พลังงานก๊าซชีวภาพ และพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ 27% ของการใช้พลังงานทั้งหมด ช่วยลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 575,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ในปี 2022 ซีพีเอฟได้ประกาศยกเลิกการใช้ถ่านหิน 100% (Coal Free 2022 ) สำหรับกิจการในประเทศไทย การตั้งทีมงานพิเศษขึ้นเพื่อติดตามเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมไปถึงชวนซัพพลายเออร์ที่มีอยู่ในพอร์ต ตระหนักรู้และให้ความสำคัญในเรื่องนี้ซีพีเอฟ ยังได้ให้ความสำคัญกับประเด็นความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่การผลิต อาทิ ได้ประกาศความมุ่งมั่นว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพและการต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่า และกำหนดเป้าหมายในการจัดซื้อวัตถุดิบทางการเกษตรหลักที่สำคัญ ได้แก่ ข้าวโพด ปลาป่น น้ำมันปาล์ม ถั่วเหลือง และมันสำปะหลัง ร้อยละ 100 จากการจัดหาทั่่วโลกของซีพีเอฟ จะต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้และมาจากพื้นที่ที่ปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า ภายในปี 2573 รวมทั้งวางแนวทางการตรวจสอบพื้นที่การเกษตรเพื่อให้มั่นใจได้ว่าวัตถุดิบจะไม่มาจากแหล่งที่บุกรุกหรือตัดไม้ทำลายป่าพร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้นำความสำเร็จจากการดำเนินโครงการด้านความยั่งยืน เป็นแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practice) แลกเปลี่ยนประสบการณ์ กับบริษัทเอกชนชั้นนำ และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรในโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสุกรรายย่อย (คอนแทรค ฟาร์มมิ่ง) คือ การใช้ Biogass ในฟาร์มสุกร ที่สามารถผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้ภายในฟาร์มเป็นฟาร์มสุกรที่เป็นกรีนฟาร์ม ไม่ปล่อยกลิ่นหม็นเป็นมิตรกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม ช่วยลดต้นทุนด้านไฟฟ้า และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนายประสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ซัพพลาย เชน เป็นอีกประเด็นสำคัญในเรื่องความยั่งยืนขององค์กร ซึ่งปัจจุบัน ซีพีเอฟ มีคู่ค้ามากกว่า10,000 บริษัทในประเทศไทย และในช่วงที่เกิดวิกฤตสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน ได้ดูแลซัพพลายเออร์ที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยลดระยะเวลาเครดิตเทอมจาก 45-60 วันเป็น 30 วัน และล่าสุด ซีพีเอฟ ร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ ดำเนินโครงการสนับสนุนคู่ค้าจำนวน 1 หมื่นราย สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ เป็นความร่วมมือผ่านบริการสินเชื่อหมุนเวียนของธนาคารกรุงเทพ ส่วนในปีหน้า จะมีการตั้งทีมทำงานเป็น Engineering Consulting เพื่อให้คำปรึกษาและคำแนะนำกับซัพพลายเออร์ในการมุ่งสู่เป้าหมาย Net-Zero Emission เป็นเรื่องของความยั่งยืนที่บริษัทจะร่วมมือกับซัพพลาย เชน อย่างต่อเนื่องซีพีเอฟ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้ 3 เสาหลักสู่ความยั่งยืน คือ อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดินน้ำป่าคงอยู่ นอกจากบริษัทจะทำหน้าที่ในการผลิตอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย มีคุณค่าให้แก่ผู้บริโภคแล้ว ยังร่วมดูแลสังคม และดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง จังหวัดลพบุรี ซึ่งปลูกป่าไปแล้ว 7,000 ไร่ โครงการซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน อนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน พื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ระยอง และตราด เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนองค์กรบนเส้นทางการพัฒนาที่ยั่งยืน

GULF มุ่งสู่ Net Zero ในปี 93-เพิ่มพลังงานหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 40% ปี 78

#GULF #ทันหุ้น-GULF เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ตั้งเป้าลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 และเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้ไม่น้อยกว่า 40% ของกำลังการผลิตทั้งหมดภายในปี 2578 เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมสานต่อภารกิจ Powering the Future, Empowering the People ที่ครอบคลุม 4 กลยุทธ์สำคัญ เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำการเป็นองค์กรชั้นนำด้านพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานยั่งยืนในระดับภูมิภาค นายธนญ ตันติสุนทร Executive Officer บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 30 ปี ในการดำเนินธุรกิจ GULF ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และถือเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารจัดการธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานด้านความยั่งยืนขององค์กรให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่มีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ เป้าหมายที่ 7 การสร้างหลักประกันว่าทุกคนเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ในราคาที่สามารถซื้อหาได้ เชื่อถือได้ และยั่งยืน, เป้าหมายที่ 13 ปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่เกิดขึ้น, เป้าหมายที่ 8 การส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง ครอบคลุม และยั่งยืน การจ้างงานเต็มที่และ มีผลิตภาพ และการมีงานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน, เป้าหมายที่ 3 การสร้างหลักประกันการมีสุขภาวะที่ดี และการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย และเป้าหมายที่ 6 การสร้างหลักประกันเรื่องน้ำและการสุขาภิบาล ให้มีการจัดการอย่างยั่งยืนและมีสภาพพร้อมใช้ สำหรับทุกคน รวมถึงการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบ ESG ที่ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ตลอดจนการประเมินประเด็นด้านความยั่งยืนที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ และผู้มีส่วนได้เสียทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Materiality Topics) โดยตั้งเป้าหมายที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ลงทุนเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ด้วยการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนให้ไม่น้อยกว่า 40% ของกำลังการผลิตทั้งหมดภายในปี 2578 พร้อมกับบูรณาการประเด็นด้าน ESG ตลอดห่วงโซ่คุณค่าร่วมกับคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ ขณะเดียวกันยังมุ่งสร้างคุณค่าร่วมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ตั้งแต่พนักงาน ผู้ถือหุ้น ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เพราะเชื่อว่าความสำเร็จทางธุรกิจต้องเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม และการมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม GULF จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนและสังคมที่ยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Powering the future, Empowering the people ซึ่งครอบคลุม 4 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 1) การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภคสำหรับชุมชนท้องถิ่น โดยดำเนินการผ่านโครงการ GULF Sparks, Life Starts เติมพลังไฟให้ชีวิต เพื่อติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในพื้นที่ทุรกันดาร จุดประกายทุกชีวิตให้สว่างไสว ด้วยไฟฟ้าสะอาด โดยดำเนินการไปแล้ว 4 พื้นที่ ได้แก่ 1) โรงเรียนบ้านห้วยน้ำไซ (สาขาร่องกล้าวิทยา) อ.นครไทย จ.พิษณุโลก 2) เกาะทุ่งนางดำ อ.คุระบุรี จ.พังงา 3) บ้านคลองทราย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และ 4) โรงเรียนมอเคลอะคี อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ตลอดจนโครงการ Green Energy Green Network for THAIs พลังงานสะอาดเชื่อมเครือข่ายเพื่อคนไทย ที่ร่วมกับ AIS เพื่อมอบโอกาสในการเข้าถึงพลังงาน และเทคโนโลยีดิจิทัล มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสทางการศึกษา เพิ่มการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุข ตลอดจนการเติบโตของเศรษฐกิจชุมชน และยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยในพื้นที่ห่างไกล ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ผลิตพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ให้แสงสว่างแก่ชุมชน พร้อมติดตั้งระบบสื่อสารจากสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้แก่ชุมชนห่างไกล โดยดำเนินการไปแล้วใน 6 พื้นที่ ได้แก่ 1) บ้านดอกไม้สด อ.ท่าสองยาง จ.ตาก 2) บ้านมอโกโพคี อ.ท่าสองยาง จ.ตาก 3) บ้านแม่ตอละ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน 4) บ้านผีปานเหนือ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ 5) บ้านแม่โมงเย้า อ.แม่สรวย จ.เชียงราย และ 6) บ้านขุนก๋อง อ.แม่ทา จ.ลำพูน สามารถผลิตไฟฟ้าได้กว่า 22 กิโลวัตต์ มีประชาชนที่ได้รับประโยชน์กว่า 4,000 คน 2) การสนับสนุนการศึกษา สำหรับทุกเพศทุกวัย ทุกระดับชั้นในทุกพื้นที่ ดำเนินการผ่านโครงการ หนึ่งทุน หนึ่งฝัน ปั้นอนาคต ที่จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 เพื่อมอบทุนการศึกษาให้กับผู้ป่วยในความดูแลของศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้า และกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สร้างโอกาสทำตามความฝันให้กับผู้ป่วยของศูนย์ฯ ที่ทางครอบครัวมีรายได้น้อย ให้ได้เข้ารับการศึกษาในระดับสูงสุดตามความมุ่งหวังของครอบครัวและตามศักยภาพทางสติปัญญาและร่างกายของผู้ป่วย ขณะเดียวกันยังร่วมกับ มูลนิธิออทิสติกไทย จัดกิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาการ และพัฒนาทักษะด้านศิลปะให้กับเยาวชนจากมูลนิธิฯ ตลอดจนการส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาสำหรับเด็กพิเศษ โดยร่วมกับ ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดสระบุรี หน่วยบริการแก่งคอย ในการปรับปรุงห้องเรียน และอาคารสถานที่ให้มีความพร้อม มีความปลอดภัย สะดวกสบาย และเอื้ออำนวยต่อการดูแลเด็กกลุ่มนี้ ตลอดจนการสนับสนุนอุปกรณ์การเรียน เครื่องเล่นต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญยังดำเนินโครงการ GULF Sparks Energy ชวนน้องท่องโลกพลังงาน ให้กับเด็ก ๆ นักเรียน โดยนำร่องในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพลังงานประเภทต่าง ๆ และรู้จักแหล่งที่มาของพลังงานที่ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงหลักการทำงาน และกระบวนการผลิต ผ่านฐานกิจกรรมการเรียนรู้ที่สนุกสนาน แฝงไปด้วยสาระและความรู้ พร้อมทั้งปลูกฝังแนวคิดการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย 3) การส่งเสริมสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดี ทั้งในระดับบุคคล ชุมชน และสาธารณสุข ดำเนินการผ่านโครงการออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ GULF Sparks Smiles มอบรอยยิ้มสดใสให้ชุมชน ที่ร่วมกับ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 มาจนถึงปัจจุบัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคมให้ได้รับการรักษาจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขที่มีคุณภาพ พร้อมกันนี้ยังได้ต่อยอดโครงการด้วยการสนับสนุนการปรับปรุงอาคารโครงการทันตกรรมปากเกร็ด จ.นนทบุรี สำหรับเด็กที่อยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ในพื้นที่บ้านปากเกร็ด นอกจากนี้ ยังสนับสนุนกล้องผ่าตัดกระดูกไขสันหลังชนิดแผลเล็ก (Endoscopic Spine Surgery) แก่ศูนย์ผ่าตัดผ่านกระดูกสันหลังและระบบประสาท โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของโรงพยาบาลในการผ่าตัดกระดูกสันหลังชนิดแผลเล็ก ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ลดเวลาการพักฟื้นที่โรงพยาบาล และลดโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียง ตลอดจนการสนับสนุนการสร้างศูนย์ไตเทียม โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพิ่มโอกาสการเข้าถึงนวัตกรรมการฟอกไตประสิทธิภาพสูง เป็นต้น และ 4) การส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ดำเนินการผ่านโครงการ Green Mission by Chula x GULF ภารกิจรักษ์ยั่งยืน โดยร่วมกับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ สถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อปลูกจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนไทย โดยเปิดโอกาสให้เขาเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืน ไม่เพียงเท่านี้ GULF ยังได้ดำเนินโครงการ ศูนย์การเรียนรู้และแปลงนาสาธิตหนองแซง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่โรงไฟฟ้าหนองแซง จ.สระบุรี โดยได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2557 เพื่อสนับสนุนการทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืน และเศรษฐกิจหมุนเวียน ทำให้เห็นว่าโรงไฟฟ้าสามารถอยู่คู่กับชุมชนได้โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต และผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งมีฐานการเรียนรู้ด้านการเกษตรที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการปลูกข้าวอินทรีย์ การปลูกผักผลไม้ การเลี้ยงไก่ไข่อินทรีย์ และการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ตลอดจนมีกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อแบ่งปันความรู้ให้แก่เกษตรกร ผู้ที่สนใจได้มาศึกษาดูงาน รวมถึงเป็นพื้นที่สันทนาการในท้องถิ่น ส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์และการท่องเที่ยวเชิงเกษตรอีกด้วย ปัจจุบัน GULF ได้ดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนและสังคมที่ยั่งยืน ครอบคลุม 4 กลยุทธ์หลักไปแล้วกว่า 60 โครงการ ครอบคลุม 3,500 ชุมชน ใน 40 จังหวัดของประเทศไทย มีประชาชนจำนวนว่า 20,000 คน ที่ได้รับประโยชน์จากการดำเนินโครงการ สามารถสร้างรายได้กว่า 200,000 บาทต่อปี และจากความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อความยั่งยืน ทั้งในมิติการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการยกระดับชีวิตของผู้คน ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมให้เติบโตไปด้วยกัน ทำให้ GULF ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิก SP Global Sustainability Yearbook ในกลุ่มอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคไฟฟ้า (Electric Utilities) และยังได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนชั้นนำระดับโลก FTSE4Good Index ตลอดจนได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อ หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings กลุ่มทรัพยากร จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และในปี 2567 ที่ผ่านมายังได้รับการประเมินในระดับสูงสุด AAA อีกด้วย GULF จะยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน และพร้อมสานต่อภารกิจ Powering the Future, Empowering the People ตอกย้ำการเป็นองค์กรชั้นนำด้านพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานยั่งยืนระดับภูมิภาค ที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน และยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคนต่อไปนายธนญ กล่าว

"แผ่นดินทอง" จับมือ "ช้อปปี้" จัดแคมเปญ “7.7 JUST ZERO” รับโปรดบ. 0% นาน 48 เดือน

แผ่นดินทอง จับมือ ช้อปปี้ จัดแคมเปญ 7.7 JUST ZERO รับโปรดบ. 0% นาน 48 เดือน นายภวรัญชน์ อุดมศิริ กรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาโครงการทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยว บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่า ในเดือนกรกฎาคมนี้ ทางโกลเด้นแลนด์ ได้ร่วมมือกับ บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) ผู้นำแพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน จัดแคมเปญ 7.7 JUST ZERO ถือเป็นการเริ่มการตลาดออนไลน์ในอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นการช่วยเพิ่มช่องทางการตลาดเข้าถึงผู้บริโภคในยุคดิจิทัล และสามารถสร้างแบรนด์ โกลเด้น ทาวน์ และโครงการทาวน์โฮมของบริษัทฯ ให้เป็นที่รู้จักกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยลูกค้าที่สนใจโครงการ สามารถซื้อดีลส่วนลดผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน Shopee โดยการซื้อดีลส่วนลด เพียง 777 บาท นำมาจองทาวน์โฮมพร้อมอยู่ ภายใน 31 กรกฎาคมนี้ จะได้ส่วนลดเพิ่มเป็น 20,000 บาท และได้รับโปรโมชั่นพิเศษที่จัดขึ้นเฉพาะช่องทางผ่าน Shopee คือ รับดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือนอีกด้วย และถ้าซื้อดีลในวันที่ 7 เดือน 7 จะได้เป็นส่วนลดเพิ่มเป็น 30,000 บาท

CPF คว้า 4 รางวัล 'MEAT ZERO และ CP โบโลน่า' สุดยอดแคมเปญการตลาด เวที MAT Award 2022

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ คว้า 4 รางวัล MEAT ZERO และ CP โบโลน่า สุดยอดแคมเปญการตลาด จากเวที Marketing Award of Thailand 2022" style="height: 370px;">

พลิกชีวิตด้วยกฎ No zero days

 เครดิตภาพหน้าปก canva หลายๆ คนก็อาจจะเคยมีความคิดที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองอยู่หลายครั้ง อยากเป็นคนที่ดีกว่าเดิม อยากพัฒนาไปข้างหน้า อยากเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ แต่หลายครั้งก็อาจมีอุปสรรคหรือที่เราเรียกกันว่ากับดักทางความคิดที่มาขวางกั้นการพัฒนาของเรา วันนี้แอดมินจะมารีวิวเทคนิคดีๆ ที่สามารถพลิกชีวิตของเราให้กลายมาเป็นชีวิตที่มีแต่การพัฒนาในทุกๆ วัน ไม่น่าเบื่อจำเจ และที่สำคัญไม่มีต้นทุน เพียงแค่อาศัยการลงมือทำและความสม่ำเสมอ โดยกฎที่เรากำลังจะมาพูดถึงกันนั้นมีอยู่ 4 ข้อ ด้วยกัน ถ้าอยากรู้แล้วตามไปดูกันเลย  เครดิตภาพประกอบรูปที่ 1 canva กฎข้อที่ 1 หยุดให้วันของเรามีแต่ 0 ศูนย์ในที่นี้ก็คือการที่เราอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนหมดวัน เราลองปรับเปลี่ยนวิธีคิดของเราก่อนในอันดับแรกโดยการสร้างเป้าหมายเล็กๆ ระหว่างวัน เริ่มจากวันหยุดที่เราอาจจะว่างจากงานที่น่าปวดหัว ลองลุกขึ้นมาทำอะไรตอนเช้า อาจจะเริ่มจากจัดเก็บที่นอนให้เป็นระเบียบเมื่อเราตื่น หรือทำอาหารเช้ามื้อเล็กๆ ทานยามเช้า พยายามให้วันหนึ่งวันของเราไม่ให้เป็น 0  เครดิตภาพประกอบรูปที่ 2 canva กฎข้อที่ 2 ขอบคุณ "อดีต" และวางแผน "อนาคต" ให้ดี ในวันที่เลวร้ายมีแต่เรื่องที่ทำให้เราปวดหัว เราลองเปลี่ยนมาเขียน "ขอบคุณ" ใส่ลงในสมุดเล่มน้อยๆ แล้วเราจะค้นพบว่าในวันที่แย่ก็ยังมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น อาจเริ่มจาก "ขอบคุณ" ตัวเองที่วันนี้ไม่ตื่นสาย ทำให้มาทำงานหรือมาเรียนได้ทัน "ขอบคุณ" ที่วันนี้ฝนไม่ตกท้องฟ้าแจ่มใส เป็นการเขียนขอบคุณสิ่งเล็กๆ ที่เราประสบพบเจอในชีวิตประจำวันของเรา หรือบางคนอาจเริ่มต้นด้วยกับ การขอบคุณอดีตที่ทำให้เราเติบโต ขอบคุณคนบางคนที่เคยผ่านเข้ามาอยู่ในช่วงชีวิตของเราช่วงหนึ่งแล้วก็ผ่านไป บางคนก็แวะผ่านเข้ามาทำเรื่องดีๆ ให้เรา หรือทำเรื่องไม่ดีให้เรา แต่ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าจะผ่านมาสร้างรอยยิ้มหรือน้ำตาให้เรา แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะได้รับอย่างแน่นอนก็คือ "การเรียนรู้" ในการวางแผนอนาคตเกิดจากการกระทำในอดีตที่ส่งผลมายังปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่นการวางแผนการเงินที่ดี ทำให้เรามีเงินเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น สามารถซื้อของที่อยากได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิด นี้คือผลพวงจากอดีตที่เราวางแผนการใช้จ่ายและเก็บเงินมาดี จึงส่งผลมาในอนาคตเรามีเงินพอใช้และสามารถซื้อความสุขให้ตัวเองได้  เครดิตภาพประกอบรูปที่ 3 canva กฎข้อที่ 3 ให้อภัยตัวเองและใจดีกับตัวเองบ้าง ในหลายครั้งที่เราต้องกดดันตัวเองว่าต้องไปให้ถึงเป้าหมาย แต่ในหลายครั้งเราก็ไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้เรารู้สึกล้มเหลวและผิดหวังในตัวเอง คิดซ้ำไปมา ไม่กล้าเริ่มต้นใหม่ ทำให้ติดอยู่ในวังวนเดิมๆ ซ้ำไปมา หลายครั้งเราใจดีกับคนอื่นมาเยอะ แต่เราอย่าลืมใจดีกับตัวเองบ้าง ลองสมมติตัวเองเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่เราอยากให้เขาประสบความสำเร็จ ลองปล่อยวาง ปล่อยใจให้กับความผิดพลาด ให้เป็นแค่เพียงจุดเล็กๆ ในชีวิตที่จะทำให้เราก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลง  เครดิตภาพประกอบรูปที่ 4 canva กฎข้อที่ 4 หมั่นออกกำลังกายและอ่านหนังสือ ในวันที่เราไม่รู้ที่จะทำอะไรการออกกำลังกายกับอ่านหนังสือก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี ที่จะทำให้เกิด No zero days ได้ การออกกำลังกายทำให้ร่างกายแข็งแรง รู้สึกสดชื่น ในขณะเดียวกันการอ่านหนังสือก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะการอ่านคือขุมทรัพย์แห่งความรู้ ที่ยิ่งอ่านเราก็จะยิ่งเห็นหลายๆ อย่างบนโลกใบนี้มากขึ้น เสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ได้จากการอ่าน และทำให้เราเข้าใจผู้อื่นมากยิ่งขึ้น  กฎ No zero days ทั้ง 4 ข้อ ถ้าเราทำครบทั้งหมดมันจะเปลี่ยนโลกของเราไปอย่างสิ้นเชิง แต่ปัญหาของคนเราส่วนมาก มักจะเป็นพวกชอบวางแผน แต่ไม่ลงมือทำ จึงทำให้วันนี้ก็ไม่ต่างจากเมื่อวาน ฉะนั้นตั้งเป้าหมายให้ชัดแยกออกเป็นส่วนๆ ยังไม่ต้องรีบทำให้สำเร็จทุกเรื่องในวันเดียว แต่ทำให้สำเร็จไปทีละเรื่องแต่มั่นคงอาจเป็นหนทางที่ดีกว่า เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับกฎ No zero days ทั้ง 4 ข้อที่แอดมินนำมาฝาก หวังว่าทุกคนจะลองทำหรือลองเอาไปปรับใช้ให้เข้ากับทุกคนดูนะคะ   เรื่องโดย P.ramleeขอบคุณภาพจาก canva ภาพปก / ภาพประกอบรูปที่ 1 / ภาพประกอบรูปที่ 2 / ภาพประกอบรูปที่ 3 / ภาพประกอบรูปที่ 4อัปเดตสาระดี ๆ มีประโยชน์แบบนี้อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !

(คลิป) CPF โชว์วิสัยทัศน์ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน Net-Zero ในงานสัมมนา Sustainability Forum 2022

Re:Zero มีในรูปแบบเกมมือถือแล้ว!!

Re:zero อีกหนึ่งการ์ตูนชื่อดังได้ถูกนำมาดัดแปลงเป็นเกมมือถือโดย SEGA และได้ใช้ชื่อเกมว่า Re:zero - Starting Life in Another World Lost in Memories โดยใช้ชื่อสั้นๆว่า Re:zero zelos จากนิยายสู่การ์ตูนจากการ์ตูนสู่เกมมือถือนับว่าเป็นเรื่องที่ประสบความสำเร็จอย่างมากเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนักเพราะเกมที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนมีอยู่ค่อนข้างเยอะ มาแนะนำกันคร่าวๆดีกว่าครับRe:Zero − Starting Life in Another World Lost in Memories เป็นเกมสำหรับแพลตฟอร์มโทรศัพท์มือถือที่นำเสนอในรูปแบบ RPG/ADV ผู้เล่นจะเล่นเป็นตัวเอกอย่าง Subaru Natsuki พระเอกที่มีพลังบางอย่างในการเปลี่ยนแปลงอดีตได้ โดยจะดำเนินเรื่องราวตามอนิเมะซีรี่ส์เลยดังนั้นเนื้อหาจะเป็นตามต้นฉบับ 100% สามารถทบทวนเรื่องราวพร้อมกับสนุกไปกับการเล่นในเกมได้ สำหรับใครไม่เคยดู Re:zero หรืออ่านนิยายอยากให้ลองไปหาดูก่อนครับเพราะตอนนี้เซิฟที่เปิดให้เล่นคือJPแน่นอนครับ ละแน่นอนว่าคนเล่นมีไม่เยอะนักที่จะสามารถแปลหรือเข้าใจภาษาญี่ปุ่นได้ทั้งหมดดังนั้นทางที่ดีควรไปหานิยายอ่านหรือดูการ์ตูนก่อนครับ เพราะเนื้อหามันไม่ใช่แนวต่างโลกสบายๆ มันออกจะโหดร้ายหน่อยๆเลยครับ   ภาพตัวอย่างเกมคร่าวๆครับ ผมไม่ค่อยแน่ใจนะครับว่าตัวเลือกที่เราเลือกมีผลอะไรกับเนื้อเรื่องของเกมไหมแต่ถ้าให้ผมเดาๆก็อาจจะให้แฟนๆได้จีบตัวละครที่เราชอบรึป่าวนะ เพราะเวลาผมเล่นเกมแนวนี้ผมกดข้ามค่อนข้างบ่อยเลยไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากครับ (ขออภัยด้วยนะครับ)   ภาษาอังกฤษก็มีให้เราออกจะน้อยนิดเลยนะครับเพราะงั้น เราคงจำเป็นต้องใช้ความสามารถส่วนตัวของแต่ละคนในการเดาแล้วล่ะครับแต่อย่าไปเผลอ กดลบไอดีนะครับ เพราะถ้าลั่นไปโดนแล้วล่ะก็ไม่ต้องเดาครับได้นับ0ใหม่เลย คุณจะได้กลายเป็น Subaru พระเอกของเรื่องไปในทันทีเลยล่ะครับ โดยตัวเกมจะเปิดให้ บริการวันที่ 22 พฤษภาคม 2020 ส่วนเสียงตัวละครแน่นอนว่าเป็นเสียงจากคนพากย์เดิมที่เคยให้เสียงในอนิเมะซีรี่ส์ครับ   สรุปแล้ว สำหรับใครที่เป็นแฟนอนิเมะเรื่อง Re:zero ก็ควรลองโหลดมาเล่นกันสักครั้งเพราะตัวเกมนั้นก็สร้างมาเพื่อเจาะกลุ่มแฟนคลับเรื่องนี้อยู่แล้ว แม้ตัวเกมจะเป็นภาษาญี่ปุ่นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้เล่นต่างชาติจะเล่นไม่รู้เรื่องนะครับ เพราะตัวเกมก็ยังพอมีภาษาอังกฤษเล็กน้อยอยู่ครับ ภาพและข้อมูลครับ NewsQoo  Wall.alpha

เครือซีพีเดินหน้าลดโลกร้อน สู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 พร้อมประกาศรณรงค์แคมเปญ “ตอบแทนโลก 2 เมตร”

10 สิงหาคม 2565 นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ เครือซีพี เปิดเผยว่าภาวะโลกร้อนหรือการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิของโลกถือเป็นประเด็นสำคัญเร่งด่วน ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน บริหารจัดการ โดยเครือซีพีและกลุ่มธุรกิจในเครือฯได้ดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในหลายด้าน อาทิ การบริหารจัดการทรัพยากรตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การใช้พลังงานสะอาด การดูแลทรัพยากรน้ำ การปกป้องระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนการจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างรับผิดชอบ เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายการลดขยะเป็นศูนย์ และความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ.2030 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ.2050 สิ่งสำคัญคือการสร้างความตระหนักรู้ให้กับทุกคน โดยล่าสุดได้ประกาศแคมเปญ ตอบแทนโลก 2 เมตร รณรงค์ให้พนักงานเครือซีพีและบริษัทในเครือฯ และคนไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ได้ตระหนักรู้ถึงปัญหาโลกร้อน ผ่านแนวคิดการตอบแทนโลก เชื่อมต่อกันได้ โดยมีเทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ขวัญใจชาวไทยทั้งประเทศ ร่วมเป็นหนึ่งพลังสำคัญในการตอบแทนโลกครั้งนี้สิ่งสำคัญที่จะทำให้โลกยั่งยืนได้คือการสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมา ให้การศึกษาและความรู้เรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ ยิ่งเขาเห็นว่าเขาสามารถช่วยเป็นหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับส่วนรวม ให้กับประเทศ ให้กับโลกได้ เขาก็จะพร้อมจะเข้ามาร่วมขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ ภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมันกำลังเกิดขึ้นจริง และเราเห็นแล้วว่า ระบบนิเวศน์ของโลกที่เราต้องพึ่งพิงเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นมีความเปราะบางมาก เราเห็นถึงผลกระทบอย่างชัดเจนต่อภาคการเษตร การท่องเที่ยว และสุขภาพของมนุษย์ ทั้งในประเทศไทย และทั่วทั้งภูมิภาค และทั่วโลก ถึงเวลาที่พวกเราต้องร่วมมือกัน เพียงดูแลโลกเล็กๆ ของแต่ละคน โลกของเราย่อมดีขึ้นได้แน่นอน ซีอีโอเครือซีพี กล่าวด้านนางสาวพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หรือน้องเทนนิส นักเทควันโดหญิงเหรียญทองโอลิมปิก ตัวแทนคนรุ่นใหม่ ในฐานะ Brand Ambassador ในแคมเปญเปิดเผยว่า โลกร้อนเป็นปัญหาใหญ่ของโลกและของพวกเราทุกคน ซึ่งเราช่วยกันลดโลกร้อนได้ เริ่มต้นจากการดูแลโลกคนละ 2 เมตรรอบตัวเอง จากระยะแขนซ้ายมาแขนขวา จากสิ่งง่ายๆ ใกล้ตัวเราเช่น รีไซเคิลพลาสติค ลดขยะอาหาร ใช้พลังงานสะอาดโดยการใช้จักรยานแทนรถยนต์ หรือการเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการปลูกต้นไม้ จึงอยากจะเชิญชวนคนไทยมาร่วมมือแก้วิกฤตโลกร้อนไปด้วยกัน เพราะเชื่อมั่นว่าหากเราทุกคนร่วมตอบแทนโลกชั่วระยะ 2 เมตรของพวกเรา มันก็จะเชื่อมต่อกัน จนโลกทั้งใบดีขึ้นได้ทั้งนี้เครือซีพี ขอชวนเชิญพนักงาน และคนไทยทุกคนร่วมกิจกรรมตอบแทนโลก 2 เมตร เพียงถ่ายภาพหรือวิดีโอ โดยใช้ Action กางแขน 2 ข้าง ซึ่งเป็นระยะ 2 เมตรรอบตัวที่คุณตอบแทนโลกได้ เช่น ปลูกต้นไม้ หรือรีไซเคิลพลาสติก จากนั้น ก็ถ่ายภาพหรือวิดีโอ วิธีการตอบแทนโลกของคุณ แชร์ลงโซเชียลช่องทางไหนก็ได้ และนี่ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นในการตอบแทนโลกใบนี้ได้คลิกเพื่อรับชมภาพยนตร์ : https://www.youtube.com/watch?v=CEUGpMsTUKw

รีวิว Re:Zero อนิเมะปวดจิต

          โลกแฟนตาซีเป็นโลกที่อยู่ในเกมและนวนิยายต่างๆมากมาย คุณเคยคิดไหมว่าหากเราได้ไปอยู่ในต่างมิติมันจะดีแค่ไหน แต่คุณอาจจะไม่คิดแบบนั้นก็เป็นได้ เมื่อคุณได้ตายและเห็นความตายของคนที่เกี่ยวข้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีที่สิ้นสุด          เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่ออยู่ดีๆเด็กหนุ่ม นัตสึกิ ซุบารุ ย้ายเข้าไปที่โลกต่างมิติโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่เดินค้นหาคำตอบอยู่นั้น เขาได้ถูกโจรจู่โจม แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากสาวผมสีเงินปริศนา เอมิเลีย เพื่อตอบแทนบุญคุณ ซุบารุจึงช่วยออกตามหาของของเอมิเลียที่หายไป ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ตัวเขาต้องไปเจอกับความตายและการเริ่มต้นใหม่  ณ จุดใดจุดหนึ่งที่คล้ายกับเป็นจุดเซฟในเกมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อยุติความตายที่วนลูปไม่สิ้นสุด  ไม่ว่าจะของตัวเอง หรือเอมิเลีย หรือคนอื่นที่มาเกี่ยวข้องกัน เขาจึงต้องพยายามรักษาชีวิตของตัวเองและแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ให้มุ่งไปสู่สิ่งที่ควรจะเป็นที่สุด ขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt5607616/mediaviewer/rm682567168          Re:Zero -Starting Life in Another World หรือ ชื่อภาษาญี่ปุ่น : Re：ゼロから始める異世界生活 (Re : Zero Kara Hajimeru Isekai Seikatsu) เป็นอนิเมะจากค่าย White Fox กำกับโดย Masaharu Watanabe สร้างจาก Light novel ผลงานของ Tappei Nagatsuki เป็นอนิเมะประเภท Drama ,Fantasy ,Psychological ,Thriller มีจำนวน 25 ตอน เหมาะสมกับผู้ชมที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป และได้รับเรทติ้ง 8.34 จากทาง www.myanimelist.net อีกด้วย ภาพสีสันสวยสดใส เสียงลงตัวสุดๆขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt5607616/mediaviewer/rm4047571456          เรื่องราวจะโฟกัสไปที่ตัวซุบารุ การใช้ชีวิตของเขาในต่างแดนไม่ค่อยราบรื่นนัก เขาได้ตกหลุมรักเอมิเลีย จึงเข้าไปพัวพันกับเรื่องไม่คาดฝันมากมาย ในขณะที่เขาวนลูปทุกครั้ง ซุบารุจะคิดหาทางแก้ไขปัญหาตลอด ลองผิดลองถูก เพื่อไม่ให้มีใครต้องตายและพิสูจน์คุณค่าของตนเองให้สามารถอยู่เคียงข้างเอมิเลียได้ ขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt5607616/mediaviewer/rm3615752448          สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การผูกปมปริศนาต่างๆภายในเรื่อง เช่น ซุบารุมาต่างมิติได้อย่างไร แม่มดสเตลล่าคือใคร มือสีดำปริศนาคืออะไร การได้พบเจอปัญหาและสถานการณ์ที่หนักหนาสาหัสที่ต้องวนลูปไม่รู้กี่รอบ การได้เห็นการหาทางแก้ปัญหา ซึ่งแก้จุดหนึ่งได้ ก็อาจจะทำให้อีกจุดพังหรือมีคนตายไปอีก เขาจึงต้องเรียนรู้สั่งสมประสบการณ์ในแต่ละครั้งที่ตายแล้วนำมาปรับแก้ไข จะเห็นความรักที่ซุบารุที่มีให้กับเอมิเลียเกินขอบเขต ทะนงตน ดื้อรั้น และการแสดงนิสัยแย่ๆของซุบารุ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt5607616/mediaviewer/rm3414425856          ในขณะรับชมจะรู้สึกปวดจิตอยู่มาก ๆ เกิดคำถาม ทำไมตัวละครจะต้องทำแบบนี้ด้วย รู้สึกขัดใจกับการกระทำของตัวเอก แต่ผมกลับคิดว่าอนิเมะเรื่องนี้ถ่ายทอดความเป็นมนุษย์คนนึงของซุบารุได้เป็นอย่างดีภายใต้พื้นหลังของโลกแฟนตาซี อย่างเช่น ความไม่รู้ ความโง่เขลา ความรัก ความหลง ความสามารถในการเรียนรู้ นอกจากนั้นอีกหนึ่งจุดเด่นในเรื่องนี้เลย คือตัวตัวละครหญิงอย่าง เบียโกะ แรม  เร็ม โดยเฉพาะเร็ม หลังจากดูจบผมคิดว่าคุณจะต้องเป็นสาวกเร็มอย่างแน่นอนขอบคุณภาพจาก https://www.imdb.com/title/tt5607616/mediaviewer/rm3615752448     โดยสรุปอนิเมะเรื่องนี้ เนื้อเรื่องมาในธีมแฟนตาซีบวกกับเรื่องของการย้อนเวลาได้ การดำเนินเรื่องจะผูกปมปริสนาไปเรื่อยๆ รอคอยให้เราค้นหาคำตอบ ทั้งภาพสวยสีสันสดใส คาแร็กเตอร์ตัวละคร น้ำเสียงตัวละครและเสียงเพลง สื่อความหมายออกมาได้ดี ระหว่างดูจะมีช่วงที่สดใสสดชื่นและมีช่วงที่โครตปวดจิตมากๆ อาจจะขัดใจในการกระทำของตัวเอก แต่่เรื่องก็มีเหตุผลของมัน หากคุณเป็นคออนิเมะแล้วละก็ ห้ามพลาดเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวง รับชมได้ง่ายๆทางช่องทาง Netflix ครับ

Banila Co. Clean it ZERO คลีนซิ่งบาล์มสำหรับคนขี้เกียจ

สวัสดีค่าาาทุกคนนน ขอไม่พูดเยอะเข้าเรื่องกันเลยยวันนี้มารีวิว Cleansing Balm ที่ใช้อยู่จ้า นั่นก็คือ Banila Co. Clean it ZERO นั่นเองง แต่จะเป็น cleansing สำหรับคนขี้เกียจยังไง ต้องไปอ่านจ้าาดูความกล่อง hologram สามมิติของนางงงง กล่องสวยไม่กล้าทิ้งเลยย ชอบๆๆๆในกล่องนางมี น้องใบพายมาให้ด้วยนะคะ ไม่ต้องกลัวต้องหาใบพายที่อื่นมาใช้ แต่น้องขนาดใหญ่มาก หรือมายด์ไม่ชินไม่รู้ เพราะปกติใช้แต่พายจิ๋วTextureในส่วนของเนื้อผลิตภัณฑ์ นางก็เป็นเนื้อบาล์มตามชื่อ สีขาวขุ่น  เหมือนเทียนเลยค่ะ เรื่องกลิ่นนางมีความหอมอ่อนๆ อยู่เนื้อของนางเข้มข้นมากจริง แต่เมื่อปาดไปบนผิวและกลายเป็นเหมือน Cleansing Oil ค่ะUsageเวลาใช้ก็คือใช้พายควักจากกระปุกและปาดบนหน้าเลยนะคะ นวดบนใบหน้าให้สะอาดแล้วล้างหน้าได้เลย ล้างได้หมดจดแม้จะเป็นคลอ.กันน้ำจ้าคนที่เคยชินก็บการใช้ Cleansing Water อาจจะรู้สึกแปลกไปนิสนุงง เพราะมันง่ายขึ้นมาก ไม่ต้องคอยเปลี่ยน เป็น Eye Lip แถมไม่เปลืองสำลีด้วย Testเดี๋ยวเราไปทดลองกันดีกว่าว่านางจะเอาชนะผู้ท้าชิงตัวโหดได้ในการล้างครั้งเดียวรึเปล่า แต่ละตัวนี่ขึ้นชื่อเรื่องความติดทนเลยล่ะค่ะลิปจิ้มจุ่ม ColorpopEyeliner และ Mascara เจ้าหญิงจ้า อ่ะๆๆๆๆๆ เดี๋ยวหาว่าก็มันใช่ไม่ถูกที่ มันก็เลยง่ายไงง ไปปัดขนตาจริงๆเลยจ้าา ผลเป็นไง ไปดู.....นวดทีเดียวนะจ๊ะ ออกหมด ขนตานิ่มเหมือนเดิมเจ้าหญิงก็เจ้าหญิงเหอะ สู้ไม่ได้จ้าาเป็นไงคะ สะอาดเอี่ยม บอกแล้วว่านางล้างได้ทุกอย่าง นี่ไงหละ ถึงกลายเป็น Cleansing Balm สำหรับคนขี้เกียจ เพราะตัวเดียวกระปุกเดียว Clear ได้ทุกสิ่งจ้าาใครกังวลว่าจะเป็นสิวอุดตัน มายด์ใช้มาสักพักนึงแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ ขนาดล้างแค่น้ำเปล่า เองค่ะ ถ้าใครไม่มั่นใจจริงๆ Double Clean ได้เลยตามสบายวันนี้ไปละน้าาMuah, Mildเครดิตภาพ : ถ่ายโดย Mildnava (เจ้าของโพสเองจ้า)            

ตัวตนสุดเท่ของ Sub-Zero ใน Mortal Kombat

เอ่ยคำว่าเกมต่อสู้ ก็จะต้องมีตำนานเกมการต่อสู้อย่าง Street Fighter หรือ Tekken ที่สองเกมจากประเทศญี่ปุ่นนี้เปรียบเสมือนคู่แข่งฟาดฟันในอุตสาหกรรมเกมการต่อสู้ แต่ในฝั่งสหรัฐอเมริกานั้น ก็ไม่ได้น้อยหน้า ที่ได้ผลิตเกมการต่อสู้อย่าง Mortal Kombat ออกมาในปี 1992 ซึ่งใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถโด่งดังไปทั่วโลก อันเนื่องมาจากภาพที่ดูสมจริงในยุคนั้น ท่าการต่อสู้ที่ดุดัน และเอกลักษณ์ของตัวละครที่แปลก ไม่เหมือนใคร ซึ่งในเวลาเพียง 3 ปี Mortal Kombat ก็มีฉบับภาพยนตร์ออกฉายในปี 1995 ซึ่งได้ยกกองมาถ่ายทำถึงประเทศไทย และเรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม และตัวละครที่คนทั่วโลกจดจำมาจนถึงปัจจุบัน ก็คือนินจาผู้สวมหน้ากากสุดเท่ พร้อมพลังสุดเจ๋งนาม Sub-ZeroSub-Zero ที่ได้ชมในภาพยนตร์และเกมช่วงแรก ๆ ไม่ได้มีจุดดึงดูดเพียงแค่ภาพลักษณ์สุดเท่ แต่ยังมีความลึกลับที่ชวนให้ค้นหา เนื่องจากในช่วงแรก ๆ Sub-Zero แทบจะไม่พูดจาอะไร นอกจากปรากฎตัวแล้วจัดการโจมตีคู่ต่อสู้อย่างเดียว และในความลึกลับนี้เอง ก็ทำให้ผู้คนล้วนพากันติดตามและสนใจว่า เบื้องหลังของตัวละครนี้เป็นมาอย่างไรSub-Zero ที่มีทักษะวิชาแบบนินจาของญี่ปุ่น แต่ตัวตนของเขาเป็นชาวจีน มีชื่อว่า คุ๋ย เหลียง (奎良) หรือ Sub-Zero ที่ปรากฎในเกมยุคปัจจุบันนี้นั้น แท้จริงแล้วเขามารับตำแหน่งนี้สืบต่อจากพี่ชายของเขานาม ปี้ หาน Sub-Zero คนแรกที่เสียชีวิตไปก่อน โดยคุ๋ย เหลียงได้ปรากฎใน Mortal Kombat ภาคที่ 2 ซึ่งเท่ากับว่า Sub-Zero เป็นเหมือนตำแหน่งที่มารับช่วงสืบทอดกันโดย คุ๋ย เหลียง กับ ปี้ หาน สองพี่น้องเกิดที่สหรัฐอเมริกา จากครอบครัวชาวจีน-อเมริกัน ซึ่งพ่อของพวกเขา เป็นนักพลังจิตที่ทำงานให้กับองค์กร หลิน กุ่ย (林鬼 แปลว่า พงไพรผีสาง) ที่เป็นองค์กรรวมเหล่ามือสังหาร ซึ่งจากอาชีพพ่อของพวกเขา ทำให้ทั้งสองพี่น้องได้รับการฝึกฝนในแบบฉบับนักฆ่าตามมาด้วย นั่นจึงทำให้ได้รับรู้ว่าไม่ใช่เพียงแค่ชื่อ Sub-Zero ที่ส่งต่อกัน แต่รวมถึงวิชาของพวกเขาด้วยในเนื้อเรื่องของ Mortal Kombat เราอาจจะเห็นว่า Sub-Zero นั้น เป็นเหมือนเทวทูตจากโลกอื่น ที่มีการใช้พลังน้ำแข็งมาโจมตีคู่ต่อสู้ได้ ซึ่งความจริงแล้ว เขาเป็นมนุษย์ที่ได้รับการฝึกพลังมา และทักษะการต่อสู้หลักของเขา ก็เป็น คาราเต้สายโชโตคัน ผสมกับ กังฟู ของจีน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าท่าตั้งการ์ดต่อสู้ การตั้งรับ การโจมตีของเขา จะเป็นการต่อสู้ที่ดุดันแบบคาราเต้ และสวยงามแบบกังฟู เพียงแต่ผู้เล่นจะไม่ค่อยนึกถึงกัน และจุดเด่นที่ตัวของ Sub-Zero ไม่ค่อยปรากฎให้เห็นเท่าไหร่นัก ก็คือเขามีแผลเป็นที่ดวงตาข้างขวา ซึ่งเกิดจากากรที่เขาต่อสู้กับ คาโน แล้วโดนมีดกรีดจนเป็นแผล ซึ่ง Sub-Zero ในฉบับภาพยนตร์ Mortal Kombat: Annihilation ก็มีฉากที่ถอดหน้ากากเพื่อแสดงใบหน้าอันหล่อเหลา พร้อมกับรอยแผลเป็นให้เห็น ซึ่งฉบับนี้รับบทโดย คีธ คุก นักแสดงลูกครั้งอเมริกัน-ญี่ปุ่นตัวละคร Sub-Zero ฉบับแรกออกแบบโดย จอห์น โทเบียส นักเขียนการ์ตูนและเกมดีไซเนอร์ โดยแนวคิดแรกของเขาคือการสร้างนินจา ที่ไม่มีปูมหลังอะไร เพื่อให้เป็นตัวละครที่ลึกลับที่สุด และสร้างความแตกต่างขึ้นใหม่ โดยทำให้ Sub-Zero ไม่ใช่นินจาของญี่ปุ่น แต่เป็นนินจาที่เป็นลูกครึ่งอเมริกัน-จีน และชื่อของตัวละครนี้แรกเริ่มเดิมทีคือ ทุนดรา (Tundra) ต่อมาทีมออกแบบ ก็ได้มีมติให้เปลี่ยนชื่อ หลังจากพวกเขาได้ชมภาพยนตร์ The Running Man ในฉากที่ อาร์โนลด์ ชวาซเนกเกอร์ สู้กับมือสังหารนาม ซับซีโร่ และได้ดึงเอาชื่อนั้นมาตั้งSub-Zero ได้กลายเป็นตัวละครยอดยนิยมในเกม Mortal Kombat อันเนื่องมาจากภาพลักษณ์อันโดดเด่น และจดจำง่าย โดยเฉพาะการต่อสู้และชุดสีน้ำเงิน โดย Scorpion คู่ปรับหลักของเขา ก็เป็นที่นิยมตามมาไล่เลี่ยกัน โดยในภาคหลัง ๆ Sub-Zero กับ Scorpion ก็แทบจะกลายเป็นตัวชูโรงของแฟรนไชส์เกมนี้ไปทันที เบียดตัวละครหลักอย่าง Raiden กับ  Liu Kang ไปอย่างมาก โดยในวิดีโอเปิดตัว Mortal Kombat ภาค 10 ตัว Sub-Zero กับ Scorpion ก็กลายมาเป็นตัวเปิดเรื่องด้วยฉากการต่อสู้ของทั้งสอง และใน Mortal Kombat ภาค 11 ที่ตัว Sub-Zero ยังได้พัฒนาภาพลักษณ์ใหม่ ที่ตัวเขาถอดหน้ากาก ปรับใบหน้าออกไปทางชาวเอเชีย ไว้หนวดเครา ที่ดูมีเสน่ห์และเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครปัจจุบัน Mortal Kombat มีอายุมากกว่า 28 ปี อยู่คู่กับคอเกมการต่อสู้มานานนม จนกลายเป็นเกมกระแสหลักของโลก และ Sub-Zero ที่นอกจากจะเป็นตัวชูโรงของแฟรนไชส์วิดีโอเกมนี้แล้ว ก็ยังเป็นไอคอนเกมและศิลปะการต่อสู้ ที่ครองใจแฟน ๆ มาถึงปัจจุบัน และทุกคนก็สามารถสนุกครบรสกับความบันเทิงเต็มรูปแบบได้ง่าย ๆ จาก True ID โดยคลิกที่นี่ได้เลย!บทความอื่นที่เกี่ยวข้องรีวิว Mortal Kombat 2021 การก้าวข้ามอาถรรพ์ที่ (เกือบ) สำเร็จ10 ตัวละครเกมยอดฮิต อิทธิพลส่งต่อถึงปัจจุบันเชิงอรรถ10 ตัวละครเกมยอดฮิต อิทธิพลส่งต่อถึงปัจจุบันFandom: Kuai LiangWikipedia: Sub-Zero 

รีวิวหนังสือ ZERO to ONE (จาก 0 เป็น 1)

“มีเรื่องอะไรบ้างที่สำคัญและเป็นความจริง แต่ไม่ค่อยมีใครเห็นด้วยกับคุณ”เป็นคำถามที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้ ฟังแล้วเหมือนจะตอบกันได้ง่ายๆ แต่ให้ตายเหอะคิดยังไงก็ไม่ออก เพราะอะไรนะหรอ เพราะเรามัวแต่คิดอยู่แค่ด้านเดียวนะสิ่ และนั่นถือเป็น Concept หลักของหนังสือ ZERO to ONE (จาก 0 เป็น 1) เล่มนี้ หนังสือเล่มนี้ เขียนโดยคุณ Peter Thiel ที่เป็นผู้ก่อตั้ง Paypal และเป็นนักลงทุนคนแรกของ Facebook ซึ่งเขาได้นำประสบการณ์จากการเป็นหนึ่งในทีมผู้ก่อตั้ง Paypal และประสบการณ์จากการทั้งเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneur) รวมทั้งการเป็น Venture Capitalist อีกทั้งการนำแนวคิดที่ได้รู้จักและพูดคุยกับผู้ก่อตั้งท่านอื่น เช่น Elon Musk  (ที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อ Tesla) มากลั่นกรองออกมาเป็น วัตถุดิบ ที่เราต้องคิด ต้องตอบให้ได้ในการก่อตั้งธุรกิจยุคใหม่ ทั้งจะต้องคิดให้แตก และคิดให้ต่าง พร้อมทั้งต้องมีคุณค่าด้วย จึงจะสามารถสร้างธุรกิจและให้มันดำรงอยู่ได้ยั่งยืนหนังสือเล่มนี้ถ่ายทอดจากประสบการณ์ล้วนๆ จึงอ่านสนุก และสิ่งที่ผมชอบคือ หลักการคิดในการทำธุรกิจที่แท้จริง ที่มาจากการตอบคำถามในตอนต้นที่ว่า “มีเรื่องอะไรบ้างที่สำคัญและเป็นความจริง แต่ไม่ค่อยมีใครเห็นด้วยกับคุณ” คำถามเรียบง่าย แต่หาคำตอบไม่ง่ายเลยใช่ไหม โดย Peter Thiel ให้เรามองมุมกลับกันว่า มีเรื่องะไรบ้างที่ทุกคนเห็นตรงกัน และคุณสามารถที่จะระบุความเชื่อผิดๆ ที่คนส่วนใหญ่ยึดถืออกมาได้ คุณก็จะพบความจริงที่สวนกระแสที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นคำตอบของคำถามนั่นเอง เพราะการทำธุรกิจการวิ่งอยู่เลนที่แตกต่างอาจจะไม่ใช่คำตอบเสมอไป แค่อยู่ในเลนเดียวกัน แต่เรารู้จักวิ่งสวนก็ย่อมประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกันสำหรับ หนังสือ ZERO to ONE (จาก 0 เป็น 1) เล่มนี้ นอกจากจะให้แนวคิดการก่อตั้งธุรกิจพวก Startup แล้ว ยังให้แนวทางของการดำเนินธุรกิจทั้งกระแสใหม่และกระแสเก่าได้เป็นอย่างดี คือ ธุรกิจแนวใหม่จะยืนขึ้นและยั่งยืนอยู่ได้อย่างไร และทำอย่างไรธุรกิจเก่าจะเอาตัวรอดจากโลกที่เปลี่ยนแปลง และส่วนตัวแล้ว ถือเป็นหนังสือที่นอกจากผู้ที่จะก่อตั้งธุรกิจหน้าใหม่ควรอ่านแล้ว ด้วยความที่ผมพอที่จะเป็นนักลงทุนอยู่บ้าง (ในตลาดหุ้น) ทำให้ได้แนวคิดในการมองบริษัทที่เราต้องการลงทุนได้เหมือนกันครับ ทั้งให้เราฉุกคิดเกี่ยบกับภาพลวงตาของขนาดตลาดที่บริษัทมักจะอวดอ้างได้เป็นอย่างดี  และหลัก TNEB 4 คุณสมบัติหลักของผู้ผูกขาด จึงถือเป็นหนังสือ อีกเล่มที่นักลงทุนแนว VI ไม่ควรพลาดเหมือนกัน ตามไปอ่านรีวิวหนังสือเล่มอื่นๆ ได้ที่  iYom BookViews  เครดิตรูปทั้งหมดรูปที 1 (รูปภาพโดยผู้เขียน)รูปที่ 2 (รูปภาพโดยผู้เขียน)รูปที่ 3 (Photo by Aphiwat chuangchoem from Pexels)รูปที่ 4 (รูปภาพโดยผู้เขียน)

Banila Co Clean it zero คลีนซิ่งบาล์มที่ใครๆก็ว่าดี

          สาว ๆ เราทุกวันนี้เนี้ยจะออกจากบ้านแต่ล่ะที ก็ต้องมีการแต่งหน้ากันสักหน่อย ไม่ว่าจะแต่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เพิ่มเติมความสดใส หรือ จัดเต็มแบบฟาด ปัง ปัง ไปเลยย !! แต่ว่าพอกลับมาบ้านแต่ล่ะที บางทีมันก็เหนื่อย ก็ล้าแล้ว ขี้เกียจด้วยแหละ อยากผิวสวย ไกลสิว ไอ้ที่แต่ง ๆ ไปก่อนออกจากบ้านเนี้ยก็ต้องมานั่งลบกัน เครื่องสำอางบางตัวเป็น water proof ด้วย ล้าง ๆ กันยาว ๆ ไปเลยจ้า วันนี้บีบีจะมาแนะนำตัวช่วย ที่จะช่วยให้สาว ๆ ที่ชื่นชอบการแต่งหน้าเหมือนบีบีนั้น มีชีวิตที่ง่ายขึ้น !! รองพื้นหนาก็ไม่กลัว water proof ก็ไม่หวั่น !! ตัวช่วยนั้นก็คือออ ...Banila Co Clean it zero Banila Co เป็นแบรนด์เครื่องสำอางจากเกาหลี โดยน้อง Banila Co Clean it zero ตัวนี้เนี้ยเป็นคลีนซิ่งบาล์ม เนื้อเชอร์เบท ที่จะช่วยทำความสะอาดได้สะอาดหมดจด รองพื้นจะหนาแค่ไหน อายไลเนอร์ มาสคาร่าจะเป็นแบบ water proof น้องเขาก็ไม่หวั่น สามารถล้างออกได้สะอาดหมดจดในขั้นตอนเดียว ไม่ต้องยุ่งยากเสียเวลา ช้าก่อน สาว ๆ คนไหนที่กลัวว่าเป็นคลีนซิ่งบาล์มแล้ว จะล้างออกยากไหม จะอุดตันรูขุมขนหรือเปล่า ขอบอกตรงนี้เลยนะคะว่า ไม่ต้องกลัวค่ะ เพราะน้องเขานั้นอเมซิ่งมาก พอเราทาน้องเขาไปทั่วหน้าแล้ว น้องจะเข้าไปละลายเครื่องสำอางเราออกมา หลังจากนั้นพอไปล้างน้ำเปล่าออก ตัวน้องเมื่อโดนน้ำจะแตกตัวการเป็นน้ำนม ล้างออกง่ายมาก ๆ และที่สำคัญ ไม่ทำให้อุดตันรูขุมขนอีกด้วยCr. IG banila co          น้องเขามีทั้ง 4 สูตรด้วยกันสีชมพู   Clean it Zero (Original) เหมาะสำหรับผิวธรรมดา ที่จริงใช้ได้กับทุกสภาพผิว มีส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นสีเขียว   Clean it Zero (Revitalizing) เหมาะสำหรับผิวมัน ช่วยผลัดเซลล์ผิว และ ควบคุมความมันสีน้ำเงิน Clean it Zero (Purifying) เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย สีเหลือง Clean it Zero (Nourishing) เหมาะสำหรับผิวแห้ง ช่วยบำรงให้ชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง          สูตรที่บีบีใช้คือ สีเขียว Clean it Zero (Revitalizing) สูตรสำหรับผิวมัน เพราะบีบีผิวค่อนข้างมัน กลิ่นน้องเขาหอมมาก ไม่เหม็น ตอนใช้สำหรับคนผิวมันตอนใช้อาจจะรู้สึกหนักหน้านิดนึง แต่พอล้างออกแล้ว ก็ไม่เหลือความมันบนผิวหน้า แต่ก็ไม่ทำให้แห้งตึงเหมือนกัน เลิฟเลิฟมากเลยค้า ใช้ง่ายประหยัดเวลา ไม่ยุ่งยาก Photos by Bbstory          จะเห็นได้ว่า บีบี ใช้แค่นิดเดียวเองนะคะ ก็สามารถทำความสะอาดได้เกลี่ยงเลย โดยรวมแล้วดีมาก ๆ เลย หมดแล้วซื้อต่อแน่นอนค้า 👍🏻😋👍🏻พิกัด : shop banila co

Check in เมืองไถจงที่ National Taichung Theater และ Zero Space

  National Taichung Theater และ Zero Space ตั้งอยู่ที่ประเทศไต้หวันค่ะ ทริปนี้เราไปเที่ยวไต้หวันกันเถิด ซึ่งขอแนะนำแหล่งท่องเที่ยวของไถจง เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของไต้หวัน เป็นเมืองที่ชื่อไม่คุ้นหูสำหรับเราเลย แต่พอไปถึงก็ตื่นตาตื่นใจกับเมืองไถจงมาก มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายที่เลย      พิกัด National Taichung Theater (Closed 22.00) และ Zero Space อยู่ป้ายรถบัสเดียวกันเลย ไปป้ายเดียวได้เที่ยวถึง 2 จุด ที่ไถจงแค่มีบัตร Easy Pass ก็นั่งรถบัสฟรี 10 กิโลเมตรแรก จากที่คำนวณแต่ละที่ก็ไม่น่าจะเกิน 10 กิโลเมตร ฟรีแน่นอน งั้นเราเริ่มเดินทางไปเที่ยวกันค่ะ   วิธีการเดินทาง ให้นั่ง Bus No. 302, 303, 304, 305, 307 ลงป้าย Shin Kong Mitsukoshi (เป็นชื่อห้าง) จากข้างโรงแรม Hotel Half แถวสถานีรถไฟไทจง (TRA Taichung Station) นั่งสาย 305 (เพราะมาถึงก่อนคันอื่น) นั่งไปประมาณ 15-20 นาที พอถึงป้าย Shin Kong Mitsukoshi ก็ลงเลยค่ะ ใช้ บัตร Easy Pass ไม่เสียค่ารถด้วยเพราะไม่ถึง 10 กิโลเมตร     พิกัดที่ 1 - Zero Space Address: No. 308號, Section 3, Taiwan Boulevard, Xitun District, Taichung City, Taiwan 407 การเดินทาง นั่ง Bus No. 302, 303, 304, 305, 307 ลงป้าย Shin Kong Mitsukoshi  Facebook : https://www.facebook.com/zerospace308/     พอลงป้ายนี้ก็เห็น 理和建設 Zero Space 孵空間 อยู่ตรงป้ายรถบัสเลย ใกล้ขนาดนี้ขอเที่ยวถ่ายรูปมุมศิลปะของที่นี่ก่อนเลยค่ะ มีมุมถ่ายรูปเยอะพอสมควรเลยค่ะ อยากบอกว่าตามรอย IG มาเลยนะเพราะมีการเช็กอินเยอะที่เดียว มีคนมาถ่ายรูปที่นี่เยอะพอสมควร เสียดายไปคนเดียวก็เลยถ่ายภาพสถานที่มาฝากกันค่ะ     พิกัดที่ 2 - โรงละครแห่งชาติไถจง (National Taichung Theater)  เวลาเปิด-ปิด: จันทร์ – ศุกร์ 10.30-22.30 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ 10.00-23.00 น. การเดินทาง นั่ง Bus No. 302, 303, 304, 305, 307 ลงป้าย Shin Kong Mitsukoshi      สถานที่เที่ยวต่อไปคือโรงละครแห่งชาติไถจง (National Taichung Theater) อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Zero Space เป็นอีกหนึ่งจุดที่อยากแนะนำ ซึ่งความโดดเด่นของที่นี่ก็เริ่มตั้งแต่การออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่นที่ชื่อ Toyo Ito ในคอนเซ็ปต์และแนวคิดของถ้ำและหลุมหลบภัย ที่เต็มไปด้วยส่วนโค้งมากมายคล้ายที่เกาสงเลยค่ะ และที่นี่ก็เหมาะสำหรับการถ่ายภาพด้วย      ส่วนชั้นบนสุดของอาคารโล่งดีค่ะ ตกแต่งได้แปลกตาดี ชอบบรรยากาศด้านบนชมวิวเมืองอย่างสวยงามเดินชมได้รอบทิศเลยนะ น่านั่งเล่นพักผ่อนยิ่งนัก และยังมีบาร์นั่งชิลและด้านนอกสามารถชมวิวสวย ๆ ของเมืองไถจงได้     ลงมาด้านล่างสุด เริ่มมืดแล้ว ตรงลานน้ำพุของ National Taichung Theater จะเริ่มมีการเปิดไฟแสงสีกับน้ำพุสวยงามเลยค่ะ จากที่เห็นจะมีช่างภาพมายืนรอถ่ายภาพเยอะมาก ๆ เลย และก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพมาฝากทุกคน     อยากบอกว่าทั้ง 2 จุด ไม่ว่าจะเป็น National Taichung Theater และ Zero Space ที่ไถจง ประเทศไต้หวันที่พาไปเที่ยวครั้งนี้น่าสนใจมาก จัดว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะจริง ๆ เลยนะคะ ที่นี่เดินไปทางไหนก็มีงานเกี่ยวกับศิลปะเต็มเมืองเลยค่ะ สำหรับสายถ่ายรูปน่าจะชอบ อยากบอกไถจง ไต้หวัน ช่างมีเสน่ห์น่าค้นหามากเลย ถ่ายภาพโดยผู้เขียน