TrueID
TH
รีเซต
ผลการค้นหา “じぬぬのトークするる in Japan” - ทรูไอดี
ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
อ่าน
Summer in Japan : ไปเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูร้อนกัน
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เที่ยวได้ในทุกฤดู ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นคนชอบเที่ยวในสไตล์ไหน หน้าร้อนของญี่ปุ่น เริ่มประมาณเดือนมิถุนายน ถึง เดือนสิงหาคม อุณหภูมิก็ประมาณสามสิบองศา เซลเซียสขึ้นไป ซึ่งก็ร้อนพอ ๆ กับบ้านเรา โดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคม อากาศบางช่วงอาจจะร้อนกว่าบ้านเราด้วยซ้ำ ฤดูร้อนมีอะไรพิเศษ กว่าฤดูหนาว ใบไม้ร่วง หรือใบไม้ผลิ เราจะพูดถึงการเที่ยวในฤดูร้อนของญี่ปุ่น แบบกว้าง ๆ ไม่ระบุเมืองใดเมืองหนึ่งโดยเฉพาะ แต่อาจจะเน้นไปเที่ยวในเมืองที่เดินทางได้สะดวกจากโตเกียว ฤดูร้อนเป็นฤดูที่เราสามารถชมความงามของทุ่งดอกไม้ หรือ ดอกไม้หลากชนิดได้ เช่น ไฮเดรนเยีย ป๊อปปี้ ลาเวนเดอร์ ทานตะวัน เป็นต้น หรือคนที่รักธรรมชาติ ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งเช่น เดินป่า ปีนเขา ก็จะสามารถไปทำกิจกรรมเหล่านี้ได้ เช่นปีนฟูเขาไฟฟูจิ ซึ่งจะสามารถทำได้ประมาณต้นเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนกันยายน กำหนดการในแต่ละปีก็จะไม่เหมือนกัน ทุ่งลาเวนเดอร์ ไม่ไกลจากโตเกียวก็มีทุ่งลาเวนเดอร์ให้เราได้ไปเยี่ยมชมกัน อาจจะไม่สวย หรือเป็นทุ่งใหญ่ๆ เหมือนแถวโพรวองซ์ ฝรั่งเศส หรือ ฮอกไกโด แต่ก็ได้บรรยากาศที่แตกต่างออกไป เราได้มีโอกาสไปเยือน ทุ่งลาเวนเดอร์ ที่ Tambara ซึ่งอยู่บนเขาสูง หน้าหนาวที่นี่จะเป็นลานสกี อากาศแถวนั้นค่อนข้างเย็น วันที่เราไปมีหมอกปลกคลุม ทำให้สวยไปอีกแบบ ทุ่งดอกไม้อื่น ๆ ที่ไม่ไกลจากโตเกียว เช่น Yamanakako Hanano Miyako Park ในจังหวัด Yamanashi ถ้าอากาศดี ๆ เราสามารถเห็นทุ่งทานตะวัน พร้อมกับฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ ที่นี่นอกจากดอกทานตะวันแล้ว ยังมีดอกไม้อื่น ๆ เช่น ทิวลิป คอสมอส ไฮเดนเยียร์ ผลัดเปลี่ยนกันไปตามฤดูกาล ใส่ยูกาตะเดินเล่นในย่านเมืองเก่า อย่างย่าน Asakusa หรือ เมือง Kawagoe ก็ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะไม่มีเพื่อน เพราะเราจะเห็นทั้งคนญี่ปุ่นเอง และนักท่องเที่ยวใส่ยูกาตะ ออกมาเดินเล่นกันในย่านเมืองเก่านี้ ร้านเช่าก็จะมีอยู่ทั่วไป มีทั้งแบบที่ต้องจองล่วงหน้า และสามารถเข้าไปได้เลยโดยไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้า เราเลือกร้านที่ไม่ไกลจากย่านเมืองเก่าที่ราคาค่าเช่าไม่แพง เช่นร้าน Vivian ในเมืองคาวาโกเอะ ซึ่งราคาค่าเช่ารวมทุกอย่างไว้หมดแล้ว คือรวมทำผม เครื่องประดับ กระเป๋าถือ รองเท้า ร่ม พัด ที่ร้านมีชุดให้เลือกเยอะมาก สารพัดสี และพนักงานในร้านช่วยแต่งตัวให้ แบบรวดเร็วมากใช้เวลาแต่งตัวและ ทำผมรวมกันประมาณ 10-15 นาที ต่อคน ชมดอกไม้ไฟ ถ้าใครเป็นคนที่ชอบชมดอกไม้ไฟ ฤดูร้อนในญี่ปุ่นก็มีงานแสดงดอกไม้ไฟ ในหลายเมือง ซึ่งสามารถติดตามตารางวันและเวลาได้ตามเวปไซด์ต่าง ๆ ของการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ไปเดินเล่นในเมืองประวัติศาสตร์อย่างนิกโก้ World Heritage Site แถวนั้นอากาศดี บรรยากาศร่มรื่น ต้นไม้ปกคลุม โดยเฉพาะในบริเวณศาลเจ้าต่าง ๆ จะเลือกเดินทางจากโตเกียวแบบไปเช้าเย็นกลับก็สะดวก เดี๋ยวนี้มีรถไฟ JR-TOBU NIKKO EXPRESS ที่สามารถใช้พาสอย่าง Tokyo Wide Pass ออกจากสถานีโตเกียว หรือ อูเอโนะ แล้วโดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน หากมีเวลาหลายวันจะพักที่นิกโก้ เพื่อเที่ยวชมน้ำตก ทะเลสาบ ก็ฟินไปอีก ที่สำคัญคือหากไปเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน ควรหลีกเลี่ยงช่วงที่เป็นวันหยุดยาว ของคนญี่ปุ่น เพราะช่วงนั้น ชาวญี่ปุ่นจะออกเดินทางไปต่างจังหวัด กลับบ้านเกิด หรือว่าออกไปท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งปีนี้ Mountain Day จะหยุดกันตั้งแต่วันที่ 8-10 สิงหาคม และ Obon ตั้งแต่วันที่ 13-16 สิงหาคม ถ้าใช้พาสต่าง ๆ ในการเดินทาง ก็สามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้บนเว็ปไซด์ของ JR ซึ่งถือว่าสะดวกมาก @ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน
Yuva Kanta • 24 เม.ย. 63
อ่าน
วง Frederic J-Rock in japan จากเพลงดัง "oddloop"
วันนี้จะมากแนะนำ วงร็อค จากแดนปลาดิบ วง Frederic เป็นวงที่มากจาก Kobe และได้เซ็นสัญญากับต่ายเพลง A-Sketch Music ย่าน Shibuya ซึ่งมีสมาชิกในวงทั้งหมด 4 คน จุดเริ่มต้นเกิดจาก Mihara Kenji นักร้องวง และ Mihara Koji มือเบส 2 พี่น้องฝาแฝดที่มีใจรักในด้านดนตรี มี Ryuji Akashira เป็นมือกีต้า ส่วน Kasu มือกลองได้ลาออกจากวงเพื่อไปทำธุรกิจตัว ต่อมาวง Frederic ก็ได้มือกลองคนใหม่ Takeshi Takahashi มาแทน ชื่อวง Frederic นั้นมาจากนิทาน เจ้าหนู Frederic ที่ Mihara Kenji ชอบอ่านในวัยเด็ก Photo credit from https://www.facebook.com/frederic.official/ Photo credit from https://www.facebook.com/frederic.official/ เมื่อได้ทำความรู้จักกับ วง Frederic ไปบ้างแล้วเรามาพูดถึงเพลง ที่ประสบความสำเร็จมากเลยทีเดียวสำหรับ Frederic คือ เพลง oddloop เป็นมินิอัลบั้ม เปิดตัวเมื่อ 24 สิงหาคม 2014 และโด่งดันเพียงชั่วข้ามคืน กับทางเต้นที่เป็นเอกลักษณ์ที่ฮิตมากมีการ cover ท่าเต้นเพลงนี่มากมายกันเลยทีเดียว ซึ่งได้ Yuho Uchida และ Aris Mukaide มาเป็นนางเอก MV ถือว่าเป็น MV ที่มียอดวิวสูงถึง 64,000,000 Photo credit from YouTube フレデリック「オドループ」Music Video | Frederic "oddloop" และต่อมาก็มี single ใหม่ อย่าง เพลง Kannashii Ureshii , Only Wonder , Kitaku Beats และ single ใหม่ที่พึ่งเปิดตัวไปไม่นาน Vision ที่มีความผสมผสาน สไตล์ 80 ได้อย่างลงตัว Photo credit from https://twitter.com/frederitter ซึ่งผู้แต่งเพลงทั้งหมดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มือเบส วง Frederic Mihara Koji นั่นเอง นอกจากจะรับผิดชอบแต่งเพลงทั้งหมดของวงแล้ว ยังมีหน้าที่ออกแบบสินค้า และ Graphic Design ต่างๆของวงด้วย ก็เพราะ Mihara Koji ได้สำเร็จการศึกษาหลักสูตร Visual Design จากมหาวิทยาลัยโอซาก้าจูเนียร์คอลเลจ นี่เอง Graphic Design by Mihara Koji Photo credit from https://twitter.com/miharakojimeme Frederic เคยมาร่วมงาน Space Shower ที่เมืองไทย ในงาน "Space Shower Retsuden ASIA TOUR 2017 powered by MCIP" ด้วยนะ หวังว่าจะการแนะนำนี้จะทำให้ทุกคน Enjoy กับแนวเพลง J-Rock อย่าง วง Frederic อาจจะมีความนิยมน้อยสำหรับประเทศไทย เพราะด้วยเหตุผลที่ว่าศิลปิน ญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างติดตามยาก แต่ถ้าได้ทำความรู้จักแล้วจะติดใจเพราะความทุ่มเท และตั้งใจของพวกเขา มันทำให้เสียงเพลงทุกท่วงทำนอง มีคุณค่า ความสำเร็จที่ไม่ได้มาง่ายๆ หากใครเคยมีโอกาสไปชมเทศกาลดนตรีที่ญี่ปุ่นบอกได้เลยว่า ไม่ผิดหวังแน่นอน
nanika • 29 พ.ย. 62
อ่าน
แฟนคลับส่งกำลังใจให้ 11 หนุ่มก่อนงาน ‘GMMTV Fan Fest 2022 Live in Japan’ วันแรก แรงติดเทรนด์ทวิตเตอร์
11 หนุ่มหล่อ GMMTV บินลัดฟ้าเสิร์ฟความสนุกสุดฟินให้กับแฟนๆ ชาวญี่ปุ่น ในงาน GMMTV Fan Fest 2022 Live in Japan ซึ่งจัดงานวันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนเริ่มงานเหล่าแฟนคลับต่างทวีตข้อความให้กำลังใจกับ 11 หนุ่มจนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ วันนี้ (27 สิงหาคม 2565) ร้อนแรงติดเทรนด์อันดับ 1 บนทวิตเตอร์ไทยไปแล้ว จากการที่เหล่าแฟนคลับต่างร่วมติดแฮชแท็ก #GMMTVFanFest2022JPD1 พร้อมร่วมส่งข้อความให้กำลังใจทั้ง 11 หนุ่ม ประกอบไปด้วย ไบร์ท วชิรวิชญ์, วิน เมธวิน, ดิว จิรวรรตน์, นานิ หิรัญกฤษฎิ์, คริส พีรวัส, เต ตะวัน, นิว ฐิติภูมิ, เอิร์ท พิรพัฒน์, มิกซ์ สหภาพ, นนน กรภัทร์ และ โอม ภวัต ก่อนเริ่มงาน GMMTV FAN FEST 2022 LIVE IN JAPAN ที่จัดขึ้นวันนี้ เป็นวันแรก สำหรับงาน GMMTV FAN FEST 2022 LIVE IN JAPAN ครั้งนี้ศิลปิน GMMTV ได้บินลัดฟ้าไปมอบความสุขให้กับแฟนๆ ชาวญี่ปุ่น พร้อมทั้งมีโชว์สุดพิเศษที่แฟนๆ พลาดไม่ได้ โดยงานมีกำหนดจัดขึ้นวันที่ 27-28 สิงหาคม 2565 จัดที่ PIA Arena MM ในประเทศญี่ปุ่น ขอบคุณภาพจาก Facebook :GMMTV อ่านข่าวบันเทิงวันนี้ที่เกี่ยวข้อง : "ไบร์ท-วิน-ดิว-นานิ" F4 THAILAND รวมตัวอีกครั้ง เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นไอจี "ไบร์ท-วิน-คริส-โอม-นนน" ทำทวิตเตอร์ฮอต บินพบแฟนที่ญี่ปุ่น! รวมลิงค์ดูละคร F4 Thailand หัวใจรักสี่ดวงดาว ย้อนหลัง ทุกตอน ช่อง GMM25 กดเลย community แห่งความบันเทิง📸เมาท์ข่าวดารา กับเจ๊รุงรังขังรวมทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ 🍿ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล😍ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี
ข่าวบันเทิง • 27 ส.ค. 65
อ่าน
TABI Japan with James Jirayu
Tabi Japan with James Jirayu ออกอากาศ ทุกวันอาทิตย์ เวลา 17.00-17.30 น. ทางช่อง SD 28 รวบรวมคลิปจาก Youtube : TV3 Official ผู้ดำเนินรายการ : เจมส์ จิรายุ ติดตามรายการ Tabi Japan with James Jirayu ได้ที่ : http://www.jamesjijapan.com/
เรื่องย่อละคร • 10 ม.ค. 59
อ่าน
รีวิว Queer Eye: We're in Japan มาเติมพลังบวกในวันหม่น ๆ ด้วยเรียลิตี้โชว์กันเถอะ
เพื่อน ๆ ทำยังไงในวันที่ใจรู้สึกหม่น ๆ บ้างคะ? บทความรีวิวชิ้นนี้เราอยากมาแบ่งปันเทคนิคเติมพลังบวกง่าย ๆ ด้วยการดู Queer Eye ค่ะ เรียลิตี้โชว์ที่จะเติมพลังบวกของคุณให้เต็มถัง แล้วมาก้าวข้ามวันที่หม่นหมองไปด้วยกันนะคะ Queer Eye คือ เรียลิตี้โชว์เกี่ยวกับการเมกโอเวอร์ผู้คนค่ะ ดำเนินรายการโดยเกย์ 5 คน ที่มีความเชี่ยวชาญ 5 ด้าน ในนาม The Fab Five ซึ่งคอนเซ็ปต์รายการก็ตรงตัวเลยคือการเมกโอเวอร์ผ่านสายตาเกย์ 5 คน ที่จะเข้ามาดึงศักยภาพของคุณใน 5 ด้านที่ The Fab Five เชี่ยวชาญ ในแต่ละตอนของ Queer Eye จะเลือกโจทย์จากผู้คนที่ส่งเรื่องราวเข้ามา เป็นเรียลิตี้โชว์สัญชาติอเมริกันสุดปังที่ตอนนี้ก็ดำเนินมาถึง season ที่ 5 ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้ง season พิเศษ เมกโอเวอร์ผู้โชคดีชาวญี่ปุ่น ในชื่อ season ที่ว่า Queer Eye: We’re in Japan ซึ่งเป็น season ที่น่าสนใจมาก ด้วยบริบทที่เปลี่ยนไปจากการเมกโอเวอร์ชาวตะวันตกมาเป็นการเมกโอเวอร์ให้กับชาวตะวันออกที่มีบริบททางวัฒนธรรมแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งการดู Queer Eye ในแต่ละตอนนั้นเราจะได้รับพลังบวกจากวิธีการเมกโอเวอร์ของ The Fab Five อยู่แล้ว เนื่องจาก หัวใจสำคัญของการเมกโอเวอร์ที่ The Fab Five ใช้นั้น จะเน้นที่การปรับจูนทัศนคติ ทำลายกำแพงให้พร้อมรับการเมกโอเวอร์ก่อน แล้วจึงค้นหาความชอบหรือความฝันที่เก็บอยู่ในตัวผู้คนเหล่านั้นเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการดึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ออกมาเฉิดฉายให้กลายเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นได้อีก และนอกจากวิธีการทำลายกำแพงบางอย่างที่กดศักยภาพของเราเอาไว้แล้ว ก็ยังมีเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ The Fab Five แชร์ในรายการ ด้วยความที่ The Fab Five จะเข้ามาช่วยเมกโอเวอร์กันคนละด้านตามความเชี่ยวชาญของแต่ละคน เช่น ด้านทรงผม ด้านเสื้อผ้า ด้านการตกแต่งบ้าน เป็นต้น ดังนั้น ระหว่างการเมกโอเวอร์เราก็จะได้เทคนิคต่าง ๆ เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับตัวเองได้ด้วย ทำความรู้จักกับ Queer Eye และวิถีของ The Fab Five กันมาพอสมควรแล้ว จากนี้ไปเราก็จะมาลงรายละเอียดกันอีกสักหน่อยว่า ความเชี่ยวชาญของ The Fab Five มีอะไรบ้าง รวมถึงเนื้อหาในแต่ละตอนของ Queer Eye: We’re in Japan ด้วย เผื่อตอนไหนตรงใจเพื่อน ๆ ก็พุ่งตรงไปดูตอนนั้น ๆ ได้ก่อนเลย เพราะแต่ละตอนเนื้อหาแยกอิสระออกจากกันอยู่แล้ว The Fab Five:แทน ฟรานส์ (Tan France) ดูแลด้านเสื้อผ้าแฟชั่นดีไซเนอร์ลูกครึ่งอังกฤษ-ปากีสถาน เป็นมุสลิมในวงการบันเทิงตะวันตกคนแรกที่เปิดเผยตัวว่าเป็นเกย์ ในบางตอนของ Queer Eye แทน ก็ได้แบ่งปันประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดและยากลำบากสำหรับชาวมุสลิมที่เป็นเกย์ด้วย ส่วนผลงานในการดูแลด้านเสื้อผ้าของ แทน ในรายการ เรียกได้ว่า สามารถเปลี่ยนลุคได้ในพริบตา โจนาธาน แวน เนสส์ (Jonathan Van Ness) ดูแลด้านทรงผมโจนาธาน เกิดในครอบครัวนักข่าว ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสำนักข่าวท้องถิ่นโด่งดังและเก่าแก่มายาวนาน ซึ่งโจนาธานคือรุ่นที่ 6 ของครอบครัวที่จะสืบทอดธุรกิจนี้ต่อไป แต่ตัวเขาเองสนใจด้านการทำผม จนถึงขั้นมีร้านทำผมเป็นของตนเองในลอสแอนเจลิสและนิวยอร์ก แม้กระนั้น เขาเองก็มีประสบการณ์อันเลวร้ายเกี่ยวกับการถูกล้อเลียนเพศสภาพและรูปลักษณ์หน้าตามาตลอดตั้งแต่เด็ก สิ่งเหล่านี้ทำให้แนวทางในการดูแลทรงผมของ โจนาธาน ในรายการ ไม่ยึดติดกับมาตรฐานความสวยหล่อของสังคม เชื่อว่าทุกคนสวยและหล่อได้ในแบบของตนเอง และ โจนาธาน มักมีเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการดูแลเส้นผมรวมถึงสกินแคร์มาแบ่งปันในรายการเสมอ บ็อบบี เบิร์ก (Bobby Berk) ดูแลด้านงานออกแบบหลัก ๆ บ็อบบี จะรับหน้าที่ออกแบบพื้นที่ใช้สอยของที่อยู่อาศัย ไม่เพียงแค่ตกแต่งภายใน แต่ออกแบบพื้นที่แต่ละจุดของบ้านให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของโจทย์ในแต่ละตอน และ บ็อบบี ก็ทำผลงานออกมาได้มหัศจรรย์ในทุก ๆ ตอน รับรองว่าเพื่อน ๆ ที่ชอบตกแต่งบ้านต้องได้ไอเดียเจ๋ง ๆ ไปใช้กับตัวเองได้บ้างไม่มากก็น้อย คาราโม บราวน์ (Karamo Brown) ดูแลด้านวัฒนธรรมอาจจะดูงง ๆ ว่าการดูแลด้านวัฒนธรรมคืออะไร? จริง ๆ แล้วน่าจะเรียกว่าดูแลด้าน Mindset มากกว่า คาราโม จะเข้ามาคุยกับโจทย์ในแต่ละตอน ค้นหาปมที่ทำให้เกิดการแสดงออกในอย่างที่เป็น แล้วใช้เทคนิคหลากหลายในการกระเทาะเปลือกแข็งที่ห่อหุ้มปมเหล่านั้นให้แตกออก โดย คาราโม จะเข้ามาช่วยดูแลกระบวนการทางความคิด การปรับทัศนคติ ให้มองโลกในแง่มุมที่ควรจะเป็น เห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้น อภัยให้ตัวเองมากขึ้น เพื่อให้เขาและเธอเหล่านั้นพร้อมรับการเมกโอเวอร์มุ่งสู่การเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นได้อีกนั่นเอง ในรายการดูเหมือนผลงานของ คาราโม จะจับต้องได้ยากกว่า The Fab Five คนอื่น ๆ แต่เป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการเมกโอเวอร์ และกระบวนการของ คาราโม นี่หล่ะ ที่จะช่วยส่งผ่านพลังบวกให้คนดูอย่างเรา ๆ ได้ด้วย แอนโทนี โปโรวสกี (Antoni Porowski) ดูแลด้านอาหารแอนโทนีจะออกแบบเมนูง่าย ๆ ทำเองได้ แต่หรูหราก๋ากั่นที่สุด คนชอบทำอาหารน่าจะชอบช่วงของแอนโทนี ทำง่าย โชว์ได้ อิ่มด้วย และเขาเองก็เป็นคนที่สนใจอาหารเพื่อสุขภาพ เพราะฉะนั้น เมนูต่าง ๆ ที่แอนโทนีสอนในรายการ ก็จะเป็นเมนูเพื่อสุขภาพด้วยเช่นกัน ทำความรู้จักกับ The Fab Five กันแล้ว มาดูกันต่อว่าโจทย์ใน Queer Eye: We’re in Japan มีใครกันบ้าง Queer Eye: We’re in Japan ตอนที่ 1 โยโกะซังโยโกะซัง หรือ โยโกะ ซาคุมะ เธอเปิดบ้านและอุทิศตัวเองเพื่อดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ทุกวินาทีของเธอมีไว้เพื่อดูแลผู้อื่น แม้กระทั่ง ห้องนอนของตนเองก็เปิดให้ผู้ป่วยระยะสุดท้ายได้พักพิง ส่วนตัวเธอก็ออกมาปูผ้านอนใต้โต๊ะแทน ความทุ่มเทของเธอทำให้เธอมองข้ามการดูแลตนเอง อะไรที่ทำให้เธอต้องทุ่มเททั้งกายและใจเช่นนั้น และ The Fab Five จะทำให้เธอกลับมาดูแลและเห็นคุณค่าของตนเองพอ ๆ กับที่เธอเห็นคุณค่าของผู้อื่นได้อย่างไร เรื่องราวและการเมกโอเวอร์ในตอนนี้น่าประทับใจมากค่ะ ตอนที่ 2 คังคัง เด็กหนุ่มวัย 27 ปี รู้ตัวว่าเป็นเกย์มาตั้งแต่ 5 ขวบ แต่ไม่สามารถเปิดตัวได้ด้วยค่านิยมของชาวญี่ปุ่นที่ยังไม่เปิดรับเพศสภาพอื่นนอกจาก ชาย และ หญิง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาต้องหลบซ่อนตัวตนภายใต้ภาพลักษณ์ที่เรียบง่ายไม่โดดเด่น ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม แต่ในคราวนี้ The Fab Five จะเข้ามาปรับลุคให้คังได้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องกลัวเมื่อเราแป๊ะทั้งตัวน๊ะจ๊ะซิส ตอนที่ 3 คาเอะนักวาดมังงะ เธอเคยได้รับโอกาสที่ดีที่สุดจากสำนักพิมพ์ในฐานะนักวาด นั่นคือ การออกมังงะเป็นของตนเอง แต่ล้มเหลว ทำให้ คาเอะ ผู้มีพรสวรรค์ไม่กล้าที่จะท้าทายตัวเองอีกต่อไป ในขณะที่เธอเองก็โหยหาการยอมรับจากสังคม แต่เธอกลับแสดงออกได้เพียงแค่การย้อมผมสีแปลก ๆ แต่งตัวฉูดฉาดโดดเด่นแบบไม่ลงตัว มีนิสัยไม่ชอบเก็บกวาดที่อยู่อาศัย แสดงให้เห็นว่าเธอพยายามเรียกร้องความสนใจจากสังคม แต่ไม่สนใจสถานที่ของตนเอง The Fab Five จะเข้ามาช่วยให้ คาเอะ เกิดการยอมรับตนเองจากภายในเพื่อพร้อมรับการยอมรับจากสังคม ตอนที่ 4 มาโกโตะมาโกโตะ ผู้กำกับรายการวิทยุ ชอบเก็บตัวและกลัวสังคม ปมจากการโดนแกล้งสมัยเด็กทำให้เขาไม่มีเพื่อน และไม่ชอบทำตัวเด่น เขามักจะพยายามซ่อนตัวจากสังคม แต่ปัญหาคือเขาก็ทำตัวเช่นนั้นกับชีวิตแต่งงานด้วยเช่นกัน เขาจึงตั้งใจปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้กลายเป็นสามีที่ดีขึ้นได้อีกเพื่อความสุขของผู้หญิงคนสำคัญในชีวิตเขา season พิเศษนี้มีเพียง 4 ตอน แต่รับรองคุณภาพ ความประทับใจในทุก ๆ ตอน สำหรับ Queer Eye: We’re in Japan เราให้คะแนน 10/10 ไปเลยค่ะ เพราะปมปัญหาที่เลือกมาในแต่ละตอนนั้น เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับชีวิตของผู้คนยุคนี้มาก ๆ ดูแล้วปรับใช้กับตัวเองได้ในหลายมิติ สำหรับเราบอกเลยว่า “น้ำตาซึม” ทุกตอน แล้วด้วยความที่คนญี่ปุ่นมัก คิด พูด ทำ ในแบบที่มีปรัชญาซ่อนอยู่เสมอ ทำให้ season นี้เนื้อหามีความลึกซึ้งเหมือนที่เราเคยได้ดูในหนังหรือการ์ตูนญี่ปุ่นยังไงอย่างงั้นเลยค่ะ เพื่อน ๆ สามารถติดตาม Queer Eye: We’re in Japan ได้แล้ววันนี้ ทาง NETFLIX นะคะ เครดิตรูปภาพ: NETFLIX
ThaiiDeoGraph • 14 มิ.ย. 63
อ่าน
Sony Japan เปิดตัวโครงการรับบริจาคหุ่นยนต์สุนัข ERS-1000 Aibo เพื่อนำไปช่วยเหลือทางใจ
Sony Japan เปิดตัวโครงการ Aibo Foster Parent ที่รับบริจาค ซ่อมแซม และหาบ้านใหม่ให้หุ่นยนต์สุนัข ERS-1000 Aibo ที่ออกมากว่า 5 ปีแล้ว ในโครงการนี้ Sony จะทดสอบและซ่อมหุ่นยนต์ Aibo ที่ได้รับบริจาค ก่อนนำไปใช้สถาบันทางการแพทย์ บ้านพักคนชรา และองค์กรอื่น เพื่อให้นำไปช่วยส่งเสริมด้านจิตใจกับผู้คน Sony เผยว่ามีแผนจะเก็บค่าบริการจากองค์กรหรือบุคคลที่นำ Aibo ไปใช้ต่อ และชี้ว่าจะนำเงินที่ได้รับบริจาคบางส่วนบางช่วยรักษาและดูแลหุ่น Aibo ตัวอื่นต่อไป สำหรับหุ่น Aibo มีระบบตอบสนองต่อเสียงและการสัมผัส และมีกล้องบนจมูกที่ช่วยในการจดจำสมาชิกในครอบครัวด้วย ที่มา The Verge
แบไต๋ • 11 ก.ย. 66
อ่าน
หนังสือพิมพ์รักษ์โลกของ "JAPAN"
เชื่อหรือไม่!? หนังสือพิมพ์ในประเทศญี่ปุ่นตอนนี้สามารถปลูกต้นไม้ได้ แล้วด้วยนวัตกรรมใหม่ของประเทศญี่ปุ่นโดยสำนักพิมพ์ ไนนิชิ ชินบุนชา ขอบคุณภาพจาก : https://pixabay.com/images/id-791440/ ทางสำนักพิมพ์ญี่ปุ่นรักษ์โลก ได้ผลิตหนังสือพิมพ์ " สีเขียว (Green) " ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ของญี่ปุ่น ขณะที่เราอ่านหนังสือพิมพ์ทั่วไป เราก็ต้องทิ้งกองไว้กับกระดาษหรือหนังสือพิมกองเก่าจริงไหมล่ะคะ แต่หนังสือพิมสีเขียวนี้ เมื่อเราอ่านเสร็จแล้ว สามารถนำมาปลูกต้นไม้ได้อีกด้วยค่ะ ขอบคุณภาพจาก : https://pixabay.com/images/id-791231/ ส่วนเรื่องแนวคิดการพิมพ์หนังสือพิมพ์รักษ์โลกนี้ มาจากแนวคิด “หนังสือพิมพ์รักษ์โลก” นี้ได้เกิดขึ้นโดย Dentsu Inc. หนึ่งในเอเจนซี่โฆษณาที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ร่วมมือกับ ไนนิชิ ชินบุนชา ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายใหญ่ของญี่ปุ่นค่ะ เพราะนอกจากจะลดปริมาณขยะแล้ว ยังปลูกต้นไม้เพิ่มออกซิเจนให้กับสภาพแวดล้อมในประเทศได้อีกด้วย ขอบคุณภาพจาก : https://pixabay.com/images/id-1525665/ โดยวิธีการปลูกต้นไม้ด้วยหนังสือพิมพ์นะคะ คืออย่างแรกฉีกกระดาษเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนแล้วนำกระดาษที่เราฉีกนั้นไปปลูกแทนเมล็กพันธุ์ และรดน้ำ ใช้เวลาการปลูกต้นไม้จากหนังสือพิมนั้น เหมือนกับเวลาปลูกต้นไม้ทั่วไป แต่ไม่ได้งอกออกมาเป็นหนังสือพิมพ์นะคะ จะงอกออกมาเป็นต้นไม้นี้แหละค่ะ! ขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิงจาก : https://www.thairath.co.th/news/foreign/1644246 ขอบคุณภาพปกจาก : https://pixabay.com/images/id-791439/ ผู้เขียน : โต๊ะเขียนหนังสือ
โต๊ะเขียนหนังสือ • 14 ม.ค. 63
อ่าน
รีวิว Japan D Playhouse ร้านอาหารญี่ปุ่นเอาใจสายอนิเมะ สุไหงโกลก นราธิวาส มีคลิป #foody
おはよう! (โอฮาโยะ!) วันนี้เรามาสวัสดีเป็นภาษาญี่ปุ่นกันค่ะ เพราะว่าร้านที่เราจะไปกันวันนี้ก็คือออ ร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองสุไหงโกลก นราธิวาส “Japan D Playhouse” นั้นเอง ร้านนี้เป็นร้านที่น้องสาวรีเควสเพราะน้องชอบอนิเมะ สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบอาหารญี่ปุ่นหรือชอบดูอนิเมะ ก็อยากแนะนำให้ลองไปกันค่ะ เราเองก็ชอบดูชินจังจอมแก่นมากก ฮ่า เป็นการเติมเต็มความชอบไปด้วยเลย ว่าแล้วเราไปดูกันเลยว่าที่ร้านมีเมนูอะไรบ้าง และภายในร้านตกแต่งอย่างไร กดคลิปแล้วไปดูกันเลยยย!!รีวิว “Japan D Playhouse” ร้านอาหารญี่ปุ่น🇯🇵บรรยากาศภายในร้านและการตกแต่งอาหารและเครื่องดื่มสำหรับมื้อนี้พวกเราก็หมดไป 404 บาทค่ะ อาหารรสชาติอร่อย ให้เยอะ อิ่มและได้เติมเต็มความชอบอีกด้วย อีกอย่างคือไม่คิดว่าจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นดีๆ แบบนี้อยู่ใกล้บ้าน😳 และทางร้านก็ยังใช้วัตถุดิบฮาลาลอีกด้วย เพื่อนๆ ลองไปชิมกันดูได้นะคะ สำหรับวันนี้ไปแล้วค่ะ สวัสดีค่าา ซาโยนาระ!พิกัดร้าน: คลิกดูแมปตรงนี้… ขอบคุณเพลงประกอบ :Sweet Love โดย DayFoxStaycation โดย FASSounds ภาพหน้าปกโดย : เจ้าหญิงน้ำแข็ง หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !
เจ้าหญิงน้ำแข็ง • 19 มิ.ย. 66
อ่าน
เจมส์จิ ชวนเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวญี่ปุ่น ใน Tabi Japan With James Jirayu
เตรียมพบกับบทบาทพิธีกรครั้งแรกของหนุ่ม เจมส์ จิรายุ กับรายการท่องเที่ยวญี่ปุ่นน้องใหม่ Tabi Japan With James Jirayu ประเดิมตอนแรกด้วยการพาไปสัมผัสการท่องเที่ยวที่แรก จังหวัดอาโอโมริ สัมผัส 3 เรื่องหลักในการเดินทาง อาหารขึ้นชื่อ,ทิวทัศน์ที่สวยงาม และ ออนเซ็น โดยตอนแรกของรายการเริ่มต้นด้วยช่วงเช้าพาไปเดินตลาดเพื่อค้นหาสุดยอดอาหารขึ้นชื่อของท้องถิ่น พร้อมกับโพสภาพถ่ายและทวิตถามคำถามระหว่างการเดินทางผ่านทวิตเตอร์ @Jirayu_jj ส่วนคำตอบจากแฟนๆ จะเป็นอย่างไรกันบ้างติดชมได้ในรายการ หลังจากนั้นเดินทางต่อไปชมทิวทัศน์ที่สวยงามที่อุทยานแห่งชาติ โออิราเสะ ชมการถ่ายภาพใบไม้เปลี่ยนสีและน้ำตกจากหนุ่มเจมส์ ช่วงเย็นกับการเดินทางไปยังโรงแรมเรียวคังที่มีประวัตินานกว่า 100 ปี แช่ออนเซ็นผ่อนคลายร่างกายที่หนาวเย็นภายใต้อุณหภูมิติดลบ พร้อมสัมภาษณ์ความรู้สึกจากประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตที่ได้แช่ออนเซ็น นอกจากนี้ช่วงท้ายของรายการแฟนๆ ยังสามารถถามคำถามผ่านทางทวิตเตอร์ของหนุ่มเจมส์ได้อีกด้วย ติดตามชมความสนุกกับการเดินทางของหนุ่มเจมส์ที่คุณอยากจะลองไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง ในรายการ Tabi Japan With James Jirayu ทุกวันอาทิตย์ เวลา 17.00-17.30 น. ทางช่อง 28 เริ่มออกอากาศตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2559 ชมทีวีออนไลน์แบบสดๆ ได้ที่นี่ ช่อง 3 ช่อง 3 Family ช่อง 3 SD ช่อง 3 HD
ข่าวบันเทิง • 6 ม.ค. 59
อ่าน
backpacking in Japan : Minumatsusenbori Park @Saitama
Backpacking in Japan : Minumatsusenbori Park @Saitama ทริป 1 วันในญี่ปุ่นครั้งนี้ เราวางแพลนไปเที่ยวที่ Toy Planet Higashi Urawa store ซึ่งเป็นร้านขายของเล่น ของสะสมมือสองในจังหวัดไซตามะ โดยนั่งรถไฟจากโตเกียวมาลงที่สถานี Higashi Urawa แล้วเดินเท้าต่อไปอีก 850 เมตรก็จะถึงร้าน เราเดินตาม Google map มาเรื่อย ๆ ประมาณ 400 เมตร มองไปทางซ้ายเห็นสวนสาธารณะ เสียดายที่ลืมถ่ายป้ายทางเข้าสวนด้านหน้าของ Minumatsusenbori Park กะว่าจะพักเหนื่อยไม่นาน ลองเดินเข้าไปดูนิดหนึ่งดีกว่าเผื่อเจอดอกไม้สวย ๆ เดินเข้ามาเรื่อย ๆ โอ้โห สวนสาธารณะนี่ไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่คิด ยิ่งเดินเข้ามายิ่งเจอความเขียวขจีของป่าไผ่ ธรรมชาติสุด ๆ อากาศเย็น สดชื่นมาก สีเขียวของต้นไผ่ตัดกับทางเดินที่เป็นไม้ สวยงามมาก มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะมาก เพลินกันเลยที่นี้ มีทางเดินแยกต่อไปอีก เราเดินถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ จนสุดทางเดิน เห็นวิวแบบนี้เลย โอ้ย สวยจัง ทำไมฉันพลาดที่แบบนี้ไปได้ยังไง ถ้าไม่เห็นคงไม่ได้แวะเข้ามา บรรยากาศดี เงียบสงบ ได้ยินเสียงนกร้อง สวนสาธารณะนี้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง อยู่ในจังหวัดไซตามะ (Saitama) มีคลองน้ำเล็ก ๆ อยู่ด้านข้าง เป็นสวนป่าไผ่ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่พอสมควร มีลานโล่งให้เดินชมธรรมชาติ ต้นไม้ ต้นหญ้า กันเพลิน ๆ เลย มองไปทางไหนเขียวชอุ่มไปหมด โชคดีที่มีคนเดินน้อยมาก ป่าไผ่นี้เป็นของเรา เรานั่งพักกันตรงนี้เลย หมดเวลาไปเกือบชั่วโมง อากาศน่านอนมาก ได้เวลาเดินทางต่อไปที่ Toy Planet Higashi Urawa store แวะหาของเล่น ของสะสมก่อนนะ ถ้าเพื่อน ๆ เดินทางผ่านมาแถวนี้ อย่าลืมแวะมาเช็คอินถ่ายรูปกับป่าไผ่สวย ๆ ที่ Minumatsusenbori Park กันนะจ้ะ ไม่ต้องไปไกลถึงเกียวโตก็ได้ ความสวยความเขียวขจีน่าจะใกล้ ๆ กัน Bye Bye http://saipo.net/11109006.html #ToyPlanet #ของเล่นในญี่ปุ่น #ของเล่นมือสองญี่ปุ่น #ToyInJapan #คิดถึงญี่ปุ่น #Japan ภาพหน้าปกโดย https://www.canva.com/ ภาพถ่ายทั้งหมดโดย : นักเขียน
KAOPUN • 14 ก.ย. 63
อ่าน
Review ร้านอาหารไทยใน Japan@Ueno
รีวิวอาหารไทยย่านUeno@Tokyo ร้าน A•Haan•Thai🇹🇭 ย่านอูเอโนะ ถือว่าเป็นย่านแหล่งที่พักอันดับแรกๆที่ทุกคนไปโตเกียว คงจะต้องนึกถึง เพราะว่าเป็นแหล่งที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องของการเดินทางที่สะดวกสบาย เชื่อมต่อไปได้อีกหลายเส้นทาง อีกทั้งแหล่งที่กินที่เที่ยวก็ไม่เป็นรองใคร ครั้งนี้เลือกที่พักใกล้ตลาด Ameyoko ซึ่งเป็นแหล่งที่รวบรวมร้านอาหารที่หลากหลาย ร้านนั่งชิลล์ ร้านขายของสด ตู้เกมส์หรือกาชาปองให้เราได้เดินเลือกดู และพอกินอาหารญี่ปุ่นมาหลายมื้อ เราเริ่มตามหาร้านอาหารไทยที่ขึ้นชื่อในย่าน จนได้ไปเจอกับร้าน A•Haan•Thai🇹🇭 @Ueno ร้านตั้งอยู่ในตึกใกล้ตลาด Ameyoko market ภายในร้านตกแต่งสไตล์แบบไทยแท้ๆเข้าไปแล้วเหมือนอยู่ร้านที่ไทยเลย พี่เจ้าของร้านน่ารักมาก บริการดีและเป็นกันเอง. พอได้เมนูมา เราช่วยกันเลือกว่ามื้อนี่จะทานอะไรกันบ้างและให้พี่พนักงานแนะนำว่าควรสั่งอะไรบ้าง เมนูที่สั่งมาก็จะมีประมาณนี้นะคะต้มเล้งแซ่บ (Recommend) พี่พนักงานยกมาเสิร์ฟ ไม่คิดว่าจะเป็นต้มเล้งแซ่บปกติ นึกว่าเป็นภูเขาไฟเล้งแซ่บ ให้เยอะมากกกก ที่ให้มาเป็นกระดูกเล้งชิ้นใหญ่เนื้อเยอะและเคี่ยวมาจนเปื่อยนุ่ม น้ำซุปถึงเครื่องมากเหมือนไม่ได้นั่งกินอยู่ที่ญี่ปุ่นเหมือนนั่งกินอยู่ร้านดังที่ไทย หอมมะนาว หอมเครื่อง กินพร้อมน้ำซุปคือฟินนที่สุด มาร้านนี้ต้องห้ามลืมสั่ง ถ้าไม่ได้ลองกินเมนูนี้คงเสียใจให้เลย 10 10 10 ห้ามพลาดจ้า! ส้มตำไทย ส้มตำไทยรสชาดจัดจ้านครบองค์ประกอบ สามรส วัตถุดิบดี ตักน้ำส้มตำมาราดบนข้าวเหนียว รสชาติดีงาม ถึงจะเป็นส้มตำไทยแต่ก็นัวได้.ไก่ย่าง ไก่เนื้อนุ่มหมักมาอย่างดี รสชาติออกหวาน เป็นไก่ย่างในอุดมคติ เสิร์ฟมาพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว รสแซ่บ ทานคู่กับส้มตำและข้าวเหนียวเข้ากันดีที่สุด ทานแป๊บเดียวคือหมด.น้ำตกหมู คอหมูย่าง ย่างมาหอมๆ มีส่วนที่ติดมัน คลุกเคล้าด้วยเครื่องลาบ รสชาติกลาง ไม่เผ็ดมาก กลมกล่อม.และมาถึงและมาถึงเมนูปิดท้ายของเราวันนี้ก็คือตำยำแซลมอน แซลมอนสดคุกเคล้าในน้ำยำรสชาติจัดจ้าน น้ำปลาร้ารสกลมกล่อมทานง่าย กลิ่นไม่แรง แถมทางร้านยังมีไข่กุ้งเสริมมาให้พร้อมด้วย เอาน้ำยำไปราดบนไข่กุ้งคือฟิน แตกกุ๊บกั๊บในปาก ลงตัวมากค่ะ เมนูนี้มาแล้วต้องลองห้ามพลาดนะคะ. จบมื้อนี้ทำให้หายอยากของแซ่บไปได้เลย พี่ๆท่านใดที่ผ่านมาเที่ยวแถวย่าน Ueno อย่าลืมแวะมาลองทานกันนะคะ. รีวิวนี้เป็นเพียงการชิมรสชาติของผู้รีวิวเพียงผู้เดียว หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยค่ะ Locationร้านตั้งอยู่ 4-4-3 Ueno Taito-ku 4th floor Hatoya 1 building. +813-6240-1963- เครดิตภาพ : Skyfah (ครีเอเตอร์) หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !
Skyfah • 20 ก.พ. 67
อ่าน
3 สุดยอด End Mill of Japan
3 เจ้าตลาด End mill สัญชาติญี่ปุ่น ในงานแม่พิมพ์ประเทศไทยEnd mill คืออะไรEnd mill คืออุปกรณ์ใช้ในการตัดเฉือนขึ้นรูปชิ้นงานให้ได้ตามความต้องการ มีขนาดและรุปร่างแตกต่างกันออกไปตามการใช้งาน End mail มีหลากหลายชนิดทั่วไปที่มักจะใช้อยู่ในงานแม่พิมพ์มีดังนี้ CBN (Cubic Boron Nitride), Diamond, Square, Boll, Radius, Taper, Drilling, Thread milling และ Chamfering ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะงานที่ผู้ใช้ต้องการการเลือก End mill ให้เหมาะสมกับการใช้งานโดยทั่วไปแล้วการเลือกใช้ End mill ต้องมีความแข็งมากกว่าตัวชิ้นงานที่จะแปรรูป องค์ประกอบสำคัญในการเลือกใช้คือ ความแข็งของตัวชิ้นงาน ลักษณะรูปแบบที่ต้องการ(ตามแบบที่กำหนด) วิธีการขึ้นรูปรวมไปถึงเครื่องจักรที่ใช้เช่น ควรใช้End mill 1-3ฟันในการขึ้นรูปแบบ Slot milling End mill 4-10ฟันในการขึ้นรูปแบบ Side milling ทั้งนี้ผู้เขียนจะแนะนำการเลือกใช้เป็น Coode Model End mill ของแต่ละ Brand ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานในประเทศไทยเป็นอย่างดีหรือที่เรียกกันว่า “เจ้าตลาด” นั่นเองสำหรับ 3 เจ้าตลาด End mill สัญชาติญี่ปุ่น ในงานแม่พิมพ์ประเทศไทย ผู้เขียนขอแนะนำตามนี้NS TOOL จากบริษัท NS TOOL CO., LTD. จัดจำหน่ายโดย Factory Max Co., Ltd. อ.เมือง สมุทรปราการEnd mill สำหรับงานทั่วไป ความแข็งเหล็กไม่เกิน 55HRC.เช่น S45C, S50C, NAK80, P20, Copper เป็นต้นSquare Model แนะนำเป็น MSE230 (2ฟันทั่วไป) MHR230 (2ฟันคอยาว) และ MSE430 (4ฟันทั่วไป) MHR430 (4ฟันคอยาว) ส่วนตัวทีเด็ดต้องยกให้ Model นี้เลย MSZ345 มีความสามารถกัดได้เร็วกัดในแนวแกนZได้เท่ากับØของตัวมันเอง เช่นØ10 ก็กัดได้ครั้งละ10มิลลิเมตรไปเลย แต่ก็เหมาะสำหรับงาน Rough cutting เท่านั้นนะเพราะผิวงานไม่ค่อยเท่าไรBall Model แนะนำเป็น MSB230 (2ฟันทั่วไป) MRB230 (2ฟันคอยาว) และMSB345 ใช้รอบต่ำ feed เร็วเหมาะกับงาน Rough ที่ต้องการเวลา ส่วนงาน Cut Copper แนะนำเป็น Model นี้เลย DRB230 ชื่อนี้ไม่มีผิดหวัง ผิวเงาเรียบเนียนสามารถกัดชิ้นงานเล็กสูงๆได้และfeed เร็วกว่าEnd millทั่วไปEnd mill สำหรับงานที่มีความแข็งเหล็กเกิน 55HRC. (เหล็กแข็ง) เช่น SKD61, SKD11, SKH51, STAVAXSquare Model แนะนำเป็น MHRH230 (2ฟันคอยาว) MHRH430 (4ฟันคอยาว) แต่มีสูงสุดแค่Ø6mm.ถ้าต้องการใช้ใหญ่กว่านี้ต้องใช้ Model MHDH645 มีตั้งแต่Ø5-12mm.Ball Model แนะนำเป็น MRBH230 (2ฟันคอยาว) เหมาะกับงาน Cutting finish Model เดียวเอาอยู่UNION TOOL จากบริษัท UNION TOOL CO.จัดจำหน่ายโดย Yuasa Trading (Thailand) Co., Ltd. บางรัก กรุงเทพมหานครEnd mill สำหรับงานทั่วไป ความแข็งเหล็กไม่เกิน 55HRC.เช่น S45C, S50C, NAK80, P20, Copper เป็นต้นSquare Model แนะนำเป็น CSS (2ฟันทั่วไป) C-CER (2ฟันคอยาว) และ C-CES4000 (4ฟันทั่วไป)Ball Model แนะนำเป็น CSELB (2ฟันคอยาว) และCFB ใช้รอบต่ำ feed เร็วเหมาะกับงาน Rough ที่ต้องการเวลา ส่วนงาน Cut Copper แนะนำเป็น Model นี้เลย DLCLB ผิวเงาเรียบเนียนสามารถกัดชิ้นงานเล็กสูงๆได้และfeed เร็วกว่าEnd millทั่วไปEnd mill สำหรับงานที่มีความแข็งเหล็กเกิน 55HRC. (เหล็กแข็ง) เช่น SKD61, SKD11, SKH51, STAVAXSquare Model แนะนำเป็น HLS2000 (2ฟันคอยาว) HLS4000 (4ฟันคอยาว) แต่มีสูงสุดแค่Ø6mm.ถ้าต้องการใช้ใหญ่กว่านี้ต้องใช้ Model HMS มีตั้งแต่Ø1-12mm.Ball Model แนะนำเป็น HSLB (2ฟันคอยาว) เหมาะกับงาน Cutting finish Model เดียวเอาอยู่OSG จากบริษัท OSG Corporation จัดจำหน่ายโดย Misumi (Thailand) Co., Ltd. บางนา กรุงเทพมหานครEnd mill สำหรับงานทั่วไป ความแข็งเหล็กไม่เกิน 55HRC.เช่น S45C, S50C, NAK80, P20, Copper เป็นต้นSquare Model แนะนำเป็น WXL-3D-DE (2ฟันทั่วไป) WXL-LN-EDS (2ฟันคอยาว) และ WXL-EMS (4ฟันทั่วไป) WXL-LN-EMS (4ฟันคอยาว)Ball Model แนะนำเป็น WXL-LN-EBD (2ฟันคอยาว) ส่วนงาน Cut Copper แนะนำเป็น Model นี้เลย AE-LNBD-N ผิวเงาเรียบเนียนสามารถกัดชิ้นงานเล็กสูงๆได้และfeed เร็วกว่าEnd millทั่วไปEnd mill สำหรับงานที่มีความแข็งเหล็กเกิน 55HRC.(เหล็กแข็ง) เช่น SKD61, SKD11, SKH51, STAVAXSquare Model แนะนำเป็น FX-LN-EMS-6 (คอยาว) แต่มีสูงสุดแค่Ø6mm.ถ้าต้องการใช้ใหญ่กว่านี้ต้องใช้ Model FXS-EML มีตั้งแต่Ø6-25mm.Ball Model แนะนำเป็น WX-EBD เหมาะกับงาน Cutting finish Model เดียวเอาอยู่ ข้อมูลทั้งหมดเป็นการแนะนำจากผู้เขียนโดยการใช้งานจริงในการทำงานประจำซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับผู้ผลิต End mill แต่อย่างใด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อย ขอบคุณภาพจากภาพหน้าปก http://wishareit.comรูปภาพที่1และ2 https://www.ns-tool.com/en/products/รูปภาพที่3และ4 https://www.uniontool.co.jp/en/รูปภาพที่5และ6 https://www.osg.co.jp/en/อัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !
ไอ้หนุ่มช่างกล • 17 ม.ค. 65
อ่าน
เก็บตกภาพแห่งความสุข "KRIST BRIGHT COUNTDOWN CONCERT in JAPAN" ก้าวสู่ปีใหม่ 2024
แฟน ๆ ญี่ปุ่นร่วมงานแน่นขนัด "คริส พีรวัส แสงโพธิรัตน์" และ "ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี" มันส์สุดขีดโชว์จัดเต็ม ระเบิดความสนุก ก้าวสู่ปีใหม่ 2024 ในงาน "KRIST BRIGHT COUNTDOWN CONCERT in JAPAN" ประมวลภาพ "KRIST BRIGHT COUNTDOWN CONCERT in JAPAN" บินตรงไปมอบความสนุกแบบจัดเต็มให้แฟน ๆ ชาวญี่ปุ่นได้สนุกและมีความสุขสุด ๆ ในช่วงเทศกาล ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ สำหรับ 2 ศิลปินหนุ่มสุดฮอต "คริส พีรวัส" และ "ไบร์ท วชิรวิชญ์" กับงาน "KRIST BRIGHT COUNTDOWN CONCERT in JAPAN" โดย GMMTV คอนเทนต์โพรไวเดอร์ชั้นนำของเมืองไทย ที่ได้เติมเต็มความทรงจำดี ๆ ไปพร้อมกับแฟน ๆ อย่างสนุกสนานเต็มอิ่ม กับ ทั้งคอนเสิร์ตเดี่ยวของ คริส ในวันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม 2566 และคอนเสิร์ตเดี่ยวของ ไบร์ท ในตอนบ่าย วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 2566 ก่อนจะปิดท้ายรอบดึกของคืนวันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 2566 ที่เป็น คอนเสิร์ต COUNTDOWN จาก คริส-ไบร์ท เรียกว่าทั้งสองวันสองหนุ่มก็ได้โชว์ฟอร์มแบบเกินร้อย ทุกรอบการแสดงทั้งร้องเต้นระเบิดความสนุกก้าวสู่ปีใหม่ 2024 พร้อมกับแฟน ๆ ด้วยความมันส์สุดขีด ณ TOYOSU PIT กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น อ่านข่าวบันเทิงวันนี้ที่เกี่ยวข้อง : ไลฟ์ที่รอคอย ไบร์ท วชิรวิชญ์ 1 ชม.กับความน่ารักของคุณเค้า วันสำคัญของพี่! วิน เมธวิน อวยพรวันเกิด ไบร์ท วชิรวิชญ์ โมเมนต์นี้ทำเขินมาก มีคนโดนตก!! คริส พีรวัส ประกาศกลางโซเชียล ขอเป็นมัมหมี่ นุนิว ชวรินทร์
ข่าวบันเทิง • 2 ม.ค. 67
อ่าน
"ฟลุ้ค-ยูโด" เตรียมจัดแฟนมีต ในงาน JudoFluke Japan 1st Fan Meeting in Tokyo
จับมือกันปังไกลข้ามประเทศต่อยอดจากซีรีส์แบบสวยๆ สำหรับ ฟลุ้ค ณธัช ศิริพงษ์ธร และ ยูโด ธรรม์ธัช ธารินทร์ภิรมย์ ที่ก่อนหน้านี้ประกบคู่กันครั้งแรกในซีรีส์ Make a Wish ภารกิจนายเทวดา เดอะซีรีส์ ได้รับกระแสโดนใจแฟนคลับชาวไทยไปหมาดๆ แต่ล่าสุดปังยิ่งกว่า เมื่อซีรีส์ไปลงจอฉายในประเทศญี่ปุ่น ก็ได้รับกระแสตอบรับจากแฟนๆแดนซากุระอย่างล้นหลาม จนล่าสุดเตรียมจัดงานแฟนมีตครั้งแรกที่ญี่ปุ่นไปเลย ในงาน JudoFluke Japan 1st Fan Meeting in Tokyo ที่จะมีขึ้นในวันที่ 21 ตุลาคมนี้ ฟลุ้ค เผยว่า "ช่วงนี้ซีรีส์ Make a Wish ที่ฟลุ้คกับพี่ยูโดเล่นได้ไปฉายที่ญี่ปุ่นด้วยครับ ทาง AsiaDramaticTV アジアドラマチックTV [アジドラ], J:COM, SKY PerfectTV, Hikari TV และ CableTV และช่วงที่เรากำลังจะไปแฟนมีตก็เป็นช่วงที่น่าจะกำลังจบพอดีครับ เลยถือโอกาสตรงนี้ไปจัดแฟนมีตคู่กันที่ญี่ปุ่นด้วยเลย เพราะถือว่าเป็นครั้งแรกด้วยครับ ความพิเศษก็จะมีเล่นเกมกับแฟนคลับ รวมถึง benefits ต่างๆ เช่นถ่ายรูป และ hi-touch ครับ ส่วนความพิเศษน่าจะเป็นโชว์การแสดงพิเศษ อาจจะมีร้องเพลงที่พวกเราทั้งสองคนยังไม่เคยร้อง มาร้องให้แฟนๆที่มาร่วมงานได้ฟังกัน และอาจจะมีร้องเพลงประกอบซีรีส์ที่พวกเราเล่นด้วยกันครับ ต้องขอบคุณทุกคนมากที่ติดตามพวกเราทั้งสองคน ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับที่ติดตามเราอยู่แล้ว หรือ จะเป็นคนใหม่ๆ ที่เพิ่งรู้จักกับพวกเรา หวังว่าทุกคนจะชื่นชอบซีรีส์เรื่องนี้และผลงานของพวกเราทั้งสองคนนะครับ ตื่นเต้นมากครับ เพราะมีตคู่นี้เป็นครั้งแรกของเราที่ได้ไปจัดต่างประเทศด้วยกัน ฟลุ้คว่าพี่ยูโดก็คงตื่นเต้นไม่แพ้กัน ฟลุ้คเองก็มีคุยกับพี่ยูโดไว้บ้างแล้วครับว่าจะร้องเพลงอะไรกันดี จะแต่งตัวยังไง หรือเราจะสร้างโมเม้นต์ความประทับใจอะไรให้กับอินเตอร์แฟนที่ไปร่วมงานในครั้งนี้ครับ สามารถติดตามที่ฟลุ้คโพสต์ได้เลยครับ หรือ ช่องทาง official ของงานครับ จะมีรายละเอียดทั้งกดบัตร และ benefits ต่างๆครับ ฝากติดตามแฟนมีต JudoFluke Japan 1st Fan Meeting in Tokyo ของพวกเราทั้งสองคนไว้ด้วยนะครับ และฝากเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วย และก็ฝากผลงานมินิซีรีส์ ของทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ครับ ซึ่งในโปรเจกต์นี้ก็รวมนักแสดงไว้หลายคนเลย ซึ่งฟลุ้คกับพี่ยูโดก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์นี้ด้วย เราจะไปถ่ายที่ ตราด ครับ ชื่อตอนว่า เฮียไม่ปลื้ม ถ่ายในวันที่ 14 กันยายน นี้ครับ ที่จะมาพร้อมความสนุกและภาพบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆในจังหวัด ตราด ด้วยครับ" ยูโด กล่าวเสริมว่า "ตื่นเต้นครับ ตื่นเต้นมาก ปกติแค่มีแฟนมีตก็ตื่นเต้นแล้วแต่รอบนี้ไปต่างประเทศ ถือว่าเป็นแฟนมีตต่างประเทศครั้งแรกด้วย ดีใจครับที่ได้มีโอกาสนี้ ก็ต้องขอบคุณแฟนๆทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ให้การตอบรับที่ดีเลยทำให้มีโอกาสนี้ครับ เราก็พร้อมที่จะทำให้เต็มที่เพื่อตอบแทนแฟนๆครับ ต้องเป็นอะไรที่พิเศษแน่นอนครับ ให้สมกับเป็นแฟนมีตต่างประเทศครั้งแรกครับ ฝากแฟนมีตต่างประเทศของผมกับฟลุ้คครั้งแรกด้วยครับ รับรองว่าจะมีความสุขไปด้วยกันแน่นอน งาน Judo Fluke Japan 1st Fan meeting in Tokyo จะมีขึ้น วันที่ 21 ตุลาคม 2023 จำนวน 2 รอบ สถานที่ Parthenon Tamaสามารถซื้อบัตรได้ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2023
ข่าวบันเทิง • 13 ก.ย. 66
อ่าน
The Japan Foundation Library ห้องสมุดฟรี!! สำหรับคนเมือง!!
สำหรับใครที่กำลังหาแหล่งเรียนรู้ฟรี ๆ มีมุมสงบ ๆ ให้ได้รวบรวมสมาธิในการอ่านหนังสือ อยู่ในตัวเมือง ปลอดภัย หรือใครที่กำลังหามุมสงบ ๆ อยู่ในเมืองแต่ไม่วุ่นวาย หรือหามุมในการอ่านหนังสือแบบส่วนตัวคนเดียวนอกบ้าน หรือหาสถานที่อ่านหนังสือกับเพื่อนเป็นกลุ่ม ๆ หรืออาจจะกำลังตามหาสถานที่นั่งปั่นงานแบบสงบ ๆ และเป็นส่วนตัว ที่สำคัญไม่เสียค่าใช้จ่าย วันนี้เรามีห้องสมุดที่เพิ่งปรับโฉมใหม่ให้มีบรรยากาศที่เหมาะต่อการเรียนรู้สำหรับคนเมืองมาแนะนำกัน!! ภาพโดย S. Hermann F. Richter จาก Pixabay ย้อนกลับไปเมื่อนานมาแล้วห้องสมุด “The Japan Foundation” อาจจะเป็นห้องสมุดที่ตกแต่งด้วยไม้สีทึม ๆ แต่ปัจจุบันได้มีการปรับโฉมใหม่ให้เข้ากับคนยุคใหม่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับโทนห้องสมุดให้มีความสว่าง และ ตกแต่งให้ดูเหมือนคาเฟ่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น ทั้งนี้ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบเป็นส่วนตัว ก็ยิ่งทำให้เหมาะกับการเป็นสถานที่หาความรู้และเรียนรู้เป็นที่สุด สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางมาหามุมส่วนตัว หาบรรยากาศที่เหมาะต่อการเสริมสร้างสมาธิ ในการเรียนรู้ จะต้องเป็นปลื้มกับที่นี่เป็นแน่ เพราะมีตัวเลือกในการหามุมพื้นที่สงบ ๆ มากมาย และยังสามารถเลือกมุมส่วนตัวในแบบ เคาท์เตอร์บาร์สไตล์คาเฟ่ ซึ่งสามารถนั่งหันหน้าออกไปทางหน้าต่างกระจกเพื่อทัศนาวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองได้อีกด้วย หรือหากวันใดต้องการมาอ่านหนังสือกับเพื่อน ๆ ที่นี่ก็มีโต๊ะกลมบริเวณโซนด้านหน้าให้เลือกหนังอ่านหนังสือกันแบบเป็นกลุ่ม ๆ ได้ด้วย โดยปกติแล้วสามารถเข้ามาใช้บริการได้ฟรี นอกจากนี้แล้วยังมี Wifi ฟรีให้ได้ใช้กันด้วย เพียงแต่ต้องขออนุญาตกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งอาจจะต้องกรอกข้อมูลบัตรประชาชน เพื่อแลกกับ Username และ Password หากว่าแบตเตอร์รีของเราใกล้จะหมดก็อย่าได้กลัวไป เพราะมีปลั๊กไฟที่คอยอำนวยความสะดวกให้เราได้ชาร์ตแบตกันได้อย่างฟรี ๆ อีกด้วย (หากไม่มีที่ไหนจะไปก็คงต้องมาที่นี่แล้วแหละ) ด้วยความที่ “The Japan Foundation” มีหนังสือที่หลากหลายทั้งไทยและต่างประเทศ หากเราสนใจที่จะหยิบยืมไปอ่านที่บ้านบ้าง ก็สามารถทำได้โดยการสมัครสมาชิกรายปี ซึ่งก็จะมีเรตแตกต่างกันไป เช่น นักเรียน หรือ นักศึกษา ค่าสมัครสมาชิก 300 บาท บุคคลทั่วไป 600 บาท เป็นต้น ด้วยความที่เป็นรายปี ยังไงก็คุ้มอยู่ดี ซึ่งสามารถยืมหนังสือได้ครั้งละ 3 เล่มต่อ 2 สัปดาห์ ภาพโดย Rousseau จาก Pixabay สำหรับการเดินทางก็สะดวกสบาย หากมาโดย รถไฟฟ้า BTS สามารถมาลงได้ที่ “สถานีอโศก” ทางออกที่ 3 แต่หากเดินทางมาโดยรถไฟใต้ดิน MRT สามารถลงได้ที่ “สถานีสุขุมวิท” ทางออกที่ 1 ไปที่อาคารเสริมมิตรทาวเวอร์ แลกบัตรกับเจ้าหน้าที่ จากนั้นมาที่ “The Japan Foundation” ชั้น 10 เป็นอันว่าถึงเลย!! ซึ่ง “The Japan Foundation” เปิดให้บริการ วันจันทร์-ศุกร์ 9.00 น. - 19.00 น. และวันเสาร์ 9.00 น. - 17.00 น. หยุดทุกวันอาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์ เห็นทีงานนี้ต้องรีบไปบ้างแล้ว เพราะไม่ค่อยเห็นห้องสมุดที่เปิดบริการฟรีสำหรับบุคคลทั่วไปได้ใช้ประโยชน์ได้มากมายขนาดนี้สักเท่าไหร่ ที่สำคัญเดินทางก็สะดวกและง่ายมาก ๆ สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครัน ใครไปมาแล้วแบ่งปันเล่าความประทับใจกันได้นะคะรับ
Sherbetony • 3 ก.พ. 63
อ่าน
The Japan Foundation Library ห้องสมุดฟรี!! สำหรับคนเมือง!!
สำหรับใครที่กำลังหาแหล่งเรียนรู้ฟรี ๆ มีมุมสงบ ๆ ให้ได้รวบรวมสมาธิในการอ่านหนังสือ อยู่ในตัวเมือง ปลอดภัย หรือใครที่กำลังหามุมสงบ ๆ อยู่ในเมืองแต่ไม่วุ่นวาย หรือหามุมในการอ่านหนังสือแบบส่วนตัวคนเดียวนอกบ้าน หรือหาสถานที่อ่านหนังสือกับเพื่อนเป็นกลุ่ม ๆ หรืออาจจะกำลังตามหาสถานที่นั่งปั่นงานแบบสงบ ๆ และเป็นส่วนตัว ที่สำคัญไม่เสียค่าใช้จ่าย วันนี้เรามีห้องสมุดที่เพิ่งปรับโฉมใหม่ให้มีบรรยากาศที่เหมาะต่อการเรียนรู้สำหรับคนเมืองมาแนะนำกัน!!ภาพโดย S. Hermann F. Richter จาก Pixabay ย้อนกลับไปเมื่อนานมาแล้วห้องสมุด “The Japan Foundation” อาจจะเป็นห้องสมุดที่ตกแต่งด้วยไม้สีทึม ๆ แต่ปัจจุบันได้มีการปรับโฉมใหม่ให้เข้ากับคนยุคใหม่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับโทนห้องสมุดให้มีความสว่าง และ ตกแต่งให้ดูเหมือนคาเฟ่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น ทั้งนี้ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบเป็นส่วนตัว ก็ยิ่งทำให้เหมาะกับการเป็นสถานที่หาความรู้และเรียนรู้เป็นที่สุด สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางมาหามุมส่วนตัว หาบรรยากาศที่เหมาะต่อการเสริมสร้างสมาธิ ในการเรียนรู้ จะต้องเป็นปลื้มกับที่นี่เป็นแน่ เพราะมีตัวเลือกในการหามุมพื้นที่สงบ ๆ มากมาย และยังสามารถเลือกมุมส่วนตัวในแบบ เคาท์เตอร์บาร์สไตล์คาเฟ่ ซึ่งสามารถนั่งหันหน้าออกไปทางหน้าต่างกระจกเพื่อทัศนาวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองได้อีกด้วย หรือหากวันใดต้องการมาอ่านหนังสือกับเพื่อน ๆ ที่นี่ก็มีโต๊ะกลมบริเวณโซนด้านหน้าให้เลือกหนังอ่านหนังสือกันแบบเป็นกลุ่ม ๆ ได้ด้วยภาพโดย klimkin จาก Pixabay โดยปกติแล้วสามารถเข้ามาใช้บริการได้ฟรี นอกจากนี้แล้วยังมี Wifi ฟรีให้ได้ใช้กันด้วย เพียงแต่ต้องขออนุญาตกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งอาจจะต้องกรอกข้อมูลบัตรประชาชน เพื่อแลกกับ Username และ Password หากว่าแบตเตอร์รีของเราใกล้จะหมดก็อย่าได้กลัวไป เพราะมีปลั๊กไฟที่คอยอำนวยความสะดวกให้เราได้ชาร์ตแบตกันได้อย่างฟรี ๆ อีกด้วย (หากไม่มีที่ไหนจะไปก็คงต้องมาที่นี่แล้วแหละ) ด้วยความที่ “The Japan Foundation” มีหนังสือที่หลากหลายทั้งไทยและต่างประเทศ หากเราสนใจที่จะหยิบยืมไปอ่านที่บ้านบ้าง ก็สามารถทำได้โดยการสมัครสมาชิกรายปี ซึ่งก็จะมีเรตแตกต่างกันไป เช่น นักเรียน หรือ นักศึกษา ค่าสมัครสมาชิก 300 บาท บุคคลทั่วไป 600 บาท เป็นต้น ด้วยความที่เป็นรายปี ยังไงก็คุ้มอยู่ดี ซึ่งสามารถยืมหนังสือได้ครั้งละ 3 เล่มต่อ 2 สัปดาห์ ภาพโดย Rousseau จาก Pixabay สำหรับการเดินทางก็สะดวกสบาย หากมาโดย รถไฟฟ้า BTS สามารถมาลงได้ที่ “สถานีอโศก” ทางออกที่ 3 แต่หากเดินทางมาโดยรถไฟใต้ดิน MRT สามารถลงได้ที่ “สถานีสุขุมวิท” ทางออกที่ 1 ไปที่อาคารเสริมมิตรทาวเวอร์ แลกบัตรกับเจ้าหน้าที่ จากนั้นมาที่ “The Japan Foundation” ชั้น 10 เป็นอันว่าถึงเลย!! ซึ่ง “The Japan Foundation” เปิดให้บริการ วันจันทร์-ศุกร์ 9.00 น. - 19.00 น. และวันเสาร์ 9.00 น. - 17.00 น. หยุดทุกวันอาทิตย์และวันนักขัตฤกษ์
Sherbetony • 3 ก.พ. 63
อ่าน
Best Book Look Great : JAPAN สำหรับสนทนาภาษาญี่ปุ่น
เครดิตรูปภาพ : streetwillคอนนิจิวะ ภาษาญี่ปุ่นถือเป็นอีกหนึ่งภาษาที่มีความยากในการเรียนรู้ติดอันดับต้น ๆ ของโลก เนื่องจากภาษาญี่ปุ่นนั้นมีหลายลักษณะ ทั้งฮิระงานะ คาตาคานะ และคันจิ รวมทั้งระดับการสื่อสารก็แตกต่างกันออกไป ซึ่งถ้าเรียนภาษาญี่ปุ่นระดับที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ คุณก็จะสัมผัสได้ถึงความเยอะ (ของไวยกรณ์) ซึ่งต้องทำความเข้าใจในระดับหนึ่งเลยทีเดียว แต่ถ้าอยากสื่อสารกับคนญี่ปุ่นได้สไตล์นักท่องเที่ยวหละ เราจะต้องรู้จักประโยคไหนบ้าง ต้องรู้ศัพท์คำใดหรือรู้ไวยกรณ์ใดเอาไว้เพื่อเอาตัวรอดบ้าง บทความนี้มีคำตอบกับช่วง Best Book Look Great ที่จะมาแนะนำหนังสือที่มีชื่อว่า JAPAN สำหรับสนทนาภาษาญี่ปุ่นเครดิตรูปภาพ : โดยผู้เขียนJAPAN สำหรับสนทนาภาษาญี่ปุ่น เป็นหนังสือที่ต้องไว้เมื่อไปประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว เพราะเล่มไม่หนามาก รวมทั้งภายในเล่มไม่ได้มีแค่คำศัพท์ที่สำคัญเท่านั้น แต่จะมีประโยคสนทนาการถาม - ตอบพื้นฐาน และแทรกสาระความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นไว้ตลอดทั้งเล่ม ภายในเล่มเป็นรูปภาพการ์ตูนสี่สีตลอดทั้งเล่ม ทำให้สามารถเข้าใจความหมายผ่านภาพเหล่านี้ได้ง่าย ๆ และมีทั้งภาษาไทย ญี่ปุ่นและอังกฤษควบคู่กันไปในทุกประโยคไม่ว่าจะเป็นคำศัพท์หรือประโยคสนทนาต่าง ๆ ภายในเล่มจะมีการแบ่งหมวดหมู่ให้ชัดเจน โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ใหญ่ ๆ ทั้งหมด 8 หมวดหมู่ด้วยกัน ได้แก่ สำนวนพื้นฐาน การเดินทาง การรับประทานอาหาร การซื้อของ การท่องเที่ยว เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับญี่ปุ่น เมื่อเกิดปัญหาควรพูดอย่างไร และ ไวยากรณ์พื้นฐานเบื้องต้นที่ควรรู้ เรียกได้ว่ามีข้อมูลที่สำคัญครอบคลุมทุกส่วนเลยหละเครดิตรูปภาพ : ภาพโดยผู้เขียนโดยด้านหน้าปกก็ระบุเอาไว้ชัดเจนเลยว่า หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณได้เรียนรู้การสื่อสารจากความคิดของท่านด้วยภาพประกอบที่ใช้ง่ายและวลีที่มีประโยชน์สำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ ในการเดินทางท่องเที่ยวของท่าน แสดงให้เห็นความหลากหลายของการใช้สำนวนและการเลือกใช้แทนกันได้ ประกอบด้วยคำอธิบายหลากหลาย ทั้งแนวทางของวัฒนธรรมรวมทั้งประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น มีการจัดเตรียมวลีที่เป็นประโยชน์เพื่อจัดการเกี่ยวกับเหตุฉุกเฉิน การถูกลักทรัยพ์ และการเจ็บป่วยต่าง ๆเครดิตรูปภาพ : streetwillเครดิตรูปภาพ : streetwillJAPAN สำหรับสนทนาภาษาญี่ปุ่นสามารถหาซื้อได้ที่ร้านหนังสือ Kinokuniya ในราคาประมาณ 200 กว่าบาท บอกได้เลยว่าซื้อเล่มนี้เล่มเดียวคุ้มมาก ๆ หรือใครที่อยากลองเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นแต่ยังไม่พร้อมที่จะลงเรียนเสริมอย่างจริงจัง ก็ลองหาซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านก่อนคร่าว ๆ ก็น่าสนใจนะคะ สุดท้ายนี้ก็อยากบอกทุกคนว่าถึงแม้ภาษาญี่ปุ่นจะยากติดอันดับต้น ๆ ของโลก แต่ภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ยากอย่างที่คิดแน่นอนค่ะเครดิตรูปภาพ : ภาพโดยผู้เขียนเครดิตรูปภาพหน้าปก : canva
เจ้าคลื่นน้อย. • 21 เม.ย. 63
อ่าน
คาเฟ่หมามาเมะชิบะ in Japan
คาเฟ่ที่เรากำลังจะพูดถึงเป็นคาเฟ่ที่คนรักมาเมะชิบะห้ามพลาดเลยเพราะคาเฟ่นี้มีน้องหมาชิบะมากมายและเราสามารถเล่นกับน้องได้ค่ะ คาเฟ่นี้มีชื่อว่า Mameshiba cafe อยู่ที่ ถนนทาเคชิตะ ฮาราจุกุ ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านเสื้อผ้า / ร้านคาเฟ่ และสินค้าอื่นๆอีกมากมาย ตอนเราเดินไปเรื่อยๆไปเราจะเห็นป้ายที่เป็นรูปนกฮูกและรูปน้องหมามาเมะชิบะอยู่ด้านล่างเราก็เดินเข้าไปเพื่อซื้อตั๋วก่อนค่ะซึ่งคาเฟ่มาเมะชิบะจะอยู่ชั้น 3 เราสามารถขึ้นลิฟต์ไปได้ค่าตั๋วเข้าตอนที่เราไป ผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 780 เยน ( อายุมากกว่า13 ปี ) แต่ตอนนี้มีการปรับราคาตั๋วผู้ใหญ่เป็น 880 เยน ส่วนค่าตั๋วเข้าเด็กจะอยู่ที่ 580 เยน ( อายุ6-12 ปี ) ซึ่งที่นี่ก็จะมีการจัดรอบแต่ละครั้งด้วยตอนเราไปต้องรอค่อนข้างนานเราเลยไปเดินเล่นที่ถนนทาเคชิตะก่อนค่อยกลับมาตามเวลาที่เราได้รอบ พอกลับมาเราก็ต้องแสดงตั๋วที่ได้ให้แก่พนักงานจากนั้นพนักงานก็จะอธิบายเกี่ยวกับกฎระเบียบก่อนเข้าไปเล่นกับน้อง เราต้องถอดรองเท้าไว้ตรงตู้เก็บรองเท้าก่อนเข้ามาแล้วเราก็จะพบน้องหมามาเมะชิบะมากมายน้องหมาที่นี่ที่ทั้งสีดำ /สีน้ำตาล/ สีขาว น่ารักมากๆแต่ละตัวมีการใส่ผ้าพันคอด้วย ซึ่งเราสามารถเล่นและถ่ายรูปกับน้องหมาได้แต่ห้ามเปิดแฟลชเวลาถ่ายรูปนะคะน้องหมาที่นี่คือเชื่องมาก แต่ละตัวก็จะมีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันไปบางตัวก็จะขี้เล่น บางตัวก็จะขี้เซา แค่มองเพลินๆก็มีความสุขแล้วค่ะสำหรับคนที่ชอบน้องหมามากอย่างเราใน1รอบเราสามารถเล่นกับน้องหมาได้ 30 นาทีนะคะ หากใครอยากดื่มเครื่องดื่มไปด้วยดูน้องหมาไปด้วยก็สามารถเดินไปยังมุม Drink Bar เพราะจะมีเครื่องดื่มต่างๆให้เลือกไม่ว่าจะเป็น ชา / กาแฟ / น้ำอัดลม / น้ำผลไม้ ซึ่งเราสามารถแสดงตั๋วกับพนักงานเพื่อเลือกได้ 1 เครื่องดื่มต่อ 1ใบเสร็จค่ะ ตอนเราถ่ายรูปน้องบางตัวก็โพสต์ท่าให้เราถ่ายดูเหมือนเชี่ยวชาญในการแสดงสีหน้าให้คนถ่ายรูปดูทะเล้นน่ารักมากจริงๆค่ะพอเล่นน้องหมาเสร็จแล้วหากใครอยากจะซื้อของที่ระลึกที่นี่ก็มีขายเช่นกันค่ะ เช่น ตุ๊กตาน้องหมาชิบะ และหากใครที่ชื่นชอบนกฮูกภายในตึกเดียวกันก็มีสวนนกฮูก ชื่อว่า ฮาราจุกุ โนะ ฟุขุโระ โนะโมริ (Harajuku Owl's Forest) อยู่ที่ชั้นใต้ดินอีกด้วยค่ะเรียกได้ว่าเป็นที่ที่คุ้มค่าแก่การมาเที่ยวจริงๆค่ะเวลาเปิด/ปิด วันธรรมดาคือ 11.00-19.00 น. ส่วนวันเสาร์/อาทิตย์คือ 10.30-19.30 น.
eat and travel with you • 17 มิ.ย. 63
อ่าน
First time in Japan : เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก
วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ที่เราได้จากการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อปี 2015 ซึ่งเป็นปีแรก ๆ ที่ประเทศญี่ปุ่นเปิดฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยใหม่ ๆ เผื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นของเพื่อน ๆ ค่ะ ข้อแรกคือเป้าหมายหลัก ต้องถามตัวเองก่อนว่าเราต้องการไปดูอะไรที่ประเทศญี่ปุ่น ตั้งเป้าหมายหลักไว้เลยค่ะ เช่นไปดูฟูจิซัง, ไปเยี่ยมชมหมู่บ้านชิราคาวาโกะ, ไปเล่นสกี เป็นต้นค่ะ เมื่อเราได้เป้าหมายหลักแล้วเราจะได้รู้ว่าเราควรไปลงที่สนามบินไหน ที่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่เราจะไปมากที่สุด ข้อสองคือ การจัดที่เที่ยวควรเที่ยวเป็นโซน เราวางแผนให้ชัดเจนว่าเราต้องการไปเมืองบ้าง เลือกแค่ไม่กี่เมืองที่ใกล้กัน ในภูมิภาคเดียวกัน และที่สำคัญไม่ควรข้ามเกาะค่ะ ญี่ปุ่นมีเกาะหลักอยู่ 4 เกาะ คือ เกาะฮอกไกโด (Hokkaido) ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น เมืองที่เป็นที่รู้จักบนเกาะนี้เช่น ซัปโปโร่, ฟูราโน่, นิเซโกะ เป็นต้นค่ะ เกาะฮอนชู (Honshu) เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เป็นที่ตั้งของเมืองสำคัญต่างๆ รวมถึงเมืองหลวงอย่างโตเกียว, โยโกฮาม่า, ฮิเมจิ, นารา, เกียวโต, นาโกน่า, ยามานาชิ เป็นต้นค่ะ เกาะชิโกกุ (Shikoku) เป็นเกาะที่มีขนาดเล็กที่สุดในสี่เกาะหลัก มีแค่สี่เมืองบนเกาะนี้คือ โทกูชิมะ, คางาวะ, เอฮิเมะ และโคจิ เกาะคิวชู (Kyushu) อยู่ทางใต้สุดของประเทศ เมืองสำคัญบนเกาะนี้เช่น ฟูกุโอกะ, คาโงชิมะ, โออิตะ, นางาซากิ เป็นต้นค่ะ การเดินทางไปข้ามเกาะหรือภูมิภาค แม้ว่าในปัจจุบันจะสะดวกด้วยรถไฟหัวกระสุนซึ่งมีความเร็วสูง แต่ก็ใช้เวลานานในการเดินทาง ทำให้เราต้องเสียเวลาไปกับการเดินทางในแต่ละวันและเหนื่อยด้วยค่ะ ข้อสามคือ ช่วงเวลาเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งที่เราจะไป ควรไปในช่วงเวลาไหน เช่นหากเราต้องการไปชมซากุระ ควรไปในช่วงปลายเดือนมีนาคม ถึงกลางเดือนเมษายน และเราสามารถดูตารางพยากรณ์ซากุระล่วงหน้าได้หนึ่งหรือสองเดือน และเรายังสามารถ ติดตามซากุระบานแบบ real time ได้บนเว็ปไซด์ https://www.japan-guide.com ซึ่งจะมีอัพเดทเกือบทุกวัน ตามจุดชมซากุระที่สำคัญ ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น หรือจะติดตามในหน้าเฟสบุ้คในเพจพวก japanfanclub ก็มีสมาชิกมาอัพเดทบ่อย ๆ ค่ะ ข้อที่สี่คือการเดินทาง เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการเดินทางระหว่างซื้อตั๋วเป็นเที่ยวและการซื้อพาส โดยเว็ปไซด์ที่ช่วยในการวางแผนการเดินทางได้ดีที่สุดคือเว็ป www.hyperdia.com ซึ่งคำนวณค่าตั๋วในแต่ละเส้นทาง และมีตัวเลือกเส้นทางให้เราเลือกได้ด้วยค่ะ ส่วนราคาพาสต่าง ๆ เราก็สามารถเช็คได้จากเว็ปทางการ https://japanrailpass.net/th/ ว่าเราควรซื้อพาสแบบครอบคลุมทั้งประเทศหรือแบบภูมิภาคก็พอ สำหรับทริปแรกเนื่องจากเราต้องเดินทางไปหลายเมือง เราจึงเลือกใช้ JR All Area แบบ 7 วัน ซึ่งราคาในปัจจุบันก็อยู่ที่ 38,880 เยน แต่ถ้าเป็นแบบภูมิภาคก็จะถูกกว่านี้ค่ะ เช่น Kansai Wide Area 5 วัน ราคาก็แค่ 9,200 เยนเท่านั้น และหากเราเที่ยวแค่ในเมืองใดเมืองหนึ่งเราไม่จำเป็นต้องใช้พาสก็ได้แต่ใช้เป็นตั๋ววันของแต่ละเมืองแทน ดังนั้นแล้วเราควรเที่ยวเป็นโซน ๆ เป็นภูมิภาคไปจะประหยัดกว่าค่ะ ข้อที่ห้าคือ การเลือกที่พัก หากเราใช้รถสาธารณะเราควรจะเลือกที่เดินทางสะดวก โดยเฉพาะใกล้สถานีรถไฟ แบบไม่ต้องเดินลากกระเป๋าไกล ๆ และเลือกตามงบประมาณที่เรามี และอ่านรีวิวประกอบจากเว็ปต่าง ๆ เช่น Tripadvisor เพื่อประกอบการตัดสินใจค่ะ ข้อที่หกคือ อาหารการกิน ที่ญี่ปุ่นมีอาหารให้เลือกมาก และราคาไม่แพง ถ้าเราต้องการประหยัดเราสามารถซื้ออาหารที่ปรุงสำเร็จในร้านสะดวกซื้อที่มีให้เลือกหลายแบรนด์ทั้งเซเว่น, แฟมิลี่ มาร์ท หรือ ลอร์สัน ซึ่งเราชอบเป็นพิเศษคือขนมในลอร์สัน หน้าตาหน้าทานและราคาไม่แพงด้วย ในร้านสะดวกซื้อนี้ยังมีที่นั่งสำหรับรับประทานอาหาร และมีห้องน้ำไว้บริการด้วย ซึ่งถือว่าสะดวกมาก หลังจากทริปแรกที่เราเที่ยวข้ามเกาะเพราะมีโจทย์จากเพื่อนร่วมทริปที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ หลังจากที่เราจองตั๋วเครื่องบินไปเรียบร้อยแล้ว เราก็ไม่เคยเที่ยวข้ามเกาะหรือข้ามภูมิภาคของญี่ปุ่นอีกเลย แต่จะเที่ยวเป็นโซน ๆ ไป เพราะญี่ปุ่นเที่ยวได้ทั้งปีและทุกฤดูกาล @ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน #เที่ยวต่างประเทศ #เที่ยวญี่ปุ่น
Yuva Kanta • 25 พ.ค. 63
อ่าน
แฟนคลับญี่ปุ่นเฮ! “ค่ายดูมันดิ” เตรียมยกทัพไปมอบความสนุก DMD LAND in Japan
แฟนคลับญี่ปุ่นเฮ! ค่ายดูมันดิ เตรียมยกทัพไปมอบความสนุก DMD LAND in Japan เป็นอีกค่ายคุณภาพที่มักจะมีเซอร์ไพรส์มาให้แฟนคลับตลอด สำหรับ ค่ายดูมันดิ ค่ายต้นสังกัดของคู่จิ้น ซี พฤกษ์ กับ นุนิว ชวรินทร์ ไม่แค่นั้นแต่มีหลายคู่จิ้นและนักแสดงในค่ายที่แฟนคลับเหนียวแน่นไม่แพ้กัน เช่น แม้ก-ณฐ,เน็ต-เจมส์,ติวเตอร์-ยิม,จิมมี่-ทอมมี่ ฯลฯ จนตอนนี้มีน้องๆเจน 3 เข้ามาเสริมทัพความสนุกเข้ามา ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 มกราคม ทางค่ายเพิ่งจะจัดคอนเสิร์ตใหญ่รวมเด็กๆในค่ายทุกคน จัดโชว์สุดประทับใจอย่าง DMD LAND 2 Wonder Show Concert (The 2nd Fan Meeting Concert of Domundi) ณ อิมแพคอารีน่าเมืองทองธานี ก็ได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี ล่าสุดความปังครั้งนี้ไม่จบลงแค่ในไทย เพราะหนุ่มๆทุกคนจากค่ายดูมันดิ เตรียมยกทัพความสนุกไปหาแฟนคลับที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วจ้ากับงาน DMD LAND in Japan จะจัดขึ้นในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้รายละเอียดราคาและช่องการซื้อต่างๆจะเป็นยังไง ตามไปดูในนี้ได้เลยจ้า https://a-ara.co.jp/event/882
ดาราเดลี่บันเทิง • 30 ม.ค. 67
อ่าน
หยิ่น-วอร์ ชวนแฟนคลับญี่ปุ่นจิ้น ใน Yin&War 1st Fan Meeting in Japan 2023
ไม่ต้องรอนาน แฟนคลับแดนปลาดิบ ได้ฟิน เมื่อบริษัท คิราห์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ยักษ์ใหญ่เรื่องจัดงานคอนเสิร์ตจากญี่ปุ่น ประกาศ YinWar 1st Fan Meeting in Japan 2023 งานนี้จะได้เจอ 2 หนุ่ม หยิ่น อานันท์ หว่อง และ วอร์ วนรัตน์ รัศมีรัตน์ อย่างใกล้ชิด พร้อมพันธมิตร คุณยุทธนา นารี จาก บริษัท เอกซีอีโอ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด บริษัทเอเจนซี่ในไทย ที่จะร่วมนำเสนอข่าวความเคลื่อนไหว และอัพเดทให้แฟนๆ ได้ทราบกัน YinWar 1st Fan Meeting in Japan 2023 จะเป็นอีกเหตุการณ์สำคัญที่ 2 คู่จิ้นแถวหน้าของไทย หยิ่น อานันท์ หว่อง และ วอร์ วนรัตน์ รัศมีรัตน์ จะร่วมเดินทางประทับใจ ร่วมจำจดภาพและเสียงกับเหตุการณ์ที่จะไม่มีวันลืม แฟนคลับทุก ๆคน จะได้เจอ และใกล้ชิดกับทั้งคู่แบบเต็มอิ่ม 1.30 ชั่วโมง โดยงานจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม 2566 สถานที่จัดงาน Zepp Haneda(TOKYO) รอบเวลา 18:00 OPEN / 19:00 START ( 2023年3月30日(木) ) 初の日本でのファンミーティング「YinWar 1st Fan Meeting in Japan 2023」開催決定! 2023年3月30日(木) Zepp Haneda(TOKYO)18:00 OPEN / 19:00 START 最速抽選先行チケットはこちらから 👉🏻 https://stagecrowd.live/yinwarjapan/ 【受付期間】2023年1月20日(金) 12:00~2023年1月31日(火)23:59 #YinWarJapanFanMeeting #YinAnan #WarWanarat #YinWar ความสนุกรอพร้อมทุกกำลังใจ เตรียมส่งใจให้แฟนคลับ #หมูยอ แล้วพบกันในช่วงอากาศที่กำลังจะเริ่มอบอุ่น
ข่าวบันเทิง • 20 ม.ค. 66
อ่าน
backpacking in Japan : ภูเขามิตาเกะ [ Mount Mitake ]
backpacking in Japan : ภูเขามิตาเกะ [ Mount Mitake ] รีวิวนี้อารมณ์มันพาไปแบบว่าคิดถึงญี่ปุ่นมาก ถ้าไม่เกิดสถานการณ์โควิด19 เราคงได้พบกันอีกช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้แล้ว ซึ่งเรามีแพลนไว้ว่าจะไปเยือนภูเขามิตาเกะปีนี้อีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง สีส้ม สีแดง รู้สึกผิดหวังมากมายที่ไม่ได้ไป ได้แต่นั่งมองภาพเก่า ๆ จากทริปเมื่อปีก่อนช่วงต้นเดือนตุลาคม ช่วงนั้นใบไม้ที่นี่ยังไม่เปลี่ยนสี ยังเขียวขจีไปทั้งภูเขา แต่ทิวทัศน์มองดูสวยงามไปอีกแบบ เราชอบท่องเที่ยวแนวธรรมชาติป่าเขาอยู่แล้ว ที่ไหนมีต้นไม้เราไปหมด ภูเขามิตาเกะ (Mount Mitake) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติชิชิบุทามะไก (Chichibu-Tama-Kai National Park) ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติมาก เหมาะสำหรับคนชอบการเดินป่าเพื่อชมธรรมชาติ สะพายเป้คู่ใจพร้อมรองเท้าผ้าใบคู่กาย ออกเดินทางโดยรถไฟจากโตเกียวไปภูเขามิตาเกะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็มาถึงสถานีโอเมะ (Ome) แล้วต่อรถคันที่ไปโอคุทามะ (Okutama) มาลงที่สถานีมิตาเกะ (Mitake) ช่วงพักเหนื่อย ถ่ายรูปสถานีมิตาเกะ (Mitake) เบื้องหลังเป็นทิวเขาสลับไปมาสวยงามมาก วันนี้อากาศดี ท้องฟ้าปลอดโปร่ง อุณหภูมิประมาณ 18 องศา กำลังเย็นสบาย ทำให้การเดินเที่ยวไม่เหนื่อยและไม่มีเหงื่อ มันดีต่อหัวใจจริง ๆ ทำการฝากกระเป๋าสัมภาระไว้ที่ Coin Locker ของสถานีมิตาเกะก่อน จะได้เดินเที่ยวกันแบบสบาย ๆ แวะซื้อขนมและน้ำดื่มติดตัวไปด้วย เผื่อหิวระหว่างทาง จากนั้นเดินออกมาที่หน้าสถานี เลี้ยวซ้ายเดินออกจากสถานีต่อไปอีก 140 เมตร เพื่อไปเที่ยว Mitake Gorge เป็นลำธารน้ำใสสีเขียวระหว่างทางที่เดินไปผ่านร้านขายผักผลไม้ของชาวบ้าน เห็นส้มลูกใหญ่แล้วต้องเดินกลับมาซื้อ หวานมาก ฟินสุด ๆเดินข้ามสะพานต่อไปเรื่อย ๆ มองไปที่มุมด้านล่างขวาคือจุดที่เราจะไปนั่งชิลล์ ๆ ติดริมลำธารกันเลยเดินตามทางมาเรื่อย ๆ จะเจอทางลงไปที่ลำธาร ดอกไม้สวย ๆ ริมทางเรานั่งพักผ่อนบนโขดหินริมน้ำ มีลมเย็น ๆ พัดมาเบา ๆ อากาศดีมากนั่งซึมซับกับบรรยากาศที่อยู่ตรงหน้าให้นานเท่านาน มองเห็นน้ำในลำธารสีเขียว ใสและเย็น เราเดินไปเที่ยวอีกที่โดยเดินตามทางลงไปจะเจอกับสะพานแขวนจุดชมวิวบนสะพานแขวน ป่าไม้ที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์มาก ด้านหลังมีชาวญี่ปุ่นมาตั้งแคมป์กางเต้นท์กันหลายคน ขากลับเดินชมวิวเพลิน ๆ ฟินมาก สวยเกินบรรยาย ของจริงสวยกว่านี้หลายเท่า มองไปเห็นใบไม้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและส้ม เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ เหมือนหัวใจหยุดเต้นที่จุดนี้ ภาพลำธารน้ำสีเขียวใสด้านล่าง สวยงามมาก ได้เวลาเดินทางกลับสถานีมิตาเกะ (Mitake) เพื่อต่อรถไฟเข้าโตเกียวแล้ว ร่างกายเริ่มเหนื่อยล้า ปวดขา เพราะเดินมาทั้งวัน Bye Bye ลาแล้วนะ... ภูเขามิตาเกะ ถ้ามีโอกาสคงได้ไปเยือนอีกครั้ง วันเดียวเที่ยวไม่พอจริง ๆ มีที่เที่ยวในภูเขามิตาเกะ อีกหลายที่เรายังไม่เคยไป เช่น ศาลเจ้ามุซาชิมิตาเกะ (Musashi Mitake Jinja) แนะนำให้ถ่ายรูปตารางรถไฟที่สถานีไว้ด้วย จะได้แพลนเวลาเที่ยวในมิตาเกะ และเวลารถไฟขากลับได้นะคะติดตามบทความอื่น ๆ ของ KAOPUN ได้ที่ : https://creators.trueid.net/@81018ธรรมชาติประวัติศาสตร์ / วัฒนธรรมฤดูใบไม้ร่วงเที่ยวโตเกียวใน1วันภาพหน้าปกโดย https://www.canva.com/ภาพถ่ายทั้งหมดโดย : นักเขียน
KAOPUN • 13 ก.ย. 63
อ่าน
รีวิว Japan Sinks 2020 ญี่ปุ่นวิปโยค จาก Netflix
หลังจากรอกันมานาน เเอนิเมชั่นเรื่องดังที่ดัดเเปลงมาจากนิยายขายดีของ Sakyo Konatsu เรื่อง Japan Sinks (ญี่ปุ่นวิปโยค) ก็ได้ฤกษ์ลงสตรีมใน Netflix ให้เราได้รับชมกันเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีจำนวนตอนทั้งสิ้น 10 ตอน เเต่ละตอนนั้นมีความยาวเพียง 25 นาที ดังนั้นหากใครที่ต้องการดูรวดเดียวจบ ก็จะใช้เวลาราว ๆ 4 ชั่วโมงเท่านั้นเองค่ะJapan Sinks เป็นเรื่องราวของครอบครัว มุโต้ ซึ่งประกอบไปด้วย ''โคอิจิโร่'' พ่อเเละหัวหน้าครอบครัวผู้เก่งกาจ ''มาริ'' เเม่ที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องลูก ''อายูมุ'' ลูกสาวคนโตผู้อ่อนต่อโลกเเละไม่รู้จักโต ''โก'' ลูกชายคนเล็กของบ้านที่ชอบเล่นเกมส์เเละมีความฝันอยากไปใช้ชีวิตที่เมืองนอก ครอบครัวนี้จะต้องเผชิญกับเหตุการณ์เเผ่นดินไหวครั้งร้ายเเรงที่สุดในญี่ปุ่น เเละพวกเขาต้องรีบอพยพออกจากโตเกียวให้เร็วที่สุด เพื่อไปให้ไกลจากเมืองที่กำลังจะจมลงไปใต้มหาสมุทร โดยระหว่างทาง พวกเขายังได้พบกับคนอื่น ๆ ที่ร่วมออกเดินทางไปด้วยกัน เเละยังเป็นกำลังสำคัญที่คอยช่วยเหลือดูเเลกันเเละกัน ในการเดินทางที่เเสนยากลำบาก เเละเต็มไปด้วยภัยอันตรายมากมายที่พวกเขาต้องฟันฝ่าไป การดำเนินเรื่องของเเอนิเมชั่นเรื่องนี้ ค่อนข้างที่จะรวดเร็วในช่วงเเรก ๆ เรียกได้ว่าเริ่มเล่นได้ไม่ถึงนาที ก็เริ่มเปิดฉากภัยพิบัติตั้งเเต่ต้นเรื่อง เเต่พอถึงช่วงกลางเรื่อง กลับมีตอนที่เนือย ๆ อยู่บ้าง ทำให้ความตื่นเต้นที่ดำเนินมาในตอนเเรก ๆ ขาดหายไปเล็กน้อย เเละพอเนื้อเรื่องหลุดพ้นมาจากช่วงนั้น ก็จะกลับมาสนุกตื่นเต้นอีกครั้ง เราต้องลุ้นไปกับตัวละคร ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกบ้าง ฉากเซอร์ไพรส์คนดูมีหลายฉาก โดยเฉพาะฉากที่ตัวหลัก ๆ ตาย ที่มาเเบบไม่ทันให้ตั้งตัว คือตายเเบบทันทีทันใดโดยไม่มีสัญญาณอะไรบอกเราล่วงหน้า พอช่วงท้าย ๆ เรื่อง เราจึงจะพอเดาได้บ้าง ว่าตัวละครใดจะต้องเสียสละชีวิต เพื่อให้ตัวละครอื่น ๆ รอด รู้สึกอินกับการตายของตัวละครมาก ๆ เพราะตัวละครที่ตายนั้น อยู่กับเรามายาวนาน ทำให้คนดูรู้สึกผูกพันนั่นเองค่ะ ภาพของเเอนิเมชั่นนั้นทำออกมาได้ดี ภาพสวย ลายเส้นคม เเละละเอียด ครีเอทเเต่ละตัวละครออกมาได้ดี ฉากภัยพิบัติต่าง ๆ ทำออกมาได้น่ากลัวเเละสมจริง การดำเนินเรื่องตื่นเต้นเเละลุ้นระทึกเเทบทั้งเรื่อง เรียกได้ว่าหนีกันทั้งเรื่อง เเทบไม่ได้พักหายใจหายคอกันเลยที่เดียว เเอบบอกก่อนนะคะว่า เเอนิเมชั่นเรื่องนี้ จัดอยู่ในเรท 18 + เนื่องจากจึงมีเนื้อหาความรุนเเรงพอสมควร ฉากการตายก็ค่อนข้างที่จะสมจริงเเละน่ากลัวเลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับเด็ก ๆ นะคะ หนังถ่ายทอดปมเกี่ยวกับคนต่างชาติ เเละเล่าถึงมุมมองของญี่ปุ่นผ่านคนรุ่นใหม่ ซึ่งบางตอนเนื้อเรื่องค่อนข้างจะดราม่า เเละยังมีบางปมที่ไม่คลี่คลาย ทำให้รู้สึกคาใจในบางจุดโดยรวมเเล้ว ใครที่ชอบหนังเเนวภัยพิบัติเเละการเอาตัวรอด เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สนุกเเละควรดู อีกทั้งเเอนิเมชั่นเรื่องนี้ไม่ได้ให้เเค่ความสนุกเท่านั้น เเต่ยังให้ข้อคิดในการใช้ชีวิต ผ่านการบอกเล่าวิถีชีวิตเเละวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น ความเป็นนักสู้เเละไม่ยอมเเพ้ต่อโชคชะตา รวมถึงอุปสรรคต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต เพราะคนที่มีหวังเเละไม่ยอมเเพ้เท่านั้น ที่จะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ขอบคุณภาพประกอบบทความจาก www.imdb.com รับชมผ่านกล่อง TrueID ใน Netflixรูปที่ 1 / รูปที่ 2 / รูปที่ 3 / รูปที่ 4
𝒩𝒶𝓂𝒻❀𝓃𝓎 • 11 ก.ค. 63
อ่าน
Review หนังสือ Japan 2 ญี่ปุ่นคนเดียวก็เที่ยวได้ (อีก)
กราบสวัสดีท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่านนะครับ ในช่วงเฝ้าระวัง Covid 19 แบบนี้เชื่อว่าท่านผู้อ่านสายท่องเที่ยวหลาย ๆ คนคงอยากจะออกไปเที่ยวแทบใจจะขาดหลังจากต้องทนอยู่กับการเป็นมนุษย์ถ้ำมานานร่วมเดือน รวมถึงตัวของผู้เขียนเองด้วย (ร้องไห้) ใจเย็น ๆ กันก่อนนะครับเพื่อรอให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติก่อนเราจะได้เที่ยวกันได้อย่างสบายใจเพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและคนในครอบครัว หากหมด Covid 19 แล้วเราจะไปเที่ยวอีกกี่ทีก็ได้ แต่ถ้าหากไปในช่วงเสี่ยงอาจเป็นทริปเที่ยวเดียวไปเที่ยวกับรากมะม่วงนะครับ ด้วยความเป็นห่วงจากทางผู้เขียนอิอิ แน่นอนว่าในวันนี้ทางผู้เขียนไม่ได้มามือเปล่าแต่มีหนังสือยอดนิยมเล่มหนึ่งเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมาฝากด้วย เพื่อให้ทุกท่านสามารถเตรียมตัวไปเที่ยวกันได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แบบหมดโคหมดเมื่อไหร่เที่ยวแหลกจัดเต็มแน่นอน หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า " Japan 2 ญี่ปุ่นคนเดียวก็เที่ยวได้ (อีก) " เป็นหังสือสำหรับนักท่องเที่ยวสาย Backpack เพื่อให้ตะลอนเที่ยวในญี่ปุ่นดินแดนอาทิตย์อุทัย ได้คนเดียวแบบสบาย ๆ ชิว ๆ อยากไปไหนก็ไป แบบตามใจฉัน รับรองว่าสนุกมันเด็ดเจ็ดย่านน้ำแน่นอนครับ หนังสือเล่มนี้มีอะไรน่าสนใจไปชมกันเลย Japan 2 ญี่ปุ่นคนเดียวก็เที่ยวได้ (อีก) เป็นหนังสือโดย คุณ อรวินท์ เมฆพิรุณ นักท่องเที่ยวและ Content Writer ที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในหลากหลายประเทศ หนังสือเล่มนี้เป็น Guide Book ฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้ที่ต้องการจะเดินทางไปเที่ยวประเทศญึ่ปุ่นแบบ Solo Traveling ไปคนเดียว อยากไปที่ไหนตามใจฉัน สอนตั้งแต่การเตรียมตัว เตรียมกระเป๋า ข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เส้นทางเดินทางยันตู้กดน้ำหยอดเหรียญ พร้อมรวบรวมเส้นทางและสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไว้ในหนังสือมากกว่า 290 แห่งให้ท่านผู้อ่านได้ทำ Mark List และเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่เหล่านั้นที่ตนสนใจ เรียกได้ว่ามีหนังสือเล่มนี้เหมือนมีไกด์ส่วนตัวที่พาเราเที่ยวได้สนุก ๆ แบบตามใจเราเลยละครับ สำหรับประสบการณ์ส่วนตัวของทางผู้เขียนกับหนังสือเล่มนี้ได้วางแผนไว้แล้วว่า หมด Covid 19 เมื่อไหร่เจอกันแน่นอน ปราสาท Nijo and พระราชวัง Kyoto วางแผนเอาไว้หมดแล้ว อิอิ ต้องขอเรียนท่านผู้อ่านบางท่านที่ยังไม่ทราบข้อดีและข้อเสียของการ Solo Traveling เอาไว้ดังนี้นะครับ ข้อดีของการท่องเที่ยวคนเดียวคือ เราจะเป็นอิสระไม่มีตารางเวลามาบังคับเหมือนไปเที่ยวกับทัวร์ อยากไปไหนก็ไปอยากกินอะไรก็กิน เรียกว่าในเรื่องของประสบการณ์ในการเที่ยวจะได้รับจัดเต็มมากกว่าแบบไปกับทัวร์แน่นอน แต่ก็มีข้อเสียอยู่เช่นกันนั่นคือ การท่องเที่ยวแบบนี้เราไปเพียงคนเดียวหากเกิดปัญหาขึ้นเช่น โดนมิจฉาชีพหลอกลวง หลงทาง และอื่น ๆ เราจะไม่สามารถขอความช่วยเหลือใครได้เลย เราจึงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลและระวังตัวกันเป็นพิเศษเสียหน่อย มิเช่นนั้นหากเกิดปัญหาขึ้นและเราแก้ไม่ได้รับรองว่าทริปกร่อยเที่ยวไม่สนุกแน่นอนครับ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบและสนใจการท่องเที่ยวแบบ Solo Traveling เล่มนี้ไม่ควรพลาดเด็ดขาดครับคุ้มมาก ๆ ข้อมูลเพิ่มเติม : บริษัทซีเอ็ดยูเคชั่นจำกัด สั่งซื้อหนังสือ : Click ราคาหนังสือ 279 บาท Credit ภาพประกอบ ภาพประกอบที่ 1 ปก / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 โดยผู้เขียนบทความ ขอขอบคุณภาพประกอบโดย www.unsplash.com ภาพประกอบที่ 4 / ภาพประกอบที่ 5 / ภาพประกอบที่ 6
Clound. Lone Star • 10 มิ.ย. 63
อ่าน
รีวิวเพลงใหม่ Angel - X Japan
สวัสดีทุกคนที่กดเข้ามาอ่านนะคะ เราขอขอบคุณไว้ตั้งแต่ต้นย่อหน้าแรกเลย เชื่อว่า คนที่เข้ามาอ่านหรือฟังเพลงนี้ คงเป็นแฟนของ X ไม่มากก็น้อย ไม่เก่าก็คงเป็นแฟนใหม่ และวันนี้เราก็ได้โอกาสใจชื้นสักที ได้มาเขียนถึงเพลงนี้ที่เหล่าแฟนๆ ชาว X คงรอเพลงใหม่ของวงมาอย่างยาวนานร่วม 8 ปี เพลงใหม่ของวงที่ไม่ได้ใหม่ใสปิ๊งซะทีเดียว เพราะเป็นเพลงที่ถูกเขียนไว้แต่เนิ่นนาน หากเพียงมันถูกเอามาทำเผยแพร่และให้เป็นเพลงในแบบของ X เมื่อปีนี้ ในปี 2023 เราขอแนะนำสมาชิกของวงในปัจจุบันไว้ก่อน เพราะแต่ละคนอายุก็จะเข้าเลข 6 กันแล้ว ถือได้ว่าเป็นรุ่นเดอะ เป็นตำนาน และพวกเขายังทำงานอยู่ ผ่านบทเพลงล่าสุดที่พวกเขาปล่อยออกมา แค่นี้ก็ดี เราก็ปลื้มมากแล้ว สมาชิกตอนนี้ทั้งหมด 5 คน ดังนี้ค่ะYoshiki – leader, drums, piano, keyboards (1982–1997, 2007–present) อายุ 58 ปีToshi – lead vocals (1982–1997, 2007–present) อายุ 58 ปีPata – guitar, backing vocals (1987–1997, 2007–present) อายุ 58 ปีHeath – bass guitar, backing vocals (1992–1997, 2007–present) อายุ 55 ปีSugizo – guitar, violin, backing vocals (2009–present) อายุ 54 ปีชื่อสมาชิกปัจจุบันจากซ้ายไปขวา: พาตะ (Pata) / ฮีท (Heath) / โยชิกิ (Yoshiki) / โทชิ (Toshi) และ ซูกิโซะ (Sugizo)และเพิ่มภาพเวอร์ชั่นยุคต้นฉบับของพวกเขา กับวิชวลของพวกเขาที่เตะตาจนน่าจดจำ Angle เพลงใหม่ในรอบ 8 ปีเพลงใหม่ที่ไม่ได้ใหม่อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้น เป็นเพลงที่ป๋าโย หรือ โยชิกิ หัวหน้าวง มือกลอง และเปียโน ของวง ที่มีความเป็นผู้นำสูง มีตัวตนสูง ชัดเจน และเขาก็เป็นผู้เขียนเพลงนี้ด้วย เคยร้องโดยเวอร์ชั่นคนอื่นและเวอร์ชั่นของโยชิกิ ที่ร้องให้คุณแม่ด้วย แต่เพลงนี้มันเหมาะกับ X Japan มันจึงได้ทำออกมาด้วยการร้องของโทชิอีกครั้ง และมันสมบูรณ์แบบจริงๆ โดยรวมของเนื้อเพลงมันหม่นเศร้า ซึ่งเขียนขึ้นมาเมื่อตอนที่วงได้แยกย้ายกันไป ปัญหาของสมาชิกในวง โทชิ (ร้องนำ) และโยชิกิ บรรยากาศของเพลงก็หม่นเศร้าไปด้วย ถ้าถามว่าเขาเขียนเพลงเศร้าได้ระดับไหน สำหรับเรา เราว่า 8/10 การเปรียบเทียบเปรียบเปรย มันสวยงาม มันหม่นหมอง แต่เราก็รักในผลงานเพลงแบบนี้ โดยเพลงนี้มีเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด โยชิกิตั้งใจเขียนให้สะท้อนถึงความเจ็บปวด ความทุกข์ของคนบนโลกใบนี้ ที่ไม่ว่าใครก็คงเคยรู้สึกถึงความรู้สึกนี้ และตระหนักถึงการที่ทุกคนควรได้รับความรัก จงรู้สึกรัก และควรค่าต่อการมีชีวิตอยู่ อย่าเพิ่งตายจากกันไปเสียก่อน แม้เนื้อมันจะเศร้าเพลงใด มันก็ยังอยากปลอบใจผู้คนให้รู้สึกดีขึ้น เราลองไปฟังเพลงเต็มกันดีกว่าค่ะ แล้วไปเม้าต่อช่วงท้ายอีกหน่อยนึง Angle เป็น Single ที่ปล่อยออกมาให้ได้ฟังกันเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2023 เป็น X Japan เวอร์ชั่นโดยสมบูรณ์แบบ เพราะได้เสียงโทชิร้องในเพลงนี้ ถ้าติดตามวงก็จะรู้ว่า โยชิกิแต่งเพลงเพื่อให้โทชิร้องโดยเฉพาะ ด้วยน้ำเสียงและคีย์สูงของโทชิที่ยากจะมีคนเสียงพลังได้แบบนี้ เมื่อโทชิร้องเพลงนี้ มันจึงมีพลัง มีน้ำหนักขึ้นมา เศร้าแต่มันก็สวยงาม เสียงร้องของโทชิกับเสียงเปียโนของโยชิกิ มันเปรียบเสมือนฟงอวิ๋น การประสาน ความกลมกลืนและพลังที่ส่งออกมา ทำให้เราขอบคุณที่ยังทำเพลงออกมาในปีนี้ ยุคนี้ แม้ว่าทุกคนจะผ่านความเจ็บปวด ความทรหดของชีวิตของแต่ละคนที่ต่างรูปแบบกัน การปล่อยเพลงนี้ และมี World Tour มันก็ทำให้เรารับรู้ได้ว่า เรายังอยู่ด้วยกัน https://www.youtube.com/watch?v=fJeqwAmhlrc Angel เวอร์ชั่นโยชิกิในคอนเสิร์ต YOSHIKI sings 1st time on TV for his Mother เมื่อกรกฎาคม 2023 ที่ผ่านมา เป็นเวอร์ชั่นที่ดูเบาไปเลยเมื่อได้ฟังเวอร์ชั่นของโทชิ ซึ่งเพราะคนละแบบ ใครชอบอะคูสติกก็ได้ฟังหลากหลายอีกแบบ ตามอารมณ์เพลงที่ต้องการสื่อสาร เวอร์ชั่นนี้อบอุ่นและนุ่มขึ้น เหมือนอยู่ในอ้อมกอดของแม่https://www.youtube.com/watch?v=u4J10BqOzUA Angel เวอร์ชั่นที่ร้องโดยโทชิ เมื่อปี 2015 แฟนเพลงที่ไปดูคอนเสิร์ตอัดคลิปมาลง เพราะเป็นเพลงใหม่ในตอนนั้น แผนๆ คงตื่นเต้นน่าดูที่เมื่อได้เห็นเล่นเพลงใหม่แสดงว่า วง ก็มีโอกาสจะปล่อยอัลบั้มใหม่...หรือเปล่า? ฮ่าๆ เป็นความหวังของแฟน X กันจริงๆ ลองไปฟังกันค่ะ ถือได้ว่าเป็นอะคูสติกเวอร์ชันในแบบโทชิ https://www.youtube.com/watch?v=Et5-QQs6e6k Angle ส่วนรีวิวและความเห็นกับเพลงนี้ส่วนดนตรี ทำนองต่างๆ เราฟังครั้งแรกก็ชอบในมาตรฐานของ X และความปัจจุบันกับทิศทางเพลงและวัยของทุกคน เราคิดว่ามีผลด้วย ช่วงท่อนแรกก็เบาๆ ค่อยๆ ไล่น้ำหนักให้หนักขึ้น และท่อนที่เสียงหนักแน่นขึ้นตรงนาทีที่ 2.38 น. ชอบท่อนนี้กับเสียงของโทชิมาก และการที่มี เสียงกีต้าร์แสบๆ ทิ้งท้ายไปกับเสียงสูงลากยาวนั้นเราก็ชอบ แม้ว่าเพลงนี้จะไม่มีท่อนโซโล่เหมือนที่วงเคยทำมา แต่ก็ชดเชยด้วยท่อนสูงและกีต้าร์เสียงแสบเล็กน้อยนั้นได้ส่วนเนื้อร้อง เราชอบทุกบรรทัดเลย เนื้อเพลงสวยงามมาก อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่า ทุกคนควรได้รับการถูกรัก ความทุกข์ใจต่างๆ มันจะดีขึ้น และใช้ชีวิตต่อไป และต่อจากนี้คือท่อนที่เราชอบและฉัน ฉันจะรักคุณเหมือนไม่มีวันพรุ่งนี้And I, I'd love you like there's no tomorrowหวังว่าฉันจะฝังความเศร้าโศกของเธอได้ เพราะสิ่งที่เธอต้องการคือความรักWish I could bury her sorrow, 'cause all she needed was loveถ้ามีพรุ่งนี้ ฉันจะบอกทางให้คุณIf there's a tomorrow, I'll show you the wayที่รัก คุณจะได้รับความรักBaby, you'll be loved เราขอจบไว้ด้วยเนื้อเพลงของเพลงนี้ ถ้ามีวันพรุ่งนี้ ฉันจะมอบความรักให้กับคุณ________________________________ขอขอบคุณภาพประกอบภาพหน้าปก: ภาพ 1 ภาพ 2 จาก X Japanภาพประกอบ: ภาพ 1 ภาพ 2 ภาพ 3 จาก X Japanคลิปประกอบ: คลิป 1 จาก X Japan Official คลิป 2 จาก Yoshiki คลิป 3 จาก Sousuke Sagara จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !
whitedwarf77 • 24 ก.ย. 66
อ่าน
ประเทศที่น่าหลงไหล DAY3 @Japan
เชื่อว่าเพื่อนๆที่ชอบอาหารญี่ปุ่น อ่านมังงะ ดูอนิเมะ ต้องมีความใฝ่ฝันที่จะได้สัมผัสความเป็นญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่นจริงๆสักครั้ง ซึ่งเราก็เป็นคนนึงที่หลงใหลในความเป็นญี่ปุ่นมาก และโอกาสที่เราจะได้ไปประเทศญี่ปุ่นก็มาถึงแล้ว (ดีใจมากเว่อร์) เราแพลนของที่อยากจะลองกินมี ดังโงะ มันเผา พุดดิ้ง ทาโกะยากิ และอีกมากมาย เราดูไว้หลายอย่างมากกกกก (คือตื่นเต้นมาก) แต่การไปประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้เราไปเพียงระยะเวลาสั้นๆประมาณ 4 วันเท่านั้น (อยากไปอยู่สักครึ่งเดือน ) เริ่มการเดินทางครั้งนี้กันดีกว่าค่ะ เราบินสายการบิน Airasia X + โหลดกระเป๋า 20 Kg. + เลือกที่นั่ง เราพักที่ Cotoha Hotel Okachimachi ใน Tokyo ค่ะ ใกล้ๆกับสถานีรถไฟใต้ดิน Ueno-Okachimachi และ Takeya หรือ ตึกม่วง Ueno ช่วงที่เราไปเป็นฤดูหนาว 2-6 °C (ได้สัมผัสอากาศเย็นๆ ฟินไปเลยจ้า) DAY3 วันนี้เป็นวันแห่งการช้อปปิ้งเลือกซื้อของฝากต่างๆนานาเพราะวันพรุ่งนี้เราต้องกลับไทยแล้วอ่ะ () แน่นอนว่าเราพักแถว Ueno ต้องไม่พลาดไปซื้อของที่ตึกม่วง Ueno "ทาเคยะ" (Takeya) ทั้งปลอดภาษีทั้งมีส่วนลดใครจะพลาดได้หล่ะ แถมยังมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย โดยตึกม่วงนั้นจะแบ่งโซนสินค้าแต่ละประเภทออกเป็นตึกๆ ตึกแต่ละชั้นก็มีสินค้าแตกต่างกันออกไป บอกได้เลยว่าช้อปเพลินมากทั้งขนมและครีมต่างๆที่อยากได้อยากกินราคาถูกอีก จัดไปค่ะ อินมาก เพราะเราสายกินไง อิอิ ซึ่งลูกอมที่เราซื้อมาคืออยากกินมานานแล้ว เขาบอกว่ากินแล้วตัวหอม แต่จริงๆคือลูกอมมีกลิ่นหอม ราคาประมาณ 30 บาท 10 แถม 1 อีก ส่วนอีกอย่างที่ถูกก็คือมาร์กหน้าของเซนกะตกแผ่นละ 10 บาทเท่านั้น การเดินทาง : เดินจาก Cotoha Hotel Okachimachi ไป ตึกม่วง Ueno ประมาณ 400 เมตร ทุกคนเคยดูอนิเมะแล้วเห็นตัวการ์ตูนชอบกินนัตโตะกันไหม ซึ่งเราเป็นคนนึงที่อยากรู้ว่ารสชาติของนัตโตะว่าเป็นยังไง ถั่วเน่าเหนียวๆยืดๆเนี่ยจะอร่อยไหมนะ จึงซื้อมา 3 แพ็ค ลองกิน 1 แพ็ค โดยทำการใส่ซอสและคนจนมีฟองขาวๆเหนียวหนืด (เขาบอกว่ายิ่งคนให้เหนียวยิ่งอร่อย จริงไหมไม่รู้เหมือนกันค่ะ) จากนั้นก็ลองชิม บอกได้เลยว่าไม่คิดจะลองอีกเลย เป็นรสชาติที่อธิบายได้ยาก มันมีกลิ่นที่บอกไม่ถูกคล้ายๆก้นบุหรี่กับอะไรไหม้ๆ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก จากนั้นก็ไปช้อปปิ้งต่อที่ตลาดอะเมโยโกะ (Ameyoko Market) อยู่ใกล้ตึกม่วงนี่แหละค่ะ เป็นตลาดที่เป็นตรอกยาวประมาณ 500 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟอุเอโนะ (Ueno) และสถานีรถไฟโอคาชิมาชิ (Okachimachi) ในเขตไทโต ซึ่งเดินจากตึกม่วงไปไม่ไกล ที่นี่มีของขายที่หลากหลาย โดยเฉพาะเครื่องแต่งกาย มีรองเท้าหลายแบรนด์ เช่น Adidas Puma Nike Fila เป็นต้น เยอะจนตาลาย ราคาก็ถูกกว่าที่ไทยนะคะ และก็มีโซนขายของกินบางโซนอารมณ์คล้ายๆตลาดนัดบ้านเรา ซึ่งเราก็ได้ไปเดิน DON DON DONKI นะคะ เราก็รู้สึกว่าของก็เหมือนกับที่ตึกม่วงเลยอ่ะ การเดินทาง : เดินจาก ตึกม่วง Ueno ไป ตลาดอะเมโยโกะ (Ameyoko Market) ประมาณ 1 กิโลเมตร จากนั้นเราก็ไปกดกาชาปอง อยากได้กาชาปองดีๆหน่อยก็กดแพงหน่อยค่ะ เพราะราคาถูกๆก็จะเป็นพวกพวงกุญแจกิ๊กก๊อก เราไปเจอตู้กาชาปองวันพีชอนิเมะที่ทุกคนทั่วโลกต้องรู้จัก รออะไร กดสิคะ เรากดแค่ครั้งเดียวเพราะว่า 500 เยน เรามองว่ามันแพงอ่ะ และก็ได้เอสมา 1 งานดีเลยแหละค่ะ แล้วก็กาชาปองอื่นๆที่ราคาย่อมเยาอีกนิดหน่อย การเดินทาง : นั่งรถไฟสายสีส้มลงสุดสาย G16 (Ueno) ไป G01 (Shibuya) จุดประสงค์คืนนี้คือการมาถ่ายรูปปั้นสุนัขฮาจิโกะผู้ซื่อสัตย์ ที่สถานีชิบูย่า (Hachiko Statue) ทุกคนน่าจะรู้จักกันดีกับภาพยนตร์เรื่อง ฮาจิโกะ (Hachiko) ซึ่งสร้างมาจากเรื่องจริง โดยเจ้าฮาจิโกะจะมานั่งรอเจ้าของกลับจากที่ทำงานที่สถานีรถไฟชิบูย่าในกรุงโตเกียวทุกวัน ถึงแม้เจ้าของจะไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว..(T_T) ซึ่งที่ชิบูย่ามีคนเยอะมากเลย ไม่สามารถถ่ายรูปกับเจ้าฮาจิโกะโดยไม่ติดคนอื่นได้จริงๆ รูปปั้นสุนัขฮาจิโกะผู้ซื่อสัตย์ก็อยู่ใกล้ๆกับห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) คนเยอะจริงๆ ถนนค่อนข้างกว้างใหญ่เลย เหมือนทุกคนมาเพื่อเดินข้ามถนนกันเลยอ่ะ (^_^) เราไม่ค่อยสูงเลยได้ภาพมาเตี้ยหน่อย มองไม่ค่อยเห็นถนนเลยอ่ะ งื้อ เราไม่ค่อยอินกับอะไรแบบนี้เลย เดินเล่นไปสักพักเราก็ไปหาข้าวกินกันแต่ก่อนหน้านั้นเรากินทาโกะยากิมาแหละ มันดีมากจริงๆ และเราก็กินเยอะจัง เพราะเราไปกินข้าวหน้าปลาไหลต่อ พุงแตกแล้วจ้า ซึ่งเราก็กลับโรงแรมเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับ พรุ่งนี้เราต้องกลับไทยแล้ว ไม่ได้เที่ยวแล้ว กลับสู่โลกแห่งความจริง เห้ออออ.. สรุป ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ไปเที่ยวได้เรื่อยๆเลย บ้านเมืองสะอาด มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่ก็ยังมีการอนุรักษ์ความเป็นญี่ปุ่นดังเดิมที่ล้นหลาม เป็นเอกลักษณ์ของตนเองมาก ทำให้บุคคลภายนอกหลงไหลได้ง่าย และอาหารกับขนมเขาอร่อยมากจริงๆ อากาศก็ดี ผู้คนก็สุภาพ ธรรมชาติก็สวยงาม ดีอ่ะ ไปลองเที่ยวกันดูนะคะ สามารถอ่าน : ประเทศที่น่าหลงไหล DAY1 @Japan ที่นี่
FRAMEHALA-KS • 3 มี.ค. 63
อ่าน
ประเทศที่น่าหลงไหล DAY2 @Japan
เชื่อว่าเพื่อนๆที่ชอบอาหารญี่ปุ่น อ่านมังงะ ดูอนิเมะ ต้องมีความใฝ่ฝันที่จะได้สัมผัสความเป็นญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่นจริงๆสักครั้ง ซึ่งเราก็เป็นคนนึงที่หลงใหลในความเป็นญี่ปุ่นมาก และโอกาสที่เราจะได้ไปประเทศญี่ปุ่นก็มาถึงแล้ว (ดีใจมากเว่อร์) เราแพลนของที่อยากจะลองกินมี ดังโงะ มันเผา พุดดิ้ง ทาโกะยากิ และอีกมากมาย เราดูไว้หลายอย่างมากกกกก (คือตื่นเต้นมาก) แต่การไปประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้เราไปเพียงระยะเวลาสั้นๆประมาณ 4 วันเท่านั้น (อยากไปอยู่สักครึ่งเดือน ) เริ่มการเดินทางครั้งนี้กันดีกว่าค่ะ เราบินสายการบิน Airasia X + โหลดกระเป๋า 20 Kg. + เลือกที่นั่ง เราพักที่ Cotoha Hotel Okachimachi ใน Tokyo ค่ะ ใกล้ๆกับสถานีรถไฟใต้ดิน Ueno-Okachimachi และ Takeya หรือ ตึกม่วง Ueno ซึ่งเป็นร้านค้าปลอดภาษีที่เหมาะแก่การช็อปปิ้งของนักท่องเที่ยวมากและยังมีสินค้าหลากหลายครบครันในตึกเดียว ช่วงที่เราไปเป็นฤดูหนาว 2-6 °C (ได้สัมผัสอากาศเย็นๆ ฟินไปเลยจ้า) DAY2 เราออกจากที่พักนั่งรถไฟมุ่งหน้าไปฮาโกเน่กัน จำได้ว่าเราซื้อขนมปังจาก 7-11 ไว้เมื่อคืน (ขนมปังที่ญี่ปุ่นอร่อยมากจริงๆนะ แนะนำ) เพื่อมากินตอนเช้าบนรถไฟจะได้ไม่เสียเวลา และนั่งชมวิวข้างทางเพลินๆไปค่ะ จากนั้นเราก็มาเดินเล่นถ่ายรูปที่สะพานอาจิไซ (Ajisaibashi) น้ำใสวิวสวยดีค่ะ น้ำตกลงมาเป็นชั้นๆคลื่นๆ และเราก็นั่งรถบัสต่อเพื่อไปขึ้นรถรางขึ้นภูเขากัน เราขึ้นไปบนหุบเขาด้วยกระเช้าลอยฟ้าฮาโกเน่ (Hakone Ropeway) ค่ะ หุบเขาโอวาคุดานิ (Owakudani) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีภูเขาไฟที่ยังไม่ดับของฮาโกเน่ บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยควันสีขาวและกลิ่นของกำมะถัน ทิวทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์จึงถูกเรียกว่า "จิโกคุดานิ (หุบเขานรก)" วิวบนกระเช้าสามารถมองเห็นฟูจิซังได้ด้วย นี่คือไข่ดำ (Kurotamago) ซึ่งต้มด้วยน้ำในบ่อน้ำพุร้อนที่เปลือกไข่เกิดการออกซิไดซ์จนกลายเป็นสีดำนั้นก็เพราะแก๊ซจากภูเขาไฟค่ะ เป็นของขึ้นชื่อที่โอวาคุดานิเท่านั้น ว่ากันว่าเมื่อทานเข้าไปแล้วจะมีอายุยืน 7 ปีต่อไข่ 1 ฟอง ส่วนข้างในก็สีขาวธรรมดารสชาติก็ไข่ต้มธรรมดานี่แหละค่ะ ที่นี่เขาจะทานไข่ดำจิ้มกับเกลือเพื่อเพิ่มรสชาติ มุมนี้เป็นอีกหนึ่งจุดบนหุบเขาโอวาคุดานิที่ให้เราถ่ายภาพกับฟูจิซังได้อย่างชัดเจน ถึงจะไกลไปหน่อยแต่ท้องฟ้าก็เป็นใจอยู่นะ ต่อด้วยการล่องเรือโจรสลัด ท่องทะเลสาบอาชิโนโกะ (Lake Ashinoko) ที่เมืองฮาโกเน่ (Hakone) เป็นทะเลสาบเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ บนเรือจะจำลองมุมต่างๆให้คล้ายกับเรือโจรสลัดให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปและใต้ท้องเรือจะมีโจรสลัดในตู้โชว์ รูปภาพกราฟิกโจรสลัดให้ถ่ายรูปเช่นกัน ท่องเรือสัมผัสบรรยากาศแบบสายชิว ซึ่งทะเลสาบอาชิโนะโกะล้อมรอบไปด้วยภูเขา ต้นไม้ ธรรมชาติ อากาศปลอดโป่งบริสุทธิ์ ช่วยให้ผ่อนคลายได้ดีเลยค่ะ ระหว่างกลับจากการล่องเรือโจรสลัดเราได้แวะชมปราสาทโอดาวาระ (Odawara Castle) ระหว่างทางเข้าประสาทมีอีกาเยอะมากๆร้องตลอดทางเดิน ทำให้นึกถึงอนิเมะแนวปีศาจที่เรามักจะดู เขาบอกว่าอีกาเป็นภูติค่อยเฝ้าระวังให้จอมภูติ (เราชอบดูอนิเมะ คิดไปไกลเลยจ้า) พอเราเดินถึงปราสาทโอดาวาระก็พบว่าปิดทำการแล้วจ้า เราได้แต่เดินดูรอบๆถ่ายรูปวนไป ต่อด้วยออนเซนผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โรงแรมที่เราพักมีออนเซนกลางแจ้งบนด่านฟ้าด้วย เราจองไว้พอขึ้นไปคือโล่งมากกลางแจ้งจริงอะไรจริงมีฉากกันแค่ตรงอ่างออนเซน แล้วโรงแรมที่เราพักไม่สูงมาก ตึกข้างๆสูงกว่าหลายตึกเลย ถ้าคนบนตึกก้มมองลงมาต้องเห็นเราแน่ๆ ต่อมาก็เตรียมตัวแช่ออนเซนแต่คือต้องอาบน้ำก่อน ซึ่งกว่าน้ำจะร้อนรอพอสมควร และตอนนั้นหนาวมากกกกกกก..สุดๆ มีความทรมาน แต่พอได้แช่แล้วก็รู้สึกดีมากๆเลยค่ะ มองออกไปก็มีวิวตึกโตเกียวสกายทรีด้วย () วันพรุ่งนี้เราไปเดินในเมืองและช้อปปิ้งกันค่ะ สามารถอ่าน : ประเทศที่น่าหลงไหล DAY1 @Japan ที่นี่
FRAMEHALA-KS • 29 ก.พ. 63
อ่าน
ประเทศที่น่าหลงไหล DAY1 @Japan
เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น อ่านมังงะ ดูอนิเมะ ต้องมีความใฝ่ฝันที่จะได้สัมผัสความเป็นญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่นจริงๆสักครั้ง ซึ่งเราก็เป็นคนนึงที่หลงใหลในความเป็นญี่ปุ่นมาก และโอกาสที่เราจะได้ไปประเทศญี่ปุ่นก็มาถึงแล้ว (ดีใจมากเว่อร์) เราแพลนของที่อยากจะลองกินมี ดังโงะ มันเผา พุดดิ้ง ทาโกะยากิ และอีกมากมาย เราดูไว้หลายอย่างมากกกกก (คือตื่นเต้นมาก) แต่การไปประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้เราไปเพียงระยะเวลาสั้นๆประมาณ 4 วันเท่านั้น (อยากไปอยู่สักครึ่งเดือน ) เริ่มการเดินทางครั้งนี้กันดีกว่าค่ะ เราบินสายการบิน Airasia X + โหลดกระเป๋า 20 Kg. + เลือกที่นั่ง เราพักที่ Cotoha Hotel Okachimachi ใน Tokyo ค่ะ ใกล้ๆกับสถานีรถไฟใต้ดิน Ueno-Okachimachi และ Takeya หรือ ตึกม่วง Ueno ซึ่งเป็นร้านค้าปลอดภาษีที่เหมาะแก่การช็อปปิ้งของนักท่องเที่ยวมากและยังมีสินค้าหลากหลายครบครันในตึกเดียว ช่วงที่เราไปเป็นฤดูหนาว 2-6 °C (ได้สัมผัสอากาศเย็นๆ ฟินไปเลยจ้า) DAY1 หลังจากลงเครื่องเราก็ทานราเมงโชยุที่สนามบิน แต่แอบเค็มไปหน่อย จากนั้นไปฝากกระเป๋าที่โรงแรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปต่อที่วัดเซ็นโซจิ (Senso-ji Temple) หรือ วัดอาซากุสะคันนง (Asakusa Kannon Temple) ที่สถานี Asakusa วัดนี้อยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก ระหว่างทางไปวัดเราสามารถมองเห็นตึกโตเกียวสกายทรีด้วย พอถึงวัดเซ็นโซจิจะมีร้านค้าเปิดขายเต็มสองข้างทางมีคนเดินพลุกพล่าน มีการตกแต่งสวยงาม เราไม่รู้ว่าปกติเขาแต่งแบบนี้ไหมนะ วัดเซ็นโซจิมีเครื่องรางขายด้วยนะคะ ราคาก็รุนแรงอยู่ เมื่อเราไปไหว้พระก็จะงงๆหน่อยไม่รู้ว่าต้องไหว้ยังไง (ไม่ได้หาข้อมูลใด ๆ) ได้แต่เดินเล่นและไหว้ขอพรสไตล์ไทยๆ จากนั้นเราเดินชมวัดชมวิวดูร้านค้าและลองซื้อขนมคล้ายๆโคร็อคเกะแต่มันก็ไม่เหมือนซะทีเดียว ที่ร้านมีหลายรส เราเลือกที่จะซื้อรสที่ขายดีสุดเพราะคิดว่าต้องอร่อยแน่ๆ ซึ่งรสชาติหวานๆมันๆข้างในเป็นไส้ถั่วเหลืองข้างนอกกรอบๆอร่อยดี เดินเล่นบริเวณวัดสักพักเราก็นั่งรถไฟไปโอไดบะกัน (โอไดบะเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นบริเวณอ่าวโตเกียว) ที่แรกที่เราไปคือ สะพานแห่งความฝัน (Yume-no-Ohashi Bridge) เป็นสะพานที่โล่งกว้างขวางมาก และอากาศเย็นมากๆเพราะมีลมพัดตลอดเวลา สะพานนี้เหมาะแก่การถ่ายรูปสุดๆ จากนั้นเราไปเดินริมๆสะพานจะเจอสวนซิมโบลพรอมานาด (Symbol Promenade Park) มีเทพีเสรีภาพยืนสง่าอยู่ โดยปกติถ้าฤดูร้อนจะมีคนมานั่งเล่นริมชายหาดบริเวณนี้ แต่เราไปฤดูหนาวค่อนข้างเงียบเหงา พอเดินย้อนกลับมาเราจะเจอห้างไดเวอร์ซิตี้ โตเกียว พลาซ่า (DiverCity Tokyo Plaza) ซึ่งห้างนี้สาวกกันดั้มต้องรู้จักเป็นอย่างดี เพราะข้างห้างมีกันดั้มฟร้อนท์โตเกียว (Gundam Front Tokyo) ตั้งสูงโดดเดี่ยวเดียวดาย ที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปเช็คอินกัน แถมยังกินข้าวช็อปปิ้งได้ที่ห้างนี้กันเลย เวลานี้ก็ตอนเย็นพอดีพระอาทิตย์กำลังจะตกดินแสงพระอาทิตย์ที่ส่องผ่านต้นไม้สวยมาก ลืมเดินไปตรงสะพานแห่งความฝันจะต้องสวยมากแน่ๆ (แอบเสียดายลึกๆในใจ) วันนี้เราก็เดินทางกลับโรงแรมพักผ่อนกันก่อนพรุ่งนี้ไปลุยต่อกันนะคะ
FRAMEHALA-KS • 17 ก.พ. 63
อ่าน
ฟินไกลถึงญี่ปุ่น!! GMMTV ส่ง 4 คู่จิ้นสุดฮอตโชว์ความปังใน GMMTV EXHIBITION in JAPAN
ข่าวบันเทิงวันนี้ เตรียมพร้อมสร้างปรากฏการณ์ความฟินให้กับเหล่าแฟนคลับแดนปลาดิบได้อินกันแบบเต็มพิกัด ล่าสุด GMMTV ผู้นำด้านคอนเทนต์บันเทิงแบบครบวงจร ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตผลงานคุณภาพสู่สายตาผู้ชมอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่ยอมรับและสร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติ ผนึกกำลังกับ tv asahi สถานีโทรทัศน์ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น จัดงาน GMMTV EXHIBITION in JAPAN ขึ้นเป็นครั้งแรก!!! กับการจัดแสดงนิทรรศการสุดเอ็กซ์คลูซีฟของ 8 นักแสดงวัยรุ่นสุดฮอต คริส-พีรวัส แสงโพธิรัตน์, สิงโต-ปราชญา เรืองโรจน์, ออฟ-จุมพล อดุลกิตติพร, กัน-อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์, เต-ตะวัน วิหครัตน์, นิว-ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ, ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี, วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร ซึ่งภายในงานจะมีการจัดแสดงชุด Costume และของต่างๆ ที่ใช้ในการถ่ายทำซีรีส์สุดฮิตของทั้ง 8 หนุ่มมาโชว์ให้แฟนๆ ได้สัมผัสกันแบบใกล้ชิด แถมยังอิ่มเอมไปกับงาน Global Live Fan Meeting ที่ได้รับกระแสความนิยมไปทั่วโลก นอกจากนั้นยังมีคลิปวิดีโอ Special Interview ของทั้ง 8 หนุ่มที่สามารถรับชมได้เฉพาะภายในงานนี้เท่านั้น พร้อมทั้งการเปิดจำหน่ายสินค้า Japan Limited Edition ของงาน และสินค้าจาก GMMTV มาให้แฟนๆ ได้เก็บสะสมเป็นที่ระลึกอีกด้วย โดยงานจะเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 เมษายน ถึงวันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 เวลา 12.00-19.30 น. บริเวณ Roppongi Keyakizaka Museum ชั้น 1 สำนักงานใหญ่ tv asahi ในกรุงโตเกียวเป็นที่แรก!!! ราคาบัตรเข้าชมงาน Early Bird Ticket 1,300 yen (ระบุวันและเวลา), Regular Ticket 1,500 yen และจะมีการจัดงานวนไปตามเมืองต่างๆ ได้แก่ ฮากาตะ, เซนได, โอซาก้า และ นาโกย่า เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นการเสิร์ฟความสุขให้กับแฟนๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว แฟนๆ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.gmmtvexhibition.com หรือ Instagram Twitter : tvasahi_thai อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง คิ้วท์มากมาย!! ออฟ-กัน ปล่อยคลิป 5 วินาที แฟนคลับฮือฮาลุ้นโปรเจกต์ใหม่ไฉไลแน่ (มีคลิป) คิดถึงสุดใจ!! แฟนคลับ ไบร์ท-วิน พร้อมใจดัน BrightWin MadeMyDay แชร์โมเมนต์แสนสุขใจ กรี๊ดจนเจ็บคอ!! พาส่องบรรยากาศ FANTOPIA จัดเต็มอิ่มตลอดสองวัน (รูปเยอะมาก)
ข่าวบันเทิง • 8 มี.ค. 64
อ่าน
แนะนำ 3 Japanese Podcast เรียนภาษาญี่ปุ่นจากการฟัง
皆さん、こんにちは (*´∀`) お元気ですか? สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านทุกท่าน วันนี้มาริโกะจะมาแนะนำพอดแคสต์ใน YouTube ที่ใช้ฟังเพื่อเรียนภาษาญี่ปุ่นค่ะ การเรียนภาษาญี่ปุ่นผ่านพอดแคสต์สามารถฟังได้ทุกที่ ถ้าหากว่ามีเวลาว่าง ไม่ว่าจะขับรถ ทำอาหาร นอนเล่น แถมยังสามารถช่วยพัฒนาทักษะการฟังของเราได้ด้วยค่ะ พอดแคสต์นั้นมีความยากง่ายหลายระดับ วันนี้เราคัดสรรพอดแคสต์ระดับง่าย สำหรับผู้เริ่มเรียน หรือ Beginner มาให้คุณผู้อ่านได้เลือกรับฟังตามความเหมาะสม เราไปดูกันเลยค่ะแชนแนลแรกที่ผู้เขียนอยากจะแนะนำคือ Teppei (เท็ปเป) พอดแคสต์ของเขาคือ Nihongo Con Teppei เป็นพอดแคสต์สำหรับผู้เริ่มต้นเรียนรู้โดยเฉพาะ จะเป็นประโยคง่าย ๆ พูดช้า ๆ ให้เราฟังทัน มีการพูดซ้ำประโยคหลายครั้ง น้ำเสียงของผู้พูดน่าฟังและเข้าใจง่าย เป็นธรรมชาติในแบบของคนญี่ปุ่นจริง ๆ เหมือนกับว่าเรากำลังนั่งฟังเพื่อนคนญี่ปุ่นพูดให้ฟัง วีดีโอที่คุณเท็ปเปทำออกมามีทั้งหมดหลายร้อยวีดีโอเลย และจะแบ่งเป็นหัวข้อต่างๆ เช่น EP.1『元気ですか?について!』, EP.2『どのくらい日本語を勉強していますか?について!』และนอกจากจะมีระดับง่ายแล้ว ยังมีพอดแคสต์เพื่อการฟังระดับที่ยากขึ้นด้วยค่ะ สามารถเลือกศึกษาได้ตามพื้นฐานของเราเอง เปิดฟังยาว ๆ กันไปเลยค่ะ** ภาพ Screenshots โดยนักเขียน **แชนแนลต่อไป คือ Learn Japanese Pod มีรูปโปรไฟล์เป็นไดโนเสาร์สีเขียวครอบหูฟังที่เป็นเอกลักษณ์ จะมีทั้งวีดีโอบทสนทนาตามสถานการณ์ต่างๆ ข้อดีคือบางวีดีโอจะมีตัวอักษรคำพูดปรากฏบนหน้าจอเพื่อให้เราได้ฝึกอ่าน ฝึกฟังด้วย และยังมีพอดแคสต์เป็นภาษาอังกฤษ ที่พูดเกี่ยวกับการสอนภาษาญี่ปุ่น มีหัวข้อน่าสนใจ น่าศึกษาเรียนรู้ ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษและภาษาญี่ปุ่นด้วย ตัวอย่างหัวข้อพอดแคสต์ คือ Podcast 20: How to talk about your hobbies (วิธีการพูดเกี่ยวกับงานอดิเรกของคุณ) และ Podcast 22: What does Yappari mean? (ยัปปะริ หมายความว่าอย่างไร) ซึ่งเป็นหัวข้อที่ชาวต่างชาติที่ต้องการเรียนภาษาญี่ปุ่นส่วนใหญ่สนใจ ในคลิปจะมีเซนเซคนญี่ปุ่นที่คอยอธิบายและพูดตัวอย่างประโยคด้วยค่ะ** ภาพ Screenshots โดยนักเขียน **และแชนแนลสุดท้าย คือ Learn Japanese with JapanesePod101.com แชนแนลนี้จะมีวีดีโอสอนภาษาญี่ปุ่นหลายรูปแบบ ตั้งแต่ระดับง่ายไปจนถึงยาก เนื้อหาค่อนข้างละเอียด มีสอนตั้งแต่เบื้องต้น (ฮิรางานะ คาตาคานะ และคันจิ) จนถึงบทสนทนาที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน สอนโดยคุณ Alisha และคุณ Risa โดยจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก แชนแนลนี้จะเป็นช่องติวภาษาญี่ปุ่นโดยตรง ซึ่งอาจจะไม่ใช่พอดแคสต์ แต่ก็สามารถเปิดฟังเพื่อทบทวนเนื้อหาได้เช่นกันค่ะ และตัวอย่างคลิปวีดีโอซึ่งเป็นคอนเทนต์การสอน ก็จะมี Learn Kanji in 45 minutes - How to Read and Write Japanese (เรียนคันจิใน 45 นาที - วิธีการอ่านและเขียนภาษาญี่ปุ่น) มีการอธิบายอย่างละเอียด และวีดีโอประกอบการเรียนรู้ที่น่าสนใจ เข้าใจง่าย เป็นอีกหนึ่งช่องที่อยากจะแนะนำสำหรับผู้เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นค่ะ นอกจากนั้นแล้ว ยังมี E-book ให้ดาวน์โหลดประกอบการเรียนฟรีด้วย สะดวกและดีมาก ๆ เลยค่ะ** ภาพ Screenshots โดยนักเขียน **เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับแชนแนลยูทูปสำหรับฝึกทักษะการฟังภาษาญี่ปุ่นโดยใช้พอดแคสต์ ถ้าหากว่าสนใจช่องไหน ก็อย่าลืมกด Subscribe เอาไว้เพื่อใช้ในการเรียนรู้ด้วยนะคะ สำหรับวันนี้มาริโกะขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะขอให้เรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างมีความสุขนะคะ ❤❤
Mariko 🌷 • 30 มี.ค. 63
ดูเพิ่มเติม