รีเซต

ผลการค้นหา “วิวบ้านนอกสวยๆ” - ทรูไอดี

ยอดนิยม
ดู
สิทธิพิเศษ
อ่าน
คลิปสั้น
อาหารในแบบ "บ้านนอกสไตล์"
อ่าน

อาหารในแบบ "บ้านนอกสไตล์"

     อย่างที่เขียนเอาไว้ในบทความ "พวกเรามาอยู่บ้านนอกกันเถอะ!!" เรื่องอาหารการกิน กับข้าวกับปลาในแบบวิถีชนบท ทั้งที่ค่าครองชีพในปัจจุบันนี้ค่อนข้างจะสูงเอาการอยู่ สวนทางกับรายได้ของครอบครัวนี้ที่ช่างแสนต่ำเตี้ยเรี่ยดินเสียเหลือเกิน แต่ทำไมนะ? พวกเขาถึงอยู่กันได้ โดยไม่มีหนี้สินให้คิดหนักสักแดงเดียว เหตุผลหนึ่งคงเป็นเพราะวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติแท้ ๆ ที่หาได้ในท้องถิ่น ตามท้องไร่ท้องนา โดยไม่ต้องเสียสตางค์ หาใช่อย่างที่โฆษณากันเกลื่อนกลาดดาษดื่นในสื่อต่าง ๆ แต่อย่างใดไม่ ว่า "สด สะอาด จากธรรมชาติ" หรือไม่ก็ "แท้ร้อยเปอร์เซ็นต์"ก็อย่างที่เกริ่นไปบ้างแล้วถึงชื่อเรื่องบทความที่กล่าวไว้ในพารากราฟก่อน เรื่องทรัพยากรที่มีอยู่รอบ ๆ รั้วบ้านเรา (ตอนนี้ต้องเรียกว่าบ้านเราแล้วล่ะครับ เพราะถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตในเมืองอีก) แล้วถ้าหากอยากจะกินอะไรที่มันมีนอกเหนือจากรอบรั้วบ้านเราล่ะ จะต้องทำอย่างไร? ตลาดสิครับ คือคำตอบในบทความนี้ผมขออนุญาตเว้นวรรคและไม่ขอลงลึกถึงรายละเอียดเกี่ยวกับตลาดภาชีนะครับ สัญญาว่าบทความต่อ ๆ ไป ต้องเขียนถึงเรื่องนี้อย่างแน่นอน หากแต่วันนี้เราจะมาพูดถึงเมนูที่มีมูลค่าไม่เกิน 120 บาท ที่อยู่บนพื้นฐานอาหารในแบบ "บ้านนอกสไตล์"วันนี้วันคริสต์มาส 2021 (25 ธันวาคม 2564) พอผมตื่นขึ้นมา ก็นึกอยากกินตับไก่ (อ้าว.. .เกี่ยวกันไหมเนี่ย?) ก็เลยลองโหวตกันภายในครอบครัวว่าอยากได้ตับไก่มาประกอบเมนูอะไรดี ทุกคนลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า เอาเป็น "ผัดพริกอ่อนตับไก่" ก็แล้วกัน ตามมาด้วยเมนูโปรดของพ่อรุ่นพี่ ว่าแกอยากกิน "หม้อปลาร้า" คุณผู้อ่านหลายท่าน คงไม่เคยได้ยินชื่อเมนูนี้มาก่อนอย่างแน่นอน เอาเป็นว่าผมจะค่อย ๆ เล่าไปทีละสเตปก็แล้วกันนะครับ สุดท้ายก็เป็นอะไรที่ง่าย ๆและประหยัด อย่างไข่เจียว เพราะที่บ้านเรา ซื้อไข่ไก่ทีละแผง (30 ฟอง) เอาไว้ติดบ้านอยู่แล้วเมื่อได้รายการอาหารที่ถูกใจทุกคนแล้ว ผมกับรุ่นพี่ก็รีบบึ่งรถมอเตอร์ไซค์ไปตลาดทันที พร้อมเงิน 120 บาทในกำมือ ที่อัตราเร่ง  90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยหมายใจจะรีบปิดดีล รีบซื้อแล้วรีบกลับมาทำกับข้าวกินกันทันที เพราะยังมีงานหลักคือ ออกรับซื้อของเก่า ("ขยะ" ที่ไม่ได้มีค่าแค่ "ขยะ" หาอ่านรายละเอียดได้ในบทความก่อนหน้านี้ของผม) เนื่องด้วยใกล้เทศกาลปีใหม่ ทางโรงงานรีไซเคิลที่รับซื้อของเก่า ได้กดกระดิ่งเตือนล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อวานนี้ ว่าโรงงานจะปิดร้าน ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคมปีนี้ ไปจนถึงวันที่ 2 มกราคมปีหน้า ฉะนั้นต้องเร่งหาเงิน และกักตุน "ขยะ" ให้ได้มากที่สุดมาถึงเรื่องการจ่ายตลาดกันดีกว่า ผมกับรุ่นพี่ เดินจ่ายตลาดด้วยอารมณ์ของคนที่กลัวว่าจะตกเที่ยวบิน หาใช่คุณป้าบางท่าน ที่เดินทอดน่องพิจารณา เหมือนดั่งว่า ข้านี้มาเดินช็อปปิ้งบนเอ็มโพเรียมร้านแรกที่เราเดินผ่าน หลังจากจอดรถไว้บริเวณหน้าสถานีรถไฟชุมทางบ้านภาชี นั่นก็คือร้านขายผัก ที่ตลาดภาชีนี้ 50 เปอร์เซ็นต์ของร้านขายผัก จะเป็น "ผักชาวบ้าน" คือผักที่คุณลุง คุณป้า คุณตา คุณยาย ปลูกไว้ด้วยจุดประสงค์เพื่อเอาไว้กินภายในครัวเรือน ไม่ก็แจกจ่ายญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน เหลือจากนั้นจึงนำมาขายที่ตลาด ฉะนั้นเรื่องสารพิษจากยาฆ่าแมลงจึงหมดห่วงไปได้ แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะไม่สวยสดงดงาม แต่รสชาตินั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผักที่ขึ้นห้างแต่อย่างใด แถมอาจอร่อยกว่าเสียด้วยซ้ำ ผมเคยนะ เอาบวบดิบที่ปอกเปลือกแล้วมากัดชิมดู ปรากฏว่ารสชาติคล้ายฝรั่งสดมาก หากแต่ไม่กรอบเท่าฝรั่งแค่นั้นเองพริกอ่อน 1 ถุง กลับมานับที่บ้านได้ 13 เม็ด ราคา 10 บาทหอมหัวใหญ่ 1 ตะกร้า มี 2 หัวใหญ่ ๆ ราคา 10 บาทบวบ กำละ 3 ลูก ราคา 10 บาท ซื้อ 2 กำมะเขือเปาะ 1 ตะกร้า ขี้เกียจนับเมื่อกลับถึงบ้าน ราคา 10 บาทรวมเบ็ดเสร็จที่ร้านขายผัก 50 บาท จากนั้นรีบเดินตรงไปยังร้านขายปลา "ป้าครับ ปลาดุกตัวย่อม ๆ ตัวนึง จะเอาไปทำหม้อปลาร้าครับ" บอกเพียงเท่านี้เป็นอันรู้กัน ป้าคนขายก็จัดแจงเลือกปลาดุกในกะละมังใบเขื่องมาตัวหนึ่ง นาทีนี้ผมเบือนหน้าหนี เพราะรู้ชะตากรรมของมัน แต่จะให้ทำเช่นไรได้ มันเป็นวัฏจักรและกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ เสร็จสรรพจากป้าแกทำปลาดุกสำหรับหม้อปลาร้าแล้ว (ควักไส้แล้วสับเป็นท่อน ๆ ประมาณ 5 ชิ้น แต่ถ้าบอกว่าจะเอาไปผัดเผ็ด แกก็จะสับเป็นแว่นถี่ ๆ และถ้าบอกว่าจะเอาไปย่าง แกก็จะบั้งให้) สนนราคา ตัวละ 20 บาท เหลือเพียงอย่างเดียวที่เป็นต้นตอของท้องเรื่องในวันนี้ ก็คือ "ตับไก่" ผมหันไปบอกรุ่นพี่ให้เอาของที่ซื้อได้ไปที่รถ แล้วขี่มารับผมที่ร้านขายไก่เลย จะได้ไม่เสียเวลา หลังจากเราแยกย้าย เดินไปอีกไม่ไกลนัก ผมก็ได้ตับไก่มาครึ่งกิโลกรัม ราคา 40 บาท ปลาร้านั้นที่บ้านมีติดครัวอยู่แล้ว หาได้จำเป็นต้องซื้อไม่รวมค่ากับข้าวแล้วทั้งหมดเป็นเงินทั้งสิ้น 110 บาท เหลืออีกสิบบาท โดยไม่ต้องบอกให้เปลืองน้ำลาย รุ่นพี่แวะร้านน้ำเต้าหู้ทันที น้ำเต้าหู้ที่ร้านนี้ขายถุงละ 5 บาท ใส่เครื่องก็ 5 บาท ไม่ใส่ก็ 5 บาท เอ...แล้วมันแตกต่างกันอย่างไร? คำตอบก็คือ ขนาดของถุงครับ ถ้าไม่ใส่เครื่อง ถุงจะมีขนาดใหญ่กว่าใส่เครื่องนั่นเองเมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าแม่นั้นก่อเตาเสร็จเรียบร้อย พร้อมกับเจียวไข่ไว้รอแล้วจานหนึ่ง ด้วยความที่แกไม่ค่อยสบาย รุ่นพี่เลยไล่ให้แกขึ้นไปนั่งบนตั่ง คอยเตรียมคอยหั่นวัตถุดิบไว้ให้พร้อม จะเป็นการดีกว่า ส่วนผมก็แยกไปเด็ดใบมะกรูดมาสี่ห้าใบเพื่อนำมาต้มทำ "หม้อปลาร้า" เป็นการดับกลิ่นคาว คุณผู้อ่านที่เป็นคนในวัยเดียวหรือใกล้เคียงกัน และอาจจะมากกว่าผม ต้องรู้จักเมนู "ปลาร้าลอย" หรือบางคนก็เรียก "ปลาร้าปลาลอย" อย่างแน่นอนวิธีการทำนั้นไม่ยากครับ ตั้งน้ำให้พอร้อนไม่ถึงกับเดือดมาก ใส่ใบมะกรูดลงไป สักพัก ใส่น้ำปลาร้าพร้อม "ต่อน" (คือตัวปลาที่มากับน้ำปลาร้า) ลงไปพอประมาณ เมื่อน้ำเดือดได้ที่ นำปลาดุกที่ทางร้านทำมาให้เรียบร้อยแล้ว ใส่ลงไปในหม้อ ปิดฝา รอให้สุก เป็นอันใช้ได้แต่สิ่งที่มันเหนือความธรรมดากว่านั้นยังมีครับ ทำไม? ผมถึงต้องซื้อผักมาเยอะแยะ มันมีคำตอบครับ บวบ นำมาต้มให้สุก มะเขือเปาะ แตงกวาในตู้เย็น ผักทั้งหมดที่ว่ามานี้ นำมาแกล้มกับ "น้ำพริกปลาร้า" ครับ เมื่อหม้อปลาร้าสุก นำส่วนของเนื้อปลาดุกมาสัก 2 ชิ้น ใส่ลงในครก ซอยหอมแดง พริกป่น ผงชูรส ตำให้ละเอียดและคลุกเคล้าให้เข้ากัน หยอดน้ำปลาร้าในหม้อลงไปสัก 2 ทัพพี คลุกเคล้าดูอีกที ชิมรสตามใจชอบ ถ้าเผ็ดไม่พอ ก็เติมพริกป่น ยังไม่เค็มดี ก็เติมน้ำปลา (แต่ผมขอรณรงค์เรื่อง ลดหวาน ลดมัน ลดเค็ม นะครับ เอาแต่พอดี ๆ ก็พอ)ทีนี้มาถึงนักแสดงนำของวันนี้ "ผัดพริกอ่อนตับไก่" ตั้งน้ำมันในกระทะให้ร้อนแต่พอดี ใส่กระเทียมที่บุบแล้ว ประมาณ 6 - 7 กลีบลงไป ตามด้วยตับไก่ที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ผัดคลุกเคล้าให้ตับไก่พอสุก ใส่ซอสหอยนางรม ตามด้วยรสดี เหยาะน้ำปลานิดหน่อย ตามด้วยผงชูรส ถ้าชอบหวานก็เติมน้ำตาลสักนิด (ส่วนตัวผมจะไม่เติมน้ำตาล เพราะเดี๋ยวเรากำลังจะได้ความหวานจากหอมหัวใหญ่) เคล้าให้เข้ากัน ใส่หอมหัวใหญ่และพริกอ่อนลงไป (ถ้าจะให้ดีต้องมีมะเขือเทศสักหน่อย เสียดายที่หน้าแล้งแบบนี้ ราคาแพง) เติมน้ำสักนิดถ้าคิดว่ามันแห้งไป ผัดจนสุกได้ที่ ตักใส่จาน เท่านี้ล่ะคุณเอ๋ย ข้าวร้อน ๆ ที่หุงแบบเตาถ่าน ยิ่งถ้าเป็นข้าวหอมมะลิแล้วด้วยนะ ใครที่เคยได้รับประทานมาก่อนจะรู้ว่าทั้งนุ่ม ทั้งหอมมากแค่ไหนนี่แหละครับ อาหารในแบบ "บ้านนอกสไตล์" แต่คุณผู้อ่านบางท่าน อาจบอกว่า "เฮ้ย!! มันก็แค่ใช้เตาถ่านทำกับข้าวนี่หว่า ไม่เห็นมันจะบ้านนอกตรงไหน"ใช่ครับ มันอาจจะยังไม่ดูบ้านนอกเท่าที่ควรจะเป็น แต่นี่เป็นเพียงแค่บทความเกริ่นนำ ถึงข้าวปลาอาหารในแบบฉบับบ้านนอก ซึ่งในบทความต่อไป ผมจะพาคุณผู้อ่านไปพบกับ อาหารในแบบ "บ้านนอกสไตล์" ที่แท้ทรู โปรดติดตามตอนต่อไปครับ."พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้" 😄 ภาพปกและภาพประกอบทั้งหมด โดย ผู้เขียนอัปเดตเมนูอาหารสุดแสนน่ากินอีกมากมายไปกับเรา โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !

รีวิว คาเฟ่เปิดใหม่ย่านรามคำแหง ข้ามันบ้านนอก By บ้านนอกคอกนาเขาใหญ่
อ่าน

รีวิว คาเฟ่เปิดใหม่ย่านรามคำแหง ข้ามันบ้านนอก By บ้านนอกคอกนาเขาใหญ่

ช่วงนี้กรุงเทพฯ เริ่มมีลมหนาวพัดมาเบาๆแล้ว คิดแล้วก็อยากจะวาร์ปไปนั่งชิลแถวเขาใหญ่จัง แต่หันไปมองปฏิทินเดือนหน้าไม่มีวันหยุดยาวเลยน่ะสิ แง๊ ๆๆ  ไม่เป็นไร งั้นวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปหาพิกัดนั่งชิลแถวกรุงเทพฯ แต่ได้ฟีลรับโอโซนธรรมชาติแถวเขาใหญ่กันกับคาเฟ่เปิดใหม่ย่านรามคำแหง ข้ามันบ้านนอก By บ้านนอกคอกนาเขาใหญ่ ที่เค้าตกแต่งโทนอบอุ่น ใกล้ชิดธรรมชาติ เหมือนยกเขาใหญ่มาไว้ในเมืองกรุงยังไงยังงั้นเลย ในส่วนของคาเฟ่ จะมีโซนที่นั่งทั้งในห้องแอร์ และโซนด้านนอกใต้ต้นไม้ใหญ่เรามาดูในส่วนของโซนคาเฟ่กันก่อน ที่นี่เค้ามีขนมและเครื่องดื่มไว้บริการหลากหลายชนิด ทั้งกาแฟ ขนมเค้ก ขนมปังโชกุปังที่อบสดใหม่ และเมนูอาหารทานเล่นไว้บริการ รสชาติดีเลย วันนี้เราสั่งเครื่องดื่มเมนูซิกเนเจอร์ของร้านชื่อเมนู น้องนางบ้านนอก เป็นนมอัญชัญเย็น ที่ถูกตกแต่งมาด้วยดอกไม้และผักวอเตอร์เครส สวยจนไม่กล้าทานเลย :Dซึ่งผักวอเตอร์เครสที่ตกแต่งมาในเครื่องดื่มและขนมนี้ สามารถรับประทานได้ด้วย เพราะเป็นผักออแกนิกส์ที่ทางร้านปลูกเองอยู่ที่แปลงผักด้านนอกค่ะ  เรียกว่าเป็นเครื่องดื่มเติมความสดชื่นยามบ่ายได้ดีเลย  ส่วนอีกแก้วเป็น กาแฟเอสเปรสโซ่ กาแฟจัดว่าดี หอม เข้มข้น และก็สั่ง บลูเบอรี่ชีสพาย มาทานคู่กัน เบ็ดเสร็จ 345 บาทค่ะด้านในมีร้านจำหน่ายของที่ระลึก สินค้าหัตถกรรม งานคราฟต์ ที่มาจากฝีมือของพนักงานที่นี่บางส่วนก็เป็นงานฝีมือของชาวบ้าน ให้เลือกซื้อไปตกแต่งบ้านกันด้วยเดินออกมาจากโซนคาเฟ่ที่ด้านนอก จะเป็นโซนที่นั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ กว้างขวาง อากาศโปร่ง มีลำคลองเล็กๆตัดผ่าน มีลมเย็นๆพัดมาตลอดเลยส่วนถัดมาจะเป็นส่วนของแปลงผักปลอดสารพิษที่ทางร้านปลูกไว้ แต่ช่วงที่เราไปน่าจะมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตไปบ้างแล้ว ผักที่ปลูกมีหลายชนิดค่ะ ทั้งผักสลัด วอเตอร์เครส ผักสมุนไพรพื้นบ้านไทยๆ ก็มีโซนถัดมาจะเป็นโซนร้านอาหาร ซึ่งก็คือ ร้านอาหารตำแหลกบ้านนอก อาหารอีสานรสเด็ด แต่วันที่เราไปไม่ได้เข้าไปใช้บริการค่ะ เลยได้แต่เก็บภาพด้านนอกมาฝาก ไว้มีโอกาสจะลองไปชิมแล้วมารีวิวนะคะ :Dหากเพื่อนๆคนไหนสนใจ วันหยุดไม่รู้จะไปไหน ก็ปักหมุดคาเฟ่ ข้ามันบ้านนอก By บ้านนอกคอกนาเขาใหญ่ ไว้เป็นตัวเลือกได้นะคะ วิวสวย มุมถ่ายรูปเยอะมากจริงๆ แล้วพบกันรีวิวหน้าค่ะ :)คาเฟ่เปิด 08.00 - 20.00 น.ร้านอาหาร 10.00 น. - 22.00 น.เบอร์โทรศัพท์ : 062 302 3555พิกัด : ข้ามันบ้านนอก By บ้านนอกคอกนาเขาใหญ่ ซอยรามคำแหง 125/1 ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ มีที่จอดรถ เครดิตภาพปกและภาพทุกภาพโดย : ผู้เขียนนางแบบในภาพ : ผู้เขียน ชวนแต่งแฟนซี หลอน สวย เซ็กซี่หรือสร้างสรรค์ ถ่ายภาพหรือวิดีโอ แล้วโพสต์ที่TrueID Community ห้อง "13 สยองขวัญ"สำหรับผู้ที่ยอดกดไลค์สูงสุด 5 อันดับแรกอันดับที่1 : (ต้องมียอดไลค์เกิน 150 ไลค์) เงินรางวัล 3,000 บาทอันดับที่ 2-5: (ต้องมียอดไลค์เกิน 50 ไลค์) เงินรางวัล รางวัลละ 1,000 บาท (รวม 4 ท่าน 4,000 บาท)STAR COVER ส่งภาพเข้ามาได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 65 ถึง 3 พฤศจิกายน 65***

5 สิ่งที่บ้านนอกอยากบอกคุณ
อ่าน

5 สิ่งที่บ้านนอกอยากบอกคุณ

     ใครๆก็มักจะชอบพูดว่า บ้านนอกนั้นมีอะไรดี ทำไมถึงต้องไปใช้ชีวิตที่บ้านนอก ต่างพากันหาเหตุผลต่างๆนาๆ ดังนั้นวันนี้ผู้เขียนหนึ่งกลุ่มคนที่เติบโตและยังคงใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลจากตัวเมืองเช่นนี้ จะมาบอกเล่าว่าทำไมคุณถึงต้องเปิดใจ ด้วยบทความ 5 สิ่งที่บ้านนอกอยากบอกคุณ ลองมาเรียนรู้ ใช้ชีวิตบ้านนอกสักครั้งหนึ่งในชีวิต ผมเชื่อว่าบทความนี้อาจจะกำลังเปลี่ยนทัศนคติของผู้อ่านบางคนได้ว่าชีวิตที่ไม่จำเป็นหวือหวาหรือวุ่นวายก็สร้างความสุขอย่างแท้จริงให้พวกคุณได้เหมือนกัน งั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลาเราไปอ่านพร้อมๆกันเลยนะครับ ตอนนี้บ้านนอกคงอยากบอกคุณจะแย่มากแล้ว 1 ความสงบเงียบ     ความเงียบสงบคือเสน่ห์ที่ในตัวเมืองหาไม่ได้ ใครหลายๆ อาจจะมองว่าชีวิตในเมืองเป็นชีวิตที่แสนสุขสบาย มีเครื่องมือสื่อสาร เทคโนโลยีต่างๆที่คอยอำนวยความสะดวก ซึ่งดีกว่าบ้านนอกหรือพื้นที่ในแถบชนบทแน่นอน แท้จริงแล้วมันอาจจะถูกอยู่บ้างที่มีเครื่องมือที่ทันสมัยกว่า แต่ในทางกลับกันหากเราอยากใช้ชีวิตที่ปราศจาคมลพิษ เสียงรบกวน สิ่งก่อสร้าง รถติดหรืออื่นๆอีกมากมาย บ้านนอกเท่านั้นคือคำตอบที่ดีที่สุด บรรยากาศที่เงียบสงบเช่นนี้ นอกจากมันจะสามารถทำให้เรามีความสุข มันยังช่วยเยียวยาให้จิตใจเราแข็งแรงขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่า เหมือนมาเติมพลังบวกให้กับตัวเองตลอดเวลา2. ชีวิตแบบ slow life   อย่างที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้าหากเราอยากใช้ชีวิตที่ปราศจาคมลพิษ เสียงรบกวน หรืออื่นๆที่เป็น Toxic คุณมากถูกทางแล้ว บ้านนอกคือสถานที่ที่ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่วุ่นวาย ไม่ต้องไปวิ่งแข่งกับใคร ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตนเองให้ดี ตื่นเช้ามาเราได้พบกับแสงตะวันที่สดใส ยามบ่ายอาจจะร้อนหน่อยแต่ก็ปลอดฝุ่นควัน ตกเย็นเราสามารถชมแสงยามเย็นของพระอาทิตย์ที่ใกล้จะตกดิน บางครั้งท้องฟ้าสีแสดแกมเหลือง บางครั้งก็สีส้มสว่าง มันช่างวิเศษจริงๆ อีกทั้งสามารถขับรถเที่ยวชมหมู่นกกา ต้นไม้ หรือทุ่งนาตามฤดูกาลที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ไว้ให้กับมนุษย์เรา3 อยู่กันแบบครอบครัว   เพื่อนๆอาจจะพอรู้กันบ้างแล้วว่าสังคมในเมืองกับชนบทนั้นแตกต่างการโดยสิ้นเชิง ส่วนใหญ่สังคมในเมืองจะโดดเดี่ยว ครอบครัวเดี่ยว ประกอบไปด้วยสมาชิกในครอบครัวไม่มาก ตรงกันข้ามกับวิถีชีวิตชุมชน เราใช้ชีวิตกันแบบครอบครัวขยาย อยู่กับแบบครือญาติ บางครั้งไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกัน แต่ทุกคนกลับเคารพและนับถือ คอยช่วยเหลือเกื้อกูลซึ้งกันและกัน4 ความพอดี ไม่หวือหวา   อะไรคือความต้องการของคนที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความสุขเช่นนี้ พวกเราต่างต้องการเพียงแค่ความสุขที่มาจากความธรรมดา เราใช้จ่ายยามจำเป็น ไม่ต้องแต่งตัวหรูหรา ใช้สิ่งของราคาแพง ยี่ห้อแบรนด์ดัง พอเพียงในความพอดี อยู่ง่ายกินง่าย ยามมีเทศกาลงานต่างๆเราก็เต็มที่ พอถึงเวลาเราก็กลับไปใช้ชีวิตของใครของมันในแต่ละวันก็เท่านั้น พอใจในสิ่งที่มี คือ ความสุขที่แท้จริงใช่ไหมครับ 5 มิตรภาพที่อยากจะแบ่งปัน   เชื่อไหมครับ เสน่ห์ที่สวยงามที่สุดอีกอย่างของคนบ้านนอกคืออะไร สำหรับผู้เขียน มันคือรอยยิ้ม ที่ออกมาจากข้างในไม่ต้องซับซ้อนอะไรมาก รักคือรัก ไม่รักก็คืออีกเรื่อง ที่สำคัญคือ ความมีน้ำใจไม่สิ้นสุด คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอ มีกิจกรรมงานมงคลหรือไม่ก็ตาม พวกเราต่างรวมตัวเสนอแนวคิด แก้ไขปัญหา  อยู่ร่วมกับแบบเครือญาติ แบบพี่แบบน้อง เราแบ่งแกงอร่อยๆให้เธอ เธอขอบคุณ วันหน้าฉันแบ่งปันผัก ผลไม้ให้เธอบ้าง พวกเรามีความสุข         5 สิ่งที่บ้านนอกอยากบอกคุณ เป็นเพียงบทความดีๆที่อยากจะแบ่งปันความสุข ความประทับใจเล็กๆน้อยๆให้แก่ผู้อ่าน อันที่จริงสิ่งที่บ้านนอกอยากจะบอกคุณยังมีอีกมากมาย หากคุณอยากรู้ว่าการใช้ชีวิตธรรมดาๆแบบนี้จะเป็นอย่างไร ลองมาสัมผัสเรียนรู้ด้วยตัวเองดีกว่านะครับ เหมือนกับการชิมอาหาร ถ้าคนอื่นบอกว่าอร่อย เราจะรู้ได้ยังไงว่าอร่อยจริงไหม เพราะเรายังไม่ได้ลองชิมเลย สุดท้ายมุมมองและการใช้ชีวิตของคนเราไม่เหมือนกัน ผมเชื่อว่าวิถีชีวิตในเมืองและบ้านนอก มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่ว่าเราอยากใช้ชีวิตแบบไหน รสนิยมเป็นอย่างไรซะมากกว่า ผมหวังว่าเพื่อนๆ ผู้อ่านทุกท่านจะชื่นชอบบทความชิ้นนี้นะครับ หากใครมีเรื่องราวน่าสนใจของบ้านนอกหรือในเมืองสามารถแบ่งปัน แชร์ประการณ์ใต้บทความนี้ได้เลยนะครับ ขอบคุณและฝากติดตามผลงานชิ้นต่อไปด้วยนะครับ ภาพทั้งหมดโดยผู้แต่ง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

ที่เที่ยวหน้าหนาว วิวเมืองนอก บ้านรักไทย ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน สวยๆ นอนบ้านดิน จิบชาอุ่น ที่หมู่บ้านจีนยูนนาน
อ่าน

ที่เที่ยวหน้าหนาว วิวเมืองนอก บ้านรักไทย ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน สวยๆ นอนบ้านดิน จิบชาอุ่น ที่หมู่บ้านจีนยูนนาน

ถ้าพูดถึง ที่เที่ยวหน้าหนาว ก็ต้องนึกถึงบรรยากาศท่ามกลางขุนเขา ทะเลหมอก ดอกไม้บานสะพรั่ง และชาอุ่นๆ สักแก้ว ความรู้สึกประมาณนี้ทำให้เก็บกระเป๋าอย่างไม่ทันรู้ตัว ผ่านเส้นทางโค้งฉวัดเฉวียนไปๆ มาๆ หลายพันโค้งจนกระทั่งได้มาถึงที่นี่ค่ะ บ้านรักไทย ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอนหมู่บ้านชาวจีนยูนนาน เล็กๆ ที่รายล้อมด้วยหุบเขาใหญ่ ได้บรรยากาศเหมือนวาร์ปไปเที่ยวเมืองจีนกันเลยทีเดียวค่ะ บ้านรักไทย ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน ท่ามกลางขุนเขาเที่ยวหน้าหนาว วิวเมืองนอก บรรยากาศของ บ้านรักไทย ทำให้แทบไม่รู้สึกว่าอยู่เมืองไทยค่ะ จังหวะนึงแอบเผลอๆ คิดไปว่ากำลังอยู่ในฉากของหนังจีนกำลังภายในสักเรื่องเลยทีเดียว บ้านรักไทย แห่งนี้ ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนค่ะ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวจีนยูนนานที่ในสมัยอดีตเคยเป็นทหารจีนคณะชาติ (กองพล 93) หรือที่เรารู้จักกันว่า ก๊กมินตั๊ง นั่นเอง ที่นี่ค่อนข้างมีอากาศเย็นๆ สบายๆ เกือบทั้งปี ยกเว้นช่วงหน้าหนาวนี่แหละ ที่จะหนาวมากเป็นพิเศษค่ะ เพราะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,776 เมตรเลยค่ะ ที่นี่อากาศดีมากๆ ค่ะ พื้นที่ของบ้านรักไทยนั้นก็เหมาะอย่างยิ่งกับการปลูกชาพันธุ์ดี และพืชเมืองหนาวอีกด้วย ที่นี่จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในเรื่องของ ชา และ ขาหมู่หมั่นโถว มาก จนคนกรุงอย่างเราต้องหอบข้าวหอบของ ผ่านพันกว่าโค้ง เพื่อมาชิมถึงแหล่งแบบนี้! นอกจากการชิลนั่งจิบชาท่ามกลางอากาศดีๆ แล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมมากมาย ทั้ง การเดินป่าศึกษาเส้นทางโดยมัคคุเทศน์น้อย การปั่นจักรยานชิลๆ รอบหมู่บ้าน นั่งเรือในทะเลสาบ และการขี่ม้าพาข้ามแดนไป ฝั่งประเทศเมียนมาร์อีกด้วย เพราะตรงนี้เรียกได้ว่าเป็นสุดเขตแดนสยามนั่นเองค่ะ (เฉพาะในช่วงเวลาปกติก่อนเกิดสถาการณ์โควิด) และ สำหรับไฮไลท์ของการมาเที่ยวบ้านรักไทยก็คือ การได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทย-จีน ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว และเอกลักษณ์ดั้งเดิมที่แทบมองไม่เห็นในเมืองใหญ่ๆ แถมยังมีเกสเฮ้าส์น่ารักๆ ที่ทำมาจากบ้านดินให้เราได้นอนพักเปลี่ยนบรรยากาศกันที่นี่ค่ะ ลี ไวน์ รักไทย แต่สำหรับบ้านดินที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงอยู่ก็คือ ลี ไวน์ รักไทย ค่ะ ซึ่งจะเป็นบ้านดินที่อยู่ท่ามกลางไร่ชา และตั้งไต่ระดับขึ้นไปตามภูเขาอีกด้วย อาจจะลำบากเล็กๆ ในการเดินขึ้นไปสักหน่อย แต่รับรองว่า ถ้าได้ขึ้นไปเห็นวิวจากมุมนั้นต้องตะลึงในความสวยงามของเมืองเล็กๆ แห่งนี้ทีเดียว และที่นี่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใกล้กับ ปางอุ๋ง อีกด้วย ใครจะมาพักนอนค้างที่บ้านรักไทย และตอนเช้านั่งรถไปดูหมอกสวยๆ ที่ปางอุ๋งก็น่าจะได้ความชิลไปอีกแบบ ปางอุ๋ง ที่เที่ยวหน้าหนาว แม่ฮ่องสอน ล่องแพลำน้อย ชมทะเลสาบสายหมอก สำหรับสายช้อปของฝากแล้วล่ะก็ ที่บ้านรักไทยนี้ ขึ้นชื่อในเรื่องของผลไม้เมืองหนาว และชาเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมี ไวน์ต่างๆ ที่น่าสนใจ ทั้ง ไวน์ลูกหม่อน ไวน์ลูกท้อ ไวน์มะขามป้อม รวมไปถึงชาพันธุ์ต่างๆ ที่ดีต่อสุขภาพ ทั้งชาเขียว ชาอู่หลง และผลไม้อบแห้งต่างๆ นานา ตอนกลางวันอากาศจะสบายๆ แต่ตอนกลางคืนนั้นจะค่อนข้างหนาวเย็นเป็นพิเศษ อยากให้หน้าหนาวนี้ ลองมาสัมผัสบรรยากาศท่ามกลางไร่ชาของที่นี่ดูสักครั้ง สูดอากาศสะอาดๆ เข้าปอดปีละหน แล้วจะรู้สึกว่า คุ้มค่าที่เดียวที่ได้มาถึงที่นี่ค่ะ การเดินทางไปบ้านรักไทย จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนใช้เส้นทาง จากเมืองแม่ฮ่องสอน มุ่งสู่บ้านรักไทย โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 1095 เส้นทางสายเหนือ(ไปปาย) แยกเข้าซ้ายประมาณ กิโลเมตรที่ 8 แยกเข้า หมู่บ้านกุงไม้สัก ใช้เส้นทางเดียวกับทางไป ภูโคลนคันทรี่คลับ น้ำตกผาเสื่อ และหมู่บ้านปางอุ๋ง เส้นทางเป็นเขาสูงชัน ต้องใช้ความชำนาญในการขับ รถต้องเติมน้ำมันให้เรียบร้อย ไม่มีปั๊มบนดอย ระยะทางจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ไปบ้านรักไทย 44 กิโลเมตร จากอำเภอปายผ่าน อำเภอปางมะผ้า และจะผ่าน ถ้ำปลา โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 1095 แยกเข้าขวาเลยถ้ำปลามาสัก 1 กิโลเมตร แยกเข้า หมู่บ้านหมอกจำแป่ ใช้เส้นทางเดียวกับทางไป ภูโคลนคันทรี่คลับ น้ำตกผาเสื่อ และหมู่บ้านปางอุ๋ง รถโดยสารประจำทางหน้าตลาดสด เมืองแม่ฮ่องสอน มีรถออกทุกวัน (รถสองแถว สีเหลือง) สังเกตป้ายจะเขียนว่า แม่ออ รักไทย รถออกวันละประมาณ 2 เที่ยว ค่าโดยสาร 150 บาท ข้อมูล บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน ที่อยู่ : หมู่ที่ 6 ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน พิกัด : https://goo.gl/maps/fM5jsCVp3P7BwztQ9 เปิดให้เข้าชม : สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งวัน โทร : - เว็บไซต์ : - ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน ที่น่าสนใจอื่นๆ 21 ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน ที่เที่ยวหน้าหนาว สายต่อนยอน ต้องมาเช็คอิน 2 วัน 1 คืน แม่ลาน้อย แม่ฮ่องสอน พาไปตกหลุมรัก วิวท้องนาแสนสวย ไหว้พระ 9 วัดสวย แม่ฮ่องสอน จัดทริปทำบุญ ทั่วเมืองสามหมอก

มีอะไรใน “พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก” ในสายตาคนบ้านนอกเข้ากรุง
อ่าน

มีอะไรใน “พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก” ในสายตาคนบ้านนอกเข้ากรุง

เคยสงสัยกันไหมครับว่า “คนกรุงเทพฯหรือคนบางกอก” คือใคร นี่เป็นคำถามใหญ่สำหรับผม เมื่อต้องเข้ากรุงไปเรียนรู้วิถีชีวิตคนเมืองหลวง ชั่งใจอยู่ว่าจะเลือกไปไหนก่อนดีถึงจะตรงเป้าในการมาครั้งนี้ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ชุมชนเมืองหรือห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ หลังจากหาข้อมูลอยู่พักใหญ่ ผมจึงเลือกไปที่พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกหรือชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชนแบบบ้าน ๆ ที่น่าจะช่วยคลายความสงสัยข้อนี้ของผมได้ในแผนที่บอกว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร หลังจากเดินวกไปวนมาอยู่พักใหญ่ ผมก็มายืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง กำแพงสีขาวซีดมีต้นตีนตุ๊กแกเลื้อยคลุมเกือบตลอดกำแพง ประตูทำจากไม้สีเทาขาวตัดกันดูแปลกตา ลวดลายเป็นแบบเรขาคณิตเหมือนสมัยเก่า พอเดินเข้าไปด้านในก็มีอาสาสมัครเจ้าหน้าที่ประจำพิพิธภัณฑ์แจกแผ่นพับและแนะนำความรู้ทั่วไปว่า พิพิธภัณฑ์จัดตั้งขึ้นโดย รศ.ดร.วราพร สุรวดี ปัจจุบันท่านเสียชีวิตแล้ว มีวัตถุประสงค์ให้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ เกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนบางกอกในพื้นที่เขตบางรักสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะเกิดขึ้น ก่อนจะกำชับว่า อาคารทั้ง 3 หลังนี้เก่าแก่มากกว่า 100 ปี ขอให้เดินเบา ๆ อย่างระมัดระวังและช่วยถอดรองเท่าก่อนขึ้นอาคารทุกหลังด้วย ที่สำคัญที่นี่เป็นเพียงแค่สถานที่จำลองชีวิตส่วนหนึ่งของคนบางกอกเท่านั้น แต่ก็ลองดูน้องอาจจะได้จิ๊กซอว์อีกตัวหนึ่งที่จะเชื่อมให้ได้คำตอบที่สงสัยอยู่ก็ได้มาเริ่มต้นที่อาคารหลังแรกก่อนครับ อาคารหลังนี้เป็นอาคาร 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ ทรงปั้นหยา แต่เดิมนั้นเป็นบ้านพักจริง ๆ ของเจ้าของกับครอบครัว ด้านในมีห้องต่าง ๆ เหมือนบ้านของชนชั้นกลางทั่วไปสมัยนั้น ชั้นล่างประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก และห้องอาหาร ชั้นบนมีห้องหนังสือ ห้องนอน ห้องแต่งตัวและห้องน้ำ หน้าต่างทำเลียนแบบช่องลม สามารถเปิดปิดได้ตามต้องการ ด้านหลังมีระเบียงยื่นออกไปเป็นที่นั่งเล่นชมสวนไม้ดอกและสระน้ำขนาดเล็กอาคารหลังที่สอง เป็นอาคาร 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้เช่นกัน แต่เดิมคุณหมอฟรานซิส คริสเตียน จะสร้างเป็นคลินิกให้บริการประชาชนที่ซอยงามดูพลี เริ่มสร้างได้ไม่นาน พอท่านป่วยและเสียชีวิต ญาติจึงจำลองมาสร้างไว้ที่นี่แทนเพื่อเป็นการระลึกถึงท่าน ด้านบนชั้น 2 จึงเป็นที่รวบรวมสิ่งของเครื่องใช้และห้องสำหรับให้บริการทางการแพทย์แบบดั้งเดิมและของใช้ส่วนตัวของท่าน ที่ผมสนใจมากคือ ท่านได้ถ่ายรูปกับท่านรพินทรนาถ ฐากุร นักปรัชญาคุรุเทพเอกอุของประเทศอินเดีย ซึ่งผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านงานเขียนของท่านมากอาคารหลังที่สาม เป็นอาคารที่น่าจะใกล้เคียงกับคำถามของผมมากที่สุด เป็นอาคาร 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้เช่นกัน ด้านในชั้นล่างเป็นคลังข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องมือ เครื่องประดับ มุมจำลองเครื่องครัว ชั้นบนแบ่งเป็น 2 โซน โดยโซนด้านในเป็นนิทรรศการถาวรบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของพื้นที่เขตบางรักและกรุงเทพมหานครตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน โซนระเบียงด้านนอกเป็นนิทรรศการผลงานของ รศ.ดร.วราพร สุรวดี โดยเฉพาะเรื่องอักษรภาพจีนโบราณที่ท่านชอบมากเป็นพิเศษ จนออกแบบและพัฒนาเป็นอักษรภาพภาษาไทยที่มีอยู่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น เช่น เพลงจันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า เพลงหนุ่มนาข้าวสาวนาเกลือ ยอมรับว่าท่าเก่งและมีความพยายามมากจริง ๆหลังจากดูเรื่องราว ข้าวของเครื่องใช้ในพิพิธภัณฑ์จบ ผมก็ยังไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้ว่า “คนกรุงเทพฯหรือคนบางกอก” คือใคร แต่จะสำคัญอะไรหล่ะ ในเมื่อถิ่นที่อยู่แถบนี้ถูกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาทำอยู่ทำกินตั้งแต่ดึกดำบรรพ ทุกเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ล้วนเป็นหนี้พื้นที่แถบนี้ในการดำรงชีวิตสร้างชุมชน เมือง อาณาจักรและประเทศทั้งนั้น ทั้งภาษา อาหาร เครื่องแต่งกาย วิถีชีวิต ถูกถ่ายทอดส่งไขว้ผสมกลืนประสานกันจนแทบหาจุดกำเนิดไม่เจอ คำถามที่ผมถามข้างต้นจึงไม่สิ่งสำคัญแต่อย่างใด เพราะแท้จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชนชาติหรือเผ่าพันธุ์ใด เราก็เป็นแค่ช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์โลกที่พร้อมจะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันไปไม่สิ้นสุดอยู่นั่นเอง ที่ตั้ง : เลขที่ 273 ซอยสะพานยาว แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานครวันเวลาเปิดปิด : 10.00 - 16.00 น. วันพุธ - วันอาทิตย์ (หยุดจันทร์และอังคาร)เบอร์โทรติดต่อ : 02 233 7027อัตราค่าบริการ : ไม่เสียค่าเข้าชมภาพประกอบทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน : อนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาได้ฟรี

ฮือฮา!! แห่จิบกาแฟชิมอาหารอร่อยราคาหลักสิบแต่แชะวิวสวยๆหลักพันล้าน
อ่าน

ฮือฮา!! แห่จิบกาแฟชิมอาหารอร่อยราคาหลักสิบแต่แชะวิวสวยๆหลักพันล้าน

โลกโซลเชียลที่ราชบุรี กำลังฮือฮาแหล่งที่เที่ยวที่กินแห่งใหม่ที่เริ่มเปิดตัวได้เพียง 4 วัน ของร้านกาแฟที่สุดหรูอลังการงานสร้าง โดยร้านกาแฟเปิดขายอยู่บนต้นไม้ และ มุมถ่ายภาพที่เหมือนฉากในละครทีวี หรือ ภาพยนตร์ต่างประเทศ กับบ้านที่มีการปลูกสร้างโดยครอบครัวชาวราชบุรี ที่พลิกผืนนา ติดหน้าผาของเขาแร้ง เป็น คฤหาสน์ หรูมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ซึ่งต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า มาที่นี่สุดคุ้ม “ดื่มกาแฟ ชิมอาหารสุดหรูราคาหลัก 10 แต่วิวราคา 1,000 ล้าน” โดยตลอด 4 วันของการเปิดร้านมีลูกค้าในจังหวัดราชบุรี และ นักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดที่ทราบข่าวจากโซเชี่ยลที่ต่างเดินทางมาใช้บริการจำนวนมาก จนทางร้านตั้งตัวรับมือไม่ทัน ต้องมีการแจกเพจเจอร์ เรียกตามคิวในการให้บริการผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปยังร้านดังกล่าว “Khengpa CafeBistro เคียงผา คาเฟ่” อยู่ใน ต.ปากช่อง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ติดกับแนวเขตอำเภอเมืองราชบุรี โดยร้านอยู่ติดกับหน้าผาของเทือกภูเขาแร้ง ต.เขาแร้ง อ.เมือง จังหวัดราชบุรี ซึ่งใช้เส้นทางเดียวกับ ถนน ราชบุรี-วัดหนองหอย เมื่อไปถึงที่หน้าบริเวณทางเข้าร้านต้องตกตะลึงถึงความอลังการของบ้านที่ใหญ่โต เป็นคฤหาสน์สุดหรู สไตล์โรมัน แถมบ้านยังอยู่ติดริมหน้าผา ตั้งสวยตระหง่านตา จากนั้นได้มุ่งตรงไปที่ร้านกาแฟ ซึ่งเปิดอยู่บนต้นไม้ อยู่ติดกับคฤหาสน์สุดหรูหลังดังกล่าว เป็นร้านกาแฟบรรยากาศบนต้นไม้สูง มีโต๊ะนั่งใต้ร่มเงาของใบบ้าน ส่วนด้านในร้านเป็นห้องกระจกติดเครื่องปรับอากาศ จำหน่ายทั้งเครื่องดื่ม กาแฟสด และ อาหารไทย อาหารฟิวชั่น และของหวานที่นำเครื่องเข้ามาจากประเทศเกาหลี แต่จำหน่ายในราคาสบายกระเป๋าสามารถจับต้องได้ ด้วยเมนูเริ่มต้นที่ 69 บาท ไปจนถึง 189 บาทนางสาววรางคณา สุวรรณสิทธิ์ อายุ 23 ปี หรือ น้องทีม เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า ร้าน “Khengpa CafeBistro เคียงผา คาเฟ่” เกิดจากอารมความเหงาของคุณแม่ ตั้งแต่ในช่วงโควิด-19 ที่การท่องเที่ยวประสบปัญหา จึงได้พูดคุยกันในครอบครัว ว่าอยากจะเปิดบ้านหลังนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งได้ก่อสร้างมาเป็นระยะเวลา 10 ปี โดยบ้านหลังนี้คุณแม่เป็นคนออกแบบ ซึ่งเป็นที่ดินมรดกตกทอดกันมา จำนวน 22 ไร่ และติดชายผา ของเทือกภูเขาเขาแร้ง นำมาปลูกบ้านเป็นคฤหาสน์สุดหรูที่ใช้เงินก่อสร้างกว่า 500 ล้านบาท โดยเรียกบ้านหลังนี้ว่า “บ้านเคียงผา” และตนเองชอบไปนั่งตามร้านกาแฟสด เพื่อทำการบ้านและรายงาน ประกอบกับพี่ชายได้ออกไอเดียที่อยากจะเปิดร้านกาแฟสดและอาหารบนต้นไม้ จึงได้ตกลงกันและช่วยกันออกแบบจนร้านเสร็จเป็นรูปเป็นร่าง และนำชื่อบ้านมาเป็นชื่อร้าน คือ “Khengpa CafeBistro เคียงผา คาเฟ่” และหลังจากที่ภาพการรีวิวบ้านเผยแพร่ออกไป ทำให้มีผู้มาขอซื้อติดต่อซื้อคฤหาสน์สุดหรูหลังนี้ ในราคา 1,000 ล้านบาท แต่คุณแม่ไม่ขาย เพราะอยากให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของราชบุรีน้องทีม เล่าต่อว่า เราจะเรียกที่นี่ว่า “อนาจักรเคียงผา” และได้ทำบุญเปิดร้านเมื่อไปเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา และเริ่มเปิดร้านอย่างเป็นทางการ วันที่ 19 ก.ย. มีลูกค้าที่ทราบข่าวต่างแห่กันมาอุดหนุน อย่างที่ตนเองและครอบครัวไม่คาดคิดทำให้เกิดการตกหล่น ซึ่งเราก็ได้ขอโทษลูกค้า และทุกวันนี้เราได้เตรียมแผนการรองรับลูกค้าไว้อย่างต่อเนื่อง ส่วนเมนูที่ร้านจะมี กาแฟสด, บิงซูจากเกาหลี, อาหารไทย, อาหารอิตาเลี่ยน เนื่องจากตนเรียนจบปริญญาตรีเอกภาษาเกาหลี และกำลังเรียน ปริญญาโทเอกภาษาอังกฤษเพิ่มเติม จึงทำให้ได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศเกาหลี จึงนำอาหารจากเกาหลี และ สไลต์อิตตาเลี่ยน มาผสมผสานกัน ทำให้ที่ร้านมีเมนูให้เลือกรับประทานหลายอย่าง ซึ่งเป็นเมนูแนะนำของทางร้าน อาทิ เมนู กุ้ง หมึก ตกครก รสชาติจะออกสามรส อารมคลายกินส้มตำ จำน่ายเมนูละ 99 บาท, เมนูที่ 2 จะเป็นเมนูไก่พี่เชฟ เป็นปีกไก่ มาทอดอบด้วยน้ำผึ้ง รสชาติจะหอมหวาน เนื้อนุ่ม จำหน่ายในราคา 119 บาท, เมนูที่ 3 ข้าวผัดกระเพราขั้วหมูห่อไข่ รสชาติจะออกไปทางผัดกระเพรามีความเผ็ด และหอมหวาน ราคาจานละ 89 บาท, เมนูที่ 4 เมนูสปาเก็ตตี้แกงเขียวหวานปลาเซลเฃมอล อารมณ์คล้ายๆ การกินขนมจีน ผสมอิตาเลี่ยนและไทย จำหน่ายในราคา 159 บาท ส่วนเมนูที่จับต้องได้คือ ข้าวกระเพราหมูจานละ 69 บาทส่วนเมนูของหวานและเมนูน้ำ ทางร้านจะมีแนะนำ เริ่มที่เมนู อัฟโฟกาโต ราคาชุดละ 109 บาท, เมนู บลูเบอร์รี่ โยเกิร์ตสมูทตี้ ราคา 85 บาท สำหรับ กาแฟสด เริ่มต้นที่ 50 บาท, เมนู บิงซูสายไหมชาเขียว เป็นเมนูที่เรานำมาจากเกาหลี และใช้เครื่องที่สั่งมาจากเกาหลี โดยเมนูนี้ทานได้ 4-5 คน ราคาอยู่ที่ 179 บาทน้องทีม เล่าอีกด้วยว่า ที่ร้านมีทั้งโซน indoor และ outdoor ไม่ต้องกลัวร้อนเพราะปกคลุมไปด้วยร่มไม้ทำให้รู้สึกสดชื่นและนั่งชิลได้ยาวๆ ตัวร้านมีพื้นที่กว้างขวางสามารถมานั่งรับประทานอาหารกันแบบครอบครัวและหมู่คณะ เรียกได้ว่ามาที่นี่จบที่เดียวครบหลังรับประทานอาหารเสร็จ ลูกค้า หรือ นักท่องเที่ยวสามารถเดินไปถ่ายภาพตามมุมต่างๆ ได้ แต่เราขอสงวนพื้นที่ในตัวบ้านเท่านั้น สามารถถ่ายตัวบ้านและพื้นที่สวนหน้าบ้าน โดยเฉพาะที่บ้านหน้า จะมีฝูงม้าบิน แบบอารมณ์ อยู่ในฉากของละคร หรือ ภาพยนตร์ต่างประเทศ โดยที่สามารถถ่ายได้ทุกมุมบ้าน ตั้งแต่ประตูทางเข้า จนถึงประตุทางออกส่วนนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาที่ร้าน “Khengpa CafeBistro เคียงผา คาเฟ่” อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองราชบุรี การเดินทางสะดวก โดยใช้เส้นทาง ราชบุรี – เขางู – วัดหนองหอย ผ่านเข้าซอยวัดปากช่อง ระยะทาง 4 กิโลเมตร จะเห็นคฤหาสน์สุดหรู ตั้งอยู่หน้าผา หมู่ที่ 2 ต.ปากช่อง อ.จอมบึง จ.ราชบุรี (อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองราชบุรีขับรถมาใช้เวลาประมาณ 25 นาที) ห่างจากอุทยานหินเขางูเพียง 10 กม. เปิดทุกวัน จ-พฤ เปิดเวลา 10:00-20:00 น. ส่วนวัน ศ-อา เปิดเวลา 09:00-21:00 น. โทรสอบถามได้ที่ 089-2546078เกาะติดข่าวที่นี่website:www.TNNTHAILAND.comfacebook :TNNONLINEfacebook live :TNN Livetwitter :TNNONLINELine :@TNNONLINEYoutube Official :TNNONLINEInstagram :TNN_ONLINETIKTOK :@TNNONLINE

ห่างไกล โควิด-19 ต้องเข้มทั้งในบ้านนอกบ้าน
อ่าน

ห่างไกล โควิด-19 ต้องเข้มทั้งในบ้านนอกบ้าน

โควิด-19 / สถานการณ์ไวรัส โควิด-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก ย้ำชัดกลุ่มเสี่ยงเสียชีวิตที่สุดคือ ผู้สูงอายุ จัดอยู่ในกลุ่มผู้เปราะบาง เช่นเดียวกับ คนพิการ ที่ต้องออกไปที่สาธารณะ ต้องสัมผัสเพื่อพึ่งพา อย่างน้อยๆ คือ ราวจับ จึงอาจติดเชื้อได้ง่ายด้วยต้องดูแลคนพิการที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุด้วย ทั่นอธิบดีกรมคนพิการ ธนาภรณ์ พรมสุวรรณ จึงออกแอ๊กชั่นป้องกัน โควิด-19 เป็นพิเศษ เริ่มตั้งแต่ทางเข้ากรมและสถานคุ้มครองของเราเลย ผู้มาติดต่อราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคน รวมถึงผู้บริหาร ต้องตรวจวัดไข้ หากระดับอุณหภูมิสูงกว่าปกติต้องแยก ไม่ให้เข้าอาคาร แล้วให้เจ้าหน้าที่ไปสอบถาม เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ทุกคน ดิฉันใช้อำนาจอธิบดีสั่งห้ามเดินทางไปต่างประเทศเลย และยังเฝ้าระวังพิเศษไปถึงสมาชิกในครอบครัวที่มีความเสี่ยงอีกด้วย ส่วนทางกายภาพ อธิบดีสั่งการให้ทำความสะอาดเป็นระยะ ไม่ว่าจะลูกบิดประตู ราวจับทางเดิน ราวจับในห้องน้ำ ต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาด ละเอียดกระทั่งไม้ถูพื้นห้องน้ำกับไม้ถูพื้นทำความสะอาด ต้องแยกจากกัน ใช้ร่วมกันไม่ได้ ซึ่งไม่ได้เข้มแต่ที่สำนักงาน ที่บ้านก็เข้มสุด ที่บ้านดิฉัน ตอนนี้ไม่ให้ใส่รองเท้าเข้าในบริเวณบ้านเลย เพราะรองเท้าอาจไปสัมผัสเชื้อโรคข้างนอก อาจนำเชื้อโรคเข้ามาในบ้านได้ ฉะนั้น ก็ฝากทุกคนและครอบครัวที่มีคนพิการและผู้สูงอายุ กินร้อน ช้อนเรา ทำความสะอาดบ้าน อยู่ห่างกัน 1 เมตร ช่วงรักกันต้องห่างกัน เว้นระยะกอดไปก่อน เข้มจริงๆ

ช่างไม้ทำบ้านน็อคดาวน์หัวร้อน  พกมีดทั้งคู่! นัดเคลียร์ปัญหาขโมยไม้ สุดท้ายผลักอก ทะเลาะวิวาทฟันแขนขาด!
อ่าน

ช่างไม้ทำบ้านน็อคดาวน์หัวร้อน  พกมีดทั้งคู่! นัดเคลียร์ปัญหาขโมยไม้ สุดท้ายผลักอก ทะเลาะวิวาทฟันแขนขาด!

ช่างไม้ทำบ้านน็อคดาวน์นัดเพื่อนบ้านเคลียร์ปัญหาคาใจขโมยไม้ สุดท้ายผลักอกทะเลาะวิวาทถูกฟันแขนขาด เมื่อเวลา 22.25 น.(19 มิ.ย.63) ศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ 1669 อุบลราชธานี รับแจ้งจากสายด่วน 1669 มีชายถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บแขนขาด บริเวณสามแยกบ้านแคนคำ ตำบลไร่น้อย อำเภอเมืองอุบลราชธานี จึงได้สั่งการหน่วยกู้ภัยมูลนิธิศิษย์พระจี้กงอุบลราชธานี หน่วยกู้ชีพคุณธรรม กู้ชีพโรงพยาบาล 50 พรรษามหาวชิลาลงกรณ์ เข้าช่วยเหลือ ที่เกิดเหตุพบนายธีรวัฒน์ วันหลัง อายุ 33 ปี นั่งอยู่หน้าร้านเสถียรบ้านไม้เรือนไทย ท่อนแขนข้างซ้ายขาดออกแขน หล่นอยู่ข้างตัวพบ เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเร่งทำการปฐมพยาบาลห้ามเลือดและนำชิ้นส่วนแขนที่ขาดแช่น้ำแข็ง ส่งต่อให้กู้ชีพโรงพยาบาล 50 พรรษามหาวชิราลงกรณ์ นำส่งโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี เนื่องจากอาการสาหัสเสียเลือดมาก สอบถามนายเสถียร วันหลัง อายุ 61 ปี บิดาของนายธีรวัฒน์ เปิดเผยว่าก่อนหน้า 1 วันได้มีปากเสียงกับนายอุทัย ยอดหอ อายุ 34 ปี หนุ่มช่างไม้เพื่อนบ้าน เนื่องจากถูกล่าวหาว่าไปขโมยไม้ของนายอุทัย วันนี้จึงได้นัดมาเคลียร์ปัญหากันจนกระทั่งมีปากเสียงถึงขั้นผลักอกกัน นายธีรวัฒน์ลูกชายเห็นตนถูกผลักจนเซจึงได้เข้ามาช่วย แต่ถูกลูกน้องนายอุทัยใช้ดาบฟันเข้าที่แขนจนขาดก่อนหลบหนีไป ด้านนายอุทัย เปิดเผยอีกมุมว่า ยอมรับว่ามีปัญหากับนายเสถียรจริง มีการทะเลาะกับนายเสถียรจริงแต่ตนไม่ได้ทำรุนแรงแค่ผลัก แต่นายเสถียรที่มีอาการคล้ายคนเมาออกจากตัว จนนายเสถียรเสียหลัก จากนั้นนายธีรวัฒน์ ก็ถือมีดสั้นกระโดดเข้ามาแทงตนแต่พลาด นาย เอ (นามสมมุติ) ลูกน้องที่ร้านเห็นท่าไม่ดีจึงได้เอามีดดาบที่เตรียม มาฟันนายธีรวัฒน์ 1 ครั้ง มีดดาบไปถูกท่อนแขนของนายธีรวัฒน์ที่เอามาบังจนขาด ส่วนนายเอ ด้วยความตกใจจึงได้หลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวมาสอบสวน ดกียรติรัตน์ ชัยสกุลวงศ์ ข่าว

เด็กบ้านนอกเข้ากรุง
อ่าน

เด็กบ้านนอกเข้ากรุง

          สวัสดีครับ การศึกษาเเน่นอนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนรุ่นใหม่ซึ่งเเน่นอนทุกคนนั้นอยากที่จะเรียนศึกษาหาความรู้เพื่อนำมาใช้กับการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการใช้ความรู้ในการซื้อของเพื่อนำมาเป็นปัจจัยยังชีพ การนำวุฒิการศึกษามาใช้เพื่อสมัครงาน เเละเเน่นอนผมซึ่งก็เป็นหนึ่งในนั้น เป็นผู้ที่อยากมีการศึกษาอยากมีอนาคตที่ดีเเละสดใส ซึ่งนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของผมกับความต้องการที่จะศึกษาหาความรู้           ผมนั่นเป็นเด็กบ้านนอกคนนึงที่ชื่นชอบในการเรียนผมนั้นอยู่ที่บ้านโคกเจริญ อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ภาคใต้ของประเทศไทย หากพูดถึงว่าทำไมผมถึงบอกว่าเป็นเด็กบ้านนอก นิยามคำว่าบ้านนอกของหลายๆคนนั่นก็คือการอยู่ต่างจังหวัดที่ห่างไกล เเต่อย่าลืมไปว่าบ้านนอกที่ว่านั้นบางคนอาจจะอยู่ในตัวจังหวัด อำเภอ หรือในหมู่บ้านซึ่งยังมีความเจริญเข้าถึงอยู่บ้าง เเต่สำหรับผมเเล้ว ผมนั้นบ้านนอกยิ่งกว่าเพราะผมอยู่ท้ายสุดๆ ของหมู่บ้านไปอีก เเละนี่ก็คือผมที่บ้านนอกชีวิตที่เเสนจะเรียบง่าย          ความสนุกของเด็กบ้านนอกคือการมีชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติ การติดดิน  เเต่เนื่องด้วยโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เด็กบ้านนอกคนนี้ต้องใช้ชีวิตที่อยู่กับสถานการณ์ในปัจจุบัน ผมนั้นได้เรียนที่บ้านเกิดตั้งเเต่อนุบาลจนจบ ป.6 เเละได้เริ่มการเดินทางศึกษานอกบ้านต่างจังหวัดซึ่งเป็นโรงเรียนประจำที่จังหวัดกระบี่ ตั้งเเต่ชั้นม.1-ม.3 เเละได้ไปเรียนต่อที่ประเทศมาเลเซียเเละนี่คืออีกจุดนึงที่ทำให้ผมจดจำในชีวิต การศึกษาต่างเเดน ชีวิตจากเด็กบ้านนอกจากบ้านไปไกลเพื่อเรียน #การเรียนเเละเดินทาง          ในที่สุดการเดินทางของเด็กบ้านนอกคนนี้ก็ได้มาถึงจุดเปลี่ยนของการศึกษา  เมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ผมก็ได้เลือกทางของชีวิต การเข้าศึกษามหาวิทยาลัย ซึ่งก็ได้คิดเเล้วว่าในชีวิตเรานั้นคือเด็กบ้านนอกถ้าหากได้มาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกรุงคงจะสนุกดี เเละในที่สุดก็ได้เข้าเรียนกับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กรุงเทพมหานคร  #การเข้ากรุงครั้งเเรก         ผมเดินทางขนสัมภาระจากเเดนใต้โดยรถทัวร์เพื่อเข้าศึกษาในกรุงเทพ เเน่นอนวันแรกก็จะมั่วๆหน่อยเเหละครับ เเต่ด้วยประสบการณ์การเดินทางของผมก็พอที่จะช่วยได้บ้าง *เช้าของวันเเรกในเมืองกรุงเดินทางเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษาใหม่ อันนี้ผ่านไปด้วยดี เเละได้หาหอพักเพื่อนำสัมภาระเก็บไว้ ผมเลือกหอพักที่ใกล้กับมหาลัยเพราะผมไม่รู้สถานที่มากนักเเละเพื่อความสะดวกต่อการเดินไปเรียน #การเรียนวันเเรก        ได้รู้จักกับเพื่อนๆเยอะเเยะเเละด้วยความที่ผมเป็นคนร่าเริงจึงทำให้เข้ากับเพื่อนใหม่ได้ง่าย เเต่มีประเด็นว่าผมนั้นเข้าเรียนม.ต้นจนจบม.ปลายเป็นโรงเรียนประจำ(โรงเรียนชายล้วน) เมื่อเข้ามหาลัยเจอเพื่อนผู้หญิงเลยทำตัวไม่ค่อยถูก เเต่ก็พอที่จะปรับตัวได้จึงได้เข้าร่วมกลุ่มกับเพื่อนๆ เเละได้สร้างสรรค์ผลงานด้วยกัน #เพื่อนมหาลัย         จากชีวิตเด็กบ้านนอกสู่การเป็นนักศึกษาในเมืองกรุง เริ่มรู้จักเพื่อนๆเยอะขึ้น เริ่มสนุกกับชีวิตในเมือง เริ่มมีการทำกิจกรรมต่างๆกับเพื่อนๆ เเต่เพื่อนนั้นที่รู้จักนอกมหาลัยล้วนเเล้วเเต่เป็นรุ่นพี่ต่างคณะ เนื่องจากผมเป็นคนชอบเล่าเรื่องตลกเลยเป็นที่ชื่นชอบของรุ่นพี่เเต่พวกเรานั้นเหมือนเป็นเพื่อนกับมากกว่า #เป็นทั้งพี่ เพื่อน เเละที่ปรึกษา      สุดท้ายนี้ขอฝากเป็นเเรงบันดาลใจให้เเก่ ทุกท่านที่ต้องการศึกษา รักในการศึกษา ในเมื่อเรานั้นได้เลือกเเล้วเราก็จงทำให้มันเหนือที่สุด ผมเป็นเด็กบ้านนอกที่เเท้จริง เเต่การเดินทางของผมนั้นซึ่งเมื่อคิดดูเเล้ว มันก็คือการศึกษา ในรูปเเบบนึงเช่นกัน ใครจะคิดละว่าเด็กบ้านนอกที่ถือเครื่องตัดหญ้าอย่างกะคนป่าอยู่วันนั้นจะกลายเป็นนักศึกษาที่ดูมีเพื่อน มีการศึกษา มีชีวิตในอีกรูปแบบ #รักการเดินทาง #รักการศึกษา# หากอยากเป็นผู้สำเร็จในระดับโลก ต้องดูว่าคนระดับโลกนั้นเค้าฝึกฝนมากเเค่ไหน ถ้าอยากเหนือกว่าผู้สำเร็จระดับโลกนั้น ดังนั้นก็จำเป็นที่จะต้องฝึกฝนให้เยอะกว่า จึงจะได้ชื่อว่าผู้สำเร็จที่เเท้จริง -รูปภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน- อัปเดตบทความสนุก ๆ อีกมากมายไปกับเรา โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !

พวกเรามาอยู่บ้านนอกกันเถอะ!!
อ่าน

พวกเรามาอยู่บ้านนอกกันเถอะ!!

ชีวิตของผมจับพลัดจับผลู ได้มาใช้ชีวิตอยู่ในชนบท ณ ตำบลโคกม่วง อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แรก ๆ เหมือนจะปรับตัวไม่ค่อยได้ แต่พอลมหนาวเข้ามาเยี่ยมเยือน มันก็พอทำให้อารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่าน เวลาที่อะไรต่อมิอะไรมันติดขัดและไม่ได้ดั่งใจ เพราะยังไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม มันพอผ่อนคลายลงได้บ้างผมเดินทางด้วยรถไฟจากสถานีหัวลำโพง ด้วยขบวนรถชานเมือง เพื่อมาลงที่สถานีชุมทางบ้านภาชี โดยรุ่นพี่ของผมขับรถกระบะเก่า ๆ มารอรับ หลังจากที่ได้ติดต่อกันเรียบร้อยแล้วว่าผมจะขอมาพักอาศัยที่บ้านของแก เพื่อรอให้ปัญหาที่คาราคาซังของผมมันจบลงเสียก่อน เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะจบลงตอนไหนเท่านั้นเองสถานที่ที่ผมพักอาศัยอยู่ เป็นบ้านของรุ่นพี่ ที่อาศัยอยู่กับพ่อและแม่ แกเป็นโสด ไม่มีลูกเมีย จึงไม่เป็นปัญหามากมายนักที่ผมจะมาพักอาศัยอยู่ด้วยชั่วคราว เพราะเรารู้จัก คบกันเหมือนพี่น้องจริงๆมาหลายปีแล้ว มีก็แต่ตัวผมนี่สิที่เป็นปัญหากับสภาพแวดล้อมใหม่เริ่มจากอันดับแรกเลยคือเรื่องการตื่นนอน ปกติผมก็ไม่ใช่คนตื่นสายจนตะวันโด่งหรอก แต่ให้ตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งนี่สิ คือว่าถ้าไม่มีธุระปะปังอะไรจำเป็นจริง ๆ ผมไม่มีทางตื่นเวลานี้แน่คนชนบทนี่เขาตื่นแต่ดึกแต่ดื่นเพื่อลุกขึ้นมาหุงหาอาหาร เบื้องต้นเลยคือสำหรับใส่บาตร ไอ้เรานั้นเคยตื่นประมาณเจ็ดโมงเช้า พอลืมตาขึ้นมา ก็เห็นดวงอาทิตย์แล้ว จริง ๆ ผมก็สามารถนอนต่อไปได้จนถึงเวลาปกติของตัวเอง แต่ความเกรงใจที่มันขยุ้มคอหอยผมอยู่เพราะเรามาอาศัยเขาอยู่ ทำให้ผมต้องตื่นตามรุ่นพี่ ถึงไม่รู้ว่าจะช่วยงานอะไรตรงไหนได้ เพราะมันเป็นเช้ามืดแรกของผมในสถานที่ใหม่ เอาเป็นว่านั่งกินกาแฟตากยุง คอยเอาใจช่วยรุ่นพี่ที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตาก็ยังดี หยิบ ๆ จับ ๆ อะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ถึงจะ เก้ ๆ กัง ๆ ไปบ้าง คงดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยค่อย ๆ เรียนรู้วิถีชีวิตใหม่ในวันแรกทีละเล็กทีละน้อย พอประมาณเจ็ดโมงนิด ๆ พระสงฆ์ท่านก็เดินบิณฑบาตผ่านมาสองรูป รุ่นพี่ก็นำถาดที่มีข้าว กับข้าว และน้ำดื่ม นำไปให้แม่ขึ้นจบเหนือหัวเสียก่อน จากนั้นก็เดินไปตักบาตร ผมนั่งถามตัวเองว่า "นี่เราตักบาตรครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กัน?" มันเป็นคำถามที่คนในเมืองอย่างผมฉุกคิดขึ้นมาอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ นานมากทีเดียว แม้กระทั่งวันคล้ายวันเกิดตัวเอง ก็ยังไม่ได้ตักบาตรมาหลายปีแล้วลำดับต่อมา คือเรื่องทำกับข้าว ปรกติผมเองไม่ค่อยถนัดด้านทำครัวมากนัก เต็มที่ก็เจียวไข่ ซึ่งเอาเป็นว่ารสชาติน่ะพอได้ แต่หน้าตาไม่ต้องพูดถึง เนื่องจากแม่ของรุ่นพี่แกป่วยออด ๆ แอด ๆ เป็นทั้งโรคหัวใจ เบาหวาน และความดัน ความรับผิดชอบของรุ่นพี่นอกจากเรื่องออกรับซื้อของเก่ากับพ่อแล้ว ยังมีหน้าที่ต้องหุงข้าว ทำกับข้าว รวมทั้งจ่ายตลาดด้วยที่นี่ใช้เตาถ่านหุงข้าว และทำกับข้าวครับ ความที่เป็นถิ่นชนบท หรือเรียกกันแบบสะดวกปากเลย ก็คือ "บ้านนอก" ห่างไกลจากตลาดพอสมควร เรื่องจะสั่งก๊าซหุงต้มหรือจะไปซื้อที่ร้าน ค่อนข้างลำบากครับ และด้วยความที่ครอบครัวนี้ปฏิบัติกันแบบนี้มานาน (คือหุงหาอาหารด้วยเตาถ่าน) ทำให้ไม่ค่อยคุ้นชินกับการใช้เตาแก๊สสักเท่าไหร่ แต่ว่าไม่ใช่ว่าไม่มีใช้นะครับ เพียงแต่จะใช้ก็ต่อเมื่อมีงานสำคัญ ๆ หรือมีแขกเหรื่อมาเยือนที่บ้านหลายคนต้นไม้ต้นไร่รอบ ๆ อาณาเขตบ้าน เต็มไปด้วยนานาพันธุ์พืช ฉะนั้นเรื่องหาฟืนนั้นไม่ยากเลย เพราะมีกิ่งไม้แห้งร่วงตกลงมาตลอดทั้งวัน ทุกวัน ส่วนถ่านนั้น ละแวกใกล้บ้านมีลุงอยู่คนหนึ่งที่แกเผาถ่านขาย กระสอบละหนึ่งร้อยห้าสิบบาท น้ำหนักนั้นผมเคยลองชั่งดู หนักประมาณสิบเจ็ดกิโลกรัม ซึ่งก็ใช้ได้นานถึงครึ่งเดือนทีเดียวปัจจุบัน ณ วันที่ผมเขียนบทความอยู่นี้ หน้าที่จ่ายตลาด รวมถึงทำกับข้าวบางอย่าง ตกอยู่กับผมแล้วโดยปริยาย และอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะสำหรับผม การช่วยแบ่งเบาภาระในส่วนที่เราพอจะทำได้ นั่นคือมารยาททางสังคมที่ควรปฏิบัติ เพราะคอยบอกตัวเองอยู่เสมอว่าเราเป็น "ผู้อาศัย"กับข้าวที่ครอบครัวนี้กินอยู่ทุกวัน ส่วนใหญ่ก็จะหาเก็บบริเวณรอบ ๆ บ้าน มีเพียงบางอย่างที่ต้องไปซื้อหาที่ตลาด อย่างวันนี้ก็เป็นปลาดุกย่าง สะเดา น้ำปลาหวาน อย่าเพิ่งคิดว่าผมเก่งขนาดทำน้ำปลาหวานได้นะครับ เพราะผมมีแม่คอยบอก คอยเป็นลูกมืออยู่ข้าง ๆ ต่างหากล่ะ เลยรอดตัวไปได้อีกมื้อปลาดุกก็หาตกในคูน้ำข้างสวน ส่วนสะเดานั้นก็มีรายล้อมอยู่รอบบ้าน น้ำปลาหวานก็ใช้เนื้อปลาดุกย่างตัวเล็กอีกตัวที่ได้ แกะเนื้อออกมาให้หมด โยนส่วนหัวให้หมาประจำบ้านไปแทะเล่น นำมาเคี่ยวในหม้อเล็กรวมกับมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ ใส่หอมแดงซอย พริกแห้งสักสี่ถึงห้าเม็ด ตามด้วยน้ำปลา เคี่ยวจนเข้ากันดี แค่นี้เราก็มีมื้อกลางวันง่าย ๆ แล้ว ลืมบอกไปอย่างหนึ่งครับ เป็นเคล็ดลับสำคัญ สะเดานั้น เมื่อลวกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำอุณหภูมิปรกติทันที เพื่อให้สะเดาคายความขมออกมาถึงตรงนี้ ตอนนี้ ผมใช้เวลาอยู่ที่บ้านหลังนี้ กับครอบครัวนี้ได้สักประมาณเดือนหนึ่งแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของผม ทั้งการปรับตัวให้เข้ากับความเป็นอยู่ รวมถึงความคิด มุมมองของผมนั้นเปลี่ยนไป สิ่งที่รู้สึกได้คือ สุขภาพร่างกายของผมดีขึ้น เพราะอากาศที่นี่ปลอดโปร่งและบริสุทธิ์ ได้เรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นวิถีชีวิตดั้งเดิม จะเรียกว่าเป็นรากเหง้าของคนไทยก็ว่าได้ ความเงียบสงบของที่นี่ ทำให้ผมมีเวลาคิดใคร่ครวญ ไตร่ตรอง และหาหนทางและคำตอบบางอย่างเพื่อชีวิตในอนาคต ผมเริ่มหลงรักวิถีชีวิตบ้านนอกแบบนี้บ้างแล้วแต่...ยังมีเรื่องราวอีกมากมาย นับแต่วันแรกที่ผมมาเหยียบที่นี่ รวมถึงรูปภาพประกอบหลายภาพเกี่ยวกับหลายสิ่งที่ผู้อ่านหลายท่านอาจยังไม่เคยเห็น ผมจะขอนำเสนอต่อไปในบทความหน้าแล้วกันนะครับ รับรองว่า ผู้อ่านบางท่านอาจเปลี่ยนใจ แล้วชวนเพื่อนหรือคนรู้จักด้วยประโยคที่ว่า "พวกเรามาอยู่บ้านนอกกันเถอะ!!"ภาพปก/ภาพที่ 1/ภาพที่2/ภาพที่3/ภาพที่4 โดย ผู้เขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !

"บ้านนอกสไตล์" ที่แท้ทรู
อ่าน

"บ้านนอกสไตล์" ที่แท้ทรู

ตามมาติด ๆ สด ๆ ร้อน ๆ กันเลยทีเดียว สำหรับอาหารในแบบ "บ้านนอกสไตล์" เมื่อเช้านี้เลยครับ (26 ธันวาคม 2564) เนื่องจากพี่เขยของรุ่นพี่ผม เขาเลือกที่จะสะสมวันลาหยุดเอาไว้ จึงถือโอกาสนี้ หยุดมันเสียเลย ตั้งแต่วันเสาร์คริสมาสต์ที่ผ่านมา ไปจนถึงวันที่ 3 มกราคมปีหน้า ฉะนั้นเมื่อวานนี้ แกจึงพาคันเบ็ดคู่กายจำนวนสองหน่วย ตรงไปคลองธรรมชาติในหมู่บ้าน โชคเข้าข้าง หรือเพราะแกอาจเป็นคนทำบาปขึ้น จึงได้ปลานิลถึง 5 ตัว และปลาช่อนขนาดกำลังดีอีก 1 ตัว (จากคำให้การของแม่) เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสบันทึกภาพเก็บไว้ เนื่องจากต้องออกไปซื้อ "ขยะ" ความเอื้ออารีมีน้ำใจของแก จึงแบ่งปลานิลให้ครอบครัวเรามา 2 ตัว โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องทำปลาให้แกด้วย ส่วนเรื่องที่ว่าแกจะเอาไปทำอะไรกินนั้น แกเอ่ยแค่ว่า ยังคิดไม่ออก แต่ช่วงปีใหม่อย่างนี้ มันจะต้องเป็นกับแกล้มชั้นดีให้วงยอดข้าวบาร์เลย์ของแกอย่างแน่นอนเช้านี้เราเลยไม่ต้องคิดอะไรมาก เนื่องจากในตู้เย็นมีเนื้อไก่สดแช่อยู่ มันมาอยู่ในช่องฟรีซได้สองวันแล้ว วันนี้คือวันที่สาม สมควรแก่เวลาที่จะต้องนำมันมาทำกับข้าวอะไรสักอย่าง "ต้มยำเถอะแม่ ง่ายดี เช้า ๆ อย่างนี้ ผมอยากซดอะไรที่มันร้อน ๆ สมองจะได้โล่ง ๆ โปร่ง ๆ ก่อนจะออกไปหาซื้อของ" รุ่นพี่แกเอ่ยกึ่ง ๆ อย่างกับว่าจะบังคับกลาย ๆ และท้ายที่สุด เมนูของเราเช้านี้คือ ต้มยำไก่ และปลานิลทอดผมไม่รอช้า รีบเลื้อยก้นออกไปหาเครื่องเทศในทันที ใบมะกรูดจากต้นหน้าบ้าน ตะไคร้ใกล้ต้นมะม่วงเขียวเสวย ข่าขุดเอาจากข้างครัวแบบเปิดของเรา พริกต้นใกล้กับก๊อกน้ำข้างบ้าน มะขามเปียกที่ได้จากการไปเขย่ามะขามจากต้นบ้านป้ารุ่นพี่ที่อยู่ใกล้กัน (ก็แม่ยายของพี่เขยรุ่นพี่นี่แหละ) หอมแดง อันนี้ซื้อมาติดที่บ้านไว้เป็นพวง ในขณะที่รุ่นพี่ก็เริ่มก่อเตาก่อนอื่นเลย เราจะทำต้มยำเป็นอย่างแรก ส่วนปลานิลนั้นต้องนำไปแช่น้ำ เพื่อละลายน้ำแข็งเสียก่อน เพราะเมื่อวาน หลังจากได้ปลามาเรียบร้อย แม่แกก็จัดแจงทำความสะอาด ควักไส้และของเสียของปลาออกมา ล้างน้ำให้เอี่ยมอ่อง ก่อนจะบรรจงบรรจุลงในถุงพลาสติก นำไปแช่ตู้เย็น ส่วนปลาช่อนนั้น พี่เขยรุ่นพี่แกบอกว่า จะเอาไปให้แม่ยายทำห่อหมกหลังจากเตาติดไฟดีเรียบร้อยแล้ว ก็นำน้ำสะอาดใส่หม้อ กะเอาพอประมาณขึ้นตั้ง นำเครื่องเทศทั้งหมดที่หั่น ทุบ บุบ ซอย เรียบร้อยแล้วใส่ลงไปทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องรอให้น้ำร้อน จนกระทั่งน้ำเดือดได้ที่ ก็นำเนื้อไก่ที่หั่นเตรียมไว้ใส่ลงไปในหม้อ ปิดฝาไว้สักครู่กะว่าเนื้อไก่พอสุก จึงเปิดฝา ปรุงรสด้วยเกลือพอประมาณว่าเค็มกำลังดี ตามด้วยน้ำปลาอีกสักนิด เพื่อเพิ่มกลิ่นให้เย้ายวนชวนน้ำลายสอ ผงชูรสอีกสักหน่อย รับรองว่าอร่อยทีเดียวเชียวล่ะคุณ แล้วปิดฝาหม้อ รอให้ควันพวยพุ่งออกจากหม้อผ่านฝาสักพัก ก็ยกหม้อลงจากเตาคือจริง ๆ แล้วเนี่ยนะครับผมอยากจะเรียนคุณผู้อ่านให้ทราบว่า ผงชูรสเนี่ย ไม่ได้อันตรายร้ายแรงอะไรเลย หากเราใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ ผงชูรสนั้นมีหน้าที่ทำให้ปลายประสาทในการรับรสนั้น สามารถรับรู้และเข้าถึงรสชาติที่แท้จริงได้ดียิ่งขึ้น คือช่วยเพิ่มรสชาติ ก็เท่านั้นเอง รายละเอียดหาอ่านเป็นความรู้จากกูเกิ้ลได้นะครับ เพียงพิมพ์คำว่า "ผงชูรส" หรือไม่ก็ "โมโนโซเดียมกลูตาเมต"ทีนี้เรามาว่ากันต่อถึงกับข้าวในแบบฉบับบ้านนอก ครับ ต่อมาก็เตรียมทอดปลานิล อันนี้เป็นหน้าที่ของแม่โดยตรง จะเนื่องด้วยเพราะแกมีรสมือ ที่เรียกอีกอย่างว่าเสน่ห์ปลายจวัก หรือเพราะประสบการณ์ หรือเทคนิคเฉพาะตัวอะไรก็ตามแต่ ปลาที่แกทอดออกมา มันกรอบอร่อยมาก กรอบแต่ไม่เกรียม ซึ่งที่ผ่านมาจนอายุป่านนี้แล้ว ผมไม่เคยทอดปลาได้ประสบความสำเร็จเลย เห็นจะพอถูไถไปได้ไม่อายเพื่อน ก็ปลาทูเท่านั้นล่ะครับ นอกนั้น ภาษาคนบ้านนอกเขาเรียกว่า "ไม่เป็นตากิน" หรือ "ไม่เป็นจะกิน" รวมถึงรุ่นพี่ ที่แม่แกก็บ่นนักบ่นหนาว่า ฝากผีฝากไข้อะไรไม่ได้เลย สำหรับเรื่องทำกับข้าว สงสัยชีวิตคงต้องเจียวไข่กินคู่กับปลากระป๋องจนตายเป็นแน่ครับ สำหรับมื้อเช้าในแบบฉบับ "บ้านนอกสไตล์" ที่แท้ทรู รูปร่างหน้าตาก็มีให้เห็นตามภาพหน้าปกนั่นแหละครับ ผมไม่กล้าการันตีหรอก ว่ามันอร่อยมาก อร่อยน้อย หรืออาจจะไม่อร่อยเลย แต่สำหรับตัวของผมเองแล้ว บอกได้เพียงว่าผมโชคดีมาก ที่ได้มีโอกาสกินอาหารรสเลิศ จากวัตถุดิบชั้นยอด ที่เรารับรู้ เรามองเห็น เราเชื่อได้อย่างสนิทใจว่ามันสด สะอาด และมาจากธรรมชาติจริง ๆ เพราะตัวของผมเอง ก็ได้มีส่วนร่วมในการช่วยทำอาหารเช้านี้ และที่ผ่านมาอีกหลายมื้อด้วยเช่นกัน อาหารในแบบ "บ้านนอกสไตล์" ที่แท้ทรูติดตามบทความ ที่ยังคงวนเวียนไม่พ้น และไม่หนีไปไหนจากชนบทของผมได้ ในตอนต่อไปครับ.อยู่ (ใช้ชีวิต) ให้เป็นเย็น (เมื่อมีปัญหา) ให้พอรอ (จังหวะที่ดี) ให้ได้🙂 ภาพปกและภาพประกอบทั้งหมด โดย ผู้เขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี 

รีวิว Channel “RYUNTIME” โอปป้าอยู่ที่บ้านนอก
อ่าน

รีวิว Channel “RYUNTIME” โอปป้าอยู่ที่บ้านนอก

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำ Channel ของหนุ่มเกาหลีสุดหล่อ ที่ถ้าใครได้รู้จักเขาแล้ว จะต้องหลงใหลในความน่ารัก และอ่อนน้อมถ่อมตนของเขาอย่างแน่นอน Channel ที่ผู้เขียนพูดถึง ก็คือ RYUNTIME โอปป้าอยู่ที่บ้านนอกนั่นเอง จะบอกช่องนี้ผู้เขียนปลื้มปริ่มมากจ้า แอบหลงใหลในตัวเจ้าของช่องนิดนึง ฮ่า ๆ อาจจะไม่นิดก็ได้นะ เกิ่นมาเยอะซะขนาดนี้ ต้องมาดูกันแล้วค่ะว่า RYUNTIME โอปป้าอยู่ที่บ้านนอก เป็นใครกัน“RYUNTIME” โอปป้าอยู่ที่บ้านนอก เป็นช่องของหนุ่มเกาหลีที่มีแฟนเป็นสาวชาวไทย จังหวัดราชบุรี ชื่อ ยูลนั่นเองค่ะ ยูลอายุ 30 ปีแล้วนะ แต่ยังหน้าตาหล่อเหลาเอาการ ถ้าใครชอบเกาหลีแล้วละก็ จะต้องหลงใหลในตัวหนุ่มยูลแน่นอนค่ะ คลิปส่วนใหญ่ของหนุ่มยูล จะเป็นแนวการใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านนอก ทำกับข้าวอร่อย ๆ ทานกับแม่ยายและก็ป้า ๆ น้า ๆ ซึ่งกับข้าวแต่ละอย่างน่าทานมากจ้า ไม่เพียงแต่เห็นการทำกับข้าวเท่านั้นนะ จะเป็นยังไงอีกนั้นไปดูต่อกันค่ะคลิปที่ 1 วันแรกของผมที่จังหวัดราชบุรี!เป็นวันแรกของหนุ่มยูลที่จังหวัดราชบุรี แล้วก็เป็นคลิปแรกของหนุ่มยูลที่ผู้เขียนดูด้วยนะคะ​ คลิปนี้หนุ่มยูลพาทัวร์รอบบ้านของเเม่ยาย​ที่เป็นสวนกล้วย สวนมะพร้าว​ ดูสงบร่มเย็นทีเดียวเชียวล่ะ เเต่อากาศก็ร้อนไม่เบาตามที่หนุ่มยูลบอก ฮ่า​ ๆ​ ยูลกับเเม่ยายคุยกันดูสนิทกันมาก เหมือนเเม่เเท้ ๆ​ เลย​นะ​ถ้าใครดูคลิปนี้ต้องอยากมีเเม่ยายเหมือนยูลเเน่นอน ยังไม่หมดนะ​ ยูลยังแอบเเม่เก็บมะพร้าวมากิน​อีก​ จะเป็นยังไงนั้น แม่จะจับได้ไหม​นะ​ ต้องตามไปดูเลยจ้าคลิปที่​ 89 มีที่ใหม่เเล้วนะจ๊ะ​กินหมูย่างใต้ต้นลิ้นจี่ คลิปนี้นะคะ​ ยูลกับน้า​ ๆ​ เเม่​ รวมทั้งคุณยาย พากันทำหมูย่างกิน โดยไปทำที่บ้านน้า​ เป็นคลิปที่ต้องร้องซี๊ดเลย น่าอร่อย​มาก​ ๆ​ เห็นเเล้วหิวหมูกระทะเลย ยิ่งช่วงนี้ร้านไม่ค่อยเปิดด้วย ฮ่า​ ๆ​ นอกจากปิ้งย่างที่ยูลพาไปดูเเล้ว​ ยังมีต้มส้มปลาทูเเสนอร่อย​ไม่เเพ้กับ​หมู​ย่างเลยนะ คลิปนี้ดูเพลิน ๆ​ อีกคลิปเลย ดูไปหิวไป กลืนน้ำลายไป​ ดูเสร็จต้องเข้าครัวหรือไม่ก็ร้านหมูกระทะเเน่​ ๆ​คลิป​ที่​ 91 ขโมยมะรุมเป็นมะรุมที่อร่อยที่สุดคลิปนี้เเม่​กับน้า​ ๆ​ พายูลทำแกงส้มมะรุมกิน​ โดยให้ดูขั้นตอนการทำตั้งเเต่ขั้นตอนเเรกเลย ใครที่ชอบกินแกงส้มมะรุม เเต่ทำไม่เก่ง ถ้าดูคลิปนี้ของยูลก็สามารถทำตามได้ง่าย ๆ​ เเละต้องอร่อยเหมือนยูลเเน่นอน คลิปนี้นอกจากจะเห็นขั้นตอนการทำแกงส้มมะรุมเเล้ว ยังได้เห็นความน่ารักของน้า ๆ​ เเละเเม่ยายของยูลด้วย ดูอบอุ่นทีเดียวเลยค่ะ แอบอิจฉาหนุ่มยูลที่มีน้า ๆ​ เอ็นดู​ เเล้วก็มีของอร่อยให้ทานทุกวันเลยเนอะ​ แอบอิจฉานิดนึงจริง ๆ​ นะ​ ฮ่า​ ๆ​ปัจจุบัน​ช่องของหนุ่มยูล มีผู้ติดตามกว่า 2 เเสนผู้ติดตามเลยน้า นอกจากสามคลิปที่ผู้เขียนพูดถึงเเล้ว ยังมีคลิปให้เราติดตามวิถีชีวิตของโอปป้าเกาหลีที่มาอยู่บ้านนอกอีกมากมายหลายคลิปเลยนะคะ ถ้าใครได้ดูคลิปแล้วไม่ผิดหวังเเน่นอน​ ผู้เขียนขอฟันธงอีกทาง​ อย่าลืมไปดูหนุ่มยูลกันนะจ้ะทุกคนขอบคุณ​รูปภาพจาก RYUNTIME​ ภาพปก/รูปประกอบ​ที่​ 1 /รูปประกอบ​ที่​ 2 /รูปประกอบ​ที่​ 3 /รูปประกอบที่​ 4 /รูปประกอบที่​ 5

รีวิวเมืองคอง เชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน บ้านนอกฮอกควาย
อ่าน

รีวิวเมืองคอง เชียงใหม่ 2 วัน 1 คืน บ้านนอกฮอกควาย

ครั้งแรกกับการไปเมืองคอง จากการแนะนำของเพื่อนที่เราไปหาที่แม่กำปองบอกว่าไปเมืองคองมาให้ลองไปดู เมืองคอง หมู่บ้านเล็กๆที่ อ.เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เมืองคองตั้งอยู่ด้านหลังของดอยหลวงเชียงดาว มีลำน้ำเล็กๆ ชื่อว่าลำน้ำคองไหลผ่าน  เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน อากาศบริสุทธิ์ สูดได้เต็มปอด เมืองนี้เหมาะกับการมาพักผ่อน ใช้ชีวิต แบบเดินช้าๆ หยิบหนังสือเล่มโปรดขึ้นมาอ่าน ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง พักกาย พักใจ ทิ้งโลกที่วุ่นวายไว้ข้างหลัง 2 วัน 1 คืน พักโฮมสเตย์ "บ้านนอกฮอกควาย"เป็นโฮมสเตย์ กลางทุ่งนาที่มีบ้านพักเพียง 6 หลัง รายล้อมไปด้วยภูเขา มองเห็นยอดดอยหลวงเชียงดาว สะพานไม้ไผ่พาเราไปยังห้องพักของเรา ที่ชื่อว่า "บ้านนาชมวิว" เป็นบ้านพัก 2 ชั้น มี 2 ห้องนอน มีอ่างอาบน้ำให้นอนแช่น้ำชมทุ่ง มีชั้นดาดฟ้าให้ขึ้นไปดูวิวได้อีก ห้องนี้ไม่มีแอร์ แต่อากาศที่นี่เย็นสบาย เหมือนเปิดแอร์ นอนหลับสบายใต้ผ้าห่ม ช่วงที่สวยที่สุดของที่นี่ คือ เดือนตุลาคม นาข้าวจะเขียวขจีเต็มทุ่ง ถ้าเดือนธันวาคม จะได้อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า แต่นาข้าวสีเขียวจะไม่มีแล้ว อากาศเย็นๆ กับมื้อเย็นที่นี่ คงไม่พ้นหมูกระทะ ที่ต้องสั่งจองล่วงหน้าไว้ ราคาชุดละ 500 บาท ทานได้ 2-3 ท่าน มีอาหารตามสั่งที่สามารถสั่งกับชาวบ้านแถวนั้น นำมาทานที่ที่พักได้ล่องแพไม้ไผ่ ที่ลำน้ำคองกิจกรรมที่มาเมืองคองแล้วต้องลองไปคือล่องแพไม้ไผ่ ในลำนำ้คอง สามารถจองการล่องแพที่โฮมสเตย์ได้เลย จะมีรถกระบะมารับเราไปจุดที่ล่องแพตามเวลาที่นัดไว้ แพจะถูกต่อก็ต่อเมื่อมีการจอง ทำเป็นที่นั่งตามจำนวนคน ระยะเวลาในการล่องแพใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง มองธรรมชาติสองข้างทางไปเรื่อยๆ เจอกับฝูงควายที่ชาวบ้านพามาออกหากิน  บางจุดแพไม้ไผ่ก็จะไหลเร็วเพราะเจอกับร่องหิน น้ำเย็นไหลมาโดนเท้าเราบ้าง เย็นสบายได้พักผ่อนกับธรรมชาติที่นี่ได้เต็มที่ ค่าบริการกิจกรรมที่ลำน้ำคองกิจกรรมแพไม้ไผ่ 700 บาทเรือ 500 บาทห่วงยาง 200 บาททอดแหหาปลา 150 บาทการเดินทางนั่งเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิ - สนามบินเชียงใหม่ติดต่อรถเช่าขับจากสนามบินเชียงใหม่ - เมืองคอง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตรเปิดSunroof รับลมเย็นๆ เมื่อถึงเมืองคองพิกัด GoogleMapบ้านนอกฮอกควายเครดิตภาพ Arinangel ภาพทั้งหมดนี้ถ่ายจากการเดินทางครั้งนี้ ที่เมืองคอง..ส่องที่เที่ยว พิกัดลับห้ามพลาด มุมถ่ายรูปสวยที่ทรูไอดีคอมมูนิตี้

สุดอาลัย "สุรสีห์ ผาธรรม" ผู้กำกับ "ครูบ้านนอก" จากไปอย่างสงบ
อ่าน

สุดอาลัย "สุรสีห์ ผาธรรม" ผู้กำกับ "ครูบ้านนอก" จากไปอย่างสงบ

สุดอาลัย "สุรสีห์ ผาธรรม" ผู้กำกับภาพยนตร์ "ครูบ้านนอก" เสียชีวิตจากไปอย่างสงบ ในวัย 75 ปี ด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลันและติดเชื้อในกระแสเลือด โดยมีกำหนดการรดน้ำศพ เวลา 15.00 น. วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม 2566 ณ วัดปทุมมาลัย จ.อุบลราชธานี สวดพระอภิธรรมถึงวันอังคารที่ 28 มีนาคม ก่อนฌาปนกิจในวันพุธที่ 29 มีนาคม เวลา 16.00 น. สุรสีห์ ผาธรรม เกิดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2491 อายุ 75 ปี เป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้กำกับชาวไทย อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์และ VCD ชื่อ สุรสีห์ผาธรรมฟิล์ม อีกด้วย จบการศึกษาจากสาขานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มีผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกคือ ครูบ้านนอก (2521) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่สร้างชื่อเสียง พร้อมคว้ารางวัลผู้กำกับหนังยอดเยี่ยมและภาพยนตร์สร้างสรรค์เยาวชนดีเด่น ในงานมหกรรมภาพยนตร์ที่นครทัชเคนท์ สหภาพโซเวียต ประเทศรัสเซีย นอกจากนั้น ยังมีผลงานกำกับภาพยนตร์ อาทิ หนองหมาว้อ (2522), ลูกแม่มูล (2523), ครูวิบาก (2524), ครูดอย (2525), สวรรค์บ้านนา (2526), ผู้แทนนอกสภา (2526), ราชินีดอกหญ้า (2529) และ บ๊าย บาย ไทยแลนด์ (2530)

รีวิวซีรีส์ คิตซ์ KITZ แนววัยรุ่นระทึกขวัญ เมื่อสาวบ้านนอกอยากแก้แค้นสาวไฮโซ
อ่าน

รีวิวซีรีส์ คิตซ์ KITZ แนววัยรุ่นระทึกขวัญ เมื่อสาวบ้านนอกอยากแก้แค้นสาวไฮโซ

                 สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกคน วันนี้มีซีรีส์จาก Netflix เรื่อง คิตซ์ KITZ มาฝากกันค่ะ เรื่องราวของสาววัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในชนบทของออสเตรีย สูญเสียน้องชายไปในวันสิ้นปี พร้อมยอมทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นสาวไฮโซที่เป็นต้นเหตุให้น้องชายเสียชีวิต เป็นซีรีส์แนววัยรุ่น ระทึกขวัญ ที่น่าดูอีกหนึ่งเรื่อง ว่าแต่จะสนุก มีความลุ้นระทึก น่าติดตามแค่ไหน ไปติดตามกับรีวิวซีรีส์เรื่องนี้กันค่ะเรื่องย่อ KITZ             คิตซ์ หรือ KITZ ย่อมาจาก Kitzbühel คิตซ์บูเฮล เมืองท่องเที่ยวชื่อดังในประเทศออสเตรีย เมืองที่เต็มไปด้วยสกีรีสอร์ทสุดหรู เปรียบเสมือนแอสเพน (Aspen) แห่งเทือกเขาแอลป์ เพราะอยู่ไม่ไกลจากเมืองมิวนิก จึงเป็นสถานที่ที่เหล่าไฮโซทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ในมิวนิกเลือกจะมาพักผ่อนกันในฤดูหนาว ซีรีส์บอกเล่าเรื่องราวของสาวลิซี่ (โซฟี ไอเฟอร์ทิงเกอร์) เด็กเสิร์ฟสาวในเมืองคิตซ์บูเฮล ที่เฝ้ารอวันแก้แค้นให้กับการจากไปของน้องชายฝาแฝด โยเซฟ (เฟลิกซ์ มาเยอร์) ในวันที่ 31 ธันวาคมเมื่อปีที่แล้ว โยเซฟประสบอุบัติเหตุขับรถตกเขาเสียชีวิต เพราะต้องการไปหาสาวสวย วาเนสซ่า (วาเลอรี ฮูเบอร์) ไฮโซจากตระกูลดังในมิวนิก ที่ส่งข้อความเรียกให้เขาไปหา เมื่อสิ้นปีวนมาอีกครั้ง และวาเนสซ่าเลือกมาฉลองเทศกาลสิ้นปีที่คิตซ์บูเฮลเช่นเคย ลิซี่จึงวางแผนให้ได้ใกล้ชิดเธอและหาโอกาสแก้แค้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ลิซี่จะสามารถแก้แค้นได้หรือไม่ และเธอวางแผนจะแก้แค้นอย่างไร ต้องไปติดตามกันต่อทาง Netflix สามารถรับชมผ่านกล่องทรูไอดีทีวีได้ด้วยนะคะ ซีรีส์เรื่อง :  KITZ | คิตซ์ปีที่ออกอากาศ : 2021ประเภท : ดราม่า, ปัญหาสังคม, ซีรีส์เยอรมัน, ซีรีส์วัยรุ่น, ระทึกใจทีมผู้สร้าง : นิโคเลาส์ ชูลซ์-ดอร์นบูร์ก, วีทัส ไรน์โบลด์นักแสดง :  โซฟี ไอเฟอร์ทิงเกอร์, เบลสส์ อมาดา, วาเลอรี ฮูเบอร์, โซรัน พิงเกิล, เบ็น เฟลีเป,คริสตา แชร์นีวา, เฟลิกซ์ มาเยอร์ระยะเวลาการรับชม : 6 ตอน ตอนละประมาณ 45 นาทีช่องทางการรับชม : Netflixระดับความเหมาะสม : เหมาะกับผู้ชมอายุ 16 ปีขึ้นไปคะแนนจากผู้เขียน : 7.5/10 ตีแผ่สังคมวัยรุ่นไฮโซในเยอรมัน               KITZ หรือคิตซ์ (2021) ผลงานของผู้สร้างนิโคเลาส์ ชูลซ์-ดอร์นบูร์กและวีทัส ไรน์โบลด์ ที่ให้เราตามติดชีวิตของเหล่าวัยรุ่นในสังคมหรูหราไฮโซของเยอรมัน วัยรุ่นที่ใช้เงินพ่อแม่ซื้อทุกอย่างที่ต้องการ และทุกย่างก้าวที่เดินก็มักจะมีคนปูทางให้ จนบางทีทำให้พวกเขาไม่สนใจชีวิตของคนรอบข้างนอกจากตัวเอง แต่ถึงจะมีทุกอย่างแต่มักไม่ลงรอยกับพ่อแม่ พร้อม ๆ กันกับเล่าเรื่องชีวิตของวัยรุ่นบ้านนอกคนท้องถิ่นเมืองคิตซ์บูเฮล ที่ชีวิตเรียบง่าย ทำไร่ เลี้ยงวัว ทำงานพาร์ทไทม์หลายอย่าง เพื่อถีบตัวเอง แต่ไม่ขาดความรักจากพ่อและแม่ เป็นซีรีส์แนววัยรุ่น วางแผน ระทึกขวัญ  ใครชอบซีรีส์ Elite ก็น่าจะชอบเรื่องนี้ แต่ความสนุกอาจจะยังห่างชั้นกันอยู่บ้าง          ครั้งนี้ได้เห็นโลกวัยรุ่นไฮโซของเยอรมัน ที่มีปาร์ตี้ ดื่มหนัก ใช้สารเสพติด ใช้รถหรู ไม่แคร์คนอื่นสนใจแต่ตัวเอง มั่วเรื่องเพศ โกรธง่ายคืนดีกันไว บางทีก็คบกันเพราะผลประโยชน์ จะว่าไปก็มีคล้ายคลึงกับวัยรุ่นไฮโซจากประเทศอื่น ๆ ที่เคยเห็นในซีรีส์อยู่นะ ไม่ได้แปลกใหม่อะไรมาก นักแสดงวัยรุ่นคับคั่ง แสดงดีสมบทบาท              เป็นซีรีส์ที่มีด้วยกัน 6 ตอนตอนละประมาณ 45 นาที เนื้อเรื่องมีการวางแผนค่อนข้างซับซ้อน เพื่อแก้แค้น ดังนั้นจะมีตัวละครเกี่ยวข้องค่อนข้างเยอะ อย่างฝ่ายไฮโซก็มีด้วยกันถึง 4 คน ส่วนฝ่ายชนบทก็มีตัวเด่น ๆ อยู่ 3 คน ทุกคนก็แสดงดีสมบทบาท อินสมจริงอยู่ มีใครกันบ้างไปติดตามกันต่อค่ะ          โซฟี ไอเฟอร์ทิงเกอร์ รับบทเป็นลิซี่ แมเดอร์มาเยอร์ เด็กสาววัย 19 ปีชาวคิตซ์บูเฮล ที่บ้านเปิดโรงเรียนสอนเล่นสกี เธอมีความสนใจด้านแฟชั่น ได้ทุนเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังด้านแฟชั่นในลอนดอน แต่สละสิทธิ์หลังน้องชายฝาแฝดเสียชีวิต เพราะเป็นห่วงพ่อแม่ไม่อาจทิ้งเมืองคิตซ์บูเฮลไปได้ จึงใช้เรื่องนี้เป็นเหตุในการแก้แค้นวาเนสซ่าที่ทำให้สูญเสียทุกอย่างhttps://www.instagram.com/p/CXzPkzJIort/?utm_source=ig_web_copy_link                  เบลสส์ อมาดา รับบทเป็น ดอมินิก รีด หนุ่มหล่อผิวสีฐานะดี แฟนหนุ่มของวาเนสซ่า ใฝ่ฝันอยากเรียนด้านการออกแบบรถแข่งในมหาวิทยาลัยชื่อดัง บุคลิกดูเป็นหนุ่มสุภาพ เห็นใจคนอื่น แต่เพราะรวยจึงใช้เงินซื้อทุกอย่างแบบไม่รู้ตัวhttps://www.instagram.com/p/CX6CkzSoC65/?utm_source=ig_web_copy_link                 วาเลอรี ฮูเบอร์ รับบทเป็น วาเนสซ่า หรือ เนสซ่า ไฮโซสาวสวยสุตฮอตจากมิวนิก มีอาชีพเป็นนางแบบและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง แต่โอกาสที่ถูกใจยังมาไม่ถึง ฐานะดีเป็นทายาทตระกูลดังจากมิวนิก ใช้ชีวิตในสายตาผู้คนตลอดเวลา ขาดความเป็นอิสระ เคยมีซัมติงกับครูสอนสกี โยเซฟ น้องชายฝาแฝดของลิซี่https://www.instagram.com/p/CX1mJFLo8ys/?utm_source=ig_web_copy_link                   โซรัน พิงเกิล รับบทเป็น คอช หนุ่ม LGBTQ ลูกชายเจ้าของโรงแรมเซียร์โวเกล เสียใจจากการจากไปของพ่อ ใช้ชีวิตด้วยการปาร์ตี้ เล่นยา ดื่มเหล้า ทำให้ไม่ค่อยมีสติจำอะไรไม่ค่อยได้ ชอบซื้อกิน จากที่ซื้อหนุ่มบ้านไร่อย่างฮานส์ จนกลายเป็นตกหลุมรักเข้าอย่างจริงจังhttps://www.instagram.com/p/CX9Q6SeIiga/?utm_source=ig_web_copy_link               เบ็น เฟลีเป รับบทเป็น ฮานส์ หนุ่มชาวไร่ ที่มีหัวใจอ่อนโยน รับรู้ความรู้สึกได้ไว ชอบคู่นอน คอช หลังจากพบกันหลายครั้ง เป็นคนคอยช่วยเหลือลิซี่ในภาระกิจการแก้แค้นhttps://www.instagram.com/p/CX_90D2IWqD/?utm_source=ig_web_copy_link                    คริสตา แชร์นีวา รับบทเป็น พิปปา เพื่อนสาวสวยของวาเนสซ่า เป็นแรงเชียร์ กำลังใจและคอยระวังหลังให้เนสซ่าในทุก ๆ เรื่องhttps://www.instagram.com/p/CYBaf3boxNs/?utm_source=ig_web_copy_link                 เฟลิกซ์ มาเยอร์ รับบทเป็น โยเซฟ หนุ่มหล่อนิสัยดี น้องชายของลิซี่ ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุขับรถตกเขา เป็นนักแข่งและครูสอนสกี ลุ้นตามไปกับการแก้แค้นของสาวบ้านนอกต่อสาวไฮโซ                  เนื้อเรื่องมีความซับซ้อน เชื่อมโยงกันหมด ปมแต่ละปมน่าติดตาม ช่างคิด โดยรวมทุกพล็อตไม่ค่อยมีอุปสรรค ทุกอย่างดูจะลงล็อกลงตัวเกือบทั้งหมด ทำให้ความลุ้นระทึกจะอยู่แค่ระดับกลาง ๆ ไม่ได้หวีดสยอง แต่การดำเนินเรื่อง ก็ทำดี น่าติดตามอยู่ เพราะตอนดูมีบางช่วงที่จะไม่รู้ว่านี่คือแผนที่วางไว้แล้ว มีพลิกล็อคพลิกโผบ้าง จังหวะกลาง ๆ ไม่ช้า ไม่เร็ว แต่จะดูสปีดซัก x1.25 ก็ได้นะ ถ้าอ่านซับทัน 😂           ภาพสวย วิวภูเขา บ้านพักสุดหรูหรา สกี งานปาร์ตี้สมจริง ดูเป็นชีวิตไฮโซที่หลายคนอาจหมายปอง ถึงเนื้อเรื่องจะแต่งขึ้น แต่โลเคชั่นนั้นเป็นของจริง เพราะถ่ายทำกันที่เมือง Kitzbuhel เมืองสวรรค์ของนักสกี หิมะหนาฟูมาก ขอบันทึกไว้ในบักเก็ตลิสต์ อยากไปเที่ยวสักครั้งhttps://www.instagram.com/p/CYGiVV_od1b/?utm_source=ig_web_copy_link          บทสรุปโอเค คิดว่าค่อนข้างลงตัว รอลุ้นกันต่อซีซั่น 2 (ถ้ามี) จะไม่แปลกใจถ้าสิ่งที่เสียไป จริง ๆ แล้วยังไม่ไปไหน เพราะไม่มีใครได้เห็นตอนที่สูญเสีย เรียกว่าน่าติดตาม แอบเชียร์ให้มีซีซั่น 2ให้คะแนน 7.5/10            หยุดยาวนี้ไม่รู้จะดูอะไร แนะนำเรื่อง คิตซ์ KITZ เป็นซีรีส์แนววัยรุ่น ระทึกขวัญ เนื้อเรื่องน่าติดตาม มีความลุ้นระดับกลาง ๆ ตลอดเรื่อง ชีวิตหรูหราของเหล่าไฮโซมิวนิกสนุกแซ่บน่าดู ภาพวิวภูเขา สกีรีสอร์ทสวยงาม ให้คะแนน 7.5/10 ดูเพลิน ๆ อาจไม่ดีเท่า Elite แต่ก็ไม่แย่มาก เชิญไปรับชมกันได้ทาง Netflix ค่ะ เครดิตภาพ : Netflix Nederland België : วีดีโอ1 / kitznetflix : ภาพปก1 / ภาพปก2 / ภาพ1 / stefany_pohlmann_casting IG : ภาพ2/3/4/12/13/15 / ภาพ5 / ภาพ6 / ภาพ7 / ภาพ8 / ภาพ9 / ภาพ10 / ภาพ11 / schmiliano : ภาพ14บทความที่เกี่ยวข้อง- รีวิว CODA หัวใจไม่ไร้เสียง ภาพยนตร์เรื่องเยี่ยมแห่งปี 2021 ฟีลกู๊ด อบอุ่นหัวใจ- รีวิวซีรีส์ Emily in Paris season 2 ตามติดชีวิตเอมิลี่ในปารีสอีกครั้ง ทาง Netflix- รีวิว The Witcher นักล่าจอมอสูร Season 2 ซีรีส์แฟนตาซีเวทมนตร์ อันดับ 1 Netflix มีพากย์ไทย - รีวิวหนังระทึกขวัญ ตุ๊กตาอารักษ์ The Guardian จากเวียดนาม ทาง Netflix- รีวิวหนังอนิเมชั่นสุดฮา รวมพลังกลับเอาท์แบ็ค Back to the Outback (2021) มีพากย์ไทยทาง Netflix- รีวิว ตราบาป The Unforgivable หนังดราม่าเรื่องอดีตนักโทษที่สังคมไม่มีวันให้อภัย พากย์ไทยทาง Netflixอัปเดตข่าว ดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ,ฟรี

10 ทะเลใกล้กรุงเทพ วิวสวยนั่งชิวรับลมทะเล
อ่าน

10 ทะเลใกล้กรุงเทพ วิวสวยนั่งชิวรับลมทะเล

เริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนกันอีกแล้ว แน่นอนว่าทะเล คือสถานที่เที่ยวยอดฮิตของช่วงนี้หรือไม่ว่าช่วงไหน หลายคนก็มักเลือกเที่ยวทะเลกันเป็นอันดับแรก วันนี้เราขอมาแนะนำ 10 ทะเลใกล้กรุงเทพ วิวสวย น้ำทะเลใส นั่งชิวรับลมทะเลยามเย็น ซึ่งจะมีที่ไหนบ้าง แล้วจะสวยขนาดไหน ไปดูกันค่ะ1. หาดพัทยา ชลบุรีมาเริ่มกันที่ที่แรกกับ หาดพัทยา ชลบุรี ทะเลสวยใกล้กรุงเทพที่ใช้เวลาเดินทางไม่กี่ชั่วโมง หาดพัทยาถือเป็นหาดแห่งหนึ่งที่ดังระดับโลก เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติมักเลือกมาเที่ยวพักร้อนกันเป็นประจำ ซึ่งที่หาดพัทยานอกจากจะเล่นน้ำทะเลเพลินแล้ว ยังเป็นเมืองที่ครบครันไปด้วยความบันเทิงหลากหลายอักด้วย2. เกาะแสมสาร สัตหีบ ชลบุรีภาพจาก : เกาะแสมสาร - เกาะแห่งการเรียนรู้มาต่อกันที่เกาะแสมสาร อีกหนึ่งเกาะที่ยังคงความธรรมชาติในอำเภอสัตหีบ ชลบุรี ที่เกาะแห่งนี้เป็นการท่องเที่ยวแบบเช้าไป-เย็นกลับ มีน้ำทะเลที่ใสสะอาด สามารถดำน้ำชมปะการังน้ำตื้น พร้อมกับกิจกรรมอีกมากมายสำหรับสายแอดเวนเจอร์3. เกาะขาม สัตหีบ ชลบุรีภาพจาก : เกาะขามสัตหีบ ชลบุรีอีกหนึ่งใน 10 ทะเลใกล้กรุงเทพที่เราขอแนะนำคือ เกาะขาม เกาะที่ยังคงความเป็นธรรมชาติและมีจุดสวยงามให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปเพียบ นอกจากนี้ยังมีการนั่งเรือชมปะการัง หรือดำน้ำตื้น ที่เกาะแห่งนี้ก็มีให้บริการมากมายค่ะ4. เกาะล้าน ชลบุรีภาพจาก เกาะล้าน - Koh Larnเกาะล้าน ถือเป็นอีกหนึ่งทะเลที่ต้องห้ามพลาดทางฝั่งตะวันออก ซึ่งบนเกาะล้านแยกออกเป็นหาดหลายหาดมากมายให้เพื่อน ๆ ได้ท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ทั้งหาดตาแหวน หาดทองหลาง หรือหากใครอยากเที่ยวแบบเงียบสงบเราขอแนะนำหาดตายาย เพราะเพื่อน ๆ จะได้พบกับความเงียบสงบและธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์อย่างเต็มที่5. เกาะสีชัง ชลบุรีภาพจาก เกาะสีชังเกาะสีชังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ของชลบุรีที่ต้องห้ามพลาด ที่เกาะแห่งนี้มีวัฒนธรรมทางประวัติศาสตร์ และความสวยงามของท้องทะเลให้เพื่อน ๆ ได้ชมมากมาย และไฮไลต์ของที่นี่เลยคือ สะพานอัษฎางค์ สะพานไม้สีขาวยื่นออกไปในทะเล ซึ่งเป็นอีกแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดเลยนะคะ6. เกาะเสม็ด ระยองภาพจาก อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า - หมู่เกาะเสม็ดเลยจากจังหวัดชลบุรีมากันที่ระยองบ้างค่ะ สำหรับเกาะเสม็ดถือเป็นหนึ่งในทะเลใกล้กรุงเทพที่หลายคนเลือกไป ที่เกาะแห่งนี้มีกิจกรรมมากมายที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกประเภท และยังมีที่พักไว้คอยบริการมากมาย เรียกว่าตอบโจทย์การพักผ่อนในวันหยุดได้เป็นอย่างดี7. แหลมแม่พิมพ์ ระยองภาพจาก ที่นี่แหลมแม่พิมพ์แหลมแม่พิมพ์ อีกหนึ่งทะเลในจังหวัดระยองที่ขอแนะนำ ที่หาดแห่งนี้มีระยะทางยาว 4 กิโลเมตร มีวิวทิวทัศน์มากมายให้เพื่อน ๆ ได้เก็บภาพความประทับใจ นอกจากนี้ยังมีร้านค้าและร้านอาหารต่าง ๆ ที่คอยบริการริมหาดอีกด้วย8. หาดเจ้าหลาว จันทบุรีภาพจาก หาดเจ้าหลาว จ.จันทบุรีหาดเจ้าหลาว เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามไม่แพ้ใคร ที่หาดแห่งนี้มีทรายละเอียดสีแดง ซึ่งถือเป็นสิ่งอัศจรรย์ของหาดแห่งนี้ นอกจากนี้น้ำทะเลยังคงความใส และยังมีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอยู่มาก9. หาดชะอำ เพชรบุรีภาพจาก ชายหาดชะอำหาดชะอำ เป็นอีกหนึ่งใน 10 ทะเลใกล้กรุงเทพที่โด่งดังตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่หาดชะอำยังคงความสวยของน้ำทะเล นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมายไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว ทั้งขี่ม้า บานาน่าโบ๊ท หรือการปั่นจักรยาน พร้อมกับร้านค้าและร้านอาหารที่คอยบริการนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่10. หาดหัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ทะเลใกล้กรุงเทพที่สุดท้ายที่เราขอแนะนำคือ หาดหัวหิน ซึ่งถือเป็นหาดยอดฮิตของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งนอกจากหาดที่สวยงามแล้ว ยังมีถนนคนเดินหัวหิน หรือจะคาเฟ่ชิว ๆ ที่เป็นต้อนรับนักท่องเที่ยวมากมายทั้งหมดนี้คือ 10 ทะเลใกล้กรุงเทพที่เราขอแนะนำเพื่อน ๆ ทุกคนค่ะ ซึ่งบอกเลยว่าแต่ละที่ใช้เวลาเดินทางไม่นาน แถมยังมีความเงียบสงบและเหมาะกับการพักผ่อนในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือแบบเช้าไป-เย็นกลับกันได้อย่างดีทีเดียว แต่หากเพื่อน ๆ คนไหนที่เริ่มเบื่อทะเล อยากเลือกไปแคมปิ้งกันบ้างแล้ว เราขอแนะนำ 10 ลานกางเต็นท์ใกล้กรุงเทพ นอนชมดาวรับบรรยากาศดี ที่ฟินกับบรรยากาศจนต้องห้ามพลาดเลยนะคะ

กว่างซีเปิด 'ทางด่วน' ผ่าหุบเขาวิวสวย
อ่าน

กว่างซีเปิด 'ทางด่วน' ผ่าหุบเขาวิวสวย

หรงอัน, 4 ธ.ค. (ซินหัว) -- เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน เปิดใช้งานทางด่วนสายกุ้ยหลิน-หลิวเฉิง ในอำเภอหรงอัน เมื่อวันศุกร์ (3 ธ.ค.) ที่ผ่านมา โดยถนนสายหลักของทางด่วนสายใหม่นี้มีความยาว 95.7 กิโลเมตร การก่อสร้างทางด่วนสายกุ้ยหลิน-หลิวเฉิง ใช้เงินทุนรวม 1.29 หมื่นล้านหยวน (ราว 6.45 หมื่นล้านบาท) และการเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการจะอำนวยความสะดวกแก่การเดินทางที่มีประสิทธิภาพในพื้นที่เทือกเขาสูงชันของกว่างซี กว่างซีถือเป็นพื้นที่พรมแดนสำคัญเชื่อมต่อจีนกับกลุ่มประเทศอาเซียน และมีบทบาทหลักในการก่อสร้างตามแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) โดยช่วงหลายปีที่ผ่านมา กว่างซีก่อสร้างทางด่วนใหม่หลายสายที่มุ่งสู่มณฑลอื่นๆ หรือประเทศเพื่อนบ้าน (บันทึกภาพวันที่ 3 ธ.ค. 2021)

บ้านนอก คอกควาย คาเฟ่วิวสวย ใกล้เขื่อนอุบลรัตน์
อ่าน

บ้านนอก คอกควาย คาเฟ่วิวสวย ใกล้เขื่อนอุบลรัตน์

สายคาเฟ่ ชอบร้านนั่งวิวสวยๆ แชะรูปลงโซเชียลมาทางนี้เลยจ้า เราจะมาแนะนำร้านคาเฟ่น่านั่งวิวธรรมชาติสวยๆใกล้เขื่อนอุบลรัตน์ให้ได้รู้จัก ชื่อร้าน บ้านนอก คอกควาย จะน่านั่งน่าไปถ่ายรูปแค่ไหน ไปดูกันเลยจ้า  ภาพจาก https://www.facebook.com/pg/บ้านนอก-คอกควาย-273894063288243/photos/?ref=page_internal บ้านนอก คอกควาย คาเฟ่บ้านนาใกล้เขื่อนอุบลรัตน์ เป็นคาเฟ่ที่มีควายจริงๆตามชื่อร้าน ควายจะอยู่ภายในทุ่งบริเวณร้านหลายสิบตัว ใครที่ชอบความคันทรี่ๆมาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอนจ้า ร้านตั้งอยู่ บ้านแก่งศิลา ต.เขื่อนอุบลรัตน์ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น การเดินทางมายังร้านนี้ก็มาตามเส้นทางท้ายเขื่อนอุบลรัตน์หรือเส้นทางไปอุทยานแห่งชาติน้ำพองนั่นล่ะ ร้านบ้านนอกคอกควาย แห่งนี้จะอยู่ห่างกันไม่ไกลจากร้านคาเฟ่ทุ่งนาร้านอื่นที่อยู่ใกล้เขื่อนอุบลรัตน์เหมือนกัน เช่น ร้านนาตาลองคอฟฟี่ ที่เราเคยทำรีวิวไปแล้วนั้นก็จะอยู่ระแวกเดียวกันกับร้านนี้เลยจ้า ภาพจาก https://www.facebook.com/pg/บ้านนอก-คอกควาย-273894063288243/photos/?ref=page_internal ภาพจาก https://www.facebook.com/pg/บ้านนอก-คอกควาย-273894063288243/photos/?ref=page_internal บรรยากาศในร้าน มีที่นั่งชิวๆมากมาย ทั้งแบบกระท่อมส่วนตัวและที่นั่งส่วนกลางของร้าน สังเกตได้ว่าวิวทิวทัศน์รอบๆร้านคือดีมากๆ มีภูเขาล้อมรอบ ที่เห็นมีหมอกปกคลุกภูเขานิดๆนั้นน่าจะเป็นช่วงเช้าๆที่ทางร้านถ่ายภาพไว้ สายเขียวสายธรรชาติในพื้นที่ใกล้เคียงพลาดไม่ได้จ้า ทางเดินภายในร้านเป็นแบบสะพานไม้ไผ่แบบชิคๆ เดินเล่นถ่ายรูปเก๋ๆ มีที่นั่งแบบเปลตาข่ายด้วยนะ แต่ต้องวันที่อากาศดีๆ แดดไม่แรง ลมพัดเย็นสบายจะนั่งแบบชิวๆไม่อยากลุกเลยล่ะ  ภาพจาก https://www.facebook.com/pg/บ้านนอก-คอกควาย-273894063288243/photos/?ref=page_internal ภาพจาก https://www.facebook.com/pg/บ้านนอก-คอกควาย-273894063288243/photos/?ref=page_internal ที่นั่งยอดนิยม ใครที่ผ่านไปผ่านมายังคาเฟ่นี้จะนิยมถ่ายรูปจุดนี้ลงโซเชียลกันมากมาย น่าจะเพราะอากาศใต้ร่มไม้ใหญ่ที่เย็นสบายและมีม้าไม้โยกให้ได้นั่งถ่ายรูปเก๋ๆอีกด้วย  ภาพจาก  https://www.facebook.com/pg/บ้านนอก-คอกควาย-273894063288243/photos/?ref=page_internal ชาเขียวปั่น เครื่องดื่มแก้กระหายที่ไปไหนก็จะสั่งตลอดหากมี ร้านนี้รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นชาเขียวนิดๆ ที่สำคัญปั่นหนืดๆแน่นๆได้เยอะดีต่อใจมากจ้า ภาพจาก  https://www.facebook.com/pg/บ้านนอก-คอกควาย-273894063288243/photos/?ref=page_internal คาปูชิโน่ร้อน เมนูที่คอกาแฟพลาดไม่ได้ แต่ต้องสั่งมาจิบในวันที่อากาศดีๆด้วยแหละ จิบตอนแดดจัดๆคงไม่ไหว เสิร์ฟแบบพูนๆแก้วมีฟองนมด้านบนตกแต่งสวยงาม ภาพจาก  https://www.facebook.com/pg/บ้านนอก-คอกควาย-273894063288243/photos/?ref=page_internal ต้มยำกุ้งน้ำข้น เสิร์ฟแบบหม้อไฟเลยจ้า ได้เยอะ กุ้งเน้นๆตัวโตๆ น้ำต้มยำเข้มข้นถึงใจ แต่เสียดายกุ้งยังไม่ได้แกะมาเลยต้องแกะทานเองนะ ภาพจาก  https://www.facebook.com/pg/บ้านนอก-คอกควาย-273894063288243/photos/?ref=page_internal บิงซูแตงโม ทานของคาวแล้วก็ตบท้ายด้วยของหวานอะเนอะ บิงซูแตงโมแบบถ้วยพูนๆเสิร์ฟคู่กับไอติมเรนโบว์ คอนเฟลค และนมข้นหวานไว้ราดบนตัวบิงซู ชื่นใจสุดๆจ้าถ้วยนี้ รภาพจาก https://www.facebook.com/pg/บ้านนอก-คอกควาย-273894063288243/photos/?ref=page_internal บรรยากาศยามเย็น ยามค่ำก็จะมีไฟประดับประดาอยู่ภายในร้าน ถ่ายรูปออกมาสวยมากๆเลยล่ะ แถมอากาศยามค่ำจะเย็นสบายมากกว่าตอนกลางวัน เพราะบางวันคือแดดเปรี้ยงและแรงขั้นสุด เราไม่ชอบกลางวัน จะชอบค่ำๆมากกว่า วิวดีแค่ไหนถ้าแดดแรงก็ไม่อยู่จ้าร้อน   ประเภท : อาหาร ขนมหวาน เครื่องดื่ม ราคา : 100-250 บาท พิกัด : 89 บ้านแก่งศิลา ตำบล เขื่อนอุบลรัตน์ อำเภอ อุบลรัตน์ ขอนแก่น  เวลา : 09:00 - 20:00 น. Facebook : https://www.facebook.com/บ้านนอก-คอกควาย-273894063288243/   เป็นยังไงกันบ้างกับรีวิวร้านบ้านนอกคอกควายแห่งนี้ สายคาเฟ่ทุ่งนาต้องไปตำสักครั้งจ้า ส่วนตัวชอบร้านนี้นะ วิวสวยมีมุมถ่ายรูปมากมาย แต่ต้องไปในวันอากาศดีๆแดดร่มลมตกงี้ หากใครสนใจอยากไปถ่ายรูปชิคๆเสพธรรมชาติบ้านนาและชมฝูงควายก็ไปตามพิกัดที่เราลงไว้ให้ได้เลยจ้า ถ้าไปกันมาแล้วก็มารีวิวอัพเดตเพิ่มเติมกันได้น้า

ที่พักเชียงใหม่ บ้านนอกฮอกควาย อ.เมืองคอง โฮมสเตย์กลางทุ่งนา วิวหมอก
อ่าน

ที่พักเชียงใหม่ บ้านนอกฮอกควาย อ.เมืองคอง โฮมสเตย์กลางทุ่งนา วิวหมอก

   เคยตกหลุมรักอะไรซ้ำๆ กันไหมคะ ถ้าไม่เคยเราอยากจะชวนมาพักผ่อนที่ “เมืองคอง เชียงใหม่” นอนกลางทุ่งนาที่ บ้านนอกฮอกควาย อยากให้ทุกคนมาตกหลุมรักที่นี่เหมือนกับเรา“เมืองคอง” คือหมู่บ้านเล็กๆ หลังเชียงดาว จ.เชียงใหม่ ที่เราไปกี่ครั้งเราก็อดหลงรักที่นี่ไม่ได้ เพราะที่นี่อยู่ท่ามกลางหุบเขาล้อมรอบไปด้วยภูเขา มองไปทางไหนก็จะเห็นทิวเขาเรียงกันสลับซับซ้อนอย่างสุดลูกหูตา เอกลักษณ์ของที่นี่เลย ที่เราชอบมากๆ คือ เมืองคอง เป็นเมืองที่เงียบสงบ พักผ่อนอยู่กับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ไม่มีความวุ่นวายใดๆ อยู่กันเหมือนพี่น้อง คนที่นั่นน่ารักมากๆ จะไม่ให้ตกหลุมรักอย่างไงไหว จริงไหม .. เราจะมาแนะนำ ที่พักสุดน่ารัก เป็นโฮมสเตย์กลางทุ่งนา “ บ้านนอกฮอกควาย” เรียกได้ว่า คนในเมืองอย่างเราๆ ต้องหลงรักจนไม่อยากจะกลับเลย เพราะ วิวที่นี่ดีมากๆ มองออกไปนอกหน้าต่าง หรือจะมองไปทางไหนก็เห็นภูเขาโอบล้อมเอาไว้ และเราสามารถเดินเล่นถ่ายรูปได้ตามอัธยาศัยเลย บอกเลยว่าพักผ่อนจนเพลินเลยทีเดียว          ธรรมชาติในตอนเช้าสวยมากๆ แมลงต่างๆ อยู่กับธรรมชาติซึ่งที่นี่ก็จะมีห้องพักอยู่ทั้งหมด 5 แบบ คือมีตั้งแต่พักได้ 2 คน ไปจนถึงหลังใหญ่พักได้หลายๆ คนเลยก็มี- บ้านชายทุ่ง- บ้านฮิมคันนา : ห้องนี้จะมีอ่างอาบน้ำสไตล์ outdoor ให้รับลมชมวิวตอนแช่อ่างกันไปแบบเพลินๆ- บ้านกลางนา : ห้องนี้จะพักได้ 4 คนนะครับ มีอ่างอาบน้ำสไตล์ outdoor เช่นกัน- บ้านนาชมวิว : เป็นบ้าน 2 ชั้น ที่ด้านบนมีห้องใต้หลังคาสำหรับไปนอนชมวิว มีอ่างอาบน้ำสไตล์ outdoor-  บ้านโดม : ซึ่งบ้านโดมจะเป็นบ้านแบบเดียวที่รูปทรงดูแปลกตาคล้ายๆ แคปซูลนอกจากนี้ที่นี่ก็ยังมีบริการนำเที่ยวพาขึ้นไปชมจุดชมวิวและทะเลหมอกสวยๆ ในยามเช้า เสียค่าใช้จ่ายเเค่คนละ 100 บาทเท่านั้นเองนี่ไงสวยไหม คุ้มค่ากับการตื่นตี 4 เลย เพราะวิวสวยมากจริงๆ ติดต่อสอบถาม / จองห้องพักได้ที่เฟสบุ๊ค : บ้านนอก ฮอกควาย เมืองคองโทร 085-7075232พิกัด :ผู้เขียนเรียบเรียงบทความเองทั้งหมดผู้เขียนถ่ายรูปเองทั้งหมด 

ครัวบ้านนอก EP.3 ขนมครกโบราณ
อ่าน

ครัวบ้านนอก EP.3 ขนมครกโบราณ

ครัวบ้านนอก EP.3 ขนมครกโบราณ ที่คุณก็สามารถทำรับกระทานเองได้ที่บ้านคุณ !! สวัสดีเพื่อน ๆ ชาว TrueID in-trend ที่น้ารักทุก ๆ คน วันนี้มาพบกับครัวบ้านนอก EP.3 ขนมครกโบราณ ซี่งเป็นสูตรจากที่บ้านของ Tawann เองค่ะ แม่ทั้งทำกินและก็ทำขายตามบ้านอีกด้วย ก็อยากจะมาสอนวิธีการทำง่าย ๆ ที่เราก็สามรถทำกินเองได้ที่บ้านหรือใครอยู่บ้านว่าง ๆ หารายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถนำไปทำได้เลยค่ะไม่หวงสูตร ^^ แถมได้ขนมครกที่อร่อย หอม พูดแล้วก็อยากกินอีกแล้วค่ะทุกคน กลับมาที่ขนกครกของเราต่อเพราะในช่วงนี้อย่างที่เราทราบกันดีว่าขนมต่าง ๆ เหล่านี้นั้นก็หารับประทานยากขึ้นโดยเพราะขนมครกที่เป็นแบบโบราณจริง ๆ ก็คงมีไม่กี่ร้านตามบ้านเราแถมอาจจะไม่มีด้วยซ้ำ ไม่ต้องรอแล้วค่ะเราทำเองกันดีกว่าจะมีอะไรบ้าง ไปอ่านกันเลย ขนมครกโบราณ วัตถุดิบ 1.กุยช่าย 1 กำ 2.ข้าวมะลิ 8 ถ้วยตวง (หรือจะใช้แป้งข้าวจ้าวก็ได้ค่ะ) 3.กะทิ 20 ถ้วยตวง 4.หัวกะทิสด 4 ถ้วยตวง เครื่องปรุงรส 1.น้ำตาลทราย 2.เกลือ 3.น้ำมัน อุปกรณ์ เตาถ่านกับกระทะขนมครก ขั้นตอนการทำขนมครกโบราณ 1.ซอยกุยช่ายให้เรียบร้อย นำข้าวมะลิ 8 ถ้วยตวงมาโม่กับน้ำกะทิ 20 ถ้วยตวง หรือจะใช้แป้งข้าวจ้าวกับกะทิผสมคนให้เข้ากันได้เลยค่ะก็จะได้ตัวแป้งออกมาเติมน้ำตาล 2 ถ้วยตวง เกลือ 5 ช้อนโต๊ะ ชมรสให้หวานนิด ๆ มันเยอะ ๆ เป็นอันเสร็จ 2.จากนั้นเราจะมาทำในส่วนของหัวกะทิสำหรับเติมด้านบนขนมครกกัน เริ่มจากนำหัวกะทิสด ๆ 4 ถ้วยตวง มาใส่น้ำตาลทรายครึ่งถ้วยตวง และเกลือ 1 ช้อนโต๊ะลงไปคนให้ละลายจากนั้นชิมรสว่าหวานมันติดเค็มเล็กน้อยหรือยัง หากขาดเหลือรสไหนให้ใส่เพิ่มเล็กน้อยค่ะ เป็นอันเสร็จในส่วนหัวกะทิ 3.เตรียมน้ำมันใส่ถ้วยเล็ก ๆ กับกากมะพร้าวตัดไว้สำหรับเช็ดทาน้ำมันที่หลุมหยอดขนมครก 4.เมื่อตั้งเตาร้อนแล้วให้ทาน้ำมันลงไปทุกหลุม จากนั้นหยอดแป้งลงไปให้เกือบเต็มหลุมค่ะ ตามด้วยหยอดหัวกะทิลงไปด้านบนเล็กน้อย 5.ปิดฝาทิ้งไว้สักครู่ 3 นาที เปิดดูว่ามีฟองเดือดเล็ก ๆ ในหลุมหรือยัง ขอบขนมครกเริ่มเหลืองกรอบก็ให้แคะได้เลยค่ะ ทำจนกว่าแป้งจะหมด เป็นอันเสร็จพร้อมรับประทาน อีกหนึ่งเมนูขนมครกโบราณง่าย ๆ ที่คุณก็สามารถทำได้ อร่อย มีกลิ่นหอมจากการใช้เตาถ่านอีกด้วยค่ะ รสชาติดั้งเดิม หากใครมีข้าวโพดอยากใส่ก็ใส่ได้นะคะทุกคนไม่มีผิด สำหรับใครที่อยากลองทำก็ลองสูตรของ Tawann ไปลองทำรับประทานกันได้ที่บ้านนะคะหากทำเก่งแล้วก็ทำหารายได้เสริมได้อีกด้วยค่ะ ^^ ภาพปกและภาพถ่ายจากผู้เขียน

รีวิว Seagate FireCuda Ghost Spider ฮาร์ดดิสก์สุดสวยสำหรับสาวก Spider Man พร้อมไฟ RGB
อ่าน

รีวิว Seagate FireCuda Ghost Spider ฮาร์ดดิสก์สุดสวยสำหรับสาวก Spider Man พร้อมไฟ RGB

ช่วงนี้ Seagate ออกฮาร์ดดิสก์ลายพิเศษสวย ๆ มามากมายเลยครับ ที่เราเพิ่งรีวิวไปไม่นานก็รุ่น Seagate FireCuda Beskar Ingot ที่ทำลวดลายออกมาอิงกับซีรีส์ Star Wars: The Mandalorian และล่าสุดกับฮาร์ดดิสก์ในกลุ่ม FireCuda Spiderman Edition ที่ได้ลวดลายจากสไปเดอร์แมนมาอวดโฉม ซึ่งมีให้เลือกกัน 3 ลายคือ Spider-Man Drive สีแดงพื้นล่างเทาMiles Morales Drive สีเทาพื้นล่างแดงGhost-Spider Drive สีขาวพื้นล่างฟ้า ที่เราได้มารีวิวในวันนี้ ดีไซน์ของ Seagate FireCuda Ghost Spider ดีโซน์โดยรวมของ Seagate FireCuda Ghost Spider นั้นไม่แตกต่างจากฮาร์ดดิสก์ภายนอกในกลุ่ม Starwars เดิม คือมีขนาด 0.57 x 3.15 x 4.82 นิ้ว ก็ขนาดใหญ่กว่าฮาร์ดดิสก์พกพาปกติอยู่นิดหน่อย โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 167 กรัมครับ Seagate FireCuda Ghost Spider เมื่อเสียบใช้งานและมีไฟเปิดด้านหน้า ด้านหลังของฮาร์ดดิสก์ ด้านบนสุดจะเป็นลวดลาย Ghost-Spider หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ Spider-Woman เมื่อ Gwen Stacy ถูกแมงมุมกัมมันตภาพรังสีกัดแทน Peter Parker ที่มาจากโลกคู่ขนานหนึ่งของ Spiderman หลักครับ ซึ่งก็ถือเป็นลายที่สวยเลย ตัวฮาร์ดดิสก์สีขาว กับชุดของ Ghost-Spider สีดำ แล้วเน้นด้วยสีม่วงและสีฟ้าที่รองเท้าและพื้นด้านหลังของฮาร์ดดิสก์ ไฟด้านหน้าและตัวอักษร Ghost-Spider ส่วนด้านหน้าของฮาร์ดดิสก์จะเขียนว่า Ghost-Spider และมีไฟ LED สีอยู่ตรงนี้ครับ ซึ่งสีมาตรฐานคือสีชมพูที่สวยใช้ได้เลย ซึ่งก็สามารถเปลี่ยนสีหรือปรับเป็นไฟวิ่ง ๆ ได้ผ่านโปรแกรม Seagate Toolkit ในคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ภายในกล่อง ส่วนด้านหลังที่เป็นสีฟ้า ก็มีลวดลายพิเศษจาก Ghost-Spider ด้วย นอกจากนี้ในกล่องยังมีสติกเกอร์สีขาวแถมมาให้อีก 2 ใบ เป็นลวดลายของ Spider man กับ Seagate FireCuda ครับ ประสิทธิภาพของฮาร์ดดิสก์ การเชื่อมต่อที่ฮาร์ดดิสก์เป็นหัวต่อแบบ MicroUSB ฮาร์ดดิสก์ในกลุ่ม Seagate Firecuda คือผลิตภัณฑ์ในกลุ่มประสิทธิภาพสูงกว่าฮาร์ดดิสก์ทั่วไปนะครับ ซึ่ง Seagate FireCuda Ghost Spider นั้นมีความจุ 2 TB ให้เลือกเพียงอย่างเดียว และการเชื่อมต่อนั้นเป็นสาย USB 3.2 Gen 1 ที่ปลายข้างหนึ่งเป็น USB-A และปลายอีกข้างหนึ่งเป็น Micro-USB แบบ USB 3.0 ก็น่าเสียดายที่ตัวฮาร์ดดิสก์ไม่ใช้พอร์ตเชื่อมต่อเป็น USB-C และในกล่องก็ไม่มีสายหรือหัวแปลงเป็น USB-C มาให้ครับ ความเร็วของ Seagate FireCuda Ghost Spider เมื่อต่อผ่านสาย USB-A เราทดสอบประสิทธิภาพของฮาร์ดดิสก์ผ่านโปรแกรม CrystalDiskMark 8 บนวินโดวส์ ก็ได้ความเร็วในการอ่าน-เขียนต่อเนื่องอยู่ราวๆ 134 MB/s ซึ่งก็ถือเป็นความเร็วที่เร็วใช้ได้สำหรับฮาร์ดดิสก์ครับ (แม้ว่าจะเทียบกับ SSD ไม่ได้) ส่วนความเร็วในการอ่าน-เขียนแบบสุ่มตกลงไปเหลือราว 1-2 MB/s เท่านั้นเอง ความเร็วของ Seagate FireCuda Ghost Spider เมื่อต่อผ่านสาย USB-C ส่วนการเชื่อมต่อฮาร์ดดิสก์ผ่านสาย USB-C ที่เราหามาเอง ก็ได้ความเร็วที่ไม่แตกต่างจากการเชื่อมต่อผ่านสายที่แถมมาให้ในกล่องครับ ซึ่งความเร็วนี้ก็เป็นความเร็วในระดับเดียวกับฮาร์ดดิสก์ Seagate FireCuda Beskar Ingot ที่เราเคยเทสต์ไปครับ ส่วนประสิทธิภาพเมื่อทดสอบผ่านโปรแกรม Blackmagic Disk Speed Test บน Macbook Air M1 ก็ออกมาต่ำกว่าฝั่งวินโดวส์ครับ โดยทำความเร็วในการเขียนไปได้ราว ๆ 70 MB/s ส่วนความเร็วในการอ่านอยู่ที่ 84 MB/s ซึ่งเราก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะรูปแบบการเทสต์ที่แตกต่างกัน หรือแมคจัดการไดรฟ์รูปแบบ exFAT ได้ไม่เก่งเท่าวินโดวส์ครับ ซอฟต์แวร์ Seagate Toolkit Seagate FireCuda Ghost Spider นั้นมาพร้อมโปรแกรม Seagate Toolkit ซึ่งใช้งานได้ทั้งบน Windows และ MacOS ครับ โดยโปรแกรมก็รู้จักฮาร์ดดิสก์ตัวนี้เป็นอย่างดี และใส่หน้าตาฮาร์ดดิสก์ในโปรแกรมให้อย่างตรงปก เราสามารถใช้ Seagate Toolkit เพื่อทำงาน Backup ข้อมูลสำคัญจากคอมพิวเตอร์มาเก็บในฮาร์ดดิสก์ได้ทันที และมีฟังก์ชัน Restore สำหรับดึงข้อมูลกลับไปที่เดิมด้วย นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Mirror เพื่อซิงก์ข้อมูลในเครื่องกับในฮาร์ดดิสก์ให้ตรงกันอีกแบบที่ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อโปรแกรมอื่น ๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ความสามารถที่สำคัญของ Seagate Toolkit คือมันสามารถเช็ตสีของไฟที่ตัวฮาร์ดดิสก์ได้ด้วยครับ จากมาตรฐานของ Seagate FireCuda Ghost Spider จะเป็นไฟสีชมพูที่ถ้ามองจากด้านบนจะเห็นเป็นสีฟ้าเพราะสะท้อนสีด้านล่างของไดรฟ์มา แต่แสงไฟที่ออกไปสะท้อนโต๊ะจะเป็นสีชมพูซึ่งก็สวยงามดี แต่ถ้าเราอยากเปลี่ยนให้ไฟนี้เคลื่อนไหวเป็นสีรุ้ง เปลี่ยนสีแบบการหายใจ หรือเปลี่ยนสีไปเลยก็สามารถปรับได้ในโปรแกรมครับ นอกจากนี้ยังสามารถซิงก์การทำงานกับระบบ Razer Chroma RGB ได้ด้วย เพื่อให้สีของฮาร์ดดิสก์สอดคล้องกับอุปกรณ์อื่น ๆ (ในแบรนด์ Razer) Seagate FireCuda Ghost Spider สามารถปรับไฟได้หลากสีเหมือนรุ่น Beskar Ingot ที่เรายืมภาพมาใช้ Seagate FireCuda Spiderman Edition ฮาร์ดดิสก์ที่น่าใช้ Seagate FireCuda Spiderman Edition นั้นเปิดตัวด้วยราคา 2,950 บาททุกลายครับ และมีความจุเดียวคือ 2 TB ซึ่งก็เป็นราคาที่สูงกว่าฮาร์ดดิสก์ในความจุเดียวกันอยู่สักนิด แต่เรื่องดีไซน์และแสงสีนี่กินขาดครับ ส่วนความเร็วก็เร็วใช้ได้สำหรับฮาร์ดดิสก์แบบพกพาครับ โดยฮาร์ดดิสก์รุ่นนี้รับประกันนาน 3 ปี พร้อมบริการพิเศษ Rescue Data Recovery Services อีก 3 ปีด้วยครับ ใครที่ต้องการฮาร์ดดิสก์พกพาความจุสูง พร้อมดีไซน์ที่แค่พกพาก็ยังสวย จัดได้เลยครับ กล่องของ Seagate FireCuda Ghost Spider พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

รีวิว My Sassy Girl EP.1! แก้ว-เบสท์ เปิดฉากฮาที่มาพร้อมกับความสวยและความซวย!
อ่าน

รีวิว My Sassy Girl EP.1! แก้ว-เบสท์ เปิดฉากฮาที่มาพร้อมกับความสวยและความซวย!

ข่าวบันเทิงวันนี้ ยัยตัวร้ายกับนายกระจั๊วะ EP.1 เรียกได้ว่าท้าทายความสามารถของทีมงานและผู้กำกับเลยก็ว่าได้ ที่หยิบภาพยนตร์ที่โด่งดังไปทั่วโลกมาทำเป็นซีรีส์รีเมคเวอร์ชั่นไทย แต่ด้วยชื่อของทีมผู้สร้างอย่าง Halo Productions ที่ร่วมมือกับ TrueVisions Original Pictures ร่วมกับผลิตผลงานชิ้นโบว์แดง ทำให้หลายคนไว้ใจและตั้งตารอชม เพราะก่อนหน้านี้ Halo Productions เคยทำซีรีส์รีเมคไว้มากมาย แถมยังมีโปรดิวส์สุดหล่อ อนันดา เอเวอริงแฮม และ นภัสริญญ์ พรหมพิลา มาการันตี งานนี้ต้องออกมาถูกใจคอซีรีส์อย่างแน่นอน เรื่องย่อ My Sassy Girl ยัยตัวร้ายกับนายกระจั๊วะ (TrueID) รีวิว My Sassy Girl ยัยตัวร้ายกับนายกระจั๊วะ EP.1 เรื่องราวเริ่มต้นจากชายหนุ่มที่ไปเฝ้ารอเจอแฟนของเขาใต้ต้นไม้ที่พวกเขาฝังแคปซูลเอาไว้ แล้วจะกลับมาเจอกันอีกครั้งใน 2 ปีข้างหน้า แต่แล้วเธอคนนั้นก็ไม่กลับมา ... จั๊วะ (เบสท์ ณัฐสิทธิ์) ชายหนุ่มแสนธรรมดา มีไอดอลเป็นป๊อดโมเดิร์นด็อก ก่อนเขาเกิดพ่อแม่ของเขาไปดูหมอดู โดยหมอดูทักว่าเด็กคนนี้เกิดมาจะพาแต่ความซวย โดยพวกเขาต้องแก้ดวงด้วยการเลี้ยงลูกชายให้เป็นลูกสาว วัยเด็กของจั๊วะเลยแสนทรมาน เขาฝันว่าถ้าโตขึ้นเขาจะเลือกชีวิตของตัวเองได้เอง จั๊วะ นัดเพื่อนๆ ในกลุ่มเจอ ที่ประกอบไปด้วย อลัน (เชน อัฒรุต) บอย (เฟิร์ส วรริทธ์) และ เจ๊วิเวียน(ป๋อมแป๋ม นิติ) หลังเกรณ์ทหารเขาไม่ได้เจอกลุ่มเพื่อนเลย และคืนนั้นเขาได้เจอกับ สาวสวย (แก้ว จริญญา)ที่กำลังเมาได้ที่ ก่อนจะตัดอารมณ์ในคืนนั้นด้วยสายด่วนจากแม่ของจั๊วะ ที่สั่งให้เขาไปหาป้าเพราะจั๊วหน้าตาคล้ายกับลูกของป้า เขาวางสายไปด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะเงยหน้ามาเจอ สาวสวยขี้เมาคนนั้น ที่ริมแม่น้ำ จังหวะนั้นใจของจั๊วะเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอช่างสวยโดนใจ แต่แล้วเธอก็เมาจนเซ จั๊วะช่วยเธอไว้ทันเวลา ทั้งคู่จ้องตากันแต่แล้ว สาวสวยขี้เมาก็หมดสติในวงแขนของจั๊วะ ทั้งคู่แยกย้ายกันขึ้นเรือข้ามฝาก จั๊วะแอบเสียดายที่เธอขี้เมา สาวสวยขี้เมายังออกฤทธิ์ ตบวัยรุ่นบนเรือเพื่อให้ลุกขึ้นแล้วให้คนแก่นั่ง ก่อนเธอจะอ้วกใส่หัวคนแก่คนนั้น เป็นภาพความทรงจำแสนเศร้าที่ทำจั๊วะเครียด สาวขี้เมายังวางระเบิดก่อนสลบไปด้วยการเรียกพระเอกของเราว่าที่รัก ทำเอาคนทั้งเรือหันมามอง จนเขาต้องแบกสาวสวยขี้เมาขึ้นหลัง ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่เขาก็ไม่สามารถทิ้งเธอไว้ได้ตามลำพัง เขาเลยเลือกพาเธอไปที่สถานีตำรวจหวังจะพึ่งพาแต่ดันเจอเรื่องวุ่นวายบนโรงพักเสียก่อน แน่นอนว่าเหตุการณ์สงบลงเพราะความร้ายของสาวขี้เมา ที่ลุกขึ้นมาสู้กับผู้ร้ายตัวจริงบนโรงพัก ทำเอา ผู้ร้ายต้องลั่นโรงพักเพราะฝีมือเธอ จั๊ว พาเธอหนีออกจากโรงพักก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปกว่านี้ สุดท้ายจั๊วะทำใจทิ้งคนน่ารักอย่างเธอไม่ลง จับพลัดจับผลูพาสาวขี้เมาไปนอนที่โรงแรมเพื่อให้สร่างเมาก่อน แต่เจ้าของโรงแรม (ติ๊ก กลิ่นสี) สงสัย ว่าจั๊วะคล้ายล่อลวงพาหญิงสาวมาทำอนาจาร โดนถามอยู่พักใหญ่กว่าจะผ่านด่านเจ้าของโรงแรมมาได้ เขาต้องแบกเธอขึ้นบันไดต่ออีก 5 ชั้น จนถึงห้องพัก แต่แล้วความซวยซ้ำซ้อนก็มาเยือนเข้าอีกครั้ง เมื่อจั๊วะโดน สารวัตรกับสมรตำรวจที่โรงพักตามจับเข้าไปนอนในคุก! เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต้องติดตามชมใน My Sassy Girl ยัยตัวร้ายกับนายกระจั๊วะทุกวันจันทร์-อังคาร ที่ TrueID ทางช่อง True Asian More (ช่อง 120, 239) เวลา 20.00 น. และ ดูออนไลน์ผ่านแพ็กเกจ ทรูไอดี พลัส เวลา 21.30 น. เริ่มตอนแรก 11 ตุลาคมนี้ อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เรื่องย่อ My Sassy Girl ยัยตัวร้ายกับนายกระจั๊วะ (TrueID) เนื้อเพลง ถ้าเธออ่านใจฉันออก เพลงประกอบ My sassy Girl ยัยตัวร้ายกับนายกระจั๊ว (มีคลิป) ส่องคาแรคเตอร์นักแสดง My Sassy Girl ยัยตัวร้ายกับนายกระจั๊วะ ซีรีส์คอมเมดี้ที่คุณห้ามพลาด ล้างตารอดู!! แก้ว-เบสท์ จับมือปล่อยพลังคิ้วท์ My sassy girl ส่งโปสเตอร์ เรียกน้ำย่อย กดเลย community แห่งความบันเทิง📸เมาท์ข่าวดารา กับเจ๊รุงรังขังรวมทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ 🍿ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล😍ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี

สวนลุงอ๊อดทะเลวิวรีสอร์ท ที่พักวิวสวยในราคาเบา ๆ
อ่าน

สวนลุงอ๊อดทะเลวิวรีสอร์ท ที่พักวิวสวยในราคาเบา ๆ

          เนื่องจากเราได้ไปเที่ยวจังหวัดนครนายกเป็นทริปแบบ 2 วัน 1 คืน แล้วประทับใจที่พักมาก จึงอยากมาแนะนำบอกต่อเพื่อน ๆ กันค่ะ ที่พักแห่งนี้เราไปเจอด้วยความบังเอิญเพราะอยากพักใกล้อ่างเก็บน้ำห้วยปรือ วางแผนทริปไว้ว่าจะตื่นมาเก็บแสงยามเช้าเลยทำการเปิด Google map แล้วซูมเข้าซูมออกในพื้นที่ใกล้เคียงจนไปเจอกับ “ลุงอ๊อดทะเลวิว” พอไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเป็นที่พักตรงใจในแบบที่เราต้องการพอดี           เราติดต่อผ่านทาง Facebook สวนลุงอ๊อดทะเลวิว แต่นาน ๆ จะตอบทีนะคะ เราเลยโทรศัพท์ไปตามเบอร์โทรฯ ที่ให้ไว้ใน Facebook ทางที่พักของเพียงชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของเราจองกันแบบง่าย ๆ แบบนี้เลยแหละ ค่ามัดจำก็ไม่ต้องจ่ายแต่เราไม่สบายใจและรู้สึกไม่เป็นธรรมกับที่พักขอจ่ายค่ามัดจำล่วงหน้า 500 บาท           บ้านพักคืนละ 1,000 บาท สำหรับ 2 คน มี 1 เตียงใหญ่ และ 1 เตียงเล็ก สามารถนอนได้ 3 คน แต่หากใครมา 3 คน ต้องจ่ายเพิ่ม อยู่ห่างจากอ่างเก็บน้ำห้วยปรือประมาณ 3 กิโลเมตร ไม่มีอาหารเช้า แต่มีกาแฟและโอวันติลให้ดื่มฟรีโดยบริการตัวเอง และไม่มีบริการอาหารเย็นในวันที่เราเข้าพัก (ถ้าต้องการอาหารเย็น ต้องสอบถามล่วงหน้าก่อนนะคะ) ซึ่งเราไม่ได้สนใจเรื่องอาหารจากที่พักเพราะตอนเย็นเรามีแพลนไปเดินตลาดนัดกันค่ะ                     ภายในห้องมีเครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น น้ำดื่ม แก้วน้ำ พัดลม เครื่องปรับอากาศ ทีวี และสบู่ก้อน หน้าบ้านมีระเบียงนั่งเล่นพร้อมโต๊ะและเก้าอี้ วิวหน้าที่พักดีมากมองเห็นภูเขา ทุ่งนาและมีหมอกในบางช่วงเวลา เรามาแบบฉิวเฉียดเกือบไม่ได้เห็นวิวทุ่งนาแล้ว เพราะในวันที่เรากลับมีการเกี่ยวข้าวพอดี สามารถจอดรถยนต์ได้ที่หน้าบ้านพักทำให้ขนของและสัมภาระส่วนตัวได้สะดวก           สำหรับเราชอบการสร้างบ้านแยกเป็นหลัง ๆ มีความเป็นส่วนตัวมาก ในราคานี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นครบครัน ห้องกว้าง พนักงานบริการดี เราชอบความเรียบง่ายและการให้บริการที่เป็นกันเอง วิวหน้าห้องและรอบที่พักให้เต็มสิบ บรรยากาสเงียบสงบมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก แต่ด้วยความเป็นธรรมชาติ ทำให้ตอนกลางคืนมียุงเยอะ หากจะนั่งเล่นนอกห้องหรือดื่มกินต่าง ๆ ให้พกยาทากันยุงมาด้วย ส่วนข้อเสียของที่พักคือชักโครกในห้องน้ำกดไม่ค่อยลง สำหรับธุระหนักต้องกดซ้ำ ๆ หลายรอบหน่อยถึงจะเรียบร้อย           หากใครสนใจหรืออยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูใน Link นี้ได้เลย https://www.facebook.com/uncleodd/

เด็กบ้านนอกกับสายน้ำแห่งความสุข ที่ไทยต้มลาว
อ่าน

เด็กบ้านนอกกับสายน้ำแห่งความสุข ที่ไทยต้มลาว

  สายน้ำจากธรรมชาติที่ไหลผ่านโขดหินส่งเสียงอันให้เกิดความผ่อนคลายและความชุ่มเย็นไปจนถึงจิตใจ กลิ่นไอดินจากผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ สัมผัสธรรมดาของเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ที่คุ้นเคยกับสายน้ำแห่งการหล่อเลี้ยงชีวิตและสายน้ำแห่งความสุขของคนชนบทที่ติดชายขอบแห่งนี้ที่ ไทยต้มลาว วันนี้ผมจะมาแนะนำอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของภูมิประเทศอันสวยงามของบ้านเกิดผม คือสายน้ำที่อุดมสมบูรณ์ มากมีไปด้วย ทรัพยากรที่สวยงาม ทั้ง ต้นไม้นานาพันธุ์ สัตว์ป่า ของกิน สายน้ำ และเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้ คือ  สายน้ำลำธารเล็ก ๆ ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ไทยต้มลาว” ที่ได้ชื่อนี้เพราะคนไทยเคยช่อโกงชาวกัมพูชาและชาวลาวในการซื้อขายอาหารป่ากัน จนเรียกชื่อนี้เรื่อยมา ที่ตั้งอยู่บนทิวเขาพนมดงรัก บ้านโนนแสงเพชร หมู่ที่ 5 ตำบล โคกสะอาด อำเภอ น้ำขุ่น จังหวัด อุบลราชธานี ใกล้บริเวณค่ายทหารพราน ซึ่งห่างจากตัวหมู่บ้านไปประมาณ 6 กิโลเมตร ติดชายแดนไทย -กัมพูชา ผมได้มีโอกาสไปเล่นน้ำและหาของป่าอยู่ที่ไทยต้มลาว ปีละ 2 – 3 ครั้ง ทุกครั้งที่ผมได้ไปจะตื่นเต้นมากเพราะส่วนตัวเป็นคนชอบเดินป่า และหลงรักธรรมชาติอยู่แล้ว ตามวิถีชีวิตของผู้คนแถบนี้ เวลาเดินทางขึ้นไปภูเขาส่วนมากก็จะพากันเดินทางไปด้วยรถอีแต๋น เวลาวิ่งแต่ละทีจะได้อารมณ์แบบเหมือนเล่นเครื่องเล่นอะไรบางอย่างในสวนสนุกมาก ได้เปิดหูเปิดตา และรับอากาศที่บริสุทธิ์ เดินเพลินจนลืมเวลากับบ้านเชียวละ สายน้ำที่ไหลมาพร้อมกับเสียงน้ำที่ผ่านซอกโขดหินมันทำให้เราผ่อนคลาย ได้จริง ๆ บวกกับเสียงนกที่ขับร้องในผืนป่าที่เขียวขจี เหมือนเราชาร์จพลังชีวิตเต็ม 100 อีกที แสงแดดที่กระทบลงสู่สายน้ำ ได้เปล่งประกายให้เห็นถึงความแวววาวและความชุ่มเย็นเสียจนแทบอดใจไม่ไหวที่จะเอนกายลงสู่พื้นน้ำในทันที ใบไม้เล็กใหญ่ ต่างโน้มกิ่งก้านสาขาปกคลุมสายน้ำแห่งนี้ อันทำให้เกิดความร่มเย็นจนเหมาะแก่การอาศัยของสัตว์ป่าน้อย - ใหญ่เช่นกัน สมกับคำว่า "มีน้ำต้องมีป่า" โดยแท้ ดูรอยยิ้มและสีหน้าที่บ่งบอกความสุขที่มีของผมก็รู้ว่า ที่นี่ สุดยอดอีหลีเด้อ ผีเสื้อนานาพันธุ์ ต่างพากันบินยลโฉม เหล่าดอกไม้ที่เบ่งบานต้อนรับตน เป็นการพึ่งพากันของธรรมชาติที่สวยงามมาก  ดอกไม้สีม่วงอมชมพูสดใส ยิ่งดูยิ่งตกหลุมรักที่นี่เข้าเต็ม ๆ อันนี้ก็คนละสายพันธุ์ สวยงามอีกแบบ เกิดขึ้นข้างลำธาร เป็นที่ผลิตน้ำหวานชั้นดีของเหล่าแมลง ดอกไม้เยอะมากช่วงหน้าฝนของทุกปี อันนี้มันสวรรค์บนดินชัดๆ กลิ่นไอความเป็นธรรมชาติมาเต็ม ใครว่าในป่าไม่มีสปา ดูสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นสิครับ สุดยอดจริง ๆ (อันนี้คือดีจริง) ป่าที่อุดมสมบูรณ์ย่อมมีอาหารและของกินเกิดขึ้นเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตให้เติบใหญ่ (เห็ดระโงก) มีเฉพาะช่วงหน้าฝนเท่านั้น ทางไปประเทศกัมพูชา ที่ชาวบ้านแถบนี้เรียกว่า "ภูอังเบง" มีป่าไม้ปกคลุมหนาทึบบรรยากาศเย็นสงบ เป็นไงกันบ้างครับทุกคน สำหรับเรื่องราววิถีชีวิตของชุมชนของผม ของเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่มีความรักบ้านเกิดอยู่เต็มหัวใจ จนเก็บไว้ไม่ไหวอยากเล่าให้ทุกคนได้ฟังกัน หวังว่าใครที่กำลังนึกถึงบ้านเกิดและอยากกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว ใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบนี้ หรืออาจจะไปท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติแบบนี้ได้ลองหาเวลาและเริ่มเดินทางกัน ไปเติมพลังให้ชีวิตกันเถอะ หากเพื่อน ๆ คนไหนที่สนใจมาเที่ยวบ้านผมก็ลองมาติดต่อขอรบกวนพี่ ๆ ทหารพรานที่ค่ายได้เลย ให้เขาพาเดินป่าจะได้ปลอดภัย เพราะที่นี่ยังไม่เปิดเป็นที่ท่องเที่ยว อย่างเป็นทางการ แนะนำให้มาช่วงหน้าฝน จะได้เห็นลำธารไทยต้มลาวได้อย่างสวยงามและประทับใจ ภาพถ่ายโดยผู้เขียน

บันทึกการเดินทางของครูบ้านนอก ณ บ้านปู่ทา แม่ฮ่องสอน
อ่าน

บันทึกการเดินทางของครูบ้านนอก ณ บ้านปู่ทา แม่ฮ่องสอน

บันทึกการเดินทางของครูบ้านนอก ณ บ้านปู่ทา แม่ฮ่องสอน                 เคยได้ยินเรื่องราวของหมู่บ้านหนึ่ง ชื่อว่าบ้านปู่ทาซึ่งเคยประสบปัญหาอุทกภัยอย่างหนัก การช่วยเหลือก็ทำได้ยาก เพราะที่ตั้งของหมู่บ้านอยู่ไกลและลึกมาก จากข่าวที่ได้ยินในวันนั้นจนเกิดคำถามขึ้นในใจว่ามันลำบากขนาดไหนกัน และมันอยู่ลึกขนาดไหน แล้วก่อนหน้านี้ผู้คนที่หมู่บ้านนั้นอาศัยอยู่กันยังไง ได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้ จนเกือบจะลืมมันไปแล้ว หลายปีต่อมาได้มีโอกาสศึกษาเรื่องราวของผู้ลี้ภัยในพม่า และปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ในประวัติศาสตร์เหล่านั้นได้กล่าวถึงแม่น้ำสาละวินอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นความสำคัญของแม่น้ำแห่งนี้ และเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นที่แม่น้ำสาละวินแห่งนี้จนสุดท้ายเกิดความคิดที่ว่าจะต้องหาโอกาสไปเจอ ไปทักทายสักครั้งให้ได้ เรื่องราวเหล่านี้คือที่มาของการไปเป็นครูบ้านนอก ณ บ้านปู่ทา 4 วัน 3 คืนวันแรก               ในการเดินทางครั้งนี้เลือกที่จะขึ้นเครื่องบิน เพราะมันทั้งสะดวกและรวดเร็วที่สุด เริ่มออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติหาดใหญ่เพื่อไปยังสนามบินดอนเมือง โชคดีที่ไม่ใช่เทศกาลท่องเที่ยวจึงทำให้คนไม่เยอะมากนัก เมื่อถึงสนามบินดอนเมืองเรียบร้อย ต่อไปก็รอเวลาขึ้นเครื่องจากดอนเมืองเพื่อไปสนามบินเชียงใหม่กันต่อ นั่งรอไม่นานก็ได้เวลาขึ้นเครื่องกันต่อ ประมาณ1ชั่วโมงก็ถึงสนามบินเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ จากนั้นก็ต่อรถบัสเพื่อไปถนนนิมมานเหมินทร์ ทั้งๆที่ไม่ได้ไกลมาก แต่วันนี้ที่เชียงใหม่คึกคัก รถติดยาวเหยียดนั่งจนเมื่อยก้นเลยละ แต่แค่นึกถึงสถานที่ที่กำลังจะไปทุกอย่างจึงผ่อนคลายลงได้ ร้าน RISTR8TO ร้านกาแฟชื่อดังในถนนสายนี้ แรงจูงใจที่พาตัวเองมาร้านนี้เนื่องจากหนังสือเล่มหนึ่งที่เคยอ่าน อ่านแล้วชอบ ชอบแล้วอยากกิน และสุดท้ายก็พาตัวเองมาลิ้มลองรสชาติจริงๆจนได้               วันนี้คนไม่เยอะหรือบาริสต้าเขาทำเร็วจึงทำให้ไม่ต้องรอนาน สักพักก็ได้กาแฟตามที่สั่ง มันฟินมากเมื่อได้กินในสิ่งที่อยากได้ในร้านที่อยากมา แม้ร้านจะไม่ใหญ่แต่ก็มีผู้คนหนาแน่น ดื่มด่ำความสุขสักพักก็ต้องรีบไปโบกรถแดงเพื่อไปสถานีขนส่งอาเขตกันต่อ รถออกเวลา17.00 น. และตอนนี้เหลือเวลาอีก 15 นาที และอย่างที่บอกไว้ว่าวันนี้รถติดมากสุดๆ หายใจไม่คล่องคอเลยทีเดียว เสี่ยงตกรถมากๆ แต่โชคดีที่พี่คนขับแดงเข้าใจและพยายามเร่งให้ จนสุดท้ายก็ทันกับรถ เลทไปหน่อยแต่ก็รอด ขอบคุณน้ำใจคนเชียงใหม่มากๆ และรถตู้ที่กำลังนั่งอยู่นี้มีเป้าหมายคือแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอนนั่นเอง              ผ่านไป4ชั่วโมง ถึงที่หมายตอน3ทุ่มพอดี นั่งจนก้นชาจนไม่รู้จะบรรยายยังไงให้เข้าใจถึงความรู้สึกนี้ แต่ระหว่างทางธรรมชาติสวยมากๆ คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงสว่างสุกสดใสมาก เสียบหูฟังเพลงตลอดทางเพื่อหวังจะไล่ความเมื่อย พี่คนขับรถก็ขับนิ่มมากแม้จะนั่งท้ายสุดแต่ก็ไม่มีมึนเลย ตอนนี้อยู่ที่ขนส่งแม่สะเรียงแล้ว ปัญหาต่อไปคือไม่มีรถวินมอเตอร์ไซค์มารอเหมือนที่คิดไว้ แล้วจะไปที่พักยังไงละทีนี้ แม้จะไม่ไกลมากแต่ด้วยเวลานี้และเป้โตๆข้างหลังคงไม่ไหวแน่ๆ และสุดท้ายจบที่ผู้มีโดยสารคนหนึ่งเจรจากับพี่คนขับรถตู้ให้ไปส่งที่พัก ซึ่งใกล้ๆกับที่พักของเราเช่นกัน จึงปัญหาดังกล่าวได้อย่างสบาย             คืนนี้พักที่แม่สะเรียงโฮม เป็นโฮสเทลแยกชายหญิงราคาน่ารัก ห้องน้ำสะอาด และบริการดีมาก รูมเมทคืนนี้เป็นสาวอเมริกันทั้งคู่คุยกันไม่กี่คำก็ขอตัวจัดการตัวเองอย่างรวดเร็วเพื่อจะได้พักผ่อนสักที วันนี้ทั้งวันเหนื่อยและเพลียมากๆ ไปก่อนละบายวันที่สอง               วันนี้ตื่น6โมงเช้าเพื่อเตรียมตัวเช็คเอาท์และเดินไปยังจุดนัดพบซึ่งห่างจากที่พักประมาณ 300 เมตรเท่านั้น และเมื่อไปถึงก็มีครูบ้านนอกหลายคนแล้วที่มาถึง เข้าไปทักทายเล็กน้อย จากนั้นรีบเข้าเซเว่นใกล้ๆเพราะตอนนี้หิวมากกกก เมื่อกินข้าวเสร็จและสมาชิกครูบ้านนอกครบทุกคนก็ได้เวลาออกเดินทางโลด!!!        เดินทางออกจากจุดนัดพบเพื่อไปท่าเรือบ้านแม่สามแลบด้วยรถคันสีเหลืองคันนี้ ระหว่างทางถนนโหดๆหน่อย สัญญาณโทรศัพท์ขาดๆหายๆ สัญญาณอินเตอร์เน็ตก็เช่นกัน แต่ก็เป็นสีสันดี ผ่านไปสักพักพวกเราก็ถึงที่หมาย ท่าเรือบ้านแม่สามแลบอยู่ติดกับแม่น้ำสาละวิน แม่น้ำสาละวินตั้งอยู่ระหว่างชายแดนไทย-พม่า ชาวบ้านแถวนี้ก็จะมีหลากหลายให้เห็น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวพม่าที่อาศัยอยุ่           ทั้งๆที่เป็นแค่แม่น้ำสายหนึ่ง แต่กลับมีความสุขที่ได้มอง อาจเป็นเพราะว่าเรารู้จักกันคุ้นเคยผ่านตัวหนังสือมาก่อน เวลาเจอครั้งแรกจึงไม่รู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เจอกันสักทีแม่น้ำสาละวิน จากนั้นพวกเราก็นั่งเรือกันต่อเพื่อจะไปบ้านปู่ทานั่นเอง ตื่นเต้นสุดๆอยากรู้ว่าการเดินทางมันลำบากขนาดไหน มันจะทรหดแค่ไหนกัน เราไปลุ้นพร้อมๆกันเลย                                เมื่อถึงที่หมายก็รู้สึกโล่งใจ แต่แค่แปปเดียวเท่านั้น เพราะหลังจากนี้จะเป็นของจริง การเดินทางจริงๆมันอยู่ตรงนี้ นั่นคือการเดินเท้าเข้าไปบ้านปู่ทาที่อยู่ลึกอันไกลโพ้น พร้อมกับเป้โตๆข้างหลังแล้วยังไม่รวมสิ่งของอื่นๆที่ต้องหิ้วไปด้วย ในช่วงแรกจะเป็นทุ่งนาทางเรียบไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ เป็นทุ่งนาที่มีซากกิ้งกือตัวใหญ่เบ้อเร้อนอนแอ้งแม้งข้างทาง บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่นี่              ยอมรับว่าธรรมชาติระหว่างทางสวยจริงๆ การได้มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติมันเหมือนพลังวิเศษอย่างหนึ่งที่ทำให้รู้สึกมีพลังและทุเลาความเหนื่อยนี้ลงไปได้ ระหว่างทางมีสายน้ำเล็กๆที่ต้องข้ามและก็ต้องเปียกบ้างเล็กน้อย แต่ก็เป็นสีสันของการเดินป่า ตลอดการเดินมีทั้งหยุดพักบ้าง บ่นคนดียวบ้าง บางทีก็สมน้ำหน้าตัวเองเหมือนกันว่าสมใจหรือยัง อยากรู้ว่ามันลำบากขนาดไหนและตอนนี้ก็เข้าใจอย่างลึกซึ้งเลยละ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ถามว่าจะไปต่อไหม แน่นอนว่าต้องไปต่อค่า                  2 ชั่วโมงผ่านไป เวลาของความลำบากได้ผ่านไปแล้วตอนนี้พวกเรามาถึงหน้าหมู่บ้านกันแล้ว ไชโย!!!! กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้น้ำตาจะไหล แต่ก็ภูมิใจที่มาถึง มีชาวบ้านออกมาต้อนรับกันอย่างตื่นเต้นชวนให้อบอุ่นหัวใจเสียจริง จากนั้นเมื่อครูบ้านนอกมาถึงครบทุกคนก็จะมีการแ่บ่งกลุ่มเพื่อไปนอนบ้านของชาวบ้าน ตื่นเต้นกับความแปลกใหม่นี้จัง                 ลักษณะของบ้านเรือนจะแต่ละหลังจะคล้ายๆกันคือการนำเอาวัสดุจากธรรมชาติมาสร้างบ้านเรือน บางบ้านมีหลังคาจากใบไม้ บางบ้านเป็นกระเบื้องก็มี ส่วนตัวบ้านจะทำจากไม้ชนิดต่างๆมีหลากหลายแล้วแต่ความสามารถของเจ้าของบ้าน ที่บ้านปู่ทามีสัตว์เลี้ยงหลากหลายไม่ว่าจะเป็นหมูป่า ไก่ แมว สุนัข แพะ เป็นต้น ในหมู่บ้านยังมีโรงเรียนขนาดเล็ก นักเรียนมีประมาณ 30 คน นอกจากนี้ยังมีการศึกษานอกระบบ(กศน.)สำหรับผู้ใหญ่อีกด้วย แม้จะมีคุณครูไม่กี่คน แต่คุณครูเหล่าก็มีใจเกินร้อยในการสอน                                                                                    "โรงเรียน"         เมื่อได้แบ่งกลุ่มบ้านเป็นที่เรียบร้อย พวกเราก็เดินตามแม่กลับบ้านทันที แม่ของพวกเราใจดี ชอบยิ้มให้เสมอ แม้เพิ่งได้เจอครั้งแรกแต่ก็รู้สึกอุ่นใจ ที่บ้านของเราเลี้ยงหมูใต้ถุนบ้านด้วย แม่หมูตัวเดียวแต่ลูกเป็นสิบน่าฟัดมาก แต่ไม่กล้าเล่นด้วยหรอก กลัวแม่มัน นั่งพักผ่อนได้สักพักก็ถึงเวลาเย็นซะแล้ว ในมื้อเย็นนี้พวกเราได้ลงครัวกันเอง สนุกกับการละเลงเมนูอาหารจนเสร็จก็ต้องรีบกินเพื่อไปนัดรวมตัวทำกิจกรรมสันทนาการสำหรับครูบ้านนอกกัน แต่คืนนี้เล่นกันไม่นานและเมื่อแบ่งงานสำหรับวันพรุ่งนี้เสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เพราะตอนนี้ร่างกายเพลียกันทุกคนวันที่สาม            วันนี้ตื่นมาด้วยอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย แต่ใจกลับเต็มร้อยสำหรับกิจกรรมวันนี้ ในช่วงเช้าเป็นกิจกรรมฐาน โดยแบ่งครูบ้านนอกเป็นกลุ่มเท่าๆกัน แล้วจัดกิจกรรมพร้อมแทรกเนื้อหาความรู้ไปด้วย เช่น กิจกรรมศิลปะด้วยมือเรา ปิดตาตีลูกโป่ง โยนลูกโป่งเข้าตะกร้า เกมสามัคคีคือพลัง เป็นต้น ส่วนในตอนบ่ายเป็นกิจกรรมสุขอนามัย สอนการล้างมือ การแปรงฟัน น้องๆให้ความสนใจอย่างดี แม้บางครั้งจะมีภาษาเป็นอุปสรรคในการสื่อสาร เพราะมีน้องแค่บางคนเท่านั้นที่เข้าใจภาษาไทย เพราะชาวบ้านที่นี่ใช้ภาษากะเหรี่ยงปากะญอในการสื่อสาร แต่ก็ไม่ยากเกินความพยายาม                                                                            "กิจกรรมต่างๆในวันนี้"วันที่สี่              ในวันนี้ตื่นเช้ามาด้วยความยากลำบากอีกเช่นเคย แต่แน่นอนว่าใจเต็มร้อยทุกวัน จากกิจกรรมเมื่อวานที่สนุกสนานกันทั้งวัน ครูก็สนุก เด็กๆก็สนุก แต่จากเสียงหัวเราะและรอยยิ้มแล้วน่าจะเป็นครูที่สนุกมากกว่า เมื่อคืนกลับเข้าไปนอนเกือบ4ทุ่ม แม้ระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียนจะไม่ไกลสักเท่าไหร่แต่ด้วยเวลากลางคืนและมีแค่แสงไฟจากโทรศัพท์เพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็ชวนรู้สึกวังเวงเหมือนกัน ถึงแม้ที่นี่จะมีไฟฟ้าใช้ แต่ก็ใช้ยามจำเป็นจริงๆเท่านั้น ส่วนบรรยากาศการนอนเมื่อคืนก็หลับสบายมากกกกก ไม่รู้เรื่องอะไรเลย มารู้ตัวตอนใกล้เช้าว่าอากาศเย็นมากกกกกก เย็นสุดๆเย็นจนร่างกายสั่นไปหมด แต่สุดท้ายเราก็ผ่านมันไปได้ เย้ๆ ในวันนี้ตื่นเช้าเป็นพิเศษเร็วกว่าเมื่อวาน เนื่องจากพวกเราจะเดินทางไปจุดชมวิวเขากลอเซโล ซึ่งห่างจากหมู่บ้านไม่เท่าไหร่ ตื่นเต้นมาก เคยเห็นแต่ในรีวิว และรู้ด้วยว่าเดินทางลำบาก แต่ก็ขอลองสักตั้งไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว               การเดินทางไปจุดชมวิวเขากลอเซโลวันนี้เดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์ โดยซ้อนท้ายชาวบ้านไป เพราะเส้นทางมันโหด ไร้ทางเรียบและชันสุดๆ เลยให้เป็นหน้าที่เจ้าบ้านน่าจะดีที่สุด             และสุดท้ายพวกเราก็มาถึงจนได้ เป็นการเดินทางที่ผจญภัยและตื่นเต้นสุดๆ หวาดเสียวมาก เส้นทางก็มองไม่ห็นเพราะถูกบังด้วยหมอกตลอดทาง อย่าให้พูดถึงอากาศเลยว่าหนาวสักแค่ไหน แต่เมื่อมาถึงที่นี่ก็คุ้มค่าล้านเปอร์เซ็นต์กับวิวที่ไม่ใช่ใครก็มาดูได้ เนื่องจากการเดินทางที่ลำบาก และการได้มาถึงตรงนี้ก็รู้สึกวิเศษมากๆแล้ว แต่อยู่ได้ไม่นานก็ต้องรีบกลับเข้าหมู่บ้าน เพราะวันนี้เรายังมีกิจกรรมที่สนุกๆอีกมากมายรอเสิร์ฟน้องๆให้จุใจไปเลย                                                                                  "เต้นแอโรบิกยามเช้า"           ในช่วงเช้าของวันนี้จะเป็นกิจกรรมกีฬาสี โดยมี 2สี คือสีเขียวกับสีแดง มีการเดินขบวนพาเหรด มีกองเชียร์เด็กๆ มีการแข่งขันกีฬาต่างๆอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็น เหยียบลูกโป่ง แข่งขี่ม้า กินวิบาก คาบช้อนส่งของ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกีฬาระหว่างครูบ้านนอกกับชาวบ้านของที่นี่ด้วย เช่น เก้าอี้ดนตรีและกีฬาโยนลูกโป่งใส่น้ำ โยนกันไปมา ใครพลาดก็เปียก ทั้งสนุกทั้งตื่นเต้น คนดูก็ตื่นเต้นคนเล่นก็เสียวเปียกแต่ทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้แก่กัน ช่างเติมเต็มความรู้สึกให้อิ่มเอมในหัวใจจริงๆ                                  ในตอนบ่ายจะเป็นกิจกรรมเรียนรู้ภาษาไทย ไม่ว่าจะเป็นการเขียนชื่อตัวเองเป็นภาษาไทยหรือเรียนรู้การนับเลข พยัญชนะภาษาไทย คำศัพท์ต่างๆ เป็นต้น หลังจากนั้นจะเป็นกิจกรรมทัศนศึกษาในหมู่บ้าน โดยให้วาดรูปหมู่บ้านของฉัน จากนั้นจะเป็นการเดินรอบหมู่บ้านเพื่อหาวัตถุดิบที่สามารถมาแต่งแต้มสีสันบนกระดาษได้ คุณครูตื่นเต้นกับการได้สำรวจหมู่บ้าน และเด็กๆก็สนุกสนานกับการได้เดินพร้อมกัน จับมือเดินกัน บ้างก็ขอให้อุ้ม เด็กๆจะตื่นเต้นกับใบไม้และดอกไม้ที่เป็นสีๆเพราะนั่นคือสิ่งที่เราตามหา                                                                               "การสอนภาษาไทย"                                                                          "กิจกรรมทัศนศึกษาและศิลปะ"             หลังจากเสร็จกิจกรรมทั้งวันก็ได้เวลากลับไปพักผ่อนอาบน้ำแต่งตัว เพื่อมาร่วมกิจกรรมยามค่ำคืนกันต่อ โดยคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่จะได้พักอาศัยอยู่ที่นี่ และคืนนี้ก็จะมีพิธีผูกข้อมือบายศรีอวยพร โดยมีหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนผูกข้อมือ มีการกินอาหาร และจิบเหล้า ในคืนนี้ชาวบ้านจะมาร่วมพิธีกันอย่างหนาแน่น นอกจากนี้ยังมีการรับประทานอาหารพร้อมๆกันทั้งครูบ้านนอกและชาวบ้าน ส่วนในตอนท้ายจะมีการแสดงของคณะครูบ้านนอก รวมทั้งมีชาวบ้านมาร่วมด้วย ยิ่งเพิ่มความสนุกอย่างคึกคักเลยทีเดียว                  เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมทุกอย่างแล้ว ก็จะเป็นกิจกรรมสรุปงานทั้งหมดทั้ง3วันสำหรับครูบ้านนอก โดยกิจกรรมนี้จะเป็นการพูดถึงความรู้สึกของครูแต่ละคน รวมทั้งสิ่งที่ได้กลับไปคืออะไร บรรลุตามสิ่งที่คาดหวังจากค่ายนี้หรือเปล่า เมื่อพูดคุยกันเสร็จแล้วจะเป็นกิจกรรมเขียนจดหมายให้ตัวเอง จ่าหน้าซองผู้รับคือตัวเราเอง โดยจดหมายนี้จะถูกส่งไปใน1ปีข้างหน้า รอรับที่บ้านได้เลย               หลังจากจบสิ้นกิจกรรมทั้งหมดของวันนี้ ตอนแรกคิดว่าจะนอนไม่หลับเพราะจะต้องจากหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว แต่ที่ไหนได้ แค่หัวถึงหมอนทุกอย่างก็จบลง หลับทันทีโดยไม่มีเวลาได้คิดอะไรเลย ถ้าวันนี้จะไม่เหนื่อยไม่เพลียมันก็คงแปลก เพราะวันนี้เต็มที่ทั้งวันทั้งคืนจริงๆ ราตรีสวัสดิ์ วันที่ห้า           วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว วันสุดท้ายจริงๆ ต้องกลับไปทำงานกันต่อแล้ว งานเยอะแยะมากมายกองอยู่บนโต๊ะทำงานรอให้เคลียร์ ได้มีเวลาที่วิเศษแม้จะแสนสั้นแต่ก็ล้ำค่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่มีอะไรน่าเศร้าเท่ากับการต้องเดินกลับอีก รู้สึกไม่ไหวกับเป้โตๆข้างหลังพลางๆ เช้านี้ตื่นมาดื่มด่ำกับบรรยากาศข้างนอก มาดูหมอกเช้าๆ มาดูผู้คนมาดูสัตว์เลี้ยง ตื่นมาดูทุกอย่างเพื่อจะซึมซับมันให้ได้มากที่สุด                    ในช่วงสายๆก็รวมตัวครูบ้านนอกทุกคน รวมทั้งมีชาวบ้านมาส่งกัน เด็กๆนั้นมาหาตั้งแต่เช้ามืดเลยทีเดียว จากนั้นก็มีการกล่าวเล็กๆน้อยๆกับผู้นำหมู่บ้าน และร่ำลาจับมือกันทุกคน กลับจากนี้ไปคงจะคิดถึงที่นี่มากแน่ๆ จากนั้นก็ลากับคุณพ่อคุณแม่ ขอบคุณที่ต้อนรับพวกเรามาอย่างดี ให้การดูแลอย่างอบอุ่นใจ รู้สึกเหมือนเราเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่ง ขอบคุณคำศัพท์ภาษากะเหรี่ยงที่แม่กับพ่อได้สอนตอนกลางคืน มันมีความสุขแม้จะสื่อสารกันลำบากแต่ก็ประทับใจในความพยายาม                                                                          "พ่อ แม่ รูมเมท และฉันที่หน้าบ้านของเรา"            ได้เวลาเดินทางกลับกันต่อ โชคดีที่ขากลับวันนี้พี่ๆชาวบ้านช่วยขนกระเป๋าลงไปให้กับมอเตอร์ไซค์ พวกเราเลยได้เดินตัวเปล่าโดยไม่มีภาระ มันช่างวิเศษเสียจริง ขากลับนี้กลับอีกเส้นทางหนึ่งซึ่งชันกว่า แต่ใกล้กว่า จึงทำให้ใช้เวลาเดินทางไปแค่ 30 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีอารมณ์สุนทรีย์ในการชมธรรมชาติมากขึ้น ได้มองป่าชัดขึ้น                 เมื่อมาถึงที่ขึ้นเรือครบทุกคน ครูบ้านนอกก็ขึ้นเรือเพื่อกลับไปท่าเรือแม่สามแลบอีกครั้ง ผ่านไปสักพักก็ถึงท่าเรือซะแล้ว ทำไมรู้สึกว่าขากลับมันเร็วกว่าขามายังไงก็ไม่รู้ จากนั้นก็ขึ้นรถเหลืองเพื่อกลับเข้าเมือง แล้วไปส่งครูบ้านนอกทุกคนตามบริษัทรถทัวร์ที่ได้จองกันไว้ ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายกันจริงๆแล้ว ได้เจอครั้งนี้ไม่รู้จะมีโอกาสได้เจออีกครั้งไหม แต่ก็ยังโชคดีที่ได้เจอกันสักครั้ง            สำหรับ4วันกับบ้านปู่ทาและครูบ้านนอกทุกคน ขอบคุณมากๆที่มาร่วมกันใช้เวลาสั้นๆในการสร้างความทรงจำดีๆให้เกิดขึ้น เป็นการมาชาร์จพลังให้ตัวเองได้กลับไปใช้ชีวิตให้มีความสุขมากขึ้น ขอบคุณที่พาตัวเองมา ขอบคุณครูบ้านนอกที่มาเป็นเพื่อน ขอบคุณคณะครูบ้านนอกที่จัดกิจกรรมนี้ ขอบคุณสถานที่พักพิงและผู้คนที่บ้านปู่ทาทั้ง4วัน และขอบคุณความไร้สัญญาณโทรศัพท์และสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ทำให้มีเวลาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์มากขึ้น           สถานีต่อไปคือขึ้นรถบัสจากแม่สะเรียงกลับเข้ากรุงเทพฯกันต่อ  ใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมง ระหว่างทางก็มีหลับๆตื่นๆ มันหลับไม่สบายอยู่แล้วด้วยพื้นที่จำกัด และหลับบนรถที่กำลังเดินทางอย่างนี้ก็รู้สึกเสียวๆได้ มีจอดแวะซื้อของฝากและให้เข้าห้องน้ำ จากนั้นสักพักก็ออกเดินทางกันต่อและหลับยาวๆจนมาถึงกรุงเทพฯวันสุดท้าย             วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเดินทาง คนอื่นอาจจะถึงบ้านกันเรียบร้อยแล้ว หรือบางคนอาจจะเข้าทำงานโดยไม่พักเลยด้วยซ้ำ ส่วนตัวเรานั้นต้องรอรถเมล์เพื่อไปสนามบินดอนเมืองต่อไป เพื่อกลับหาดใหญ่ กลับไปยังที่ๆเรามานั่นเอง เครื่องออกตอนเที่ยงเลยทำให้มีเวลาชิลล์ได้ แต่ก็ไม่มีอารมณ์ รู้สึกอยากนอนมากกว่า จึงหาสักมุมตั้งหัวไปหลายชั่วโมง ถามว่าหลับไปได้ยังไงคนพลุ่งพล่านขนาดนั้น ไม่รู้กันแต่หลับจริงๆ เมื่อเต็มอิ่มกับการนอนก็รู้สึกเบื่อ เลยหยิบหนังสือที่หิ้วมาด้วย มีหนังสือเป็นเพื่อนสักพักจนถึงเวลาขึ้นเครื่อง              ขณะที่อยู่ขึ้นเครื่องก็หลับตลอดทางเช่นกัน มารู้สึกตัวตอนที่พนักงานแจ้งว่าเครื่องกำลังจะลงจอดแล้ว นอนได้จุใจจริง และสุดท้ายก็มาถึงหาดใหญ่บ้านเราโดยสวัสดิภาพ จบไปแล้วกับการเดินทางครั้งนี้ ช่วงเวลาสั้นๆแต่จดจำกันยาวนาน มันดีมากๆเลย ลองหาสักที่ที่อยากไป กับช่วงเวลาที่เอื้ออำนวยไปชาร์จพลังให้ตัวเอง ไปเป็นผู้ให้ แล้วเราก็จะเป็นผู้รับโดยอัตโนมัติเช่นกัน การเดินทาง การพบปะผู้คน การเรียนรู้สิ่งใหม่มันจะทำให้เราโตขึ้นไปอีกขั้น และได้กลับมาใช้ชีวิตที่มีอย่างมีความสุขมากขึ้น 

ถนนของคนบ้านนอก! : Buriram Walking Street
อ่าน

ถนนของคนบ้านนอก! : Buriram Walking Street

               ถ้าพูดถึงจังหวัดบุรีรัมย์หลายคนต้องนึกถึง เมืองลูกหลานของรัชกาลที่ 1 เมืองแห่งวัฒนธรรม การกีฬา อารยธรรม และประวัติศาสตร์ ดังคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า " เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม เลิศล้ำเมืองกีฬา " นอกจากนี้เมืองบุรีรัมย์ยังมีสถานที่อีกเยอะแยะมากมาย ที่หลานคยอาจรู้จักหนึ่งในนั้นคือ "ถนนคนเดินเซราะกราว"                วันนี้จัตวาจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ "ถนนของคนบ้านนอก (ถนนคนเดินเซราะกราว)" ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร มีอัตลักษณ์อะไรที่โดดเด่น และมีอะไรบ้างภายในตลาดคนเดินแห่งนี้ ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลย....                                                          ภาพจาก :https://www.thaihealth.or.th                 ถนนเซราะกราว หรือ เซราะกราว วอล์คกิ้ง สตรีท เปิดตลาดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2557 และได้เข้าร่วม ตลาดต้องชม เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2558  รวมระยะเวลาตั้งแต่เปิดตลาดมาเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว                  สำหรับคำว่า "เซราะกราว" เป็นภาษาถิ่นของพี่น้องชาวบุรีรัมย์ หมายถึง "คนบ้านนอก" ตลาดถนนคนเดินเซาะกราว จึงแปลว่า ถนนคนบ้านนอก!                    ต่อไปเรามาดูกันเลย......ว่า อัตลักษณ์ของถนนคนเดินเซราะกราวเป็นอย่างไร สำหรับความเป็นอัตลักษณ์ของถนนคนเดินที่นี่คือ แม่ค้าแม่ขายส่วนใหญ่เป็นชาวบ้าน หรือการรวมกลุ่มทางชุมชนที่ช่วยกันผลิตสินค้าพื้นบ้าน เช่น เสื้อผ้า อาหาร จากวัฒนธรรมและภูมิปัญญาแต่ละท้องถิ่นอำเภอของชาวบุรีรัมย์นำมาเผยแพร่ให้ผู้คนได้เลือกซื้อเลืกชมกันอย่างมากมาย มีเวทีสำหรับใช้ในการจัดกิจกรรมการแสดงศิลปะวัฒนธรรม ลานเซราะกราว และกิจกรรมอีกมากมายภายในตลาดถนนคนเดินแห่งนี้   และต่อจากนี้ไป....จัตวาจะพาไปชมตัวอย่างประเภทของสินค้า และกิจกรรมต่างๆภายในถนนคนเดินเซราะกราว                      สำหรับผลิตภัณฑ์สิ้นค้าอย่างแรกที่จะพามาชมก็คือ ผ้าภูอัคนี หรือ ผ้าย้อมดินภูเขาไฟ ภูมิปัญญาของชาวบ้านเจริญสุข โดยการนำดินจากภูเขาไฟเขาพระอังคาร 1ใ น 6 ภูเขาไฟในจังหวัดบุรีรัมย์ที่ดับสนิทแล้ว นำมาย้อมผ้าฝ้ายหรือผ้าไหมแล้วนำมาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าลวดลายต่างๆ                     ต่อมาขาดไม่ได้เลยคือ ผ้าซิ่นตีนแดง เอกลักษณ์ของชาวบุรีรัมย์ ภูมิปัญญาของชาวอำเภอพุทไธสง เป็นการทอผ้าไหมที่ในส่วนหัวและตีนของผ้าซิ่นเป็นสีแดง พร้อมใส่สีสันลวดลายเพื่อความสวยงามแบบร่วมสมัย                                          ในส่วนของ ตลาดสีเขียว เป็นผักที่ปลูกขึ้นเองขายเองและปลอดสารพิษตามวิถีของเศรษฐกิจพอเพียง                                     รองเท้านวดฝ่าเท้า ทำจากต้นกกเบาสวมใส่สบาย ของชาวเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ (ราคาถูกด้วยนะ 100.-  เอง)                                        อาหาร ร้านขายอาหารมีให้เลือกหลายประเภทเลยนะ ทั้งส้มตำ ซูชิ สลัด ข้าวแกง บลาๆๆ (แซ่บทุกร้าน)                                                                      หลังจากที่เลือกซื้ออาหารเสร็จ มีที่นั่งทานอาหารข้างริมคูเมืองโบราณลูกที่ 1 (บรรยากาศดีมากก)                                                                       กิจกรรมการวาดภาพ มีทั้งขาวดำและสีฝุ่น รับรองความสวย                                                                        เวทีสำหรับเผยแพร่ศิลปะวัฒนธรรมและความสามารถต่าง ๆ                                       ลานเซราะกราว สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ แต่ผู้คนส่วนมากมาใช้ในการออกกำลังกายอย่างเช่น เต้นแอโรบิก                          เป็นยังไงกันบ้างครับ กับจัตวาพาชมมีสินค้าและกิจกรรมต่าง ๆ มากมายความยาวถนนคนเดินเซราะกราว ยาวเกือบ 1 กิโล บูธขายสินค้ากว่า 359 บูธ รับรองว่าต้องได้ ช้อป ชม ชิม กันอย่างจุใจแน่นอนครับ สุดท้ายนี้ถ้ามีโอกาศก็อย่าลืมมาช้อป ชม ชิม "ที่ถนนของคนบ้านนอก(ถนนเซราะกราว)"กันนะครับ......                       สำหับที่ตั้งของตลาดนะครับ               อยู่ที่: ถนนรมย์บุรี ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์              เวลาเปิด-ปิด: ทุกเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ 16.00 น. เป็นต้นไป              โทร: 0933834559      

โดนลวนลามถึงหน้าเวที! แอน อรดี ชีวิตเด็กบ้านนอก สู่หมอลำเน็ตไอดอลชื่อดัง แต่ทุกการเดินทางไม่สวยหรู (มีคลิป)
อ่าน

โดนลวนลามถึงหน้าเวที! แอน อรดี ชีวิตเด็กบ้านนอก สู่หมอลำเน็ตไอดอลชื่อดัง แต่ทุกการเดินทางไม่สวยหรู (มีคลิป)

แอน อรดี ราชินีหมอลำเลือดใหม่ ที่วันนี้จะมาเปิดเผยเส้นทางจากเด็กบ้านนอก สู่หมอลำเน็ตไอด้อลสาว เจ้าของเพลงดังกว่า 6 ล้านวิว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี หนิง ปณิตา, ใบเฟิร์น พัสกร และอาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ แถมตอนนี้ยังโดนพิษโควิดกระหน่ำรายได้หลักเสียหายหลายแสน และเจ้าตัวยังบอกอีกว่าชีวิตนี้เคยเกือบไม่ได้เป็นนักร้องมาแล้วหลายครั้ง พร้อมเผยเหตุระทึกโดนแฟนคลับลวนลามถึงหน้าเวที เราได้รับผลกระทบจากโควิดยังไงบ้าง?แอน : เต็มๆ เลย จริงๆ เรามีงานแสดงทุกคืน เดินทางไปหลายจังหวัดในภาคอีสาน แล้วก็มีมาทางกรุงเทพฯ และปริมณฑลบ้าง ทัวร์ต้องหยุดชะงักไปเลย?แอน : หยุดเลย จะบอกว่ารายได้หลักของแอนมาจากการแสดงหมอลำ คือตอนนี้ก็หายไปเลย รู้สึกยังไงบ้างที่กระแสตอบรับดีขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพลงขึ้นท็อป3 เรื่องเสื้อผ้า ความสวย ความงาม เรียกว่าเป็นที่ถูกจับตามอง มาแรงมากๆ ตอนนี้?แอน : มันมาเกินฝันจริงๆ แล้วดีใจมากๆ ที่แฟนคลับ แฟนเพลง แฟนหมอลำให้การตอบรับมากยิ่งขึ้น แล้วจริงๆ เราเหมือนเป็นวัยรุ่นยุคใหม่ที่ทำให้หมอเข้าไปในทุกอายุ ทุกช่วงของคนได้มากขึ้น ส่วนมากหมอลำสมัยเก่า เหมือเป็นรุ่นคุณพ่อ คุณแม่ คุณป้า คุณยาย ไปดู ทุกวันนี้ก็ทำให้วัยรุ่นหันกลับมาอนุรักษ์มากขึ้น อะไรที่มีความแตกต่างระหว่างหมอลำยุคเก่ากับยุคใหม่?แอน : สำหรับหนูเอง หนูว่าเกี่ยวเนื่องกับการแต่งตัว ปรับให้เข้ากับยุคสมัย เหมือนของหนู ปกติหมอลำไม่มีการจำกัดความว่าต้องแต่งแบบนี้นะ เราก็เลยลองเอามาปรับดูได้ไหมนิดนึง จากที่ปกติอาจจะแต่งหน้าเข้มๆ เหมือนแบบบล็อกตาสีดำเหมือนนางงาม หลังๆ มาหนูก็ดูพี่ๆ นักแสดงเป็นไอด้อล เราก็ปรับให้มันทันสมัยมากขึ้น ตอนนี้ยอดวิว แว๊บแว๊บ เท่าไหร่แล้ว?แอน : ตอนนี้อยู่ที่ 6 ล้านวิว คืนๆ นึงเวลาเราออกคอนเสิร์ตทั้งหลาย ทิปคือเยอะมากๆ จากแฟนคลับ จากคนดู?แอน : ใช่ค่ะ จริงๆ แล้ว หนูไม่ได้มีพ่อยก แม่ยก อะไรเลย ของแอนส่วนมากจะเป็นแฟนคลับขาจรซะมากกว่า หนูไม่รู้ว่าวันนี้ใครจะมาดูบ้าง หนูไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร อยู่ดีๆ ก็เอาเงินมาให้หน้าเวที ตอนนี้อายุ 29 แต่เป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว?แอน : ใช่แล้ว เราดูแลทุกอย่าง ภาระ หนี้สินทุกอย่าง จากที่แต่ก่อนไม่ได้มาดูแลจุดนี้ แต่คุณตาเสีย เหลือคุณยายกับคุณแม่ แม่ก็ต้องดูแลยาย ก็เลยกลายเป็นเราที่ต้องเข้าไป จากเดิมที่เราไม่ได้รับผิดชอบตรงนี้ พอมารับผิดชอบมันท้อ มันเหนื่อยไหม?แอน : เหนื่อย แต่เวลาที่เห็นครอบครัวมีความสุข มีรอยยิ้มมันจะหายเหนื่อยไปเลย มันจะทำให้เรารู้สึกว่ามันคุ้มกับการที่เราเหนื่อยมาเลย ก่อนหน้านี้ไม่ได้สนิทกับคุณแม่ เพิ่งจะมาสนิทกันช่วงหลัง มันเกิดอะไรขึ้น?แอน : คือหนูจะห่างจากบ้านมาตั้งแต่เด็ก เพราะว่ามีโอกาสได้ไปฝึกร้องเพลงกับค่ายเพลง กับทางผู้จัดการ ต่างอำเภอ ต่างจังหวัดบ้าง คุณแม่ก็จะค้าขายอาหาร เขาก็จะไม่ค่อยมีเวลาดูแลเรา ก็ไม่มีเวลาคุยกันเลย หนูก็จะรับผิดชอบตัวเองมากกว่า ถึงขนาดแอบน้อยใจ แอบไปร้องไห้คนเดียวด้วย?แอน : ใช่ค่ะ คือเราเห็นเพื่อนเรา เห็นคนอื่น คือบางทีเราก็อยากกอดแม่ กอดคุณพ่อ กอดคุณแม่อะไรอย่างนี้ แต่บางทีเราหันไปก็ไม่เจอ ก็จะน้อยใจ แล้วเราได้สื่อสาร โทรไปไหมว่าเรารู้สึกแบบนี้?แอน : ช่วงนั่นหนูไม่มีโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ ก็จะมียืมโทรศัพท์ผู้จัดการมาบ้าง แต่ก็จะไม่กล้ายืมบ่อยเท่าไหร่ คุณแม่ได้บอกเหตุผลไหม ว่าแม่ต้องทำงานนะ เข้าใจแม่หน่อย มีการพูดคุยกันไหม?แอน : ช่วงนั้นเขาจะไม่ค่อยพูด แต่เราก็รู้อยู่แล้วว่าทำอะไร เขาก็ค้าขาย เห็นว่าเรายังสร้างรายได้ให้กับครอบครัวหลักแสนเลย?แอน : หลักแสนก็จะเป็นหมอลำจะมีการเปิด ปิด ฤดูกาล แฟนคลับก็จะมาหาแอน มาลัยก็หลักแสน อันนี้หนูเป็นผู้หญิงนะ ถ้าเป็นพระเอกแสนกว่าๆ เกือบสองแสนก็มี ทำไมเราถึงเลือกอาชีพหมอลำ มันมีจุดเริ่มยังไง?แอน : จุดเริ่มต้นมาจากต้องการหาเงิน เพราะว่าคุณพ่อ คุณแม่จะแยกทางกัน แล้วเรามีน้องชาย 1 คน แล้วน้องก็ยังเรียนอยู่ คือน้องกำลังจะจบ ม.6 คุณแม่ยังไม่ได้จ่ายค่าเทอมน้องเลย แล้วอาจารย์เขาโทรมาบอกว่าถ้าไม่มาจ่ายค่าเทอม เดี๋ยวน้องจะไม่ได้จบพร้อมเพื่อนนะ หนูก็เลยแบบ เหมือนเคยไปอยู่หมอลำแล้วมันได้เงิน เราก็เลยโอเค หมอลำแหละ คงจะเป็นที่เดียวที่เราสามารถใช้ความสามารถของเราได้ แล้วเรารู้ตอนไหนว่าเราเป็นหมอลำได้ ฉันมีความสามารถทางด้านนี้แอน : จริงๆ ไม่รู้ตัว มาของมันเองเหมือนกัน แอนจะถนัดร้องเพลงมากกว่า แล้วแอนก็พยายามปรับประยุกต์ให้มันไปด้วยกันได้ อย่างเราไม่เคยร้องหมอลำ เราก็ฟังเพลงหมอลำมากขึ้น พยายามที่จะใกล้ชิด ซึบซับให้มันมากขึ้น เราเป็นนักร้องแล้วมาเป็นหมอลำเนี่ย ความยาก ง่ายอยู่ตรงไหน?แอน : นาก ง่าย อยู่ที่หนูต้องเข้าไปให้ถึงในจุดของหมอลำ แล้วระหว่างที่เดิน มีจุดที่เรารู้สึกเราแย่ เราท้อ ไม่ไหว มีบ้างไหม?แอน : มีอยู่แล้ว แล้วเราผ่านมาได้ยังไง?แอน : หนูเอาคำที่เขาดูถูกหนูมาพัฒนาตัวเอง เขาบอกว่าร้องเพลงได้แค่นี้จะมาเป็นหมอลำได้ยังไง เนี่ยเหรอที่เขาเรียกว่าหมอลำ คุณทำได้แค่ไหนกัน แล้วคุณจะมาบอกว่าคุณเป็นนางเอกเหรอ มันก็เลยแบบไม่ได้อะ เดี๋ยวหนูทำให้ดู หนูก็เลยพยายามที่จะพัฒนาตัวเอง แล้วก็ฝึกตัวเอง มันอาจจะไม่เป๊ะ ทุกวันนี้ก็ยังไม่เป๊ะ แต่หนูพยายามทำให้มันดีที่สุดอยู่ตลอดเวลา หนูคิดว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะมันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ อึดอัดถึงขั้นอยากจะเลิกเรียนหนังสือแล้วมาฝึกหมอลำให้มันถึงพริก ถึงขิง ขนาดนั้นเลยเหรอ?แอน : หนูรู้ว่าตรงนี้เป็นช่องทางที่เราสามารถหารายได้ได้แล้ว แล้วถ้าเราแบ่งเวลาไปเรียน หนูรู้ว่าหนูไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น หนูก็เลยอยากเต็มที่กับตรงนี้ อีกอย่างคำดูถูกมันก็เยอะเหมือนกัน ไปลาออกกับทางโรงเรียน แต่ครูก็ไม่ยอมให้ออก?แอน : ใช่ค่ะ เขาเป็นห่วง อย่างน้อยเราต้องมีวุฒิ ม.6 หรือ ปริญญาตรี ไหม แต่ ณ ตอนนั้นทุกอย่างมันกดดันไปหมดเลย สุดท้ายกลับไปเรียนไหม?แอน : กลับไป แล้วมีโอกาสได้เรียนมหาวิทยาลัย แต่ด้วยความที่มันเกิดปัญหา คุณพ่อ คุณแม่หย่ากัน หนูก็เลยได้มาหาเงินก่อน คือมันมีทุกปีเลย ปีนึงก็จะมีปัญหาเข้ามา แล้วเราแบบคิดคนเดียว สู้คนเดียวมาตลอด จุดเปลี่ยนอะไรที่ทำให้เราขึ้นมาเป็นดาวเด่น แล้วคนรู้จักว่าคนนี้คือ แอน?แอน : หนูได้มีโอกาสไปอยู่กับคณะนึงคือศิลปินภูไท ช่วงนั้นได้รับโอกาสจากหัวหน้าวง เขาจะทำเรื่อง สังข์ทอง เงาะป่า ซึ่งเขารู้ว่าแอนไม่ถนัดเรื่องรำสักเท่าไหร่ แต่ถนัดเรื่องร้อง เขาก็เลยแต่งเนื้อเรื่องแบบให้มันเข้าถึงง่ายขึ้น แต่งเป็นเพลงคู่มาให้พระเอกกับนางเอกร้อง เพลงคู่เพลงนึงทำให้หนูเป็นที่รู้จักขึ้นมา แต่ช่วงนั้นยังไม่ได้ใช้ชื่อตัวเอง คือด้วยความที่มีปัญหากับค่ายเพลง เพราะว่าเคยไปทำเพลง ใช้ชื่อตัวเองไม่ได้ ก็มาเปลี่ยนเป็นอีกชื่อนึง เพื่อที่จะสามารถขึ้นเวทีได้ คนก็เลยเริ่มรู้จัก ช่วงนั้นก็มีกระแสยูทูบขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าคณะหมอลำไหนๆ ก็ต้องการตัวคุณแอนไปเป็นนางเอกประจำคณะของเขา ตอนนั้นคนแย่งชิงเราหลายคณะไหม?แอน : จริงๆ หนูไม่ได้รู้สึกว่าแย่งชิง คิดว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้หลายๆ คนอยากได้เราไปร่วมงาน?แอน : ถ้าชัดเจนที่สุดที่แอนมอง คือแอนเป็นตัวของตัวเอง แต่หนูเชื่อว่านางเอกทุกคนเขามัเอกลักษณ์ของเขา แต่หนูก็จะมองแปลกจากคนอื่นไปนิดนึง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดีไซซ์ร้อง หรือการรำ จะดื้อนิดหน่อย รวมไปถึงหนูต้องหาเอกลักษณ์ของตัวเองก่อน หนูจะดูเรื่องเสื้อผ้า หน้าผม หนูจะเป็นคนที่ทำการบ้าน จะเรียนผ่านทางไอจีตลอด ตือจะศึกษาว่าเขาแต่งยังไง เพราะว่าเวลาที่ไปงานก็จะทำเองทุกอย่าง เคยโดนลวนลามหน้าเวที เราร้องเพลงอยู่ ไม่รู้ตัวด้วย?แอน : ใช่ ปกติเวทีจะเป็นเรียบๆ เราจะแบบเซลฟี่ด้วย มือนึงจับไมค์ เขามาด้านหลัง แล้วมาจับก้นเรา งัดขึ้นด้วย หนูก็แบบ แต่มันหลุดไม่ได้เพราะเรายังร้องเพลงอยู่ เราเห็นหน้าคนทำไม?แอน : ไม่เห็นค่ะ แล้วเรามีวิธีการในการแก้ปัญหาในครั้งต่อไปยังไง ถ้าเกิดเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก?แอน : ก็ต้องนั่งระวังกว่าเดิม จริงๆ เราต้องดูซ้าย ดูขวาด้วย เหตุการณ์ที่มีคนขึ้นมาลวนลาม หรือวุ่นวายกับเราตอนแสดง เหมือนมีมาตลอดอยู่แล้ว?แอน : ก็มีมาเรื่อยๆ บางทีมาจับมือกับเรา ทีแรกก็ไม่แรง แล้วก็ดึงไป เกือบตกเวทีก็มี มีที่แปลกๆ ที่ไม่เคยเจอไหม?แอน : น่าจะเป็นเคสพี่คนนี้เหมือนโมโหอะไรมา คือวันนั้นหนูก็นั่งถ่ายรูปปกติ สักพักนึงพี่เขาก็ถือกระดาษทิชชู่มา แล้วบอกว่าหน้ามันแล้ว เช็ดหน้าเลย หนูแบบ เขารอหนูนานไม่ได้ถ่ายรูปหรือเปล่า เหมือนเขาเหวี่ยงประมาณนั่นมากกว่า ติดตามชม รายการ คุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.40-14.40 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama กดเลย community แห่งความบันเทิง 📸เมาท์ข่าวดารา กับเจ๊รุงรังขังรวมทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ 🍿ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล 😍ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี

เลย สวย พระอาทิตย์ตกจุดชมวิว  โฮมสเตย์ บ้านไฮตากแลนด์
อ่าน

เลย สวย พระอาทิตย์ตกจุดชมวิว  โฮมสเตย์ บ้านไฮตากแลนด์

เป็นภาพยามเย็น ช่วงพระอาทิตย์ตก ที่จุดชมวิวโฮมสเตย์บ้านไฮตากแลนด์ ซึ่งอยู่บริเวณรอบๆวัดโพธิ์ชัย บ้านไฮตาก ซึ่งจุดชมวิวแห่งนี้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ 180 องศา ซึ่งจุดนี้สามารถมองเห็นพื้นที่ต่างๆ วิวภูเขาของจังหวัดเลย ได้หลายอำเภอ ได้แก่ อำเภอภูเรือ อำเภอด่านซ้าย อำเภอนาแห้ว และอำเภอท่าลี่ และสามารถมองเห็นพื้นที่ที่เป็นภูเขาสูง ในแขวงไชยบุรีของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งในยามเย็น จะเห็นพระอาทิตย์ทอแสงอัสดง ค่อยๆ หมดไป สีสันสวยงาม ซึ่งจุดนี้ ยังสามารถมองเห็นภูเขาแหลมสองลูกตั้งอยู่คู่กัน มองดูคล้ายกับหน้าอกของหญิงสาว ชาวบ้านจึงเรียกว่า “ภูนมสาว”ของ สปป.ลาว นอกจากนี้ จุดชมวิวไฮตากแลนด์ยังสามารถมองเห็นภูหินร่องกล้า ของจังหวัดพิษณุโลก อุทยานแห่งชาติภูสวนทรายอำเภอนาแห้ว และลำน้ำสานด้านล่าง ที่กั้นระหว่างพื้นที่อำเภอด่านซ้ายและอำเภอภูเรือ ลำน้ำเหืองที่กั้นระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อีกด้วย เป็นความงดงามที่ลงตัว อีกแบบในช่วงยามเย็นของทุกวันและในช่วงเช้าก็สามารถดูทะเลหมอก ที่สวยงามอีกด้วย